มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

Share : facebook share line share.png twitter share messenger share

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ



ในประเทศไทยนั้นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีหลากหลายประเภท หลากหลายสาย วันนี้เราจึงมาแนะนำเกี่ยวกับ มวยไทย 5 สาย สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันค่ะ

 

1. มวยลพบุรี

มวยลพบุรีนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคกลาง เอกลักษณ์ของมวยลพบุรี คือ เป็นมวยที่ชกฉลาด มีการรุกรับที่คล่องแคล่วว่องไว ต่อยหมัดตรงแม่นยำ เรียกว่า มวยเกี้ยว หมายถึง มวยที่ใช้ชั้นเชิงเข้าทำคู่ต่อสู้ โดยใช้กลลวงมากมาย เคลื่อนตัวอยู่เสมอ หลอกล่อ หลบหลีกได้ดี สายตาดี รุกรับและออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอกได้อย่างรวดเร็ว สมกับฉายา ฉลาดลพบุรี และ เอกลักษณ์อีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มีการพันมือครึ่งแขน แต่ที่แปลก และ เด่นกว่า มวยไทย ( Muay Thai ) สายอื่น ๆ คือ การพันคาดทับข้อเท้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมวยลพบุรี

 

ในส่วนของกระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรีนั้น พบว่า มีด้วยกัน 16 กระบวนท่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ผสมกลมกลืน จากการหล่อหลอม และ เลียนแบบท่าทาง ของสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง และ ช้าง ที่มีอยู่มากในเมืองลพบุรี และครูมวย นักมวยไทยสายลพบุรีที่ควรรู้จัก ได้แก่ ครูดั้ง ตาแดง, ครูนวล หมื่นมือแม่นหมัด, นายซิว อกเพชร, นายแอ ประจำการ, นายเย็น อบทอง, นายเพิก ฮวบสกุล, นายจันทร์ บัวทอง, นายชาญ ศิวา-รักษ์, นายสมทรง แก้วเกิด และครูประดิษฐ์ เล็กคง ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับได้ว่าเป็น มวยไทยสายลพบุรี เป็นประวัติศาสตร์ของมวยไทย ที่เป็นมวยท้องถิ่นที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรสยาม มีอายุถึง 1,356 ปี มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมาเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี

 

การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรี มีกติกาการชก กำหนด 5 ยก โดยใช้ยกเวียน การหมดยกใช้กะลาเจาะรูใส่ในโหล เมื่อกะลาจมน้ำถือว่าหมดยก การต่อสู้ใช้อวัยวะได้ทุกส่วนของร่างกาย การเปรียบมวยอยู่ที่ความสมัครใจของผู้ชก ไม่เกี่ยงน้ำหนักหรืออายุ การไหว้ครูเหมือนการไหว้ครูสายอื่น ๆ โดยทั่วไป

 

 

 

2. มวยโคราช

มวยโคราชนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคอีสาน เอกลักษณ์ของมวยโคราช คือ สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ สวมมงคลที่ศีรษะขณะชก มีการพันหมัดแบบคาดเชือก ตั้งแต่หมัดขึ้นไปจรดข้อศอก เพราะมวยโคราช เป็นมวยชกหมัดวงกว้างหนักหน่วง ที่เรียกว่า หมัดเหวี่ยงควาย”  สมกับฉายา หมัดหนักโคราชซึ่งการพันเชือกเช่นนี้เพื่อป้องกันการเตะ ต่อยนั่นเอง

 

ในส่วนของกระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายโคราชนั้น พบว่า มีการฝึกตามขั้นตอน และเมื่อเกิดความคล่องแคล่ว จะทำพิธียกครู แล้วให้ย่างสามขุม และ ฝึกท่าอยู่กับที่ 5 ท่า ท่าเคลื่อนที่ 5 ท่า ท่าฝึกลูกไม้แก้ทางมวย 11 ท่า ฝึกท่าแม่ไม้สำคัญ ซึ่งได้แก่ ท่าแม่ไม้ครู 5 ท่า ท่าแม่ไม้สำคัญโบราณ 21 ท่า

 

วิธีจัดการชกมวยโคราช นิยมจัดชกในงานศพที่ลานวัด ในเรื่องของการเปรียบมวย จะให้ทหารตีฆ้องไปตามหมู่บ้าน แล้วร้องบอกให้ทราบโดยทั่วกัน และ เมื่อเปรียบได้แล้วให้นักมวย มาชกประลองฝีมือกันก่อน หากฝีมือทัดเทียมกัน ก็ให้ชกแล้วนัดวันมาชก ซึ่งในการเปรียบมวยโคราช ไม่มีกฎกติกาที่แน่นอน หากพอใจก็ชกกันได้ ส่วนรางวัลการแข่งขัน จะเป็นสิ่งของเงินทอง แต่หากเป็นการชกหน้าพระที่นั่ง รางวัลที่ได้รับจะเป็นหัวเสือและสร้อยเงิน

 

ในสมัยรัชกาลที่ 56 มวยไทยโคราช เป็นช่วงที่มวยคาดเชือกรุ่งเรือง มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ นักมวยฝีมือดี ได้แก่ นายแดง ไทยประเสริฐ หรือ หมื่นชงัดเชิงชก”, ครูบัว  นิลอาชา ( วัดอิ่ม ), นายทับ จำเกาะ, นายยัง หาญทะเล, นายตู้ ไทยประเสริฐ, นายพูน  ศักดา เป็นต้น

 

          

 

3. มวยไชยา

มวยไชยานั้น ถือเป็นมวยไทยภาคใต้ เป็นศิลปะมวยประจำถิ่นอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เอกลักษณ์ของมวยไชยา มีอยู่ 7 ด้าน การตั้งท่ามวย หรือ การจดมวย ท่าครู หรือ ท่าย่างสามขุม การไหว้ครูร่ายรำ การพันมือแบบคาดเชือก การแต่งกาย การฝึกซ้อมมวยไชยา และ แม่ไม้มวยไชยา

 

 

กระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา มีทั้งหมด 5 ชุด คือ แม่ไม้มวยไทยไชยา 7 ท่า ได้แก่ ปั้นหมัด พันแขน พันหมัด กระโดดตบศอก พันหมัดพลิกเหลี่ยม เต้นแร้งเต้นกา ย่างสามขุม ท่าที่สำคัญคือท่า เสือลากหาง เคล็ดมวยไชยาการป้องกันตัว และจะเป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ ป้อง ปัด ปิด เปิด และนอกจากการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แล้วยังมีวิชาการต่อสู้เช่น การ ทุ่ม ทับ จับ หัก อีกด้วย ซึ่งสมกับฉายา ท่าดีไชยา นั่นเอง และ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา จะคาดเชือกแค่ข้อมือเท่านั้น

 

 

 

4. มวยท่าเสา และ พระยาพิชัย

มวยท่าเสา ถือเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) ภาคเหนือ แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ากำเนิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นครูมวยคนแรก แต่จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ทำให้ทราบว่า ครูมวยไทยสายท่าเสา ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ครูเมฆ เอกลักษณ์ของมวยท่าเสา คือ การจดมวยกว้าง และ ให้น้ำหนักตัวไปทางด้านหลัง เท้าหน้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ทำให้ออกมวยได้ไกล รวดเร็ว และ รุนแรง สมกับฉายา ไวกว่าท่าเสา ส่วนกลยุทธ์มวยพระยาพิชัยดาบหัก เป็นทั้งมวยอ่อน และ แข็ง สามารถรุกรับตามสถานการณ์ รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง และ คู่ต่อสู้

 

ครูมวยท่าเสา ที่มีความสามารถ ได้แก่ ครูเมฆ, นายทองดี ฟันขาว, ครูเอี่ยม, ครูเอม, ครูอัด คงเกตุ, ครูโต๊ะ, ครูโพล้ง, ครูฤทธิ์, ครูแพ, ครูพลอย, นายประพันธ์ เลี้ยงประเสริฐ, นายเต่า คำฮ่อ ( เชียงใหม่ ) และ นายศรี ชัยมงคล

 

กระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัยนั้น พบว่า มีกระบวนท่าการชก 15 ไม้ การเตะ 10 ไม้ การถีบ 10 ไม้ การตีเข่า 10 ไม้ และการศอก 10 ไม้ ส่วนในเรื่องของระเบียบประเพณีของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัย ต้องมีการขึ้นครูหรือยกครู การไหว้ครูประจำปี การครอบครู และการรำไหว้ครูก่อนชก

 

เมื่อครูที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย เริ่มถึงแก่กรรม ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา ได้ลดบทบาทลง และ มีมวยสายอื่น ๆ เข้ามามากขึ้น มวยไทยสายครูเมฆแห่งท่าเสา เริ่มถูกลบเลือนไป เอกลักษณ์ของมวยสายท่าเสา อาจจะสูญสิ้นไป หากไม่มีการอนุรักษ์มวย ลาวแกมไทย ตีนไวเหมือนหมา เอาไว้

 

 

 

5. มวยพลศึกษา

มวยพลศึกษา ได้ก่อกำเนิดมาพร้อมกับ การจัดตั้งสามัคยาจารย์สมาคม เพื่อจัดเป็นสถานที่การออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และ ได้มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปรมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชา มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา ที่มีชื่อเสียงคือ อาจารย์สุนทร ทวีสิทธิ์ หรือ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญหมัด ซึ่งศึกษามาจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ซึ่งได้ทรงศึกษาการชกมวยสากล ของประเทศไทย จนได้ชื่อว่าเป็นบิดามวยสากลของประเทศไทย นอกจากหมัดแล้วยังเน้นความเร็ว จังหวะเข้า- ออกที่คล่องแคล่วว่องไว เรียกได้ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา เป็นมวยครบเครื่อง สมกับฉายา ครบเครื่องพลศึกษา

 

เอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา พบว่า มีทั้งหมด 3 ด้าน คือ เอกลักษณ์ด้านการแต่งกาย เอกลักษณ์ด้านการไหว้ครู และ ร่ายรำมวยไทย เอกลักษณ์ด้านการเรียนการสอน ส่วนในเรื่องของกระบวนท่า ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา จะประกอบไปด้วย กลวิธีการใช้หมัด กลวิธีการใช้เท้า กลวิธีการใช้เข่า กลวิธีการใช้ศอก แม่ไม้มวยไทย และลูกไม้มวยไทย ในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทย จะมีพิธีการขึ้นครูหรือการยกครู พิธีการไหว้ครู และ เครื่องดนตรีประกอบ

 

ด้วยความที่มวยไทย ( Muay Thai ) สืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 สาย คือ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา มวยไทย ( Muay Thai ) สายโคราช มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรี มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัย และ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา แต่ละสายมีทั้งเอกลักษณ์ กระบวนท่า ระเบียบประเพณี และ วัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การรักษาสืบไว้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )



บทความที่น่าสนใจ

เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย
คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ