บทความ


ระเบิดอารมณ์ ผ่อนคลาย ระบาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ระเบิดอารมณ์ ผ่อนคลาย ระบาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

หากเพื่อน ๆ กำลังเครียดอยู่ หรือมีเรื่องที่กำลังไม่สบายใจ แล้วอยากหาทางออก เรามีหนึ่งวิธี ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ผ่อนคลาย และได้ระบายอารมณ์ออกมา นั่นคือ ระเบิดอารมณ์ ผ่อนคลาย ระบาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ

 

 

หากในวันนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ต้องเจอปัญหาต่าง ๆ มาสารพัดมากมาย จนทำให้คุณรู้สึก หงุดหงิด หรือว่า คุณต้องการอยากระบายอารมณ์ออกมา บอกเลยว่า การชกมวย หรือ มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยคลายเครียด ได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) คลายเครียด ได้อย่างดี จริงไหม?

อย่างเช่น การชกกระสอบทราย ระบายอารมณ์ ออกมาบ้าง จะทำให้ สารอะดรีนาลีน รวมทั้ง ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่หลั่งออกมา ระหว่างการที่ใช้แรง ส่งผลให้ร่างกาย และ สมอง ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะฉะนั้น การชกมวย จึงเป็นการระบาย ความเครียด ความหงุดหงิด ที่ได้ผล และดีต่อทั้งสุขภาพกาย รวมไปถึงสุขภาพจิต ร่างกายยังหลั่งตัว สารเอ็นดอฟิน ที่สามารถช่วยให้ มีความสุขขึ้นด้วย

 

อีกทั้งในเรื่องของ การชกมวย หรือ มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็น อีกทางเลือกหนึ่ง ในการบำบัด อาการซึมเศร้า นั่นเพราะ การชกมวย เป็นการสร้าง ความมั่นใจ และความภาคภูมิใจมากมายในตนเอง อีกทั้งก็ยังเป็นการปลดปล่อย อารมณ์ ทั้งหลาย อยางเช่น ระบายความหงุดหงิด ความโกรธ และ ความเศร้า ช่วยทำให้ค่อย ๆ มีสุขภาพจิต ที่มันดีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยค่ะ

 

สำหรับบทความนี้ ทางเราก็มีท่า ต่อยมวย ที่ทำได้ง่าย ๆ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) มาฝากทุกคนด้วย!!

 

1. ท่าเตะ โดยวิธีก็คือ ก้าวขาข้างหนึ่ง ออกไปด้านหลัง จากนั้น ออกแรงเกรงขา เตะไปที่กระสอบทราย ท่านี้ทำสลับซ้าย - ขวา นอกจากนี้ สาว ๆ ยังสามารถใช้ เข่าแทง ไปที่กระสอบทรายได้เช่นกัน หรือ จะใช้เท้าถีบออกก็ได้ เมื่อฝึกบ่อย ๆ จนชำนาญแล้ว พยายามถีบ ให้สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

 

2. ท่าศอก ท่านี้ จะเป็นการใช้ศอก เหวี่ยงไปข้างหน้า เพื่อเป็นการป้องกันคู่ต่อสู้ เมื่อฝึกจนชำนาญ สามารถเพิ่มความท้าทาย ให้กับตัวเอง ด้วยที่การทำท่าศอก ร่วมกับ ท่าเตะ แบบเป็นเซ็ตดูค่ะ

 

3. ต่อยแย็บ ท่านี้นั้นเป็นการต่อยหมัด ออกไปที่กระสอบทราย และดึงหมัด กลับเข้ามาด้วยความเร็ว การสวิงน้ำหนัก ส่งไปข้างหน้า ทำให้ขาข้างใดข้างหนึ่ง ต้องก้าวออกไปข้างหน้า เพื่อน ๆ อย่าลืม สลับข้างต่อย เพื่อทำให้แขน และขา ทั้งสองข้าง ได้ทำงานเท่ากัน ระวังกล้ามโต แค่ข้างเดียวนะคะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ประโยชน์ที่ดี อะไรกับเราอีกบ้างนะ?

 

1. มวยไทย ช่วยในเรื่องสมาธิ และช่วยลดความเครียด สร้างความสุข โดยที่การออกกำลังกาย ดด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้ร่างกาย หลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้เรารู้สึกดี และมีความสุขมากขึ้นค่ะ

 

2. สร้างหุ่น ที่ฟิต & เฟิร์มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณอยากมีซิกแพค ก็สามารถเริ่มที่ ต่อยมวย ได้เช่นกัน เพราะ การชกมวย ต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรง ส่งให้ออกหมัด ได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงาน ได้อย่างดี มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้นด้วย เมื่อช่วงบริเวณแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และช่วยสร้างกล้ามท้องได้นั่นเองค่ะ

 

3. ช่วยเบิร์นไขมัน ได้มากกว่าที่คิด มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training หรือ การออกกำลังกาย แบบความเข้มข้นสูง ที่ช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว รวมทั้ง มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อเรานำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือ การปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงาน ได้มากมายกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง ช่วยสามารถเบิร์นไขมัน ได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที

 

4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือด

มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้เรา มีปอดที่ใหญ่ขึ้น ปอดขยายออกได้มากขึ้น สามารถกระตุ้น การทำงานของหัวใจ และ หลอดเลือดได้ดี ส่งผลให้ระบบของการไหลเวียนโลหิต ทั่วทั้งร่างกายเป็นไปได้ อย่างดี มีประสิทธิภาพค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เรียกได้ว่า ให้ประโยชน์แบบจัดเต็มมากขนาดนี้ ผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ ได้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เราก็มาเริ่ม ต่อยมวย กันเลยดีกว่าค่ะ สนใจเรียน มวยไทย คลิก https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

อาการแบบไหน ถึงบ่งบอกว่า คุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย??

ก่อนขึ้นชก มวยไทย ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างไร

อาการแบบไหน ถึงบ่งบอกว่า คุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย??

อาการแบบไหน ถึงบ่งบอกว่า คุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย??

สงสัยไหมคะ ว่าจริง ๆ แล้ว อาการแบบไหน ถึงบ่งบอกว่า คุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย?? หากคุณออกกำลังกายมานาน แต่ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ หรือพอมา ชกมวย แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บ และอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แบบนี้หรือเปล่า ที่ต้องมีคนเข้ามาคอยเข้ามาควบคุมดูแล ให้เราสำเร็จได้เร็วขึ้น

 

เทรนเนอร์ส่วนตัว ( Personal Trainer ) นั้นคืออะไร?

Personal Trainer (PT) หรือ เทรนเนอร์ส่วนตัว คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการออกกำลังกาย บางคนก็อาจจบวิทยาศาสตร์การกีฬามาโดยตรง หรือ จบหลักสูตร อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย และโภชนาการโดยเฉพาะ เทรนเนอร์เหล่านี้ จะมาเป็นผู้ที่ช่วยดูแล เรื่องการออกกำลังกายของลูกค้า รวมไปถึง คนเหล่านี้พวกเขาให้คำแนะนำ ด้านโภชนาการ เพื่อช่วยทำให้ลูกค้า บรรลุเป้าหมายทาง ทางด้านการออกกำลังกาย ตามที่ได้วางแผนเอาไว้ในเวลาที่กำหนด

 

เทรนเนอร์ส่วนตัว ( Personal Trainer ) ช่วยเราดูแลอะไรบ้าง??

- ท่าทาง การจัดท่าทางให้ถูกต้อง จะช่วยลดความเครียด และอาการปวดต่าง ๆ บนร่างกายของคุณ คุณจะสามารถทำได้ดีขึ้น เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และมีอาการล้าน้อยลง

- การเคลื่อนที่ที่ดีและถูกต้อง ช่วยทำให้คุณขยับร่างกาย ได้ดีตามที่ควรจะเป็น โดยไร้ความเจ็บปวด และสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว สะดวกทุกท่วงท่า

- แกนกลางลำตัว เป็นส่วนสำคัญ ของการเคลื่อนไหว เกือบทุก ๆ รูปแบบ กล้ามเนื้อแกนกลาง ที่แข็งแรง ทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นคง ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกาย ได้ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

- ความแข็งแรง ความฟิตแข็งแกร่งที่ได้ มาจากการออกกำลังกาย เสริมความแข็งแรง สามารถช่วยคุณให้พัฒนากระดูก สร้างเสริมสมรรถณะ จัดการเรื่องน้ำหนัก และยังช่วยทำให้คุณสามารถทำกิจกรรม ในชีวิตประจำวันได้ดี และง่ายมากขึ้นอีกด้วย

- บริหารหัวใจ สำหรับการบริหารหัวใจของคุณนั้น ก็สามารถพัฒนาในเรื่องความอึด ถึก มั่นคง และความทนทาน คุณจะสามารถทำงาน ได้หนักมากขึ้น นานมากขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้อย่างมากขึ้น

 

เรามาดูกันค่ะ ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราจำเป็นจะต้องมีเทรนเนอร์ หรือ เทรนเนอร์ส่วนตัว ( Personal Trainer )  ในการเข้ามาดูแลการออกกำลังกายของเรา หรือไม่

 

1. คุณไม่สามารถจัดการเวลาของตัวเองคุณได้

หลาย ๆ คน ที่ชอบพูด ชอบอ้างว่า ไม่มีเวลา เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถจัดการ และแบ่งเวลาได้แค่ไหน ให้ความสำคัญกับอะไรก่อน หรือหลัง ต้องรู้จักวางแผนให้ได้ แน่นอนว่า น้อยคน ที่จะให้ความสำคัญ กับการออกกำลังกาย หากว่ามีชีวิตงาน และส่วนตัว ที่วุ่นวายมากเกินไป ถ้าหากว่าเรามีใครสักคน หรือเทรนเนอร์ ที่ช่วยจัดการเรื่องเวลา คำปรึกษา จัดตารางต่าง ๆ ให้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากจะได้ตารางการชกมวยที่ดี และเหมาะสมในการออกกำลังกายแล้ว ก็จะทำให้เวลาชีวิตของเราง่ายขึ้น และได้สุขภาพแข็งแรง พร้อมกับหุ่นสวยอีกด้วย

 

2. ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือว่าคุณเจ็บป่วยจากการออกกำลังกาย แต่ก็ไม่เห็นหนทาง ที่คุณต้องการอยากจะบรรลุเอ้าหมายเสียที ซึ่งแม้ว่าพยายามแค่ไหน มันก็ไม่ใกล้สักที จนเริ่มท้อแล้วละก็ คงจะรู้สึกแย่มาก ๆ เลยใช่ไหมคะ อาจจะเพราะ เราไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเลย โดยทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แต่ว่าถ้าสุดท้ายแล้ว พยายามจนสุดทาง ก็ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลง นั่นแหละค่ะ ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่เราควรจำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ ในการเข้ามาดูแล และช่วยเหลือ รวมถึงคำปรึกษา เพื่อให้บรรลุผล ตามที่ตั้งใจไว้ และพบกับการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้น

 

3. หากคุณเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง

สิ่งที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือการผัดวันประกันพรุ่ง ชอบรอ ชอบบอกว่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวค่อยทำ เอาไว้ก่อน ถือเป็นการผ่อนปรนกับตัวเองมากเกินไป แน่ว่าว่า หากเราออกกำลังกาย และควบคุมอาหารด้วยตัวเองคนเดียว ก็อาจจะทำให้ เผลอปล่อยประละเลย จุดประสงค์ที่ต้องการชกมวยนั่นเอง และหากเป็นคน ที่ผ่อนปรนกับตัวเอง ประเภทที่ ทาน ๆ ไปเถอะ มื้อเย็นค่อยลด คำเหล่านี้เอง ที่ทำให้ความตั้งใจทั้งหลาย พังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็น ที่จะต้องมีใครสักคน มาคอยช่วยเหลือ กำชับ หรือเชิงบังคับ ให้คุณชัดเจนว่า เป้าหมายจริง ๆ ของคุณคืออะไร จะได้ถึงเป้าหมายได้อย่างสวยงาม

 

4. คุณได้รับบาดเจ็บ ทุกครั้งที่ออกกำลังกาย

หากออกกำลังกาย มาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ก็ยังมีอาการเจ็บปวด ต่อร่างกาย ที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยังมีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นกับตัวเราบ่อยมากเกินไป อาจจะไปต้องศึกษาหาข้อมูล ก่อนที่จะออกกำลังกายต่อ หรือจะเลือกปรึกษา โดยให้เทรนเนอร์ หรือว่าทาง ผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาดูแล เพราะหากปล่อยไว้ แทนที่เราจะได้สุขภาพ ร่างกายที่แข็งแรง  ก็อาจจะยิ่งแย่ลง เพราะอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ค่ะ การที่มีเทรนเนอร์ คอยให้คำแนะนำ และช่วยดูแลในการออกกำลังกาย ก็จะช่วยทำให้เรา ไปฟิตเนส ออกกำลังกายได้ถูกวิธี และไม่เกิดอาการบาดเจ็บค่ะ

 

หากมีอาการเหล่านี้แล้วล่ะก็ เทรนเนอร์ส่วนตัว ( Personal Trainer ) ก็ถือเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้การชกมวยของเรา ประสบความสำเร็จมากขึ้นค่ะ หากใครต้องการสถานที่ชกมวย จะมาออกกำลังกาย หรือกีฬามวย แบบครบวงจร ต้องที่นี่เลยค่ะ เจริญทอง มวยไทย คลิกลิงก์ https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com เพื่อดูราละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

jrtmt

ฝึกกีฬามวยไทย ได้ประโยชน์อะไรบ้าง

ฝึกกีฬามวยไทย ได้ประโยชน์อะไรบ้าง

การฝึกกีฬามวยไทย ในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สำหรับคนที่ ต้องการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง การฝึกกีฬามวยไทย ได้ประโยชน์อะไรบ้าง และ ส่งผลดี กับร่างกายของเราอย่างไร

กีฬามวยไทย ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ ในรูปแบบหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็น กีฬาประจำชาติ และมีต้นกำเนิด มาจากประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเสียง และโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งค่ายมวยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่ได้เปิดสอน ให้กับชาวต่างชาติ ที่เข้ามาฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ซึ่งคนที่เป็นที่ จุดประกาย ให้ชื่อเสียงของมวยไทย หรือกีฬามวยไทย ได้เป็นที่รู้จัก และน่าจับตามอง นั่นก็คือ จา พนม ที่แสดงใน ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก ที่ทำให้กีฬามวยไทย เป็นกีฬา ที่ใคร ๆ ก็อยากทำความรู้จัก กับศิลปะการต่อสู้นี้ ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นกีฬาการต่อสู้ ที่ได้สร้างความแข็งแกร่ง ให้กับร่างกาย ได้ใช้ทุกส่วนของร่างกาย แล้วก็ยังเป็นอาวุธทั้งหมัด เท้า เข่า และศอก และยังมีส่วนช่วย ในด้านการฝึกฝนจิตใจ ที่ดีอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบัน กีฬามวยไทย ได้ปรับรูปแบบให้ทันสมัย ที่เป็นการออกกำลังกาย ที่มีการเปิดให้เรียน และเทรนนิ่ง กันในหลาย ๆ ฟิตเนส ที่จะช่วยเสริมสร้างความฟิต และลดน้ำหนัก ได้อย่างเห็นผลที่ชัด กีฬามวยไทย ก็ยังให้ประโยชน์ กับร่างกาย ในอีกหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  1. การพัฒนาด้านร่างกาย

มวยไทย มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนา และ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ให้มีความแข็งแรง และ ความอดทน ร่างกายมีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ การทำงาน ของระบบประสาท และ กล้ามเนื้อ เป็นไปอย่างสมดุล นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ดีขึ้นอีกด้วย ได้แก่

  • ทำให้ปอดแข็งแรง อัตราการหายใจต่ำลง

  • ทำให้หัวใจแข็งแรง อัตราการเต้นของหัวใจต่ำลง

  • ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และอดทน รองรับการฝึกกีฬา หรือการทำงานได้นานขึ้น

  • ทำให้ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ทำงานอย่างสอดคล้องกัน จนเกิดเป็นทักษะที่สมบูรณ์

  • ทำให้ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การพัฒนาด้านจิตใจ

มวยไทย มุ่งเน้นให้เกิดสมาธิ จดจ่อในสิ่งที่ทำ มีความอดทน ความพยายาม ในการฝึกหัด มีความตรงต่อเวลา มีความมีน้ำใจ นักกีฬา ให้รู้จักความหมาย และ ความรู้สึก ของการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีความเสียสละ มีความยุติธรรม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การออกกำลังกาย อย่างถูกวิธี ส่งผลให้จิตใจแจ่มใส ช่วยผ่อนคลาย ความวิตกกังวล หรือความเครียด ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังช่วยให้ นอนหลับสบาย นำไปสู่ การเจริญเติบโต ทางด้านร่างกาย และ จิตใจอย่างสมบูรณ์

3. การพัฒนาด้านอารมณ์

มวยไทย จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ ด้านอารมณ์ของตนเอง การตอบสนองทางอารมณ์ เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน และ การควบคุมอารมณ์ อย่างเหมาะสม นำไปสู่การตัดสินใจ อย่างถูกต้อง

4. การพัฒนาด้านสังคม และ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

มวยไทย เป็นการเรียนรู้ ทักษะกิจกรรมทางกาย ที่สร้างความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล ได้เป็นอย่างดี สามารถเรียนรู้ และ แลกเปลี่ยนกลยุทธ์ ร่วมกันได้ ทำให้รู้จักตนเอง และ รู้จักผู้อื่นได้มากขึ้น เรียนรู้ในการเคารพ สิทธิส่วนบุคคล การเคารพกฎกติกา การให้ความร่วมมือ การแสดงบทบาทผู้นำ และผู้ตามที่ดี ความซื่อสัตย์สุจริต การมีคุณธรรมจริยธรรม ความเห็นอกเห็นใจ ความสุภาพอ่อนโยน ภายใต้จิตใจที่เข้มแข็ง สิ่งเหล่านี้ เป็นคุณสมบัติ ที่ควรมี เมื่อต้องดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม และ ต้องใช้เวลา ในการฝึกฝนตนเอง อย่างต่อเนื่อง

5. การพัฒนาด้านสติปัญญา

มวยไทย เป็นกิจกรรม ที่มีความท้าทาย และ สนุกสนาน ในการออกอาวุธ ต้องผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ และ ประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนั้น จึงต้องมีการฝึกฝน วิธีการคิด อย่างถูกต้อง และ สร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ การแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้า ได้อย่างเหมาะสม ผู้ที่ผ่านการฝึกฝน จะมีการทำงาน ของระบบประสาท และสมอง ที่ทำงานอย่างสอดคล้องกัน ทำให้เกิดเป็น ปฏิภาณไหวพริบ ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ นำไปสู่การปรับใช้ ในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

 

การฝึกกีฬามวยไทย เป็นประจำ จะทำให้เรามีพัฒนาการ ทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ที่ดีได้ และ  ยังให้ประโยชน์ ในแง่ของศิลปะป้องกันตัว รวมถึงการลดน้ำหนัก ให้กับผู้ที่ ต้องการลดน้ำหนัก และหากใคร ที่สนใจอยากจะฝึก กีฬามวยไทย เราขอแนะนำ สถานที่ฝึก https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com/  ที่มีอุปกรณ์การฝึก อย่างครบครัน และมีครูมวย คอยให้คำแนะนำ อย่างใกล้ชิด

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม :

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

การบำรุงรักษาอุปกรณ์ กีฬามวยไทย ที่น่ารู้

ก่อนขึ้นชก มวยไทย ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างไร

ก่อนขึ้นชก มวยไทย ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างไร

ก่อนการชกมวย การยืดกล้ามเนื้อ เรามาดูว่า ก่อนขึ้นชก มวยไทย ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างไร เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องทำทุกครั้งก่อนต่อยมวย ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจมีความเสี่ยงต่อ การเกิดอาการบาดเจ็บได้ วันนี้ เรามาลองยืดกล้ามเนื้อแบบใหม่ ๆ ในสไตล์มวยไทยกันบ้างดีกว่าค่ะทุกคน สนุกและปลอดภัยแน่นอน

 

 

ปัญหาที่พบบ่อย ๆ เลย ในการออกกำลังกาย คือ การได้รับบาดเจ็บ จากการออกกำลังกาย เนื่องจาก ไม่ วอร์มอัพ ไม่ยืดกล้ามเนื้อ ไม่คูลดาว์น และออกกำลังกาย ที่ไม่เหมาะสม กับสภาพร่างกายของตัวเอง เช่น การชกมวย ซึ่งบางคน ร่างกายไม่พร้อม แต่ต้องใช้ร่างกายปะทะ อย่างแรงกับเป้า จึงอาจทำให้ ข้อเข่า ข้อเท้า เส้นเอ็น หรือบริเวณ กล้ามเนื้อ เกิดอาการบาดเจ็บได้

 

จะต่อยมวย ไม่ใช่แค่ต่อย เท่านั้น!!

การชกมวย หรือ มวยไทย นั้น เหมาะมาก ๆ สำหรับ คนที่อายุน้อย ๆ แต่ถ้ามีอายุ 30 - 40 ปี ขึ้นไป แม้จะยังรู้สึกว่า ตัวเองยังฟิตอยู่ แต่พอลองของจริง จะรู้ว่า มีแรงกระแทกอย่างมหาศาล ร่างกาย จึงระบม แล้วอาการบาดเจ็บ ตามมามากมาย อาทิ การบาดเจ็บที่หัวเข่า จากการเกิดกระดูกอ่อนช้ำ หรือหมอนรองกระดูกฉีกขาด บางรายถ้าจังหวะไม่ดี ถึงขนาดเอ็นขาด จะฟื้นตัวแล้ว แต่ละครั้งนั้น ก็ยากมากด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือได้ว่า เป็นมากกว่า กีฬาทั่ว ๆ ไป เพราะว่า มวยไทย ยังเป็นศิลปะ การป้องกันตัว ประจำชาติไทย ที่ถือว่า มีประวัติความเป็นมา อันยาวนาน และยังได้รับความนิยม และได้รับยอมรับมากมาย จากนานาประเทศอีกด้วย นั่นเพราะ มวยไทย เป็นกีฬา และศาสตร์การป้องกันตัว ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เฉพาะตัว ซึ่งต้องใช้ความแข็งแรง ของ กล้ามเนื้อ เพื่อผสานกับท่วงท่าต่าง ๆ วันนี้ เรานำท่วงท่า จาก แม่ไม้มวยไทย เพื่อมาประยุกต์ กับการยืดกล้ามเนื้อกันค่ะ

 

ท่ากระโดสูง

ท่านี้ ถ้าหากมองดูผิวเผิน อาจจะเหมือน การกระโดดวอร์มร่างกาย ในตามปกติ แต่จริง ๆ แล้ว เราจะต้องกระโดด ให้เหมือนกับ นักมวย เราก็ต้องเอาต้นขาด้านหน้า และหัวเข่า ออกไปสัมผัส ที่หน้าอก เริ่มจากท่ายืน เตรียมกระโดด หลังจากนั้น ให้กระโดดลอยตัว ให้หน้าขาทั้งสองข้าง ไปแตะกับหน้าอก

- ทำท่า ท่ากระโดสูง นี้ ประมาณ 3 - 5 นาที

- กล้ามเนื้อ ในส่วนที่ได้รับ การยืด : ขาทุก ๆ ส่วน

ประโยชน์ ของ ท่ากระโดสูง ต่อทักษะ มวยไทย : ท่านี้ถือได้ว่า เป็นท่ายืดกล้ามเนื้อ ระดับสูง ก็ควรเริ่มต้น จากการฝึกกระโดดเบา ๆ ไปก่อน หากฝึกบ่อย ๆ แล้ว ก็จะสามารถทำท่านี้ สมบูรณ์ได้ในที่สุด

 

ท่าแทงเข่า

หาบาร์จับ โดย ท่าแทงเข่า นั้นจะต้องจับ ที่ที่มีระดับความสูง พอดีกับหน้าอก ยืดแขนทั้งสองข้าง ให้ตรงไปจับบาร์  ยืดตัวให้ตรง เอนไปด้านหลังเล็กน้อย จากนั้น แทงเข่า ออกไปด้านหน้า ทำสลับซ้าย - ขวา เริ่มจาก จังหวะช้า ๆ แล้วค่อยเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น ๆ ด้วย

- ทำท่านี้ ประมาณ 8 - 10 นาที จนกว่า คุณจะได้เหงื่อ

- กล้ามเนื้อส่วนที่ ได้รับการยืด : กล้ามเนื้อต้นขา, กล้ามเนื้อหน้าท้อง

ประโยชน์ ท่าแทงเข่า ต่อทักษะมวยไทย : ท่าแทงเข่า เป็นท่าออกกำลังกายที่ดี ท่าหนึ่งเลยทีเดียว ควรฝึก ให้มีระดับความเร็ว มากขึ้นเรื่อย ๆ จะให้ความรู้สึก เหมือนกับการวิ่งอยู่กับที่ แต่มีการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้มากกว่า การวิ่ง เลยค่ะ

 

จากที่กล่าวมา หวังว่าจะมีประโยชน์ สำหรับการยืดกล้ามเนื้อ ก่อนขึ้นชกมวยนะคะ นอกจาก การออกกำลังกายแล้ว การรับประทานอาหาร ก็มีส่วนสำคัญ อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยนะคะ

 

หากต้องการสถานที่ออกกำลังกาย หรือมาชกมวย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ขอแนะนำ เจริญทองมวยไทย สนใจเริ่ม เรียนมวยไทย คลิก https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com ได้ทันทีเลยนะคะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

เอกลักษณ์มวยไทย มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้

ทำไมยิมมวยต้องมีเทรนเนอร์ เรียนมวยไทย ได้ทั้งความฟิต และ สุขภาพดี

ทำไมยิมมวยต้องมีเทรนเนอร์ เรียนมวยไทย ได้ทั้งความฟิต และ สุขภาพดี

เรียนมวยไทย เป็นศิลปะ การต่อสู้ ของไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ มาจนถึงปัจจุบัน ถูกนำมาใช้ ในการต่อสู้ของ การชกมวยไทย ที่ได้รับ ความนิยม จากต่างชาติ ความนิยมนี้ จึงสามารถ ทำให้นักชก หลายคน หลังจากแขวนนวมแล้ว ได้ผันตัว เป็นอาจารย์ สอนมวยไทย โดยเฉพาะ สร้างอาชีพที่ดี และ มั่นคง ได้ นอกจากนี้ บางคนยังผันตัว เป็นเทรนเนอร์ รับสอนมวยไทย โดยตรง อีกด้วย 

เรียนมวยไทย กับสิ่งที่ต้องมี 

- ต้องมีวิชาที่ดี วิชามวยไทย ที่ดีต้องมีการถ่ายทอด วิชามวยไทย หรือ ทางมวย จากอาจารย์ สู่ลูกศิษย์ เป็นเชิงมวย ที่สามารถ บ่งบอก เอกลักษณ์ โดยตรงได้ สามารถสู้ ได้อย่างดุดัน แข่งขันกันได้ยอดเยี่ยม 

- ต้องมีสมาธิที่ดี สมาธิที่ดี เป็น ปัจจัยที่สำคัญ ของ การชกมวยไทย ด้วยแรงกดดัน ต่างๆ ระหว่าง การแข่งขัน นักมวย ต้องมีสมาธิ ที่แน่วแน่ ต้องมี สติตลอดเวลา สามารถ หลบหลีก คู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ หากเสียสมาธิ เพียงน้อยนิด อาจทำให้พลาด ท่าชกแพ้ หรือ โดนล็อคได้ สำหรับ มวยไทย จึงต้อง มีการฝึกสมาธิ นั่นเอง

- ต้องมีร่างกายที่ดี การทำให้ ร่างกายที่ดี ได้จาก การฝึกมวยไทย ในปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์ ทางการกีฬา เข้ามาช่วย โดยเฉพาะ โภชนาการ และ เวทเทรนเนอร์ ในส่วนนี้ จึงมี ความสำคัญ ต่อ การสร้างกล้ามเนื้อ และ รูปร่าง ได้เป็นอย่างดี

ทำไมยิมมวย ต้องมีเทรนเนอร์ มีความสำคัญ อย่างไร

Trainer มวยไทย ถือได้ว่ามีความสำคัญ อย่างมาก ปัจจุบันหลายคน เรียนมวยไทย เพื่อต้องการ มีสุขภาพดี ลดน้ำหนัก ให้ร่างกายฟิต หุ่นเฟิร์ม จึงตัดสินใจ เข้าคอร์ส เรียนซึ่งมี เทรนเนอร์ฝึกสอน แบบจริงจัง เพราะ บุคคลเหล่านี้ มีทั้งความรู้ และ ความสามารถ โดยตรง เกี่ยวกับ การสร้างกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย และ การสร้าง โภชนาการที่ดี คอยทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วย ในเรื่อง การออกกำลังกาย และ ให้คำแนะนำ ที่ดีแก่ลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการ ในยิมมวย อีกทั้งยัง สนับสนุน และ ช่วยให้ลูกค้า สามารถ บรรลุเป้าหมาย ตามต้องการ ได้

เทรนเนอร์ ในยิมมวย ช่วยลูกค้า ในเรื่องใดบ้าง

1. การสร้างวินัยที่ดี ช่วยให้ ลูกค้า สร้างตารางเวลา เพื่อกำหนด การออกกำลังกาย ปรับปรุง เปลี่ยนนิสัย ช่วยทำให้ เกิดวินัยที่ดี โดยเฉพาะ การต่อยมวยไทย วินัย เป็นสิ่งที่สำคัญ

2. เป็น ตัวกระตุ้นที่ดี สำหรับ บางคน ยอมควักกระเป๋าตังค์ เพื่อเสียเงิน สมัครเป็นสมาชิก ยิมมวยไทย จึงต้อง มีความแน่วแน่ ในการออกกำลังกาย แลกกับ สุขภาพ ที่ดีขึ้น สังคม อีกรูปแบบ ช่วยเพิ่ม ความสนุกสนาน มากขึ้น 

3. สร้างความปลอดภัยที่ดี เทรนเนอร์ มีวิธีการที่ดี ช่วยให้ลูกค้า สามารถ ออกกำลังกาย ได้อย่างปลอดภัย มีการออกแบบ ท่าออกกำลังกาย จากเบา ไปหาหนัก แล้วใช้ วิชามวยไทย ในการฝึกซ้อม ตั้งแต่ การเตะ การต่อย และ การถีบ เทรนเนอร์ คอยควบคุม การฝึกซ้อม อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ ประสิทธิภาพ และ ความปลอดภัย ที่ดีแก่ลูกค้า ต้องการ การบาดเจ็บ จากการฝึกซ้อม 

4. สร้างเป้าหมายที่ดี เทนเนอร์ ถือได้ว่า มีความสำคัญ ต่อ ความสำเร็จ และ เป้าหมายที่ดี เพราะ เป็นผู้แนะนำ ฝึกสอน ให้แก่ลูกค้า อย่างสม่ำเสมอ ช่วยในเรื่อง การควบคุม อาหาร และ การออกกำลังกาย การฝึกวิชามวยไทย ด้วยความปลอดภัย วางแผน และ โปรแกรมออกกำลังกาย ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้า สามารถ บำรุงเป้าหมายตาม ที่วางไว้ได้

เรียนมวยไทย สามารถฝึกเป็นวิชาต่อสู้และเสริมสร้างกระดูก ลดไขมันได้ดี เพราะมีการออกกำลังกายครบทุกสัดส่วน ที่สำคัญมีเทรนเนอร์ประจำที่คอยแนะนำ ไกด์แนวทางการฝึกซ้อมมวยไทยที่ถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงแนะนำการบริโภคอาหาร ที่สำคัญคือช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการได้ 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : 

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

7 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกมวยไทย

เคล็ดลับการเล่น มวยไทยลดน้ำหนัก เพื่อหุ่นที่ดีของคุณ

เคล็ดลับการเล่น มวยไทยลดน้ำหนัก เพื่อหุ่นที่ดีของคุณ

มวยไทยลดน้ำหนัก ในการแสวงหา กิจวัตรการออกกำลังกาย ที่มีประสิทธิภาพ และ มีส่วนร่วม ผู้คนจำนวนมาก หันมาสนใจ สาขาวิชาศิลปะการต่อสู้ วินัยอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในด้านร่างกาย และ จิตใจ คือ มวยไทย มวยไทย หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ "ศิลปะแห่งแขนทั้งแปด" ซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศไทย เป็นกีฬาต่อสู้ที่ใช้หมัด เตะ ข้อศอก และ ตีเข่า นอกเหนือจากประสิทธิผลในฐานะเทคนิคการป้องกันตัวแล้ว มวยไทย ยังนำเสนอการออกกำลังกาย ที่เข้มงวด ซึ่งสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนัก ได้อย่างมาก และ ปรับปรุงสมรรถภาพ โดยรวม 

ประโยชน์ ของมวยไทย

1. การออกกำลังกายหัวใจ และ หลอดเลือด แบบเข้มข้นสูง

การฝึกมวยไทย เกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหว ที่เข้มข้น และ ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้อัตรา การเต้นของหัวใจ สูงขึ้น สิ่งนี้ นำไปสู่ สุขภาพหัวใจ และ หลอดเลือด ที่ดีขึ้น และ ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี
 

2. การมีส่วนร่วมทั้งร่างกาย

มวยไทย ใช้ทั้งร่างกายโ ดยผสมผสาน กล้ามเนื้อกลุ่ม ต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีพัฒนาการ และ ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น

3. แคลอรี่

การฝึกมวยไทย หนึ่งชั่วโมง สามารถ เผาผลาญพลังงาน ได้ตั้งแต่ 700 ถึง 1,000 แคลอรี่ ขึ้นอยู่กับ ความเข้มข้น ของ เซสชั่น ทำให้เป็นวิธีลดน้ำหนัก ที่มีประสิทธิภาพ

4. ปรับปรุงความยืดหยุ่น และ การประสานงาน

การเคลื่อนไหว และ เทคนิคที่หลากหลาย ในมวยไทย ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และ การประสานงาน ส่งเสริม ความคล่องตัว และ ความสมดุล โดยรวมที่ดีขึ้น

5. การบรรเทาความเครียด และ ความเป็นอยู่ที่ดีทางจิต

การออกกำลังกาย เช่น มวยไทย จะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่ง สามารถช่วยบรรเทา ความเครียด และ ทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ วินัยที่จำเป็น ในการฝึกอบรม สามารถ นำไปสู่ การมีสมาธิและ มีระเบียบวินัยเพิ่มขึ้น

องค์ประกอบสำคัญ ของ การฝึกมวยไทย เพื่อการควบคุมน้ำหนัก

1. การเข้าสังคม

การเป็นพันธมิตรกับผู้ฝึกสอน หรือ เพื่อนนักเรียนในการทำงาน ให้เกิดช่วงเวลาที่มี ความเข้มข้นสูง โดย ผสมผสาน เทคนิคการต่อย การเตะ และ  การป้องกันเข้าด้วยกัน

2. การตี

การตีหนักๆ จะทำให้ได้ ออกกำลังกาย ทั้งตัว มีพลัง และ ความอดทน ในการโจมตี

3. กระโดดเชือก

การกระโดดเชือก เป็นหัวใจหลัก ในการฝึกมวยไทย การพัฒนาฝีเท้า การประสานงาน และ ความอดทน ของหัวใจ และ หลอดเลือด

4. การฝึกการเผาผลาญ

การฝึกผสมผสาน หรือฝึกหน้ากระจก ในพื้นที่เปิดโล่ง จะช่วยปรับรูปแบบ และ เพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่

5. ซ้อม

เซสชั่นซ้อม ที่มีการควบคุม กับ คู่ซ้อม มอบโอกาส ในการใช้เทคนิค ที่เรียนรู้ ในสภาพแวดล้อม แบบเรียลไทม์

เริ่มต้นกับมวยไทย

1. ค้นหายิมที่มีชื่อเสียง :

มองหายิมมวยไทย หรือ ผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย และ การฝึกที่มีประสิทธิภาพ

2. ลงทุนในอุปกรณ์ที่เหมาะสม :

ซึ่งรวมถึงผ้าพันมือ ถุงมือ สนับแข้ง และ ฟันยาง เพื่อความปลอดภัยในระหว่างการฝึกซ้อม

3. เริ่มต้นอย่างช้าๆ และ ก้าวหน้า อย่างค่อยเป็น ค่อยไป :

เริ่มต้นด้วย คลาสระดับเริ่มต้น และ ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น เมื่อระดับความฟิตของคุณดีขึ้น

4. มุ่งเน้นไปที่เทคนิค :

รูปแบบ ที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ ในมวยไทย ทั้งเพื่อประสิทธิภาพ และ การป้องกันการบาดเจ็บ

5. รักษาความสม่ำเสมอ :

เช่นเดียวกับ กิจวัตรการออกกำลังกาย อื่นๆ การฝึกฝน เป็นประจำ เป็นกุญแจสำคัญ ในการเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์ จากมวยไทย

ข้อควรพิจารณา และ ข้อควรระวัง

แม้ว่ามวยไทย จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ในการควบคุมน้ำหนัก แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องเข้าถึง ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณยังใหม่ กับ กีฬานี้ แนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ด้านสุขภาพก่อน ที่จะเริ่มแผนการออกกำลังกาย แบบใหม่ และ แจ้งให้ผู้สอน ของคุณ ทราบถึง สภาวะสุขภาพ หรือ การบาดเจ็บที่มีอยู่ก่อนเสมอ

มวยไทยนำเสนอ แนวทางการควบคุมน้ำหนัก ที่มีพลัง และ น่าดึงดูด การผสมผสานระหว่างคาร์ดิโอ ความเข้มข้นสูง การมีส่วนร่วม ทั้งร่างกาย และ ความมีระเบียบวินัย ทำให้นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการกิจวัตรการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและสนุกสนาน การค้นหาโรงยิมที่มีชื่อเสียง การลงทุนในอุปกรณ์ที่เหมาะสม และ การรักษาความสม่ำเสมอ แต่ละคนจะสามารถ ควบคุมพลังของมวยไทย เพื่อลดน้ำหนักและบรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายได้

อ่านบทความเพิ่มเติม :

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

7 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกมวยไทย

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว

หากคุณไม่รู้ว่าวันนี้ จะทำอะไรดี หรือว่าต้องการเสริมสร้างทักษะให้แก่ร่างกาย เราขอแนะนำ มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงยังช่วยเสริมสร้างสภาพร่างกาย และจิตใจให้มั่นคงได้อีกด้วย

 

 

หากคุณพร้อมแล้ว เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นำมาฝากเพื่อน ๆ นั้น มีอะไรบ้าง ?

 

มวยไทย ท่า จระเข้ฟาดหาง (รับหมัดด้วยเตะ)

แม่ไม้นี้ใช้ส้นเท้าฟาดไปทางข้างหลัง เมื่อคู่ต่อสู้ชกพลาดแล้วก็ถลันเสียหลักจึงหมุนตัวเตะด้วยลูกเหวี่ยงส้นเท้า

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับสืบท้าวซ้ายออกไปข้างหน้า

- ฝ่ายรับ รีบก้าวเท้าขวากระโดดออกไปทางกึ่งขวาให้พ้นหมัดฝ่ายรุก แขนงอกำบังตรงหน้าแล้วใช้เท้าซ้ายเพื่อเป็นหลักหมุนตัว เตะด้วยส้นเท้าขวาบริเวณท้องหรือบริเวณคอ

 

มวยไทย ท่าหักงวงไอยรา (ศอกโคนขา)

แม่ไม้นี้นิยมนำใช้แก้การเตะโดยตัดกำลังขา ด้วยเป็นการใช้ศอกกระทุ้งที่โคนขา

- ฝ่ายรุก ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ งอแขนทั้งสองบังอยู่ตรงหน้า

- ฝ่ายรับ รีบก้าวเท้าขวาเพื่อเข้าหาฝ่ายรุกตรงหน้าเกือบประชิดตัว หันข้างตัวไปทางซ้ายเข่าขวางอ แล้วเท้าซ้ายเหยียดตรงพร้อมกับใช้มือซ้ายจับเท้าขวาของทางฝ่ายรุกให้สูง ศอกขวากระแทรกที่โคนขาของฝ่ายรุก เพื่อยกเท้าขวาฝ่ายรุกให้สูงขึ้น เพื่อให้เป็นการเสียหลักป้องกันฝ่ายรุกใช้ศอกกระแทรกศีรษะ

 

มวยไทย ท่า นาคาบิดหาง (บิดขาจับตีเข่าที่น่อง หรือข้อต่อเข่า)

แม่ไม้นี้นำมาใช้รับการเตะโดยใช้มือทั้งสองจับปลายเท้าบิดพร้อมกับใช้เข่ากระแทกขา

- ฝ่ายรุก ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ แขนทั้ง 2 งออยู่ตรงหน้า

- ฝ่ายรับ รีบโยกตัวไปทางซ้ายโดยยืนบนเท้าซ้าย มือซ้ายจับส้นเท้าของฝ่ายรุก มือขวาจับไปที่ปลายเท้าบิดออกนอกตัว พร้อมกับยกเข่าขวาตีไปที่น่องหรือข้อต่อเข่าของฝ่ายรุก

 

มวยไทย ท่า วิรุฬหกกลับ (รับเตะด้วยถีบ)

แม่ไม้นี้นำมาใช้รับการเตะโดยใช้ส้นเท้ากระแทกที่บริเวณโคนขา

- ฝ่ายรุก ยกเท้าซ้ายเตะกลางลำตัว โดยที่บริเวณชายโครงของฝ่ายรับ

- ฝ่ายรับ รีบยกเท้าซ้ายถีบไปที่บริเวณโคนขาซ้าย ของทางฝ่ายรุกพร้อมยกแขนทั้งสองกันด้านหน้า การถีบนั้นก็ต้องถีบให้เร็ว และต้องแรงถึงขนาดฝ่ายรุกหมุนกลับเสียหลัก

 

มวยไทย ท่า ดับชวาลา (ปัดหมัดชกตอบ)

แม่ไม้นี้ใช้แก้การชกด้วยหมัดตรงโดยชกสวนที่ใบหน้า

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายไปยังบริเวณใบหน้าของทางฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายออกไปข้างหน้าแขน คุมบริเวณปลายคาง

- ฝ่ายรับ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ากึ่งขวา โดยหลบอยู่นอกหหมัดซ้ายของ

- ฝ่ายรุกเอี้ยวตัวไปทางขวา ปัดและกดแขนซ้ายของฝ่ายรุก ที่ได้ชกมาให้ต่ำลง พร้อมกับใช้หมัดซ้ายชกบริเวณหน้าแล้วพุ่งตัวกระโดดไปทางกึ่งขวา

 

มวยไทย ท่า หักคอเอราวัณ (โน้มคอตีเข่า)

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรงพร้อมกับสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า หมัดขวาคุมอยู่บริเวณคาง

- ฝ่ายรับ ก้าวเท้าซ้ายสืบไปตรงหน้าฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกแขนขวาสอดปัดแขนซ้ายของฝ่ายรุก แล้วกระโดดเข้าจับคอของฝ่ายรุกโน้มลงมาโดยแรงแล้วตีด้วยเข่าบริเวณใบหน้า

 

มวยไทย ท่า ชวาซัดหอก (ศอกวงใน)

แม่ไม้นี้ใช้เป็นหลักสำหรับหลบหมัดตรงออกทางวงนอกแล้วโต้ตอบด้วยศอก

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรงบริเวณที่ใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้า

- ฝ่ายรับ รีบก้าวเท้าเอนตัวออกไปทางกึ่งขวา ลำตัวเอนประมาณ 30 องศา และน้ำหนักตัวอยู่บนเท้าขวา พร้อมงอแขนซ้าย โดยใช้ศอกกระแทกชายโครงใต้แขนของฝ่ายรุกด้วย

 

มวยไทย ท่า อิเหนาแทงกริช (ศอกวงใน)

แม่ไม้นี้เป็นหลักในการรับหมัดตรง และใช้ศอกเข้ารุกวงใน

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดขวาตรงบริเวณหน้าฝ่ายรับ

- ฝ่ายรับ ใช้มือซ้ายปัดหมัดขวาของคู่ต่อสู้ให้เลยพ้นไปแล้ว รีก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าตัวเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย ตัวเอนประมาณ 60 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าขวา งอศอกขวาขนานกับพื้น ตีระดับชายโครงฝ่ายรุก

 

มวยไทย ท่า ยอเขาพระสุเมรุ (ชกคางหมัดต่ำก้มตัว 45 องศา)

แม่ไม้นี้ ใช้รับหมัดตรงในลักษณะก้มตัวเข้าวงในให้หมัดผ่านศีรษะไปแล้วชกเสยคาง

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรงที่หมายใบหน้าฝ่ายรับ พร้อมก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า

- ฝ่ายรับ รีบก้าวเท้าขวาพร้อมกับย่อตัวต่ำเพื่อเข้าหาฝ่ายรุก งอเข่าขวาแขนซ้ายตึงย่อตัวต่ำเอนออกไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าขวาแล้วให้ยืดเท้าขวายกตัวขึ้นพร้อมกับพุ่งชกหมัดขวาเสยใต้คางของฝ่ายรุก หน้าเงยดูคางของฝ่ายรุก แขนซ้ายเพื่อกำบังอยู่ตรงหน้าเสมอคาง

 

มวยไทย ท่า ตาเถรค้ำฝัก (ชกคางหมัดสูงก้มตัว 60 องศา)

แม่ไม้นี้ เป็นหลักเบื้องต้นในการป้องกันหมัดโดยใช้แขนปัดหมัดที่ชกมาขึ้นข้างบน

- ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรงไปที่บริเวณใบหน้าฝ่ายรับ

- ฝ่ายรับ รีบก้าวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้าทางกึ่งขวาเข้าวงใน ของทางฝ่ายรุก แล้วใช้แขนขวา งอป้องหมัดซ้ายที่ชกมาปัด ขึ้นให้พ้นตัวงอเข่าซ้ายเล็กน้อยใช้หมัดซ้ายชกใต้คางของฝ่ายรุก

 

มวยไทย ท่า ปักลูกทอย (รับเตะด้วยศอก)

แม่ไม้นี้ใช้เป็นหลักในการรับ การเตะกราดโดยใช้ศอกกระแทรกที่หน้าแข้ง

- ฝ่ายรุก ยืนตรงหน้าพอได้ระยะเตะ ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังบริเวณชายโครงของฝ่ายรับจากขวาไปซ้าย โน้มตัวเล็กน้อย งอแขนทั้งสองป้องกันหน้า

- ฝ่ายรับ รีบโยกตัวไปทางซ้ายพร้อม ๆ กับก้าวเท้าซ้ายฉากไปข้างหลังใช้แขนขวางอศอกขึ้นรับเท้าของฝ่ายรุกที่เตะมา แขนซ้ายงอป้องกันอยู่ตรงหน้าสูงกว่าแขนขวาเพื่อป้องกันพลาดถูกใบหน้า

 

เห็นไหมคะ ว่า มวยไทยสร้างความแข็งแกร่ง ช่วยป้องกันตัว โดยสำหรับ ท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นำมาฝากเพื่อน ๆ ฝึกง่าย ไม่ยาก ฝึกเองได้ที่บ้าน หรือหากต้องการเรียน มวยไทย สามารถติดต่อเราได้ทันที https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com เราพร้อมช้วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คุณทุกคนเลยค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เอกลักษณ์มวยไทย มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้

มวยไทยสำหรับผู้หญิง ช่วยเสริมพลังและป้องกันตัว

ratchada

7 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกมวยไทย

มวยไทยเริ่มเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ ในทศวรรษที่ผ่านมา เหตุผลที่ทำให้มวยไทย ได้รับการยอมรับทั่วโลก ก็คือการออกกำลังกาย ทั้งร่างกาย และจิตใจ ที่ครอบคลุม ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติ ของประเทศไทย ซึ่งรู้จักกันในชื่อ " ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 " เนื่องจากมีการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อใช้ป้องกันตัว หรือต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีค่ายมวยไทยในประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อฝึกฝนให้กับ ผู้ที่รักในศิลปะมวยไทย

นอกจากนี้ การฝึกฝนตัวเองทุกวัน เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรฝึกแบบเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายมีการปรับตัวได้ในช่วงแรก โดยควรเริ่มต้นด้วย 3 วันต่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นเพิ่มเป็น 5 หรือ 6 วันต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย นักมวยมืออาชีพ จะฝึกวันละ 2 ครั้ง สัปดาห์ละ 6 วัน

การท่องเที่ยว ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากชาวต่างชาติ เริ่มให้ความสนใจ เกี่ยวกับการเรียนมวยไทยในประเทศไทย  เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น นอกเหนือจากประโยชน์เหล่านี้แล้ว ยังสามารถสร้างความมั่นใจในตนเองอีกด้วย ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ การดูแลสุขภาพมากขึ้น มวยไทยจึงเป็นหนึ่งในกีฬา ที่น่าสนใจที่ช่วยให้สุขภาพดี และร่างกายแข็งแรง การฝึกมวยไทย ให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง ไปดูกันเลย

 

1. มวยไทยทำให้เรามีทักษะในการป้องกันตัว

 

โลกเราในปัจจุบัน การเดินไปตามถนนตอนดึก ก็สามารถถูกคุกคามได้ หากคุณเป็นผู้หญิง โอกาสที่จะเกิดปัญหาก็เพิ่มขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม การฝึกมวยไทย ช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์ การป้องกันตัวที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยคุณ ในการเผชิญหน้าในชีวิตจริง ด้วยการใช้แขนขา และความแข็งแกร่งของร่างกาย  อย่างมีกลยุทธ์  ในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว กลยุทธ์ที่เรียนรู้ในฐานะนักเรียนมวยไทย สามารถนำไปใช้ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ค่อนข้างเรียนรู้ได้ง่าย ภายในระยะเวลาหกเดือนของการฝึกอบรม คนทั่วไปจะได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการป้องกันตัวเอง

 

2. มวยไทยช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง

 

มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่ง ที่ให้ทั้งความแข็งแกร่ง และความอดทน โดยเป็นการผสมผสาน  ระหว่างการออกกำลังกาย แบบแอโรบิก และแอนแอโรบิก ซึ่งคุณจะต้องวิ่ง กระโดดเชือก และชกเงา ซึ่งช่วยให้คุณ ได้ออกกำลังกายแบบแอโรบิค ในทางกลับกันคุณฝึกตัวเอง เพื่อออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน เช่น ต่อย เตะ ศอก และเข่า องค์ประกอบแบบแอโรบิก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของระบบหัวใจ และหลอดเลือด โดยรวมของร่างกาย สิ่งนี้จะพัฒนาความแข็งแกร่งที่จำเป็น สำหรับการทำงานที่ดีที่สุดของร่างกาย

 

3. มวยไทยช่วยลดความเครียด

 

ยิ่งเหงื่อออกมาก ระหว่างการฝึกมวยไทย ยิ่งมีโอกาสที่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกาย มีความเชื่อมโยงโดยตรง กับฮอร์โมนความเครียดของร่างกาย ผลการศึกษาพิสูจน์ว่า เมื่อออกกำลังกายหนึ่งครั้ง ฮอร์โมนความเครียด เช่น อะดรีนาลีน และคอร์ติซอลจะลดลง และในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเราก็เริ่มผลิตเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นอารมณ์ แนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับความเครียด และภาวะซึมเศร้าในชีวิต  

 

4. สร้างกล้ามหน้าท้องด้วยการฝึกมวยไทย

 

เมื่อฝึกมวยไทยเป็นประจำ  ประโยชน์ที่จะได้รับคือ หน้าท้องที่แข็งแรง เนื่องจากมวยไทยเป็นการฝึกโดยการบิดตัว การใช้ลูกเตะ การใช้เข่า และหน้าแข้งให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะต้องพัฒนากล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยปกติการฝึกมวย โดยการชกเงา การเตะ การตีเข่า การแทงเข่า และกอดปล้ำคู่ต่อสู้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ จะทำให้หน้าท้องของคุณกระชับขึ้น และการสร้างกล้ามเนื้อที่รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเผาผลาญไขมัน และสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง หากคุณควบคุมอาหารด้วย คุณจะเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ในการเพิ่มกล้ามหน้าท้อง

 

5. มวยไทยช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีที่สุด

 

การฝึกมวย ถือเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกาย ที่ช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือการปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงาน ที่ดีมากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง คุณสามารถเบิร์นไขมัน ได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที

 

 

6. มวยไทยทำให้คุณซึมซับอย่างมั่นใจ

 

คุณจะได้เรียนรู้ เทคนิคการป้องกันตัว คุณจะลดระดับความเครียด และความวิตกกังวลลง คุณจะมีรูปร่างที่ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมวยไทย ไม่เพียงฝึกฝนร่างกาย แต่เพียงอย่างเดียว  ยังฝึกการควบคุมจิตใจด้วย  คุณจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง และการตัดสินใจอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเอง สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือเป็นใครก็ตาม

 

7.  มวยไทยเปิดโอกาสให้คุณได้รู้จักวัฒนธรรมที่แตกต่าง

 

มวยไทย ซึ่งมีรากฐานมาจาก วัฒนธรรมไทย ช่วยให้คุณได้สัมผัส ถึงระบบจิตใจ และความเชื่อของคนไทย นอกจากนี้  การเรียนมวยไทย ในประเทศไทย อาจช่วยให้คุณ ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกด้วย และโอกาสที่จะพบปะผู้คนใหม่ ๆ อาจกลายเป็นแหล่งความสุขแห่งใหม่ก็ได้ เมื่อคุณเข้าค่ายมวยไทย คุณจะได้ฝึกฝน ไปพร้อมกับคนที่มีความคิดที่เหมือน ๆ กัน

 

สรุป

 

มวยไทย เป็นการฝึก เพื่อให้ร่างกายของเรา มีความสัมพันธ์ระหว่างตา สมอง และกล้ามเนื้อ ในส่วนที่ เกี่ยวข้อง กับการเคลื่อนไหวได้อย่างดีเยี่ยม และการเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง นั่นก็เป็นเพราะว่า การฝึกซ้อมมวย จำเป็นจะต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรงในทุกส่วนของร่างกาย โดยระหว่างฝึก ศิลปะมวยไทย เราจะต้องมีสมาธิ ตาต้องไว และมีการออกอาวุธที่รวดเร็ว เคลื่อนที่ว่องไว และหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้ จึงถือได้ว่าการฝึกมวยไทย มีประโยชน์ต่อตัวคุณหลายอย่างเลย

 

 

เอกลักษณ์มวยไทย มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้

เอกลักษณ์มวยไทย มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้

มวยไทย โด่งดังไกล ไปจนถึง มวย ระดับโลก ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จัก วันนี้ เราจะมารู้จัก เอกลักษณ์มวยไทย มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะการต่อสู้ ที่น่ารู้ น่าค้นหา ควรค่ายิ่งแก่การอนุรักษ์สืบไป

 

 

วันนี้ ขอชวนทุกท่าน ได้มาดู สาระน่ารู้ 5 เรื่อง เกี่ยวกับ เอกลักษณ์มวยไทย ( Muay Thai ) ที่อยากให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยค่ะ

 

1. มวยไทย 4 ภาค

มวยไทย ของแต่ละภาค มีรูปแบบ และเอกลักษณ์เฉพาะ ที่แตกต่างกัน

สำหรับมวย ของภาคเหนือ เรียกว่า “มวยท่าเสา และพระยาพิชัย” จุดเด่น ของไม้มวย คือ การใช้เท้า เป็นอาวุธ ที่รวดเร็ว

ส่วนมวย ทางภาคอีสาน เรียกว่า “มวยโคราช” จะต่อย และ เตะวงกว้าง มีการใช้หมัดเหวี่ยงควาย

ทางด้าน มวยภาคกลาง เรียกว่า “มวยลพบุรี” เป็นมวย ที่ได้ฉายาว่า มวยฉลาดลพบุรี มีการรุกรับ ที่ว่องไว และแม่นยำ ในการออกอาวุธ

โดย มวยภาคใต้ เรียกว่า “มวยไชยา” เอกลักษณ์ อยู่ที่การป้องกันตัวเอง และพร้อมตอบโต้ คู่ต่อสู้โดยทันที

 

2. การคาดเชือก

ก่อนจะมี การสวมนวม แบบในปัจจุบัน มวยไทย  ( Muay Thai ) ในอดีต จะใช้การพันมือ แทนการใส่นวม ซึ่งเรียกว่า การคาดเชือก สาเหตุ ที่ต้องมีการคาดเชือก ก็เพื่อเสริม ความแข็งแกร่งให้แก่ อาวุธสำคัญอย่างหมัด หมัดที่คาดเชือกแล้ว สามารถสร้างความเสียหาย ให้แก่คู่ต่อสู้ ได้ด้วยส่วน ที่เป็นปมของเชือก คล้ายก้นหอย นั่นเองค่ะ

 

3. มงคลสวมหัว

มงคล เป็นเครื่องราง ที่ใส่สวมหัวนักมวย เวลาที่ขึ้นชก เพื่อความเป็นสิริมงคล และ คุ้มกันอันตราย ในอดีต มงคล ทำจากสายสิญจน์ หรือ ผ้าดิบ ที่เกจิอาจารย์ เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนตร์ คาถา และเลขยันต์ นำมาถักเป็นมงคล ซึ่งระหว่าง การถักมงคล ผู้ถักจะท่องคาถาไปด้วย แต่ในปัจจุบัน จะใช้เชือกร่มแทน มงคล แต่ยังคง การถักรูปแบบเดิมไว้

 

4. การตีดาบ

จากที่เราเห็น ในหนังไทยย้อนยุค หรือ หนังประวัติศาสตร์ไทยหลาย ๆ เรื่อง เวลาทำสงครามกัน ทหารจะถือดาบ เป็นอาวุธคู่ใจ ในการต่อสู้ ซึ่งกว่าจะได้ ดาบหนึ่งเล่ม ต้องผ่านวิธีการ ที่มีความพิถีพิถัน ตั้งแต่การนำเหล็ก มาเผาให้ร้อน ตีเหล็ก และ แต่งเหล็ก ให้แบนราบ เป็นคมดาบ แล้วจึงนำมาเข้าด้าม และทำฝักดาบ ซึ่งการทำดาบ หรือ การตีดาบ ในคติความเชื่อแบบไทย จะมีการสลักอักขระ ลงบนเนื้อดาบ พร้อมกับปลุกเสก ด้วยคาถาอาคม เพื่อเพิ่มความขลัง และ เป็นสิริมงคล ให้แก่ผู้ใช้งาน

 

5. ผ้ายันต์

ยันต์ ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้อยู่คู่ กับความเชื่อ ของคนไทย มาอย่างยาวนานว่า ผู้ที่ไดสักยันต์ ก็จะได้รับการปกป้อง คุ้มครอง และ เป็นสิริมงคล ในการสักยันต์ จะใช้แท่งเหล็ก ปลายแหลม จิ้มลงบนผิวหนัง ของผู้สัก ให้เกิดเป็นลวดลายต่าง ๆ ระหว่างสัก จะมีการลงอักขระ และ เสกคาถาจาก อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ อีกด้วยค่ะ

 

สำหรับเกร็ดความรู้ เกี่ยวกับ เอกลักษณ์มวยไทย ( Muay Thai ) ได้คัดสรรมา มาทั้งหมดนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบมวยไทย หรือ ผู้ที่สนใจ ในการชกมวย เพื่อนำไปเพิ่มพูน ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai ) ต่อไปค่ะ

 

อยากให้ทุก ๆ คน มองเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมที่อยู่คู่ชาติไทย มาเป็นระยะเวลาแสนนาน แล้วช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ด้วยความชอบและความรัก ให้เกิดความต่อเนื่องไม่สูญหาย และยังคงอยู่แม้กระทั่งในตัวเยาวชน เป็นอีกมิติหนึ่ง ของการเขียนประวัติศาสตร์ชาติไทย เพียงแต่เป็นการเขียนด้วยวิถีชีวิต ไม่ใช่เขียนลงกระดาษที่ไร้ชีวิต เพื่อความตั้งใจให้ อนุรักษ์ไว้ ซึ่ง มวยไทย ( Muay Thai ) นั่นเอง หากต้องการเรียนมวยไทย เราขอแนะนำ เจริญทอง มวยไทย ยิม หรือคลิกสมัครเรียน https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com ได้ทันทีเลยค่ะ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทยสำหรับผู้หญิง ช่วยเสริมพลังและป้องกันตัว

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

 

มวยไทยสำหรับผู้หญิง ช่วยเสริมพลังและป้องกันตัว

มวยไทยสำหรับผู้หญิง ช่วยเสริมพลังและป้องกันตัว

มวยไทยสำหรับผู้หญิง หรือ มวยไทย เป็นกีฬาการต่อสู้ ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย แม้ว่าจะได้รับ ความนิยมไปทั่วโลก นอกเหนือ จากประโยชน์ ทางกายภาพ แล้ว มวยไทย ยังมอบพลัง ทักษะ การป้องกันตัว และ ความรู้สึกของชุมชน สำหรับ ผู้หญิงทุกวัย

1. ทำลายความเชื่อที่ว่าผู้หญิงเล่นมวยไม่ได้

มวยไทย ท้าทายบทบาท ทางเพศ และ ทัศนคติ แบบเหมารวม ที่เกี่ยวข้อง กับ กีฬาต่อสู้ เป็นการพิสูจน์ว่า ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว และ ความมุ่งมั่น ไม่ได้ถูกจำกัด ด้วยเพศ ผู้หญิง ที่ฝึกมวยไทย แสดงให้เห็นถึงพลัง และ ทักษะ อันเหลือเชื่อ ทำลายบรรทัดฐาน ทางสังคม และ สร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้อื่น ทำเช่นเดียวกัน

2. สร้างความมั่นใจ และ ความนับถือตนเอง

การเข้าร่วม มวยไทย ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และ ความนับถือตนเอง ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ การฝึกฝนเทคนิคใหม่ๆ และ การพัฒนา สมรรถภาพทางกาย ทำให้รู้สึกถึง ความสำเร็จ เมื่อผู้หญิงเห็นความก้าวหน้า ของ ทักษะ พวกเธอได้รับความมั่นใจ ไม่เพียงแต่ในยิม เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตประจำวันด้วย

3. การพัฒนาทักษะ การป้องกันตัว

มวยไทย เป็นรูปแบบ การป้องกันตัว ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจะสอนเทคนิค การปฏิบัติ เพื่อปกป้องตนเอง ในสถานการณ์ ในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้หญิง ที่ฝึกมวยไทย จะตระหนักถึง สภาพแวดล้อม ของตนเอง มากขึ้น และ เรียนรู้วิธีใช้ ร่างกายเพื่อป้องกันภัยคุกคาม ที่อาจเกิดขึ้น

4. เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย

มวยไทย เป็นการออกกำลังกาย แบบเต็มตัวที่เข้มข้น ซึ่งช่วยปรับปรุง สุขภาพหัวใจ และ หลอดเลือด ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และ ความอดทน ผู้หญิง ที่ฝึกมวยไทย เป็นประจำ จะมีระดับสมรรถภาพทางกาย เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ สุขภาพโดยรวม และ ความเป็นอยู่ดีขึ้น

5. การบรรเทาความเครียด และ ความเป็นอยู่ที่ดีทางจิต

การฝึกอบรมที่เข้มงวด และ มีระเบียบวินัย ที่เกี่ยวข้อง กับมวยไทย เป็นช่องทาง ที่ดีเยี่ยม ในการบรรเทาความเครียด การออกแรง ทางกายภาพ จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วย ปรับปรุง อารมณ์ และ ลดระดับความเครียด นอกจากนี้ การมุ่งเน้นทางจิต ที่จำเป็น ในมวยไทย ยังส่งเสริม การมีสติ และ การผ่อนคลาย

6. ส่งเสริมความสนิทสนมกัน และชุมชน

ยิมมวยไทย มักจะส่งเสริม ความรู้สึกของชุมชน และ ความสนิทสนมกัน ผู้หญิง ที่เข้าร่วมยิมมวยไทย จะกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่าย สนับสนุน ที่มีใจเดียวกัน ความรู้สึก เป็นเจ้าของนี้สามารถ เสริมพลังได้อย่างเหลือเชื่อ และ เป็นระบบ สนับสนุน ที่มีคุณค่า

7. การตั้ง และ การบรรลุเป้าหมาย

มวยไทย มีสภาพแวดล้อม ที่มีโครงสร้าง สำหรับ การกำหนด และ การบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้ เทคนิคเฉพาะ การเพิ่มความแข็งแกร่ง หรือ การเตรียมตัว สำหรับ การแข่งขัน กระบวนการ กำหนด และ ทำงานไปสู่ เป้าหมาย จะสร้างความยืดหยุ่น และ ความมุ่งมั่น

8. เพิ่มขีด ความสามารถ ของ ผู้หญิงทุกวัย

มวยไทย ไม่จำกัดอายุ ผู้หญิงทุกวัยจะได้รับประโยชน์จากการฝึกฝน เด็กผู้หญิง สามารถพัฒนา ความมั่นใจ ในตนเองได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่ ผู้หญิง ที่มีอายุมากกว่า สามารถ รักษาสมรรถภาพทางกาย และ ทักษะ การป้องกันตัวเองได้

9. การเอาชนะอุปสรรคทางจิต

การมีส่วนร่วมในกีฬาต่อสู้ เช่น มวยไทย ท้าทายอุปสรรคทางจิต ผู้หญิงเรียนรู้ ที่จะเผชิญ และ พิชิตความกลัว ก้าวข้ามเขต ความสะดวกสบาย ของ ตนเอง และ ตระหนักถึง ศักยภาพ ของ ตนเองอย่างเต็มที่ ความสามารถ ในการฟื้นตัว ทางจิตนี้ แปลไปสู่ด้านอื่นๆ ของชีวิต ช่วยให้ผู้หญิง สามารถ รับมือกับความท้าทาย ที่เผชิญหน้าได้

มวยไทยสำหรับผู้หญิง มอบคุณประโยชน์ มากมาย สำหรับผู้หญิง นอกเหนือ จากสมรรถภาพทางกาย โดยให้ พลังอำนาจ ทักษะการป้องกันตัว และ ความรู้สึก เป็นส่วนหนึ่ง ของชุมชน ที่สนับสนุน ด้วยมวยไทย ผู้หญิง สามารถทำลาย ทัศนคติ แบบเหมารวม สร้างความมั่นใจ และ พัฒนาทักษะชีวิต อันล้ำค่าได้ เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง สำหรับ การเสริมพลัง และ การเติบโต ส่วนบุคคล ทำให้เป็นตัวเลือก ที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้หญิงที่กำลังมองหาความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกาย และ จิตใจ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม :

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

การบำรุงรักษาอุปกรณ์ กีฬามวยไทย ที่น่ารู้

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า

มวยไทย ( Muay Thai ) เรียกได้ว่าเป็น ศิลปะการต่อสู้ ของชนชาติไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความความโดดเด่น เราจึงควรร่วมกัน อนุรักษ์มวยไทย มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า และเผยแพร่ ให้ประจักษ์แก่ชาวโลก

 

 

ศิลปแม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai )

แม่ไม้ มวยไทย หมายถึง ท่าของ การผสมผสาน การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุก หรือ รับในการต่อสู้ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) การใช้ศิลปะไม้มวยไทย ได้อย่างชำนาญ จะต้องผ่านการฝึก เบื้องต้น ในการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แต่ละอย่าง ให้คล่องแคล่วก่อน จากนั้น จึงจะหัดใช้ ผสมผสานกันไป ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก และ ศิลปะการหลบหลีก ซึ่งขึ้นอยู่กับ ครูมวย ที่จะคิด ดัดแปลง พลิกแพลง เพื่อนำไปใช้ ให้ได้ผล แล้วตั้งชื่อท่ามวยนั้น ๆ ตามลักษณะ ท่าทางให้ จดจำได้ง่าย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เมื่อมีท่ามวยมากขึ้น จึงจัดแบ่ง เป็นหมวดหมู่ หรือ ตั้งชื่อ ให้เรียกขานคล้องจองกัน เพื่อลูกศิษย์ จะได้ท่องจำ และ ไม่ลืมง่าย ในอดีต มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้ใส่นวม จะชกกัน ด้วยมือเปล่า หรือ ใช้ผ้าดิบ มาพันมือ จึงสามารถ ใช้มือจับคู่ ต่อสู้เพื่อทุ่ม หักหรือบิดได้ นักมวย จึงใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ มากกว่า การใช้พละกำลัง จึงเกิดท่ามวยมากมาย

 

ต่อมาจึงได้ มีการกำหนด ให้นักมวยไทย ต้องใส่นวม ในขณะขึ้นชก แข่งขัน เช่นเดียวกับทางด้านของ มวยสากล และมีการออกกฎ กติกาต่าง ๆ ออกมามากมาย เพื่อเป็นการป้องกัน อันตรายที่จะเกิดขึ้น แก่นักมวยอีกด้วย และ ง่ายต่อการตัดสิน ท่ามวยไทย ที่มีมาแต่อดีต บางท่าจึงไม่สามารถ นำมาใช้ ร่วมในการแข่งขันได้ ถือว่าผิดกติกา และบางท่า นักมวยก็ไม่สามารถใช้ได้ ถนัดเนื่อง จากมีเครื่องป้องกัน ร่างกายมาก ท่ามวยบางท่า จึงถูกลืมเลือนไปในที่สุด

 

โบราณาจารย์ และ เหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แบ่งประเภท ของไม้มวยไทย ไว้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ครูมวยแต่ละท่าน ถึงแม้บางท่ามวยไทย จะมีชื่อเรียกต่างกันก็ตาม ไม้มวยไทย ที่ได้มีการกล่าวถึง ในตำรามวยหลายตำรา และได้แบ่งลักษณะ ไว้ชัดเจน นั้นคือ แบ่งตามลักษณะ การแก้ทางมวย และ การจู่โจม เรียกชื่อว่า กลมวย แบ่งตามลักษณะ การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เรียกว่า เชิงมวย บางตำรา แบ่งเป็นแม่ไม้ลูกไม้ หรือ แบ่งเป็นไม้ครู ไม้เกร็ด

 

ส่วนไม้ครู หมายถึง ไม้สำคัญ เป็นไม้หลัก ที่ครูมวยเน้นให้ลูกศิษย์ทุกคน ต้องทำให้ได้ ทำให้ดี และ ทำให้ชำนาญ เพราะ เมื่อรู้ และ ชำนาญเรื่องไม้ครูแล้ว จะสามารถแตกไม้ครู แต่ละแบบ ออกเป็น ไม้เกร็ด ได้อีกมากมาย

 

แม่ไม้มวยไทย นั้นหมายถึง ท่าของการใช้ศิลปะมวยไทย ที่มีความสำคัญที่สุด อันเป็นพื้นฐาน ของการใช้ ไม้มวยไทย ( Muay Thai ) โดยผู้ฝึกมวยไทย จะต้องเรียนรู้ และปฏิบัติให้ได้ ก่อนที่จะฝึกลูกไม้ ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ ไม้มวยไทยที่ละเอียดขึ้น

 

โบราณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้จัดสรรแบ่ง แม่ไม้มวยไทย เป็น 15 ไม้ ตามนี้

1. จระเข้ฟาดหาง

2. หักงวงไอยรา

3. นาคาบิดหาง

4. วิรุฬหกกลับ

5. ดับชวาลา

6. ขุนยักษ์จับลิง

7. หักคอเอราวัณ

8. สลับฟันปลา

9. ปักษาแหวกรัง

10. ชวาซัดหอก

11. อิเหนาแทงกริช

12. ยอเขาพระสุเมรุ

13. ตาเถรค้ำฝัก

14. มอญยันหลัก

15. ปักลูกทอย

 

นอกจาก แม่ไม้มวยไทยแล้ว ยังมีลูกไม้มวยไทย, กลมวยไทย ที่มีชื่อต่าง ๆ นานา ตามที่ครูอาจารย์มวยได้ประยุกต์ดัดแปลง และผสมผสานในท่าทางที่แตกต่างกันไปอีกกว่าหลายร้อยท่า เรียกได้ว่า เป็นกีฬาที่พิเศษ และอัศจรรย์มาก ๆ อีกทั้ง เราทั้งหลาย ควรอนุรักษ์สืบต่อไปค่ะ เรียนรู้ มวยไทย เพิ่มเติมได้ที่ https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com เรามีข้อมูลดี ๆ มาอัปเดตเสมอ หรือสนใจเรียนมวยไทย ก็ติดต่อได้ทันทีค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย

การบำรุงรักษาอุปกรณ์ กีฬามวยไทย ที่น่ารู้

การบำรุงรักษาอุปกรณ์ กีฬามวยไทย ที่น่ารู้

สำหรับการชกมวยไทยนั้น เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องรู้จักเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีความจำเป็น วันนี้เรามารู้จักเทคนิค การบำรุงรักษาอุปกรณ์ กีฬามวยไทย ที่น่ารู้ และมีประโยชน์ในการยืดอายุการใช้งานดีกว่า

 

 

การบำรุงรักษาอุปกรณ์กีฬามวย

1. อุปกรณ์สำหรับการฝึกซ้อมมวย อุปกรณ์กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตจากด้วยหนัง การเก็บรักษาต้องระมัดระวังป้องกัน ไม่ให้เปียกชื้น หลังจากการฝึกซ้อม ก็ควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และนำไปผึ่งลมหรือแดดอ่อน ๆ แต่ว่า ก็ห้ามผึ่งแดด จนหนังแข็ง และจะกรอบ จนอาจทำให้อุปกรณ์ อุปกรณ์กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ของคุณ เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

2. เชือกฝึกซ้อม ในการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) และควรมีพื้นที่สำหรับ การเก็บเชือกกระโดด ก็ควรจัดเก็บ ให้มีความเรียบร้อยเหมาะสม

3. กระจับนวม เพื่อสำหรับการฝึกซ้อม

4. กระจับเหล็ก เพื่อใช้สำหรับในการแข่งขัน มวยไทย เป็นการใช้กระจับเล็กๆ คุณจำเป็นต้องเลือกบาร์ หรือขนาดให้พอเหมาะสมกับอวัยวะของนักมวย นักชก หรือจำเป็นต้องเหมาะกับอวัยวะของผู้ใช้ด้วย นั่นเพราะ ถ้าหากว่าใส่แล้วคับเกินไป กระจับก็อาจจะไปหนีบอวัยวะได้นั่นเอง เจ็บนะ บอกเลย

5. ผ้าพันมือ โดยเมื่อคุณฝึกซ้อมเสร็จแล้ว แะนำว่าให้นำไปผึ่งแดดให้แห้งก่อน แล้วเก็บม้วน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อง่ายต่อการใช้ครั้งต่อๆ ไป

 

โดยอย่างที่เราทั้งหลาย นั้นก็ต่างทราบกันดี ว่าสำหรับ อุปกรณ์กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ใช้ในการฝึกซ้อม และการจัดการแข่งขัน ต่างก็มีมากมายหลายชนิด นับตั้งแต่อุปกรณ์ที่มีเล็ก ๆ จนไปถึงอุปกรณ์ ที่มีขนาดใหญ่มากๆ และมีราคาแพง อาทิ เวทีมวย เป็นต้น แต่ว่า สิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นมากๆ นั้น มีดังนี้ค่ะ

 

1. กระสอบทราย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ผลิตมาจากหนัง หรือทำมาจาก ผ้าใบ เป็นสิ่งแรกที่ควรมี หากคุณเริ่มฝึกซ้อม มวยไทย

2. ผ้าพันมือ ในการฝึก มวยไทย ผลิตมาจากผ้าอย่างอ่อน โดยยาวข้างละไม่เกิน 6 เมตร ความกว้างไม่เกิน 5 เซนติเมตร โดยควรใช้เป็น อุปกรณ์ประจำตัว ในการฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เฉพาะตัวบุคคล 

3. เป้าเล็กเป้าใหญ่ ที่ผลิตด้วย หนังหุ้มฟองน้ำ เพื่อใช้สำหรับ การฝึกซ้อม การชกหมัด และเพื่อเป็น เป้าฝึกซ้อมการเตะ ในการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

4. เครื่องป้องกันหน้าท้อง ใช้หุ้มหน้าท้อง เพื่อนำมาใช้ป้องกันการตีเข่า ที่บริเวณหน้าท้อง

5. นวมซ้อม มวยไทย ขนาด 12 , 14, 16 ออนซ์

6. นวมชกกระสอบ

7. นวมแข่งขัน ที่มีขนาด 6 – 12 ออนซ์

8. เครื่องป้องกันศีรษะ สำคัญมากเช่นกัน

9. กระจับมี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดทำด้วยหนัง และชนิดเหล็กหล่อ

10. เชือกกระโดดเส้นใหญ่ กว่าเชือกธรรมดาทั่ว ๆ ไป

11. เมดดิชีนบอล ใช้สำหรับฝึกกำลังแขน และเอามาใช้ ทุบหน้าท้อง เพื่อฝึกความทนทาน ความแข็งแกร่ง ของร่างกาย

12. นากาจับเวลา ที่แบบหยุดเวลาได้

13. ดัมเบล บาร์เบล สำหรับการยกน้ำหนัก ที่บริเวณกล้ามเนื้อ เพื่อให้เกิดแข็งแรง เพื่อความอึดของร่างกาย

14. กระจกเงาบานใหญ่ ที่คุณสามารถ มองเห็นได้ทั้งตัว

15. เครื่องเสียง บางครั้งการฝึกซ้อม และต้องใช้เสียงเพลง เพื่อกระตุ้นเพื่อความคึกคักในการซ้อม

16. เวทีมวย เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการฝึกซ้อม และเพื่อสำหรับ จัดการแข่งขัน การชก มวยไทย ( Muay Thai )

17. ระฆัง

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ อุปกรณ์กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้มาแนะนำให้คุณ ได้รู้จักกัน รับรองเลยว่า การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ของคุณ จะเป็นไปอย่างราบรื่น และปลอดภัยอย่างแน่นอน รวมทั้งวิธีทำการทำความสะอาด ที่ยืดอายุการใช้งานได้อย่างดีเลยแหละค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิคการฝึก มวยไทยป้องกันตัว ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

คุณค่าของ กีฬามวยไทย ที่เราควรร่วมกันอนุรักษ์

คุณค่าของ กีฬามวยไทย ที่เราควรร่วมกันอนุรักษ์

การฝึกกีฬา มวยไทย ก่อให้เกิดการพัฒนา ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม สร้างความมีระเบียบวินัย อีกทั้ง ยังช่วยส่งเสริมอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามไว้ เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ในยามคับขันอีกด้วย

 

 

 

 

สำหรับในบทความนี้ จะมาทุกท่านมาซึมซับ และเห็นถึงคุณค่าของมวยไทยมากยิ่งขึ้นค่ะ ซึ่งมวยไทยนั้น ก็มีประวัติอันยาวนาน ควรค่า แก่การอนุรักษ์ไว้ที่สุดค่ะ

 

ความหมายของกีฬามวยไทย

( Muay Thai ) นั้นคือ กีฬามวย บนเวทีที่มี กฎ กติกา ยอมให้คู่ชก สามารถใช้ เท้า ศอก และเข่าได้ ( อ้างอิงพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 : 632 )

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เรียกได้ว่า เป็นศาสตร์และศิลปะ ที่เป็นศาสตร์ เพราะว่าเป็นวิชาการ ที่เราทุก ๆ คน นั้นสามารถศึกษาหาความรู้ได้ เหมือนวิชาแขนงอื่น ๆ โดยส่วนที่กล่าวว่า เป็นศิลปะ เพราะประกอบด้วย กลยุทธ์ วิธี และลวดลายต่าง ๆ มากมาย โดยยากมากที่จะเรียนรู้ และปฏิบัติได้อย่างชัดเจน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ การป้องกันตัวอย่างหนึ่ง ตามธรรมชาติของบุคคล โดยมีการแข่งขัน การแพ้ และชนะ จากการชกต่อยกัน อันเป็นการโจมตีไปที่จุดอ่อน ของร่างกาย ของคู่ต่อสู้ ศิลปะของมวยไทย จึงมีความแตกต่างกัน ไปตามลักษณะ หรือตามรูปแบบของการต่อสู้ ป้องกันตัวนั่นเอง

 

ปัจจุบัน มีมวย อยู่ 2 ชนิด คือ มวยปล้ำ และมวยชก มวยชก ก็ยังแบ่ง ออกเป็น 2 แบบ คือ ชกด้วยหมัด บวกการต่อสู้ด้วยเท้า เข่า ศอก ตามแบบของกีฬามวยไทย และชกด้วยหมัดอย่างเดียว อันเป็นที่นิยมกัน โดยทั่วไป เรียกว่า มวยสากล

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การต่อสู้ ป้องกันตัว ที่สามารถนำไปใช้ได้ ในเชิงกีฬา และการต่อสู้จริง ๆ ศิลปะประเภทนี้  มีมาแต่โบราณ บรรพบุรุษของชาติไทย ได้ฝึกฝนอบรม สั่งสอนบุตรไว้ เพื่อป้องกันตัว และชาติ บรรดาชายฉกรรจ์ของไทย ได้รับการฝึกฝน วิชามวยไทย แทบทุกคน นักรบผู้กระเดื่องนามทุกคน ต้องได้รับการฝึกฝน อบรม ศิลปะประเภทนี้ อย่างชัดเจน เพราะการใช้อาวุธช่วย ในสมัยโบราณ เช่น กระบี่ พลอง ดาบ ง้าว ทวน ฯลฯ ถ้ามีความรู้ วิชามวยไทยด้วยแล้ว จะทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่เข้าต่อสู้ ติดพันประชิดตัว จะได้ใช้อวัยวะ บางส่วนเข้าช่วย เช่น เข่า, เท้า, ศอก เป็นต้น แต่เดิมนั้น ศิลปะมวยไทย ที่มีชั้นเชิงสูง มักจะฝึกสอนกัน ในบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ หรือเฉพาะพระมหากษัตริย์ และขุนนางฝ่ายทหาร

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกิจกรรม พลศึกษาอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการส่งเสริม พัฒนาการ ทางด้านร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนพัฒนาการด้านสังคม กีฬามวยไทย เป็นกีฬา ที่นิยมฝึกกันโดยทั่วไป เพื่อความสนุกสนาน และคนบางกลุ่ม ได้ยึดเอามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอาชีพหลัก โดยได้ผลตอบแทน จากการเข้าแข่งขัน แต่ละครั้งด้วย

 

กีฬามวยไทย เป็นการออกกำลังกาย การเคลื่อนไหว่างกาย ทำให้มีพลานามัยสมบูรณ์ มีวินัยภายในตนเอง จึงทำให้มีบุคคลทั่ว ๆ ไป มีความสนใจ นิยมฝึกมวย การเล่นมวยไทยกันมาก ดังจะเห็นได้จาก ที่มีการแข่งขันมวยไทย อย่างเช่น เวทีมวยราชดำเนิน และ เวทีมวยลุมพินี โดยนอกจากนี้ ยังมีเวทีมวย ของสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ได้มีการจัดการแข่งขันกันอยู่ เป็นประจำ พร้อมทั้งยังมีการถ่ายทอดสดด้วย การจัดการแข่งขัน ในแต่ละครั้ง ก็มีผู้ชมให้ความสนใจ เข้าชมเป็นจำนวนมาก

 

มารยาท ของผู้ฝึก กีฬามวยไทย ( Muay Thai )

หลักในการปฏิบัติ เป็นการยึดถือ โดยเคร่งครัด ได้แก่ การเคารพครูบาอาจารย์ ที่ได้ถ่ายทอดศาสตร์วิชาความรู้ และการครอบครู ก่อนการฝึก และยังมี ศิษย์รุ่นพี่ กฎระเบียบ ที่ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมา คือ ศิษย์สำนักเดียวกัน ต้องไม่ชกกัน ซึ่งทุก ๆ คน จะต้องสาบานตน ก่อนจะเข้ารับการฝึก ต้องใช้ความอดทน เป็นอย่างสูง จำเป็นต้องเชื่อฟัง ครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด เพราะในการฝึกนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ อีกทั้ง มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นยังสามารถสร้างเสริม คุณธรรม และจริยธรรม ทางด้านต่าง ๆ ให้เกิด ในตัวนักมวยไทย ทำให้หลาย ๆ คน หลงใหล และรักกีฬามวยไทยเป็นอย่างมากนั่นเอง

 

และทั้งหมดนี้ ก็เป็น คุณค่าของ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราควรร่วมกันอนุรักษ์ และสืบสานสิ่งที่ดีงามแบบนี้ต่อไปค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ฝึกออกอาวุธท่าเข่า กับกีฬามวยไทย

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย

เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย

เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย    

 

การออกกำลังกายของแต่ละคน ก็อาจจะมีเหตุและผล ที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าหากคุณอยากมีหุ่นสวย หุ่นเป๊ะ กล้ามท้องแน่น ๆ จากการชกมวย เราก็จะมาบอก เคล็ดลับหุ่นสวย ด้วยการต่อยมวยไทย ที่คุณเองก็สามารถฝึกได้ ไปดูกันเลย

 

 

โดยทางด้าน วิทยาศาสตร์ การกีฬา ของประเทศไทยเรา ก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้วค่ะว่า การออกกำลัง ด้วยการชก มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะเป็น ท่วงท่าการออกหมัด ท่าเข่า ท่าศอก เตะสูง เตะต่ำ โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ต่างล้วนส่งผล ต่อการฟิตหุ่นสวย ๆ ของเราเลยนะคะ แถมมวยไทยยังมีชื่อเสียง แพร่หลาย และเป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่ของชาวต่างชาติ จนบรรดา ค่ายมวยต่าง ๆ ตอนนี้ ก็มีการจัดคลาสการเรียน การสอน มวยไทย ( Muay Thai ) กันอย่างมากมายเลยทีเดียว

 

ประโยชน์สำคัญ ของการออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) และการ Kick Boxing นอกจาก จะช่วยเผาผลาญ ไขมันส่วนเกิน ทำให้สามารถฟิตหุ่นสวย ๆ ได้อย่างเร็วมากแล้ว ยังช่วยเสริมสร้าง ความยืดหยุ่น ให้กับกล้ามเนื้อในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย ทำให้คุณ กลายเป็นคนที่ คล่องแคล่วฉับไว ว่องไว อีกทั้งยังช่วยในเรื่อง ของระบบการไหลเวียนโลหิต ระบบการทำงาน ของหัวใจ ปอด ระบบการหายใจ และ ยังช่วยเพิ่ม ความรวดเร็ว ในการตอบสนองอีกด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ยังสามารถช่วยหลาย ๆ คน ที่กำลัง มีอาการแฮงค์ เนื่องจาก ผ่านศึกหนัก จากการท่องยามราตรี มามากเกินไป จนสมอง เริ่มมึนงง ไม่มีสติ การออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) กีฬาชนิดนี้ ช่วยได้แน่นอนค่ะ ดังนั้น อย่ารอช้า ไปหานวมมาสวม หาสนับแข้งมาใส่ แล้วมาดูท่าง่าย ๆ ที่สามารถ ทำได้ที่บ้าน ลองดูเลยนะคะ

 

1. เตะ

มาเตะกันเบา ๆ ค่ะ เริ่มด้วยท่าเริ่มต้น คือ กำหมัดทั้งสองข้าง ให้ตั้งฉาก ที่ระดับหน้าอก จากนั้น ก้าวเท้าซ้าย มาข้างหน้าพร้อม ๆ กับการเตะขาขวา ขึ้นในลักษณะเหวี่ยง ให้ปลายเท้า ชี้มาทางซ้าย บิดตัวเล็กน้อย แล้วกลับมา ที่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำสลับซ้ายขวา ใช้เวลา ประมาณ 5 -10 นาทีค่ะ

 

2. ตีเข่า

เป็นการใช้ ช่วงล่าง ของร่างกายค่ะ ลองมาตีเข่ากันบ้าง เริ่มต้น ด้วยการกำหมัด ทั้ง 2 ข้าง ให้ตั้งฉากขนานกับหน้าอก แนบแขน ให้ชิดลำตัว แล้วจากนั้น ให้ยกเข่าขวา ขึ้นสูง เท่าที่จะทำได้ พร้อมกับเอนตัว ไปด้านหลัง เพียงเล็กน้อย กลับมา สู่ที่ท่าเริ่มต้น แล้วทำซ้ำ สลับเข่าซ้าย และขวา 5 -10 นาที

 

3. ถีบ

เป็นการใช้ เท้า ค่ะ ท่านี้เริ่มจาก ท่าเริ่มต้นกำหมัดทั้งสองข้าง ให้ตั้งฉากกับระดับของหน้าอก แนบแขนชิดติดลำตัว ตามองตรง ไปข้างหน้า จากนั้นให้คุณงอเข่าเล็กน้อย พร้อมกับเตะขาออกไปข้างหน้า แต่ปลายเท้า ต้องตั้งฉาก เท่าที่คุณจะทำได้ กลับมาสู่ท่าเริ่มต้น แล้วให้ทำสลับซ้ายขวา ใช้เวลา ประมาณ 5 -10 นาที

 

4. หมัดตรง

เริ่มแรกให้ยืนปลายเท้าห่างพอประมาณ กำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับหน้าอก เก็บศอกแนบลำตัว ตามองตรง ก้าวเท้าซ้ายพร้อมชกหมัดขวาไปด้านหน้าให้แขนขนานไปกับพื้น เปิดส้นเท้าขวาทิ้งน้ำหนักไปทางเท้าซ้าย จากนั้นให้กลับมาอยู่ในท่าเตรียม ทำต่อแต่สลับด้านกันจากซ้ายมาเป็นขวา ทำสลับไปมาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 5 - 10 นาที

 

5. ศอกเสย

ท่าศอกเสย เริ่มต้นด้วย การยืนหน้าตรง กำหมัดทั้ง 2 ข้าง ไว้ใต้คาง เก็บแขน ให้แนบชิดติดกับลำตัว จากนั้น ให้ก้าวเท้าขวา ออกไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าซ้าย พร้อมยกศอกขวาขึ้น แล้วจากนั้นกลับมา สู่ท่าเริ่มต้น ทำสลับกลับไปมา ซ้ายขวา เหมือนเดิมค่ะ ใช้เวลา ประมาณ 5 -10 นาที

 

6. ศอกตัด

ท่าสุดฮิตของมวยไทย ( Muay Thai ) เริ่มต้นท่าเตรียมด้วยการกำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับหน้าอก จากนั้นให้ก้าวเท้าขวาไปด้านขวา ตามด้วยการเหวี่ยงแขนซ้ายให้ข้อศอกตั้งฉากกับหมัดขวา บิดลำตัวนิดหน่อย บิดส้นเท้าซ้าย แล้วกลับมาที่ท่าเตรียม ทำสลับกลับไปมาทั้งซ้ายและขวา ประมาณ 5 -10 นาที

 

การออกกำลังกายด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะให้ผลลัพท์ในด้านบวกต่าง ๆ กับร่างกายแล้ว ยังได้หุ่นสวย ๆ กลับมาอีกด้วย เพราะ กีฬานี้ ได้ใช้ทุกส่วนของร่างกาย อีกทั้งท่าทั้งหมดนี้ ยังถือว่าเป็นการฝึกศิลปะป้องกันตัวชั้นเยี่ยมอีกด้วยค่ะ รับรองว่าเพื่อน ๆ จะติดใจกับกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จนลืมการออกกำลังกายชนิดอื่น ๆ แน่นอน สนใจเรียนมวยไทย ติดต่อสอบถาม https://www.jaroenthongmuaythairatchada.com ได้ทันทีเลยนะคะ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย

เพิ่มระดับพลังงานด้วยมวยไทย การออกกำลังกายแบบไทยๆ

ฝึกออกอาวุธท่าเข่า กับกีฬามวยไทย

ฝึกออกอาวุธท่าเข่า กับกีฬามวยไทย

มวยไทย เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยที่เราต่างภูมิใจ สำหรับวันนี้มาดูการ ฝึกออกอาวุธท่าเข่า กับกีฬามวยไทย ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนร้องว้าวแน่นอน สำคัญเลย คุณเองก็ฝึกได้สบายมาก ๆ จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย

 

 

ศิลปะมวยไทย กับการออกอาวุธท่าเข่า

เข่า ถือเป็นอวัยวะ ที่มีข้อต่อ ช่วงระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับกระดูกขาส่วนล่าง ทั้งมีกระดูกสะบ้า ซึ่งแข็งนูนและกลม เป็นตัวกลางระหว่าง กระดูกทั้ง 2 ส่วน โดยมีเอ็น พังผืด และกล้ามเนื้อ โดยยึดติดไว้อย่างหนาแน่น บริเวณต้นขา มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่มาก และแข็งแรงมากอยู่หลาย ๆ มัด เมื่อพับเข่า รวมกับขาส่วนล่าง จะมีกล้ามเนื้อน่องอยู่ จึงทำให้เข่าที่คุณตีออกไป หนักหน่วงมีพลังยิ่ง

 

แต่ว่า เข่า ก็เป็นอาวุธสั้น รองจาก เตะ จึงใช้ได้ผลดีในระยะประชิด อย่างเช่น การใช้เข่าคลุกวงใน การกอดปล้ำ ตีเข่า โยนเข่า และแทงเข่า เป็นต้น โดยส่วนเป้าหมาย นั่นคือ ท้อง หน้าอก ซี่โครงข้างลำตัว อวัยวะเพศ ทวารหนัก และต้นขา หากตีสูงมากขึ้นไปอีก เป็นช่วงบริเวณต้นแขน ปลายคาง ใบหน้า และ ศีรษะ โดยนอกจากนื้ เข่า ก็ยังป้องกัน การโจมตี ของการเตะกลาง และการเตะตัดล่างด้วย เนื่องจาก เข่า ก็เป็นอวัยวะที่แข็งอย่างมากที่สุดส่วนหนึ่ง เมื่อได้ปะทะกับเท้าที่เตะมา เท้าอาจจะได้รับความเจ็บปวด และพิการได้

 

การใช้เข่า สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ

- การใช้เข่าโดยไม่ต้องใช้มือ หรือ แขน เกาะยึดดึง หรือกระชากคู่ต่อสู้

- การใช้เช่าโดยใช้มือ หรือแขนเกาะยึดดึง หรือกระชากคู่ต่อสู้

 

สำหรับการใช้เข่า ถ้าหากต้องการแบ่งตามลักษณะ วิถีทางของเข่า ที่สามารถออกจากแหล่ง เพื่อไปสู่เป้าหมายแล้ว มีหลาย ๆ อย่าง อย่างเช่น เข่าเฉียง เข่าตัด เข่าโค้ง เข่าตรง และเข่าลอย โดยที่ เข่าแต่ละอย่าง มีวิธีการทำต่าง ๆ กัน ออกไปและจังหวะหรือโอกาส ที่จะใช้แตกต่างกันออกไป

 

เรามาดูกันดีกว่าว่า ฝึกออกอาวุธท่าเข่า กับกีฬามวยไทย เรียกว่าอะไรบ้าง ?

 

- เข่าเฉียง หมายถึง การตีเข่าที่มีวิถีทางการตีเฉียงขึ้น จากจุดที่เข่าอยู่ไปจนถีงจุดที่เข่าปะทะเป้าหมาย ที่เข่าช้ายจะเฉียงมากระทบเป้าหมายทางขวา ถ้าตีเข่าขวาจะเฉียงมากระทบเป้าหมายทางด้านซ้าย ถ้าคู่ต่อสู้เดินเข้ามาตรง ๆ เข่าเฉียงจะถูกเป้าหมายบริเวณ ต้นขา และลำตัวด้านข้าง นอกจากจะใช้การกระชาก ผลัก ฉุด เตะ กอด ปล้ำ ให้คู่ต่อสู้เสียหลักแล้ว จึงสามารถตีเข่าเฉียงเข้าบริเวณ ท้อง หน้าอก ปลายคาง และ ใบหน้าได้ เมื่อมีการโน้มคอมักจะเหวี่ยงคู่ต่อสู้ไปทางด้านหนึ่ง จึงสามารถตีคู่ต่อสู้ไปทางด้านใดด้านหนึ่ง จะสามารถตีเข่าเฉียงได้ถนัด การเหวี่ยงนั้นจะต้องเหวี่ยงให้ทิศทางของคู่ต่อสู้เข้ามาสวนทางกับทิศทางของเข่าเฉียงที่ตีขึ้นไป จึงจะได้ผลดี

 

- เข่าขวาตรง หรือการใช้จังหวะเกาะ การกอด ปล้ำ รัดเอว และกระชากตี การเกาะยึด ปล้ำ รัดเอว และในกระชากตีทำให้การตีเข่ามีประสิทธิภาพรุนแรง และหนักหน่วงมากกว่าการตีเข่านำ เพราะเป็นเข่าที่ ถนัดที่สุด การกอดปล้ำเหล่านี้ จะต้องทำด้วยความแข็งแรงเหนียวแน่นรัดกุม โดยเก็บคางให้มิดชิดแนบลำตัว ไหล่กดข้อศอกและแขนให้มาชิดกัน จะทำ การตีเข่าได้ผลดี และปลอดภัยยิ่งขึ้นเป้าหมายของการตีเข่าตามก็คล้ายกับเข่านำ คือตั้งแต่ต้นขา ทวารหนัก อวัยวะเพศ ท้อง หน้าอก ข้างลำตัว คางและใบหน้า

 

- เข่าตรงตีตาม โอกาสที่จะ ใช้เข่าตรงตีตาม คือ จังหวะที่คู่ต่อสู้จะ เข้ามาต่อยหรือฟันศอก จะต้องหลบหลีก ปิดป้องหมัดคู่ต่อสู้ให้ดี จังหวะที่คู่ต่อสู้ถลำเข้ามาโดยไม่ระวังต้ว และจังหวะที่คู่ต่อสู้ยืนปักหล้กอยู่ไม่ระวัง ตัวก็ตีเข่าตรงตามได้ นอกจากนี้ในจังหวะที่ได้มี การปัดให้คู่ต่อสู้ถลำไป ทางขวาหรือว่าทางช้ายแล้วตี

 

- เข่าตรงตีนำ จากท่าจดมวยเหลี่ยมขวา น้ำหนักตัวมันจะอยู่ที่เท้าขวา ซึ่งเป็นเท้าหลัง ให้ถ่ายน้ำหนักตัวมาที่เท้าหน้า คือบริเวณเท้าช้ายพร้อมกับ วางเท้าลงยันพื้น กระตุกเข่าตีขึ๋นตรงๆ พร้อมกับถ่ายนํ้าหนักตัวให้มาอยู่ เท้าขวา น้ำหนักตัวจะไปรวมกันที่ปลายเข่าที่ตีขึ๋นไป เพราะฉะนั้น ในการเกร็งกล้ามเนื้อท้องที่ดึงพับเข่าและลำตัวเข้าสวนทางกัน ถ้าหากเป็นไปอย่างฉับพลันได้จังหวะ ที่ลัมพันธ์กัน มุมของเข่าที่ตีออกไปจะล้ำไปข้างหน้าตรง ๆ เหมาะสำหรับในการตีเข่าตรงในระยะประชิด การกอด ปล้ำ และการกระชากตี

 

- เขาตัด เป็นการใช้เข่าที่มีทิศทางการตีเข่าผ่านจากขวา ออกไปซ้ายหรือซ้ายไปขวา ให้ขนานกับพื้นให้บริเวณส่วนของหัวเข่าปะทะเป้าหมาย และส่วนของเข่า ขา และ ปลายเท้าเป็นเส้นตรงขนานพื้น

 

- เขาลอย เป็นการกระโดดโยนเข่าขึ้นไปตรงๆ เป้าหมายที่ปลายคาง หรือหน้าอกของคู่ต่อสู้

 

- เข่าโค้ง เป็นเข่าที่ผู้ใช้จะต้องบิดสะโพกคว่ำลง ให้ทิศทางของเข่าลอยโค้งจากบนลงปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า

 

- เข่าโหน เป็นการใช้เข่าที่อาศัยมือ หรือช่วงแขน เกาะโหนคอ โหนไหล่ หรือว่า การโหนเหนี่ยวศีรษะคู่ต่อสู้ลดลงมา พร้อมกับตีเข่าสวนขึ้นไป

 

- เข่ากระโดเหยียบ เป็นการตีเข่าที่อาศัยการใช้เท้าอีกเท้าหนึ่่งเหยียบคู่ต่อสู้แล้วกระโดดเข่าเข้าบริเวณศีรษะ ขมับ คอ ใบหน้า ปลายคาง หน้าอก ท้องและชายโครง การเหยียบอาจจะเหยียบหน้าแข้ง เข่า ต้นขา ก็ได้

 

จากที่กล่าวมา เหล่านี้ คือ ศิลปะมวยไทย ที่ใช้เข่าได้อย่างมีอานุภาพรุนแรง และที่สำคัญเพื่อน ๆ สามารถฝึกเองที่บ้านได้อีกด้วยค่ะ รับรองว่า ออกกำลังเรียกเหงื่อได้ดีเลยค่ะ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

ออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย กีฬาที่ได้รับความนิยม

ออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย กีฬาที่ได้รับความนิยม

มีหลาย ๆ คน ที่ได้ให้ ความสนใจ ในการเล่น หรือการ ฝึกมวยไทย เป็นอย่างมาก เพราะช่วยในเรื่อง ความแข็งแรง ความอดทน และ การทรงตัว ได้ดี จึงทำให้การ ออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย ที่เป็น กีฬาที่ได้รับความนิยม อย่างมาก ในตอนนี้

ออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย กีฬาที่ได้รับความนิยม

หากเพื่อน ๆ ที่กำลังมองห ากิจกรรม ในการ ออกกำลังกาย แบบที่ น่าสนใจ และได้ พัฒนาสมรรถภาพ ทางด้าน ร่างกาย เราขอแนะนำ การออกกำลังกาย ด้วยการ ต่อยมวย หรือ ฝึกมวยไทย ที่ได้นำเอา ศิลปะการต่อสู้ แบบมวยไทย มาปรับปรุง และพัฒนา ให้เข้ากับ ยุคสมัยใหม่ ที่ได้กลายเป็น การออกกำลังกาย ที่ได้รับ ความนิยม เป็นอย่างมาก เพราะสามารถ ช่วยในการ ลดน้ำหนัก หรือ ลดไขมัน รวมไปถึง ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ความอดทน และ การทรงตัว ของ ร่างกาย ของเรา ให้ดี มากยิ่งขึ้นได้ 

การออกกำลังกาย ด้วยการฝึก มวยไทย นั้นไม่จำเป็นต้องมีคู่ซ้อม เพราะปัจจุบันสามารถ ชกอากาศ หรือ ชกเปล่า ๆ ชกได้อย่างอิสระ ชกตามจังหวะ และหลากหลายรูปแบบ ที่ผู้สอนหรือเทรนเนอร์แนะนำมา ที่รวมไปถึง การใช้ศอก , การเตะ ที่ทำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก กับท่าทาง และ ลีลา ของการ ฝึกมวยไทย ไปด้วย ในตัว โดยหากเรา นั่นได้ ออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย หรือ ต่อยมวย  ขอบอกไว้ เลยว่า เราจะได้ใช้ ร่างกาย ของเรา ในเกือบจะ ทุกส่วน ที่สามารถจะ เบิร์นไขมัน ได้กระจาย เลยทีเดียว

ซึ่งการ ฝึกมวยไทย จะไม่เหมือน กับ การออกกำลัง ในประเภทอื่น เพราะว่าการ ฝึกมวยไทย หรือ ต่อยมวย มันจะเป็น กิจกรรม ที่จะใช้ เวลาสั้น ๆ เพียงแค่ ไม่กี่นาที แต่จะมี ความต่อเนื่อง และ การเคลื่อนไหว ที่เน้นหนัก เป็น จังหวะสั้น ๆ ให้เหมือน กับการ ออกกำลังกาย ในรูปแบบ HIIT หรือ ( High - Intensity Interval Training ) ที่เป็นการ ออกกำลังกาย อย่างหนัก ในช่วงเวลา ที่สั้น ๆ นั่นเอง จึงทำให้การ ฝึกมวยไทย หรือว่า ต่อยมวย จะช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ของ กล้ามเนื้อ ของเราได้ และยังได้ พัฒนาพลังของ กล้ามเนื้อส่วนบน และ กล้ามเนื้อล่าง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เวลาที่เรา ขยับแขน หรือไหล่ จะเป็นการ ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ของด้าน ร่างกาย ในส่วนด้านบน หรือในขณะ ที่ใเราช้ ขาเตะ ก็จะเป็น การพัฒนา กล้ามเนื้อลำตัว หรือ กล้ามเนื้อขา และ กล้ามเนื้อหลัง เพื่อให้มี ความแข็งแรง ที่มากยิ่งขึ้น เพราะว่า กล้ามเนื้อ ที่เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ อัตราการเผาผลาญพลังงาน มากขึ้น ตามไปด้วย จึงทำให้เรามี พละกำลัง และมีแรง ที่มากยิ่งขึ้น

หากเพื่อน ๆ ที่เป็น มือใหม่ และอยาก ฝึกมวยไทย ก็ควรเริ่มต้น จากการ ชกมวย ในแบบเบา ๆ ที่ไม่หนักมาก และ ไม่รุนแรง กันก่อน เพื่อให้ ร่างกายของเรา ได้ปรับตัว และเมื่อ ร่างกาย ของเรา เริ่มที่จะ ปรับตัวได้แล้ว ก็จึงค่อย ๆ ที่จะเพิ่ม ระดับความรุนแรง ขึ้นได้ ตามที่ ร่างกาย ของเราทนไหว เพื่อให้ พัฒนาสมรรถภาพ ทางด้าน ร่างกาย ของเรา ใหแข็งแกร่ง มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ไม่ควร ที่จะหักโหม หรือว่า เคลื่อนไหวร่างกาย ที่ฉับไว มากจนเกินไป เพราะมิงั้น อาจทำให้เกิด อาการบาดเจ็บ บริเวณหลัง เข่า หรือ สะโพก และไหล่ ได้นั่นเอง

เพื่อน ๆ ก็คงเห็นกันแล้วว่า การออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกมวยไทย ที่เป็น กีฬาที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก เพราะช่วยในเรื่อง การพัฒนากล้ามเนื้อ ให้มี ความแข็งแรง และที่สำคัญ ยังช่วย ลดน้ำหนัก ได้ดีอีกด้วย หากใครสนใจอยาก ฝึกมวยไทย เราขอแนะนำ เจริญทองมวยไทยรัชดา ที่จะให้เพื่อน ๆ ได้มาลองฝึกกัน ซึ่งเราก็พร้อมให้บริการ ตลอดเวลาทำการ

 

อ่านบทความเพิ่ม

เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย

เพิ่มระดับพลังงานด้วยมวยไทย การออกกำลังกายแบบไทยๆ

เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย

เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย

หากคุณ เป็นคนหนึ่ง ที่อยากจะ บรรลุเป้าหมาย ในการ เรียนมวยไทย และอยากเป็น นักมวยมืออาชีพ ที่มีฝีมือ การฝึกที่ถูกต้อง และมีวินัย ก็เป็นเรื่องจำเป็น อย่างมาก แต่จะมี เทคนิค เรียนมวยไทย อะไรบ้างที่ง่าย ๆ เพื่อให้ เราไปถึง เป้าหมาย นั้น ๆ

เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย

กีฬามวยไทย ที่มี การแข่งขัน ทั้งใน ระดับชาติ และ ระดับนานาชาติ โดยจะมี การแข่งขันใน สนามมวย ทั้งใน ประเทศไทย และต่างประเทศ  มวยไทยจะมี การใช้ เส้นขอบสี่เหลี่ยม ในการแข่งขัน โดยที่มี ผู้ต่อสู้สองคน มวยไทย จึงเป็นกีฬา ที่มีการ ใช้สมอง และกล้ามเนื้อ ในการต่อสู้ อย่างเป็นธรรมชาติ และมี ความสำคัญ ในเรื่องของ จิตวิญญาณ และจริยธรรม นอกจากนี้ มวยไทยก็ยัง เป็นกีฬา ที่มี ความเป็นเอกลักษณ์ และสร้าง ความสนใจ ให้แก่นักกีฬา และผู้ชม อย่างทั่วโลก ฉะนั้น มาเรียนรู้ เทคนิค เรียนมวยไทย ง่าย ๆ เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย กันเลย

 

1. เรียนมวยไทย : มุ่งมั่น และมีสมาธิ

เราจะต้อง ตระหนักว่าการ เรียนศิลปะการต่อสู้ หรือ เรียนมวยไทย นั้น ก็คือ เวลาที่มีค่า เราจะต้องทิ้ง ความเครียด ความกังวล เรื่องต่าง ๆ ไว้หน้าประตู และจะต้อง โฟกัสกับ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ให้ได้มากที่สุด

2. เรียนมวยไทย : ที่เปิดรับ ความรู้จาก ครูผู้สอน

เราจะต้อง เข้าเรียน ด้วยใจ ที่เปิดกว้าง และพร้อม ที่จะรับ การสอนทุกอย่าง จาก ครูผู้สอน เพราะการ เรียนศิลปะการต่อสู้ หรือ เรียนมวยไทย

อาจจะไม่ใช่ เรื่องง่าย ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คน และมันจะ ต้องใช้เวลา เป็นหลายปี ในการฝึกฝน แม้เส้นทางนั้น จะยากลำบาก แต่ผลตอบแทน กลับคุ้มค่า อย่างมหาศาล

3. เรียนมวยไทย : ความปลอดภัย จะต้องมาก่อน

สำหรับการ ยืดกล้ามเนื้อ และ การอุ่นเครื่อง นั้นเป็นเรื่อง ที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งนี่คือ เหตุผลที่ว่า ทำไมเรา จึงควรจะ ต้องไปถึง คลาส เรียนมวยไทย ให้ตรงเวลา เพราะว่า มันจะเสี่ยงที่ ร่างกาย ของเรานั้น จะได้รับ บาดเจ็บ ถ้าหากเรา ไม่ได้วอร์มอัพ ก่อนเรียน

4. เรียนมวยไทย :  ความรู้พื้นฐาน เป็นสิ่งที่สำคัญ

โดยนอกจาก การควบคุมด้าน การเคลื่อนไหว ของเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การชก หรือ การเตะ เราควรที่จะ รู้วิธีป้องกัน ตัวเอง ก่อนที่จะเริ่ม จับคู่ซ้อม  เพราะว่าจริง ๆ แล้ว มันจะมี ความสำคัญ พอ ๆ กับ การออกอาวุธ นั้นเอง

5. เรียนมวยไทย : มีน้ำใจนักกีฬา

การปฏิบัติตน ต่อผู้อื่น ในแบบที่เรานั้น ต้องการ ได้รับการปฏิบัติ ถ้าเราไม่อยาก ให้คู่ต่อสู้ หนักมือกับเรา มากจนเกินไป เราก็จะต้อง เรียนรู้ที่จะ ควบคุมแรง ของเราเอง เมื่อต้อง จับคู่ซ้อม กับคนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

6. เรียนมวยไทย : การวิ่ง ก็สำคัญเช่นกัน

ซึ่งการวิ่ง ไม่เพียงแต่ จะช่วยเรื่องของ คาร์ดิโอ แต่ยังช่วย ในการเสริมสร้าง ความแข็งแรง ของ กล้ามเนื้อขา ถ้าหากเวลาเหลือ ๆ ก็ลองวิ่ง ออกกำลังกาย เป็นระยะทาง ที่สั้น ๆ สักประมาณ 2 - 3 ครั้ง ต่อ / สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่ม เรียนมวยไทย

7. เรียนมวยไทย : การเรียนรู้ วิธีการถือเป้า

ซึ่งวิธีนี้ เราจะได้ อยู่ใน ตำแหน่งที่ดี สำหรับ การสังเกต ดูว่าคน ๆ อื่นนั้น พวกเขาใช้ เทคนิค อะไร หรือว่า อย่างไร กันบ้าง

8. เรียนมวยไทย : การโฟกัสที่ เทคนิค ไม่ใช่ที่ความเร็ว หรือพลัง

สำหรับมือใหม่หลาย ๆ คน ที่ยังกังวลว่า ตัวเราเอง จะขาดพลัง ในการออกอาวุธ ซึ่งนี่เป็นวิธีคิดที่ผิด เพราะจริง ๆ แล้ว ควรจะต้อง มีสมาธิเป็นอันดับแรก และควรให้ ความสำคัญกับ การออกท่าทาง ที่ถูกต้อง อย่าง การบิดสะโพก เวลาที่เตะ แล้วความแรง ก็จะตามมาเอง เป็นต้น

 

ฉะนั้นแล้ว เราควรที่จะ ไปยิม หรือ ฟิตเนส ให้ได้ อย่างน้อย 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เพื่อที่ไปเรียนรู้ เทคนิค ของการฝึกต่าง ๆ จาก ครูฝึกสอน เรียนมวยไทย เพราะเมื่อได้ แนวทางที่ถูก เราก็จะได้ ฝึกซ้อมมวยไทย ได้อย่างถูกต้อง แต่หากใคร ที่กำลังมองหาสถานที่ เรียนมวยไทย เราขอแนะนำ รัชดาฟิต ที่นี่เลย รับรองว่าถูกใจ ทุกคนอย่างแน่นอน

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง

 

เปลี่ยนวันที่น่าเบื่อ แล้วมาเรียกเหงื่อแก้เซ็งกันสักหน่อย ขอแนะนำให้ลองมา ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง อีกทั้งร่างกายยังหลั่งสารอะดรีนาลีนและฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมาด้วย ประโยชน์เยอะ

 

 

 

 

หากวันนี้ กลายเป็นอีกหนึ่งวัน ที่ต้องพบเจอปัญหา มามากมายสารพัดอย่าง จนทำให้รู้สึก หงุดหงิด หรือต้องการ อยากจะระบายอารมณ์มันออกมา ขอแนะนำเลยว่า การชกมวย หรือ มวยไทย ( Muay Thai ) นี่แหละ ตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ในการช่วยคลายเครียด ได้อย่างเยี่ยมเลยค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) คลายเครียด ได้อย่างดีเลยค่ะ

การชกกระสอบทราย ออกมาต่อยมวย ก็ช่วยระบายอารมณ์ ออกไปบ้าง จะทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีน และฮอร์โมนต่าง ๆ ในระหว่างการใช้แรง ส่งผลให้ร่างกาย และสมองของคุณ ได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะฉะนั้น การชกมวย จึงถือว่าเป็นการระบาย ความเครียด ที่ได้ผล และดีต่อทั้งสุขภาพกาย รวมถึงสุขภาพจิต ร่างกายยังหลั่งสารเอ็นดอฟิน ที่สามารถช่วยให้ มีความสุขขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ การชกมวยไทย ก็เป็น อีกทางเลือกหนึ่ง ที่นำมาในการบำบัด อาการซึมเศร้า นั่นเพราะ การชกมวย ถือเป็นการสร้าง ความมั่นใจ และเป็นความภาคภูมิใจในตัวเอง อีกทั้ง ถือเป็นการปลดปล่อย อารมณ์ ทั้งหลายมากมาย อาทิ ความหงุดหงิด ความโกรธแค้น และความเศร้า ช่วยปรับให้ค่อย ๆ มีสุขภาพจิตใจ ที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยค่ะ

 

 

หากคุณเป็นมือใหม่ เราก็มีท่าต่อยมวยง่าย ๆ ของกีฬา มวยไทย มาฝากด้วยค่ะ

 

1. ท่าศอก สำหรับท่านี้ จะเป็นการใช้ศอก เหวี่ยงแรงออกไปข้างหน้า เพื่อเป็นการป้องกันคู่ต่อสู้ เมื่อคุณฝึกจนชำนาญ ก็สามารถเพิ่มความท้าทาย ให้กับตัวเองได้ ด้วยการที่ทำท่าศอก เข้าร่วมกับ ท่าเตะ แบบเป็นเซ็ตดู ก็ช่วยเผาผลาญได้เยอะเลยค่ะ

 

2. ต่อยแย็บ ท่านี้ เป็นการต่อยหมัด ออกไปที่กระสอบทราย และดึงหมัดกลับเข้ามาด้วยความเร็ว

การสวิงน้ำหนัก ส่งแรงไปข้างหน้า ทำให้ขาข้างใดข้างหนึ่ง ต้องก้าวออกไปข้างหน้าด้วย แต่ว่าอย่าลืม สลับข้างต่อย เพื่อให้แขน และขา ทั้ง 2 ข้างของเรา สามารถทำงานเท่ากัน ถ้าไม่อย่างนั้น ก็ระวังกล้ามโต แค่ข้างเดียวนะคะ

 

3. ท่าเตะ วิธีง่ายเลยก็คือ ก้าวขาข้างหนึ่ง ไปด้านหลัง จากนั้น ออกแรงเกรงขา เตะส่งแรงออกไปที่กระสอบทราย ทำสลับซ้าย - ขวา นอกจากนี้ สำหรับสาว ๆ ก็ยังสามารถใช้ เข่าแทง ไปที่กระสอบทรายได้เช่นกัน หรือว่าจะใช้เท้าถีบก็ได้ เมื่อฝึกไปสักระยะนึง จนคุณและร่างกายของคุณ เกิดความชำนาญแล้ว พยายามถีบ ส่งแรงออกไปให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ประโยชน์อะไรต่อคุณบ้าง ?

 

1. ช่วยในเรื่องสมาธิ และลดความเครียด สร้างความสุข

การออกกำลังกาย ด้วยการต่อยมวย จะทำให้ร่างกาย หลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟิน ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ได้ถูกออกมา ทำให้เรารู้สึกดี และมีความสุขมากขึ้นค่ะ

 

2. สร้างหุ่น ที่ฟิต เป๊ะ เฟิร์มมากขึ้น

หากคุณกำลังต้องการมีซิกแพค สามารถเริ่มที่ ต่อยมวย ได้เช่นกัน นั่นเพราะ การชกมวย ต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก จะต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรง ส่งให้ออกหมัด ได้หนักมากขึ้น และเผาผลาญพลังงาน ได้มากยิ่งกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อบริเวณแกนกลางลำตัวแข็งแรง และสามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และสร้างกล้ามท้องได้นั่นเองค่ะ

 

3. ช่วยเบิร์นไขมัน

การชกมวย นั้นถือเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกายแบบ High - Intensity Interval Training หรือเรียกว่า การออกกำลังกาย แบบความเข้มข้นสูง ที่ช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือการปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงาน ที่ดีมากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง คุณสามารถเบิร์นไขมัน ได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที

 

4. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือด

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยให้ร่างกาย มีปอดที่ใหญ่มากขึ้น สามารถกระตุ้น ระบบการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดได้ดี ทั้งยังช่วยส่งผล ให้ระบบการไหลเวียนโลหิต ทั่วทั้งร่างกาย กลับมาเป็นไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

 

เห็นไหมคะ ว่าวันที่น่าเบื่อ เราก็แก้มันได้ง่ายมาก แล้วมาเรียกเหงื่อแก้เซ็งกันสักหน่อย ขอแนะนำให้ลองมา ต่อยมวยช่วยคลายเครียด กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง อีกทั้งร่างกายยังหลั่งสารอะดรีนาลีนและฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมาด้วย ประโยชน์เยอะ หุ่นดีอย่างบอกใครเชียวล่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

มาดูสัญญาณเตือน ว่าตัวคุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

เจาะลึก คลังศัพท์น่ารู้ ก่อนดู มวยไทย ( Muay Thai )

กีฬาแต่ละประเภท ต่างก็มีคำศัพท์ หรือชื่อเรียกเฉพาะของแต่ละประเภทที่แตกต่างกันไป ซึ่งมวยไทยเองก็เช่นกัน เคยเป็นกันไหมคะ เวลาที่เราดูมวยไทย แล้วได้ยินนักพากย์พูดคำว่า เจาะยาง เทกระจาด เก็บอาวุธ ซึ่งได้ยินแล้ว บางครั้งเราก็อาจจะไม่เข้าใจ

 

โดยหลาย ๆ ครั้ง ที่เราได้ยินคำเหล่านี้ เราก็อาจจะสงสัยว่า หมายความว่าอย่างไร ใช้กับสถานการณ์ไหน แต่บางครั้งก็เดาได้ แต่บางคำเองก็ยากที่จำเข้าใจ การที่เราได้เรียนรู้ คำ และความ ของศัพท์เหล่านี้ ก็จะช่วยให้เกิดประโยชน์ในการรับชมมวยไทย อีกทั้งมวยไทย ก็ยังเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยของเราอีกด้วย

 

 

 

หากคุณพร้อมแล้ว เรามาดูกันดีกว่า ว่าคำศัพท์แต่ละคำนั้น มีความหมายว่าอย่างไรบ้าง?

 

คำศัพท์มวยไทยบนสังเวียน

เจาะยาง : การเตะบริเวณน่องหรือต้นขาคู่ต่อสู้ 

ยางรั่ว / ยางแตก : นักชกที่โดนเตะตัดขาจนยืนไม่ไหว

ถีบจิก : การใช้ปลายเท้าจิกไปที่หน้าท้องหรือลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้

ไถนา : การจับขาคู่ต่อสู้แล้วดันไปข้างหน้าให้เสียหลัก 

เทกระจาด : การจับขาคู่ต่อสู้แล้วยกทิ้งลงพื้นสังเวียน

เก็บอาวุธ : การป้องกัน หรือปัดป้องอาวุธคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ

สวมหมวกกันน็อก : ตั้งการ์ดป้องกันศีรษะอย่างหนาแน่น

ตีหัวเข้าบ้าน : นักมวยที่รู้ว่าตัวเองชนะแล้วไม่เสี่ยงเดินหน้าแลกอาวุธ

ไล่ไม่จน : นักชกที่เป็นรองแต่เดินหน้าเข้าทำไม่ได้

วงนอก : การออกอาวุธในระยะห่างตัว

วงใน : การต่อสู้ในระยะประชิดตัว

ไล่แขน : การใช้มือกดบริเวณไหล่ ต้นคอ หรือท้ายทอยคู่ชก เพื่อหาเหลี่ยมออกอาวุธ

แต่งตัวช้า : ใช้เวลานานกว่าจะประกบตีเข่าได้

ศอกกลับ : การหมุนตัวตีศอกไปทางด้านหลัง

จด : การเตรียมท่าเพื่อพร้อมสำหรับการชก

เดินมวย : การย่องเท้าเหมือนม้าในการบุกหรือใช้ตั้งรับคู่ต่อสู้

สืบเท้า : การเคลื่อนตัวเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้

เหลี่ยม : การชิงจังหวะออกอาวุธ

 

คำศัพท์อื่น ๆ

คู่ค้ำ : คู่มวยที่ขึ้นชกก่อนคู่รอง และคู่เอก 

ขึ้นชั้น : นักมวยที่ได้ขึ้นสังเวียนเจอกับคู่ชกที่มีชื่อเสียงและความสำเร็จมากกว่า

ล้มมวย : นักมวยที่พยายามทำให้ตัวเองเป็นรองและเป็นฝ่ายแพ้ในการชก ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย

มวยส้วม : ใช้เรียกนักมวยที่ไม่ได้ซ้อมหรือซ้อมมาน้อย สุดท้ายพอขึ้นสังเวียนก็มักจะเป็นฝ่ายแพ้

เนื้อตัว : สภาพร่างกายนักมวยและฟอร์มการชกไฟต์ที่ผ่านมา

ตกตาชั่ง : ขึ้นชั่งน้ำหนักแล้วไม่ผ่านพิกัด

มวยตู้ : มวยที่มีถ่ายทอดผ่านทางทีวี มาจากการที่ทีวีสมัยก่อนมีรูปร่างสี่เหลี่ยมเหมือนตู้

มวยหู : บริการวิเคราะห์วิจารณ์คู่มวยทางโทรศัพท์ รวมทั้งการรายงานสด

 

ตำรับมวยไทย 5 ตำรับมวยไทย

มวยไทยนั้นมีหลักการพื้นฐานเดียวกัน คือ การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และศีรษะ ก่อเกิดกระบวนท่าทางต่าง ๆ นับร้อย ๆ กระบวนท่า โดยในแต่ละท้องที่ได้พัฒนาความสามารถและความถนัดในเชิงมวยที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนออกมาในลักษณะของความชำนาญในเชิงมวยและเทคนิควิธี โดยเฉพาะการคาดเชือกมีการเปรียบเปรยความสามารถเชิงมวยของท้องถิ่นต่าง ๆ ว่า “หมัดหนัก โคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา ครบเครื่องพลศึกษา”

- มวยโคราช มีการแต่งกาย การคาดเชือก การจดมวย การฝึกซ้อม การร่ายรำ และรูปแบบวิธีการชกที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการชกหมัดวงกว้างหนักหน่วงเรียกว่า “หมัดเหวี่ยงควาย”

- มวยลพบุรี เป็นมวยที่ชกฉลาด รุกรับคล่องแคล่วว่องไว ต่อยหมัดตรงได้แม่นยำ เรียกว่ามวยเกี้ยว หมายถึงมวยที่ใช้ชั้นเชิงเข้าทำคู่ต่อสู้โดยใช้กลลวงมากมาย เคลื่อนตัวอยู่เสมอ หลอกล่อ หลบหลีกได้ดี สายตาดี รุกรับและออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอกได้อย่างรวดเร็ว

- มวยไชยา เป็นศิลปะมวยประจำถิ่นแห่งอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นมวยมีชื่อเสียงมาแต่ ครั้งสมัยรัชการที่ 5 นอกจากจะใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แล้วยังมีวิชาของการต่อสู้มากมาย อาทิ การ “ทุ่ม ทับ จับ หัก” การเรียนการสอนเริ่มตั้งแต่เรียน การป้องกันตัว “ป้อง ปัด ปิด เปิด” จากนั้นจึงได้เรียนลูกไม้มวยไทยต่าง ๆ ต่างจากมวยทั่ว ๆ ไปที่เน้นการโจมตี สำหรับ ปรมาจารย์ไชยา ที่มีชื่อเสียงคือ อาจารย์เขตร ศรียาภัย

- มวยท่าเสา แห่งเมืองอุตรดิตถ์ มีความโดดเด่นมากมาย ในการจดมวยกว้างและให้น้ำหนักตัวออกไปทางด้านหลัง เท้าหน้า สัมผัสพื้นเบาๆ ทำให้ออกเชิงมวยได้ไกล รวดเร็วและรุนแรง หมัดหน้าห่างจากหน้าสูงกว่าไหล่ ส่วนหมัดหลังจะต่ำ และอีกมวยหนึ่งที่สำคัญในสายของพระยาพิชัยดาบหักนั้น เป็นทั้งมวยอ่อนและแข็ง สามารถรุกรับตามสถานการณ์ เรียนรู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง และคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ

 

เครื่องรางของขลัง มวยไทย

เครื่องรางของขลัง หมายถึง วัตถุมงคลที่ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของนักมวย สามารถป้องกันอันตรายได้ ซึ่งนักมวยเชื่อว่าจะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด คุ้มกำลัง มีมงคลสำหรับสวมศีรษะและประเจียดผูกติดกับต้นแขน ทำด้วยสายสิญจน์หรือผ้าดิบที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนต์ คาถา และเลขยันต์ แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้ายหรือสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบาอาจารย์ อิทธิฤทธิ์ ความศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีกรรม อำนาจของไสยเวทย์

- มงคล คือ เครื่องผูกศีรษะ และถือเป็นมงคลสูงสุดของนักมวย หมายถึง ความมีลาภ เคราะห์ดี ความสุข ความระมัดระวัง ถือเป็นความศักดิ์สิทธิ์ เป็นของสูง เป็นเครื่องรางของขลังที่สามารถป้องกันภัยให้กับนักมวยได้ มงคลมักทำจากด้ายหรือเชือกหรือผ้าดิบหลายชิ้นที่ลงอักขระ หัวใจมนตรา คาถา อาคม และเลขยันต์กำกับ นำมาถักและขึ้นรูปเป็นวงกลมให้กระชับศีรษะ

- ประเจียด คือ เครื่องผูกแขน เป็นเครื่องรางของขลังอีกอย่างหนึ่งของนักมวย เชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางที่คุ้มกันตัวนักมวยไทย ทำด้วยเชือกหรือผ้าลงเลขยันต์และอักขระมนตรา ส่วนมากทำจากผ้าดิบสีแดง ใช้ผูกที่ต้นแขนหรือคล้องคอก็ได้

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับศัพท์น่ารู้ของมวยไทย เพียงเท่านี้ เราก็จะเข้าใจเทคนิคและคำศัพท์ของ มวยไทย กันมากขึ้นแล้วค่ะ หากต้องการหาสถานที่ต่อยมวย ขอแนะนำ เจริญทองมวยไทยข้าวสาร สอนมวยไทยครบวงจร เดินทางสะดวก เรียนมวยไทย ต้องที่นี่ เจริญทองมวยไทย มีทั้ง 2 สาขา ข้าวสารและรัชดา ใกล้ที่ไหนก็เริ่มจัดเลยค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทยช่วยเสริมสร้าง ความสง่างามทางร่างกาย

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

เพิ่มระดับพลังงานด้วยมวยไทย การออกกำลังกายแบบไทยๆ

เพิ่มระดับพลังงานด้วยมวยไทย การออกกำลังกายแบบไทยๆ

เพิ่มระดับพลังงานด้วยมวยไทย การออกกำลังกายแบบไทยๆ เพราะ การออกกำลังกายด้วยมวยไทย มีบทบาทสำคัญใน การเพิ่มระดับพลังงาน และต่อสู้กับ ความรู้สึกเหนื่อยล้า โดยกิจกรรมทางกาย สามารถเพิ่มพลังงานได้ เมื่อคุณพยายามขยับร่างกาย อย่างเต็มที่

ผลลัพธ์ทางสรีรวิทยา และ จิตใจของ การออกกำลังกาย มีส่วนทำให้ ระดับพลังงานดีขึ้น โดย การออกกำลังกายด้วยมวยไทย ช่วยเพิ่มพลังงานได้ ดังต่อไปนี้

  • การไหลเวียน โลหิตดีขึ้น

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย จะเพิ่มอัตรา การเต้นของหัวใจ และ การไหลเวียนของเลือด ทั่วร่างกาย การไหลเวียนที่ดีขึ้นนี้ ช่วยเพิ่มการนำส่ง ออกซิเจน และ สารอาหาร ไปยังเนื้อเยื่อ และ กล้ามเนื้อ ส่งเสริมการผลิต และ การกระจายพลังงาน ที่ดีขึ้น

  • การปล่อย สารเอ็นโดรฟิน

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย กระตุ้นการปลดปล่อย สารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารเคมี ในสมองที่ ทำหน้าที่เป็น ตัวเพิ่มอารมณ์ ตามธรรมชาติ และ ลดความเจ็บปวด การเพิ่มขึ้นของ สารเอ็นดอร์ฟิน หลังออกกำลังกาย สามารถนำไปสู่ ความรู้สึกสบาย และ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยรวม ช่วยต่อต้าน ความรู้สึกเหนื่อยล้า

boxing

  • ลดความเครียด และ ความวิตกกังวล

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย ช่วยลดระดับ ความเครียด และ ความวิตกกังวล ความเครียดในระดับสูง สามารถนำไปสู่ ความเหนื่อยล้า ทางจิตใจ และ ร่างกาย แต่การออกกำลังกาย สามารถทำหน้าที่เป็น ตัวคลายความเครียด และ ช่วยให้คุณรู้สึก กระปรี้กระเปร่า มากขึ้น

  • คุณภาพ การนอนหลับ ที่ดีขึ้น

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย เป็นประจำนั้น สัมพันธ์กับคุณภาพ การนอนหลับที่ดีขึ้น และ รูปแบบการ นอนหลับที่ดีขึ้น การนอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ ในตอนกลางคืน ทำให้ระดับพลังงาน ในตอนกลางวัน เพิ่มขึ้น

  • ความแข็งแรง และ ความทนทาน ของกล้ามเนื้อดีขึ้น

เมื่อคุณออกกำลังกายด้วยมวยไทย เป็นประจำ และ ปรับปรุงระดับ ความฟิตของคุณ กล้ามเนื้อของคุณ จะแข็งแรงขึ้น และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น กล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น ต้องใช้ความพยายามน้อยลง ในการทำงานประจำวัน ช่วยลดความรู้สึก เมื่อยล้าทางร่างกาย

  • อารมณ์ดีขึ้น และ โฟกัสทางจิต

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย ส่งเสริมการตื่นตัว ทางจิต , ความชัดเจน และ โฟกัส สามารถช่วยให้ คุณรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และ พร้อมที่จะรับมือ กับงานต่าง ๆ ด้วยฟังก์ชัน การรู้คิดที่ดีขึ้น

  • ควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือด

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย ช่วยควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด โดยเพิ่มความไว ของอินซูลิน สิ่งนี้ สามารถป้องกัน ความผันผวนของ น้ำตาลในเลือด ที่อาจนำไปสู่ พลังงานขัดข้อง และ อารมณ์แปรปรวน

  • การเพิ่มขึ้นของ ไมโตคอนเดรีย

การออกกำลังกายด้วยมวยไทย เป็นประจำ จะนำไปสู่ การเพิ่มจำนวน และ ประสิทธิภาพของ ไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นขุมพลังของ เซลล์ของเรา ไมโตคอนเดรียที่มากขึ้น หมายถึง การผลิตพลังงาน ที่มากขึ้น ในระดับเซลล์

  • ความจุของปอด ที่เพิ่มขึ้น

การออกกำลังกายด้วยแม่ไม้มวยไทย เช่น ดับชวาลา หรือ ชวาซัดหอก ช่วยเพิ่มความจุ ของปอด ทำให้คุณได้รับ ออกซิเจนมากขึ้น ในการหายใจ แต่ละครั้ง ออกซิเจนที่มากขึ้น หมายถึง การผลิตพลังงาน ในร่างกาย ที่ดีขึ้น

  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และ ความเพลิดเพลิน

การมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางร่างกาย กับผู้อื่น สามารถให้ความรู้สึก ของการเชื่อมต่อ ทางสังคม และ ความเพลิดเพลิน เพิ่มอารมณ์โดยรวม และ ระดับพลังงานของคุณ

  • พักจากพฤติกรรมนั่งนิ่ง ๆ

การนั่งทำงานเฉย ๆ เป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ ความรู้สึกเฉื่อยชาได้ การออกกำลังกายด้วยมวยไทย เป็นประจำ จะช่วยสลายพฤติกรรม การนั่งนิ่ง ๆ และ สามารถฟื้นฟู ร่างกาย และ จิตใจของคุณได้

สิ่งสำคัญ คือ ต้องค้นหากิจวัตร การออกกำลังกายด้วยมวยไทย ที่เหมาะกับ ความชอบ และ ระดับความฟิต ของคุณ ความสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญ ในการได้รับ ประโยชน์จาก การออกกำลังกายผ่านมวยไทย ในระยะยาว อย่าลืมสังเกต ร่างกายของคุณ และ หลีกเลี่ยงการหักโหม เพราะ การออกกำลังกาย ที่มากเกินไป โดยไม่ได้พักผ่อน อย่างเหมาะสม อาจทำให้ อ่อนล้า และ หมดไฟได้ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ด้านสุขภาพทุกครั้ง ก่อนเริ่มโปรแกรม การออกกำลังกาย รูปแบบใหม่ เช่น Jaroenthong muaythai ratchada หรือ เจริญทองมวยไทย รัชดา ที่ยินดีบริการ ให้คำปรึกษากับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณมีโรคประจำตัว

           

อ่านบทความเพิ่มเติม

มาดูสัญญาณเตือน ว่าตัวคุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย

เทคนิคการฝึก มวยไทยป้องกันตัว ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง

มาดูสัญญาณเตือน ว่าตัวคุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย

มาดูสัญญาณเตือน ว่าตัวคุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย

มาดูสัญญาณเตือน ว่าตัวคุณต้องการ เทรนเนอร์ชกมวย

 

หากคุณออกกำลังกายมานาน แต่ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ หรือพอมา ชกมวย แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บ และอุบัติเหตุบ่อยครั้ง นั่นเป็นสัญญาณเตือนแล้วค่ะ ว่าเราต้องมีเทรนเนอร์ชกมวย คอยเข้ามาควบคุมดูแล ให้เราสำเร็จได้เร็วขึ้น

 

 

 

เทรนเนอร์ส่วนตัว นั้นคืออะไร?

Personal Trainer (PT) หรือ เทรนเนอร์ส่วนตัว คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการออกกำลังกาย บางคนก็อาจจบวิทยาศาสตร์การกีฬามาโดยตรง หรือ จบหลักสูตร อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย และโภชนาการโดยเฉพาะ เทรนเนอร์เหล่านี้ จะมาเป็นผู้ที่ช่วยดูแล เรื่องการออกกำลังกายของลูกค้า รวมถึง ให้คำแนะนำ ด้านโภชนาการ เพื่อช่วยให้ลูกค้า บรรลุเป้าหมายทางด้านการออกกำลังกาย ตามที่วางเอาไว้ในเวลาที่กำหนด

 

ทุก ๆ คน ล้วนมีเป้าหมาย ในการออกกำลังกาย ที่แตกต่างกัน เทรนเนอร์จะช่วยให้คุณ ไปถึงยังเป้าหมายได้ คุณจะไม่ได้เพียงแค่ แข็งแรงขึ้นเท่านั้น เทรนเนอร์จะช่วยพัฒนา ศักยภาพ ของร่างกายคุณ รวมถึง สอนการออกกำลังกาย ที่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราดีขึ้นอีกด้วย 

 

เทรนเนอร์ หลัก ๆ แล้ว ช่วยเราดูแลอะไรบ้าง

- ท่าทาง การจัดท่าทางให้ถูกต้อง จะช่วยลดความเครียด และอาการปวดต่าง ๆ บนร่างกายของคุณ คุณจะทำได้ดีขึ้น เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และมีอาการล้าน้อยลง

- การเคลื่อนที่ที่ดีและถูกต้อง ช่วยทำให้คุณขยับร่างกาย ได้ดีตามที่ควรจะเป็น โดยไร้ความเจ็บปวด และสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว สะดวกทุกท่วงท่า

- แกนกลางลำตัว เป็นส่วนสำคัญ ของการเคลื่อนไหว เกือบทุกรูปแบบ กล้ามเนื้อแกนกลาง ที่แข็งแรง ทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นคง ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกาย ได้ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

- ความแข็งแรงแข็งแกร่งที่ได้ จากการออกกำลังกาย เสริมความแข็งแรง ช่วยคุณให้พัฒนากระดูก เพิ่มสมรรถณะ จัดการเรื่องน้ำหนัก และช่วยทำให้คุณสามารถทำกิจกรรม ในชีวิตประจำวันได้ดี และง่ายขึ้นอีกด้วย

- บริหารหัวใจ สำหรับการบริหารหัวใจของคุณนั้น สามารถพัฒนาในเรื่องความอึด ถึก และความทนทาน คุณจะสามารถทำงาน ได้หนักมากขึ้น นานขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น

 

เรามาดูกันค่ะ ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราต้องมีเทรนเนอร์ ในการเข้ามาดูแลการออกกำลังกายของเรา หรือไม่

 

1. หากคุณเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง

สิ่งที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ คือ การผัดวันประกันพรุ่ง ชอบรอ ชอบบอกว่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวค่อยทำ เอาไว้ก่อน ถือเป็นการผ่อนปรนกับตัวเองมากเกินไป แน่ว่าว่า หากเราออกกำลังกาย และควบคุมอาหารด้วยตัวเองคนเดียว ก็อาจจะทำให้ เผลอปล่อยประละเลย จุดประสงค์ที่ต้องการชกมวยนั่นเอง

แต่ถ้าหากเป็นคน ที่ผ่อนปรนกับตัวเอง ประเภทที่ ทาน ๆ ไปเถอะ มื้อเย็นค่อยลด คำเหล่านี้เอง ที่ทำให้ความตั้งใจทั้งหลาย พังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็น ที่จะต้องมีใครสักคน มาคอยช่วยเหลือ กำชับ หรือเชิงบังคับ ให้คุณชัดเจนว่า เป้าหมายจริง ๆ ของคุณคืออะไร จะได้ถึงเป้าหมายได้อย่างสวยงาม

 

2. ไม่สามารถจัดการเวลาของตัวเองได้

หลาย ๆ คน ที่ชอบอ้างว่า ไม่มีเวลา เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถจัดการ และแบ่งเวลาได้แค่ไหน ให้ความสำคัญกับอะไรก่อน หรือหลัง ต้องรู้จักวางแผนให้ได้ แน่นอนว่า น้อยคน ที่จะให้ความสำคัญ กับการออกกำลังกาย หากว่ามีชีวิตงาน และส่วนตัว ที่วุ่นวายมากเกินไป

หากเรามีใครสักคน หรือเทรนเนอร์ ที่ช่วยจัดการเรื่องเวลา คำปรึกษา จัดตารางต่าง ๆ ให้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากจะได้ตารางการชกมวยที่ดี และเหมาะสมในการออกกำลังกายแล้ว ก็จะทำให้เวลาชีวิตของเราง่ายขึ้น และได้สุขภาพแข็งแรง พร้อมกับหุ่นสวยอีกด้วย

 

3. ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือป่วยจากการออกกำลังกาย แต่ก็ไม่เห็นหนทาง ที่เราอยากจะบรรลุเอ้าหมายเสียที ซึ่งพยายามแค่ไหน มันก็ไม่ใกล้สักที จนเริ่มท้อแล้วละก็ คงจะรู้สึกแย่มาก ๆ เลยใช่ไหมคะ อาจจะเพราะ เราไม่เคยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเลย ทั้ง ๆ ที่หลาย ๆ อย่าง ต้องใช้เวลา

แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว พยายามจนสุดทาง ก็ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลง นั่นแหละค่ะ ก็เป็นอีกสาเหตุ ที่เราควรมีเทรนเนอร์ ในการเข้ามาดูแล และช่วยเหลือ รวมถึงคำปรึกษา เพื่อให้บรรลุผล ตามที่ตั้งใจไว้ และพบกับการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้น

 

4. มีอาการบาดเจ็บ ทุกครั้งที่ออกกำลังกาย

หากออกกำลังกาย มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังมีอาการเจ็บปวด ต่อร่างกาย ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยังมีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นกับตัวเราบ่อยมากเกินไป อาจจะต้องศึกษาหาข้อมูล ก่อนที่จะออกกำลังกายต่อ หรือจะเลือกปรึกษา โดยให้เทรนเนอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาดูแล เพราะหากปล่อยไว้ แทนที่เราจะได้สุขภาพ ร่างกายที่แข็งแรง  ก็อาจจะยิ่งแย่ลง เพราะอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ค่ะ การที่มีเทรนเนอร์ คอยให้คำแนะนำ และดูแลในการออกกำลังกาย ก็จะช่วยทำให้เรา ออกกำลังกายได้ถูกวิธี และไม่เกิดอาการบาดเจ็บค่ะ

 

หากมีอาการเหล่านี้แล้วล่ะก็ เทรนเนอร์ก็ถือเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้การชกมวยของเรา ประสบความสำเร็จมากขึ้นค่ะ หากใครต้องการสถานที่ชกมวย จะมาออกกำลังกาย หรือกีฬามวย แบบครบวงจร ต้องที่นี่เลยค่ะ เจริญทอง มวยไทย เรามี 2 สาขาด้วย คือสาขาถนนข้าวสาร และสาขารัชดา ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่นได้เลยค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

เทคนิคการฝึก มวยไทยป้องกันตัว ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง

เทคนิคการฝึก มวยไทยป้องกันตัว ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง

มวยไทย เป็นกีฬา การต่อสู้ และ ศิลปะการป้องกันตัว ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย มวยไทยก็เป็น รูปแบบ การป้องกันตัว ที่มี ประสิทธิภาพ เช่นกัน เทคนิคการฝึก มวยไทยป้องกันตัว และ การเน้นไปที่การจู่โจม ทำให้ เหมาะสำหรับ สถานการณ์ในชีวิตจริง 

1. การตีขั้นพื้นฐาน : มวยไทย เน้นการใช้ เทคนิคการตี ที่หลากหลาย ท่าพื้นฐาน ได้แก่ หมัด ศอก เข่า และ เตะ เทคนิคเหล่านี้ ออกแบบมา เพื่อสร้างพลัง และ สร้างความเสียหาย แก่คู่ต่อสู้ ในสถานการณ์ การป้องกันตัว การรู้ วิธีออกหมัด อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ศอกกระแทก อย่างแรง หรือ ใช้เข่า หรือ เตะแรงๆ จะทำให้คุณ ได้เปรียบ และ สร้างโอกาส ในการหลบหนี 

2. การกอดกัน : การกอดกัน เป็นลักษณะ พื้นฐาน ของ มวยไทย ที่เกี่ยวข้อง กับ การต่อสู้ ระยะใกล้ และ การควบคุมคู่ต่อสู้ ในสถานการณ์ ป้องกันตัว ความสามารถ ในการเข้า ประชิดตัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้คุณ ควบคุม ผู้โจมตี ทำลาย สมดุลของพวกมัน และ สร้างโอกาส ในการโจมตี หรือ หลบหนี เทคนิค การกอดรัด เช่น การกอดคอ การกอดแขน และ การตีเข่ามีประโยชน์มาก ในการเผชิญหน้า ระยะประชิด

3. เทคนิคการป้องกันตัว : การฝึกมวยไทย รวมถึง เทคนิคการป้องกันตัว เพื่อหลบเลี่ยง หรือ สกัดกั้น การโจมตี จากผู้โจมตี เทคนิคต่างๆ เช่น การลื่นไถล การปัดป้อง และ การบล็อก สามารถช่วยให้คุณ หลีกเลี่ยงการชก การเตะ หรือ การโจมตีอื่นๆ ที่เข้ามาได้ การเรียนรู้ เทคนิคการป้องกัน ที่เหมาะสม สามารถ ลดผลกระทบ ของ การโจมตี และ สร้างโอกาส ในการโต้กลับ หรือ หลบหนี

4. เท้า และ การเคลื่อนไหว : มวยไทย ให้ความสำคัญ กับ การใช้เท้า และ การเคลื่อนไหว ความสามารถ ในการเคลื่อนที่ อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถ ช่วยให้คุณ รักษาระยะห่าง หลบเลี่ยงการโจมตี และ สร้างมุม สำหรับ การโต้กลับ การวางเท้า และ การเคลื่อนไหว ที่เหมาะสม ยังช่วยให้คุณ รักษาสมดุล และ ยืนหยัดได้ 

5. ความแข็งแกร่ง ทางจิตใจ และ ความตระหนักรู้ : สถานการณ์ การป้องกันตนเอง มักต้องการ การคิดอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจ และ ความสามารถ ในการสงบสติ อารมณ์ ภายใต้ ความกดดัน การฝึกมวยไทย ช่วยพัฒนา ความแข็งแกร่ง ทางจิตใจ ความมี ระเบียบวินัย และ ความสามารถ ในการประเมินสถานการณ์ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มันสอนให้คุณ ตระหนัก ถึงสิ่งรอบตัว คาดการณ์ภัยคุกคาม ที่อาจเกิดขึ้น 

6. การปรับสภาพร่างกาย และ ฟิตเนส : การฝึกมวยไทย ต้องใช้ร่างกาย และ ช่วยปรับปรุง สภาพร่างกาย มันช่วยเพิ่ม ความอดทน ความแข็งแรง และ ความยืดหยุ่น ของหัวใจ และ หลอดเลือด ซึ่งเป็นสิ่ง สำคัญ สำหรับ สถานการณ์ การป้องกันตัวเอง ที่อาจต้องใช้ พลังงาน และ การออกแรง ทางกายภาพ การมี รูปร่างที่ดี สามารถ เพิ่มความมั่นใจ และ ลดโอกาส ในการตกเป็นเป้าหมายได้

สิ่งสำคัญ คือ ต้องสังเกตว่า สถานการณ์ การป้องกันตนเอง ไม่สามารถ คาดเดาได้ และ วัตถุประสงค์หลัก ควรเป็นไป เพื่อความปลอดภัย ส่วนบุคคล และ สวัสดิภาพเสมอ การหลีกเลี่ยง หรือ ลดความขัดแย้ง เมื่อทำได้ คือ แนวทางที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากการเผชิญหน้า ทางกายภาพ เป็น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การมีทักษะ และ เทคนิคของมวยไทย จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการป้องกันตัวเองได้สำเร็จ

โปรดจำไว้ว่า การฝึกอบรม การป้องกันตัว เป็นมากกว่า การเรียนรู้ เทคนิคเท่านั้น นอกจากนี้ ยังรวมถึง การทำความเข้าใจ กฎหมาย การตระหนัก ในสถานการณ์ และ การใช้วิจารณญาณ ที่ดี ลองขอ คำแนะนำ จาก ผู้สอนมวยไทย ที่มีคุณสมบัติ เหมาะสม หรือ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการป้องกันตัว เพื่อให้แน่ใจว่า ได้รับ การฝึกอบรม ที่เหมาะสม และ เรียนรู้เทคนิค ที่เหมาะสม สำหรับสถานการณ์ การป้องกันตัวในชีวิตจริง และ หากใครอยากได้รับคำแนะนำดีๆ ต้องที่นี่เลย jaroenthongmuaythairatchada 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม : 

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย นั้นจะมี ประโยชน์ มากกว่าที่หลาย ๆ คน คิดกันไว้ อย่างแน่นอน เพราะการ ต่อยมวย ไม่ได้เพียงแค่ เสริมทักษะ ป้องกันตัว เพียงเท่านั้น แต่การฝึกเล่น กีฬามวยไทย ยังช่วย ในเรื่องของ ร่างกาย ที่แข็งแรง อีกด้วย

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง

หลาย ๆ คน อาจจะเคย ทราบกันมาว่า การเล่น กีฬามวยไทย หรือ การต่อยมวย นั้น จะสามารถ ช่วยในเรื่องของ ลดน้ำหนัก ได้ ซึ่งก็เป็น อีกหนึ่งทางเลือก ของคนที่ กำลังอยาก ลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก จากการฝึก กีฬามวยไทย การต่อยมวย ก็จะช่วย ให้เรา ได้ออกแรง ที่เยอะกว่า การออกกำลัง ตามยิม ในแบบปกติ เรามาดูกันว่า การต่อยมวย ให้ ข้อดี และ ประโยชน์ อะไรกับเรากัน อีกบ้าง

 

การชกมวย นั้น ยังกลายเป็น กีฬามวยไทย ที่ทุกคน สามารถจะ เล่นได้ใน โรงยิม ฟิตเนส และมี หลากหลายประเภท ที่ให้ ประโยชน์ อีกเยอะ มากมาย จะช่วยทำให้ รู้สึกผ่อนคลาย และช่วย เพิ่มความยืดหยุ่น ให้กับ ร่างกาย ของเรา ได้อีกด้วย การที่เราเลือก ออกกำลังกาย จากการฝึก กีฬามวยไทย หรือ การชกมวย นั้น สิ่งที่เป็น ประโยชน์ มากสุด ๆ เลย นั่นก็คือ การช่วยในเรื่องของ สมาธิ นั่นเอง

 

กีฬามวยไทย จะสามารถ ลดความเครียด และ ความวิตกกังวล ลงได้มาก เลยทีเดียว เพราะว่า การออกกำลังกาย จาก การชกมวย นั้นจะสามารถ ช่วยในเรื่องของ อารมณ์ ได้ดี อยู่แล้ว เพราะว่า ระหว่างที่เรา ออกกำลังกาย นั้น ร่างกาย ของเรา ก็จะ หลั่งฮอร์โมน เอนโดรฟิน ซึ่งเป็น ฮอร์โมน  แห่งความสุข ที่ออกมา นั้นเอง จึงทำให้ เรารู้สึกดี และมีความสุข มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สิ่งที่เราควรรู้ ก็คือ การออกกำลังกาย ด้วยการเล่น กีฬามวยไทย หรือ การซ้อมมวย นั้นเป็น การออกกำลังกาย ในแบบที่ เข้มข้นสูง และต่ำ สลับกันไปมา ช่วงที่มี ความเข้มข้นสูง นั่นก็คือ ช่วงที่เรา ออกอาวุธ ได้ปล่อย หมัด หรือได้ เตะ ซึ่งก็เหมือน กับเราได้ ปลดปล่อยพลัง และระบายอารมณ์ ไปด้วย อย่างเต็มที่ นั้นเอง ส่วนช่วงที่มี ความเข้มข้นต่ำ ก็คือ ช่วงที่เราฟุตเวิร์ค หรือจด ๆ จ้อง ๆ เตรียมพร้อมที่จะ ออกอาวุธ นั่นเอง โดยช่วงนี้ ก็คือ ช่วงที่เรา จะต้องใช้ สมาธิ ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาไหน ของการฝึก กีฬามวยไทย ซ้อมมวย ก็จะเป็น ช่วงเวลา ที่จะใช้ สมาธิที่สูง เราจึงไม่มีเวลา ที่จะไป คิดเรื่องอื่น ๆ ให้ฟุ้งซ่าน อย่างแน่นอน นั่นเอง

 

กีฬามวยไทย เป็นกีฬา ที่จะสามารถ กระตุ้นการทำงาน ของหัวใจ และหลอดเลือด ได้เป็นอย่างดี เพราะการที่ ได้ชื่อว่าเป็น การออกกำลังกาย ที่เล่นเอาซะ หลาย ๆ คนเหนื่อยหอบ กันเลยทีเดียว จึงถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งชนิด กีฬาที่จะช่วย ให้เรามี ปอดที่ใหญ่ขึ้น และปอด สามารถทำงาน ได้อย่างเต็มที่ มากยิ่งขึ้น และยังสามารถ กระตุ้นการทำงาน ของหัวใจ และหลอดเลือด ได้ดี เพราะว่า การที่จะทำเช่นนั้นได้ เราจะต้อง ออกกำลังกาย ให้หัวใจ และปอด มีความเครียด ที่อยู่ใน ระดับปานกลาง ซึ่งการซ้อม กีฬามวยไทย ซ้อมมวย นั้นจัดให้เรา ได้ทุกวันกันอยู่แล้ว การที่เราฝึก กีฬามวยไทย เป็นประจำ จึงทำให้ หัวใจ และปอด ของเรา ทำงานได้ดี มากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้ ระบบการไหลเวียนเลือด ไปทั่ว ร่างกาย เป็นไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เพราะว่า เป้าหมายของการฝึก กีฬามวยไทย ก็คือ ให้ทุกส่วนของ ร่างกาย ได้ใช้งาน ที่นอกเหนือ ไปจากการ กระตุ้นความแข็งแรง ของ ร่างกาย และ ระบบไหลเวียนเลือด การชกมวย ก็ยังช่วยเพิ่ม การฝึกทักษะ ที่เกี่ยวข้องกับ การทรงตัว หรือ การทำงานประสานกัน ของอวัยวะ ปฏิกิริยาตอบโต้ และ ความคล่องตัว เป็นต้น

 

ข้อดีในการฝึก กีฬามวยไทย ก็จะช่วยเสริม ความแข็งแรง ให้กับ กล้ามเนื้อ ในส่วนต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น ข้อมือ, แขน, ขา, และข้อเท้า เพื่อ ร่างกาย ที่แข็งแรง และยังช่วย กระชับสัดส่วน ที่ต้องการได้ อย่างเช่น ต้นแขน และต้นขา ที่สำคัญเลยคือ ช่วยในการ ฝึกสมาธิ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

มวยไทยช่วยเสริมสร้าง ความสง่างามทางร่างกาย

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย

หากเอ่ยถึง ตำนานมวยไทย แน่นอนว่า ทุกคนคงรู้จัก นายขนมต้ม ที่สุดแห่งตำนานมวยไทย บรมครูแห่งวงการมวย ที่ใครๆ ต่างก็ได้มีนายขนมต้มเป็นต้นแบบ ไปรู้จักกันเลยดีกว่า

 

 

นายขนมต้ม เป็นสุดยอดตำนานนักมวยไทย ที่ทั้งคนไทย และต่างชาติต่างรู้จักดี มีชื่อเสียงเลื่องลือ ในเรื่องของการชกมวย จากเหตุการณ์ ที่ชกชนะนักมวยพม่า ชายเลือดนักสู้นี้ สร้างชื่อเสียง ให้กับกรุงศรีอยุธยา และชาติไทย วันนี้เราจะมารู้จักประวัติของนายขนมต้มกัน

 

นายขนมต้ม ชกมวยชนะนักมวยพม่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2317 ประวัตินายขนม เกิดวันอังคาร เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ศ. 2293 ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่บ้านกุ่ม โดยในปัจจุบัน ที่แห่งนี้คือ ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อนายขนมต้ม มีอายุ 10 ปี เขาต้องมาอาศัยอยู่วัด เพราะว่า พ่อแม่ถูกพม่าฆ่าตายทั้งคู่ เมื่อเริ่มเติบโตเป็นหนุ่ม เขาจึงเริ่มฝึกวิชามวยไทย จนในสมัยพระเจ้าเอกทัศ กรุงศรีอยุธยา ต้องเสียพ่ายแก่พม่า นายขนมต้มถูกกวาดต้อนไปเมืองพม่า

 

นายขนมต้ม เขาเป็นชาวบ้านที่มีฝีมือ ในเชิงมวยไทยที่ดีมากๆ คนหนึ่ง ตั้งแต่ก่อนที่จะเสียกรุง เหล่าขุนนางพม่าได้นำตัวนายขนมต้ม เข้าถวายแด่พระเจ้าอังวะ พระเจ้าอังวะจึงได้ทรงโปรดให้จัดนักมวยพม่าเข้ามาเปรียบมวยด้วย นายขนมต้ม เมื่อได้คู่ชกแล้ว พระองค์ก็โปรดให้ชกกัน หน้าพระที่นั่ง

 

นายขนมต้ม เขาเป็นชายฉกรรจ์ รูปร่างล่ำสัน บึกบึน ผิวดำ เกล้าผมมวย ก่อนที่จะเริ่มทำการชกนายขนมต้มได้ทำพิธีไหว้ครู ตามแบบธรรมเนียมแบบมวยไทย ออกวาดลวดลายต่าง ๆ งดงามยิ่งด้วยท่าทางที่มั่นคง ซึ่งชายเลือดนักสู้นี้ สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับกรุงศรีอยุธยา และชาติไทย โดยอาศัยความสามารถเชิงหมัดมวย

 

เมื่อพระเจ้ามังระ ได้ทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์ และก่อเติมเสริมสร้างพระเจดีย์ ชเวดากอง ในเมืองย่างกุ้ง เป็นการยิ่งใหญ่นั้น ครั้นงานสำเร็จลง ในปี พ.ศ. 2317 พอได้ถึงวันฤกษ์งามยามดี นั่นคือ วันที่ 17 มีนาคม จึงโปรดให้มีการทำพิธียกฉัตรใหญ่ ขึ้นไว้สูงบนยอดเพื่อเป็นปฐมฤกษ์ แล้วได้ทรงทำพิธีเปิดงานมหกรรมฉลอง อย่างยิ่งใหญ่มโหฬาร ขุนนางพม่า ได้กราบทูลว่า "นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก"

 

พระเจ้ามังระ จึงได้ตรัสสั่งให้เอาตัวนายขนมต้ม นักมวยดีมีฝีมือ ตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาถวาย โดยที่ พระเจ้ามังระ ได้ให้จัดมวยพม่า เข้ามาเพื่อเปรียบกับนายขนมต้ม โดยจัดให้ชก ต่อหน้าพระที่นั่ง ปรากฏว่า นายขนมต้มได้ชกพม่า ไม่ทันถึงยก ก็ชนะมากถึงเก้าคนสิบคน พระเจ้ามังระ ทอดพระเนตรก็ยกพระหัตถ์ตบพระอุระ ตรัสสรรเสริญ นายขนมต้มว่า “ คนไทยนี้มีพิษสงอยู่รอบตัว แม้มือเปล่ายังสามารถเอาชนะคนได้ ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดแข้งขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยเล่า กรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ”

 

“ หิรัญม้วนแผ่นดิน ” แม่ไม้มวยไทยลูกหนึ่ง ที่นายขนมต้มนำมาใช้ แก้ลำมวยปล้ำของเหล่านายทหารยอดมวยพม่า ทำให้ทุกคนภายในสนาม หน้าพระที่นั่งตลึง โดยวงการพนันพลิกล๊อค ทุกคนในที่นั้นแทบไม่เชื่อตาตัวเอง ว่านายขนมต้มยอดมวยไทย เอาชนะมวยพม่าได้อย่างไร เพราะว่าตลอดเวลา นายขนมต้มนั้นตกเป็นฝ่ายรับ อย่างล้มลุกคลุกคลาน แต่ทว่าเหตุการณ์พลิกผัน กลายเป็นนายขนมต้ม คว่ำนักมวยพม่าลงได้อย่างขาวสะอาด สวยงาม ด้วยการใช้ศอก กลับตวัดเข้าแสกหน้า แล้วเลือดสาด สลบคาเวที

 

“ ณรงค์พยุหบาท ” เป็นกระบวนท่า แม่ไม้มวยไทยลูกหนึ่ง ที่เป็นการใช้เท้า บุกเข้าโจมตี ด้วยการถีบ เตะ เหวี่ยง ให้คู่ต่อสู้เสียหลัก จนทำให้นักมวยพม่า ตีกรรเชียงถอยพายุเท้า ของนายขนมต้มเป็นกาหล จากการที่นายขนมต้ม นั้นใช้เท้าเตะรบกวนแถวชายโครง ใบหน้า และตามลำตัวจึงสามารถทำให้นักมวยพม่า มัวสาละวนอยู่กับการปิดป้อง หลบหลีกพายุเท้า จึงช่วยทำให้ช่วงล่างของนักมวยพม่าตาย คือขานั้น ไม่ถอยตามจังหวะ ยืนเฉยๆ อยู่กับที่ ใช้แต่มือปัดป้องช่วงบน เป็นโอกาสเพื่อให้นายขนมต้ม เตะปัดเท้าหน้าของนักมวยพม่า ทำให้เสียหลักเอียงวูบลง นายขนมต้ม ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ผ่านไป จึงหมุนตัวกลับ และใช้ส้นเท้ากระแทกเข้ากกหู ด้วยท่า “จรเข้ฟาดหาง” นักมวยพม่าหูอื้อ ตาพล่า และหมดสติไปทันทีนั่นเอง

 

หลังชนะนักมวยพม่า พระเจ้ามังระ จึงได้ปูนบำเหน็จ แก่นายขนมต้ม แต่งตั้งเป็นข้ารับใช้ในกรุงอังวะ แต่เขาปฏิเสธ และขอให้พระเจ้ามังระปลดปล่อยตน และเชลยคนไทยทั้งหมด ให้เป็นอิสระ เพื่อกลับบ้านเกิด พระเจ้ามังระยอมทำตามความประสงค์ ในที่สุดนายขนมต้ม และเหล่าเชลยไทย จึงได้รับอิสรภาพ และได้กลับแผ่นดินไทย ที่ขณะนั้นได้ก่อตั้งกรุงธนบุรี เป็นราชธานี อยู่ในช่วงสมัยของพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่มีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นั่นเอง โดยที่ นายขนมต้ม อาศัยอยู่บ้านเกิดอย่างสงบ ไม่มีบันทึกไว้ ว่าเสียชีวิตเมื่อใด

 

วันที่ 17 มีนาคม ถือเป็นวันเกียรติประวัติของนายขนมต้ม และเพื่อเป็นเกียรติแก่นักมวยไทย นอกจากนี้ ชาวอยุธยาจึงได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นายขนมต้ม ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัด แม้กระทั่งที่บนแผ่นดินเกิดที่ อ. บางบาล ก็ได้สร้างอนุสาวรีย์นายขนมต้มไว้ ไว้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนวัดจุฬามณี ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล อนุสาวรีย์นายขนมต้ม มีความสูง ๒.๔ เมตร เพื่อเป็นอนุสติ เตือนใจและให้ลูกหลานไทย ยึดถือเป็นแบบอย่างสืบไปค่ะ

 

เห็นไหมคะว่ามวยไทยของเรา นั้นมีประวัติมาอย่างยาวนาน และทรงคุณค่า ดังนั้น เราจึงควรร่วมกับอนุรักษ์และสืบสานประเพณีที่ดีงามเหล่านี้เอาไว้ค่ะ

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

มวยไทยช่วยเสริมสร้าง ความสง่างามทางร่างกาย

มวยไทยช่วยเสริมสร้าง ความสง่างามทางร่างกาย

มวยไทยช่วยเสริมสร้าง ความสง่างามทางร่างกาย ด้วยการนำ ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ของประเทศไทยนี้ มาประยุกต์ให้ กลายเป็นการ ออกกำลังกาย ที่ใครก็ตามก็สามารถ ปฏิบัติตามได้ง่าย ช่วยเสริมสร้าง บุคลิกภาพ , ความแข็งแกร่ง และ เพิ่มความมั่นใจที่ดูดีมากขึ้น

            มวยไทย ช่วยเสริมสร้าง สุขภาพที่ดีของ หัวใจของคุณ และ เพิ่มการ ไหลเวียนของ เลือด ลดความเสี่ยง ในการเกิด โรคหัวใจ และ หลอดเลือด เช่น หัวใจวาย และ โรคหลอดเลือดสมอง ช่วยควบคุม รักษาน้ำหนัก ให้อยู่ใน เกณฑ์ปกติ โดยการ เผาผลาญแคลอรี และ สร้างกล้ามเนื้อ ตามหลัก ดัชนีมวลกาย การออกกำลังกาย จะเพิ่มการผลิต โกรทแฟคเตอร์ (Growth factors) ในสมอง ซึ่งสนับสนุน การอยู่รอด และ การเติบโต ของ เซลล์ประสาท ซึ่งนำไปสู่ ประสิทธิภาพ การรับรู้ที่ดีขึ้น ในท้ายที่สุด นอกจากนี้ มวยไทย สามารถนำมา ประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน ได้หลาย ๆ รูปแบบ โดยเฉพาะ การออกกำลังกาย และ การยกระดับจิตใจ ที่ช่วยส่งเสริม ความสง่างาม ด้านกายภาพ ดังนี้

muaythai

  • ความสง่างาม ทางร่างกาย

การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย ที่สม่ำเสมอ ช่วยให้ ลดน้ำหนัก จากไขมันส่วนเกิน , กระชับกล้ามเนื้อ และ ปรับปรุงลักษณะ ทางกายภาพ โดยรวมของคุณ วิธีนี้ จะทำให้คุณ มีเสน่ห์มากขึ้น สำหรับคนอื่น ๆ และ เพิ่มความมั่นใจ ในตัวเอง ปรับปรุง บุคลิกท่าทาง ทำให้ เมื่อยืน หรือ นั่ง จะดูตัวสูงขึ้น เพราะ กล้ามเนื้อ ได้รับการ ยืดหยุ่น และ ผ่อนคลาย ออกจาก อาการ ออฟฟิสซินโดรม ที่มีการนั่ง ทำอากัปกิริยา ต่อคอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือ อยู่ท่าเดียว จึงไม่ก้มหัว หรือ โค้งไหล่ ไปข้างหน้า เมื่อนั่ง หรือ ยืน ทำให้ดู มีความมั่นใจ และ สง่าผ่าเผย มากขึ้น

การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย จะช่วยเพิ่มระดับ พลังงานของคุณ และ ทำให้รู้สึก มีพลัง และ มีชีวิตชีวา มากขึ้น ซึ่งอาจ ดึงดูดใจผู้อื่น ว่า คุณมีบุคลิก และ อารมณ์ที่ ผ่อนคลาย , มีเสน่ห์ และ น่าเข้าหาได้ง่าย นอกจากนี้ การออกกำลังกาย สามารถปรับปรุง ลักษณะผิว ให้มีความชุ่มชื้น และ ดูมีสุขภาพดี มากขึ้น โดย กระตุ้นการไหลเวียน ของเลือด และ ส่งเสริม การส่งสารอาหาร และ ออกซิเจน ไปยังเซลล์ผิว ของคุณ ช่วยลด อาการแก่ชรา บนผิวหนัง กระชับ ลักษณะผิว ให้มีความ เต่งตึง ไม่หมองคล้ำ ทำให้ ในภายนอก ดูมีการเสริมสร้าง ความสง่างาม มากขึ้น

และ เมื่อ คุณอารมณ์ดีขึ้น และ ความเครียดลดลง เนื่องจาก การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย เป็นประจำ ช่วยกระตุ้น การหลั่งสาร เอ็นโดรฟิน (Endorphins) ซึ่งเป็น สารสื่อประสาท ที่ส่งเสริม ความรู้สึก ให้มีความสุข และ ความเป็นอยู่ที่ดี นอกจากนี้ ยังช่วยลด ระดับฮอร์โมน ความเครียด ต่าง ๆ ได้ เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งอาจ ส่งผลเสียต่อ ความสามารถ ในการรับรู้ เมื่อคุณ อารมณ์ดี และ มีความเครียด ที่น้อยลง  ความสามารถ ในการคิด , การโฟกัส และ การแก้ปัญหา ของคุณ ก็จะดีขึ้น ทำให้คุณ มีสีหน้าที่สดใส ไม่ดูมีสีหน้า หรือ ท่าทางที่อมทุกข์ ความสง่างาม ภายใน จึงเปล่งประกาย ออกมาข้างนอกได้

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะมวยไทย ประโยชน์ของ การต่อสู้ ที่ดี

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

ศิลปะมวยไทย ประโยชน์ของ การต่อสู้ ที่ดี

ศิลปะมวยไทย ประโยชน์ของ การต่อสู้ ที่ดี

ศิลปะมวยไทย ถือเป็นกีฬา การต่อสู้ ชนิดหนึ่ง ซึ่งได้รับ ความนิยม และ ความสนใจ เป็นอย่างมาก ใช้เพียงแค่ หลักพื้นฐาน และ ทักษะการต่อสู้ ของ ร่างกาย เป็นหลัก วันนี้เรา จะมาบอกถึง ศิลปะมวยไทย ประโยชน์ของ การต่อสู้ ที่ดี ของ มวยไทย กัน

ศิลปะมวยไทย ประโยชน์ของ การต่อสู้ ที่ดี

การฝึก ศิลปะมวยไทย ที่ก่อให้เกิด การพัฒนา ทางด้าน ร่างกาย, จิตใจ, อารมณ์, และ สังคม ที่ช่วยสร้าง ความมีระเบียบวินัย และ ส่งเสริม ด้นการ อนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ที่เป็น ศิลปะการต่อสู้ ป้องกันตัว ของ ศิลปะมวยไทย ที่สามารถ ช่วยเหลือตัวเอง และ ผู้อื่นได้ ในยามคับขัน ได้ดี อีกด้วย นอกจากนี้ การฝึก ศิลปะมวยไทย ยังสามารถ นำไปใช้ ในการแสดง ศิลปะมวยไทย และ ยังสามารถ นำไปเป็น อาชีพ เพื่อ สร้างรายได้ ให้กับ ตัวเอง อีกด้วย

 

1. ศิลปะมวยไทย จะช่วยพัฒนา ด้านสังคม เพราะ มวยไทย เป็น ศิลปวัฒนธรรม ด้านหนึ่ง ที่ผู้ฝึกหัด ศิลปะมวยไทย และ นักกีฬามวยไทย ก็เหมือนเป็น ผู้รักษา ทะนุบำรุง และ ดำรงไว้ ซึ่งความเป็น เอกลักษณ์ ของชาติ และยังเป็น เครื่องยึดเหนี่ยว โน้มน้าว ให้คนไทย รักหวงแหน และ สามัคคีกัน  ในหมู่คณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยส่งเสริม ให้ ประเทศชาติ มี ความมั่นคง และสืบ ต่อไป ในภายภาคหน้า

 

2. ศิลปะมวยไทย โดยจะช่วย เรื่องพัฒนาการ ทางด้านอารมณ์ การออกกำลังกาย และ การฝึกซ้อม การแสดงด้าน ศิลปะมวยไทย และ การแข่งขัน ที่จะสามารถ เจอได้ทั้ง ความผิดหวัง หรือ ความสมหวัง รวมไปถึง ความเจ็บปวด ทางด้าน ร่างกาย ฉะนั้นแล้ว นักกีฬามวยไทย ก็จะต้องมี ความอดทน และ อดกลั้น ได้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถ เป็น นักมวย ที่ดีได้ ซึ่ง นักมวย ที่มีประสบการณ์ ที่เกี่ยวกับ การแพ้ หรือ การชนะ จาก การแข่งขัน ศิลปะมวยไทย บ่อย ๆ ก็จะทำให้มี อารมณ์ที่มั่นคง และมี ความเชื่อมั่น ในตัวเอง

 

3. ศิลปะมวยไทย ที่จะช่วย ในเรื่องการ พัฒนาทางกาย ที่ช่วยทำให้ ร่างกาย ของเรา นั้นสมบูรณ์ และมี ความแข็งแรง มีสมรรถภาพ ในด้านของการ ปฏิบัติงาน ที่ดี มีร่างกาย และ บุคลิกภาพ ที่เหมาะสม ในเรื่องการ เป็นผู้นำ ที่มี ร่างกาย ที่สง่างาม ที่สมกับ ชายชาตรี อีกด้วย

 

4. ศิลปะมวยไทย ช่วยในการ เสริมสร้าง ด้านคุณธรรม ซึ่งจากประวัติศาสตร์ ที่ทำให้เห็น ได้เด่นชัดว่า การฝึก มวยไทย นั้นจะสามารถ เสริมสร้าง  ด้านคุณธรรม และ จริยธรรม ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิด ในตัวของ นักมวย อย่างเช่น ความซื่อสัตย์ สุจริต อาทิเช่น นายทองดี  ฟันขาว หรือว่า พระยาพิชัย ที่ได้แสดง ความจงรักภักดี ต่อ พระเจ้าตากสินมหาราช และ เด็กชายบุญเกิด ที่ได้เรียน ศิลปะมวยไทย กับ นายทองดี  ฟันขาว ที่ได้เฝ้า ติดตาม รับใช้ ร่วมรบ เคียงบ่า เคียงไหล่ กับ พระยาพิชัย จนกระทั่ง ได้เสียชีวิต ในสนามรบ ทำเพื่อ ปกป้อง และคุ้มครอง พระยาพิชัย นั่นเอง

 

ศิลปะมวยไทย น้ัน เป็นการฝึก เพื่อให้ ร่างกาย ของเรา มีความสัมพันธ์ ระหว่างตา สมอง และ กล้ามเนื้อ ในส่วนที่ เกี่ยวข้อง กับการ เคลื่อนไหว ได้อย่างยอดเยี่ยม และการเป็นคน ที่มี ความแอ็คทีฟ กระฉับกระเฉง น้ันก็เป็น เพราะว่า การฝึก ซ้อมมวย จำเป็นจะต้องเสริม สร้างกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง ในทุกส่วน ของ ร่างกาย โดยระหว่างฝึก ศิลปะมวยไทย เราจะต้อง มีสมาธิ ตาต้องไว และมีการ ออกอาวุธ ที่รวดเร็ว เคลื่อนที่ว่องไว และหลบหลีก การโจมตี ของ คู่ต่อสู้ จึงถือได้ว่า ศิลปะมวยไทย มี ประโยชน์ ของ การต่อสู้ ที่ดีได้นั่นเอง

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

 

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

วันนี้บทความ ของเรา จะพาทุก ๆ คน มารู้จักกับ ประโยชน์มวยไทย เพราะว่า กีฬามวยไทย ถือได้ว่า เป็นกีฬา ที่ช่วยในการ ป้องกันตัว ได้อย่างดี ถ้าหากเราฝึกอย่างถูกวิธี แต่จะ ฝึกมวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย ของเรา มาดูกัน

ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย

กีฬามวยไทย หรือ ต่อยมวย นั้น จะมี ประโยชน์ มากกว่า ที่หลาย ๆ คนคิดกัน เพราะว่า การหัดต่อยมวย ไม่ได้ทำเพื่อ เสริมทักษะ การต่อสู้ หรือป้องกันตัว เพียงอย่างเดียว เท่านั้น แต่อย่างที่หลาย ๆ คน อาจจะ เคยทราบกันมา ว่า การต่อยมวย จะช่วย ในเรื่องของการ ลดน้ำหนัก ให้กับหลาย ๆ คนได้ดี ซึ่งก็เป็นอีก หนึ่งทางเลือก ของคนที่กำลัง อยากจะ ลดน้ำหนัก เพราะ การต่อยมวย ก็จะช่วยให้เรา ได้ออกแรง ที่เยอะกว่า การออกกำลังกาย ตามยิม ในแบบปกติ ซึ่งเรามาดู กันดีกว่าว่า ประโยชน์มวยไทย เล่นอย่างไร ให้ดีต่อร่างกาย ของเรา ได้อีกบ้าง

 

1. ประโยชน์มวยไทย ช่วยในการ เผาผลาญพลังงาน ได้รวดเร็ว

ซึ่งการขึ้นชก บนสังเวียน 1 ยก ก็คือการ ใช้ร่างกาย ให้ไปถึงระดับสูงสุด และการพัก ระหว่างยก ก็คือ การทำให้ร่างกายฟื้นตัว จากความอ่อนล้า ได้รวดเร็วขึ้น โดยเป็น การออกกำลังกาย ที่ผสมผสาน เผาผลาญพลังงาน และการใช้ออกซิเจน และไม่ใช้ออกซิเจน เข้าด้วยกัน อีกด้วย การออกกำลังกาย ในประเภทมวยไทย จะช่วยเสริม สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว และมีพลัง ที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วย กระตุ้นระบบเผาผลาญ ในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบ กับการวิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน ก็จะ เผาผลาญพลังงาน ได้มากกว่า แต่จะใช้ เวลาที่น้อยลง

 

2. ประโยชน์มวยไทย ช่วยเพิ่มสมาธิ และ ลดความเครียด

ประโยชน์มวยไทย ซึ่งเป็น การออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกซ้อมมวยนั้น จะเป็น การออกกำลังกาย ในแบบที่สูง และต่ำสลับกัน โดยช่วงที่มี ความเข้มข้นสูงนั้น ก็คือ ช่วงที่เรา ออกอาวุธ และได้ ปล่อยหมัด หรือ ได้เตะ ซึ่งก็เหมือนเรา ได้ปลดปล่อยพลัง ระบายอารมณ์ไปด้วย ในส่วนช่วงที่มี ความเข้มข้นต่ำ ก็คือ ช่วงที่เราฟุตเวิร์ค หรือจดจ้อง เตรียมพร้อมที่จะ ออกอาวุธ นั่นเอง ซึ่งช่วงนี้คือ ช่วงที่เราจะต้องใช้สมาธิ ดังนั้น ประโยชน์มวยไทย ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาไหนของ การซ้อมมวย ก็จะเป็นช่วงเวลาที่จะ ใช้สมาธิสูง และ ลดความเครียด เราจึงไม่มีเวลา ที่จะไปคิดเรื่องอื่น ๆ ให้ฟุ้งซ่าน แน่นอน

 

3. ประโยชน์มวยไทย ปรับสมดุล ของร่างกายได้ดี

ประโยชน์มวยไทย ถ้าหากเรา ต่อยมวย เป็นประจำ ก็จะช่วย ในเรื่องของ ปรับสมดุล ของร่างกายได้ดี จึงทำให้ ไม่มีโรคร้ายใด ๆ มาเยือน ร่างกายของเรา แถมยังสามารถ สร้างกล้ามเนื้อ ให้ร่างกาย ในแต่ละส่วน ทั้งแขน ขา หรืออาจจะ เป็นช่วงท้อง ดังนั้นแล้ลว ประโยชน์มวยไทย รับรองได้เลยว่า การต่อยมวย นั้น จะส่งผลดี ต่อสุขภาพ ทั้งร่างกาย และจิตใจ ของเรา อย่างแน่นอน

 

4. ประโยชน์มวยไทย ช่วยให้ หัวใจแข็งแรงขึ้น

มวยไทยเป็นกีฬา ที่จะสามารถ ช่วยในการ กระตุ้นการทำงาน ของ หัวใจ และหลอดเลือด ได้ดี เพราะว่า การที่เรา จะทำแบบนั้นได้ เราก็จะต้อง ออกกำลังกาย เพื่อให้ หัวใจ และ ปอด ให้มีความเครียด ในระดับปานกลาง หรือน้อยลง เพราะว่า ประโยชน์มวยไทย จะทำให้ หัวใจแข็งแรงขึ้น และ ปอด ของเรา ทำงานได้ดี มากยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงส่งผลให้ ระบบไหลเวียนเลือด ทั่วร่างกาย เป็นไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเอง

 

ซึ่งแน่นอนว่า ประโยชน์มวยไทย หรือ การต่อยมวย นั้น ช่วยส่งผลดี ให้ดีต่อร่างกาย ของเรา และสามารถ ลดน้ำหนัก ได้จริง ๆ จึงช่วยให้เรา มีหุ่นดี ๆ หน้าท้องแบนราบ และ เพิ่มกล้ามเนื้อ สร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้ง ยังสามารถ ลดได้ ทุกสัดส่วน ในร่างกาย อีกด้วย เพราะว่า ประโยชน์มวยไทย การต่อยมวย นั้น จะต้องมี การเคลื่อนไหว ของร่างกาย ในทุกส่วน อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ การต่อยมวย นั้น สามารถที่จะ ลดไขมัน ในร่างกาย ได้ดี ถือได้ว่า ประโยชน์มวยไทย นั้นมีเยอะมากจริง ๆ และยังส่งผลดี ต่อร่างกาย อีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทำไม ประเทศต่างๆ ถึงมี ศิลปะการป้องกันตัว (Martial art)

มวยไทย ( Muay Thai ) เสริมร่างกาย ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค

 

martialart

ทำไม ประเทศต่างๆ ถึงมี ศิลปะการป้องกันตัว (Martial art)

ไม่ว่าจะเป็น ประเทศแถบตะวันออก หรือ อเมริกาใต้ ต่างก็มี ศิลปะการป้องกันตัว ท้องถิ่งทั้งนั้น ซึ่งประเทศของเรา ก็มี “มวยไทย” ( Muay thai หรือ Thai boxing ) เป็นศิลปะการป้องกันตัว และ กีฬาการต่อสู้ที่ มีต้นกำเนิด ในประเทศไทย และ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แล้วทำไม แต่ละประเทศ ถึงมี ศิลปะการป้องกันตัว หรือ Martial art ที่ไม่ซ้ำใครกันเลย

            เพราะเนื่องจาก ปัจจัยทาง ประวัติศาสตร์ , วัฒนธรรม และ ภูมิศาสตร์ ผสมผสานกัน รวมเป็น เอกลักษณ์เฉพาะ ในแต่ละประเทศ ต่อไปนี้ เป็นเหตุผล บางประการที่ แต่ละประเทศ อาจพัฒนา ศิลปะการป้องกันตัว ที่เป็น เอกลักษณ์ ของตน

maart

  • การป้องกันตนเอง และ การทำสงคราม

แต่เดิม ศิลปะการต่อสู้ เกิดขึ้นจาก ระบบการต่อสู้ และ การป้องกันตัวเอง ภูมิภาค และ วัฒนธรรมต่าง ๆ พัฒนา ศิลปะการต่อสู้ เพื่อป้องกันตนเอง จากภัยคุกคามภายนอก หรือ เข้าร่วมในสงคราม เทคนิค และ วิธีการฝึกอบรม ได้รับการ ปรับให้เหมาะสม กับ ความท้าทาย และ สภาพแวดล้อม เฉพาะที่ ประชากรในท้องถิ่นต้องเผชิญ

  • เอกลักษณ์ ทางวัฒนธรรม และ ประเพณี

ศิลปะการต่อสู้ สามารถฝังลึกใน วัฒนธรรม และ มรดก ของประเทศได้ พวกเขา มักจะสะท้อน ค่านิยม , ขนบธรรมเนียม และ ประเพณี ของสังคม ที่พวกเขาอยู่มา ศิลปะการต่อสู้ สามารถถูกมองว่า เป็นรูปแบบหนึ่ง ของการแสดงออก ทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นตัวแทนของ ประวัติศาสตร์ , ปรัชญา และ สุนทรียศาสตร์ ของประเทศใด ประเทศหนึ่ง

  • สมรรถภาพทางกาย และ สุขภาพ

ศิลปะการต่อสู้ ส่งเสริม สมรรถภาพทางกาย , ความยืดหยุ่น , ความแข็งแรง และ การประสานงาน ในหลายประเทศ ศิลปะการต่อสู้ ได้รับการฝึกฝน เพื่อพัฒนาสุขภาพ และ ความเป็นอยู่ที่ดี เทคนิค และ กิจวัตรการฝึกอบรม ได้รับการ ออกแบบมาเพื่อเพิ่ม ความสามารถทางร่างกาย , ฝึกฝนระเบียบวินัย และ เสริมสร้างสมาธิ

  • กีฬาที่มีการแข่งขัน

ศิลปะการป้องกันตัว ได้พัฒนามาเป็น กีฬาที่มีการแข่งขัน โดยมีกติกา และ การแข่งขัน ที่เป็นมาตรฐาน แต่ละประเทศ อาจพัฒนา ศิลปะการป้องกันตัว หรือ กีฬาต่อสู้ ของตนเอง เพื่อเป็นช่องทาง ในการเข้าร่วม การแข่งขันระดับนานาชาติ , จัดแสดงนักกีฬาของตน และ ส่งเสริมความภาคภูมิใจ ของชาติ

  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

สภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติ ของภูมิภาค สามารถมีอิทธิพลต่อ การพัฒนา ศิลปะการต่อสู้ ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มี ภูมิประเทศเป็นภูเขา อาจเน้นเทคนิคการต่อสู้ เน้นการปีนป่าย หรือ การต่อสู้ระยะประชิด ในขณะที่ พื้นที่ชายฝั่งทะเล อาจเน้นไปที่ การต่อสู้ทางทะเล หรือ ศิลปะการใช้อาวุธ

  • การอนุรักษ์มรดก ทางวัฒนธรรม

ศิลปะการต่อสู้ สามารถใช้เป็น วิธีการรักษา มรดก ทางวัฒนธรรม ของประเทศ และ ส่งต่อความรู้ดั้งเดิม จากรุ่นสู่รุ่น พวกเขารวบรวม ประวัติศาสตร์ , นิทานพื้นบ้าน และ ประเพณี ของประเทศใด ประเทศหนึ่ง ช่วยรักษา เอกลักษณ์ ทางวัฒนธรรม และ ส่งเสริม ความสามัคคีของชาติ

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญ คือ ต้องทราบว่า ในขณะที่ ศิลปะการต่อสู้ มักจะเกี่ยวข้องกับ การต่อสู้ และ การป้องกันตัวเอง พวกมันยังได้ พัฒนาไปสู่ รูปแบบต่าง ๆ ของระเบียบวินัยทาง ร่างกาย และ จิตใจ , การพัฒนาส่วนบุคคล และ กิจกรรมสันทนาการ ที่ผู้คนทั่วโลก สามารถฝึกฝนได้ ความหลากหลายของ ศิลปะการต่อสู้ ในแต่ละประเทศ ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ ให้กับภูมิทัศน์ของ ศิลปะการต่อสู้ ทั่วโลก แสดงให้เห็นถึง เอกลักษณ์ และ ความหลากหลาย ของวัฒนธรรม ของมนุษย์ เช่น ประเทศไทย มี มวยไทย , ประเทศญี่ปุ่น มี คาราเต้ , ประเทศเกาหลี มี เทควันโด , ประเทศบราซิล และ อเมริกาใต้ มี คาโปเอย์ร่า

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

8 ประโยชน์ดีๆ ของมวยไทย (Muay thai) ที่คุณไม่ควรพลาด

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

muay-thai-two-man

8 ประโยชน์ดีๆ ของมวยไทย (Muay thai) ที่คุณไม่ควรพลาด

มวยไทย ( Muay thai หรือ Thai boxing ) เป็นศิลปะการป้องกันตัว และ กีฬาการต่อสู้ที่ มีต้นกำเนิด ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในด้านการฝึก ที่มีความใส่ใจสูง และ การออกกำลังกาย ทั่วร่างกาย  ซึ่งประโยชน์ของ การฝึกมวยไทย มีดังนี้

muayrhai

  1. การออกกำลังกาย ทั่วร่างกาย

มวยไทย เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ร่างกายอย่างมาก ซึ่งต้องใช้ทั้ง ร่างกายของคุณ และ เกี่ยวข้องกับ หมัด ,  เตะ , เข่า และ ศอก ซึ่งต้องมี การกระตุ้นการทำงานของกลุ่ม กล้ามเนื้อต่าง ๆ การฝึกมวยไทย ช่วยพัฒนาสมรรถภาพหัวใจ และ หลอดเลือด , ความแข็งแรง , ความอดทน , ความว่องไว และ การประสานงาน

  1. ความแข็งแรง และ การปรับสภาพ ที่เพิ่มขึ้น

การฝึก มวยไทย อย่างเข้มงวด ช่วยสร้างความแข็งแกร่ง และ การปรับสภาพโดยรวม การเคลื่อนไหว ที่โดดเด่นซ้ำ ๆ , การคลุกวงใน และ เทคนิคการป้องกัน จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ และ พัฒนากำลัง ในแขน , ขา  , ช่วงตัวตรงกลาง และ หลัง

  1. สุขภาพหัวใจ และ หลอดเลือด ดีขึ้น

การชก มวยไทย เป็นการออกกำลังกาย ที่มีความเข้มสูง ซึ่งช่วยเพิ่ม อัตราการเต้นของหัวใจ และ เพิ่มความทนทาน ของหัวใจ และ หลอดเลือด การผสมผสาน ระหว่าง การเคลื่อนไหว แบบระเบิดพลัง , การวางเท้า อย่างต่อเนื่อง และ การฝึกซ้อม อย่างเข้มข้น ทำให้ได้ ออกกำลังหัวใจ และ หลอดเลือด ที่ดีเยี่ยม ช่วยปรับปรุง สุขภาพของหัวใจ และ ความจุของปอด

  1. การผ่อนคลาย ความเครียด และ มีสุขภาพจิตดี

การชก มวยไทย เป็นการ ระบายความเครียด และ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น การออกกำลังกาย อย่างหนัก จะหลั่งสาร เอ็นโดรฟิน ( Endorphins ) ซึ่งเป็น ตัวกระตุ้นอารมณ์ ตามธรรมชาติ ส่งเสริมความรู้สึก ที่มีความสุข และ ลดระดับความเครียด การโฟกัสที่จำเป็น ระหว่างการฝึก สามารถช่วยให้ จิตใจปลอดโปร่ง และ เพิ่มสมาธิ

  1. ทักษะ การป้องกันตัว

มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ เชิงปฏิบัติที่ สอนเทคนิคการป้องกันตัว ที่มีประสิทธิภาพ มีการฝึกอบรมที่ เน้นเทคนิคการจู่โจม , การกอดรัด และ กลยุทธ์การป้องกันตัว ที่สามารถนำไปใช้ใน สถานการณ์การป้องกันตัว ในชีวิตจริง ส่งเสริมความมั่นใจ และ ความปลอดภัย ส่วนบุคคล

  1. การมี ระเบียบวินัย และ ความมั่นใจในตนเอง

การฝึก มวยไทย ช่วยปลูกฝังระเบียบวินัย , การควบคุมตนเอง และ ความมานะ อุตสาหะ การฝึกฝนเป็นประจำ จะช่วยพัฒนา ความแข็งแกร่ง ทางจิตใจ , ความมั่นใจในตนเอง และ จรรยาบรรณ ในการทำงาน ที่แข็งแกร่ง การเอาชนะ ความท้าทาย ทางร่างกาย และ จิตใจ ในการฝึก สามารถแปลเป็นการ เพิ่มความมั่นใจ และ ความยืดหยุ่น ในด้านอื่น ๆ ของชีวิต

  1. การควบคุมน้ำหนัก

การชก มวยไทย เป็นกิจกรรมที่ เผาผลาญแคลอรีสูง ซึ่งสามารถช่วยในการ ลดน้ำหนัก และ ควบคุมน้ำหนักได้ การออกกำลังกาย อย่างเข้มข้น ช่วยเผาผลาญ แคลอรี จำนวนมาก และ เพิ่มการเผาผลาญ ส่งผลให้ ร่างกายแข็งแรง

  1. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และ ชุมชน

การฝึก มวยไทย มักเกิดขึ้นในกลุ่ม ทำให้มี ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และ มีโอกาสที่จะ เป็นส่วนหนึ่งของ ชุมชน ที่ให้ความสนับสนุน การฝึกอบรม ร่วมกับผู้อื่น ที่มีเป้าหมายคล้ายคลึงกัน ช่วยส่งเสริม ความสนิทสนมกัน เพิ่มแรงจูงใจ และ ความรู้สึกที่ได้เป็น ส่วนหนึ่งของที่นี่

สิ่งสำคัญคือ ต้องทราบว่า มวยไทย เป็นกีฬาที่ต้องใช้ร่างกาย และ การฝึกฝน ใช้เทคนิค และ ข้อควรระวัง ด้านความปลอดภัย อย่างเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญใน การป้องกันการบาดเจ็บ ผู้เริ่มต้นเล่น หรือ ผู้ที่เริ่มสนใจ ควรขอคำแนะนำ ที่มีคุณภาพ และ ค่อย ๆ พัฒนาความเข้มข้น ของการฝึก และ ระดับทักษะ ที่มากขึ้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

กฎ กติกา การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

ออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องลองเลย

อยากเผาผลาญ พร้อมทั้งได้ฝึกสมาธิเต็มๆ รูปแบบ ต้องลองนี่เลย มาออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่จะสร้างความฟิตให้คุณไปทุกส่วนของร่างกาย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิเลย ว่า ถือเป็น ศิลปะการต่อสู้ ( Martial Art ) ในรูปแบบหนึ่ง ถือได้ว่า กีฬาประจำชาติไทย และมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย ที่ถือว่ามีชื่อเสียงมากมาย และโด่งดังไปทั่วโลก ค่ายมวยต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ เปิดสอนให้กับชาวต่างชาติ ที่ต่างมุ่งมั่นเข้ามา เพื่อฝึกฝนวิชาการต่อสู้นี้ กับต้นฉบับที่ประเทศไทย อย่างโดยเฉพาะ บางคนก็มาอยู่ มากิน ใช้ชีวิตที่นี่ ฝึกซ้อมกัน ในค่ายมวยนานนับเดือน หรือบางคน ก็มาอยู่เป็นปีๆ กันเลย

 

 

 

ไอคอนสำคัญ ที่ถือเป็นการจุดประกาย ให้ชื่อเสียงสุดปังของ มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นที่รู้จัก และถูกจับตามองคนหนึ่ง ก็คือ จา พนม จากภาพยนตร์ เรื่องอค์บาก นี่เองที่ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นจุดหมายให้ใครๆ ก็อยากมาทำความรู้จักกับ ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai ) นี้ให้มากขึ้น โดยนอกจาก เป็นกีฬาการต่อสู้ ที่คุณเองก็สามารถสร้างความแข็งแกร่ง แข็งแรง ให้กับร่างกาย ได้ใช้ทุกๆ ส่วนของร่างกาย เพื่อเป็นอาวุธ ทั้ง หมัด, เท้า, เข่า, ศอก สามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกๆ ส่วนของร่างกายของคุณ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ยังมีส่วนช่วย ในด้านการฝึกฝนจิตใจ ฝึกสมาธิได้ดีอีกด้วย โดยปัจจุบัน มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ปรับรูปแบบให้ทันสมัย สื่อสารง่ายๆ เป็นการออกกำลัง อีกชนิดหนึ่งที่มีเปิดให้เรียน และเทรนนิ่งกันในหลายๆ ที่ รวมทั้งที่ เจริญทอง ของเราด้วย ทางเราก็ยังมี บริการ ฟิตเนส ที่ช่วยเสริมสร้างความฟิต และช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างเห็นผล ลองแวะมาซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) กับเราได้

 

 

ประโยชน์สำคัญ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง ?

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยสำหรับพัฒนาสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้น

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นการออกกำลังกาย ที่คุณจะได้ใช้กล้ามเนื้อเกือบทุกๆ ส่วนของร่างกาย เป็นการออกกำลังกายที่เผาผลาญแคลอรี และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วๆ ไปแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) เผาผลาญแคลอรีได้ประมาณ 600-700 แคลอรีต่อชั่วโมง โดยมาตรฐานในการเทรนด์ปกติ นั้นจะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง เท่ากับว่าใน 1 ครั้งสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่า ถึง 1,500 แคลอรี ยิ่งควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย ก็จะยิ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้อีกทาง

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสำหรับการจัดการความเครียด

จากหลายๆ ความเห็นของคนที่เคยผ่านการฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) ข้อหนึ่งที่พูดเหมือนกันคือมวยไทยเป็นตัวช่วยในการจัดการความเครียดที่ดีมากๆ อย่างหนึ่ง นอกจากที่สารเอนโดรฟินหลังที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง ก็ยังเป็นการสร้างความท้าทายให้กับผู้ฝึกฝนให้ก้าวข้ามขีดจำกัด ได้ปลดปล่อยศักยภาพของตัวเอง ทั้งช่วยสร้างความมั่นใจและช่วยส่งเสริมวินัยของจิตใจผ่านการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกความเมื่อยล้าและเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ที่เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักจะทำให้คุณอยากเอาชนะไปให้ได้

 

3. มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสำหรับการป้องกันตัว

เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่คนทั่วๆ ไป เข้ามาเลือกเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เพื่อเป็นทักษะในการป้องกันตัวในเบื้องต้น เมื่อเจอภัยกับตัวเอง ซึ่งต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ และสามารถใช้งานได้ดี ในยามฉุกเฉิน อาทิ การถีบ เป็นการเตะ เพื่อเป็นการผลักคู่ต่อสู้ออกไป ขัดขวางการเคลื่อนไหว เมื่อคุณเผชิญหน้ากัน หรือการใช้ศอกและเข่า ในระยะประชิด ก็ได้ประสิทธิภาพอย่างดีมากๆ แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการฝึกฝน อย่างชำนาญ อย่างเป็นพิเศษมาก่อน แม้ว่าการหนี นั้นจะเป็นการป้องกันการปะทะได้ดีที่สุด แต่เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเกิดมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นหนึ่งศิลปะการต่อสู้ ที่มีศักยภาพ ที่สามารถช่วยปกป้องคนที่เรารักได้

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ รูปแบบของ การออกกำลังกาย เบิร์นไขมันเท่ๆ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาฝากกัน ประโยชน์เยอะมากๆ ดีขนาดนี้ ต้องเริ่มฝึก มวยไทย กันแล้วค่ะ ติดต่อสอบถามได้ทันทีเลยนะคะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

กฎ กติกา การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

กฎ กติกา การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

มวยเป็นกีฬาที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน แต่จะดูแล้วสนุกกว่า ถ้าคุณได้รู้จักกับ กฎ กติกา การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) วันนี้มาดู กติกาต่างๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้

 

 

 

กีฬาทุกๆ ชนิด เมื่อได้ทำการแข่งขัน ก็จะต้องมีการกำหนดกติกา เพื่อมากำหนดควบคุม ในการแข่งขันให้เป็นไปด้วย ความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อเป็นการป้องกันความวุ่นวาย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มวยไทย ( Muay Thai ) เองก็เช่นกัน เมื่อได้ทำการแข่งขัน นั้นจำเป็น ต้องมีการวางกฎ กติกา ให้ผู้เข้าแข่งขัน นั้นปฏิบัติเหมือนกัน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ และเพื่อความยุติธรรม ให้แก่ผู้เข้าแข่งขันทุกฝ่าย กฎ กติกา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นกติกาที่ปรับปรุงมาเป็นลำดับเพื่อให้เหมาะสมกับกาลสมัยที่แตกต่างกัน  กติกาการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ฉบับแรกมีใช้เมื่อก่อตั้งสนามมวยราชดำเนินขึ้น อย่างเป็นทางการ โดยมีการปรับปรุงมาจาก กฎ กติกา มวยสากล ที่ได้มีการแข่งขันกันอยู่ในเวลานั้น ก่อนจะค่อยปรับปรุงมาเรื่อยๆ จนถึงยุคปัจจุบัน มี กฎ กติกา ของการแข่งขันที่ได้ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ให้ใช้โดยทั่วๆ กันทุกๆ สนามเพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานเดียวกัน กฎ กติกา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ยุคสมัย ได้แก่

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับกติกาการแข่งขันในสมัยโบราณ

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นมีการฝึกสอน และการแข่งขันในประเทศไทย มาตั้งแต่สมัยอดีต สำหรับ กฎ กติกา ในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในสมัยโบราณ แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีกติกาที่แน่นอน การเปรียบเทียบเพื่อชกในอดีตจะยึดหลัก ของความสมัครใจเป็นที่ตั้ง ไม่มีการชั่งน้ำหนัก เพราะว่า ต่างถือว่าขนาดของร่างกาย อายุ น้ำหนัก และส่วนสูงไม่มีความสำคัญมาก เท่ากับฝีไม้ลายมือในชั้นเชิงมวยไทย ( Muay Thai ) ไม่มีการกำหนดยกในการแข่งขันที่แน่นอน นั่นคือ นักมวย ก็จะชกกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถชกต่อได้ ก็ให้ฝ่ายที่ยังยืนอยู่เป็นผู้ชนะ แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ทุกๆ ท่า นั้นนำมาใช้ในการแข่งขันได้หมด ส่วนเวลาในการชกแต่ละยก ก็สามารถใช้กะลา เพื่อเจาะรูลอยน้ำ เมื่อกะลาจม ก็จะถือว่าหมดยก ทำให้ กฎ กติกา แบบนี้ นั้นไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควร นั่นเพราะ กะลามีใบเล็ก ใบใหญ่ ขนาดก็ไม่เท่ากัน และรูที่เจาะ ก็มีรูเล็กรูใหญ่ ที่ไม่เท่ากันอีกด้วย ทำให้กะลาจมลงไปในน้ำ ในเวลาต่างกัน ยังไม่มีการกำหนดมุม เป็นมุมแดง และ มุมน้ำเงิน  ไม่มีชุดที่ใช้ในการแข่งขันเฉพาะใครใส่ชุดใดก็ได้ชุดนั้นแข่งขันได้เลย แต่ให้คาดเชือก ที่หมัดทั้งสองข้าง

 

ซึ่งกล่าวโดยสรุปแล้ว กฎ และกติกา ของการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ของประเทศไทย ตั้งแต่ในอดีต นั้นมีความไม่แน่นอน โดยจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ และเปลี่ยนไป ตามความสมัครใจ ของนักมวย ทั้ง 2 ฝ่าย ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนา เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และปลอดภัยมากขึ้น

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กติกาการแข่งขันในยุคสมัยปัจจุบัน

กติกา มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยปัจจุบันจะถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนครอบคลุมทุกๆ เรื่อง การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) โดยในปัจจุบันนักมวยต้องสวมนวมขนาด  4  ออนซ์ แต่งกายแบบนักกีฬามวยคือ สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้าหรือไม่ก็ได้ เครื่องรางของขลังผูกไว้ที่แขนท่อนบนได้ ส่วนเครื่องรางอื่นๆ ใส่ได้เฉพาะตอนร่ายรำไหว้ครู แล้วจากนั้นให้ถอดออกตอนเริ่มทำการแข่งขัน ในการแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คนกรรมการให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยก ในการแข่งขัน จะมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คนกรรมการให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยกในการแข่งขันมี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที การแข่งขันแบ่งเป็นรุ่นตามน้ำหนักตัวของนักมวยเหมือนกับหลักเกณฑ์ของมวยสากล อวัยวะที่ใช้ในการต่อสู้ อันได้แก่ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ ถอง เป็นต้น ได้ทุกส่วนของร่างกายโดยไม่จำกัดที่ที่ชก

 

 

และนี่ก็เป็น กฎ กติกา การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาฝาก รับรองเลยว่าการรับชมมวยไทยของคุณ จะสนุกสนานมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย

การฝึกทักษะด้าน มวยไทย ให้กับ ร่างกาย

การฝึกทักษะด้าน มวยไทย ให้กับ ร่างกาย

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากจะมี หุ่นฟิต หุ่นสวย ที่ดูดี หรือผู้ชาย ที่อยากจะ สร้างกล้ามเนื้อ และ อยากเสริมสร้าง การฝึกทักษะ วันนี้บทความ ของเรา จะมาแนะนำกีฬา กับ การฝึกทักษะด้าน มวยไทย ให้กับ ร่างกาย ของเรากัน แต่จะมีทักษะอะไรบ้าง มาดูกัน

การฝึกทักษะด้าน มวยไทย ให้กับ ร่างกาย

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการ ออกกำลังกาย ที่จะต้องใช้ ทุกส่วนของ ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ศีรษะ ลงมาจนถึง เท้า ของเรา ที่จะต้องใช้ ทุกส่วนทั้ง ประสาทสัมผัส ความเร็ว และ ไหวพริบ และยังจะต้อง เป็นคนช่างสังเกต เพราะการฝึก มวยไทย ในแต่ละครั้ง จะต้องใช้พลังงาน เป็นอยากมาก ยิ่งสำหรับ คนที่เป็น นักมวย มืออาชีพ ด้วยแล้ว ก็ต้องฝึกซ้อม ไปแข่ง หรือว่า ขึ้นสังเวียน เพื่อที่จะไปล้ม คู่ต่อสู้ ให้ได้ ฉะนั้น จะต้องใช้ ความสามารถทั้ง ร่างกาย และ จิตใจ ที่สูงมาก ๆ และ ซึ่งวันนี้ เราจะมาบอก เกี่ยวกับ ทักษะด้าน มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร กับเราได้บ้าง

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในเรื่อง ของการ ฝึกวินัย สำหรับ นักมวย หรือ ผู้ที่ฝึก ซ้อมมวย แล้วจำเป็น ที่จะต้อง ฝึกมวย ซ้ำ ๆ กัน ในทุก ๆ วัน  ซึ่งย้ำว่า จะต้องฝึก และ ออกกำลังกาย ทุกวันจริง ๆ เพื่อให้ ร่างกาย ของเรา นั้นมี ความแข็งแรง และ สร้างกล้ามเนื้อ ให้กับ ร่างกาย ของเรา ที่สำคัญ จะต้องดูแล ร่างกาย ให้พร้อม อยู่เสมอ ๆ เพื่อที่จะไปแข่ง หรือว่าไป ขึ้นสังเวียน ฉะนั้น มวยไทย ก็จะเป็นคนที่ ตรงต่อเวลา และ มีวินัย ในการฝึกซ้อม นั้นเอง

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในเรื่อง ของการ ฝึกความอดทน มวยไทย เป็นกีฬา ที่จะต้องใช่ ความอดทน เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การ ฝึกซ้อม หรือ การแข่งขัน เพราะในแต่ละครั้ง ของการฝึก เราจะต้องใช้ ร่างกาย ของเรา ในการฝึก อย่างมาก ไม่ว่าจะ การชก การออกหมัด การขยับตัว ไปมา นั้นเป็นการฝึก ความอดทน ไปในตัว ซึ่งแน่นอนว่า การฝึก มวยไทย จะสามารถ ช่วยฝึก ความอดทน ได้ดี เลยทีเดียว

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในเรื่อง ของการ ฝึกความมีไหวพริบ มวยไทย นั้น เป็นกีฬา ที่จะต้องใช้ ความสามารถ ในทุกส่วนของ ร่างกาย ของเรา ซึ่ง ไหวพริบ เป็นสิ่งจำเป็น อย่างมาก ในการฝึก มวยไทย เพราะการฝึก ในแต่ละครั้ง เราจะต้องมี สติ ไหวพริบ และสมาธิจดจ่อ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งถ้าเราฝึกซ้อม มวยไทย เป็นประจำ อย่าต่อเนื่อง ในทุกวัน ก็แน่นอนว่า สติ ไหวพริบ และสมาธิ ของเรา จะต้องดีขึ้นมาก อย่างแน่นอน

4. มวยไทย ( Muay Thai ) ที่จะทำให้ การทำงาน ภายใต้ความกดดันได้ดี มวยไทย เป็นกีฬา ที่จะต้องแข่งขัน และใช้ ความสามารถ ของตัวเราเอง ที่สูงมาก เพราะว่า การแข่งขัน หรือการ ขึ้นสังเวียน ในแต่ละครั้ง เราจะต้องเจอ กับ คู่ต่อสู้ ของเรา ในแบบ ตัวต่อตัว และคนดู มากมาย ที่พร้อมให้เรา ได้รับ แรงกดดัน ที่สูงมาก และยังไม่รวม ไปถึง คู่ต่อสู้ ที่จะต้อง สร้างแรงกดดัน ให้เราได้ เป็นอย่างดี แต่การที่เรา จะเจอสิ่งพวกนี้บ่อย ๆ หรือว่า มีประสบการณ์ ในการแข่ง ที่ผ่านมาเยอะ ก็จะทำให้ ความกดดันเหล่านี้ หายไป และสามารถที่จะ ทนแรงกดดันได้ดีกว่าเดิม

 

เพื่อน ๆ ก็คงเห็นถึง การฝึกทักษะด้าน มวยไทย ( Muay Thai ) กันแล้ว ถ้าหากใครที่ อยากจะลองฝึก มวยไทย ก็สามารถเข้ามา ลองฝึกกันได้ที่ เจริญทองมวยไทยรัชดา กันได้นะ

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) เสริมร่างกาย ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค

มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เสริมร่างกาย ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค

มวยไทย ( Muay Thai ) เสริมร่างกาย ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ได้รับ ความนิยม ไปอย่าง ทั่วโลก ทั้งใน ประเทศไทย และ ต่างประเทศ ซึ่งการ ฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างเป็นประจำ จะช่วย เสริมร่างกาย ให้มีความ แข็งแรง และ ทำให้ ห่างไกล จากโรคต่าง ๆ ได้

มวยไทย ( Muay Thai ) เสริมร่างกาย ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค

การคาร์ดิโอแบบ มวยไทย ( Muay Thai )

หากคุณจะเริ่ม ออกกำลังกาย ให้ฟิตแบบ นักมวย ก็ควรจะต้อง เริ่มจาก การคาร์ดิโอ เพื่อทำให้ ร่างกาย มีความ แข็งแรงก่อน ซึ่งการ คาร์ดิโอนี้ จะทำได้ ตั้งแต่การ ซิทอัพ วิ่ง หรือ กระโดดเชือก ซึ่งไม่ใช่ การกระโดดเชือก ในแบบทั่ว ๆ ไป แต่เป็นการฝึก ที่จะมี รูปแบบ ในการกระโดด ที่หลากหลาย และ มีการฝึก ความแข็งแรง ของร่างกาย ในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อ บริเวณหลังแขน การวิดพื้น และ การฝึกด้วย ลูกบอล สำหรับ เทรนนิ่ง ในท่าทางต่าง ๆ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเปิดการ เผาผลาญ พลังงาน ได้เร็วมากกว่า

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการ ชกมวย ที่อาจเป็น ทางเลือกใหม่ สำหรับ การออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training หรือ การออกกำลังกาย รูปแบบ ความเข้มข้นสูง ซึ่งการออกกำลังกาย ในประเภทนี้ จะช่วยทำให้ สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากยิ่งขึ้น และ ช่วยกระตุ้น ระบบ การเผาผลาญ ในร่างกาย เมื่อนำมา เทียบกับ การวิ่ง หรือ การปั่นจักรยาน ที่จะเผาผลาญ พลังงาน ได้มากกว่า แต่ก็ใช้เวลา น้อยลงด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ทำยังไงก็ได้ ให้ร่างกาย ได้ใช้งานทุกส่วน

เป้าหมายของ การต่อยมวย นั่นก็คือ ให้ทุกส่วนใน ร่างกายเรา ได้ใช้งาน นอกเหนือจาก การกระตุ้น ความแข็งแรง ในร่างกาย และ ระบบ ไหลเวียนโลหิตแล้ว การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วย เพิ่มการ ฝึกทักษะที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่อง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้ และ เรื่องความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยทำให้คุณ ได้ใช้กล้ามเนื้อ ในทุกส่วน ของร่างกาย อย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วย ในการ ลดน้ำหนัก ที่ดีมาก ทั้งช่วยเบิร์น ไขมันสะสม และ ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ ไปพร้อม ๆ กัน แค่ครั้งละ 1 ชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้ง ต่ออาทิตย์ ก็จะเฟิร์มขึ้น จนรู้สึกได้ชัดเจน ถึงความ เปลี่ยนแปลงเลย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยทำให้ อดทน ต่อความเหนื่อย หลัก ๆ เลย ต้องอดทน ต่อความ เหนื่อยล้า ยิ่งเป็นคนที่ มีน้ำหนัก เยอะอยู่แล้ว ต้องอดทน เข้าไปใหญ่ แต่ให้เอา เท่าที่ไหว อย่าง วันนี้ เล่น 20 นาที พรุ่งนี้เล่น 25 นาที เป็นขั้นตอนต่อไป ไม่งั้นร่างกาย ก็จะไม่ไหว ร่างกาย จะเจ็บอีก ดังนั้น การที่จะ ลดน้ำหนักนั้น ต้องอาศัย หลาย ๆ ปัจจัย ในการ ลดน้ำหนัก ไม่ใช่ว่า อยู่ดี ๆ ลดไม่ได้ ต้องศึกษาให้ดีเลย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย

ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย

มีหลาย ๆ คน ที่ให้ ความสนใจ ในการเรียนมวย เพราะว่า จะช่วย ในเรื่องของ สุขภาพ ร่ายกาย ของเรา ในการ ลดน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ หรือ ซิกแพค วันนี้เราเลย จะมาบอกถึง ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีต่อ เรากัน

ทักษะที่ได้จากการฝึก มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ถือเป็น ศิลปะการต่อสู้ แบบดั้งเดิม ของ ประเทศไทย ที่ใช้ ร่างกาย ทุกส่วน ของเรา เป็นอาวุธ ตั้งแต่ การเตะ ที่รุนแรง และหนัก การศอก หรือ การตีเข่า ที่ใช้ทักษะ การเคลื่อนไหว ของ ร่างกาย เป็นการ ต่อสู้ ที่ทรงพลัง อย่างมาก และใช้ ความรวดเร็ว ในการ เข้าจู่โจม ของผู้ ต่อสู้ ที่ต้อง ใช้สมาธิ ในการ ป้องกันตัว และ การตอบโต้ มวยไทย ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นศาสตร์ แห่งการต่อสู้ และ ศิลปะการป้องกันตัว ที่น่ากลัว และอันตราย ที่สุดในโลก เพราะนอกจาก สองมือ และสองเท้า แล้ว นักต่อยมวย ยังสามารถ ใช้เข่า ทั้งสองข้าง และข้อศอก ในการ จู่โจมคู่ต่อสู้ ถ้าหากเกิด โดนในจุด ที่สำคัญ ก็อาจจะ ถึงขึ้น เสียชีวิตได้ แต่ปัจจุบัน หลาย ๆ คน จากทั่วโลก ก็หันมาฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) กัน เป็นจำนวนมาก

 

1. ความอดทน

กีฬาประเภท มวยไทย ( Muay Thai ) ถ้าขาดความอดทน ก็จะไม่สามารถ เล่นได้เลย โดยเฉพาะ เรื่องของ การฝึกซ้อม ที่มีการซ้อม อย่างหนักมาก เพราะกีฬา มวยไทย นี้จะต้องการ ร่างกาย ในแบบที่พร้อมถึง ที่สุด หากขาด การซ้อม นั่นหมายถึง การเป็น นักมวย จะต้องมี ความอดทน ในการฝึกซ้อม และสิ่งที่จะได้จาก มวยไทย ก็คือ ความอดทน เป็นอย่างแรก ไม่ว่าจะเป็นแค่ การฝึกซ้อม เพื่อ ป้องกันตัว หรือ ออกกำลังกาย ก็ตาม ล้วนแล้วต้องใช้ ความอดทน จึงจะประสบความสำเร็จ

 

2. มวยไทย กล้าตัดสินใจ

ก่อนชก มวยไทย ( Muay Thai ) เราอาจจะ วางแผนการชก ไว้อย่างหนึ่ง แต่เมื่อขึ้นชกจริง เราอาจชก ไม่ได้อย่างแผน ที่เราวางไว้ เนื่องจาก คู่ต่อสู้ อาจจะเตรียมรับมือ ไว้แล้ว จึงทำให้เรา ต้องตัดสินใจ ที่จะเปลี่ยนรูปแบบ ของการชก ในทันที ดังนั้นการ กล้าตัดสินใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับ มวยไทย เพื่อที่เรา จะมีโอกาส ชนะคู่ต่อสู้

 

3. มวยไทย มีวินัย

การฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ฝึกกัน ในทุกวัน และ ร่างกาย ที่พร้อมจะซ้อม นี่คือสิ่ง ที่เป็นการ ฝึกวินัย ให้กับตนเอง มวยไทย สามารถสร้าง เสริมวินัย ได้อย่างดี อย่างเช่น รู้จักการแบ่งเวลา ในการฝึกซ้อม หรือ มีความตรงต่อเวลา เป็นต้น เพราะถ้าหากเรา ไม่มีวินัย ในตนเอง ก็จะทำให้เรา ไม่ประสบความสำเร็จ ในเรื่องนั้น ๆ แต่กีฬา มวยไทย จะสอนทักษะ ในการจัดการ ของตนเอง โดยทำให้เรา มีวินัย ไปในตัว

 

4. มวยไทย ฉลาดมีไหวพริบ

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่จะต้องใช้ ทักษะในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ร่างกาย จิตใจ และ สติปัญญา ซึ่งจะเห็นได้ จากหลาย ๆ การแข่งขัน ที่ผู้ชนะ จะต้องมี สามอย่างนี้ ควบคู่กันไป มวยไทย จึงจะสามารถ ปลูกฝังให้มีวิธีคิด ที่จะสามารถ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้อย่างดีมาก

 

5. มวยไทย เป็นมืออาชีพ

สำหรับการ เป็น นักมวย มืออาชีพ ก็คือ การแข่งขัน ด้วยความเป็นนักกีฬา อย่างแท้จริง นักมวย จะต้องขยันฝึกซ้อม และทุ่มเท ให้กับการแข่งขัน ที่ถึงแม้ว่า จะแพ้ หรือชนะ ก็จะต้องยอมรับ ในผลที่เกิดขึ้น และ นักมวย จะต้องมี ความซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่ของตนเอง จึงจะเรียกว่าเป็น นักมวย ที่มีความ เป็นมืออาชีพ ได้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่นิยมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือต่างชาติ ซึ่งในปัจจุบัน ก็มี ยิม หรือ ฟิตเนส ในหลาย ๆ พื้นที่ ให้ทุกคนได้เลือก ออกกำลังกาย กัน

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) อาจจะ ดูเป็น กีฬาของ สายโหด แต่ถ้าหาก ได้ลองมา ออกหมัด เท้า เข่า และ ศอก ดูสักหน่อย คุณจะรู้ได้ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้หญิง ก็สามารถ ฝึกฝนได้ แถมยังช่วย ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ได้อีกด้วย

ปั้นหุ่นสวย กล้ามเนื้อกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะ การป้องกันตัว อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นที่ได้รับ การยอมรับ ในทั่วโลก กลายมาเป็น กีฬา ที่มีความสนุก ปนความโหด แต่ในปัจจุบันนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ถูกนำมาใช้ ในการ ออกกำลังกาย จนมาได้รับ ความนิยม อย่างแพร่หลาย ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้จำกัด อยู่แค่ผู้ชาย อย่างเดียว อีกต่อไป เพราะว่า ผู้หญิง ก็เริ่มหันมา ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อให้หุ่นสวย ฟิตแอนด์เฟิร์ม กันมากขึ้นแล้ว

 

การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่จำเป็น จะต้องมี พื้นฐานมาก่อน แต่ก่อนชก มวยไทย ( Muay Thai ) ควรจะมีการ เตรียมร่างกาย ให้พร้อม มีการวอร์ม ร่างกาย ก่อนเรียน ทุกครั้ง ทุกชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่ การยืด การวอร์ม พื้นฐาน เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างเช่น การพันมือ กระโดดเชือก และ การต่อยเป้า เพื่อทำให้ มีกำลัง ในการออกอาวุธ เมื่อฝึกท่าทางต่าง ๆ และ ค่อย ๆ สอนท่าต่าง ๆ อย่างค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป พร้อมกับ ลงมือปฏิบัติ ซึ่งจะเรียกเหงื่อ ได้อย่างดี เลยทีเดียว

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ สามารถ เผาผลาญ พลังงาน ได้อย่างมาก โดยสามารถ เผาผลาญ ได้ถึง 800 แคลอรี่ ต่อชั่วโมง เลยทีเดียว เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการ ใช้กล้ามเนื้อ หลายส่วนพร้อม ๆ กัน โดยการเตะ แค่หนึ่งครั้ง จะได้ทั้ง กล้ามเนื้อไหล่ กล้ามท้อง บริเวณ ด้านข้าง ไปจนถึง กล้ามเนื้อขา ทำให้อัตราการเต้น ของหัวใจเพิ่มขึ้น เลือดสูบฉีด ดียิ่งขึ้น เป็นวิธีการ ออกกำลงกาย ที่เหมาะสมมาก ในการลดน้ำหนัก

 

ข้อดี ของการ ออกกำลังกาย ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็คือ ร่างกาย จะมีความ แข็งแรง มากขึ้น มีความกระฉับกระเฉง สามารถ ช่วยลดน้ำหนัก ทำให้รูปร่าง มีความ กระชับ หุ่นฟิต ช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นวิธี การผ่อนคลาย ที่ดีอย่างมาก ช่วยส่งเสริมบุคลิก และ ช่วยสร้างความมั่นใจ อีกด้วย

 

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วย ทำให้คุณ ได้ออกกำลังกาย และ สามารถ ใช้กล้ามเนื้อ ทุกส่วน อย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ในการ ลดน้ำหนัก ทั้งช่วย เบิร์นไขมัน และ ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ ถ้าหากได้ฝึก อย่างต่อเนื่อง รับรองว่า ร่างกายจะเฟิร์มขึ้น อย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร

มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนกับ ชาติใดในโลก เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีเอกลักษณ์ และ ยังเป็นวัฒนธรรมของ ชาติไทย ที่สืบทอดกันมา อย่างยาวนาน โดยเป็นการ ต่อสู้ที่จะใช้ อวัยวะ ทุกส่วนของ ร่างกาย มาเป็น อาวุธ

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่มีลีลาไม่เหมือนใคร

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องอาศัยความพยายาม ความอดทนต่อความเจ็บปวด โดยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องใช้เวลานาน กว่าจะเกิด ความชำนาญ ซึ่งสามารถเริ่มฝึกได้ ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ 9-10 ปี โดยการเรียน การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น จะต้องเรียนรู้ และ ฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งทางร่างกาย และ จิตใจ โดย มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องฝึกให้ นักมวย ทุกคนนั้น มีจริยธรรม และ มีคุณธรรม มีน้ำใจนักกีฬา เพื่อให้บังคับยับยั้ง อารมณ์ตนเองได้ มีสติ มีสมาธิ และ มีการใช้ไหวพริบปฏิภาณ ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจทำให้ เสียเปรียบฝ่ายคู่ต่อสู้ได้

 

ลักษณะลีลาของ มวยไทย ( Muay Thai ) มี 2 ลักษณะ ดังต่อไปนี้

1) ลีลา มวยหลัก หรือ มวยแข็ง

หมายถึง นักมวย ที่มีวิธีในการ ต่อสู้ อย่างรัดกุม สุขุมรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็น ท่าคุมมวย หรือ การจดท่ามวย อย่างมั่นคง มีการเคลื่อนไหว แต่ละก้าว ที่เต็มไปด้วย ความระมัดระวัง ไม่ผลีผลาม ดูคล้าย ๆ จะเชื่องช้า ไม่คึกคะนอง แต่ใช้ทุกอย่าง ภายใน ร่างกาย อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น สายตา หรือ การย่างเข้าหาคู่ต่อสู้ เป็นมวยรอ ที่มีจังหวะเข้าทำ ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามนั้น รุกเข้ามาก่อน แล้วตัวเอง จึงฉวยโอกาสเข้าทำ ทำให้ได้ ทั้งน้ำหนักรุนแรง และ ความแม่นยำ

 

ลักษณะ ลีลา ประเภทของ มวยหลัก จะถูกฝึกสอน ให้ตั้งรับ และ ให้รอจังหวะ มีความสุขุม เยือกเย็น และ มีลำหักลำโค่นดี ใช้ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้หนักหน่วง รุนแรง และ แม่นยำ ซึ่งเหมาะกับ คนที่มีรูปร่างใหญ่  และ มีความใจเย็น

 

2) ลีลา มวยเกี้ยว หรือ มวยอ่อน

หมายถึง นักมวย ที่มีการ ใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ ที่แหลมคม แพรวพราว มีไหวพริบ ปฏิภาณ อย่างรวดเร็ว ในการแก้ปัญหา การเข้าทำคู่ต่อสู้ ที่จะไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนตัวไปมา ทั้งซ้าย และ ขวาสลับกันไป จะใช้กลลวงหลาย ๆ รูปแบบ ทำให้คู่ต่อสู้นั้น จับทางมวยยาก มวยเกี้ยว จะมีลีลา และ ท่าทาง ที่คล่องแคล่วว่องไว ลูกหลอกลูกล่อ หลบหลีกได้อย่างดี มีสายตาดี เวลารุก หรือ เวลารับรวดเร็ว โดยเข้าทำใน ระยะประชิด ด้วยความเด็ดขาด

 

ลักษณะ ลีลา ประเภท มวยเกี้ยว จะถูกฝึก ถึงขั้นต้อง เยื้องย่าง ในน้ำ เพื่อตีให้น้ำกระเซ็น ห้ามหลับตา เนื่องจาก แรงต้านของน้ำ จะช่วยทำให้ เมื่ออยู่บนบก จะสามารถ รุกรับ หรือ ออกอาวุธ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเท้า เข่า ศอก และ หมัด ซึ่งเหมาะสำหรับ คนที่มีรูปร่างเล็ก และ ผอมเพรียว

 

ไม่ว่าจะลีลา มวยหลัก หรือ มวยเกี้ยว ต่างก็มี ลักษณะเฉพาะตัว ที่แตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัด โดยลีลา มวยหลัก จะมีความรุนแรง ในการใช้เท้า เข่า และ ศอก ส่วนลีลา มวยเกี้ยว จะใช้ เท้า เข่า หมัด และ ศอก ได้รวดเร็วกว่า แต่ไม่รุนแรงเท่า ลีลา มวยหลัก ลีลา มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งสองนั้น ขึ้นอยู่กับ สภาพร่างกาย และ จิตใจ ของแต่ละคน สำหรับ ผู้ที่มีรูปร่างสันทัด ไม่ใหญ่ไม่เล็ก จนเกินไป ก็สามารถ ฝึกฝน ในลักษณะ ผสมผสานกันได้ ระหว่าง ลีลา มวยหลัก และ ลีลา มวยเกี้ยว ให้ควบคู่กันไปได้ โดยมีทั้ง ความว่องไว และ ความรุนแรง ในการใช้เท้า เข่า หมัด และ ศอก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้

มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้

มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้

การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ดี ที่ทุกเพศ ทุกวัย ควรหมั่นปฏิบัติ รวมไปถึง มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ฝึกได้ ทุกวัย รวมไปถึง ผู้สูงอายุ ก็ฝึกได้ ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

 

 

 

การออกกำลังกาย จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะวัยไหน เพศไหน ๆ และอีกช่วงวัย ที่มีความสำคัญมาก ๆ เลย นั่นก็คือ ผู้สูงวัย ที่สามารถ ออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ โดยช่วย ในเรื่องของ ระบบการไหลเวียนโลหิต และ ระบบ การหายใจที่ดีขึ้น ช่วยเรื่องการทรงตัว และยังสร้าง ความเข็งแรง ให้ร่างกาย อีกด้วย ที่สำคัญ อย่าง กล้ามเนื้อ ก็จะมาเอง โดยอัตโนมัติ ลดน้ำหนักได้ดี ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว มีแต่ได้ กับได้เลยนะคะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น จุดเด่น ของ ศิลปะการต่อสู้ อย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ จะทำให้ร่างกาย ฟิตแอนด์เฟิร์ม แต่ว่า ยังได้ อนุรักษ์ ท่า มวยไทย ( Muay Thai ) ที่หายาก ให้คงอยู่กับคนรุ่นลูกหลาน นอกจากนั้น ข้อดีมากมาย ของการออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ยังสามารถ หยิบมาพลิกแพลง เพื่อสร้างความแข็งแรง ให้กับ ผู้สูงวัย ได้อย่างดี อีกด้วย ที่สำคัญเลย บรรดาคุณตาคุณยายหลาย ๆ ท่าน ก็ค่อนข้าง คุ้นเคยกับ ท่า มวยไทย ( Muay Thai ) อยู่แล้ว โดยเฉพาะ ท่าออก “มัด เท้า เข่า ศอก” ที่หากนำมาใช้ ให้ดี อย่างถูกวิธี ย่อมส่งผลดี ต่อสุขภาพ อย่างมหาศาลเลยค่ะ

 

ซึ่งการออกกำลังกาย ของ เหล่าผู้สูงอายุ ด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งไปด้วยกันได้ดี และ ก็มีประโยชน์ โดยเฉพาะช่วย ในเรื่องระบบการไหลเวียนโลหิต และการหายใจที่ดีขึ้น ช่วยเรื่องการทรงตัว และสร้างความเข็งแรงให้ร่างกาย ที่สำคัญกล้ามเนื้อก็จะมาเองโดยอัตโนมัติ ลดน้ำหนักได้ดีมาก ๆ เลย ถ้าหากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าเยาวชนทั่วไปก็มักจะชอบเข้ายิม เพื่อเรียนมวยไทยเพื่อเบิร์นไขมัน แต่ทั้งนี้การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทยของผู้สูงอายุ ไม่จำเป็นต้องฝึกในลักษณะของท่วงท่าที่ยาก เพียงแค่ท่าร่ายรำมวยไทย ไม่ว่าจะเป็น  

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่ายืน ตรงนี้จะช่วยเรื่องการทรงตัวให้กับคนสูงวัย ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่มีความจำเป็นมากสำหรับคนวัยนี้ เพราะว่า ถ้ามีการทรงตัวที่ดี ก็จะช่วยเรื่องการเดิน อีกทั้งป้องกันการสะดุดหกล้มได้

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่าร่ายรำไหว้ครู” ซึ่งเป็นท่ายืน ที่ประกอบด้วย ท่าหงส์เหิน, ท่านกยูงรำแพน, ท่าพระรามแพลงสอน เป็นต้น

 

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่าออกมัด เท้า เข่า ศอก” ก็ล้วนนำมาใช้ออกกำลังกายได้เช่นกัน โดยการเลือกใช้เพลงประกอบ ตามที่คนสูงอายุชอบ ขณะเดียวกันหากชอบเพลงช้า ก็ให้ออกท่าทางมวยที่ช้าเช่น “ท่าพระรามแผลงสอน” หรือชอบเพลงเร็ว ๆ นั่นก็สามารถออก “ท่ามัด เท้า เข่า ศอก” เป็นต้น

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มี ข้อควรระวังที่น่าสนใจ แนะนำว่า ผู้สูงอายุ นั้น ไม่ควรหักโหม แต่ให้ออกกำลัง ง่าย ๆ ด้วย ท่วงท่า มวยไทย ( Muay Thai ) ในลักษณะเบาๆ หรือออกได้ไม่เกิน 40 - 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นนะคะ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และควรใช้เวลา ในแต่ละวันประมาณ 15 - 20 นาที หรือว่า ไม่เกินวันละ 30 นาที นอกจาก การ ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว ผู้สูงอายุสามารถ ประยุกต์ ท่ามวยไทย ต่าง ๆ เหล่านี้ ในรูปแบบการป้องกันตัวได้ อาทิ ท่าสลับฟันปลา, ท่าฉะ โดยท่าเหล่านี้ จะมีลักษณะการแบะมือ ทั้ง 2 ข้างออก เพื่อป้องกันตัว ไม่ให้ถูกล็อกตัว ตลอดจนการย่อตัว และ จังหวะ การถอยเพื่อป้องกัน มิจฉาชีพ ที่เข้ามา จู่โจมได้เช่นกัน

 

โอ้โห เห็นไหมคะ ว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะวัยไหน เพศไหน ก็มาฝึกได้ทุกวัน ดีต่อร่างกาย และยังป้องกันตัวด้วย มาค่ะ เริ่มแล้ว ก็จะได้ช่วยกัน รักษา อนุรักษ์ สืบสานความเป็นไทย ไปด้วยกันนะคะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เรียนรู้ กติกา และ ประโยชน์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย

 

 

มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย

มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย

ไม่ยากเลยนะคะ หากคุณยังกังวล เรื่องของรูปร่าง ขาดความมั่นใจ ก็แก้ได้ค่ะ มาเปลี่ยน หุ่นพัง ให้ สวยปัง เป๊ะ ด้วย มวยไทย กันดีกว่า คุณเองก็เริ่มฝึกได้เลยนะ

 

 

 

 

ถ้าหากวันนี้ คุณมีอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบื่อหน่าย เซ็ง ไม่มี passion ใด ๆ ในการออกกำลัง เพื่อฟิตหุ่น กระชับรูปร่าง ในรูปแบบเดิมๆ กันบ้างไหม สาว ๆ หนุ่ม ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การเข้า Fitness เล่นเวท วิดพื้น ซิทอัพ ฯลฯ ถ้าคุณเป็นอีกคน ที่กำลัง รู้สึกเบื่อ เริ่มเซ็งมาก ๆ กับ การออกกำลัง ทั้งหลายเหล่านั้น วันนี้เรามาลองเปลี่ยนรูปแบบ การออกกำลังกายกันใหม่ดีกว่า การออกกำลังกาย ในรูปแบบนี้นับว่าเป็น "กีฬา" ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี จะถือว่าเป็นกีฬาประจำชาติเลยก็ได้ กีฬาชนิดนี้คือ มวยไทย ( Muay Thai )

 

วิทยาศาสตร์การกีฬา ของบ้านเรานั้น ได้พิสูจน์ออกมาแล้วค่ะ ว่า การออกกำลังด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะเป็นการออกหมัด, เข่า, ศอก, เตะสูง, เตะต่ำ ทั้งหมดนั้น ล้วนส่งผลต่อ การฟิตหุ่นสวย ๆ ของเราทั้งนั้นเลย แถมยังมีชื่อเสียง ที่แพร่หลาย และเป็นที่นิยมอย่างมาก ในหมู่ของชาวต่างชาติ จนบรรดาค่ายมวยต่างๆ ก็ได้มี การจัดคลาส เพื่อสอน มวยไทย ( Muay Thai ) กันมากมาย

 

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน จนทำให้คุณสามารถฟิตหุ่นได้ อย่างรวดเร็วแล้ว ก็ยังช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ให้แก่กล้ามเนื้อทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย ทำให้คุณนั้น ดูเป็นคนที่คล่องแคล่วฉับไว ช่วยในเรื่องของระบบการไหลเวียนโลหิต ระบบการทำงานของหัวใจ, ปอด, ระบบการหายใจ และยังช่วยเพิ่มความรวดเร็ว ในการตอบสนองอีกด้วย หากคุณใช้่างกายหนัก จนสมองเริ่มมึนงง การออกกำลังกายด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ชนิดนี้ช่วยได้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้อย่ารอช้า ไปหานวมมาสวม หาสนับแข้งมาใส่ แล้วมาดูท่าง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้านได้ด้วยน้า

 

ท่า มวยไทย ศอกตัด

อีกท่าสุดฮิตของ มวยไทย ( Muay Thai ) เริ่มต้นท่าเตรียมด้วยการกำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับหน้าอก จากนั้นก้าวเท้าขวาไปด้านขวา ตามด้วยการเหวี่ยงแขนซ้ายให้ข้อศอกตั้งฉากกับหมัดขวา บิดลำตัวนิดหน่อย บิดส้นเท้าซ้าย แล้วกลับมาที่ท่าเตรียม ทำสลับไปมาทั้งซ้ายและขวา ประมาณ 5 -10 นาที

 

ท่า มวยไทย ศอกเสย

ก็ยังอยู่กับท่าศอกแต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นท่าศอกเสยกันบ้าง เริ่มต้นด้วยการยืนหน้าตรง กำหมัดทั้งสองข้างไว้ใต้คาง เก็บแขนให้แนบชิดติดลำตัว จากนั้นให้ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าซ้ายพร้อมยกศอกขวาขึ้น แล้วกลับมาสู่ท่าเริ่มต้น ทำสลับไปมาซ้ายขวาเหมือนเดิม ใช้เวลาในท่านี้ประมาณ 5 -10 นาที

 

ท่า มวยไทย ถีบ

ลองเปลี่ยนมาเป็นการใช้เท้ากันบ้าง ในการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) เริ่มจากท่าเริ่มต้น กำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากกับระดับของหน้าอก แนบแขนชิดติดลำตัว ตามองตรงไปข้างหน้า จากนั้นให้งอเข่าเล็กน้อยพร้อมกับเตะขาออกไปข้างหน้า แต่ปลายเท้าต้องตั้งฉากเท่าที่จะทำได้ กลับมาสู่ท่าเริ่มต้น แล้วทำสลับซ้ายขวา ใช้เวลาประมาณ 5 -10 นาที

 

ท่า มวยไทย หมัดตรง

ถือเป็นท่าง่ายๆ อย่างการปล่อยหมัดตรง เริ่มแรกให้ยืนปลายเท้าห่างพอประมาณ กำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับหน้าอก เก็บศอกแนบลำตัว ตามองตรง ก้าวเท้าซ้ายพร้อมชกหมัดขวาไปด้านหน้าให้แขนขนานไปกับพื้น เปิดส้นเท้าขวาทิ้งน้ำหนักไปทางเท้าซ้าย จากนั้นให้กลับมาอยู่ในท่าเตรียม ทำต่อแต่ว่าให้สลับด้านกันจากซ้ายมาเป็นขวา ทำสลับไปมาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซักประมาณ 5 - 10 นาที

 

ท่า มวยไทย ตีเข่า

ยังอยู่กับช่วงล่างของร่างกายเช่นเดิม คราวนี้มาตีเข่ากันบ้าง เริ่มต้นด้วยการกำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากกับหน้าอก แนบแขนให้ชิดลำตัวเช่นเดิม แล้วจากนั้นให้ยกเข่าขวาขึ้นสูงเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย กลับมาที่ท่าเริ่มต้น แล้วทำทำซ้ำสลับเข่าซ้ายขวา 5 -10 นาที

 

ท่า มวยไทย เตะ

ท่าสุดท้าย มาเตะกันเบาๆ เริ่มด้วยท่าเริ่มต้นเหมือนเดิม นั่นคือ กำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากที่ระดับหน้าอก จากนั้นก้าวเท้าซ้ายมาข้างหน้าพร้อม ๆ กับการเตะขาขวาขึ้น ให้อยู่ในลักษณะเหวี่ยง ให้ปลายเท้าชี้มาทางซ้าย บิดตัวเล็กน้อย แล้วให้กลับมาที่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำสลับซ้ายขวาท่านี้ใช้เวลาประมาณ 5 -10 นาทีเช่นเดิม

 

รับรองว่า คุณจะติดใจกับกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จนลืมการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆ ไปเลย ดีต่อสุขภาพด้วยนะ รู้แบบนี้ ต้องฝึกทุกวัน หรือสนใจมาลงคลาส เพื่อเรียนกับเราก็ได้นะ พร้อมสอนทุกวันเลย

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎกติกา ในการแข่งขันใด ที่คุณควรรู้ ?

เล่นกีฬา มวยไทย ยังไงให้เกิด ประโยชน์ ต่อตนเอง

เรียนรู้ กติกา และ ประโยชน์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เรียนรู้ กติกา และ ประโยชน์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาหนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ มายาวนาน และ หลาย ๆ คน ให้ความสนใจ มวยไทย ( Muay Thai ) มาก ๆ เพราะว่า เป็นกีฬา ที่ดูแล้วลุ้น ระทึก เพลิดเพลิน ไปกับ การแข่งขัน อีกทั้ง ยังสามารถ นำมาใช้ เป็นศิลปะ ป้องกันตัว ได้อีกด้วย

เรียนรู้ กติกา และ ประโยชน์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีความโดดเด่น ในทางด้านเทคนิค การกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกายและใจ สำหรับการต่อสู้ที่จะใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น นวอาวุธ โดยจะประกอบด้วย การโจมตีจากร่างกาย ทั้ง หมัด, ศอก, เข่า และ เท้า ถ้าหากมีการเตรียมพร้อมทางด้านร่างกายอย่างดี จะก่อให้เกิดอาวุธที่มีอานุภาพอย่างมาก

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ได้เป็นที่แพร่หลาย ในระดับของนานาชาติ ในช่วง ศตวรรษที่ 20 เมื่อเหล่านักมวยไทย สามารถต่อสู้เป็นฝ่ายชนะ นักต่อสู้ ที่มีชื่อเสียงในแขนงอื่น ซึ่งการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในระดับของอาชีพ ยังได้รับการดูแล โดยสภามวยไทยโลก อีกด้วย

 

กติกาของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

กติกาของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ถูกกำหนดไว้ อย่างชัดเจน และครอบคลุมทุก ๆ เรื่อง การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน นักมวย จะต้องสวมนวม ขนาด 4 ออนซ์ แต่งกายแบบ นักกีฬามวย ก็คือ สวมกางเกงขาสั้น สวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า หรือ ไม่สวมก็ได้ เครื่องรางของขลัง ผูกไว้ที่แขน ท่อนบนได้ ส่วนเครื่องราง ชนิดอื่น ๆ ให้ใส่ได้เฉพาะ ตอนร่ายรำไหว้ครู เท่านั้น แล้วจึงให้ถอดออก ตอนเริ่ม ทำการแข่งขัน

 

ซึ่งในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) จะมีกรรมการ ผู้เป็นผู้ชี้ขาดบนเวที จำนวน 1 คน กรรมการผู้ให้คะแนน ข้างเวที จำนวน 2 คน และ มีจำนวนยก ในการแข่งขัน มีทั้งหมด 5 ยก ยกละ 3 นาที และ มีเวลาพัก ระหว่างยก 2 นาที

 

การแข่งขัน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออกเป็นรุ่น ตามน้ำหนักตัว ของนักมวย เหมือนกับ หลักเกณฑ์ ของมวยสากล อวัยวะ ที่สามารถใช้ ในการต่อสู้ ก็คือ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ และ ถอง เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกส่วน ของร่างกาย โดยไม่จำกัดที่ ที่ชก และ แม่ไม้มวยไทย ที่มีอันตรายสูง ในบางท่า ก็ได้ถูกห้าม ใช้เด็ดขาด อย่าวเช่น ท่าหลักเพชร เป็นท่าจับขา แล้วหักด้วย การนั่งทับ เป็นต้น

 

ประโยชน์ของ มวยไทย ( Muay Thai )

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยพัฒนาการทางร่างกาย ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยพัฒนาการทางอารมณ์ การออกกำลังกาย การฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) และการแข่งขัน นักกีฬามวยไทย จึงต้องมีความอดทน อดกลั้น เป็นอย่างดี จึงสามารถเป็นนักกีฬามวยไทยที่ดีได้

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยพัฒนาการทางด้านสังคม มวยไทย เป็นศิลปวัฒนธรรม

 

หวังว่า เพื่อน ๆ จะเริ่มเข้าใจถึง กติกา และประโยชน์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) กันบ้างแล้วนะคะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เล่น มวยไทย ได้ประโยชน์ แค่ไหน ต้องไปดู!

เล่นกีฬา มวยไทย ยังไงให้เกิด ประโยชน์ ต่อตนเอง

เล่น มวยไทย ได้ประโยชน์ แค่ไหน ต้องไปดู!

เล่น มวยไทย ได้ประโยชน์ แค่ไหน ต้องไปดู!

มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ เป็นศิลปะ การต่อสู้ ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย เป็น ที่รู้จัก จากเทคนิค การหวดที่ทรงพลัง ซึ่งใช้หมัด ศอก เข่า และ หน้าแข้ง การซ้อม เป็นส่วนสำคัญของการฝึกมวยไทย และ เกี่ยวข้อง กับ นักมวย ที่ต่อสู้ ในการควบคุมเพื่อฝึกฝน และ ปรับปรุงเทคนิคของพวกเขา ในบทความนี้เราจะพูดถึงประโยชน์ ของ การเล่นมวยไทย

1. ช่วยเพิ่มเทคนิค และ มีระเบียบวินัยเรื่อง เวลา

การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝน และ ปรับปรุงเทคนิค และ จังหวะ เมื่อทำการซ้อม นักมวย สามารถทดสอบ เทคนิคต่างๆ และ ดูว่าอะไรดีที่สุดสำหรับพวกเขา ในสถานการณ์ จริง พวกเขายังสามารถเรียนรู้วิธีการ ใช้เวลาในการฝึกซ้อม และ การวางเท้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตั้งรับการโจมตี และ ป้องกันการโจมตี ของ คู่ต่อสู้

2. สร้างความอดทน และ ความแข็งแกร่ง

การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เป็น กิจกรรม ที่ต้องใช้ร่างกายซึ่งต้องใช้ความอดทน และ ความแข็งแกร่ง นักมวยมีการเคลื่อนไหว และ มีส่วนร่วมในกิจกรรม ที่มีความเข้มข้นสูง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสร้างความ อดทน ของ หัวใจ และ หลอดเลือด และ ความอดทนของกล้ามเนื้อ เมื่อเวลาผ่านไป การซ้อมสามารถช่วยให้นักมวย พัฒนาสมรรถภาพโดยรวม และ ประสิทธิภาพในสังเวียนได้

 3. พัฒนาการตอบสนอง และ เวลาตอบสนอง ในการฝึกซ้อม

การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้นักมวย พัฒนา การตอบสนองอย่างรวดเร็ว และ เวลาตอบสนอง ซึ่งเป็นทักษะ ที่จำ เป็นใน มวยไทย เมื่อทำการซ้อม นักมวยจะต้อง สามารถ คาดการณ์การเคลื่อนไหว ของ คู่ต่อสู้ และ ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันตัวเอง หรือ เปิดการโจมตี ทักษะนี้ยังสามารถแปลไปสู่ด้านอื่นๆ ของชีวิต เช่น การขับรถ หรือ การเล่นกีฬา ซึ่งจำเป็นต้องมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว

4. สร้างความมั่นใจ และ ความแข็งแกร่งทางจิตใจ

การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) อาจเป็นกิจกรรมที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อนักมวย ได้รับประสบการณ์ และ พัฒนาทักษะของพวกเขา พวกเขาเริ่มรู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น ความมั่นใจนี้ยังสามารถแปลไปสู่ด้านอื่นๆ ของชีวิต เช่น ที่ทำงานหรือโรงเรียน ซึ่งจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งทางจิตใจ และ ความมั่นใจในตนเอง

5. ฝึกการป้องกันตัว

การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai )  เป็นวิธีที่ปลอดภัยในการฝึกเทคนิคการป้องกันตัว นักมวยสามารถจำลองสถานการณ์ในชีวิตจริง และ ฝึกฝนวิธีป้องกันตนเองจากคู่ต่อสู้ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง หรือ อันตรายที่จะเกิดขึ้น ในชีวิตประจำวัน

6. ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก

การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกิจกรรมที่ใช้กำลังสูง ซึ่งสามารถ เผาผลาญแคลอรี ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ในการจัดการน้ำหนัก และ ช่วยเรื่องหุ่นของเรา นอกจากนี้ การฝึกซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เป็นประจำสามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และ ลดไขมันในร่างกาย ทำให้ร่างกายผอมลง และ กระชับมากขึ้น

โดยสรุป การซ้อม เป็นส่วนสำคัญของการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ให้ประโยชน์มากมาย ทั้งทางร่างกาย และ จิตใจ ช่วยให้นักมวย ปรับปรุงเทคนิค ของ พวกเขา สร้างความอดทน และ ความแข็งแกร่ง เพิ่มความรวดเร็ว ในการตอบสนอง และ เวลาตอบสนอง สร้างความมั่นใจ และ ความแข็งแกร่ง ทางจิตใจ ให้สภาพแวดล้อม ที่ปลอดภัย ในการฝึก การป้องกันตัวเอง ช่วยในการจัด การน้ำหนัก และ ส่งเสริมความสนิทสนมกัน  หากคุณสนใจที่จะฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) ลองพิจารณาหาโรงยิมหรือสถานที่ฝึกซ้อมที่มีการฝึกซ้อม หากใครยังไม่รู้จะไปฝึกซ้อมที่ไหน มา ฝึกซ้อมที่ เจริญทอง มวยไทย รัชดา ได้เลย เพราะที่นี่ พร้อมต้อนรับทุกๆท่าน


อ่านบทความเพิ่มเติม : 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

เล่นกีฬา มวยไทย ยังไงให้เกิด ประโยชน์ ต่อตนเอง

เล่นกีฬา มวยไทย ยังไงให้เกิด ประโยชน์ ต่อตนเอง

การฝึก หรือการ เล่นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในประเทศบ้านเรา ที่อาจเป็น ประสบการณ์ ทีดี และถือเป็นทางเลือก สำหรับผู้ที่ต้องการ ออกกำลังกาย เพื่อให้ ร่างกาย แข็งแรง และการเล่น มวยไทย ยังมี ประโยชน์ ต่อตนเอง แต่จะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน

เล่นกีฬา มวยไทย ยังไงให้เกิด ประโยชน์ ต่อตนเอง

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้แรง และกำลัง ของ กล้ามเนื้อ เป็นอย่างมาก ในการ ออกอาวุธ จากการใช้ หมัด, เท้า, ศอก, และ เข่า ที่ผู้เล่น มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้อง อาศัยการฝึก ร่างกาย ของเรา ให้แข็งแกร่ง ทุกสัดส่วน ทั้งช่วงบน ช่วงกลาง และ ช่วงล่าง เพราะ ในการ ชกมวย จริง ๆ แล้วนั้น ขาของเรา จะต้องไว และมี ฟุตเวิร์คที่ดี ตลอดช่วงเวลา ที่อยู่บนสังเวียน เพื่อที่จะสามารถ เคลื่อนไหวได้ อย่างพลิ้วไหว มีช่วงกลางลำตัว ที่แข็งแกร่ง ที่สามารถ รับการโจมตี จากการ ออกอาวุธ ของ คู่ต่อสู้ ได้ และยังมีแขน ที่ทรงพลัง เพื่อเอาไว้ ออกอาวุธ ที่มีพลังในการ โจมตีสูง นั่นเอง

 

ก่อนที่จะเริ่มต้น เราต้องมั่นใจว่า เราพร้อมเต็มที่ ในการ ชกมวย เพราะมิเช่นนั้น การเล่น หรือ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ของเรา อาจล้มไม่เป็นท่า ก็เป็นได้

 

ควรเตรียม ร่างกาย ให้พร้อมในการเล่น มวยไทย

หากเราต้องการ ที่จะประสบความสำเร็จ ในการเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างแท้จริง เราก็ต้องเตรียมสภาพ ร่างกาย ให้พร้อม และ ออกกำลังกาย ก่อนเสมอ เราจะได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการ วิ่งบนถนน นักชกมวย มวยไทย จะวิ่งวันละ 2 รอบ ระยะทาง ที่มากกว่า 12 กิโลเมตร โดยปกติ การวิ่งในตอนเช้า จะใช้เวลานานกว่า การวิ่งในช่วงบ่าย ดังนั้น เราควรต้องเตรียม ร่างกาย ให้พร้อมเสมอ ก่อนเริ่มวิ่ง

 

การเลือก ค่ายมวย ที่เหมาะสม

ขณะที่เราเตรียมตัว และ ปรับสภาพร่างกาย ให้เริ่มหา ค่ายมวย ที่เหมาะกับ ความต้องการ ของตัวเอง ขั้นตอนนี้ จะทำให้เรา ได้รู้จัก ค่ายมวยไทย ที่ดีที่สุด ไม่ว่าเรา จะมีจุดประสงค์ ในการเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่ออะไรก็ตาม เราต้องหา ค่ายมวย ที่สามารถช่วยเรา ในเรื่องนั้นได้

 

ปรับตัวเพื่อรับการฝึกซ้อม มวยไทย

นักมวยไทย มักกระโดดเชือก ในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนฝนตก อาจใช้เวลาถึง 30 นาที ฝึกกระโดดเชือก เป็นเวลา อย่างน้อย 15 นาที เพื่อทำให้ผิวหนัง บริเวณฝ่าเท้า ของเราด้านขึ้น แต่ถ้าหากเกิดแผลแล้ว ให้ปิดด้วยผ้าพันแผล นอกจากนี้ เราจะต้องซิตอัพ ผิวหนังที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จะไปสัมผัส กับพื้นผิวอันขรุขระ และพื้นผ้าใบ หรือ เสื่อออกกำลังกาย หากผิวหนังแห้ง ให้ใช้วาสลีนทา เพื่อลดแรงเสียดทาน

 

เตรียมสิ่งของที่จำเป็น ในการเล่น มวยไทย

การฝึก หรือ การเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) ให้เกิด ประโยชน์ เราจะต้องมีของใช้ ที่จำเป็น อย่างเช่น นวม กางเกงมวย ฟันยาง และ สนับแข้ง  บ่อยครั้งที่ ค่ายมวย จะมีสิ่งของเหล่านี้ ให้เราใช้ แต่คงไม่ดีแน่ หากจะต้องใช้ แก้วน้ำ และ ฟันยาง ร่วมกับผู้อื่น

 

หากใคร หรือ ผู้หญิง หลาย ๆ คน ที่อยาก ฟิตร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก เพื่อให้เกิด ประโยชน์ กับตนเอง ไปกับ มวยไทย ( Muay Thai ) เราขอแนะนำ เจริญทองมวยไทย รัชดา ( Jaroenthong Muay Thai Ratchada ) ที่มี เทรนเนอร์ ที่มีประสบการณ์ดูแล อย่างใกล้ชิด ตลอดการเล่น หรือฝึก มวยไทย ให้กับเรา

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เพิ่มความสูง พร้อมหุ่นกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

กีฬา มวยไทย ที่เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง

 

เพิ่มความสูง พร้อมหุ่นกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เพิ่มความสูง พร้อมหุ่นกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

กีฬาที่เล่น อย่างเป็นประจำ แล้วสามารถ ช่วยทำให้ คุณสูงขึ้นได้ อย่างรวดเร็ว ในคนที่ยัง ไม่หมดสูง อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) แต่สำหรับ คนที่หมดสูงแล้ว ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่า กีฬา อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) ยังให้ประโยชน์ อีกเยอะ มากมายเลย

เพิ่มความสูง พร้อมหุ่นกระชับ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยทำให้ ผ่อนคลาย และ ยังช่วยเพิ่ม ความยืดหยุ่น แก่ร่างกาย อีกด้วย เพื่อไม่เป็นการ เสียเวลา เรามาดูกันเลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเพิ่มความสูง ได้อย่างไรบ้าง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเพิ่มความสูง

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ประเภทต่อสู้ เตะ ต่อย ซึ่งปัจจุบัน ที่คนรุ่นใหม่ นิยมเล่นกัน แถมยังเป็น กีฬาที่ช่วยเผาผลาญ พลังงาน ส่วนเกินของ ร่างกายได้ เป็นอย่างดี มวยไทย ( Muay Thai ) มีประโยชน์ มากมาย ที่นอกจาก จะทำให้สูงแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) ยังทำให้ หุ่นเฟิร์ม กระชับ และ มีกล้ามเนื้อ ที่แข็งแรง อีกด้วย

 

มวยไทย ( Muaythai ) ได้ออกกำลัง ทุกส่วนของ ร่างกาย

เป้าหมายของการ ต่อยมวย ก็คือ ให้ทุกส่วน ของร่างกาย ได้ใช้งาน นอกเหนือไปจาก การกระตุ้น ความแข็งแรงของร่างกาย และ ระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยเพิ่ม การฝึกทักษะ ที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้ และ ความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้คุณ ได้ใช้กล้ามเนื้อ ทุกส่วน ได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วย ในการ ลดน้ำหนักที่ดี ทั้งช่วยเบิร์นไขมันสะสม และ ก็เพิ่มความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ ไปพร้อม ๆ กัน แค่ครั้งละ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ก็จะสามารถ เฟิร์มขึ้น จนรู้สึกได้ชัด ถึงความเปลี่ยนแปลง เลยทีเดียว

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยทำให้ หน้าท้องแบนราบ

หากอยากมี ซิกซ์แพค ( Six Pack ) ชัด ๆ ลองเลิก ซิทอัพ ( SIT UP ) แล้วหันมา ต่อยมวยดูสิ เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้อง ใช้กล้ามเนื้อ แกนกลาง ลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรงส่ง ให้ออกหมัดได้ หนักมากขึ้น และ เผาผลาญ พลังงาน ได้มากกว่า การนอนซิทอัพ กับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัว มีความแข็งแรง และ เผาผลาญไขมัน ได้มากขึ้น กล้ามท้อง ก็ไม่ไกลเกินฝันเลย

 

นอกจาก มวยไทย ( Muay Thai ) จะเพิ่มความสูง ให้แก่ร่างกายแล้ว คุณยังได้ ฝีไม้ลายมือ ในการป้องกันตัว แถมติดไปด้วย และ ยังได้ประโยชน์ มากกว่าที่คิด ขอแค่อดทน เต็มที่ ไม่เบื่อ หรือ ไม่ทิ้งกันไปก่อน เมื่อได้ทราบแล้ว ว่ากีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีประโยชน์ มากแค่ไหน สำหรับใคร ที่อยากสูง หรือ อยากเพิ่มความยืดหยุ่น ให้แก่ร่างกาย ก็ไม่ควรพลาด หาเวลามาเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) ดูนะคะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎกติกา ในการแข่งขันใด ที่คุณควรรู้ ?

กีฬา มวยไทย ที่เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎกติกา ในการแข่งขันใด ที่คุณควรรู้ ?

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎกติกา ในการแข่งขันใด ที่คุณควรรู้ ?

การชมกีฬาใด ๆ ก็ตาม บนโลกใบนี้ มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ที่ช่วยทำให้ เราสนุกสนาน ดังเช่น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎ กติกา ในการแข่งบ้าง กติกาไหน ที่เราควรรู้ ?

 

 

 

กติกาการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยปัจจุบัน

กติกามวยไทย ในสมัยปัจจุบัน นั้นก็ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และครอบคลุมในทุกๆ เรื่อง การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) โดยในปัจจุบันนั้น นักมวยก็ต้องสวมนวมขนาด  4  ออนซ์ โดยแต่งกายแบบนักกีฬามวย นั่นคือ สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ ให้สวมปลอกรัดเท้า หรือไม่สวมก็ได้ เครื่องรางของขลัง ให้ผูกไว้ที่แขนท่อนบนได้ ในส่วนเครื่องรางอื่น ๆ สามารถใส่ได้เฉพาะในตอนร่ายรำไหว้ครูแล้วให้ถอดออก

 

ในตอนเริ่มทำ การแข่งขัน โดยในการแข่งขันนั้น จะมีกรรมการ เป็นผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คนกรรมการ ก็จะให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยกที่มี ในการแข่งขัน นั้นก็มีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คนกรรมการ ที่ให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยกที่มี ในการแข่งขันก็มี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที ในการแข่งขันแบ่งเป็นรุ่นตามน้ำหนักตัวของเหล่านักมวยเหมือนกัน กับหลักเกณฑ์ ในมวยสากล อวัยวะ ที่สามารถใช้ในการต่อสู้ ก็คือ หมัด, เท้า, เข่า, ศอก, เข้าชก, เตะ, ถีบ, ถอง เป็นต้น ได้ทุก ๆ ส่วนของร่างกาย โดยที่ไม่จำกัดที่ที่ชก แม่ไม้มวยไทย ที่ถือว่ามีอันตรายสูงบางท่าถูกห้ามใช้เด็ดขาด อาทิ ท่าหลักเพชร, เป็นท่าจับขา แล้วหักด้วย การนั่งทับ เป็นต้นค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับ กฎ และ กติกา ใน การแข่งขันทั้งหมด

ซึ่ง ต้องบอกก่อนเลย ว่า กีฬา ทุก ๆ ชนิด นั้นเมื่อ ทำการแข่งขัน ก็จะต้อง มี กฎ กติกา มากำหนด และ มาควบคุม ในการแข่งขัน ให้เป็นไปด้วย ความบริสุทธิ์ และ ยุติธรรม เพื่อป้องกัน ในเรื่องของ ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่อาจจะ เกิดขึ้นได้ มวยไทย ( Muay Thai ) เองก็เช่นกัน หากเมื่อทำ การแข่งขัน แล้วก็ต้อง มีการวาง กฎ กติกา ให้ผู้เข้าแข่งขัน ได้ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อให้เกิด ความเป็นระเบียบ และ เกิดความยุติธรรม ให้แก่ผู้เข้า แข่งขันทุก ๆ ฝ่าย ใน

 

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) มีการไห้คะแนนตามหลักเกณฑ์ดังนี้

นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่งขัน ได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะในยกนั้น

นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่งขันจะได้หนักหน่วง รุนแรง แจ่มแจ้งกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

กมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่ง จนเกิดมีความบอบช้ำมากกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

นักมวยที่เป็นฝ่ายรุกเข้าไปกระทำมากกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

นักมวยที่ทำผิกกติกาน้อยกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

 

และนี่ก็เป็น กฎ กติกา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ได้มีการใช้กัน อยู่ ในปัจจุบัน ก็เป็น กติกา ได้ที่ปรับปรุง มาเป็นลำดับแล้ว เพื่อให้เหมาะสม กับกาลสมัย ที่ค่อนข้าง จะแตกต่างกัน กฎ กติกา ของ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ฉบับแรกมีใช้ เมื่อครั้ง ก่อตั้ง สนามมวยราชดำเนิน ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีการ ปรับปรุง มาจาก กฎ กติกา มวยสากล ที่ได้มี การแข่งขันกัน อยู่ในเวลานั้น ก่อนจะค่อย ๆ ปรับปรุงมา จนถึงในยุคปัจจุบัน มี กฎ กติกา ในการแข่งขัน ที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการ กีฬา มวย ที่ให้ใช้ได้ โดยทั่วกันทุก ๆ สนาม เพื่อให้เป็น มาตรฐานเดียวกัน กฎ กติกามวยไทย

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

กีฬา มวยไทย ที่เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง

กีฬา มวยไทย ที่เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง

สำหรับใคร ที่ชื่นชอบการ ต่อยมวย ที่ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ไม่ได้เป็น กีฬายอดฮิต เฉพาะบ้านเรา แต่ใน ต่างประเทศ ก็ชื่นชอบ กีฬา มวยไทย ไม่แพ้กัน เพราะ มวยไทย เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง ที่ยังมีอะไรดี ๆ ที่หลายคนไม่รู้ วันนี้เรามีมาบอกกัน

กีฬา มวยไทย ที่เป็นมากกว่าการ ออกกำลัง

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งเป็น กีฬา ที่เห็นได้ชัด ถึง ความดุดัน แข็งแรง ที่เหล่าผู้ชาย นิยมชมชอบกัน แต่ก็มี ผู้หญิงอยู่ ไม่ใช่น้อย ที่หันมาเอาดีด้าน มวยไทย ฝึก มวยไทย จนสามารถ ชกล้มผู้ชาย แมน ๆ ทั้งแท่ง ได้แบบ ตัวต่อตัว มาแล้วก็มี ผู้หญิง ในยุคปัจจุบัน บางส่วน มองเห็นถึง ข้อดี ของการฝึก มวยไทย ตรงจุดนี้ จึงนิยมหันมาฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ออกกำลังกาย กัน บ้างก็เพื่อ สุขภาพ ของคุณ บ้างก็เอาไว้ ป้องกันตัว  เพราะสิ่งที่คุณ จะได้จากการ ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ล้วนแล้วแต่ คุณจะได้รับ แบบ 3 in 1 ทั้งสิ้น

 

1. มวยไทย เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ

หลาย ๆ คน อาจจะเข้าใจผิด คิดว่าการ ต่อยมวย นั้น จำกัดอยู่ที่การใช้แค่ หมัด และ เท้า แต่สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว ทุกอย่างจะต้อง ประสานกันหมด ทั้ง ข้อศอก คาง และ เข่า เวลาที่คุณ เคลื่อนไหว จู่โจม และ ป้องกันการรุก จากทิศทางต่าง ๆ นั่น จะทำให้ กล้ามเนื้อ ทำงานอยู่ตลอด และ พลังงาน ก็จะพุ่งไปทั้งตัว โดย การเตะ จะเน้นที่ส่วนของ ลำตัว สะโพก และ ก้น ส่วน การต่อย โดยใช้ ข้อศอก และ กำปั้น จะได้ส่วนของ แขน และ ข้อมือ หากยิ่งทำได้ถูกท่า ก็จะช่วย เบิร์นแคลอรี่ ได้มากขึ้น อีกด้วย

 

2. มวยไทย ช่วย ลดความนอยด์

อย่าคิดว่า การใช้กำลัง จะยิ่งทำให้นอยด์ เพราะความจริงแล้ว กีฬาประเภทนี้ กลับทำให้คุณ มีสมาธิ และสติ ที่มากขึ้น ต่างหาก เพราะทุกครั้ง ที่คุณยืนอยู่หน้า คู่ต่อสู้ คุณจะต้องโฟกัส กับทุก การเคลื่อนไหว นั่น จึงทำให้คุณ ไม่มีเวลา ที่จะได้คิดวิตกกังวล อะไรทั้งนั้น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จึงช่วยให้คุณ ได้เรียนรู้ ที่จะจัดการกับ ความวิตกกังวล ที่เกิดขึ้น ในแต่ละวันได้ดีขึ้น คุณเพียงต้องใช้ ความพยายาม ในการฝึกฝน และคุณก็จะ สามารถโฟกัส กับสิ่งที่ อยู่ตรงหน้า ได้ดี

 

3. มวยไทย ฝึกสกิล การวางแผนที่รวดเร็ว

การจู่โจม ในแต่ละครั้ง มันจะมากกว่า แค่ การแตะ หรือ การต่อย ออกไปเท่านั้น แต่มันเป็น ศิลปะการต่อสู้ ที่คุณต้องอาศัย การวางแผน ที่ดี คุณต้องรู้ว่า ควรจะ ออกหมัด จังหวะไหน ด้วยน้ำหนัก เท่าไหร่ หรือ ตอนไหน ที่ควรจะ หลบหลีก กำลังเป็นสิ่งสำคัญ แต่พลังสมองใน การวางแผน วางกลยุทธ นั้นก็ไม่ใช่ สิ่งที่จะมองข้ามได้ เพราะคุณ ต้องคิดล่วงหน้า ไปก่อน คู่ต่อสู้ ทักษะการออกสเต็ป ของเท้า ก็ต้องใช้ การฝึกฝน และ พัฒนา อย่างต่อเนื่อง เหมือนกัน

 

4. มวยไทย อัพรอยยักในสมอง

แน่นอนว่า คงไม่ใช่แค่คุณ คนเดียวแน่ ที่เป็น ฝ่ายจู่โจม เพราะฉะนั้น คุณจะต้องรู้จัก ที่จะ หลบหลีก ก้มหลบหมัด ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในการตั้งรับ นั้น คุณอาจจะต้อง มีการ ออกหมัด ยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้น มาบล็อก หรือแม้แต่ การโต้ตอบกลับ ด้วย หมัดขวาตรง ซึ่งทั้งหมดนี้ จะต้องทำด้วย สปีดที่รวดเร็ว ปฏิกิริยาการโต้ตอบ จะช่วยฝึกการทำงาน ที่สอดประสาน ระหว่างสมอง และ กล้ามเนื้อ ให้ทำงาน ได้ดีขึ้น จนที่สุด คุณจะสามารถ กลายเป็นคน ที่มี ปฏิกิริยาตอบโต้ ได้เร็ว ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ ภายใต้สถานการณ์ ที่กดดัน นั่นเอง

 

ทุกคน คงเห็นแล้วว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ใช่เป็นแค่ กีฬา ที่ใช้แต่กำลัง แต่ยังได้ ฝึกร่างกาย ฝึกสมอง และ พัฒนาสกิล ต่าง ๆ ได้ดี อีกด้วย 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ลดน้ำหนัก สร้างหุ่นฟิต ซิกแพคเป๊ะ

ประเภทของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นักมวย มือใหม่ ควรรู้

มวยไทย ลดน้ำหนัก สร้างหุ่นฟิต ซิกแพคเป๊ะ

มวยไทย ลดน้ำหนัก สร้างหุ่นฟิต ซิกแพคเป๊ะ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะสร้างหุ่นฟิต ง่ายมาก ๆ แค่ลองมาเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ช่วยให้คุณ ลดน้ำหนัก สร้างหุ่นฟิต ซิกแพคเป๊ะ และได้สุขภาพที่ดีต่อร่างกาย

 

ถ้าหากพูดถึง การลดน้ำหนัก หลาย ๆ คน คงนึกถึง วิธีการออกกำลังกาย ฟิตเนส ที่จะต้องใช้วิธีต่าง ๆ เช่น การคาร์ดิโอ การเข้าฟิตเนส การว่ายน้ำ การเต้นแอโรบิก และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ยังไม่ได้พูดถึง แต่เชื่อไหมคะ ว่าการลดน้ำหนัก ที่ให้ผลไวมากที่สุด และได้ผลอย่างเร็ว เราต้องออกกำลังกาย ให้ครบทุกสัดส่วน นั่นคือออกกำลังกาย ในรูปแบบของ มวยไทย ( Muay Thai ) และในวันนี้ เราก็มี วิธีการออกกำลังกาย ตามสเต็ปของ นักมวย ที่ได้ผลไวมากที่สุด มาให้ดูกัน

           

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับ เทคนิคการออกกำลังกาย ตามสเต็ปของเหล่านักมวย

ด้วยความที่ นักมวย นั้นมีความกังวล และเคร่งครัดอย่างมาก ในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ของการแข่งขัน ตามกฎของเวทีนั้น ๆ ซึ่งแต่ละเวที ก็มีการจำกัดน้ำหนัก แบ่งออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ดังนั้น นักมวย จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องควบคุมน้ำหนัก ให้เป็นไปตามรุ่นชก ของตนเอง เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องมีการใช้วิธีลดน้ำหนัก ที่ได้ผลอย่างรวดเร็ว และได้ผลจริง

 

ขั้นตอนที่ 1 การควบคุมอาหาร วิธีการนี้เป็นวิธีการที่สำคัญ ที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างเห็นผลและรวดที่สุด เป็นขั้นตอนที่ยากสำหรับหลาย ๆ คน เลยทีเดียว กับการที่จะต้องลดการรับประทานอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง หรือเส้นต่าง ๆ เพราะแป้งพวกนี้ เป็นตัวช่วยเพิ่มน้ำหนัก อย่างดีเลยทีเดียว นอกจากแป้งแล้ว ก็ต้องลดปริมาณอาหารประเภทของทอด ด้วยน้ำมันทั้งหลาย เพราะจะทำให้การออกกำลังกายที่เราทำ ในขั้นตอนแรก เห็นผลช้ากว่าที่เราต้องการ หรือมันอาจจะไม่เห็นผลเลยด้วย หากยังคงรับประทานอาหารจำพวกประเภทที่กล่าวมา

 

การลดน้ำนักของนักมวย ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด ควรเน้นไปที่ การเลือกรับประทานอาหารประภท เนื้อสัตว์ต้มเป็นหลัก และผักต่าง ๆ ลดแป้ง เน้นผัก ผลไม้ เน้นโปรตีน เนื้อสัตว์ นมรสจืด พร่องมันเนย ในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ส่วนที่ใช้งานหนักไป และสิ่งที่สำคัญเลย ก็คือการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน จะช่วยให้ร่างกายของเรา ชะล้างส่วนเกิน พวกเกลือ ที่ก่อให้เกิดการกักเก็บน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขั้นตอนที่ 2 เริ่มที่การออกกำลังกาย อย่างต่อเนื่องให้ได้ อย่างน้อยประมาณ 45 – 60 นาที ในแต่ละวัน ซึ่งเราสามารถ เลือกออกกำลังกายหลาย ๆ แบบได้ อย่างไม่ซ้ำกัน เช่น วิ่ง 10 กิโลเมตร หรือการปั่นจักรยาน 30 นาที กระโดดเชือกตอนเช้า ต่อยกระสอบทราย หรือเป้าล่อ อย่างน้อย 3 ยก ต่อเนื่องในช่วงเย็น

 

ขั้นตอนที่ 3 การพักผ่อนให้เพียงพอ หลังจากที่เราได้ออกกำลังกายกันมา อย่างหนักหน่วง การพักผ่อนนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่า ทำให้ร่างกายของเรา ได้รับการฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนที่ใช้งานหนักไป ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้น ควรพักผ่อนให้ถึง 7 - 8 ชั่วโมง ต่อวัน เนื่องจากร่างกาย มีการปรับสมดุล ในขณะที่เรานอนหลับ และต้องปฏิบัติ ตามตารางในการลดน้ำหนักแบบนักมวยอย่างมีวินัย ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน แต่ก็ต้องอย่าหักโหมจนเกินไป หรือออกกำลังกายหนักจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนล้า จนไม่สามารถลดน้ำหนัก แบบนักมวยได้ และอาจมีผลกระทบมากกว่าจะเกิดผลดี

 

ขั้นตอนที่ 4 คือการสร้างขีดจำกัดเพิ่ม ให้กับตัวเอง ในการที่จะลดน้ำหนักแบบนักมวยนั้น จะต้องมีการเพิ่มจำนวนยก ในการออกกำลังกาย เช่น การล่อเป้า จำนวนครั้งในการสอบ กับกระสอบทราย หรือจำนวนรอบในการวิ่ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย ให้แข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม และจะไม่เหนื่อยง่าย สามารถดึงเอาพลังงาน มาเผาผลาญได้มากขึ้นอีกด้วย

 

ปละที่สำคัญเลย ในเรื่องของการลดน้ำหนักแบบนักมวย มาเรียน มวยไทย นั้นจะต้องใช้ความอดทน และปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอ ต้องอย่าคิดว่าออก 1 พัก 1 แล้วน้ำหนักจะลงเอง มันกลับกัน และอาจทำให้เราทรมาน กับการลดน้ำหนักซะมากกว่า เช่นนี้เอง จึงต้องวางแผน เป็นขั้นตอน ของการออกกำลังกายไว้อย่างมีระเบียบ ชัดเจน และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก จะต้องอดทน เต็มที่ อย่ายอมแพ้ และห้ามเบื่อ หรือ ไม่ก็ทิ้งมันไปก่อน ที่จะประสบผลสำเร็จ เพื่อช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักลง แบบนักมวย อย่างได้ผลมากที่สุด

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ ของการลดน้ำหนัก กิจกรรมที่ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน หรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ก็ได้ บอกเลยว่า ยังไงก็ดีทุกทาง แต่จะให้ดีกว่า ก็แนะนำว่ามาเรียน มวยไทย กับเรา รับรองว่าไม่มีเหงา ที่สำคัญมีเทรนเนอร์คอยดูแล อยากเป๊ะ หุ่นฟิตแค่ไหน ก็จัดไป

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประเภทของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นักมวย มือใหม่ ควรรู้

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

ประเภทของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นักมวย มือใหม่ ควรรู้

ประเภทของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นักมวย มือใหม่ ควรรู้

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีหลายประเภท ถ้าหากแบ่ง ตามลักษณะ ในการ เข้าต่อสู้ การรุก การรับ และการใช้หมัด ใช้เท้า ใช้เข่า หรือ ใช้ศอก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ก็คือ มวยหลัก หรือ มวยแข็ง และ มวยเกี้ยว หรือ มวยอ่อน นั่นเอง

ประเภทของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นักมวย มือใหม่ ควรรู้

มวยหลัก หรือ มวยแข็ง หมายถึง มวยไทย มวยไทย ( Muay Thai ) ที่มีการต่อสู้แบบรัดกุม สุขุมรอบคอบ ตั้งท่าคุมมวย และจดมวยแบบมั่นคง การจดมวย และการเคลื่อนตัว เคลื่อนเท้า ก้าวย่าง จะเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ดูคล้ายเชื่องช้าไม่คึกคะนอง นักมวยประเภทนี้จะตั้งรับ และรอจังหวะเป็นมวยสุขุมเยือกเย็น มีลำหักลำโค่นดี หรือใช้ศิลปะ มวยไทย มวยไทย ( Muay Thai ) ได้หนักหน่วง รุนแรง และแม่นยำทั้งหมดคือ เท้า เข่า ศอก มีความทรหด มานะอดทน และมีความพยายามสูง

 

มวยเกี้ยว หรือมวยอ่อน หมายถึง มวยไทย มวยไทย ( Muay Thai ) ที่มีวิธีการต่อสู้ที่ใช้ชั้นเชิงแพรวพราวการเข้าทำคู่ต่อสู้จะใช้กลลวงมากมาย มวยเกี้ยวจะเคลื่อนตัวอยู่เสมอไม่หยุดนิ่ง โดยเคลื่อนตัวไปมาทั้งด้านซ้าย และด้านขวาสลับกัน ทำให้คู่ต่อสู้จับทางมวยยาก มวยเกี้ยวจะมีลีลาท่าทางแคล่วคล่องว่องไว หลอกล่อ และหลบหลีกได้ตี มีสายตาดี รุกรับ และออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก ได้รวดเร็วฉับพลันกว่า แม้จะไม่รุนแรงเท่ามวยหลักก็ตาม

 

นอกจากมวยหลัก และมวยเกี้ยวแล้วยังมีมวยอีกประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างมวยหลัก และมวยเกี้ยวคู่กันไป คือ มีทั้งความคล่องแคล่วว่องไว และความรุนแรงในการใช้หมัด เท้าเขา ศอก การเรียกลักษณะของมวยยังมีที่เรียกเป็นอย่างอื่นอีกตามความนิยมของครูมวยแต่ละคน เช่น มวยวงนอก มวยวงใน ซึ่งหมายถึงมวยที่ถนัดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มวยวงนอกดี หมายถึงมวยที่ถนัดอยู่ห่างอาวุธเตะ ถีบ ฉาบฉวย หลอกล่อ หาจังหวะเข้าทำแล้วหนีได้อย่างฉับพลัน ใช้ไม้ยาวหรืออาวุธยาวได้ดี มีความแคล่วคล่องว่องไว เฉลียวฉลาดดี แต่เมื่อเข้าวงใน หรือปล้ำตีเข่า และศอกมักจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

 

มวยไทย ( Muay Thai ) มีการไห้คะแนนตามหลักเกณฑ์ดังนี้

- เมื่อนักมวยได้ใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นอาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกร่างกาย คู่แข่งขันโดยถูกตามกติกา มีแรงส่ง ถูกวัตถุประสงค์ และคู่ต่อสู้ไม่สามารถที่จะป้องกันได้

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่งขัน ได้มากกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่งขันได้หนักหน่วง รุนแรง แจ่มแจ้งกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำถูกคู่แข่ง จนเกิดความบอบช้ำมากกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่เป็นฝ่ายรุกเข้ากระทำมากกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่มีชั้นเชิงในการ รุก รับ หลบหลีก ตอบโต้ ตามลักษณะ และศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ดีกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ทำผิกกติกาน้อยกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

 

การไม่ได้คะแนน มีดังนี้

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำผิดกติกาข้อใดข้อหนึ่ง

- กระทำไปถูกแขน ขา ของคู่แข่งในลักษณะการป้องกันตัว

- กระทำถูกคู่แข่งแต่เบา ไม่มีน้ำหนักส่งจากร่างกาย

- เตะไปแล้วถูกฝ่ายตรงข้ามจับขาเหวี่ยงลงกับพื้น ให้จัดว่าข้างที่เตะได้คะแนน ถ้าหากข้างที่เตะถูกฝ่ายตรงข้ามจับขาได้แล้วแกล้งทิ้งตัวลงกับพื้นถือได้ว่าเป็นการทำผิดกติกาในกรณีนี้ จัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้คะแนน

- การเหวี่ยงคู่แข่งขันให้ล้มลงโดยไม่ได้ใช้อาวุธอื่น

- การไห้คะแนนในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น มีการไห้เป็นตัวเลขครับแม้กระนั้นจะมีการไห้เป็นยก ครับโดยดูจากภาพรวมของการแข่งขันในแต่ละยก

 

มวยไทย ( Muay Thai )  มีหลากหลายสาย หลายประเภท และหลายท่ามาก ๆ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจะไม่รู้จัก หรือลืมไปแล้วด้วยซ้ำ และถ้าหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียนมวยไทย ก็สามารถติดต่อเรามาได้ “เจริญทอง มวยไทย ( Muay Thai ) ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้ และสะดวกที่สุด ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 สาขา (สาขาข้าวสาร และ สาขารัชดา) มีเทรนเนอร์คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

หากพูดถึงกีฬา หรือการ ออกกำลังกาย ของไทย ที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คงหนีไม่พ้น มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ได้รับความนิยม อย่างมาก ทั้งชาวไทย และต่างชาติ เพราะยังเป็น ศิลปะป้องกันตัว ได้ด้วย แต่วันนี้ เราจะมาบอกถึง มวยไทย สำหรับเด็ก ดีอย่างไร

เรียน มวยไทย ดีต่อเด็ก อย่างไร?

หากเด็กน้อยของคุณ มีความสนใจที่ อยากจะเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็ถือว่า ไม่เร็วจนเกินไป ที่พวกเขา จะเริ่มเรียนรู้การ ชกมวย ขั้นพื้นฐาน กันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระวัง มากที่สุด ก็คือ ความปลอดภัย ของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องป้องกันหัว หรือ แม้แต่ นวม ก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าเด็กน้อย ของคุณ จะอายุเท่าไหร่ ก็ตาม ความปลอดภัย ต้องมาก่อน อันดับแรก หรือไม่ก็ ควรพาเขา ไปหาผู้เชี่ยวชาญ หรือ โรงเรียนสอน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เหมาะสำหรับเด็ก เพื่อให้พวกเขา ได้เรียนรู้ อย่างถูกต้อง และ ปลอดภัย อีกด้วย

 

ประโยชน์ ของการ เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับเด็ก ดีอย่างไร? มาดูกัน

มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ กีฬา ที่จะช่วยเรื่องของ ความแข็งแกร่ง ของ ร่างกาย เพียงเท่านั้น แต่การ เรียนมวย นั้น ยังสามารถ เพิ่มทักษะ ด้านความสามารถ ด้านอื่น ๆ ของเด็ก ๆ ได้ อีกมากมาย ที่รวมไปถึง ด้านอารมณ์ และ จิตใจ อีกด้วย

 

  1. มวยไทย ร่างกายแข็งแรง

การชกมวย เป็นกีฬา ที่มุ่งเน้นการเคลื่อนไหว หลาย ๆ ส่วน ของ ร่างกาย ที่เป็นการผสมผสาน ระหว่างการฝึก คาร์ดิโอ และการฝึก ความแข็งแรง เนื่องจากมี การกระโดด การชก การป้องกัน และท่าต่าง ๆ ที่ถูกออกแรงส่งไป จึงทำให้ กล้ามเนื้อ ทั้ง ร่างกาย ได้รับน้ำหนัก และการ ปล่อยน้ำหนัก ออกไป จำนวนมาก ถือว่าการ เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการ ออกกำลังกาย ที่สมบูรณ์แบบ เพราะมีการ เผาผลาญพลังงานไขมัน ส่วนเกิน และยังได้รับ ความแข็งแรง กลับมา

 

  1. มวยไทย การป้องกันตัว

เป็นการเรียนรู้ วิธีการ ป้องกันตัวเอง ที่เป็นทักษะ ที่สำคัญ และจำเป็น ไม่ว่าจะเป็น เด็กผู้หญิง หรือ เด็กผู้ชาย ก็ตาม โดยเพาะอย่างยิ่ง เด็ก ที่อยู่ในช่วงวัย ของการ เจริญเติบโต ซึ่งการ เรียน มวยไทย ( Muay Thai )  นั้น จะเป็นตัวช่วยหนึ่ง ที่ทำให้พวกเขา สามารถหลีกเลี่ยง การถูกโจมตี หรือถูกกระทำ บางสิ่ง บางอย่าง ที่เจ้าตัว ไม่ได้รับความยินยอม  และ นอกจากนี้ ยังสอนให้พวก เด็ก ๆ รู้ถึงวิธี การป้องกันตัว อีกด้วย

 

  1. มวยไทย เพิ่มความมั่นใจ

สมมุติว่า เด็กน้อยของคุณ กำลังตกอยู่ในอันตราย และพวกเขา อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ เป็นอย่างมาก และการที่พวกเด็ก ๆ เคยเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) มาก่อนนั้น จะช่วยเสริม ความมั่นใจ ให้กับพวกเขา เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึง จะทำให้พวกเขา ข้ามขีดจำกัด ของตัวเองไปอีกขั้น และสามารถ ควบคุม ร่างกาย และ จิตใจ ของพวกเขา ให้แข็งแกร่ง มากยิ่งขึ้น

 

  1. มวยไทย ประโยชน์ ต่อ สุขภาพ

การ ชกมวย สำหรับเด็ก ๆ เป็นการ ออกกำลังกาย ที่มุ่งเน้น ความคล่องตัว, ความเร็ว, ความว่องไว, และ การทรงตัว การทำงาน ประสานกัน ระหว่างมือ ตา และ ขา โดยที่กล่าวมา จะช่วยเสริมสร้าง ทำให้ ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ และ หลอดเลือด ทำงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น โดยเพาะ เด็ก ๆ ที่มีความเสี่ยงของ โรคโลหิตจาง โรคอ้วน นอกจากนี้ ยังดีสำหรับ เด็ก ที่มี ไม่ให้มี อีกด้วย ซึ่งเป็นการเสริม ให้ สุขภาพ ร่างกาย แข็งแรง มากยิ่งขึ้น

 

การเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับเด็ก ๆ นอกจากจะเป็น ศิลปะป้องกันตัว ด้วยแล้ว ยังได้เรื่องของ สุขภาพ ร่างกาย ที่ แข็งแรง ขึ้นมาก อีกด้วย

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

เทรนด์รักสุขภาพ ที่กำลังมาแรง ในตอนนี้ ที่ผู้คนเริ่มให้ ความสนใจ ในการ ออกกำลังกาย กันมากยิ่งขึ้น และสิ่งหนึ่งที่มาแรง คู่กับ เทรนด์รักสุขภาพ ก็คือ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะหลายคนหันมา ลดน้ำหนัก ด้วย มวยไทย กันเยอะขึ้น

ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยกีฬา มวยไทย

การกีฬา ของบ้านเรา ที่ได้พิสูจน์ ออกมาแล้วว่า การออกกำลัง ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะเป็น การออกหมัด, เข่า, ศอก, เตะสูง, และ เตะต่ำ ทั้งหมด ก็ล้วนส่งผล ต่อการ ฟิตหุ่นให้ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ให้ดูดี แถมยังมีชื่อเสียง อย่างแพร่หลาย และ เป็นที่นิยม อย่างมาก ในกลุ่มของ ชาวต่างชาติ จนบรรดา ค่ายมวย ต่าง ๆ ก็มีการจัด คลาสสอน มวยไทย มากมาย เรามาดูกันดีกว่า ว่ามีท่า อะไรบ้าง ที่จะทำให้หุ่นสวย ฟิตแอนด์เฟิร์ม ได้รูปร่าง น่าพึงพอใจกัน

 

หมัดตรง

ท่าที่เรียกได้ว่า ง่ายที่สุด ของการฝึก เริ่มแรก มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ยืนปลายเท้า ห่างพอประมาณ กำหมัดทั้งสองข้าง ไว้ที่ระดับอก เก็บศอกแนบลำตัว ตามองตรง แล้วก้าวเท้าซ้าย พร้อมชกหมัดขวา ไปทางด้านหน้า ให้แขนขนาน ไปกับพื้น เปิดส้นเท้าขวา ทิ้งน้ำหนัก ไปทางเท้าซ้าย จากนั้น ให้กลับมาอยู่ ในท่าเตรียม แล้วทำต่อ แต่สลับด้านกัน จากซ้าย มาเป็นขวา ทำสลับไปมา แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซักประมาณ 5 ถึง 10 นาที

 

ศอกตัด

เริ่มต้นท่าเตรียม ด้วยการกำหมัด ทั้งสองข้าง ไว้ที่ระดับอก จากนั้น ก็ก้าวเท้าขวา ไปด้านขวา แล้วตามด้วย การเหวี่ยงแขนซ้าย ให้ข้อศอก ตั้งฉากกับหมัดขวา แล้วบิดลำตัว เพียงเล็กน้อย กับ บิดส้นเท้าซ้าย แล้วให้กลับมา ในท่าเตรียม ทำสลับไปมา ทั้งซ้าย และขวา ประมาณ 5 ถึง 10 นาที

 

ศอกเสย

เริ่มต้นด้วย การยืนหน้าตรง กำหมัดทั้งสองข้าง ไว้ใต้คาง แล้วเก็บแขน ให้แนบชิดติดลำตัว จากนั้น ให้ก้าวเท้าขวา ไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าซ้าย พร้อมกับ ยกศอกขวาขึ้น แล้วให้กลับมา สู่ท่าเริ่มต้น ทำสลับไปมา ซ้ายขวา เหมือนเดิม ใช้เวลา ประมาณ 5 ถึง10 นาที

 

ท่าเตะ

เริ่มด้วยท่าเริ่มต้น ก็คือ กำหมัดทั้งสองข้าง ให้ตั้งฉาก ที่ระดับหน้าอก จากนั้น ก้าวเท้าซ้าย มาข้างหน้าพร้อม ๆ กับ การเตะขาขวาขึ้น ในลักษณะเหวี่ยง แล้วให้ปลายเท้า ชี้มาทางซ้าย บิดตัวเล็กน้อย แล้วให้กลับมา ที่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำสลับซ้าย และขวา ใช้เวลา ประมาณ 5 ถึง 10 นาที

 

ท่าตีเข่า

เริ่มด้วยการ กำหมัดทั้งสองข้าง ให้ตั้งฉาก กับหน้าอก แล้วแนบแขน ให้ชิดลำตัวเช่นเดิม จากนั้นก็ให้ ยกเข่าขวาขึ้นสูง เท่าที่จะทำได้ พร้อมกับ เอนตัว ไปด้านหลัง เพียงเล็กน้อย แล้วให้กลับมา ที่ท่าเริ่มต้น แล้วให้ทำซ้ำ สลับเข่าซ้าย และขวา ใช้เวลา ประมาณ 5 ถึง 10 นาที

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่เพียงช่วยให้เรา ได้หุ่นที่ ฟิตแอนด์เฟิร์ม สวย เพียงเท่านั้น แต่การฝึก มวยไทย ยังทำให้เรา ได้ความรู้ ด้านการต่อสู้ และ การป้องกันตัว อีกด้วย เราสามารถ ใช้ความรู้จาก มวยไทย ( Muay Thai ) ไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือตัวเอง เวลาตกอยู่ในอันตรายได้ อีกทั้ง มวยไทย ยังช่วยสร้างรายได้ ให้ผู้ฝึกอีกด้วย อย่างเช่น การสอนมวย การเป็น นักมวยมืออาชีพ หรือ เอามาเป็นการแสดง ก็ได้เช่นกัน นับว่าเป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของไทย ที่ควรสืบทอดต่อไป อีกด้วย

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

เผาผลาญ ร่างกาย อย่างมีประโยชน์ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

มวยไทย ( Muay Thai ) กับหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่สำคัญของชาติไทยเรานั้น ก็คือ มวยไทย ( Muay Thai ) แน่นอน ซึ่งก็มีหลากหลายเรื่องราว ที่น่ารู้ เราเองก็ได้นำมาฝากทุก ๆ ท่านในบทความนี้ด้วย

 

ปัจจุบันกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และมีชื่อเสียง อย่างแพร่หลาย ชาวต่างชาติมากมาย ที่เดินทางมาประเทศไทย ล้วนลิสต์เอาไว้ ในสิ่งที่ต้องทำเลย เมื่อมาถึงแดนสยาม คือ การเข้าไปดู มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงขอบเวที นอกจากนั้นหลาย ๆ คน ก็ยังหลงใหล ในศิลปะป้องกันตัว ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ประจำชาติของเรา ไปถึงขั้นฝึกฝนอย่างจริงจัง และมีการขึ้นสังเวียน ฟาดฟัน กับนักมวยชาติ ต้นตำรับ ให้เห็นเป็น เรื่องปกติไปแล้ว

 

โดยสิ่งที่ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) โด่งดัง และได้รับความนิยมนั้น เป็นเพราะเสน่ห์ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นมากกว่าแค่ ศิลปะการต่อสู้ แต่คือ วัฒนธรรมประจำชาติไทย และเป็นวิถีชีวิต ที่อยู่คู่คนไทย มาหลายร้อยปี แล้วนั่นเอง แม้จะเห็นว่า มวยไทย ได้เริ่มขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่า เกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏมานั้น มวยไทย ก็ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และอาจเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับชาติไทยเลยด้วยซ้ำ เพราะว่า มวยไทย นั้นเป็นศิลปะประจำชาติของไทยจริง ๆ ยากมาก ที่ชาติอื่นจะเลียนแบบได้นั่นเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ด้วยมือเปล่า ใช้ศอก เข่า เท้า ไปเตะ ต่อย คู่ต่อสู้ โดยถือว่าเป็น ศิลปะป้องกันตัว และเป็น กีฬาประจำชาติ ของไทย ที่เป็น ที่เลื่องลือ ในทักษะนี้ ใช้ได้ทั้งการปกป้องตัวเอง คนรอบข้าง และยังเป็นกีฬา ที่สามารถสร้างรายได้ เลี้ยงดูตัวเองได้ดีด้วย

 

แต่หากสืบประวัติของ มวยไทย ( Muay Thai ) จะพบว่า มีการบันทึกไว้ ถึงความเป็นมาที่ยาวนานหลายร้อยปี ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่พระเจ้าเสือทรงโปรดกีฬาชนิดนี้ถึงขั้นที่ทรงปลอมตัวออกมานอกวัง เพื่อแข่งชกมวย กับชาวบ้าน ซึ่งทรงชนะ ถึง 3 ครั้ง จุดนี้แสดง ถึงความนิยม มวยไทย ( Muay Thai ) แม้แต่ในรั้วในวัง ที่มีการฝึกฝน จนพระมหากษัตริย์เอง ก็ทรงมีพระปรีชาสามารถสูงอย่างมาก

 

 

 

 

แม้แต่ในสมัย ที่ชาวพม่า ได้กวาดต้อนคนไทย ไปเป็นเชลยใน พ. ศ. 2310 นายขนมต้มเอง ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งพอถูกจับเป็นเชลยที่พม่า เขาก็มีการต่อยมวยกัน แล้วนายขนมต้มก็ชนะคนพม่าถึงขั้นที่พระเจ้ากรุงอังวะ กษัตริย์แห่งพม่า ต้องกล่าวชมเชยว่า ถึงแม้คนไทย นั้นจะไม่มีอาวุธ แต่ก็สามารถปกป้องตัวเองและเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยมือเปล่า นอกจากนี้ ก็ยังมีบันทึกถึงความเก่งกาจของพระยาพิชัยดาบหักซึ่งเป็นทหารคู่ใจของสมเด็จพระเจ้าตากสินในสมัยกรุงธนบุรี ที่ได้รับการยกย่องและเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน

 

สถานที่แข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน ที่รู้จักกันดีก็คือเวทีมวยลุมพินี ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2488 ใช้จัดแข่งขันชกมวยแบบมืออาชีพ ที่รวมยอดฝีมือทางด้านการต่อยมวยมาประชันกัน เพื่อรักษาศิลปะของไทยเอาไว้ให้อยู่นาน

 

ในปัจจุบัน มีการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างเป็นกิจจะลักษณะแบบแผน มีปริญญารองรับตั้งแต่ไปถึงปริญญาเอกที่ “วิทยาลัยมวยไทยศึกษาฯ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ที่ราชบุรี เพื่อให้มีเอกสารหลักฐานและการถ่ายทอดทักษะอย่างเป็นทางการ ไม่ผิดเพี้ยนสูญหายไป

 

การเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ได้ฝึกฝนวินัย การควบคุมอาหาร การมีน้ำใจ เป็นนักกีฬา ฯลฯ ทั้งยังมีเสน่ห์ จนทำให้ชาวต่างชาติจำนวนมากอยากเรียนมวยไทย และตัดสินใจฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เพื่อเรียนอย่างจริงจังในค่ายมวยต่าง ๆ และนำไปสอนต่อในต่างประเทศ อันทำให้กีฬาชนิดนี้ยิ่งแพร่หลายออกไป และเกิดการผสมผสานมวยไทยกับกีฬาเทควันโด ยูโด ยูยิตสู เป็นกีฬา MMA หรือ การป้องกันตัว ในแบบผสมผสาน ที่เด็ก และสตรี สามารถเรียนรู้ได้ เพื่อการป้องกันตัวเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นสัญลักษณ์ของชาติ ที่มีประวัติความเป็นมาและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนเกิดการตั้งหน่วยงานการศึกษาเพื่อการอนุรักษ์สมบัติของชาติทางกีฬาไว้ เราทุกคนจึงควรภูมิใจและไม่มีคำว่าสาย หากจะลองเล่นกีฬามวยไทย เพื่อสุขภาพ เสริมสร้างวินัย และใช้เป็นทักษะป้องกันตัว ดังนั้น ควรให้ลูกหลาน รวมถึงเราทุก ๆ คน ก็ควรช่วยอนุรักษ์ มวยไทย ( Muay Thai ) ให้คงอยู่สืบไป

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิธีการดูแลรักษา นวม หลังจากชก มวยไทย ดูแลอย่างไร ?

เผาผลาญ ร่างกาย อย่างมีประโยชน์ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เผาผลาญ ร่างกาย อย่างมีประโยชน์ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เผาผลาญ ร่างกาย อย่างมีประโยชน์ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

การออกกำลังกาย เพื่อการ เผาผลาญ ไขมันส่วนเกิน ไม่ได้มีแค่ การวิ่ง เพียงเท่านั้น แต่การออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น อีกหนึ่งตัวเลือก ในการ ออกกำลังกาย เพื่อเป็นการ เผาผลาญ ไขมันส่วนเกิน ทั้งร่างกาย ได้เช่นกัน

เผาผลาญ ร่างกาย อย่างมีประโยชน์ ด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) จัดเป็น ศิลปะ การต่อสู้ ประจำชาติไทย ที่ในทุกวันนี้ กลายเป็น กีฬา ชนิดหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกัน เป็นอย่างมาก สำหรับ ผู้ที่สนใจ ทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ และโดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องการ ออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ ที่ต้องการ ให้ร่างกาย กระชับสัดส่วน เผาผลาญ เบิร์นไขมัน หรือ ลดน้ำหนัก การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ถือเป็น การออกกำลังกาย ที่ช่วยได้ ด้วยเหตุผล ดังนี้

 

1) มวยไทย ( Muay Thai ) มีส่วนช่วย เผาผลาญ ไขมันได้

การออกกำลังกายด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จัดเป็น การออกกำลังกาย ในประเภท คาร์ดิโอ ( Cardio ) แบบ High Intensity Interval Training ( HIIT ) เนื่องจาก เป็นการออกกำลังกาย รูปแบบ หนักสลับเบาไปเรื่อย ๆ จากการ ชกมวย ต่อยมวย หรือ การออกอาวุธ รูปแบบต่าง ๆ โดยใช้ ระยะเวลาไม่นาน  แต่สามารถ เผาผลาญไขมัน ได้อย่างดี

 

2) มวยไทย ( Muay Thai ) มีส่วนช่วย ให้ได้ออกกำลังกาย ครบทุกส่วน

การออกกำลังกาย  มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้มีแค่ การใช้หมัด การชก การต่อย เพียงเท่านั้น แต่ยังมี การออกอาวุธ อย่างการใช้ขา ใช้เข่า และ ใช้ศอก ที่จะช่วยให้ ผู้ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ออกกำลังกาย ครบทุกส่วน ของร่างกาย จากการ ออกอาวุธ ในส่วนต่าง ๆ  

 

เหตุผลทั้ง 2 ข้อนี้ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จึงถือเป็น ทางเลือกหนึ่ง ของการ ออกกำลังกาย สำหรับ ผู้ที่ต้องการ ออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนัก กำจัดไขมัน หรือ กระชับสัดส่วน ของร่างกายได้ ที่สามารถ เผาผลาญไขมันได้ เป็นอย่างดี และ ครอบคลุม ในการใช้ กล้ามเนื้อ ทุกส่วน ของร่างกายได้

 

ทั้งนี้ ผู้ที่ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อยากให้ได้ ผลลัพธ์ ที่มีประสิทธิภาพ ในการ ลดน้ำหนัก เบิร์นไขมัน หรือ กระชับสัดส่วน ให้ดีที่สุด ต้องปรับเปลี่ยน พฤติกรรม ในการ ใช้ชีวิต ด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย คือ การควบคุมอาหาร ควรเปลี่ยนมาเน้น ทานอาหารที่มี คอเลสเตอรอลต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา รวมไปถึง ควรหลีกเลี่ยง การใช้น้ำมัน ในการ ประกอบอาหารด้วย

 

อีกพฤติกรรม ที่ควรปรับเปลี่ยน ก็คือ การพักผ่อน ให้เพียงพอ เมื่อเรา ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มา การพักผ่อน ถือว่า เป็นสิ่งที่ สำคัญมาก โดยแต่ละวัน ควรนอนหลับ ให้ได้ต่อเนื่อง 7-9 ชั่วโมง

 

การออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ควรควบคุมอาหาร และ ควรพักผ่อน ให้เพียงพอ 2 สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญ ที่จำเป็น ต้องปฏิบัติ ควบคู่กันไป เพื่อทำให้ การลดน้ำหนัก เป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพได้

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิธีการดูแลรักษา นวม หลังจากชก มวยไทย ดูแลอย่างไร ?

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการป้องกันตัว ที่สาวๆ ก็เรียนได้

วิธีการดูแลรักษา นวม หลังจากชก มวยไทย ดูแลอย่างไร ?

วิธีการดูแลรักษา นวม หลังจากชก มวยไทย ดูแลอย่างไร ?

หลาย ๆ ท่าน ที่อาจจะเป็นมือใหม่ อาจจะยังไม่รู้วิธีในการดูแล รักษา นวม หลังจากชก มวยไทย เรามาดูกันว่าวิธีดูแลนวม ให้ดูเหมือนใหม่ สะอาด น่าใช้ นั้นมีวิธีอย่างไร

 

ก่อนอื่น เรามาดูกันว่า ทำไม นวม ชกมวย ถึงได้มีกลิ่นนะ ?

นั่นเป็นเพราะ หลังการใช้งาน เราไม่นำออกมาผึ่งลม หรือเก็บเข้ากระเป๋าทันที นั่นทำให้ เกิดกลิ่นเหม็นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ยังอับชื้นอีกด้วย เราควรปล่อยให้ถุงมือแห้ง ได้ระบายอากาศ ก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋า แต่นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ถุงมือนั้น สะอาดขึ้น

 

สำหรับคนรัก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการออกกำลังกาย ต่างรู้กันดีว่า การไปชกมวย ในแต่ละครั้ง คุณจะต้องเจอกับ นวมชกมวย ของยิม ที่ผ่านมือจากการใช้งาน ของคนหลาย ๆ มาแล้ว เต็มไปด้วย กลิ่นสาบนวม หรือ บางคนมักจะเรียกว่า กลิ่นสาบของนักสู้ ที่ยังคงมีกลิ่นอยู่ ติดนวมจนแก้ไม่หาย แต่ทว่า หลาย ๆ คนก็ไม่ได้ประทับใจกลิ่นเหล่านั้นเท่าไหร่ หากจำเป็นจะต้องใช้งานต่อ

 

โดย สาบนวม มักจะเกิดขึ้น ได้จากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ ไม่ว่าจะเกิดจาก วัสดุ ภายในนวม ที่ทำด้วยยาง หรือ ฟองน้ำ เมื่อผ่านการใช้งาน ทำให้เหงื่อซึมเข้าไป กับฟองน้ำ หรือ ยางด้านในนวม ผ่านการหมักหมม จนเกิดกลิ่นสาบนวม ที่ล้างไม่ออก และแก้ไม่หาย นอกจากนี้ ยังส่งผล ถึงสภาพจิตใจ หากเราใช้ของที่มีกลิ่น ก็อาจจะ ทำให้เราไม่อยากชกมวย และไม่อยากออกกำลังกาย รวมไปถึง อาจจะส่งกลิ่นเหล่านี้ ไปถึงคู่ชกของเราด้วย ก็เป็นได้

 

อีกทั้งสาเหตุ สำคัญ คือ เหงื่อจากมือเรา นั่นเอง ซึ่งเหงื่อมักจะออก ตลอดเวลาทุกครั้ง ที่เราไปชก ซึ่งในการชกมวย แต่ละครั้ง เหงื่อจะออกมา เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดการชก ลองคิดเล่น ๆ หากเปรียบเทียบ ภายในนวมเหมือนกับฟองน้ำล้างจาน ที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่ออยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีการล้าง ให้สะอาด หรือผ่านการตากแดด ตากลมเลย แล้วกลิ่นจะสะสม หนักขนาดไหน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกครั้งที่ ถอดนวมออก กลิ่นนวมว่าเหม็นแล้ว กลิ่นนวมติดมือ ออกมาด้วย อาจเหม็นยิ่งกว่า ล้างมืออย่างไร ก็ไม่หาย สบู่ที่ยิม ก็ไม่อาจช่วยได้

 

 

 

 

 

ซึ่งวิธีกำจัดกลิ่นนวม ให้หายไป ก็มีหลายวิธีดังนี้

1. ซักผ้าพันมือบ่อย ๆ และตากให้แห้ง ทุกครั้ง เพื่อป้องกัน กลิ่นสาบนวมติดมือ

2. โรยแป้งบนมือ ก่อนใส่นวม เพื่อลดเหงื่อ จากมือ แทรกซึมเข้าไป ที่วัสดุภายในนวม

3. ฉีดสเปรย์ ที่มีกลิ่นน้ำหอม ลงในนวม ฉีดสเปรย์สมุนไพร หรือ สเปรย์สารส้ม เพื่อดับกลิ่นสาบนวม ให้ลดลง

 

นวมชกมวย ซักได้อย่างไร

วิธีซักง่าย ๆ ดังนี้

ซักด้วยมือ ขยี้อย่างเบามือ

ใช้น้ำยาซักผ้าอ่อน ๆ แทนการใช้ ผงซักฟอก นั่นเอง

เติมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ลงไปในน้ำ ให้กลิ่นหอมขึ้น

ไม่ควรใช้น้ำร้อนในการซัก อุณหภูมิน้ำสูงสุด ที่สามารถล้าง นวมชกมวย ได้ไม่เกิน 40 ° C

หลังจากล้างน้ำแล้ว อย่าบิด แต่บีบถุงมือเบา ๆ เพื่อบีบน้ำออกจากนวม

 

เช็ดถุงมือให้แห้ง หลังการซัก สามารถใช้เครื่องเป่าผม เพื่อช่วยให้นวมแห้งเร็วขึ้นได้ สุดท้าย ผึ่งลมให้ถุงมือ มีการระบายอากาศที่ดี ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง แต่ระวัง ไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง

 

วิธีหลีกเลี่ยงการซักบ่อย ๆ เพื่อที่จะไม่ต้อง ล้างนวมชกมวยบ่อยขึ้น

1. ใช้ผ้าพันแผล ระหว่างการฝึก เพื่อดูดซับเหงื่อ และล้างได้ง่ายกว่ามาก

2. หลังการฝึก ให้ผึ่งลม ให้นวมชกมวย ได้ระบายอากาศมากขึ้น และไม่เหม็นอับ

3. ในการกำจัดกลิ่นอับ สามารถใช้สเปรย์ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และสารระงับกลิ่นกาย

ด้วยการจัดการอุปกรณ์ชกมวย อย่างเหมาะสม ช่วยให้ลดความถี่ ในการซัก และยืดอายุการใช้งาน ของนวมชกมวย ได้อย่างนานมากขึ้น

 

ซึ่งการรักษาความสะอาด ของอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น เป็นอีกเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อรักษาอุปกรณ์ให้ คงทน อยู่กับเราไปนาน ๆ นั่นเอง อีกทั้ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ของเรา ก็จะไร้ปัญหาจุกจิกแบบนี้อีกด้วย หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบเทคนิคดี ๆ ที่เราได้นำมาฝากกัน

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการป้องกันตัว ที่สาวๆ ก็เรียนได้

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการป้องกันตัว ที่สาวๆ ก็เรียนได้

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการป้องกันตัว ที่สาวๆ ก็เรียนได้

สำหรับ  มวยไทย นั้น เป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่สาว ๆ ก็เรียนได้ ยิ่งเรียน ก็ยิ่งดี รวมถึงหนุ่ม ๆ ที่สร้างความแข็งแกร่ง ก็ขอแนะนำ เรียนมวย ได้ทุกเพศทุกวัยเลย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น โด่งดังอย่างมากมาย ด้วยการออก ท่าทาง การ ต่อสู้ ที่ดูดุเดือด และมีความสวยงาม หากพูดถึง มวยไทย ( Muay Thai )  แล้วละก็ แน่นอนว่าเป็น กีฬา ที่จะทำให้หลาย ๆ คนหันมาสนใจ และติดตามกันเป็น จำนวนมาก ด้วยการป้องกันตัวอย่างมีชั้นเชิงนี่เอง ที่อยากแนะนำให้สาว ๆ ได้เข้ามาลองเรียน มวยไทย เอาไว้ใช้ในการป้องกันตัว หรือหนุ่ม ๆ ที่อยากสร้างความแข็งแกร่ง เด็กก็เรียนได้ เอาจริง ๆ ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มาเรียน มวยไทย ได้ เพราะว่า ประโยชน์ก็มีอย่างมากมาย อีกทั้ง ยังช่วยอนุรักษ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี

 

ศิลปะป้องกันตัว ของ มวยไทย กับท่าฝึกที่แนะนำ

 

1. ท่าจระเข้ฟาดหาง

ท่า แม้ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการใช้ตอบโต้ ปรปักษ์ ด้วยเป็นการเหวี่ยง แข้ง โดยเราหมุนตัวกลับหลัง ออกไปทางขวาด้วย ขา ข้างซ้าย โน้มตัวลงต่ำ แล้วใช้ ขาข้างขวา ให้เหวี่ยงสูงเข้าใส่ บริเวณก้านคอ ของ ฝ่ายคู่ต่อสู้ เพื่อเป็นการตอบโต้ ก่อนที่จะมาปะทะที่เรา

 

2. ท่าขุนยักษ์จับลิง

ท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการใช้ ป้องกัน หมัด จากคู่ต่อสู้ และตอบโต้ โดยเป็นการกอดคอ ไปที่ฝั่งตรงข้าม โดยใช้ หมัดซ้าย ให้ทิ่มเข้าตรงหน้าเรา แล้วใช้แขนขวาท่อนล่าง กันไว้ เพื่อเป็นการ ป้องกันตัว แล้วเข้าไปประชิดตัว เอาแขนซ้ายกอดคอ คู่ต่อสู้ ไว้ข้างตัวด้านซ้าย เพื่อเป็นการ ตอบโต้กลับไป

 

 

 

 

3. ท่าสลับฟันปลา

ท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ใช้ ป้องกันตัว และใช้หลบหลีก อาวุธของ คู่ต่อสู้ โดยการใช้ หมัด ซ้ายทิ่มเข้าหน้าฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะเบี่ยงตัว มาทางขวา ด้วยการ ก้าวเท้าซ้ายถอยหลัง หรือให้สืบเท้าขวา ไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวา ผลักแขนของฝ่ายตรงข้ามให้ออกไปทางซ้าย ถ้าหากเราใช้ หมัดขวา ในการป้องกันตัวและการตอบโต้ ท่าก็จะเป็น ทำนองเดียวกัน แต่เป็นลักษณะตรงกันข้าม นั่นคือ เบี่ยงตัวมาทางซ้าย แล้วใช้ฝ่ามือซ้ายตบ ผลักแขนของฝ่ายตรงข้ามให้ออกไปทางขวา การยักย้ายถ่ายเทดังกล่าว ของทั้ง 2 ท่า จะมี การเคลื่อนไหว ของ ร่างกาย และแขน ในลักษณะ สลับฟันปลา เพื่อเป็นการ ป้องกันตัว ก่อนที่จะหาโอกาส ตอบโต้ ในจังหวะ ที่เหมาะสมต่อไป

 

4. ท่าอิเหนาแทงกริช

ท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการใช้ ป้องกันหมัด ของ คู่ต่อสู้และการตอบโต้ ด้วย เข่า โดยที่เราใช้ หมัด ขวาทิ่มเข้าตรงไปที่หน้าฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายตรงข้าม ใช้ฝ่ามือขวา เพื่อกันแขนของเรา ออกไปทางซ้าย เพื่อจะเป็นการ ป้องกันตัว และในขณะเดียวกันนั้น ก็ใช้ เข่า ซ้าย แทงเข้า ที่กลางลำตัวของเรา เป็นการตอบโต้

 

 5. ท่าปักษาแหวกรัง

ท่า แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการใช้ ป้องกันตัว และตอบโต้ เมื่อ คู่ต่อสู้ เข้าปล้ำ และไปกอดรัด เราก็จะเคลื่อนตัว เข้าหาฝ่ายตรงข้าม และให้ใช้แขนทั้งสองข้าง เข้ากอดรัด ฝ่ายตรงข้ามยกแขน ทั้งสองสอดเข้ากลาง ระหว่างแขนของเรา และให้ใช้แขนท่อนล่าง ทั้งสองแขนกันไว้  ไม่ให้ฝ่ายตรงข้าม โอบแขนเข้ามาที่เราได้ เพื่อเป็นการ ป้องกันตัว พร้อมกันนั้น ก็ใช้ เข่า จะเป็น เข่า ข้างใดก็ได้ ไปตามจังหวะ การเคลื่อนไหว ในขณะนั้นให้ยัดหรือ แทง เข่า เข้าไปที่ลำตัว ของ คู่ต่อสู้ เพื่อเป็นการตอบโต้

 

 

สุดว้าวขนาดนี้ บอกเลยว่าอย่ารอช้า มาเรียน  มวยไทย ( Muay Thai ) กันดีกว่าค่ะทุกคน

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) กิจกรรมยอดฮิต ของชาวออฟฟิศ

คุณค่า ประโยชน์ ของการเล่น กีฬา มวยไทย

คุณค่า ประโยชน์ ของการเล่น กีฬา มวยไทย

สำหรับ ประวัติความเป็นมา ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ต้องยอมรับ กันว่า เป็นทั้ง ด้านกีฬา และ การละเล่นดั้งเดิม ของชาวไทย เพราะฉะนั้น มวยไทย จึงมีองค์ประกอบ ที่สำคัญ ถึงคุณค่า ประโยชน์ อย่างครบถ้วน ตามฉบับของ กีฬามวยไทย ดังนี้

คุณค่า ประโยชน์ ของการเล่น กีฬา มวยไทย

ศิลปะมวยไทย ที่เป็น ศิลปะการต่อสู้ ประจำชาติ ของไทย ซึ่งเป็นมรดกตกทอด มาจากพรรพบุรุษ  สมควรที่คนไทย จะรู้จักศึกษา เพื่อสืบทอดอนุรักษ์  และ เผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่ ได้สืบสานต่อไป คนที่ได้ศึกษา นอกจากจะเป็น ผู้ที่ได้ชื่อว่า รักษามรดก ทางวัฒนธรรม ของชาติไว้ วิชา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นวิชา ที่ทำให้ผู้เรียนมี ร่างกาย ที่แข็งแรง  มีไหวพริบ ในการ ต่อสู้ สร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ตนเอง  มี ประโยชน์ ใน การป้องกันตัว และ สามารถใช้ ประกอบอาชีพ ได้อีกด้วย 

 

การสอนของ ครูมวย จะต้องอบรม ให้ผู้เรียนมี ศิลปะในการต่อสู้  ทั้งจังหวะทั้ง รุก และ รับ  ฝึกให้มี น้ำใจเป็นนักกีฬา  รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เคารพผู้อาวุโส ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกวา ไม่ประมาณคู่ต่อสู้  และ มีเลือดนักสู้  ไม่ยอมแพ้อย่างง่าย  ๆ  ซึ่งสิ่งต่าง  ๆ  ที่กล่าวมานี้  ผู้สอนต้องสร้างเสริม ปลูกฝัง หลอมรวม กลายเป็นวิญญาณของ นักสู้

 

1. ทำให้ร่างกาย เกิดพัฒนาการ เพราะว่า ในขณะเล่นกีฬา หรือแสดงการเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ร่างการ ต้องเคลื่อนไหว ต้องใช้พละกำลัง เพื่อเอาชนะ คู่ต่อสู้ ผู้เล่นจึงมี การตระเตรียมร่างกาย ให้พร้อมก่อนการเล่น ขณะเล่น ก็เท่ากับว่า ผู้เล่นได้ ออกกำลังกาย ไปในตัว จึงทำให้ ร่างกายแข็งแรง มี สุขภาพดี บุคลิกสง่างาม และเพิ่ม ภูมิคุ้มกันโรค อีกด้วย

   

2. ทำให้สุขภาพจิตดี เนื่องจากการเล่น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จัดเป็นทั้งการ เล่นกีฬา และ กิจกรรมนันทนาการ ผู้เล่นจึงได้รับ ความสนุกสนาน ต่อการประกอบกิจกรรม ที่ผู้เล่นชอบ จึงส่งผลให้ จิตใจ และ อารมณ์เบิกบาน ผ่อนคลายความเคลียด ได้เป็นอย่างดี

 

3. ทำให้เกิดน้ำใจนักกีฬา หรือ น้ำใจนักสู้ ที่แสดงออก ซึ่งพื้นฐาน แห่งความถูกต้อง ยุติธรรมเป็นเกณฑ์ เพราะการเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) ย่อมต้องมีการแข่งขัน มีการได้เปรียบ เสียเปรียบ มีการพ่ายแพ้ และ ได้รับชัยชนะ มีการผิดหวัง และ สมหวัง สิ่งเหล่านี้ จะสามารถ หล่อหลอม และฝึกฝนจิตใจ ของ นักมวย ให้เข้มแข็ง กล้าหาญ และ อดทน รวมทั้ง การเป็นผู้ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งเป็นลักษณะ ที่สังคมต้องการ

   

4. การฝึกปฏิภาณไหวพริบ การเล่น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากผู้เล่น ต้องใช้ประสบการณ์ และ ความสามารถ อย่างเต็มที่แล้ว ในขณะเล่น ปัญหาต่าง ๆ จะถูกระดมมา อย่างมากมาย จากผู้แข่งขัน โดยแทบไม่มีเวลา ให้ผู้เล่นได้ใช้ ความคิดแก้ปัญหา เหล่านั้น กีฬา มวยไทย ( Muat Thai ) จึงเป็นเครื่องมือ ที่ดีที่สุด ชนิดหนึ่ง ในการฝึกสมอง ด้านการใช้ความคิด ของผู้เล่น ซึ่งความคิด ในที่นี้ ก็คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และ การตัดสินใจ ที่เด็ดขาด ฉับพลันได้

 

5. ช่วยสร้างเสริมพันธมิตรไมตรี ระหว่างประเทศ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ถูกนำมาใช้ เป็นองค์ประกอบหนึ่ง ในการเสริมสร้าง สัมพันธไมตรี กับนานาชาติ ด้วยการเผยแพร่ ศิลปะมวยไทย ในต่างประเทศ การจัดการแข่งขัน มวยไทย ชิงชนะเลิศนานาชาติ ทั้งประเภท มวยอาชีพ และ มวยสมัครเล่น การแสดงศิลปะมวยไทย ( Muay Thai ) ในงานนิทรรศการ วัฒนธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ บางครั้งก็จะมี การถ่ายทอด  ผ่านเครือข่ายโทรคมนาคม ไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

รวมท่า กีฬา มวยไทย ที่ช่วยทำให้ หุ่นฟิตเฟิร์ม

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

 

รวมท่า กีฬา มวยไทย ที่ช่วยทำให้ หุ่นฟิตเฟิร์ม

รวมท่า กีฬา มวยไทย ที่ช่วยทำให้ หุ่นฟิตเฟิร์ม

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่เพียงแต่ จะช่วยให้ ลดล้ำหนัก ได้เท่านั้น แต่กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังสามารถ ช่วยทำให้ หุ่นของเรา มีความฟิต และ เฟิร์ม หุ่นสวย ดูดี ซึ่งไม่ต่างอะไร กับการ ออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง ในฟิตเนส เลยก็ว่าได้

รวมท่า กีฬา มวยไทย ที่ช่วยทำให้ หุ่นฟิตเฟิร์ม

รวมท่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ช่วยทำให้ หุ่นฟิตเฟิร์ม

1) ท่า Jab cross ( หมัดแย็บ หรือ มัดตรง )

คือ การเหยียดแขน ออกไป พร้อมบิดลำตัวเล็กน้อย เปิดส้นเท้า โดยที่ยังคง รักษา ความตรง ของแขน ที่เหยียดออกไป เอาไว้ ให้อยู่ใน ระดับของ หัวไหล่ สุดท้าย ให้หมุนข้อมือ คว่ำลง ให้สันหมัด มีความตรงกับ จุดที่ ต้องการชก ให้ทำท่านี้ ข้างละ 15 ครั้ง รวม 3 เซต

 

2) ท่า Elbow ( ศอก หรือ ฟันศอก )

คือ การที่ พับแขน ให้เกิด มุมศอก หรือ การเปิดศอก วิธีการ ฝึกท่านี้ คือ ให้ยกศอกขึ้น และ ฟาดลง ไปที่ เป้าหมาย พร้อมกับ การเกร็ง หน้าท้อง ให้ทำท่านี้ ข้างละ 15 ครั้ง รวม 3 เซต

 

3) Knees ( เข่า หรือ แทงเข่า )

ท่านี้ เป็นท่า ที่ง่าย ๆ มาก วิธีการ ฝึกท่านี้ คือ การยกเข่าขึ้น และ เกร็งหน้าท้อง ให้ทำท่านี้ ข้างละ 15 ครั้ง รงม 3 เซต

 

4) Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก )

ท่านี้ จะเป็น การชก ที่ต้องมี การงอแขนถึง 90% เพื่อทำให้ เกิดมุม ในการชก โดยการชก แบบ Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) นั้น จะต้อง งอแขน และ ให้ออกแรงชก ที่สำคัญ การชก Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) ก็คือ ต้องบิดลำตัว เพียงเล็กน้อย และ บิดส้นเท้า เพื่อทำให้ เกิดแรงส่ง ให้ทำท่านี้ ข้างละ 15 ครั้ง รวม 3 เซต

 

5) Uppercut ( หมัดอับเปอร์คัต )

เป็นการชก ที่มีท่าทาง ในการชก แบบเดียวกัน กับท่า Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) แต่ Uppercut ( หมัดอับเปอร์คัต ) ก็คือ การที่ เสยหมัด จากล่าง ขึ้นข้างบน ซึ่งท่านี้ ต้องมีการ งอเข่า และ ย่อตัวลง เพียงเล็กน้อย  ให้ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง รวม 3 เซต

 

6) Kick ( เตะ )

ท่านี้ เป็นท่าที่ คุ้นเคยกันดี การเตะ เป็นการเหวี่ยงขา ให้ออกไป โดยท่านี้ ต้องมีขาหลัก ที่มั่นคง ไม่งั้น อาจจะล้มได้ ให้ทำท่านี้ ข้างละ 15 ครั้ง รวม 3 เซต

 

เพียงเท่านี้ คุณก็จะมี หุ่นฟิตเฟิร์ม จากการฝึก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะ ป้องกันตัว มวยไทย กับทักษะ การเตะ

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ทุกวันนี้ด้วยสภาพการเปลี่ยนไปของโลก รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ส่งผลต่อสุขภาพได้ ซึ่งเราก็สร้างสุขภาพดีง่าย ๆ ด้วย มวยไทย โดยคุณเองก็สามารถฝึกที่บ้านได้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอีกหนึ่ง การออกกำลังกาย ที่ตอบโจทย์เพื่อน ๆ หลายคนแน่นอนค่ะ แค่ได้ลอง ก็ติดใจแล้ว แนะนำว่า ลองหันมา ใส่นวม ขึ้นสังเวียนต่อยมวยกันค่ะ สนุกกว่าที่เพื่อน ๆ คิด และ ที่ เจริญทอง มวยไทย ก็คือ หนึ่งคำตอบ ของความสนุกแน่นอนค่ะ

 

ประโยชน์ ที่ได้จาก มวยไทย ( Muay Thai ) มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ออกกำลังกาย ทุกส่วนของร่างกาย

เป้าหมาย ของการต่อยมวย คือ ให้ทุก ๆ ส่วน ของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจาก การกระตุ้นความแข็งแรง ของร่างกาย และ ระบบไหลเวียน โลหิตแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยเพิ่ม การฝึกทักษะที่ เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว การทำงาน ประสานกัน ของอวัยวะในร่างกาย ปฏิกิริยาตอบโต้ และ ความคล่องตัว และ ยังสามารถ เบิร์นไขมัน ได้ถึง 13 แคลลอรี่ ใน 1 นาที การออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้เผาผลาญ แคลอรี่ ได้ตั้งแต่ 200 - 400 แคลอรี่ ในเวลาครึ่งชั่วโมง, ขึ้นสังเวียนชกมวย 30 นาทีเบิร์นได้ 400 แคลลอรี่, ชกกระสอบทราย 30 นาที เบิร์นได้ 200 แคลลอรี่, ชกกับคู่ซ้อม 30 นาที เผาผลาญได้ 300 แคลลอรี่ สุดยอดเลยค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยคลายเครียด

หากต้องเผชิญ กับสารพัดปัญหา มาทั้งวัน หรือ ทะเลาะกับแฟน ไม่พอใจเจ้านาย ลูกค้า หรือ เพื่อนร่วมงาน รู้สึกหงุดหงิดจวนระเบิด ก็เป็นการดี หากได้ขึ้นสังเวียนต่อยใครสักคน หรือ ชกกระสอบทรายระบายอารมณ์ออกมาบ้าง อะดรีนาลีน และ ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่หลั่งออกมา ระหว่างการใช้แรง จะส่งผลในทางที่ดีต่อร่างกาย มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นการระบายความเครียด ที่ได้ผล และดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงสารเอ็นดรอฟิน ที่หลั่งออกมา ก็ช่วยให้มีความสุขขึ้นด้วยค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า

มวยไทย ( Muay Thai ) อาจเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training (การออกกำลังกาย แบบความเข้มข้นสูง) เพราะการขึ้นชกใน 1 ยก คือ การใช้ร่างกายไปถึงระดับสูงสุด เป็นทั้งการออกกำลังกายแบบที่ผสมผสานเผาผลาญพลังงาน การใช้ออกซิเจน และไม่ใช้ออกซิเจนเข้าด้วยกัน การออกกำลังกายประเภทนี้ จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้หน้าท้องแบบราบ

หากเพื่อน ๆ อยากมีซิกซ์แพ็คชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพแล้วหันมาต่อยมวยดูค่ะ เพราะ การชกมวยจำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเพิ่มขีดจำกัดทางร่างกายอย่างปลอดภัย

มวยไทย ( Muay Thai ) การชก แบบไม่ได้ขึ้นแข่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัย เมื่อเทียบกับการออกกำลังกายรูปแบบอื่น ร่างกายจะเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นไปตามธรรมชาติเพียงแค่เพิ่มความเร็วขึ้น และยังสามารถออกกำลังกายอย่างเข้มข้น หรือฝึกสมรรถภาพร่างกายได้เหมือนนักมวยเตรียมเข้าแข่งขันจริง โดยที่ชกมวยเองได้ที่บ้าน หรือที่ยิมด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้บุคลิกสง่างาม

มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้การใช้สมอง และร่างกายทำงานสอดประสานกันได้ดีขึ้น กระตุ้นให้การรับรู้ทางร่างกายทำงานดีขึ้น มีความคล่องตัว เพราะต้องใช้การทำงานที่สอดประสานกันระหว่างตาและมือ ทุกครั้งที่ชกกระสอบทรายหรือชกกับเป้าล่อ ต้องใช้สมาธิในการพุ่งเป้าไปที่การเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้เกิดการจดจำการเคลื่อนไหว ทั้งจังหวะการขยับเท้าและการออกหมัด ท้าทายการทำงานของกล้ามเนื้อและจิตใจไปพร้อมกัน ทำให้มีความคล่องแคล่ว ว่องไว มั่นใจ บุคลิกก็สง่างามไปโดยปริยายค่ะ

 

ข้อดีเยอะมากขนาดนี้ มาใส่นวม ขึ้นสังเวียน ฟิตหุ่นเฟิร์ม มาสุขภาพดี ด้วย  มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เจริญทองมวยไทย ไปพร้อม ๆ กันนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะ ป้องกันตัว มวยไทย กับทักษะ การเตะ

มวยไทย ( Muay Thai ) กิจกรรมยอดฮิต ของชาวออฟฟิศ

 

ศิลปะ ป้องกันตัว มวยไทย กับทักษะ การเตะ

ศิลปะ ป้องกันตัว มวยไทย กับทักษะ การเตะ

ทุกคน คงทราบกันดีว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อยู่คู่กับ ชาวไทย มาตั้งแต่ อดีตกาล จนถึงปัจจุบัน แต่หลาย ๆ คน คงยังไม่รู้ รายละเอียด เบื้องลึก ของกีฬานี้ เท่าที่ควร แต่เอาจริง ๆ มันเป็นกีฬา ที่สามารถ เบิร์นและ เรียกเหงื่อได้ เยอะมากเลย

ศิลปะ ป้องกันตัว มวยไทย กับทักษะ การเตะ

เพราะกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องใช้กล้ามเนื้อ หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น การชก หรือ การเตะ ซึ่งวันนี้ ทางเรา จะมาพูดถึงเรื่อง ทักษะ การเตะ ว่ามีแบบไหนบ้าง การใช้ช่วงขา กับกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มันใช้ยังไง ไปดูกันเลย

 

จริง ๆ การใช้เท้า ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเตะ กับ การถีบ ซึ่งทักษะ การเตะ กับทักษะ การถีบ ก็ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ทักษะ การเตะ หมายถึง การใช้อวัยวะ ในส่วนเอว จนไปถึง ปลายเท้า จะเรียกว่า การเตะ ส่วนทักษะ การถีบ หมายถึง ใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า ในการต่อสู้ ซึ่งจะแตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง

 

ทักษะ การเตะ มีแบบไหนบ้าง?

1) ทักษะ เตะตรง คือ การเตะ ออกไป แบบตรง ๆ หรือ ภาษาทางการ จะเรียกว่า การเตะ ที่เท้าจะตั้งฉาก กับพื้น นั่นเอง

2) ทักษะ เตะตัด คือ การเตะ ที่จะใช้ ขาวาดออกไป ให้ขนาด ไปกับพื้น ซึ่งท่านี้ ก็สามารถเตะ ได้หลายระดับ ทั้งขา ลำตัว หรือว่าจะเป็น อวัยวะ ส่วนอื่น ที่อยู่สูงขึ้นไป

3) ทักษะ เตะตวัด หรือ ที่เรียกอีกอย่างว่า การเตะเฉียง คือ การเตะ ออกไปเฉียง ๆ ลงพื้น ไปสู่ยัง เป้าหมาย

4) ทักษะ กลับหลังเตะ ก็คือ ลักษณะ การเตะ ที่หมุนลำตัว และ เตะเข้าเป้าหมาย โดยการ เหวี่ยงขา ที่วางอยู่ ด้านหลัง

 

ทักษะ การถีบ มีแบบไหนบ้าง?

1) ทักษะ ถีบตรง คือ การถีบ ไปเลยตรง ๆ โดยที่ ปลายเท้า หรือ ส้นเท้า จะปะทะ กับส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ของเป้าหมาย หรือ คู่ต่อสู้ ซึ่งจะสามารถ เหยียดเท้าตรง หรือว่า งอเข่าถีบก็ได้

2) ทักษะ ถีบข้าง คือ ลักษณะ ในการถีบ ที่ถีบออกไปยัง ด้านข้างของ ลำตัว

3) ทักษะ กลับหลังถีบ คือ การถีบตรง ออกไปทาง ด้านหลัง ซึ่งอาจ เหยียดขาตรง หรือว่า จะงอเข่า ถีบเป้าหมายก็ได้

4) ทักษะ กระโดดถีบ คือ ลักษณะ ในการถีบ ที่เราสืบเท้าไป ด้านหน้า และ สามารถ กระโดดลอยตัว โดยใช้เท้า ข้างที่ถนัด ถีบออกไป ที่เป้าหมาย หรือ คู่ต่อสู้

5) ทักษะ ถีบจิก คือ ใช้ปลายเท้า ในข้างที่ถนัด ถีบออกไป บริเวณ หน้าท้อง ของเป้าหมาย หรือ คู่ต่อสู้ หรือ ช่วงลิ้นปี่

 

ทั้งหมดนี้ ก็เป็นทักษะ ในการเตะ และ การถีบ ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

การเริ่มฝึก มวยไทย ด้วยท่าพื้นฐานง่ายๆ

มวยไทย ( Muay Thai ) กิจกรรมยอดฮิต ของชาวออฟฟิศ

การเริ่มฝึก มวยไทย ด้วยท่าพื้นฐานง่ายๆ

การเริ่มฝึก มวยไทย ด้วยท่าพื้นฐานง่ายๆ

ปัจจุบัน มวยไทย มีความนิยมมากขึ้น สำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้ เจริญทอง มวยไทย ยิม เราจะมาแนะนำ การเริ่มฝึก มวยไทย ด้วยท่าพื้นฐานง่าย ๆ โดยใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เป็นอาวุธหลักของ มวยไทย มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง

การเริ่มฝึก มวยไทย ด้วยท่าพื้นฐานง่ายๆ

การตั้งท่าจดมวย

ท่ามวย ถือเป็นพื้นฐานของการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) หมายถึง การวางเข่าเป็นการวางมือที่ถูกต้องตามหลักการฝึก มวยไทย ซึ่งในวงการมวยต้องรู้จักเหลี่ยมมวย รูปสามเหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัด ปกติมวยจะมีสามเหลี่ยม 2 อัน คือสามเหลี่ยมซ้ายกับสามเหลี่ยมขวา สามเหลี่ยมซ้ายถือเป็นพื้นฐานของการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เช่นกัน หมายถึง ชกหมัดขวาไปข้างหน้าเหนือหางคิ้ว ขณะที่เท้าขวายื่นไปด้านหลัง หมัดซ้ายชิดคาง เท้าซ้ายไปข้างหลัง ลำตัวตรง ไม่เกร็ง ปล่อยตัวสบาย ๆ ลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย ระยะเท้าทั้งสอง 1 ช่วงลำตัว สายตาสอดส่องผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ทั้งหมด

 

การวางตำแหน่งอวัยวะ

เป็นการวางตำแหน่งอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้มีท่ามวยไทย หมายถึง การกำหมัด การวางเท้า มือ และลำตัว จากนั้นพับนิ้วทั้ง 4 เข้าหาฝ่ามือ จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง ให้กำหมัดแน่นโดยไม่เกร็ง ใช้กำปั้น เท้า เข่า ศอก ฯลฯ

 

ศิลปะการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นทักษะพื้นฐานของมวยไทยหลายรูปแบบ ที่ครูมวยต่าง ๆ ประดิษฐ์ขึ้นใช้และได้เขียนหรือบันทึกไว้เพื่อประโยชน์ในการสอนมวยไทยในปัจจุบัน

 

การใช้หมัดใน มวยไทย ( Muay Thai )

คือ เป็นการใช้หมัดที่ถนัดมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว และเท้ายันพื้นเป็นฐาน โดยน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า ใช้แรงส่งจากเท้าหลังและสะโพก หัวไหล่ ออกไปเต็มที่

 

การใช้เท้าใน มวยไทย ( Muay Thai )

การใช้เท้าจะแบ่งออกเป็น ๒ ไม้ คือ การเตะ และการถีบ

- การเตะ หมายถึง ใช้ขาตั้งแต่เอว ลงมาถึงปลายเท้า การเตะตรง หมายถึง การเตะตรงจากพื้นขึ้น ในแนวตั้งฉากกับพื้น

- เตะตัด หมายถึง การเตะโดยให้เท้าขนานกับพื้น สามารถตัดส่วนล่างของร่างกายและส่วนบนของอวัยวะได้ทั้งหมด

- เตะตวัด หรือเตะเฉียง หมายถึง การเตะในทิศทางของการเตะจะเบ้ไปทางเป้าหมาย

- กลับหลังเตะ หมายถึง หันหลังให้ฝ่ายตรงข้าม จากนั้นแกว่งขาที่วางอยู่ด้านหลัง ให้ส้นเท้ากระแทกเป้าหมาย

- การถีบ หมายถึง ใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือส้นเท้าของคู่ต่อสู้กระทืบคู่ต่อสู้

- การถีบตรง หมายถึง ตามชื่อหมายถึง เป็นการเตะตรงที่ช่วยให้ปลายเท้า ส้นเท้า หรือฝ่าเท้าพุ่งเข้าใส่เป้าหมายในส่วนต่าง ๆ ของคู่ต่อสู้อย่างเต็มแรง อาจทำได้โดยการยืดเท้าให้ตรง หรือจะงอเท้าเตะก็ได้

- การถีบข้าง หมายถึง ใช้ปลายเท้าถีบออกไปข้างลำตัว โดยเอียงศีรษะออกจากลำตัว

- การกลับหลังถีบ หมายถึง เตะออกด้านหลังตรง ๆ อาจเหยียดขา หรืองอขาแล้วเหยียดตรงออกไปทางเป้าหมาย

 

การใช้เข่าใน มวยไทย ( Muay Thai )

เป็นการใช้ข้อต่อระหว่างกระดูกขาท่อนบน และท่อนล่าง แล้วงอขา กระทุ้งเข้าหาเป้าหมายของคู่ต่อสู้ การใช้เข่าตรง หมายถึง เข่าพุ่งตรงไปข้างหน้าเข้าสู่เป้าหมาย

- เข่าเฉียง หมายถึง เข่าเอียงไปยังเป้าหมายในด้านตรงข้ามของหัวเข่าที่ยื่นออกมา

- เข่าโค้ง หมายถึง บิดสะโพกกลับหัว ในเวลาเดียวกัน แกว่งขาในรัศมีจากบนลงล่าง โจมตีเป้าหมายโดยให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า

- เข่าโยน หมายถึง การกระโดดจะเหวี่ยงเข่าขึ้นตรงๆ คล้ายเข่าลอย เล็งไปที่ปลายคาง และหน้าอกของคู่ต่อสู้

- เข่าลอย หมายถึง กระโดดสูง กระโดดสูงด้วยการโยนเข่า แต่เข่าลอยถึงพื้นสูงกว่า

 

การใช้ศอกใน มวยไทย ( Muay Thai )

การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลักษณะดังนี้

- ศอกตี หรือเรียกว่า ศอกสับ คือ วิธีการตีศอกจากบนลงล่าง โจมตีอวัยวะของศัตรูเฉียงซ้ายเป็นมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตีด้วยกำลังจากไหล่ ลำตัว และเท้า

- ศอกตัด หมายถึง การตีศอกขนานกับเป้าหมาย

- ศอกงัด หมายถึง ศอกกระแทกจากแรงงัดตรงกลางไปที่มุมขวาบน

- ศอกกระทุ้ง หมายถึง การใช้ศอกเหวี่ยงออกไปทางด้านหลัง ใน ram แก้ไขสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามมาข้างหลังเขา

- ศอกกลับ หมายถึง การหมุนศอกตีกลับไปด้านหลังตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเท้า

 

การนำเอาศิลปะแม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) เหล่านี้ไปใช้ให้ได้ผลดีย่อมขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ความชำนาญ และความมีไหวพริบ ในการผสมผสานไม้มวยต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ

มวยไทย ศิลปะ ป้องกันตัว ที่เด็กก็ฝึกได้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กิจกรรมยอดฮิต ของชาวออฟฟิศ

มวยไทย ( Muay Thai ) กิจกรรมยอดฮิต ของชาวออฟฟิศ

หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ เดี๋ยวนี้หลาย ๆ คน หันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น อีกทั้งยังมี โรคออฟฟิศซินโดรม ที่เป็นปัญหาหลัก ที่คอยกวนใจ หลาย ๆ คน จึงหันมา ต่อยมวย นั่นเอง

 

การออกกำลังกายนั้น ก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งตีแบต ว่ายน้ำ โยคะ พีลาทิส ฟิตเนส หรือแม้แต่สายแข็ง ที่ชื่นชอบการ “ต่อยมวย” ทำให้ “ มวยไทย ” ไม่ได้เป็นกีฬาที่ฮิตเฉพาะ ในบ้านเราเท่านั้น แต่ต่างประเทศ ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และ “มวยไทย” ก็ไม่ใช่แค่กีฬาในกระแส แต่ยังมีอะไรดีๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ มาก่อน  เรามาดูกันดีกว่าค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับการออกกำลังกาย

มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ต้องเคลื่อนไหวทุก ๆ ส่วนของร่างกาย และได้รับความนิยม จากทุกเพศ ทุกวัยไปทั่วโลก ดังนั้น ในปัจจุบันค่ายมวย และฟิตเนส จึงเริ่มมีคอร์สเรียนมวยไทย หรือคลาสการต่อยมวย เพื่อลดน้ำหนัก รวมไปถึง การนำท่าลูกไม้ หรือแม่ไม้มวยไทยมาใช้ ในการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อออกกำลังกาย เช่น คีตะมวยไทย และ Dance Boxing ซึ่งหากต้องการเรียนมวยไทย ต้องที่ “ เจริญทอง มวยไทย ” สุดยอดยิมมวย ที่คุณพลาดไม่ได้

 

มวยไทยกับการแสดง ( นาฏมวยไทย )

นาฏมวยไทย นั้นคือ การแสดง ที่นำความแข็งแกร่ง รวมทั้งท่วงท่าที่สวยงาม ของการออกอาวุธ แบบมวยไทยที่มาผสมผสาน กับท่วงทำนองการบรรเลง ของดนตรีไทย หรือว่าสากล โดยผู้แสดง มักแต่งกาย ด้วยชุดมวยไทยประยุกต์ อย่างเช่น เสื้อกั๊กแขนกุด และโจงกระเบน โดยได้หยิบยกฉากสำคัญ จากตำนานพื้นบ้าน วรรณกรรม หรือว่า เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ มาเล่าเรื่อง อาทิ ฉากพรานบุญ จับกินรี นอกจากนี้ ก่อนที่จะทำการแสดง ก็ยังมีการไหว้ครู ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ ที่มีความสำคัญของการแข่งขัน ชกมวยไทย รวมอยู่ด้วยนั่นเอง

 

 

 

 

เรามาดูกับดีกว่าค่ะ ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ประโยชน์อะไรกันบ้าง ทำไมหลาย ๆ คน ถึงหันมาสนใจกันอย่างมากมาย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างสกิลการวางแผน ที่เฉียบแหลม

การจู่โจม ในแต่ละครั้ จะมากกว่าแค่การต่อย หรือแตะออกไปเท่านั้น การชกมวย เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่เราต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เราต้องรู้ว่า ควรจะออกหมัดจังหวะไหน ด้วยน้ำหนักเท่าไหร่ หรือตอนไหน ที่ควรหลบหลีก กำลัง ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่พลังสมองในการวางแผน วางกลยุทธนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้ เพราะเราต้องคิดล่วงหน้า ไปก่อนคู่ต่อสู้ ทักษะความออกสเต็ปของเท้า ก็ต้องใช้การฝึกฝน และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างความมั่นใจ

ไม่ใช่ว่าการเรียนรู้ ที่จะแตะต่อยเป็นแล้ว จะทำให้คุณมีความมั่นใจ เพิ่มมากขึ้น แต่ “มวยไทย” จะทำให้คุณ ได้รู้จักศักยภาพของตัวเอง รู้ว่าร่างกายของคุณ สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด และนี่แหละ คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และความภูมิใจให้ กับตัวคุณเอง การที่ได้เรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเอง จะทำให้คุณรู้สึกทึ่งกับร่างกาย “มวยไทย” จะสอนให้คุณรู้คุณค่า ที่เป็นตัวตนของคุณจริง ๆ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างรอยยักภายในสมอง

แน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่คุณเพียงคนเดียวแน่ที่เป็นฝ่ายจู่โจม ดังนั้น คุณเองจะต้องรู้จักที่จะหลบหลีก ก้มหลบหมัดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการตั้งรับนั้น คุณอาจจะต้องมีการออกหมัด ทั้งยกแขนได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งสองข้างขึ้นมาบล็อก หรือว่าแม้แต่การโต้ตอบกลับด้วยหมัดขวาตรง โดยทั้งหมดนี้จะต้องทำด้วยสปีดที่เร็ว ซึ่ง “ปฏิกิริยาการโต้ตอบนั้นจะช่วยฝึกการทำงานที่สอดประสานระหว่างสมองและกล้ามเนื้อของคุณให้ทำงานได้ดีขึ้น จนในที่สุดคุณก็จะสามารถกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ได้เร็วในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้ทุก ๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน” นั่นเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างพลังกล้ามเนื้อ

หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าการต่อยมวยนั้น จำกัดอยู่ที่การใช้แค่หมัด และเท้า แต่ทว่า สำหรับ “มวยไทย” ทุกอย่างในร่างกาย จะต้องประสานกันทั้งหมด ทั้งข้อศอก คาง และเข่า ในขณะที่เราเคลื่อนตัว จู่โจม รวมทั้งป้องกันการรุก จากทิศทางต่าง ๆ นั้น ก็จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานอยู่ตลอด และพลังงานเหล่านั้น ก็จะพุ่งไปทั่วทั้งตัว โดยการเตะจะเน้นไป ที่ส่วนของลำตัว สะโพก และก้น ส่วนการต่อย โดยใช้ข้อศอก และกำปั้น จะได้ส่วนของแขน และข้อมือ หากทำได้ถูกท่า ก็จะช่วยเบิร์นแคลอรี่ และสลายไขมันได้มากขึ้นด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ลดความนอยด์

การใช้กำลัง ช่วยลด อาการนอยด์ ลงไปได้ การต่อยมวย ทำให้เรามีสมาธิ และสติมากขึ้น เพราะทุกครั้ง ที่คุณยืนอยู่หน้าคู่ต่อสู้ คุณจะต้องโฟกัส กับทุกการเคลื่อนไหว นั่นทำให้คุณไม่มีเวลา ที่จะได้คิดวิตกกังวลอะไรทั้งนั้น มวยไทย ทำให้ได้เรียนรู้ และช่วยจัดการความวิตกกังวลอีกด้วย ยิ่งฝึกฝน เรียกได้ว่ายิ่งมีสติ

 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้เห็นว่า มวยไทย ( Muay Thai ) มีประโยชน์หลากหลายมาก ๆ ทั้งฝึกสมอง พัฒนาสกิลต่าง ๆ เห็นแบบนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยนะคะ ว่าทำไมชาวออฟฟิศ ถึงหันมาชกมวยกันเยอะขึ้น แล้วคุณล่ะ เริ่มหันมาฝึกชก มวยไทย หรือยัง ?

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

เอราวัณเสยงา ท่า มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคางคู่ต่อสู้

 

มวยไทย กีฬา ที่ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างดี

มวยไทย กีฬา ที่ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างดี

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นเหมือน ศิลปะ การต่อสู้ ที่น่าภูมิใจ ของไทย และ เป็นที่นิยม มากขึ้น เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยลดน้ำหนักได้

มวยไทย กีฬา ที่ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างดี

คุณสามารถ สร้างหุ่นดี ให้สวยเป๊ะ ได้ด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ไม่ยาก หากคุณมีที่ ๆ ฝึกซ้อม ชั้นดี ที่คุณนั้น สามารถ ปล่อยพลัง มวยไทย ( Muay Thai ) ได้อย่างเต็มที่ และ สถานที่ ฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) พร้อมครูมวย ที่มากประสบการณ์ สามารถ สอนคุณ อย่างดี เราขอแนะนำ ให้คุณมาลองที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ยิมฝึก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีที่สุด เพราะว่า ไม่ได้มีเพียง แค่คนไทย ที่เข้ามา ฝากตัว เป็นศิษย์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่นี่ แต่ยังมี ชาวต่างชาติ เข้ามาฝึกซ้อม อยู่สม่ำเสมอ ไม่ขาดสาย อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) บ้านเราเสียจริง

 

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้คุณ ออกกำลังได้เต็ม ในทุกสัดส่วน ของร่างกาย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่นอกเหนือ ไปจาก การกระตุ้น ความแข็งแรง ความแข็งแกร่ง ยังดีต่อทุก ๆ ระบบ การไหลเวียนเลือด ภายใน กระแสโลหิต อีกทั้ง การชกมวย ยังสามารถ ช่วยเพิ่ม ทักษะ ในการ ทรงตัว และ ยังสามารถ โต้ตอบได้ทุก ๆ ปฏิกิริยา มีความคล่องแคล่ว

มวยไทย กีฬา ที่ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างดี

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่สามารถ ทำให้คุณ มีไหวพริบ ที่ดีมากขึ้น ช่วยเพิ่ม กล้ามเนื้อ ให้คุณได้ อย่างเต็มที่ แทบทุกสัดส่วน นับว่าเป็น ตัวช่วยชั้นดี ที่สามารถ ทำให้คุณเอง ลดน้ำหนักได้ หรือ จะเป็นการ เบิร์นไขมัน ก็ได้ทั้งสิ้น อีกทั้ง ยังเป็นการ ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ความแข็งแกร่งของ กล้ามเนื้อ เพียงแค่คุณ ฝึกการชก ครั้งล่ะ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หุ่นของคุณ ก็จะเฟิร์มขึ้น จนสามารถ รู้สึกได้ อย่างแน่ชัด ถึงความเปลี่ยนแปลง นั่นเอง

 

การชกมวย แบบ มวยไทย ( Muay Thai ) จะใช้แคลอรี่เยอะ และ ตัวเลข มักเป็นเรื่องที่ สำคัญกับ ผู้หญิง ทางเรา จึงรับประกัน ได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่มีการ เผาผลาญ พลังงาน ได้มากกว่า การออกกำลังกาย เกือบทุกชนิดเลย แม้กระทั่ง โยคะ, พิลาทิส ซึ่งสิ่งที่ แตกต่าง อย่างสำคัญ อีกข้อหนึ่ง ก็คือ การที่ออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะสามารถ ได้ใช้กล้ามเนื้อ หลายส่วนพร้อม ๆ กัน เรียกว่า ได้ทั้งตัวเลย จึงถือเป็น วิธีที่เหมาะสม อย่างมาก ในการ ลดน้ำหนัก ได้มากถึง 2,000 แคลอรี่ เลยทีเดียว

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการ ฝึกฝน ศิลปะ มวยไทย

เรียนรู้มารยาท ในการชก มวยไทย

ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการ ฝึกฝน ศิลปะ มวยไทย

ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการ ฝึกฝน ศิลปะ มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น กิจกรรม ที่ใครหลาย ๆ คน สนใจ และ อยากเล่น อยากศึกษา เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ใช่แค่ ศิลปะ การต่อสู้ เพียงเท่านั้น

ประโยชน์ ที่ได้รับ จากการ ฝึกฝน ศิลปะ มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นอีกหนึ่ง กีฬา ที่ได้รับ ความนิยม ตลอดกาล นอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา ที่ทุกเพศ ทุกวัย สามารถ ร่วมเล่นได้ จึงทำให้ เป็นที่นิยมมาก และ การฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) ยังมีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ดังนี้

 

1) มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง และ กล้ามเนื้อ

เนื่องจาก เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ร่างกาย ใช้กล้ามเนื้อ ในการเตะ การต่อย การหลบหมัด อะไรต่าง ๆ ทำให้ผู้ฝึก ได้ใช้ร่างกาย ในการฝึก ทำให้กล้ามเนื้อ ในร่างกาย มีความกระชับ ไม่ต่างอะไร กับ การออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง ( Weight Training ) เลย

 

2) มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเผาผลาญไขมัน

สำหรับ คนที่ต้องการ ลดไขมัน ลดน้ำหนัก ทางเรา สามารถ บอกได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นตัวเลือกที่ดี อย่างมาก ในการลดน้ำหนัก เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น การออกกำลังกาย คาร์ดิโอแบบ HIT ที่ต้องมีการ ใช้ร่างกาย อย่างหนัก ในระยะ เวลาสั้น ๆ และ เป็นการ คาร์ดิโอ ที่มีความ เข้มข้นสูงมาก ทำให้ร่างกาย มีการเผาผลาญ พลังงาน ได้พอ ๆ กับ การไปวิ่ง จ็อกกิ้ง และ ยังดีต่อ คนที่ชอบ คาร์ดิโอ แบบเร็ว ๆ ใช้เวลา ไม่นานด้วย

 

3) มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเฟิร์มหุ่น

สำหรับ เพื่อน ๆ ที่อยากจะ ลีนหุ่น ให้มีกล้ามชัด ๆ มีซิกแพค มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น กีฬา อีกหนึ่งประเภท ที่จะทำให้ ผู้ซ้อม สามารถ ลีนหุ่น ได้อย่างดี และ สามารถ ลีนหุ่น ได้อย่าง รวดเร็ว เพราะว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องมีท่า การเตะ การต่อย ทำให้กล้ามเนื้อ ได้ใช้งาน มีการพัฒนา และ ทำให้ หุ่นเฟิร์ม มากขึ้น และ ที่สำคัญ ยังช่วย เผาผลาญไขมัน ได้อย่างดี

 

4) มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยกระตุ้น การไหลเวียนเลือด

การออกกำลังกาย ด้วยการ ฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ ร่างกาย มีการไหลเวียนเลือด ได้อย่างดี และ ยังส่งผลดี ต่อหัวใจ อีกด้วย

 

นอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยฝึก การเคลื่อนไหว ได้อย่างรวดเร็ว กระฉับกระเฉง เพราะว่า ได้ใช้ทุกส่วน ของร่างกาย นั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

เรียนรู้มารยาท ในการชก มวยไทย

เรียนรู้มารยาท ในการชก มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต่อสู้กับ คู่ต่อสู้ เพื่อเอาชนะ แต่สำหรับการ ชก นั้น ก็ต้องกฎกติกา และ มารยาท ในการขึ้นชก แต่ละครั้ง วันนี้เราจะพามา เรียนรู้กฎกิตการ มารยาท ของ มวยไทย กัน

เรียนรู้มารยาท ในการชก มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่จะต้องใช้ พละกำลัง ในการ ต่อสู้ เพื่อที่จะ เอาชนะ การแข่งขัน และเราต้อง ต่อสู้ กับ คู่ต่อสู้ มากหน้าหลายตา  และทำการต่อสู้กัน เพื่อเอาชนะ ดังนั้น กีฬา ที่มีการต่อสู้ ของคน 2 คน ก็จะต้องมี กฎกติกามารยาท ในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่ มวยไทย ( Muay Thai ) เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึง กีฬา ประเภท อื่น ๆ อีกด้วย ที่มีการ ต่อสู้ เพราะ ถ้ากีฬาไหน ที่มีการต่อสู้ แล้วไม่ทำตาม กฎกติกามารยาท ก็จะถูกวิจารณ์ หรือ ถูกตัดสินแพ้ และอาจถูกแบน ออกจากการแข่งขัน ได้

 

มารยาท ในการชก มวยไทย ( Muay Thai )

 

1. นักมวย จะต้องเคารพใน กฎกติกา การชก มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างเคร่งครัด และต้องทำตาม กฎกติกามารยาท การชก ทุกประการ

2. เคารพ เชื่อฟัง ปฏิบัติตามคำแนะนำ และ คำตักเตือน ของผู้ตัดสิน อย่างเคร่งครัด

3. ไม่แสดง หรือ ห้ามแสดง กิริยาอาการ ที่ไม่สุภาพ ต่อคู่แข่งขัน หรือ ผู้เข้าชม อาทิเช่น ถ่มน้ำลาย ตะโกนด่าผู้ชม หรือ การทำผิดกฎ ที่ไม่เหมาะสม  

4. ไม่แสดงปฏิกิริยา คัดค้าน ไม่พอใจ หรือ ไม่เชื่อฟัง ในการตัดสิน ของผู้ตัดสิน ทุกกรณี อาทิเช่น ไม่ยอมลงจากเวที ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน ด่าว่าผู้ตัดสิน หรือ ทำร้ายผู้ตัดสิน เป็นต้น

5. ไม่พยายามซ้ำเติม คู่แข่งขัน ที่ด้อยกว่า ทั้งที่มีโอกาส ในการกระทำได้ โดยไม่ผิดกติกา

6. ควรมีน้ำใจนักกีฬา เมื่อเห็นว่า คู่ต่อสู้ นั้น ไม่มีทางสู้แล้ว ก็พยายามที่จะ ทำให้ คู่ตู่สู้ บอบช้ำอีก

7. ควรให้เกียรติ และเคารพ นักมวย รุ่นพี่ก่อน และหลัง การต่อสู้ ทุกครั้ง

8. ตามประเพณีนิยม ก่อนการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) นักมวย จะต้องทำการไหว้ครู และ ต้องมีการร่ายรำตาม ศิลปะมวยไทย

9. ไม่ทำการ ล้มมวย หรือ ทำการไม่เหมาะสม ในขณะแข่ง

 

สิ่งที่ไม่ควรทำ ในการชก มวยไทย ( Muay Thai )                            

 

การที่ นักมวย นั้น ไม่ปฏิบัติตาม กฎกติกามารยาท ในการ ชกมวย นั้น จะถือว่า ฝ่าฝืน และกระทำผิด โดยเจตนา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ก็ตาม จะถือว่าเป็น การชก ที่น่ารังเกียจ และ ไม่มีน้ำใจ เป็นนักกีฬา ซึ่งผิดวิสัย ของลูกผู้ชาย  และถือว่า ไม่ให้เกียรติ ต่อกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ นักชก

 

1. การใช้ ศีรษะกระแทก กัด ควัก หรือ กดลูกตา และ จิกผม ถ่มน้ำลาย ใส่คู่ต่อสู้ หรือว่า พยายามโกง ในการแข่งขัน

2. การปล้ำ โดยการแกล้งล้มทับ กดศอก หรือ เข่าซ้ำ คู่ต่อสู้ ขณะที่ คู่ต่อสู้ลม หรือ เหวี่ยงทุ่ม ในลักษณะของ ยูโด หรือ มวยปล้ำ

3. การล๊อคคอ ล็อคแขนขา ขัดขา เกี่ยวขา ปัดขา หนุนขา หรือ ยกทุ่มคู่ต่อสู้ เป็นต้น

 

กฎกติกามารยาท เป็นสิ่งที่ควรทำตาม อย่างเคร่งครัด และควรเคารพ ใน กฎกติกา ที่มีการตั้งไว้ ควรให้เกียรติ คู่ต่อสู้ และที่สำคัญ ต้องมีน้ำใจ นักกีฬา ซื่อสัตย์สุจริต ก็จะส่งผลดี ให้กับ นักกีฬา สำหรับใคร ที่อยากเป็น นักมวย หรือ สนใจใน การชก มวยไทย ( Muay Thai ) เราก็ควร ต้องมีน้ำใจนักกีฬา กันทุกคน เพื่อวงการ มวยไทย จะได้เฟื่องฟู และกลับมา หน้าดู หน้าสนับสนุน เหมือนเดิม

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

หากพูดถึงกีฬา ที่เป็นที่นิยม ในช่วงนี้ ก็คงหนีไม่พ้น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งหลาย ๆ คน ก็อาจสงสัย ว่าทำไม มวยไทย ถึงได้รับ ความนิยม วันนี้เรามาหา คำตอบกัน

เหตุผลที่ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬายอดนิยม

ในปัจจุบัน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่หลาย ๆ คน อาจจะมี ความรู้สึก ว่า เป็นกีฬา ที่ไม่ค่อย ได้รับความนิมยมแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้หายไปไหน และ กีฬา มวยไทย ยังคงเป็น กีฬา ที่เป็นที่ นิยมอยู่ เหมือนเดิม และ อะไรเป็นเหตุผล ที่ทำให้ กีฬา มวยไทย ยังคงอยู่ และเป็นที่ นิยม เป็นอย่างมาก ที่ทำให้ หลาย ๆ คน ยังคงหลงใหล ในเสน่ห์ ของกีฬา ศิลปะการต่อสู้ ประเภทนี้อยู่

 

มวยไทย ช่วยเบิร์นไขมัน ได้เป็นอย่างดี

หนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ใคร หลาย ๆ คน เลือกที่จะมา ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นเพราะว่า กีฬา มวยไทย สามารถ ช่วยเบิร์นไขมัน ได้ เป็นอย่างดี และ สามารถ เบิร์นไขมัน ได้มากกว่า กีฬา ประเภทอื่น ๆ หากใคร ที่อยากจะ ลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก อยากมี หุ่นเฟิร์ม ให้ดีขึ้น และ รวดเร็ว ซึ่ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา ที่ทำให้เรา สามารถ ลดน้ำหนัก ได้เร็วกว่า ก็เพราะว่า การซ้อม มวยไทย ในแต่ละครั้ง มีการ เผาผลาญแคลอรี่ ได้ถึง 1000 กิโลแคลอรี่ หรือเรียก ได้ว่าเป็น การเผาผลาญ ที่เยอะมาก ๆ ฉะนั้น คนที่ต้องการ ลดน้ำหนัก จึงหันมาใช้ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในการ ลดน้ำหนัก เป็นส่วนมาก

 

มวยไทย ยิ่งเรียน ยิ่งน่าหลงใหล

สาเหตุ ที่ทำให้ใคร หลาย ๆ คน ล้มเลิกในการ ออกกำลัง ไม่ใช่เป็นเพราะว่า ความเหนื่อยล้า หรือ การไม่มีเวลา ในการ ออกกำลังกาย แต่เป็นเพราะ ความน่าเบื่อ ในการ ออกกำลังกาย ที่ทำให้หลาย ๆ คนนั้น ล้มเลิกไป เพราะว่า กีฬา อย่างอื่น ในช่วงแรก ๆ ในการ ออกกำลัง ก็สนุก ตื่นเต้น และน่าสนใจ แต่พอผ่านไป สักพัก ก็เริ่มเบื่อ เพราะความซ้ำ จำเจ แต่ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ต่างจาก กีฬา ประเภทอื่น ๆ เพราะว่า กีฬา มวยไทย เป็นกีฬา ที่มีเสน่ห์ น่าค้นหา ที่ทำให้ ยิ่งเรียน ยิ่งฝึก ก็จะ ยิ่งมี ความน่าสนใจ และ น่าหลงใหล ไปกับการ ฝึกซ้อม มวยไทย เนื่องจาก  กีฬา มวยไทย เป็น กีฬา ที่มีท่าทาง ต่าง ๆ ที่ทำให้เรา ต้องฝึกซ้อม อย่างมากมาย หลากหลายท่า ด้วยกัน ที่ทำให้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งมีเรื่อง ที่ต้องพัฒนาทักษะ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และนี่ จึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ หลาย ๆ คน มีความสนใจ ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั่นเอง

 

มวยไทย ช่วยฝึกป้องกันกันตัว

การป้องกันตัว เป็นเรื่องหลัก ๆ ที่ทำให้ ใครหลาย ๆ คน เลือกที่จะมาเรียน และ เล่นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อเอาไว้ ป้องกันตัว ถึงแม้ว่า จะไม่ได้ไปมีเรื่อง กับใครก็ตาม แต่การที่เรา มีความรู้ ในการ ป้องกันตัว ก็ถือว่า เป็นเรื่อง ที่ดีมาก ๆ อย่างน้อย ๆ ความรู้นี้ เราก็เอาไว้ใช้ ช่วยเหลือ คนอื่น ๆ หรือ คนรอบตัว เราได้

 

ทุก ๆ คน ก็คงจะได้เห็นเสน่ห์ ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) กันแล้ว และ เพื่อน ๆ หลาย ๆ คน ก็คงจะหายสงสัย หากเพื่อน ๆ อยากเข้าใจ แบบลึกซึ้ง กว่านี้ เราขอแนะนำ ให้เพื่อน ๆ ลองมาฝึก มวยไทย ด้วยกัน

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

หากขึ้นสู่ สังเวียน มวยไทย ( Muay thai ) แล้ว ควรทรงตัวอย่างไร

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

มาดูกันว่าพื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด เป็นยังไงบ้าง เพื่อให้ผู้ฝึกหน้าใหม่ทั้งหลาย ได้รู้จัก และเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในหมัด เท้า เข่า ศอกของ มวยไทย

พื้นฐานการฝึก มวยไทย ให้ได้ประโยชน์ที่สุด

การวางตำแหน่งอวัยวะในการฝึก มวยไทย

การวางตำแหน่งอวัยวะในการฝึกท่า มวยไทย เพื่อให้มีท่าทางที่เป็นมวยไทยทั้ง 4 อย่าง คือ หมัด เท่า เข่า ศอก ที่ถูกต้อง โดยไม่เกร็ง การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

 

การตั้งท่าจด มวยไทย

ท่า มวยไทย ถือเป็นพื้นฐานของการฝึก มวยไทย หมายถึง การวางเข่าเป็นการวางมือที่ถูกต้องตามหลักการฝึก มวยไทย ซึ่งในวงการมวยต้องรู้จักเหลี่ยมมวย รูปสามเหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัด  ปกติแล้วมวยจะมีสามเหลี่ยม 2 อัน คือ สามเหลี่ยมซ้าย กับสามเหลี่ยมขวา สามเหลี่ยมซ้ายถือเป็นพื้นฐานของการฝึกมวยไทยเช่นกัน หมายถึง ชกหมัดขวาไปข้างหน้าเหนือหางคิ้ว ขณะที่เท้าขวายื่นไปด้านหลัง หมัดซ้ายชิดคาง เท้าซ้ายไปข้างหลัง ลำตัวตรง ไม่เกร็ง ปล่อยตัวสบาย ๆ ลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย ระยะเท้าทั้งสอง 1 ช่วงลำตัว สายตาสอดส่องผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา สี่เหลี่ยมด้านขวา หมายถึง การเหวี่ยงกำปั้นซ้ายไปข้างหน้าเหนือหางคิ้ว ขณะที่เท้าซ้ายยื่นไปข้างหลัง แขนซ้ายขนานกับลำตัว หมัดขวาชิดคาง เท้าขวาไปข้างหลัง ลำตัวตรง ไม่เกร็ง ปล่อยตามสบาย ลงน้ำหนักที่เท้าขวา สายตาของเขามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

 

ศิลปะการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ของ มวยไทย

เป็นทักษะพื้นฐานของ มวยไทย หลายรูปแบบ ที่ครูมวยต่าง ๆ ประดิษฐ์ขึ้นใช้และได้เขียนหรือบันทึกไว้ เพื่อประโยชน์ในการสอนมวยไทยในปัจจุบัน

 

การใช้หมัด ใน มวยไทย

คือ การใช้หมัดที่ถนัดและมุ่งตรงไปที่เป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว และเท้ายันพื้นเป็นฐานโดยทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่เท้าหน้า ใช้แรงจากเท้าหลังและสะโพกและ ไหล่ออกไปอย่างเต็มที่

การตัดกำปั้นหมายถึงการใช้กำปั้นทั้งหมดเพื่อปัดทิ้ง เป็นรูปครึ่งวงกลมรอบลำตัว ใบหน้า หรือศีรษะของคู่ต่อสู้ ผู้รู้บางท่านเรียกว่า กำปั้น แบ่งเป็นกำปั้นสั้นๆ และกำปั้นยาว การขว้างสั้นหมายถึงการขว้างที่แคบ หมัดยาวหมายถึงการแกว่งที่กว้าง หมัดแกลง หมัดแกลง หมายถึง การใช้สันกำปั้นกดลงไปที่อวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขนออกหมัดแคบ ตึงศอก กำหมัดขึ้น แล้วเหวี่ยงกำปั้นไปที่เป้าหมาย ได้แก่ ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้

 

การใช้เท้า ใน มวยไทย

การใช้เท้า ใน มวยไทย แบ่งเป็น 2 ท่า คือ การเตะ และการถีบ

- การเตะ หมายถึง การใช้ขาตั้งแต่เอวลงไปถึงปลายเท้า การเตะตรง หมายถึง การเตะจากพื้นขึ้นในลักษณะตั้งฉากกับพื้น

- การเตะตัดขา หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าขนานกับพื้น สามารถตัดส่วนล่างของร่างกายและส่วนบนของอวัยวะได้ทั้งหมด

- การเตะตวัด หรือการเตะเฉียง หมายถึง การเตะที่มีทิศทางของการเตะเป็นเส้นทแยงมุมไปยังเป้าหมาย

- เตะกลับหลัง หมายถึง การพลิกตัวกลับไปหาคู่ต่อสู้ จากนั้นแกว่งขาที่วางอยู่ด้านหลัง ให้ส้นเท้ากระแทกเป้าหมาย

- การถีบ หมายถึง การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือส้นเท้าของคู่ต่อสู้ นิ้วเท้ากับฝ่ายตรงข้าม

- การถีบตรง หมายถึง ตามชื่อ คือ การเตะออกไปตรงๆ โดยให้ปลายเท้า ส้นเท้า หรือฝ่าเท้ากระแทกเป้าหมายในส่วนต่าง ๆ ของคู่ต่อสู้เต็มแรง ซึ่งอาจทำให้เท้าตรงได้ หรือจะงอเท้าเตะก็ได้

- การกระโดดถีบ หมายถึง การก้าวเท้าข้างที่ไม่ถนัดออกไป 1 จังหวะ แล้วลอยตัวโดยใช้เท้าข้างถนัดไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม

- การถีบข้าง หมายถึง การใช้ปลายเท้าถีบออกไปด้านข้างลำตัว โดยเอียงศีรษะออกจากลำตัว

- การถีบกลับหลัง หมายถึง การเตะไปด้านหลังตรงๆ อาจเหยียดขาให้ตรง หรืองอขา แล้วยืดออกไปทางเป้าหมาย

- การถีบจิก หมายถึง การใช้ปลายเท้าข้างที่ถนัดจิกหน้าท้อง หรือลักษณะเด่นของคู่ต่อสู้ โดยอาศัยแรงส่งจากเท้าที่ไม่ถนัด

 

การใช้เข่า ใน มวยไทย

หมายถึง การใช้ข้อต่อระหว่างกระดูกขาท่อนบนและท่อนล่าง แล้วงอขา กระทุ้งเข้าหาเป้าหมายของคู่ต่อสู้

- เข่าตรง หมายถึง เข่าชี้ตรงไปยังเป้าหมาย

- เข่าเฉียง หมายถึง การตีเข่าเฉียงเข้าหาเป้าหมายด้านเดียวกับเข่าทุ่ม

- งอเข่า หมายถึง การพลิกสะโพกกลับหัว ในเวลาเดียวกัน แกว่งขาในรัศมีจากบนลงล่าง กระแทกเป้าหมายโดยให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า

- ทุ่มเข่า หมายถึง กระโดดขว้างเข่าขึ้นตรงๆ แบบเข่าลอย เป้าอยู่ที่ปลายคาง และหน้าอกของคู่ต่อสู้

- เข่าลอย หมายถึง การกระโดดขึ้นที่สูง พุ่งทะยานด้วยการโยนเข่า แต่เข่าลอยถึงพื้นสูงกว่า

 

การใช้ศอก ใน มวยไทย

การใช้ศอกเบื้องต้นมีลักษณะดังนี้

- การตีศอก หรือที่เรียกว่าศอกสับ คือ วิธีการตีศอกจากบนลงล่าง โจมตีอวัยวะของศัตรูเฉียงซ้ายเป็นมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตีด้วยกำลังจากไหล่ ลำตัว และเท้า

- ศอกตัด หมายถึง การตัดศอกขนานกับเป้า

- ศอกงัด หมายถึง การตีศอกจากตรงกลาง งัดมุมขวาบน

- กระทุ้งศอก หมายถึง การใช้ศอกไปข้างหลัง ใน ram แก้ไขสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามมาข้างหลังเขา

- ศอกกลับ หมายถึง พลิกตัวตีศอก กลับไปด้านหลังตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเท้า

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ศิลปะ การต่อสู้ ที่มีชั้นเชิ้ง

หากขึ้นสู่ สังเวียน มวยไทย ( Muay thai ) แล้ว ควรทรงตัวอย่างไร

 

หากขึ้นสู่ สังเวียน มวยไทย ( Muay thai ) แล้ว ควรทรงตัวอย่างไร

หากขึ้นสู่ สังเวียน มวยไทย ( Muay thai ) แล้ว ควรทรงตัวอย่างไร

วันนี้ มาดูกัน ว่า ถ้าหากขึ้นสู่ สังเวียน มวยไทย ( Muay thai ) แล้ว ควรจะมีเทคนิคต่าง ๆ ในการทรงตัวอย่างไรดี เพื่อความปลอดภัย ความมั่นคง ในการขึ้นชกอีกด้วย

 

สร้างเสริมสมดุลให้ ร่างกาย ไปกับ มวยไทย ( Muay thai )

การฝึก หรือว่า การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้น ต่างเป็นที่รู้กันดีว่า มวยไทย ( Muay thai ) เป็นกีฬา ที่จะต้องใช้ ความอดทนของร่างกาย แทบจะทุก ๆ ส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว สมาธิ ความว่องไว รวมทั้ง ปัญญา

 

การที่เราฝึก ในการ ซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ทุกวันนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ จะทำให้ร่างกายของเรา แข็งแรง แต่ยังไปทำให้ร่างกายของเรา ได้มีความสมดุลอีกด้วย อีกทั้ง มวยไทย ( Muay thai ) ยังไปช่วยสร้างเสริม กล้ามเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี รับรองได้เลย หากคุณกำลังฝึก มวยไทย ( Muay thai ) อยู่นั้น คุณจะได้ ทั้งความว่องไว, สมาธิ, ไหวพริบ ที่เพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

มวยไทย ( Muay thai ) เป็น กีฬา ต้องใช้ทั้ง ความเร็ว, ความอดทน, ความแข็งแรง ในกล้ามเนื้อ เพราะว่า กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) นั่นเป็นการไป ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ซึ่งสามารถทำให้เรา อาจได้รับบาดเจ็บ ได้นั้นเอง แต่หากว่า ถ้าเรายิ่งฝึกซ้อมร่างกาย มาเป็นอย่างดี แน่นอนเลยว่าร่างกายของเรา จะให้มีความทนทาน แข็งแรง และก็ยังไปช่วย สร้างสมดุลร่างกาย ได้ดี อีกทั้งมีประสิทธ์ภาพอย่างมาก เราไปดูดีกว่า กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) นั้น จะช่วยสร้างสมดุล ให้กับร่างกาย ของเราได้อย่างไร

 

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดความเครียด

ในแต่ละวันนั้น แน่นอนว่าเรานั้นต้องพบ ต้องเจอกับ อะไรหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาหาเรา ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็น ความเครียดต่าง ๆ ทั้งเกิดจาก ความเครียด ในการทำงาน ความเครียด จากเรื่องเรียน, เรื่องแฟน, เรื่องเพื่อน หรือว่า เรื่องครอบครัว เรานั้น มักจะมีความเครียดสะสม อยู่ในตัวกันทั้งนั้นเลย ถ้าเราอยากระบายความเครียด แถมก็ยังได้ประโยชน์ ให้แก่ร่างกายของเรา เราขอแนะนำ ให้คุณลองไปซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูสิ เผื่อช่วยให้คุณ หายเครียดได้ค่ะ

 

อีกทั้ง การฝึก หรือว่า การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้นเป็นการ ออกกำลังกาย สร้างเสริมสุขภาพ ที่ได้ทั้ง ความสนุก ได้ใส่อารมณ์ได้เต็มที่ ยิ่งเราได้ ปล่อยหมัด หรือว่า ออกไปปล่อยลูกเตะ ใส่กระสอบทราย แล้วละก็อาจทำให้ เราได้ระบายอารมณ์ ได้อย่างเต็มที่

 

เพราะว่า ถ้ายิ่งเรา ออกกำลังกาย มากเท่าไหร่ ร่างกายของเราก็จะหลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) ที่ทำให้เรานั้นมีความสุข ได้นั้นเอง เพราะฉะนั้น การชก มวยไทย ( Muay thai ) จะทำให้ ร่างกาย หลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) นี้ออกมา ได้อย่างเต็มทีอีกด้วยนะ

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการ ออกกำลังกาย ในการซ้อม ในการฝึก มวยไทย ( Muay thai ) นั้น ก็จะสามารถช่วยให้เรา เผาผลาญแคลอรี่ ภายในร่างกายของเรา ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่คุณกำลังมองหาวิธี ลดความอ้วนอยู่ เราก็ขอแนะนำลองมาฝึก มาซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูได้เลย คุณจะได้ทั้ง หุ่นที่ดี กล้ามเนื้อที่แข็งแรง และ รับลองได้เลย ว่า จะช่วยให้คุณลดความน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี แน่นอนค่ะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

เอราวัณเสยงา ท่า มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคางคู่ต่อสู้

มวยไทย ศิลปะ การต่อสู้ ที่มีชั้นเชิ้ง

มวยไทย ศิลปะ การต่อสู้ ที่มีชั้นเชิ้ง

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นมรดก ทางวัฒนธรรม เป็นศิลปะ การต่อสู้ ป้องกันตัว มาตั้งแต่ โบราณ เป็นการใช้ อาวุธ ทางร่างกาย 9 อย่าง หรือ เรียกว่า นวอาวุธ

 

นวอาวุธ คือ มือ 2 เท้า 2 เข่า 2 ศอก 2 และ ศีรษะ 1 ซึ่งเป็นศิลปะ การต่อสู้ อย่างมีประสิทธิภาพ ที่เก่าแก่ ของโลก

มวยไทย ศิลปะ การต่อสู้ ที่มีชั้นเชิ้ง

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศาสตร์ ที่ว่าด้วยการ ใช้อุบาย ชั้นเชิง ไหวพริบ และ วิชา เพื่อเข้า ต่อสู้กัน จึงปรากฏ หลักฐาน ในพระราชพงศาวดารว่า ในอดีต พระมหากษัตริย์ ที่มีพระปรีชาสามารถ จะทรงเชี่ยวชาญ การชกมวย เป็นอย่างยิ่ง และ ในขณะเดียวกัน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางฝ่ายทหาร และ สามัญชน จะฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อป้องกันตัว และ ชาติบ้านเมือง เพราะการใช้อาวุธ เช่น กระบี่ กระบอง พลอง ดาบ ประกอบ กับมวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้ การใช้อาวุธนั้น เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการต่อสู้ ป้องกันตัว ในระยะ ประชิด ในยามสงบ

 

มวยไทย ( Muay Thai )  จะเป็นการ ประลอง พละกำลัง และ ชั้นเชิง ของการต่อสู้ จนกลายเป็น กิจกรรมทางสังคม อย่างหนึ่ง และ มีการแข่งขันมวย ในโอกาส สำคัญ ๆ อีกด้วย

 

เอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ผสานชั้นเชิง กับร่างกาย แปลงให้เป็น อาวุธ

 

เอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai )  ที่ทำให้ มีความโดดเด่น และ ถือเป็น ศิลปะชั้นสูง นั่นก็คือ การใช้อวัยวะ ส่วนต่างๆ เป็นเหมือนเกราะ และ อาวุธ ใช้ชั้นเชิง ไหวพริบ และวิชา เพื่อเข้าต่อสู้กัน ไม่ใช่ ใช้กำลัง แต่เพียงอย่างเดียว เท่านั้น ประกอบด้วย – ศาสตร์ - อันได้แก่ การเรียนรู้ จุดอ่อน จุดแข็ง ของร่างกายที่จะพิชิต และเอาชนะคู่ต่อสู้

 

- ศิลป์ - คือ ลักษณะการใช้ นวอาวุธ ที่มีรายละเอียดปลีกย่อย อย่างพิสดาร ซึ่งทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีมนต์ขลัง และเป็นการต่อสู้ที่มีชั้นเชิง เป็นที่ประทับใจของคนทั้งโลก

มวยไทย ศิลปะ การต่อสู้ ที่มีชั้นเชิ้ง

การฝึกมวยโบราณ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

1) ขั้นเบื้องต้น

ฝึกเพื่อให้รู้จัก ป้องกันตัวเอง ให้ปลอดภัย ก่อนที่จะคิดทำผู้อื่น หรือ เรียกว่า ป้อง ปัด ปิด เปิด

 

2) ขั้นกลาง

ฝึกเพื่อเป็นนักมวย ต่อสู้บนสังเวียน คือ เข้ามวยเป็น สามารถตอบโต้ แก้กลับคู่ต่อสู้ได้ เรียกว่า ทุ่ม ทับ จัก หัก

 

3) ขั้นสูง

ฝึกเพื่อเป็นนักรบ เป็นครูอาจารย์ ไว้ใช้ใน ราชการสงคราม ประจำกองทนายเลือก และกองอาจารย์ เป็นจารบุรุษ อาทมาฏ สอดแนม ทหารเอก ทหารรอง นายกอง แม่ทัพ คือ เรียนวิชาฆ่าคน ที่ซึ่งสงวนไว้ไม่สอนพร่าเพรื่อ เรียกว่า ประกบ ประกับ จับรั้ง เข้าข้างหลัง หักก้านคอ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมไทย อย่างแท้จริง เพราะทุกวันนี้ ก็มีคนหันมาสนใจ และสานต่อวัฒนธรรมนี้มากขึ้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เอราวัณเสยงา ท่า มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคางคู่ต่อสู้

มวยไทย ( Muay Thai ) เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย ที่คุณควรรู้จัก

เอราวัณเสยงา ท่า มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคางคู่ต่อสู้

เอราวัณเสยงา ท่า มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคางคู่ต่อสู้

ลูกไม้มวยไทย เรียกได้ว่า มีทวงท่าที่สวยงาม และคงเอกลักษณ์ ความเป็นไทย ได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้ จะพาทุกท่าน มารู้จัก เอราวัณเสยงา มวยไทย ใช้แหวกชกเสยคาง คู่ต่อสู้

 

ประวัติแม่ไม้มวยไทย

มวยไทย เป็นการเล่นพื้นบ้าน ที่มีคุณลักษณะ ของการต่อสู้ป้องกันตัว ด้วยการใช้อวัยวะ ในส่วนที่สามารถใช้ทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้ มาใช้งานอย่างชาญฉลาด และมีศิลปะอย่างสูง เช่น หมัด ศอกแขน เท้า แข้ง และเข่าเป็นต้น นับเป็นศิลปะประจำชาติ และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประการหนึ่งของคนไทย ในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ต้องผจญกับศึกสงครามมาโดยตลอด จึงต้องฝึกฝนไว้ให้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ในการต่อสู้ มีการจัดตั้งสำนักมวยขึ้นฝึกสอนกันโดยทั่วไป

 

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังในเชิงมวยไทย จนกลายเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงปัจจุบัน คือ นายขนมต้ม ที่มความสามารถใช้วิชามวยไทย เอาชนะศัตรูได้อย่างเป็นจำนวนมาก แม้แต่พระมหากษัตริย์ของไทยบางพระองค์ในสมัยอยุธยาต่างก็ทรงโปรดปราณ และมีความสามารถมากมายในวิชามวยไทย อาทิ พระเจ้าเสือหรือ ขุนหลวงสรศักดิ์

 

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ทรงส่งเสริมวิชามวยไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้นโดยได้ทรงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยไทยการกุศล เพื่อเก็บรายได้ไปบำรุงกองเสือป่าขึ้นที่เวทีมวยโรงเรียนสวนกุหลาบ เมื่อ พ.ศ. 2463 สำหรับเวทีมวยไทยอื่นๆ ในครั้งนั้นก็มี เวทีสวนเจ้าเชตุและเวทีหลักเมืองเป็นต้น

 

การชกมวยไทย เป็นการชกด้วยหมัดเปล่าๆ ต่อมา เมื่อมีการแข่งขัน ก็ได้มีการคาดเชือกที่มือ และในระยะต่อมา จึงใช้สวมนวมแทนแบบมวยสากล

 

 

 

 

 

คุณลักษณะของมวยไทย

มวยไทย ใช้อวัยวะ 6 ชนิด ในการต่อสู้กับปรปักษ์ อันได้แก่ หมัด, ศอก, แขนท่อนล่างเท้า, แข้ง และเข่า เข้ากระทำกับคู่ต่อสู้ ด้วยการเข้าไป ชก, ต่อย, เขก, โขกทุบ, เตะ, ถีบ, เหน็บ, อัด, ยัน, เหยียบ, เหวี่ยง, ปัก, ทิ่ม, เฉือน, กระทุ้ง, สับ, เสียบเฆี่ยน, กด, ทุ่ม, ฟาด, มัด, รัด, หักแขน, หักขา, หักคอ ฯลฯ อวัยวะแต่ละชนิดดังกล่าวนั้น มีวิธีใช้ดังนี้

 

1. หมัดใช้ทิ่มกระแทก กระทุ้ง โดยมีทั้งกระทุ้งขึ้น และทั้งกระทุ้งลง, เหวี่ยง นั้นก็มีทั้ง เหวี่ยงสั้น และเหวี่ยงยาวเขก โขก และทุบ

2. การใช้ศอก ใช้เหวี่ยง ไม่ว่าจะเป็น ปัก, งัด, ทิ่ม, เฉือน, กด และการกระทุ้ง

3. แขนท่อนล่าง ใช้สับ เสียบ ปัด เหวี่ยง และเฆี่ยน

4. การใช้เท้า ใช้ถีบ เหน็บ อัด นั่นคือ การเตะ ด้วยปลายยอดโต่ง ยัน เหยียบ เตะ และกระตุกเท้า

5. แข้งใช้เหวี่ยง ซึ่งก็มีทั้งเหวี่ยงสั้น และเหวี่ยงแบบยาว

6. เข่าใช้ยิงโยน ยัด เหวี่ยง กุด และกระตุก

 

ไม้มวย คือ ?

เป็นการใช้อวัยวะต่าง ๆ ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผสมกลมกลืนในการรุกและรับซึ่งก็คือการเข้ากระทำต่อคู่ต่อสู้ และการป้องกันตัว ซึ่งนับว่าเป็นศิลปะที่มีการประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในรูปแบบต่างๆ

 

ปัจจุบัน ท่ามวยไทย ต่างได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในประเทศ หรือว่าทางต่างประเทศ ผู้คนต่างหันมาสนใจ ที่จะฝึกฝน มาเรียนรู้ให้เกิด ความชำนาญ เพราะว่า มวยไทย นั้น เป็นศิลปะป้องกันตัว ที่สามารถนำไป ใช้ปประโยชน์ได้หลาย ๆ อย่าง ในชีวิตประจำวัน เปรียบเสมือนกีฬาประเภทหนึ่ง ที่สามารถสร้างรายได้ ทั้งสร้างชื่อเสียง ให้กับคนหนึ่งคน ให้ได้เป็นที่รู้จัก ไปทั่วโลกได้ อีกทั้งก็ยังเป็นกีฬา ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ให้แข็งแรงอีกด้วย

 

ท่ามวยไทย ตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบัน นั้นมีหลากหลาย และมีความน่าสนใจไม่น้อย ในวันนี้ จึงได้ขอนำเสนอ ท่า " เอราวัณเสยงา " ที่ใช้ทั้ง แหวก ชก เสยคาง คู่ต่อสู้ ให้ทุก ๆ คน ได้รู้จัก ไปพร้อม ๆ กัน

 

 

 

 

มาทำความรู้จัก เอราวัณเสยงา

เอราวัณเสยงา เป็นท่ามวยไทย ที่แยกย่อย ออกมาจาก ท่าแม่ไม้มวยไทย ที่เรียกว่า ท่าลูกไม้มวยไทย เป็นท่า ที่มีลักษณะ ที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ ท่านี้ ใช้แก้หมัด คู่ต่อสู้ โดยใช้การหมุนตัว ปัดหมัด และชกสวนออกไป ด้วยหมัดเสยปลายคาง ซึ่งผู้ที่ต้องการ จะฝึกท่านี้ ต้องผ่านการฝึกฝน ท่าแม่ไม้มวยไทย มาเสียก่อน ถึงจะสามารถฝึก ท่าเอราวัณเสยงา ได้อย่างถูกต้อง และท่านี้ ยังใช้ทักษะ การใช้หมัด ที่สามารถทำอันตรายให้แก่ คู่ต่อสู้ได้

 

วิธีใช้ ท่ามวยไทย เอราวัณเสยงา

ประวัติ แม่ไม้มวยไทย แต่ในอดีต ได้แบ่งแยก มวยไทย ออกมาเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายรุก และฝ่ายรับ โดยท่ามวยไทย ก็มีมากมายหลาย ๆ ท่า ที่ได้แบ่งแยก เป็นทั้งสองฝ่าย เหมือน ๆ กันกับ วิธีการใช้ ท่าเอราวัณเสยงา นั้น ทั้งฝ่ายรุกจะชกด้วยหมัดซ้าย เข้าที่ใบหน้าของฝ่ายรับด้วย

 

ในขณะที่ฝ่ายรับ นั้นจะต้องใช้แขนขวา ปัดหมัด ที่กำลังจะโดนที่หน้าตัวเอง ให้เบนออกไป พร้อม ๆ กับสืบเท้าขวา ทแยงออกไปขวา เพื่อให้ได้ระยะ หมัดเสย แล้วจึงเหวี่ยงหมัดซ้าย จากทิศทางข้างล่าง สู่ปลายคางของฝ่ายรุก และในท่านี้ผู้ฝึก ต้องมีทักษะของความว่องไว และเชี่ยวชาญ ในการจะออกอาวุธ ด้วยหมัดนั่นเองค่ะ

 

และนี่ก็เป็น เอราวัณเสยงา ท่ามวยไทย ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้นั่นเองค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) อาวุธลับ ป้องกันตัว ร่างกายแข็งแรง

มวยไทย ( Muay Thai ) เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย ที่คุณควรรู้จัก

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย ที่คุณควรรู้จัก

มวยไทย ( Muay Thai ) เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย ที่คุณควรรู้จัก

วันนี้ เราจะพาทุกท่าน มารู้จัก กับ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ถือเป็น เอกลักษณ์ แห่งความเป็นไทย อันทรงคุณค่า ที่คนไทยทุก ๆ คน ควรรู้จัก และสืบสานสิ่งดีงามต่อไป

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ศาสตร์ และ ศิลป์ ที่ทรงคุณค่า แห่งความเป็นไทย ที่สืบสาน มาอย่างยาวนาน เราควรช่วยกัน อนุรักษ์ไว้ นอกจากนี้ มวยไทย ยังเป็นกีฬา ที่สร้างชื่อเสียง และ โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึง ได้รับการยอมรับจาก ต่างชาติอีกด้วย

 

ศิลปแม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai )

โดยแม่ไม้ มวยไทย นั้นหมายถึง ท่าของ การผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็น การใช้หมัด, เท้า, เข่า, ศอก, เพื่อใช้ในเชิงการรุก รวมทั้ง การรับในการต่อสู้ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) การใช้ศิลปะไม้มวยไทย ได้อย่างชำนาญ จะต้องผ่านการฝึก เบื้องต้น โดยการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แต่ละอย่างนั้น จะต้องให้คล่องแคล่วก่อน จากนั้น จึงจะไปหัดใช้ ผสมผสานกันไป ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก และ ศิลปะในการหลบหลีก นั่นก็ขึ้นอยู่กับ ครูมวย ที่จะคิดค้น ดัดแปลง พลิกแพลง เพื่อให้ศิษย์ได้นำไปใช้ ให้ได้ผล แล้วจึงตั้งชื่อท่ามวยนั้น ๆ ตามลักษณะ ท่าทางให้ จดจำได้ง่ายขึ้น

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น เมื่อมีท่ามวยมากขึ้น จึงได้จัดแบ่ง เป็นหมวดหมู่ แล้ว ตั้งชื่อ ให้เรียกขานคล้องจองกัน เพื่อลูกศิษย์ นั้นจะได้ท่องจำ และ ไม่ลืมง่าย ๆ ซึ่งในอดีต มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้ใส่นวม จะขึ้นชกกัน ด้วยมือเปล่า หรือว่า จะใช้ผ้าดิบ มาพันมือ จึงสามารถใช้มือจับคู่ ต่อสู้เพื่อทุ่ม หัก หรือว่าบิดได้ นักมวย จึงใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ ได้มากกว่า การใช้พละกำลัง จึงเกิด ท่ามวยมวย ขึ้นมากมาย

 

 

 

ต่อมา ได้มีการกำหนด ให้นักมวยไทย ใส่นวม ในขณะที่ขึ้นชก แข่งขัน เช่นเดียว กับทางด้านของ มวยสากล และมีการออกกฎ กติกาต่าง ๆ เพื่อจะได้เป็นการป้องกัน อันตราย ที่อาจจะเกิดขึ้น แก่นักมวยอีกด้วย และ ง่ายต่อการตัดสินในเรื่อง ท่ามวย ที่มีมาแต่อดีต บางท่านั้นไม่สามารถ นำมาใช้ ในการแข่งขันได้ ถือว่าเป็นการผิดกติกา และบางท่า นักมวยก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ถนัดเนื่อง จากมีเครื่องป้องกัน ร่างกายมากขึ้น ท่ามวยบางท่า จึงได้ถูกลืมเลือนไปในที่สุด

 

 

โบราณาจารย์ และ เหล่าผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แบ่งประเภท ของแม่ไม้มวยไทย ไว้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ครูมวยแต่ละท่าน แม้ว่าบางท่า จะมีชื่อเรียกต่างกันก็ตาม ไม้มวยไทย ที่ได้มีการกล่าวถึง ในตำรามวยหลายตำรา และ จะแบ่งลักษณะ ไว้ชัดเจน ก็คือ แบ่งตามลักษณะ การแก้ทางมวย และ การจู่โจม เรียกชื่อว่า กลมวย โดยแบ่งตามลักษณะ การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เรียกว่า เชิงมวย บางตำรา แบ่งเป็นแม่ไม้ลูกไม้ หรือจะแบ่งเป็นไม้ครู ไม้เกร็ด ซึ่งไม้ครู หมายถึง ไม้สำคัญ เป็นไม้หลัก โดยที่ครูมวยเน้นให้ลูกศิษย์ทุกคน จะต้องทำให้ได้ ทำให้ดี และ ทำให้ชำนาญ เพราะ เมื่อรู้ จนกระทั่งเกิดความชำนาญเรื่องไม้ครูแล้ว จะสามารถแตกไม้ครู แต่ละแบบ ออกเป็น ไม้เกร็ด ได้อีกหลากหลายมากมาย

 

แม่ไม้มวยไทย นั้นเป็น ท่าของการใช้ศิลปะมวยไทย ที่สำคัญที่สุด อันเป็นพื้นฐาน ของการใช้ไม้มวยไทย โดยผู้ฝึกมวยไทย จะต้องเรียนรู้ และปฏิบัติให้ได้ ก่อนที่จะฝึก ลูกไม้ นั่นถือว่าเป็นการใช้ ไม้มวยไทยที่ละเอียดขึ้น

 

 

โดยโบราณาจารย์ ท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มีการจัดแบ่ง แม่ไม้มวยไทย เป็น 15 ไม้ ไว้ดังนี้

1. แม่ไม้มวยไทย ท่า จระเข้ฟาดหาง

2. แม่ไม้มวยไทย ท่า หักงวงไอยรา

3. แม่ไม้มวยไทย ท่า นาคาบิดหาง

4. แม่ไม้มวยไทย ท่า วิรุฬหกกลับ

5. แม่ไม้มวยไทย ท่า ดับชวาลา

6. แม่ไม้มวยไทย ท่า ขุนยักษ์จับลิง

7. แม่ไม้มวยไทย ท่า หักคอเอราวัณ

8. แม่ไม้มวยไทย ท่า สลับฟันปลา

9. แม่ไม้มวยไทย ท่า ปักษาแหวกรัง

10. แม่ไม้มวยไทย ท่า ชวาซัดหอก

11. แม่ไม้มวยไทย ท่า อิเหนาแทงกริช

12. แม่ไม้มวยไทย ท่า ยอเขาพระสุเมรุ

13. แม่ไม้มวยไทย ท่า ตาเถรค้ำฝัก

14. แม่ไม้มวยไทย ท่า มอญยันหลัก

15. แม่ไม้มวยไทย ท่า ปักลูกทอย

 

นอกจาก แม่ไม้มวยไทยแล้ว ก็ยังมี ลูกไม้มวยไทย, กลมวยไทย ที่มีชื่อต่าง ๆ นานา ตามที่ท่านครูอาจารย์มวยได้ประยุกต์ดัดแปลง และยังได้ผสมผสานในท่าทางที่แตกต่างกันไปอีกกว่าหลายร้อยท่า ก็เรียกได้ว่า เป็นกีฬาที่พิเศษ และอัศจรรย์มาก ๆ อีกทั้ง เราทั้งหลาย ควรอนุรักษ์ มวยไทย ( Muay Thai ) เอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย สืบต่อไปค่ะ

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ผ่อนคลาย ระบายความเครียด ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

 

การจำแนกรุ่น การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ดูอย่างไร

การจำแนกรุ่น การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ดูอย่างไร

การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เรามักเห็นกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ในโทรทัศน์ ในโทรศัพท์มือถือ หนังสือพิมพ์ หรือ แม้กระทั่ง การได้ไปดู การแข่งขันของจริง

 

แต่คุณเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า การขึ้นชกของนักมวยในแต่ละครั้ง จำแนกมาจากอะไร?

การจำแนกรุ่น การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ดูอย่างไร

การจำแนกรุ่นของ มวยไทย ( Muay Thai ) มีด้วยกันทั้งหมด 19 รุ่น ดังนี้

1) รุ่นพินเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 42.272 กิโลกรัม และไม่เกิน 45.454 กิโลกรัม

2) รุ่นมินิฟลายเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 45.454 กิโลกรัม และไม่เกิน 47.727 กิโลกรัม

3) รุ่นไลท์ฟลายเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 47.727 กิโลกรัม และไม่เกิน 48.988 กิโลกรัม

4) รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 48.988 กิโลกรัม และไม่เกิน 50.802 กิโลกรัม

5) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 50.802 กิโลกรัม และไม่เกิน 52.163 กิโลกรัม

6) รุ่นแบนตั้มเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 52.163 กิโลกรัม และไม่เกิน 53.524 กิโลกรัม

7) รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 53.524 กิโลกรัม และไม่เกิน 55.338 กิโลกรัม

8) รุ่นเฟเธอร์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 55.338 กิโลกรัม และไม่เกิน 57.153 กิโลกรัม

9) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 57.153 กิโลกรัม และไม่เกิน 58.967 กิโลกรัม

10) รุ่นไลท์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 58.967 กิโลกรัม และไม่เกิน 61.235 กิโลกรัม

11) รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 61.235 กิโลกรัม และไม่เกิน 63.503 กิโลกรัม

12) รุ่นเวลเตอร์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 63.503 กิโลกรัม และไม่เกิน 66.678 กิโลกรัม

13) รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 66.678 กิโลกรัม และไม่เกิน 69.853 กิโลกรัม

14) รุ่นมิดเดิลเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 69.853 กิโลกรัม และไม่เกิน 71.575 กิโลกรัม

15) รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 71.575 กิโลกรัม และไม่เกิน 76.374 กิโลกรัม

16) รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 76.374 กิโลกรัม และไม่เกิน 79.379 กิโลกรัม

17) รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 779.379 กิโลกรัม และไม่เกิน 86.183 กิโลกรัม

18) รุ่นเฮฟวี่เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 86.183 กิโลกรัม และไม่เกิน 90.900 กิโลกรัม

19) รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัว ต้องเกิน 90.900 กิโลกรัม ขึ้นไป

 

ผู้ที่สนใจ อยากทดลอง ลงแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ลองตรวจเช็ค น้ำหนักตัว ดูนะคะ ว่าร่างกาย และ น้ำหนักตัว ของคุณ จะเข้าไปอยู่ในรุ่นไหน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) อาวุธลับ ป้องกันตัว ร่างกายแข็งแรง

เตรียมร่างกาย ให้พร้อม ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) อาวุธลับ ป้องกันตัว ร่างกายแข็งแรง

มวยไทย ( Muay Thai ) อาวุธลับ ป้องกันตัว ร่างกายแข็งแรง

ซึ่ง การฝึก มวยไทย ที่เราพูดถึงนี้ก็คือ การฝึกชก เตะ และท่าทางต่าง ๆ ของมวยไทย มาประยุกต์ ให้เป็นท่าออกกำลังกายเฉย ๆ เพราะฉะนั้น นอกจาก คุณจะได้เบิร์นแล้ว คุณยังได้ฝีไม้ลายมือในการป้องกันตัวติดไปด้วย แถมได้ประโยชน์สุดเริ่ดมากกว่าที่คิด มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้หน้าท้องแบบราบ หากคุณอยากมีซิกซ์แพ็คชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพแล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรง เพื่อส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า ซึ่งการชกมวย จึงอาจเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training ( การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง ) การออกกำลังกายประเภทนี้ ก็จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญ ภายในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับการวิ่งหรือปั่นจักรยานจะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

 

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้หน้าท้อง ของคุณ แบบราบ อยากมีซิกซ์แพ็คชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพแล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรง ส่งให้การออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานที่ดี ได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลาง ลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมัน ได้ดีมากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

 

 

 

 

 

ส่วนกติกาของ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ถูกกำหนด เอาไว้ อย่างชัดเจน และ ครอบคลุม ในทุก ๆ เรื่อง การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน นักมวย จะต้อง ทำการ สวมนวม ขนาด 4 ออนซ์ แต่งกายแบบ นักกีฬามวย คือ สวมใส่ กางเกงขาสั้น สวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า หรือ ไม่ก็ได้ เครื่องรางของขลัง ผูกเอาไว้ที่แขน ท่อนบนได้ ส่วนเครื่องราง ชนิดอื่น ๆ ใส่ได้เฉพาะ ช่วงตอน ร่ายรำไหว้ครู เท่านั้น แล้วให้ ทำการ ถอดออก ตอนเริ่ม ทำการ แข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถ ช่วยพัฒนาการ ทางอารมณ์ ได้อย่างดี การออกกำลังกาย การฝึกซ้อม การขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai ) และ การแข่งขัน นักกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องมี ความอดทน อดกลั้น เป็นอย่างดี จึงจะสามารถ เป็นนักกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีได้

 

สุดยอด กีฬา มวยไทย ที่โด่งดัง และ เป็นที่ ได้รับ การยอมรัย จากทั่วทั้ง โลก เอาล่ะ วันนี้ เราจะพาทุก ๆ ท่าน มาดู อาวุธ ลับ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่คุณ คาดไม่ถึง เลยทีเดียว รับรองว่า เท่ คม จนคุณเอง ก็อยาจะมาเรียน มวยไทย กันอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ผ่อนคลาย ระบายความเครียด ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

 

เตรียมร่างกาย ให้พร้อม ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เตรียมร่างกาย ให้พร้อม ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

หากคุณ อยากเริ่มฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) และ มีความพร้อม ที่จะฝึกซ้อม อย่างจริงจัง แล้วคุณ จะต้องเตรียมร่างกาย อย่างไรดี

เตรียมร่างกาย ให้พร้อม ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ขั้นแรก คุณต้อง ทำความเข้าใจ ว่าการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เปรียบเสมือนกับ การเดินทาง ที่คุณนั้น ต้องคอยเรียนรู้ ตลอดเวลา เพื่อเป็นการหา ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในสถานที่ใหม่ ๆ ในผู้คนใหม่ ๆ อยู่เสมอ และ เส้นทางที่คุณ กำลังไปนั้น คุณไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจะไปได้ง่าย หรือ ยากเพียงใด คุณจึงต้อง เตรียมตัว เตรียมใจ ไว้เลย ว่าอาจต้องเจอ กับอุปสรรค หรือ ความยากลำบาก ที่แทรกเข้ามา แต่เมื่อใด ที่คุณยอมรับ มันได้แล้ว ก็มาเริ่มฝึก อย่างจริงจังกันเถอะ

 

ข้อควร ปฏิบัติ เตรียมร่างกาย ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

1. ไปยิม อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ถ้าเริ่มแรก ๆ คุณอาจจะ ลองไป เป็นครั้งคราว เพื่อให้เกิด ความเคยชิน ก่อนก็ได้ แต่จริง ๆ แล้ว คุณสามารถไปบ่อย ๆ เท่าที่คุณจะทำได้ ด้วยนะ และหากคุณ มีภาระ อย่างอื่นด้วย ก็ขอให้ จัดสรรเวลา อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง การไปยิมนั้น จะช่วยให้คุณ ไปรับเอา เทคนิคการฝึกต่าง ๆ จากครูฝึก เพื่อเป็นการ ศึกษา แนวทาง ของตัวคุณ เมื่อได้แนวทาง ที่ถูกต้อง คุณก็สามารถ นำกลับมาฝึกเองได้

 

2. คาร์ดิโอ ให้หลากหลาย

นักกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องฝึกฝน ร่างกาย ให้แกร่งที่สุด ฟิตที่สุด และ กล้ามเนื้อ ต้องกระชับมากที่สุด ซึ่งวิธีการ ที่ดีที่สุด คือ การคาร์ดิโอ นั่นเอง เพราะการคาร์ดิโอ เป็นการ ออกกำลังกาย ที่ใช้การ เร่งความเร็ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อ มัดเล็ก ได้พัฒนา ผลที่ได้คือ ไขมัน จะถูกรีดออกไป ในเวลาอันรวดเร็ว กิจกรรมการ คาร์ดิโอนั้น มีมากมาย อย่างเช่น การวิ่งเร็ว การกระโดดเชือก หรือ การว่ายน้ำ เป็นต้น

เตรียมร่างกาย ให้พร้อม ก่อนฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

3. เน้นที่เทคนิค

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงแม้ จะต้องการ ความแข็งแกร่ง ทนทาน แต่การที่จะ ประสบความสำเร็จ ในการฝึกซ้อมนั้น ต้องใช้เทคนิค ประกอบกับ ความแข็งแกร่งด้วย เราจะสังเกตได้ว่า นักกีฬาที่มี ผลงานดี ๆ นั้น จะใช้การเคลื่อนไหว ที่เปล่าประโยชน์ ให้น้อยที่สุด ในขณะที่ มองหาเป้าหมาย หรือ คู่ต่อสู้ ให้ได้มากที่สุด

 

4. ความยืดหยุ่น เป็นสิ่งสำคัญ

ความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้อ เป็นสิ่งที่ จำเป็นที่สุด สำหรับ นักกีฬา ในทุกประเภท เพราะความยืดหยุ่น ของกล้ามเนื้อ จะช่วยลด อาการบาดเจ็บ จากการฝึกซ้อม หรือ จากการ ลงแข่งจริงได้ ดังนั้น ทั้งก่อน และ หลังการฝึก คุณต้องใช้เวลา ในการยืดกล้ามเนื้อ อย่างน้อย 1 ใน 4 ของเวลา ที่คุณฝึกด้วย

 

ตอนนี้ คุณก็คงรู้วิธี เตรียมร่างกาย และ ใจให้พร้อม กับ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) กัน พอสมควรแล้ว ต่อจากนี้ เราก็ขอเป็นกำลังใจ ให้คุณ ฝึกซ้อม ตามเป้าหมาย ให้สำเร็จ และ อย่าลืมว่า การฝึกที่ดี คือ การฝึกที่เรา ต้องมีวินัย อยู่เสมอนะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ผ่อนคลาย ระบายความเครียด ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

ผ่อนคลาย ระบายความเครียด ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ผ่อนคลาย ระบายความเครียด ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

หากวันนี้ เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ต้องเขอปัญหา มาสารพัดมากมาย จนรู้สึก หงุดหงิด หรือ อยากระบายอารมณ์ออกมา การชกมวย หรือ มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยคลายเครียด ได้เยี่ยมเลยค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) คลายเครียด ได้ดีมาก

การชกกระสอบทราย ระบายอารมณ์ ออกมาบ้าง จะทำให้สารอะดรีนาลีน และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่หลั่งออกมา ระหว่างการใช้แรง ส่งผลให้ร่างกาย และสมอง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ดังนั้น การชกมวย จึงเป็นการระบาย ความเครียด ที่ได้ผล และดีต่อทั้งสุขภาพกาย รวมถึงสุขภาพจิต ร่างกายยังหลั่งสารเอ็นดอฟิน ที่ช่วยให้ มีความสุขขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การชกมวย ก็เป็น อีกทางเลือกหนึ่ง ในการบำบัด อาการซึมเศร้า เพราะ การชกมวย เป็นการสร้าง ความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเอง อีกทั้ง ยังเป็นการปลดปล่อย อารมณ์ ทั้งหลาย เช่น ความหงุดหงิด ความโกรธ และความเศร้า ทำให้ค่อย ๆ มีสุขภาพจิต ที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยค่ะ

 

วันนี้ ก็มีท่า ต่อยมวย ง่าย ๆ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) มาฝากเพื่อน ๆ ด้วยนะ

 

1. ท่าศอก ท่านี้ เป็นการใช้ศอก เหวี่ยงไปข้างหน้า เพื่อป้องกันคู่ต่อสู้ เมื่อฝึกจนชำนาญ สามารถเพิ่มความท้าทาย ให้กับตัวเอง ด้วยการทำท่าศอก ร่วมกับ ท่าเตะ แบบเป็นเซ็ตดูค่ะ

 

2. ท่าเตะ วิธีก็คือ ก้าวขาข้างหนึ่ง ไปด้านหลัง จากนั้น ออกแรงเกรงขา เตะไปที่กระสอบทราย ทำสลับซ้าย - ขวา นอกจากนี้ สาว ๆ ยังสามารถใช้ เข่าแทง ไปที่กระสอบทรายได้เช่นกัน หรือ จะใช้เท้าถีบก็ได้ เมื่อฝึก จนชำนาญแล้ว พยายามถีบ ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

 

3. ต่อยแย็บ ท่านี้ เป็นการต่อยหมัด ออกไปที่กระสอบทราย และดึงหมัด กลับเข้ามาด้วยความเร็ว

การสวิงน้ำหนัก ไปข้างหน้า ทำให้ขาข้างใดข้างหนึ่ง ต้องก้าวออกไปข้างหน้า เพื่อน ๆ อย่าลืม สลับข้างต่อย เพื่อให้แขน และขา ทั้งสองข้าง ได้ทำงานเท่ากัน ระวังกล้ามโต แค่ข้างเดียวนะคะ

 

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร กับเราอีก ?

 

1. ช่วยเบิร์นไขมัน ซึ่ง มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training หรือ การออกกำลังกาย แบบความเข้มข้นสูง ที่ช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงาน ได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง สามารถเบิร์นไขมัน ได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที

 

2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือด โดยการออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้เรา มีปอดที่ใหญ่ขึ้น สามารถกระตุ้น การทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดได้ดี ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิต ทั่วทั้งร่างกายเป็นไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

 

3. ช่วยในเรื่องสมาธิ และลดความเครียด สร้างความสุข ซึ่งการออกกำลังกาย ดด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้ร่างกาย หลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้เรารู้สึกดี และมีความสุขมากขึ้นค่ะ

 

4. สร้างหุ่น ที่ฟิตเฟิร์มมากขึ้น ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากมีซิกแพค สามารถเริ่มที่ ต่อยมวย ได้เช่นกัน เพราะ การชกมวย ต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรง ส่งให้ออกหมัด ได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงาน ได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และสร้างกล้ามท้องได้นั่นเองค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เรียกได้ว่า ให้ประโยชน์แบบจัดเต็มขนาดนี้ ผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ ได้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เรามาเริ่ม ต่อยมวย กันเลยดีกว่าค่ะเพื่อน ๆ พร้อมแล้ว อย่ารอช้านะ

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ชนิดหนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ มายาวนาน และ หลายคน ให้ความสนใจ กับกีฬาอย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) มาก ๆ

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

เพราะเป็นกีฬา ที่ดูแล้วลุ้น ระทึก เพลิดเพลิน ไปกับการแข่งขัน อีกทั้ง ยังสามารถ ใช้เป็นศิลปะ ป้องกันตัว ได้อีกด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย มีความโดดเด่นทางด้านเทคนิค การกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกายและใจ สำหรับการต่อสู้ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักว่าเป็น นวอาวุธ ซึ่งประกอบด้วยการโจมตีจากร่างกาย ทั้ง หมัด, ศอก, เข่า และ เท้า หากมีการเตรียมพร้อมด้านร่างกายอย่างดี จะก่อให้เกิดอาวุธที่มีอานุภาพมาก

 

กติกาของ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )

กติกาของ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ถูก กำหนดไว้ อย่างชัดเจน และ ครอบคลุม ในทุก ๆ เรื่อง การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ปัจจุบัน นักมวย ต้องสวมนวม ที่มีขนาด 4 ออนซ์ แต่งกายแบบ นักกีฬามวย ก็คือ ต้องสวม กางเกงขาสั้น สวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า หรือ ไม่ก็ได้ และ มีเครื่องราง ของขลัง ผูกไว้ที่แขน ท่อนบนได้ ส่วนเครื่องราง ชนิดอื่น ๆ จะสามารถ ใส่ได้เฉพาะ ตอนร่ายรำไหว้ครู เท่านั้น

 

ในการ แข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) จะประกอบด้วย กรรมการ ผู้ชี้ขาดบนเวที มีจำนวน 1 คน กรรมการให้คะแนน ข้างเวที มีจำนวน 2 คน และ มีจำนวนยก สำหรับ แข่งขัน ทั้งหมด 5 ยก ยกละ ประมาณ 3 นาที มีเวลาพัก ระหว่างยก ประมาณ 2 นาที

 

การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออก ไปตามรุ่น น้ำหนักตัว ของนักมวย เหมือนกับ เป็นหลักเกณฑ์ ของมวยสากล ซึ่งอวัยวะ ที่สามารถใช้ ในการ ต่อสู้ ก็คือ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ ถอง เป็นต้น ซึ่งได้ทุกส่วน ของร่างกาย โดยที่ ไม่จำกัดที่ ที่ชก และ แม่ไม้มวยไทย ที่มีอันตรายสูง บางท่า ก็ได้ ถูกห้าม ให้ใช้ อย่างเด็ดขาด อย่างเช่น ท่าหลักเพชร ที่เป็นท่า จับขา แล้วหักด้วย การนั่งทับ เป็นต้น

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก

ประโยชน์ของ มวยไทย ( Muay Thai )

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยพัฒนาการ ทางกาย ช่วยทำให้ ร่างกาย สมบูรณ์ แข็งแรง

2. มวยไทย( Muay Thai ) ช่วยพัฒนาการ ทางอารมณ์ การออกกำลังกาย และ การแข่งขัน นักกีฬา จึงต้องมี ความอดทน อดกลั้น เป็นอย่างดี จึงจะสามารถ เป็นนักกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีได้

 

หวังว่า หลาย ๆ คน จะเริ่มเข้าใจถึง มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การต่อสู้ ที่ลุ้นระทึก กันบ้างแล้วนะคะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

มวยไทย ( Muay Thai ) กับสิ่งที่ คุณคาดไม่ถึง

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

เกิดเป็นกระแสยอดฮิตมาก กับการ ลดน้ำหนัก โดยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะเพศชาย หรือหญิง ก็ต่างก็ใช้ มวยไทย เพื่อการ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ฟิตหุ่น และฝึก มวยไทย เพื่อเป็นการ ป้องกันตัว

ทำไมกีฬา มวยไทย ถึงช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้

การ ลดน้ำหนัก เป็นสิ่งที่เรา มักจะนึกถึง เป็นอันดับต้น ๆ ก็คือ การวิ่ง และ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน เป็นที่นิยม กันเป็น อย่างมาก และทำไม กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงทำให้เรา ลดน้ำหนัก ได้ ก็เพราะว่า กีฬา มวยไทย เป็น กีฬา ที่ใคร ๆ ก็สามารถ เล่นได้ และ เป็นกีฬา ที่เหมาะกับ คนที่ต้องการ ลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก เป็นอย่างมาก แล้วทำไม กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงทำให้เรา ลดน้ำหนัก ได้ดีกว่า การออกกำลังกาย แบบอื่น มาดูกัน

 

  1. กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วย เผลาญพลังงาน ใน ร่างกาย ได้ดีกว่า

ซึ่ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ไม่น่าเบื่อ และในการ คาร์ดิโอ ( Cardio ) ก็มี หลากหลายรูปแบบ เพราะว่า ก่อนที่เรา จะเริ่มเล่น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้นั้น เราต้องมีการ วอร์มอัพ ( Warm – up ) ร่างกาย กันก่อน โดยเริ่มจาก การวิ่ง กระโดดเชือก และอื่น ๆ แล้วแต่โค้ช หรือ เทรนเนอร์ นั้น ๆ  เพราะฉะนั้นแล้ว ก่อนที่เรา จะได้เริ่มฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ร่างกาย ของเรา ก็ได้มีการ เผาผลาญพลังงาน และ ไขมัน ( Fats ) ไปบ้าง บางส่วนแล้ว ถ้าหาก โปรแกรม การฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ในวันนั้น มีการที่ต้อง ชกนวม หรือ ชก กับคู่ซ้อม ก็ยิ่งทำให้ ร่างกาย ของเรา เผาผลาญ ได้ดี มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเรายังสนุก ไปกับการซ้อม มวยไทย อีกด้วย หรือในบางวัน ก็มี การเตะ กระสอบทราย หรือ ชกกระสอบทราย ซึ่งการกระทำ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ เป็นการที่ทำให้ ร่างกาย ของเรา ได้ขยับ และ เผาผลาญไขมันส่วนเกิน ไป บางส่วน แล้ว

เราจะสังเกตได้ว่า คนที่ฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ส่วนใหญ่แล้ว สามารถ ลดน้ำหนัก ได้เร็ว และมี หุ่นที่กระชับ ฟิต แอนด์เฟิร์ม อีกด้วย

 

  1. กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ร่างกาย ทุกส่วน

เนื่องจาก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็น กีฬา ที่เรานั้น ต้องใช้ทุกส่วนของ ร่างกาย เพื่อขยับ หรือ ออกอาวุธ ต่าง ๆ และ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังต้องอาศัย กล้ามเนื้อ ทุกส่วน ของ ร่างกาย เพื่อให้มี ความสัมพันธ์กัน ทั้ง การเคลื่อนไหว การหลบหลีก และ การออกแรง จึงทำให้ ร่างกาย ของเรา นั้น ได้ใช้ พลังงาน อย่างเต็มที่ อีกทั้ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นการ ออกกำลังกาย แบบ คาร์ดิโอ ( Cardio ) อีกด้วย จึงทำให้ กีฬา มวยไทย สามารถ ลดน้ำหนัก ได้

ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใคร ไม่รู้จัก มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างแน่นอน เพราะเป็น กีฬา ที่อยู่คู่กับคนไทย มาอย่างยาวนาน และแน่นอนว่า ปัจจุบันนี้ นอกจากเรา จะรู้จัก มวยไทย ในเรื่องของ กีฬา แล้ว อีกหนึ่งกระแส ที่มาแรง ก็คงไม่แพ้ การฝึกเพื่อ ลดน้ำหนัก หรือ ฟิตหุ่น เพราะ มวยไทย ถือว่า เป็น กีฬา ที่ใช้ กล้ามเนื้อ ทุกส่วน และใช้ พลังงาน ที่สูงมาก จึงเป็นวิธี ที่ดี และเหมาะ กับการ ฟิตหุ่น เพราะการ ออกกำลังกาย โดยใช้ทุกส่วน ของ ร่างกาย ฉะนั้นแล้วการ ลดน้ำหนัก นอกจาก จะใส่ใจ ในเรื่องของการ ออกกำลังกาย จำเป็นต้องใส่ใจ ในเรื่องการ ควบคุมอาหาร และการพักผ่อนอย่างเพียงพอ อีกด้วย เพื่อการ ลดน้ำหนัก ที่ดี และมีประสิทธิภาพ ที่ดี อีกด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) กับสิ่งที่ คุณคาดไม่ถึง

พื้นฐานที่สำคัญ ของการฝึก มวยไทย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) กับสิ่งที่ คุณคาดไม่ถึง

มวยไทย ( Muay Thai ) กับสิ่งที่ คุณคาดไม่ถึง

เอาล่ะ วันนี้ ไปรู้จัก มวยไทย กับ สิ่งที่อาจจะ ไม่รู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่รับรองได้เลยว่า หลาย ๆ เรื่อง เป็นสิ่งที่คุณนั้น คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว พร้อมแล้ว ไปลุยกัน !

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ในอดีต ใช้คาดเชือก ในการพันมือเพื่อป้องกัน การบาดเจ็บของมือ แต่กติกาไม่ได้กำหนดว่า ต้องคาดเชือก แต่อย่างก็ดี นักสู้สามารถเข้าต่อสู้ โดยใช้มือเปล่าก็ได้ค่ะ

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) เคยถูกเรียกว่า ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 9 เพราะว่า มีการต่อสู้ โดยใช้อาวุธบนร่างกาย 9 อย่าง (นวอาวุธ) คือ หมัด 2 / ศอก 2 / เข่า 2 / เท้า 2 และ หัว 1 ค่ะ

 

3. ปัจจุบันชาวต่างชาติ มักจะรู้จักมวยไทย ในนาม Art of Eight Limbs (ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 เพราะ กติกามวยไทยปัจจุบัน ตัดการใช้หัวโขกออกไป และ ไปเรียก Lethwei (มวยพม่า) ว่าเป็น Art of Nine Limbs (ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 9) แทน เพราะ ยังสามารถใช้หัวโขกได้

 

4. สนามมวยแห่งแรกถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2462 คือ สนามมวยสวนกุหลาบ ซึ่งดำเนินการโดยประชาชน ภายในบริเวณวังสวนกุหลาบ

 

 

Thai Bixing

 

5. สนามมวยราชดำเนิน หรือ เวทีมวยราชดำเนิน (Rajadumnern Stadium) นับเป็นเวทีมวยระดับมาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรร โดยให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างขึ้น โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2484 แต่ทว่ามาเสร็จสิ้นหลังสงครามสงบแล้ว ในปี 2488 ซึ่งมีการแข่งขันนัดแรกในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2488 โดยระยะแรกนั้น สนามมวยราชดำเนิน ยังไม่มีหลังคามุง และต่อมา นายเฉลิม เชี่ยวสกุล ผู้จัดการสนามมวย ได้เล็งเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ รวมทั้ง ไม่สะดวก จึงเสนอให้สร้างหลังคาเพื่อคลุมพื้นที่ ทั้งหมด ต่อมาในปี 2494 สนามมวยราชดำเนิน ได้แล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นสนามมวยได้มาตรฐาน

 

6. มวยไทยได้รับความนิยมอย่างมากในทุกชนชั้น ซึ่งในประวัติศาสตร์ พระเจ้าเสือ ได้ปลอมพระองค์เป็นสามัญชน ได้ออกไปชกมวย กับนักมวยฝีมือดีของอำเภอวิเศษไชยชาญ โดยสามารถชกชนะนักมวยเอกถึง 3 คน อันได้แก่ นายกลาง หมัดตาย นายใหญ่ หมัดเหล็ก และสุดท้าย นายเล็ก หมัดหนัก โดยทั้ง 3 คน ได้รับความพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำ

 

7. ในหนังสือ นักเรียนนายร้อยไทยที่เยอรมันยุคไกเซอร์ ในสมัยรัชกาลที่ 5-6 คนไทยได้ไปเรียนวิชาทหารที่เยอรมันกันหลาย ๆ คน รุ่นหนึ่งมี แฮร์มัน เกอริงรวมอยู่ด้วย ต่อมา เขาก็คือ จอมพลเกอริง จอมเผด็จการอันดับ 2 ที่รองจากฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกอริง เป็นคนตัวใหญ่และยังชอบแกล้งเพื่อน อย่างเช่น ชอบเอาถุงเท้าไปซ่อน ทำให้เพื่อนนั้นแต่งตัวไม่ทัน หรือแกล้งเอาถุงเท้าไปชุบน้ำให้ชื้น เอาไปใส่ตอนที่อากาศหนาว ถือว่าตัวใหญ่แกล้งใครก็แกล้งได้ แต่ทว่าพอไปแกล้งเพื่อนไทยที่ไม่เกี่ยงเรื่องตัวใหญ่อยู่แล้วเลยได้เรื่อง ได้ปล่อยหมัดตรงเข้าหน้าด้วยแรงโมโห ผลปรากฏว่าคนชกได้แผลแหวะไปที่โคนนิ้วกลาง ส่วนคนถูกชกฟันหัก คนที่ชกเขาก็คือ ขเด็ท หรือว่า นักเรียนนายร้อย น้อม ศรีรัตน์ ซึ่งต่อมา นั่นก็คือ พลตรีพระศักดาพลรักษ์ นั่นเอง

 

Muay Thai

 

8. ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการจัดแข่งขันมวยไทยคาดเชือก บริเวณหน้าพระที่นั่ง ณ บริเวณหน้าพลับพลาทรงธรรม ภายในสวนมิสกวัน ซึ่งเป็นงานศพของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช วันที่ 18 มีนาคม ร.ศ.128 (หรือพ.ศ. 2452) โดยให้หัวเมืองทั่วประเทศนั้น คัดเลือกนักมวยฝีมือดีเข้ามาแข่งขัน

 

นักมวยฝีมือดี ชนะคู่ต่อสู้หลาย ๆ คนเป็นที่พอพระราชหฤทัย รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ พระราชทานยศ รวมทั้งบรรดาศักดิ์ เป็น “ขุนหมื่นครูมวย” ถือศักดินา 300 จำนวน 3 คน คือ

นายปล่อง จำนงทอง จากเมืองไชยา เป็น หมื่นมวยมีชื่อ

นายกลึง โตสะอาด จากเมืองลพบุรี เป็น หมื่นมือแม่นหมัด

นายแดง ไทยประเสริฐ จากเมืองโคราช เป็น หมื่นชงัดเชิงชก

 

9. นาย แพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยท่าเสา ชาวเมืองอุตรดิตถ์ ผู้ที่ชก นายเจีย พระตะบอง นักมวยฝีมือดีจากแถบชายแดนตะวันออก ด้วยความที่สืบทิ่มหมัดหงาย เข้าที่ลูกกระเดือก ที่ท่า หนุมานถวายแหวน อันลือลั่น จนทำให้นายเจียถึงกับหมดสติ และนายเจียสิ้นใจในเวลาต่อมาครั้งนั้น นับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กฎ-กติกามวยต่าง ๆ ตลอดจนมีการบังคับให้สวมนวมแบบสากลนั่นเอง

 

เหล่านี้ ก็เป็นเกร็ดความรู้ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาฝากเพื่อน ๆ หวังว่าทุกคน จะรู้จัก และหลงรัก มวยไทย ( Muay Thai ) กันมากขึ้น เพื่อสืบสานเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยสืบไปค่ะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

 

พื้นฐานที่สำคัญ ของการฝึก มวยไทย

พื้นฐานที่สำคัญ ของการฝึก มวยไทย

สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เป็นมากกว่า กีฬา เนื่องจากปัจจุบันนี้ กีฬามวยไทย เป็นที่แพร่หลาย มวยไทยถือได้ว่าเป็นทั้งการ ออกกำลังกาย และเป็นทั้ง ศิลปะการป้องกันตัว

พื้นฐานที่สำคัญ ของการฝึก มวยไทย

ทักษะ พื้นฐาน มวยไทย ( Muay Thai ) หลักพื้นฐาน ในการฝึกทักษะ แม่ไม้มวยไทย จำเป็น ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หลักพื้นฐาน ก่อน เพราะเป็นทักษะ เบื้องต้น ของการเรียน แม่ไม้มวยไทย และ กลมวย เพื่อนำไปสู่การมี ทักษะ ในขั้นสูง ต่อไป ซึ่ง ศิลปะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เป็น ทักษะพื้นฐาน ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )  ที่มีอยู่มากมาย หลายแบบ ซึ่ง ครูมวย ต่าง ๆ ได้คิดค้น ขึ้นมาใช้ และได้นำมาเขียน หรือบันทึกไว้ เพื่อ ประโยชน์ ในการเรียนการ มวยไทย ( Muay Thai )

 

สำหรับการเริ่มฝึก มวยไทย นั้น ผู้ที่เริ่มฝึก ต้องเริ่มทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการขยับ ร่างกาย ในส่วนต่าง ๆ เพราะ กีฬามวยไทย นั้น เป็น กีฬา ที่ต้องใช้การขยับ ทุกส่วนใน ร่างกาย ของเรา ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา ศีรษะ และอีกสิ่งหนึ่ง ที่ควรให้ความสำคัญ ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )  นั่น ก็คือ ความแข็งแรง ของ กล้ามเนื้อ และ ความว่องวัย ก่อนที่ฝึก มวยไทย นั้น เราต้องรู้หลัก พื้นฐาน กันก่อนว่า อวัยวะ และ กล้ามเนื้อ แต่ละส่วน ของ ร่างกาย เรานั้น มีการเคลื่อนไหว อย่างไร เนื่องจากอวัยวะต่าง ๆ ของ ร่างกาย ล้วนแล้วแต่เป็น อาวุธ ที่สำคัญ จึงจำเป็นที่ต้อง มีการฝึกให้ แข็งแรง มีอะไรบ้างมาดูกัน

 

  1. สำหรับ แขน เป็นการใช้ แขน ตั้งแต่ ใต้ศอก ยาวลงไปถึง ข้อมือ ซึ่งใช้สำหรับ ออกท่าทาง ในการ ต่อสู้ อาทิเช่น ฟัน สับ กด ปัด เปิด หนีบ
  2. สำหรับ หมัด เป็นอาวุธหลัก และสำคัญมาก ๆ ในการ ต่อสู้ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะ หมัด ใช้ในการ ชก คู่ต่อสู้ และต้องมีความเร็ว  รุนแรง ซึ่งใช้สำหรับ ต่อย ทุบ ชก การใช้ หมัด สามารถฝึกฝน ได้ด้วยตนเอง เริ่มจากการ ชกลม หรือ ชกกระสอบทราย
  3. สำหรับ ศอก เป็นการ งอแขน หรือ หนีบแขน ให้เกิดมุม เป็นกระดูก เพื่อใช้เป็นอาวุธ ของ นักมวย ศอก เป็นอาวุธ ที่รุนแรง และอันตราย อีกทั้งยังสามารถทำให้ คู่ต่อสู้ บาดเจ็บ ถึงขั้นเลือกออกได้เลย ศอก ซึ่งใช้สำหรับ งัด ฟัน สับ
  4. สำหรับ เข่า เป็นการงอขา เพื่อให้เกิดมุ แหลม ซึ่งใช้สำหรับ การกระแทก กระทุ้ง ยัด แต่ถ้าไม่ระวังตัว ในการ ต่อสู้ เข่า สามารถทำให้เราแพ้ ได้เลยทีเดียว และ เข่า ยังเป็นอีกหนึ่งอาวุธ ที่น่ากลัว และอันตราย อีกด้วย
  5. สำหรับ เท้า เป็นการทำ โดย การถีบ  เพื่อให้ คู่ต่อสู้ กระเด็นออกไป การถีบ เป็นอาวุธ ที่ไม่ควรประมาท เพราะว่า การถีบ ทำให้เรารักษาระยะ ในการ ต่อสู้ การตั้งหลัก หรืออาจทำให้เรา ล้มลงไปนอน กับพื้นได้
  6. สำหรับ ศีรษะ ก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธ ที่รุนแรง มากเหมือนกัน สามารถทำให้ คู่ต่อสู้ เรา น็อค ได้เลย ซึ่งใช้ในการ กระแทก โขก กด แต่ทั้งนี้ การใช้ ศีรษะ ในการ ต่อสู้ ก็อาจะทำให้เกิดอันตราย ทั้งตัวเอง และ คู่ต่อสู้ ได้ ฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ ศีรษะ ในการ ต่อสู้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การรุก การรับ ที่แข็งแกร่ง สวยงาม

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็น กีฬา ที่มี ทั้งแบบมือสมัครเล่น และการเล่นเป็นอาชีพ หากเป็น กีฬา ที่เกี่ยวข้องกับ การจู่โจม ศิลปะป้องกันตัว ทั้ง หมัด, เตะ, ต่อย ซึ่ง นักมวย หรือผู้เข้าแข่งขันจะสวม นวม ที่มือ เพื่อป้องกันมือจู่โจม และป้องกัน หมัด จาก คู่ต่อสู้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะต่างชาติ หรือว่า คนไทย ต่างให้ความนิยมกันเป็นอย่างมาก นอกจากจะได้ ออกกำลังกาย แล้ว ก็ยังได้ใช้เป็นการ ป้องกันตัวได้อีกด้วย วันนี้เราจึงได้นำ ประโยชน์ ของ มวย ( Muay ) สำหรับ เด็ก ๆ มาให้คุณพ่อคุณแม่ ได้ศึกษากัน ประโยชน์เพียบ มาดูกันเลยว่า เรียนมวย ดีต่อเด็ก อย่างไร ?

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เด็ก ๆ ก็ฝึกได้ แข็งแกร่ง แข็งแรง ลุยเลย

 

เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เหมาะสำหรับ เด็ก อายุเท่าไหร่ ?

ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ก็ถือว่าไม่เร็วเกินไป ที่พวก เด็ก ๆ จะมาเริ่มเรียนรู้การ ชกมวย ขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้สิ่งต้องระวังอย่างมากที่สุดคือ ความปลอดภัยของ เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องป้องกันหัว หรือแม้แต่ นวม ที่ใช้ เพราะถ้าหากมือของ เด็ก ๆ ไม่พอดีกับ นวม ก็อาจจะทำให้เวลา ชกมวย และควรพาเด็ก ๆ ไปเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ถูกต้อง เหมาะสม กับสถานที่ด้วย

 

เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับ เด็ก ๆ ได้ประโยชน์อย่างไร

 

1. เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ร่างกาย แข็งแรง

การ ชกมวย เป็น กีฬา ที่มุ้งเน้นการเคลื่อนไหว หลาย ๆ ส่วนของ ร่างกาย เป็นการผสมผสานระหว่าง การฝึก คาร์ดิโอ และการฝึกความ แข็งแรง มีการกระโดด การ ชก การป้องกัน และท่าต่าง ๆ ที่เป็นการถูกส่งออกไป ยังรวมถึงรับเข้ามา จะทำให้ กล้ามเนื้อ ทั้ง ร่างกาย ของเด็ก ๆ ได้รับน้ำหนัก และการปล่อยน้ำหนักออกไป ที่ถือว่าเป็นการ ออกกำลังกาย ที่สมบูรณ์แบบ มีการเผาผลาญ พลังงาน ไขมัน ส่วนมาก และได้รับความ แข็งแรง กลับมาด้วย

 

2. เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) รู้จัก ป้องกันตัว

เป็นการเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเอง อันเป็นทักษะที่สำคัญ และจำเป็นไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง หรือว่า เด็กผู้ชาย ก็ตาม โดยเพาะอย่างยิ่ง เด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงวัยของการเจริญเติบโต ซึ่งการเรียน มวยไทย ( Muay Thai )  นั้นจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เด็ก ๆ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี หรือถูกกระทำบางสิ่งบางอย่าง ที่เจ้าตัวไม่ได้รับความยินยอม อีกทั้งยังสอนให้พวก เด็ก ๆ รู้ถึงวิธีการ ป้องกันตัว ได้เป็นอย่างดี

 

 3. มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ประโยชน์ ต่อ สุขภาพ

การ ชกมวย สำหรับ เด็ก ๆ เป็นการ ออกกำลังกาย ที่มุ่งเน้นความคล่องตัว ความเร็ว ความว่องไว และการทรงตัว การทำงานประสานกันระหว่างมือ ตา และขา โดยที่กล่าวมาจะช่วยเสริมสร้างทำให้ ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ และหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย

 

การเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นให้ประโยชน์ต่อเด็ก ๆ อย่างมากมาย หากสนใจ สามารถพาเด็ก ๆ มาเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) กับเราได้เลย

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

รวมท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ ช่วย ลดน้ำหนัก

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การรุก การรับ ที่แข็งแกร่ง สวยงาม

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การรุก การรับ ที่แข็งแกร่ง สวยงาม

มวยไทย ( Muay Thai ) มีศิลปะ การรุก การรับ ในการ เลือกใช้ ไม้มวยไทย และ กลวิธีต่าง ๆ ที่ผสมผสานกัน เพื่อทำให้เกิด ประสิทธิภาพ ซึ่งไม้มวยไทย ที่ใช้ในการ ชกมวยไทย เช่น หมัด เท้า เข่า และ ศอก ที่เป็นส่วน ที่จำเป็น ต่อการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การรุก การรับ ที่แข็งแกร่ง สวยงาม

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) การรุก หรือ ไม้รุก เป็นหลัก วิชาการ ในการใช้ ไม้มวย ชนิดต่าง ๆ มาประกอบกัน เพื่อการรุก โจมตี คู่ต่อสู้ ซึ่งจะมี ทั้งการ หลอกล่อ และ เข้าสู้กันจริง ๆ โดยทั่วไป ไม้นำ ของไม้รุก มวยไทย ( Muay Thai ) มักจะเป็น ไม้ยาว ที่มีความเร็ว รัดกุม มีหลักมั่นคง สามารถ ใช้ไม้มวย ชนิดอื่น ต่อไปได้ อย่างเช่น การถีบตรง การเตะเฉียง เตะลิด ส่วนไม้มวยตาม จะเป็น ไม้ยาว หรือ ไม้สั้น ก็ได้

 

แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ การใช้ ไม้มวย ในจังหวะแรก ว่าจะได้ ผลดี อย่างไร ดังนั้น ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) การรุก จึงนิยม ใช้ไม้มวย แบบสลับ บนล่าง หรือ ซ้ายขวา เพื่อให้ คู่ต่อสู้ รู้สึกกังวล ถ้าหาก ใช้ไม้รุก เฉพาะส่วน หรือ ส่วนล่าง เพียงอย่างเดียว จะทำให้ง่าย ต่อการ ป้องกันได้

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะ การรุก การรับ ที่แข็งแกร่ง สวยงาม

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) การรับ หรือ ไม้รับ เป็นหลัก วิชาการ มวยไทย ( Muay Thai ) ในการนำ เอาไม้มวย ชนิดต่าง ๆ มาประกอบ เข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการ แก้ไข จู่โจม ของฝ่ายรุก ไม้มวย ชนิดหนึ่ง สามารถ แก้การ จู่โจมของ ไม้มวย ชนิดเดียวกัน หรือ ต่างชนิดกัน ก็ทำได้ หรือ จะแก้ ทีละไม้ อย่างเช่น แก้การต่อย แก้การเตะ แก้การถีบ แก้การศอก แต่ทว่า ในการชก มวยไทย ( Muay Thai ) จริง ๆ จะไม่ได้ชก หรือ ไม่ได้เตะ เพียงจังหวะเดียว แต่จะรุก เป็นชุด อย่างเช่น ต่อยนำ เตะตาม แล้วเข่าตาม หรือ จะต่อย ตามเข่า

 

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ไม้รับ จะกล่าวถึง การรับ ไม้มวย ของฝ่ายตรงข้าม ทีละชนิด ตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ จะรับ การต่อย รับการเตะ รับการถีบ รับการเข่า และ ถึงจะ รับการศอก โดยอาศัย หลักการถอย หลบหลีก ปัดป้อง และ ตอบโต้ ด้วยไม้มวย ชนิดต่าง ๆ

 

ศิลปะ การรุก การรับ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ ที่มีความ แข็งแกร่ง สวยงาม อย่างมาก เพราะสามารถ ช่วยทั้งการ โจมตี และ ป้องกัน อาวุธ ชนิดต่าง ๆ จากคู่ต่อสู้ ได้อีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยฝึกอะไรให้กับเราบ้าง ?

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยฝึกอะไรให้กับเราบ้าง ?

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยฝึกอะไรให้กับเราบ้าง ?

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นอีกหนึ่งกีฬา ที่ตอบโจทย์ กับคนรุ่นใหม่อย่างมาก โดยเฉพราะ กับวัยรุ่น และแน่นอนว่ามันยังเป็น กีฬา ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญอย่างวำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะมันให้ได้ฝึกอะไรให้กับร่างกาย

 

            แน่นอนว่า กีฬามวยไทย ( Muay thai ) มันถือ เป็นกีฬา ที่ต้องใช้แรง และ รวมไปถึง พละ กำลังของ กล้ามเนื้อ เป็นอย่างมาก และ ในการ ออกอาวุธ หรือ ท่า มวยไทย ไม่ว่าจะเป็น จากการใช้หมัด เท้า ศอก หรือ รวมไปถึง เข่า ที่ผู้เล่น นักมวย มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องอาศัยการ ฝึกร่างกายของเรา ที่บอกเลยว่า ต้องใช้เวลา การจะ เก่ง และ ชำนาญ นั้นก็เพื่อ ให้แข็งแกร่งทุกสัดส่วน และรวมไป ทั้งช่วงบน ช่วงกลาง และ ในช่วงล่าง เพราะ รู้หรือไม่ว่า ในการชกมวยจริง ๆ นั้น ขาของคุณ จะต้องไวมีฟุตเวิร์คที่ดี ตลอด ในช่วงเวลาที่อยู่บนสังเวียน นั้นก็ เพื่อที่จะสามารถเคลื่อนไหว ร่างกาย ได้อย่างพลิ้วไหว และเรา ก็ต้อง มีช่วงกลางลำตัวที่แข็งแกร่งที่ ที่จะ สามารถรับการโจมตีจากการการ ออก อาวุธของคู่ต่อสู้ได้ และ รวมไปถึง ต้อง มีแขนที่ทรงพลัง นั้นก็ เพื่อเอาไว้ออกอาวุธที่มีพลังในการโจมตีสูง อีกด้วย นั่นเอง

 

            และรู้หรือไม่ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) มันยังสามารถไป ช่วยให้ระบบไหลเวียดเลือดทำงานดี ขึ้นอีกด้วย โดย การฝึกกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น มันจะ สามารถไป ทำให้ร่างกาย ของเรา ได้ มีการเคลื่อนไหว อยู่ตลอดเวลา และ ขณะเล่น มันจึง สามารถไป ช่วย ในเรื่อง ของการไป บำรุงระบบไหลเวียนเลือด และมันยัง แถม ให้มีการทำงาน ได้ดี ทั้งหัวใจ และ รวมไปถึง หลอดเลือด ที่ มันยัง ส่งผลต่อการสูบฉีดโลหิตเต็ม ๆ ทำให้ผู้ที่เล่นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถไป ลดความเสี่ยงจากการเกิด ที่อาจจะ โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตได้ โดยเราสามารถยกตัวอย่างได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น นั่นเอง

 

            โดย มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถไปช่วย ในเรื่องของการไป ฝึกสมอง โดย การ ที่เราทำ ท่าทาง การ ออกอาวุธของผู้เล่นที่ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ในแต่ละครั้ง โดย ร่างกาย ของเรา นั้น จะมี การทำงานที่สอดคล้องกัน ระหว่าง กล้ามเนื้อที่ใช้ออกอาวุธ และสมอง ที่มีการทำงานอย่างสัมพันธ์กัน การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นการช่วยฝึกสมองได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการเลือกใช้ อวัยวะในการออกอาวุธ เพื่อต่อสู้หรือตอบโต้ไปยัง คู่ต่อสู้ อีกด้วย นั่นเอง 

 

            คุณรู้หรือไม่ว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )นั้น มันสามารถไปช่วยในเรื่องของการไป ฝึก จิตใจที่แน่วแน่     เพราะ การฝึก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) มันถือ เป็นกีฬาที่ เรา นั้น ต้องใช้สติ สมาธิ และ รวมไปถึง ปัญญาในการเล่น กับฝ่ายตรงข้าม ที่เราจะ สามารถไป ทำให้ผู้เล่นมีพัฒนาการ ด้านจิตใจ และ รวมไปถึง ในเรื่องของ อารมณ์ เพราะ คือ มีเชาวน์ไว ไหวพริบดี ตัดสินใจได้ฉับพลัน มีความสุขุม รอบคอบ และเยือกเย็น มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นการฝึกตนเอง ให้สามารถควบคุม อำนาจในจิตใจ และอารมณ์ได้ มากขึ้น อีกด้วย นั่นเอง

 

            และสิ่ง สุดท้าย ที่มวยไทย สามารถ ช่วยฝึก ได้เป็น อย่าง ดีนั้นก็คือ การที่ ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ในเรื่องของการไป ช่วยป้องกันตัวเอง และ รวมไปถึง การช่วย ผู้อื่นได้เป็นความจริง โดย ที่ เราไม่ สามารถ ไป ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคนี้ ภัยทางสังคม มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนอกบ้าน สามารถ เจอกับ เหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่เกิดจาก ผู้อยู่ร่วมกันในสังคมได้ การฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้ผู้ที่ฝึกมี ทักษะในการต่อสู้  เพื่อป้องกันตัวเอง จากภัยสังคม ที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองได้ รวมไปถึง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับคนรอบข้าง ก็สามารถ ใช้ศิลปะในการต่อสู้จากการฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) จัดการกับผู้ก่อภัยสังคมเฉพาะหน้าได้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิค คลุกวงใน ของ มวยไทย ( Muay thai )

การออกหมัด สไตล์ มวยไทย มีรูปแบบใดบ้าง

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

การไหว้ครู ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น ประเพณี ที่มีความ สำคัญ และ ถือเป็น พิธีการ ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้ที่ได้รับ การฝึกฝน ให้เป็น นักมวย จะต้อง มีการ ขึ้นครู เป็นอันดับแรก ที่เปรียบเหมือน พิธีการ มอบตัวเอง ให้อยู่ใน บัญชา ของครูมวย

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

พิธีการ ไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยก่อน เพื่อเป็นการ ศึกษา วิทยาการ ในฐานะของ คนที่ว่าง่าย สอนง่าย และ มีความ กล้าหาญ สำหรับ การเตรียมตัว และ ปรับปรุง ตัวเอง ให้ก้าวขึ้น สู่การเป็น ทหารพระราชา นักมวย จะต้องมี ครูมวย ต้องเคารพ และ เทิดทูนครู เพราะใน สมัยก่อน การที่ครูมวย จะยอมรับ ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นศิษย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ซึ่งครูมวย ที่เชี่ยวชาญ มวยไทย ( Muay Thai ) ก็มีอยู่ ไม่มากนัก และ ในการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้คิด ค่าสอน แต่อย่างใด ผู้ที่มีความ ประสงค์ หรือ ต้องการ จะศึกษา เล่าเรียน วิชา การต่อสู้ ป้องกันตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จึงจำเป็น ต้องฝากเนื้อ ฝากตัว กับครูมวย คอยปรนนิบัติ อยู่เป็นเวลา ยาวนาน จนกว่า จะได้รับ การถ่ายทอด วิชา มวยไทย ( Muay Thai ) จนครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ ครูมวย กับ ลูกศิษย์ ในสมัยก่อน ของการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จึงมีความสัมพันธ์ กันแนบแน่น เหมือนกับ บิดา และ บุตร นั่นเอง

 

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนการ แข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นข้อที่ แตกต่าง จากกีฬา ประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะ คิกบ็อกซิง ( kick boxing ) ที่ได้พยายาม จะเลียนแบบ การชก มวยไทย ( Muay Thai ) จนเหมือน แทบจะ ทุกอย่าง แต่แตกต่างกัน เพียงแค่ ไม่ใช้ศอก ในการชก และ ไม่มี พิธีการ ไหว้ครู ดังนั้น การไหว้ครู จึงถือว่าเป็น จุดเด่น และ เอกลักษณ์ ที่โดดเด่น ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างแท้จริง

การไหว้ครู แสดงความเคารพ ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai )

แต่ทั้งนี้ ยังมี พิธีการ ครอบครู หมายถึง การที่ ลูกศิษย์ ได้ศึกษา ศิลปะ การต่อสู้ ป้องกันตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จนหมดสิ้นแล้ว และ ยังมี ความสามารถ ถ่ายทอดวิชา ให้แก่ผู้อื่นได้ ก็จะได้ทำ พิธีการ ครอบครูให้

 

พิธีการ ไหว้ครู เพื่อแสดงถึง ความเคารพ ครูมวย ก่อนขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai ) ของลูกศิษย์ ถือเป็น พิธีการ ที่มีความสำคัญ เป็นอย่างมาก เพราะการทำ พิธีการ เช่นนี้ จะทำให้ ลูกศิษย์ มีความเชื่อมั่น ในตัวครู และ ยังทำให้ ตั้งใจ ฝึกฝน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) การต่อสู้ ที่มีเทคนิค โดดเด่น

รวมท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) การต่อสู้ ที่มีเทคนิค โดดเด่น

ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) การต่อสู้ ที่มีเทคนิค โดดเด่น

มวยไทย ( Muay Thai ) มีพื้นฐาน รูปแบบ เดียวกัน ก็คือ การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก และ ศีรษะ จนเกิดเป็น กระบวนท่าต่าง ๆ นับร้อย ๆ ท่า โดยแต่ละ ท้องที่นั้น ก็มีการ พัฒนา ความสามารถ และ ความถนัด ในเรื่อง เชิงมวย ที่มีเทคนิค แตกต่างกัน

ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) การต่อสู้ ที่มีเทคนิค โดดเด่น

ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) มีดังต่อไปนี้

1) มวยโคราช

จะมีการ แต่งกาย การคาดเชือก จดมวย ฝึกซ้อม ร่ายรำ และ รูปแบบ วิธีการชก ที่จะเป็น เอกลักษณ์ โดยเฉพาะ การชกหมัด ในวงกว้าง ที่มีความ หนักหน่วง เรียกว่า หมัดเหวี่ยงควาย

 

2) มวยลพบุรี

เป็นตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ชกฉลาด รุกรับ ได้อย่าง คล่องแคล่ว และ ว่องไว ต่อยหมัดตรง ได้อย่างแม่นยำ จะเรียกว่า มวยเกี้ยว หมายถึง มวยที่ใช้ ชั้นเชิงเข้า ทำคู่ต่อสู้ โดยจะใช้ กลลวง มากมาย จะเคลื่อนตัว อยู่เสมอ เพื่อหลอกล่อ หลบหลีก ได้อย่างดี สายตาดี รุกรับ และ สามารถ ออกอาวุธ หมัด เท้า เข่า ศอก ได้อย่าง รวดเร็ว

 

3) มวยไชยา

เป็นศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ประจำถิ่นของ อำเภอไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี ที่มีชื่อเสียง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นอกจาก การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ยังมีวิชา การต่อสู้ อย่างเช่น การทุ่ม ทับ จับ หัก การเรียน การสอน ก็จะเริ่ม ตั้งแต่ เรียนป้องกันตัว ป้อง ปัด ปิด เปิด จากนั้น ก็จะเรียน ลูกไม้ต่าง ๆ ซึ่งต่างจาก มวยทั่วไป ที่เน้นการโจมตี

 

4) มวยท่าเสา

อุตรดิตถ์ มีความ โดดเด่น ในการ จดมวยกว้าง และ การใช้ น้ำหนักตัว ไปทาง ด้านหลัง เท้าหน้า สัมผัส พื้นเบา ๆ ทำให้ สามารถ ออกมวย ได้ไกล รวดเร็ว และ รุนแรง หมัดหน้า ห่างจากหน้า สูงกว่าไหล่ แต่หมัดหลัง จะต่ำ และ อีกมวยหนึ่ง ในสายของ พระยาพิชัยดาบหัก จะเป็นทั้ง มวยอ่อน และ มวยแข็ง สามารถ รุกรับ ตามสถานการณ์ จะรู้วิธีรับ ก่อนวิธีรุก เรียนรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของตัวเอง และ คู่ต่อสู้

 

5) มวยพลศึกษา

ที่สถาบัน การพลศึกษา ก็จะได้ เรียนรู้ เรื่องกลยุทธ์ เพิ่มเติม โดยจะมี อาจารย์ กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวย ที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องหมัด ซึ่งศึกษา มาจาก หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ที่ได้ศึกษา การชกมวย แบบสากล ของประเทศไทย จนได้ชื่อ ว่าเป็น บิดา มวยสากล ของประเทศไทย นอกจาก หมัดแล้ว ยังจะเน้น ความเร็ว จังหวะเข้าออก ได้อย่าง คล่องแคล่ว ว่องไว

 

ดังนั้น ตำรับ มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้ง 5 จึงเป็นการต่อสู้ ที่มีเทคนิค และ โดดเด่น เป็นอย่างมาก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

รวมท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ ช่วย ลดน้ำหนัก

รวมท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

รวมท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

มวยไทย ถือเป็นกีฬ่าต่อสู้ ที่เป็นการต่อสู้ ของ คน 2 คนที่ต้องช้ำพละกำลังกาย และลูกเล่นท่าทาง เพื่อจะหาวิธี น็อคเอ้าท์ คู่ต่อสู้ หรืออาจะ ทำให้เราได้คะแนน ที่มากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่า มวยไทย ยังมีท่าที่สามารถ น็อคเอ้าท์ คู่ต่อสู้ได้ ไปดูกัน

 

                แนนอนว่า มวยไทย ถือเป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ความสามารถ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของ ความเร็ว ไหวพริบ พละกำลัง หรือ รวมไปถึง จิตใจ ที่ นักมวย นั้นต้องมี เพราะถือว่า มวยไทย เป็นกีฬาต่อสู้ ที่ต้องใช่ความสามารถ อย่างมาก ต้องมีความขยัน ฝึกฝน หรือ รวมไปถึง ต้องออกกำลังกายวันละ หลาย ๆ ชั่วโมง แต่วันนี้เราจะไมได้มาพูดถึง วิธีการ ออกำกลังกาย หรือ ไม่ได้มาเล่าประวัติมวยไทย ให้ฟังแต่อย่างไร แต่เราจะมาพูดถึง ท่าทาง หรือ ท่าไม้ตาย ของ มวยไทย ที่สามารถ ไป น็อคเอ้าท์ คู่ต้อสู้ได้ ใคร ๆ หลาย ๆ คนลืมสงสัย กันแล้วใช่ไหมว่า จะมีท่าไหนที่น่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันเลย

 

                อย่างที่ ใคร ๆ หลาย ๆ คน หรือ ทุกคนรู้กันอยู่ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นกีฬา รวมไปถึง ยัง เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่อยู่คู่ กับ คนไทย มาอย่าง ยาวนานมาก และ ถ้าใครที่ไม่เคยดูการต่อยมวย หรือ รวมไปถึง การขึ้นชกมวยจริง ๆ ก็คงพบเห็นได้ในหนัง และ ละครไทยอยู่บ่อย ๆ ไม่มากก็น้อย แต่ เราต้องบอกเลยว่า เอาจริงมันเหมือน เอกลักษณ์ ของหนัง และ รวมไปถึง ละครไทยในยุคนึงเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น เรื่อง ต้มยำกุ้ง แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า เป็นต้น และวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก ท่าไม้ตาย ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่น็อคคู่ต่อสู้มาจำนวนนับไม่ถ้วน

 

 

ท่า น็อคเอ้าท์ แบบฉบับ มวยไทย

 

  • ยกเขาพระสุเมรุ เป็นไม้ มวยไทย ที่สามารถ นำไป ใช้ ในส่วนของการ ป้องกันคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง และ แถมมันยังสามารถ ตอบโต้ด้วยการจับทุ่ม ฝ่าย A ใช้ขาขวาเหวี่ยงแข้งสูงเข้าบริเวณลำคอด้านซ้ายของฝ่าย B และ ฝ่าย B หลบลำตัวต่ำ พร้อมทั้งสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวากันขาขวาฝ่ายขาวไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายโอบขาขวาฝ่าย A ไว้ยกขึ้นใส่บ่า แล้วยกขาขวาฝ่าย A ให้ขึ้นสูงพร้อมกับดันไปข้างหน้า ทำให้ฝ่าย A เสียหลักล้มลงได้ เป็นการตอบโต้
  • ท่าต่อไป ถือว่าเป็น ท่ายอกฮิต อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ในหนังหรือในละคร หรือ รวมไปถึง ในชีวิต จริง สำหรับ ท่าจระเข้ฟาดหาง เป็นไม้มวยใช้ตอบโต้ปรปักษ์ด้วยการเหวี่ยงแข้ง ฝ่าย B หมุนตัวกลับ หลังไปทางขวา ด้วยขาซ้าย โน้มตัวลงต่ำ แล้วใช้ขาขวา เหวี่ยงสูงเข้าใส่ บริเวณ ก้านคอของฝ่าย A เป็นการตอบโต้ฝ่าย A ก่อนที่จะกระทำต่อฝ่าย B
  • ไต่เขาพระสุเมรุ เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง ฝ่าย A ยกขาขวาเพื่อใช้แข้งเหวี่ยงเข้าลำตัวฝ่าย B ฝ่าย B กระโดดขึ้นเหยียบบนขาขวาท่อนบนฝ่าย A ด้วยเท้าขวา และบนไหล่ซ้ายฝ่าย A ด้วยเท้าซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ศอกขวาปักลงไปบนศีรษะของฝ่าย A เป็นการตอบโต้
  • เอราวัณเสยงา เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้กระแทกหมัด  ฝ่าย A กระแทกหมัดขวาเข้าตรงหน้าฝ่าย B ฝ่าย B ยกแขนซ้ายท่อนล่างขึ้นปิด เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็สืบเท้าเข้าหาฝ่าย A แล้วใช้ศอกขวางัดเข้าที่ปลายคางของฝ่าย A เป็นการตอบโต้
  • ดับชวาลา ถือว่า เป็นแม่ ไม้ มวยไทย ที่สามารถ นำไป ใช้ป้อง กันหมัดพร้อมตอบโต้ ในภาพ ฝ่ายขาวใช้หมัดขวาทิ่มไปตรงหน้าของฝ่าย ฝ่าย B ใช้แขนซ้ายท่อนล่างขึ้นกัน และ ผลักหมัดของฝ่าย A ออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้หมัดขวาทิ่มตรงไปยังใบหน้าของฝ่าย A เป็นการตอบโต้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ ช่วย ลดน้ำหนัก

มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ ช่วย ลดน้ำหนัก

สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังมองหาคอร์สที่จะช่วย กำจัดไขมันส่วนเกิน และคืน รูปร่าง ที่ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ทุกคนคงจะเคยได้ยินเทรนด์การ ออกกำลังกาย ยอดฮิตอย่างการ ต่อยมวย ลดน้ำหนัก ที่ประยุกต์มาจาก กีฬา ประจำชาติของไทยอย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) นั่นเอง

Young woman boxer training at the gym

การนำ มวยไทย ( Muay Thai ) มาผสมผสานกับการ ออกกำลังกาย ซึ่งสามารถช่วย ลดน้ำหนัก และทำให้ หุ่นเฟิร์ม และช่วย ควบคุมน้ำหนัก ได้เร็วกว่า กีฬา ชนิดอื่น ๆ เพราะว่าการออก อาวุธ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ไม่ว่าจะเป็น หมัด เท้า เข่า ศอก ที่ต้องอาศัยแรง และพละกำลังอย่างมหาศาล ที่แม้แต่การบิดตัวระหว่างการ ชก อย่างถูกวิธีก็มีผลต่อ การ เผาผลาญไขมัน ทั้งสิ้น

 

การ ต่อยมวย ช่วย ลดน้ำหนัก ได้อย่างไร?

ในปัจจุบันการ ต่อยมวย ลดน้ำหนัก ไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ของหนุ่ม ๆ อย่างเดียว แต่สาว ๆ หลาย ๆ คน ก็เริ่มหาคอร์สเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับผู้หญิงกันมากยิ่งขึ้น เพราะว่ามีความสนุกสนาน และสามารถช่วยให้ ลดน้ำหนัก ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการ ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถ เผาผลาญพลังงาน ได้มากถึง 200 – 400 แคลอรี่ กันเลยทีเดียว

 

  • มวยไทย ( Muay Thai ) x แอโรบิก

การ ต่อยมวย แอโรบิก อย่างเช่น คีตะมวยไทย หรือ Boxing Dance คือการนำเอาท่าทางการเคลื่อนไหวของ แม่ไม้มวยไทย และ ลูกไม้มวยไทย มาผสมผสานกับการ ออกกำลังกาย แบบ แอโรบิก ที่จะเน้นการหายใจขณะ ออกกำลังกาย เพื่อให้ ร่างกาย ของเรานำออกซิเจนไปช่วย เผาผลาญ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และ ลดไขมันส่วนเกิน ได้ ซึ่งการ ต่อยมวย แอโรบิก จะมุ่งเน้นที่ความต่อเนื่องมากกว่าความเข้มข้น ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 20 - 30  นาที และจะมีประโยชน์ในการเสริมสร้างความ แข็งแรง ของ กล้ามเนื้อ อีกด้วย

 

  • มวยไทย ( Muay Thai ) x High – intensity interval training

การ ต่อยมวย แบบ High – intensity interval training หรือ HIIT คือการ ออกกำลังกาย ที่ทุ่มแรงกาย และแรงใจในระยะเวลาสั้น ๆ และสลับกับการออกแบบเบา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น จะเป็นการเทรนที่หนักมาก เพื่อให้เกิดการ เผาผลาญ หลัง ออกกำลังกาย ที่จะเกิดขึ้นติดต่อกันนานถึง 48 ชั่วโมง ที่ถือว่าเป็นการ ต่อยมวย ลดน้ำหนัก ที่ให้ผลเร็วที่สุด และเหมาะกับคนที่ใจร้อน หรือคนวัยทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาในการ ออกกำลังกาย มากนัก

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วย ลดน้ำหนัก ได้นั้นเกิดจาการ ออกกำลังกาย ในส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย เช่น การออก หมัด อย่างการใช้ หมัดตรง ที่สามารถช่วยกระชับต้นแขน และลดไขมันบริเวณท้องแขนได้ หมัดฮุค เป็นการบิดลำตัวซ้าย และขวาเล็กน้อย ที่ช่วยกระชับกระชับสัดส่วนช่วงลำตัวได้ จึงทำให้รูปร่างฟิต และเพรียวขึ้น บางครั้งเพียงแค่เราออก หมัด ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ก็สามารถช่วย สร้างกล้ามเนื้อ ต้นแขนด้านหน้าจากการพับแขน และ สร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่ จากการยกแขน ส่วนการ เตะมวย ถ้าเราออกแรงเตะเยอะและเร็ว ก็จะยิ่งช่วยสลายไขมัน ทำให้ขาเล็กลง กระชับขา สะโพก และยังลดเซลล์ลูไลท์ ได้อีกด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กฎกติกาของ สนามมวย ที่เราอาจยังไม่รู้

ทำไมต้อง รำมวย ก่อนขึ้น ชก

 

 

กฎกติกาของ สนามมวย ที่เราอาจยังไม่รู้

กฎกติกาของ สนามมวย ที่เราอาจยังไม่รู้

กฎกติกาของ สนามมวย ที่เราอาจยังไม่รู้

 

                มวยไทย ถือว่าเป็น กีฬา ที่เป็นกีฬาที่มี กฎกติกา มากมายเพราะถือว่าเป็นกีฬาประเภท ต่อสู้ ที่ต้องให้คู่ต่อสู้ มาสู้กันและอาจเกิดการบาดเจ็บได้ดังนั้นจึงมี กฎกติกามากมาย รวมไปถึง กฎกติกา ของ สนามมวยก็ต้องมีด้วยเช่นกัน วันนี้เราไปดูกฎกติกาของ สนามมวย ที่เราอาจยังไม่รู้

 

                แน่นอนว่า กีฬาแทบจะ ทุกชนิดนั้น จะมี กฎกติกา ของแต่ละ กีฬา ที่จะทำการ แบ่ง ๆ กันออกไปและ ไม่ว่าจะเป็น กีฬา ประเภทไหน ที่ใช้พลังกำลัง หรือ อาจจรวมไปถึง กีฬา ที่ใช้ ความสามารถ ด้านความคิด หรือ อาจรวมไป ถึงกีฬา ประเภท Esport และ กีฬาที่แข่ง กันผ่านเกม ก็ ล้วนแล้ว จะมี กฎกติกา ที่อยู่ทุกประเภท และอาจ รวมไปถึง กีฬาประเภท ที่ใช้ใน การต่อสู้ เพื่อ ล้มคู่ต่อสู้ นั่นคือ กีฬา อย่าง ต่อยมวย หรือ ชกมวย นั่นเอง โดย กีฬามวยนั้น จะแบ่ง กฎกติกา ในหลายๆ กฎกติกา ไม่ว่าจะเป็น กฎกติกา เวที สังเวียน กฎกติกา อุปกรณ์ การชกมวย หรือ กฎกติกา นักมวย จะแบ่ง ได้หลากหลาย รูปแบบ ของ กฎกติกา ดังนั้น เราจะมาแยก กฎกติกา ของกีฬามวย ประเภท ต่างๆกัน ดังนี้

 

กฎกติกา ของสยามมวย หรือ เวทีมวย

 

  • โดย ขนาด ของ สังเวียน หรือ ที่เราเรียกกันว่า เวทีมวย จำเป็นต้อง เป็น ขนาด โดยประมาณ จะเป็น สี่เหลี่ยม จัตุรัส ขนาดเล็ก ด้าน ละ ประมาณ 20 ฟุต หรือ ( 6 . 10 เมตร ) ขนาดใหญ่ด้านละ 24 ฟุต หรือ ( 7 . 30 เมตร ) และเวที ต้องสูงจากพื้น ประมาณ 3 ฟุต แต่ ห้ามสูง เกิน 4 ฟุต
  • เชือก โดยเชือก  ของสนามมวย  นั้นจำเป็น ที่จะ ต้องมี 4 เส้น รอบข้าง และ ด้วย ขนาดของเส้น จะต้อง ผ่านศูนย์ไม่น้อยกว่า ประมาณ นิ้ว  และ ต้องขึงติดกับ เสามุม ทั้ง 4 เสา และ เสามุม ต้องสูง กว่าสังเวียน ประมาณ 16 32 48 และ 60 นิ้ว ไล่ตามลำดับ
  • พื้น ของเวที มวย  ต้อง มีความ ปลอดภัย อยู่ในรับดับ มาตรฐาน  ปราศจาก สิ่งกีดขวางใดๆ ทั้งสิ้น และ ต้องยื่นออกไปนอก เชือกอย่างน้อย ประมาณ 20 นิ้ว ต้องปู ด้วยสักหลาด ของยาง หรือ วัสดุ อื่นๆ ที่เหมาะสม
  • มุมของสังเวียน มุมเสาของสังเวียน นั้น ต้อง ตั้งเสาไว้ที่มุม ทั้งสี่ ต้องขนาดเท่ากับเส้นผ่าน ศูนย์ กลาง ประมาณ 5 นิ้ว  สูงขึ้นจาก เวที ประมาณ 60 นิ้ว และ ต้องมา พร้อม ทั้ง หุ้มนวม ที่ จะอยู่บริเวญ ของ มุมเสาภายในเส้นเชือก ให้เรียบร้อย เพื่อ ที่จะไม่ให้ เกิดอันตรายได้ กับนักมวย มุมแดง นั้น คือมุมที่ใกล้ กับประธานกรรมการควบคุม การแข่งขัน
  • บันได ของเวทีมวย ต้องมี 3 บันได และต้อง กว้าง ไม่น้อยกว่า 3 ฟุต ไว้ที่มุม ตรงข้าม ของ เวทีมวย หรือ สนามมวย สอง บันไดนั้น เพื่อให้ นักมวย และ พี่เลี้ยงได้ สามารถ ที่จะต้อง เดิน ขึ้น ลง ได้ ส่วนอีก บันได ไว้ให้กับผู้ชี้ขาด และ แพทย์ ผู้ดูแล
  • กล่องพลาสติก กล่องพลาสติกที่มุม กลางทั้งสอง มุม ของสังเวียน ให้ติด กล่องพลาสติก มุม ละกล่อง เพื่อให้ กรรมการ หรือ ผู้ ชี้ขาด ทิ้งสำลี หรือ กระดาษ ได้นั้นเอง
  • สังเวียนสำรอง หรือรวมไปถึง สังเวียนเพิ่มเติม อาจจะต้องใช้สังเวียน ประมาณ 2 สังเวียน ในการแข่งขัน ที่นักกีฬาจำนวนมากเกินไป

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

ทำไมต้อง รำมวย ก่อนขึ้น ชก

ทำไมต้อง รำมวย ก่อนขึ้น ชก

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนึ่งใน ศิลปะการต่อสู้ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกที่ไม่ใช่เพียงแต่การออกลีลาท่าทางในการ ต่อสู้ เท่านั้นแต่การเริ่ม ชก มวย มีสิ่งที่ปลูกฝั่ง และถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานั่นคือ การไหว้ครู และการ รำมวย

Two boxers fight with the martial arts of muay thai.

การไหว้ครู หรือ รำมวย ถือเป็นจุดเด่น และเอกลักษณ์ของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )ซึ่งการ รำมวย ก่อนขึ้น ชก นั้นถือได้ว่าเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อ ครูมวย อีกด้วย ซึ่งผู้เรียนที่ต้องการฝึกฝนจะต้องมีการขึ้นครู และการฝากตัวเป็นศิษย์ และอาจารย์ นั้นต้องมีความนอบน้อมเพื่อที่จะเรียนรู้ความกล้าหาญ และการเตรียมความพร้อมในการที่จะฝึกฝน มวยไทย ไปในขั้นต่อ ๆ ไป ซึ่ง นักมวย จะต้องมีครู และต้องเคารพ และเทิดทูน เพราะว่าการที่ ครูมวย ยินยอมที่จะรับผู้ใดเป็นศิษย์นั้น และในอดีตกาลนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เพราะในสมัยนั้นครูที่เป็น มวย ( Muay ) ที่มีฝีมือไม่ได้มีอยู่มากมาย และในการสอนไม่ได้คิดค่าบริการสอน แต่ถ้าหากใครที่ต้องการจะเรียนนั้นต้องฝากเนื้อฝากตัวกับ ครูมวย และคอยปรนนิบัติอยู่เป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วน เพราะว่าสาเหตุ ครูมวย กับศิษย์ในสมัยก่อนนั้นมีความสนิทใจกันราวกับพ่อลูก

การไหว้ครู หรือ รำมวย ของ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการปฏิบัติ และสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และถือเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแต่เดิมผู้ที่จะได้รับการฝึกฝนให้เป็น นักมวย ได้นั้น ต้องเข้าไปใช้ชีวิตเรียนรู้ฝากเนื้อ ฝากตัว และคอยปรนนิบัติ ครูมวย และเมื่อ ครูมวย เห็นว่าสามารถจะสอนได้ ก็จะทำพิธีที่เรียกว่า ยกครู เพื่อแสดงถึงการยอมรับซึ่งกันและกัน และจากนั้นครูก็จะสอน มวยไทย อย่างจริงจัง หรือจนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วน ซึ่งเวลาไป ชกมวย ก็ต้องทำการ ไหว้ครู ก่อนทุกครั้งของการขึ้น ชก

ประโยชน์ จาก การไหว้ครู หรือ รำมวย

ซึ่ง การไหว้ครู หรือ รำมวย เป็นการสื่อความหมายให้เห็นถึงคุณค่าทางด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียม และประเพณีอันดีงามของไทย ที่มีคุณ ประโยชน์ มากมายทางด้านจิตใจของ นักมวย และ ผู้ชมมวย 

  • เป็นการปลูกฝังนิสัยให้เป็น มวย ( Muay ) คือ การรู้จักเคารพครูอาจารย์ บิดามารดา และผู้ให้กำเนิด มวยไทย ( Muay Thai )
  • เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้ตระหนักในคุณค่าทางด้านของ ศิลปะมวยไทย ที่เกิดจากความรัก และความหวงแหนที่จะอนุรักษ์ให้คงไว้สืบต่อไป
  • เป็นกิจกรรมที่สามารถเผยแพร่เอกลักษณ์ และศิลปวัฒนธรรมประจำชาติได้อย่างสง่างาม และสมศักดิ์ศรี

ท่าการ รำมวย ไหว้ครู

  • ท่ายืน ไหว้ทิศขวา

เป็นท่ายืนขึ้นอย่างสามขุม และหมุนไปทางทิศเบื้องขวา ไหว้ทิศเบื้องขวา  และ รำมวย ท่านกยูงรำแพน ซึ่งปฏิบัติตามนี้ ครั้ง

  • ท่ายืน ไหว้ทิศซ้าย

เป็นท่ายืนย่างสามขุม และหมุนไปทางทิศเบื้องซ้าย ไหว้ทิศเบื้องซ้าย และ รำมวย ท่าหงส์เหิน ซึ่งปฏิบัติตามนี้ ครั้ง

  • ท่ายืน ไหว้ด้านหน้า และ หลัง

เป็นท่ายืนขึ้นย่างสามขุม และหมุนไปทางขวาจนไปถึงด้านหลัง ไหว้ทิศเบื้องหลัง และพยักหน้า ครั้ง ทำท่าดูดัสกร รำมวย ท่าพยัคฆ์ด้อมกวาง หมุนไปทางขวา แล้วก้าวเท้าชิด ไหว้ทิศเบื้องหน้า

ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือท่าร่ายรำ การไหว้ครู รำมวย นั้นที่คนจะลืม คือท่าร่ายรำเป็น ยืดกล้ามเนื้อ ไปในตัว และเป็นท่าที่เป็น แม่ไม้มวยไทย หลักของสำนักนั้น ๆ เพื่อเป็นการทบทวนความจำก่อนที่จะขึ้น ชก ครั้งสุดท้าย และรวมทั้งการระลึกถึงครูบาอาจารย์ ที่ถ่ายทอดวิชามาให้ ซึ่งก่อนการขึ้น ชก ทุกครั้งก็จะมี การไหว้ครู รำมวย ส่วนแต่ละปีแต่ละสำนัก หรือโรงเรียนนั้น ๆ จะมีพิธีไหว้ครูประจำปี และจะมีการตั้งพระพุทธรูป การนำรูปของ ครูมวย ที่เสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็มีเครื่องไหว้ต่าง ๆ ก่อนที่ลูกศิษย์แต่ละคนจะกลับมารวมตัวกัน เพื่อ ไหว้ครู ที่เสียชีวิตไปแล้ว และครูที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันต่อมาอย่างยาวนาน

ซึ่ง มวยไทย ( Muay Thai ) เป็น ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเอกลักษณ์ของ มวยไทย คือมีการนำศิลปะ ดนตรี และทักษะทางด้าน กีฬา เข้ามาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว นั้นจึงทำให้บรรยากาศของการ ต่อสู้ นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และความเร้าใจ จนสามารถครองใจคนจำนวนมากได้เป็นอย่างดี 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) มรดก ทางวัฒนธรม ที่งดงาม

มวยไทย ข้อดีของการ ต่อยมวย

มวยไทย

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) มรดก ทางวัฒนธรม ที่งดงาม

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นมรดก ทางวัฒนธรรม ของคนไทย ที่สืบทอด กันมานาน เป็นศิลปะ การต่อสู้ และ ป้องกันตัว ที่มีมา หลายยุค หลายสมัย ซึ่งวันนี้ เราจะ ยกประวัติ มวยไทย ในสมัยอยุธยา มาให้ทุกคน ได้เรียนรู้กัน ว่าในสมัยนั้น เป็นอย่างไร

เพราะศึก สงคราม ที่มากมาย พระมหากษัตริย์ และ ราษฎรไทย จึงจำเป็น ต้องฝึกหัด ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ป้องกันตัว และ วิชาการทหาร เพื่อป้องกัน ประเทศ ส่วนช่วงเวลา ที่ฝึกหัด ศิลปะ ป้องกันตัว และ เตรียมกำลังรบ มักจะเป็น ช่วงฤดูฝน เพราะในสมัยนั้น การยกทัพ ไปตีเมืองใด มักจะต้องรอ ให้เข้า ฤดูแล้งก่อน เพื่อสะดวก ในการเดินทัพ ที่มีทั้งไพร่พล เสบียงอาหาร และ อาวุธ ยุทโธปกรณ์

 

หากเป็นฤดูฝน หรือ ฤดูน้ำหลาก ถนนหนทาง น้ำจะท่วม ซึ่งยาก ต่อการเดินทัพ ที่มีทหาร จำนวนมาก และ จะทำให้ ทหาร ได้รับ ความลำบาก เกิดเจ็บป่วย ล้มตายได้ ช่วงฤดูฝน จึงเป็นช่วง ที่ต้องปลูกข้าว เพื่อเตรียมเป็น เสบียงอาหาร และ บำรุงไพร่พล ให้อิ่มสมบูรณ์ และ ฝึกฝน ศิลปะ การต่อสู้ ให้มีความ ชำนาญ ซึ่ง มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การต่อสู้ ชนิดหนึ่ง ที่ทหารทุกคน จำเป็นต้อง ฝึกหัด ควบคู่กับ การใช้อาวุธ ที่มีอยู่ ในสมัยนั้น

 

จากการศึกษา ประวัติศาสตร์ กฎหมายไทย พบว่า ในสมัยสมเด็จ พระเอกาทศรถ มีกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับ การชกมวย อยู่ข้อหนึ่ง เรียกว่า พระอัยการเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ใช้ใน สมัยกรุงศรีอยุธยา และ นำมาชำระ ในสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2347 ตรงกับ รัชกาลที่ 1

นอกจากนี้ ยังมีกฎหมาย ของพระเจ้ามังราย หรือ มังรายศาสตร์ ลักษณะวิวาท พ.ศ. 2230 สมัยรัชกาล สมเด็จพระเพทราชา มีความว่า คนทั้งหลาย ในโลกนี้ จักวิวาทผิดกัน ด้วยเหตุ 16 ประการ

 

กฎหมาย ในลักษณะ วิวาท ด่าตีกันนี้ มีหลายมาตรา และ ที่เกี่ยวข้องกับ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้แก่ มาตราหนึ่ง คนสองคนตีกัน ปล้ำกัน ผู้หนึ่งตาย ก็ให้เลิกแล้วกันไป เพราะเขาปล้ำกัน ผิเจ้าพระยา จ้าขุนตีปล้ำกัน และ มีผู้ยุยง ให้ทำ ดังนั้น หากฝ่ายหนึ่งตายลง ให้ผู้ยุยงท่าน เผาศพเสีย เพราะด้วยเหตุ ไปเคี่ยวเข็ญ ให้ท่าน ต่อสู้กัน  จากกฎหมาย ดังกล่าวนี้ ทำให้ทราบว่า คนไทยในสมัยนั้น ใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สำหรับ ต่อยตี และ ปล้ำกัน เพื่อเป็นการ ทำร้ายศัตรู เป็นศิลปะ ป้องกันตัว และ เป็นการละเล่น อีกด้วย

 

การชกมวย ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) มีมาตั้งแต่ ก่อนสมัย สมเด็จพระเอกาทศรถ ( ก่อน พ.ศ. 2146 ) จนถึงกับ มีเหตุการณ์ ยุ่งยาก เกิดขึ้น จึงทำให้ ต้องตราเป็น กฎหมาย เพื่อพิจารณาคดี ดังนั้น ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็น มรดก ทางวัฒนธรรม ที่งดงาม เป็นอย่างมาก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ข้อดีของการ ต่อยมวย

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) กับการ จำแนกรุ่น การแข่งขัน

มวยไทย ข้อดีของการ ต่อยมวย

มวยไทย ข้อดีของการ ต่อยมวย

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) การ ต่อยมวย นั้นมี ประโยชน์ มากกว่าที่ทุกคิด เพราะการ ต่อยมวย ไม่ได้ทำเพื่อเสริมทักษะ การต่อสู้ หรือ ศิลปะป้องกันตัว เท่า แต่กีฬา มวย ( Muay ) หรือ ต่อยมวย นั้นยังช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้อีกด้วยแล้วการ ต่อยมวย มีข้อดีอะไรบ้าง

Two professional boxer boxing on black smoky

มวยไทย ( Muay Thai ) ข้อดีของการ ต่อยมวย

  1. มวยไทย ( Muay Thai ) เพิ่มสมาธิ และ ลดความเครียด

การ ออกกำลังกาย ด้วยการซ้อม มวย ( Muay ) นั้นเป็นการ ออกกำลังกาย แบบที่ขั้นสูง และต่ำสลับกันไป ซึ่งช่วงที่มีความเข้มข้นสูงนั้นคือช่วง ที่เราออก อาวุธ ได้ปล่อย หมัด หรือได้ เตะ ซึ่งก็เหมือนเราได้ปลดปล่อยพลัง และระบายอารมณ์ออกไปด้วย และส่วนช่วงที่มีความเข้มข้นต่ำคือ ช่วงที่เราฟุตเวิร์ค จด ๆ จ้อง ๆ เตรียมพร้อมที่จะออก อาวุธ นั่นเอง และช่วงนี้คือช่วงที่เราต้องใช้สมาธิ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของการซ้อม มวย ( Muay ) ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ใช้สมาธิสูง เราจึงไม่มีเวลาที่จะไปคิดเรื่องอื่น ๆ ให้เราฟุ้งซ่าน

  1. มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ ร่างกาย มีปฏิกิริยาที่ตอบโต้เร็ว

การ ซ้อมมวย นั้นเป็นการฝึก ร่างกาย ของเราให้มีความ แข็งแรง และยังมีความสัมพันธ์ระหว่าง ตา สมอง และ กล้ามเนื้อ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวได้อย่างดีเยี่ยม และส่งผลดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วย เพราะคนที่ไว หรือมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ดี ย่อมหมายถึง การเป็นคนที่มีความแอ็คทีฟ กระฉับกระเฉง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าการ ซ้อมมวย จำเป็นที่จะต้องเสริม สร้างกล้ามเนื้อ ให้ แข็งแรง ทุกส่วนของ ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา กล้ามท้อง เป็นต้น ซึ่งระหว่างการฝึก มวย ( Muay )  จะต้องมีสมาธิ ตาต้องไว และต้องมีการออก อาวุธ ที่รวดเร็ว มีความเคลื่อนที่ว่องไว และสามารถหลบหลีกการโจมตีของ คู่ต่อสู้ ได้ดีอีกด้วย

  1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในการ เผาผลาญพลังงาน ได้อย่างรวดเร็ว

การขึ้น ชกมวย ในหนึ่งยกคือ การใช้ ร่างกาย ให้ไปถึงระดับที่สูงสุด และการพักระหว่างยกคือ การทำให้ ร่างกาย ของเราฟื้นตัวจากความอ่อนล้าได้เร็วขึ้น และเป็นทั้งการ ออกกำลังกาย แบบผสมผสานและ เผาผลาญพลังงาน ได้ดีขึ้น และการใช้ออกซิเจน หรือไม่ใช้ออกซิเจนเข้าด้วยกัน ซึ่งการ ออกกำลังกาย ประเภทนี้จะช่วยให้สร้างความ แข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากยิ่งขึ้น และช่วยการกระตุ้นระบบ เผาผลาญ ใน ร่างกาย ได้ดีเมื่อนำมาเทียบกับการ วิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน จะ เผาผลาญพลังงาน ได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

  1. มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ หัวใจ แข็งแรง ขึ้น

มวย ( Muay ) เป็น กีฬา ที่สามารถกระตุ้นการทำงานของ หัวใจ และ หลอดเลือด ได้ดีมาก เพราะการที่จะทำเช่นนั้นได้ เราจะต้อง ออกกำลังกาย ให้ หัวใจ และ ปอดมีความครียดในระดับปานกลาง ซึ่งทำให้ หัวใจ และปอดของเราทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ ระบบไหลเวียนโลหิต ทั่ว ร่างกาย เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

  1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยปรับสมดุลของ ร่างกาย ได้ดี

การ ต่อยมวย เป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลของ ร่างกาย ได้ดีทำให้ไม่มีโรคร้ายใด ๆ มาเยือน ร่างกาย ของเรา แถมยังสร้าง กล้ามเนื้อ ในแต่ละส่วนทั้ง แขน ขา หรืออาจจะเป็นช่วงท้อง ฉะนั้นเรารับรองได้เลยว่าการ ต่อยมวย นั้นจะส่งผลดีต่อ สุขภาพ ทั้ง ร่างกาย และ จิตใจ ได้ดีอย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) กับการ จำแนกรุ่น การแข่งขัน

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร ที่มากกว่า แค่การ ออกกำลัง ไปดูกันเลย

 

มวยไทย

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) กับการ จำแนกรุ่น การแข่งขัน

การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เรามัก เห็นกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ในโทรทัศน์ ในสมาร์ทโฟน หนังสือพิมพ์ หรือ แม้กระทั่ง การได้ไปดู การแข่งขัน ของจริงด้วย ตาตัวเอง แต่คุณ เคยสงสัย กันบ้างไหมว่า การขึ้นชก ของนักมวย ในแต่ละครั้ง จำแนก มาจากอะไร?

การจำแนกรุ่นของ มวยไทย ( Muay Thai ) มีทั้งหมด 19 รุ่น ดังนี้

1) รุ่นพินเวท น้ำหนักตัวเกิน 42.272 กิโลกรัม และไม่เกิน 45.454 กิโลกรัม

2) รุ่นมินิฟลายเวท น้ำหนักตัวเกิน 45.454 กิโลกรัม และไม่เกิน 47.727 กิโลกรัม

3) รุ่นไลท์ฟลายเวท น้ำหนักตัวเกิน 47.727 กิโลกรัม และไม่เกิน 48.988 กิโลกรัม

4) รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัวเกิน 48.988 กิโลกรัม และไม่เกิน 50.802 กิโลกรัม

5) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท น้ำหนักตัวเกิน 50.802 กิโลกรัม และไม่เกิน 52.163 กิโลกรัม

6) รุ่นแบนตั้มเวท น้ำหนักตัวเกิน 52.163 กิโลกรัม และไม่เกิน 53.524 กิโลกรัม

7) รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท น้ำหนักตัวเกิน 53.524 กิโลกรัม และไม่เกิน 55.338 กิโลกรัม

8) รุ่นเฟเธอร์เวท น้ำหนักตัวเกิน 55.338 กิโลกรัม และไม่เกิน 57.153 กิโลกรัม

9) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท น้ำหนักตัวเกิน 57.153 กิโลกรัม และไม่เกิน 58.967 กิโลกรัม

10) รุ่นไลท์เวท น้ำหนักตัวเกิน 58.967 กิโลกรัม และไม่เกิน 61.235 กิโลกรัม

11) รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท น้ำหนักตัวเกิน 61.235 กิโลกรัม และไม่เกิน 63.503 กิโลกรัม

12) รุ่นเวลเตอร์เวท น้ำหนักตัวเกิน 63.503 กิโลกรัม และไม่เกิน 66.678 กิโลกรัม

13) รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท น้ำหนักตัวเกิน 66.678 กิโลกรัม และไม่เกิน 69.853 กิโลกรัม

14) รุ่นมิดเดิลเวท น้ำหนักตัวเกิน 69.853 กิโลกรัม และไม่เกิน 71.575 กิโลกรัม

15) รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท น้ำหนักตัวเกิน 71.575 กิโลกรัม และไม่เกิน 76.374 กิโลกรัม

16) รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวเกิน 76.374 กิโลกรัม และไม่เกิน 79.379 กิโลกรัม

17) รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัวเกิน 779.379 กิโลกรัม และไม่เกิน 86.183 กิโลกรัม

18) รุ่นเฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวเกิน 86.183 กิโลกรัม และไม่เกิน 90.900 กิโลกรัม

19) รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวเกิน 90.900 กิโลกรัม ขึ้นไป

ใครที่สนใจ อยากลอง ลงแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ลองเช็ค น้ำหนักตัว ของตัวเอง ดูนะคะ ว่าร่างกาย และ น้ำหนักตัว ของคุณ จะอยู่ในรุ่นไหน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร ที่มากกว่า แค่การ ออกกำลัง ไปดูกันเลย

นักมวย อาชีพ ออกกำลังกายอย่างไร มาดูกัน

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร ที่มากกว่า แค่การ ออกกำลัง ไปดูกันเลย

มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร ที่มากกว่า แค่การ ออกกำลัง ไปดูกันเลย

ใคร ๆ ต่าง ชื่นชอบ การออกกำลังกาย รวมถึง การต่อยมวย เอาล่ะ วันนี้ เราไปดูกัน ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไร ที่มากกว่า แค่การ ออกกำลังกาย นอกจากได้สุขภาพที่ดี หุ่นเป๊ะ ได้เพื่อนใหม่ ๆ และยังได้ ที่มากกว่านั้น ในเรื่องของสุขภาพ ที่คุณ อาจจะไม่เคยรู้

 

หลาย ๆ คน นอกจาก จะไป ฟิตเนส หรือ ไปวิ่ง ไป ออกกำลังกาย อะไรก็ตามแต่ แต่ใน ปัจจุบันนี้ ที่ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้รับความสนใจ เป็น ที่นิยม อย่างแพร่หลาย เอาล่ะ พูดมา แบบนี้แล้ว เราไปดูประโยชน์ จากการ ต่อยมวย กันเลยดีกว่า ว่า มีอะไรบ้างน้า ?

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยลด ความนอยด์ ได้เป็นอย่างดี

เพื่อน ๆ ต้องหยุดคิด ว่า การใช้กำลัง นั้นจะยิ่งทำให้นอยด์ เพราะว่า ความจริงแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) กลับทำให้เรามีสมาธิ และมีสติมากขึ้นต่างหาก เพราะในทุก ๆ ครั้ง ที่คุณยืนอยู่หน้าคู่ต่อสู้ คุณก็จะต้องโฟกัส กับทุก ๆ การเคลื่อนไหว นั่นทำให้คุณ ไม่มีเวลาที่จะได้คิด เรื่องวิตกกังวลอะไรทั้งนั้น Edyk Jeffry เทรนด์เนอร์ และเมเนเจอร์แห่ง NY San Da โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ในนิวยอร์ก กล่าวว่า “มวยไทยนั้น ช่วยให้ผมเรียนรู้ที่จะจัดการ กับความวิตกกังวลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ดีมากขึ้น คุณเพียงต้องใช้ความพยายามสำหรับการฝึกฝน และคุณก็จะสามารถโฟกัสกับอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าได้ดี”

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ

หลาย ๆ คน อาจจะเข้าใจผิดคิดว่า มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นจำกัด อยู่ที่การใช้แค่หมัดและเท้า แต่สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) แล้วทุกอย่างจะต้องประสานกันหมด ไม่ว่าจะเป็นอศอก คาง และเข่า ซึ่ง Dan Roberts CSCC เขา ก็คือเทรนเนอร์ที่เพิ่งครีเอทแพลนการออกกำลังกายไว้ โดยมีแรงบันดาลใจมาจาก มวยไทย ( Muay Thai ) ของ NUK SOO กล่าวว่า “เวลาที่เราเคลื่อนตัว จู่โจม และป้องกัน จากการรุกจากทิศทางต่าง ๆ นั้นจะทำให้กล้ามเนื้อ ได้ทำงานอยู่ตลอด และพลังงานก็จะพุ่งไปทั่วตัว” โดยการเตะ ก็จะเน้นที่ส่วนของลำตัว สะโพก และก้น ส่วนการต่อยโดยใช้ข้อศอกและกำปั้นนั้น จะได้ส่วนของแขนและข้อมือ และยิ่งถ้าทำได้ถูกท่าแล้ว ก็จะช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้นด้วย

 

3. มวยไทย ( Muay Thai ) อัปรอยยักในสมอง

แน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่คุณคนเดียวแน่ ๆ ที่เป็นฝ่ายจู่โจม เพราะว่า คุณจะต้องรู้จักที่จะหลบหลีก ก้มหลบหมัดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งในการตั้งรับนั้น คุณก็จะต้องมีการออกหมัด ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาบล็อก หรือว่าแม้แต่การโต้ตอบกลับด้วยหมัดขวาตรง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะต้องทำด้วยสปีดที่เร็ว Dan Roberts หนึ่งในเทรนเนอร์ มวยไทย ( Muay Thai ) บอกว่า “ปฏิกิริยาการโต้ตอบจะช่วยฝึกการทำงาน ที่สอดประสานกันระหว่างสมองและกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ดีมากขึ้น จนในที่สุดคุณจะสามารถกลายเป็นคน ที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ได้รวดเร็วในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่กดดันมากๆ”

 

4. มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างความมั่นใจ

มันไม่ใช่ว่าการที่คุณเรียนรู้ ที่จะแตะต่อยเป็นแล้ว ก็จะทำให้คุณมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น แต่ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้คุณ ได้รู้จักศักยภาพของตัวเอง รู้ว่าร่างกายของคุณ นั้นสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด และนี่แหละ ก็คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและสร้างความภูมิใจให้กับตัวคุณเอง “การที่ได้เรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองจะทำให้คุณรู้สึกทึ่งกับร่างกาย”

 

5. มวยไทย ( Muay Thai ) ฝึกสกิลในการวางแผนที่รวดเร็ว

การจู่โจมในแต่ละครั้ง ก็มากกว่าแค่การแตะหรือต่อยออกไปเท่านั้น มันถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เราต้องอาศัยการวางแผนที่ดี เราจะต้องรูว่าควรจะออกหมัดจังหวะไหน ด้วยน้ำหนักเท่าไหร่ หรือว่าตอนไหนที่ควรหลบหลีก กำลังก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่พลังสมองในการวางแผน วางกลยุทธนั้นก็ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่จะมองข้ามได้ เพราะว่าเราต้องคิดล่วงหน้าไปก่อนคู่ต่อสู้ ทักษะของหารออกสเต็ปของเท้าก็ต้องใช้การฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกันนะ

 

เห็นไหมคะ ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ใช่แค่เป็นกีฬาที่ใช้แต่กำลัง แต่ยังได้ฝึกสมองและพัฒนาสกิลต่างๆ ได้อีกด้วย วันนี้ไปลองกันซักหน่อยไหมคะ

นักมวย อาชีพ ออกกำลังกายอย่างไร มาดูกัน

นักมวย อาชีพ ออกกำลังกายอย่างไร มาดูกัน

นักมวย ถือเป็น นักกีฬา ที่มีหุ้นหรือ ร่างกายที่แข็งแรง และ กีฬา มวย ยังถือเป็นกีฬา ที่ต้องใช้พละกำลังอย่างมาก ในการ ที่จะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ และคุณเคย สงสัยกันไหมว่า นักมวย อาชีพ เข้าออกกำลังกายกันเบบไหน วันนี้เราจะพาไปดูกัน

 

 

สำหรับ หากใครเคยผ่าน หรือ หรือ มีโอกาสได้เข้าไปเห็น บรรยากาศ และสำหรับ การซ้อม มวยไทย ภายในยิมฝึก หรือ หรือ ค่ายมวยต่าง ๆ ก็จะรู้ดีว่า เหล่า นักมวยมืออาชีพ นั้น เขาซ้อมกันอย่าง หนักหน่วงมากเพียงใด เขาจะต้องอดทน ต่อการฝึกซ้อม การควบคุม การออกกำลังกาย อาหารการกิน น้ำหนัก เพื่อให้มีร่างกายที่ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด

 

 

สำหรับ ออกกำลังกาย ตามนักมวยมืออาชีพ ที่เขาใช้ในการสสร้างร่างกาย แบบ นักมวย ไปดูกัน

 

ท่าไหล่ดัน ( Shoulder Presses )

 

                สำหรับ ท่าแรก ของเรา นั้นกืคือ ท่าไหล่ดัน ( Shoulder Presses ) เป็นท่าที่ ต้องบอกเลยว่า นักมวยมืออาชีพ ใช้สร้างกล้ามเนื้อ หัวไหล่ได้อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลัก คือ ดัมเบล ( Dumbbell ) ถ้าหากไม่มีจะใช้ เป็นขวดน้ำก็ได้ แล้วจับให้มั่นจากนั้น ดันขึ้นเหนือหัว ละลง อย่างต่อเนื่อง

 

วิดพื้นแบบตบมือ ( Clap Press – Up )

 

                ท่านี้ เราต้องบอกเลยว่า เป็นท่าที่ ใคร ๆ หลาย ๆ คนต้อง เคยผ่านตา หรือ เคยทำกันมาอย่างแน่นอน นั้นก็คือ ท่า วิดพื้นแบบตบมือ ( Clap Press – Up ) เป็นวิธีการ ที่ นักมวยมืออาชีพ ใช้ ออกกำลังกาย ที่ง่าย และ สามารถทำตอนไหนก็ได้ ท่านี้ไม่ได้เพิ่มแค่ ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยปรับเรื่องของ Body Balance ที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับนักมวย

 

แพลงค์ ( Plank )

 

ต่อไป เป็นท่าที่ทำยาก และทรมานที่สุด พอสมควร และเราบอกเลยว่า ถ้าทำได้ คุณจะมีหุ่นที่รีน อย่างมาก นั้นก็ เพราะต้องอาศัย ความแข็งแรง ของร่างกาย ในหลาย ๆ ส่วน และสำหรับ เป็นท่านักมวยมืออาชีพทุกคน ให้ความสำคัญ ลองทำควบคู่กับการ Crunches และ Sit Up จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น Plank จะเสริมสร้างความแข็งแรง ของร่างกายส่วนกลาง ให้ทนต่อหมดหนัก ๆ ของคู่ต่อสู้

 

คาร์ดิโอ ( Cardio )

 

                โดย ปกติแล้ว สำหรับ ถ้าอยากมีหุ่นที่ฟิต แบบ นักมวยมืออาชีพ ต้องเริ่มจาก คาร์ดิโอ ( Cardio )  เพื่อให้ร่างกายของเรา นั้น เกิดความ แข็งแรง ทำโดยการ ซิทอัพ วิ่ง กระโดดเชือก ต้อง การที่จะ ฝึกแบบการกระโดด ที่หลากหลาย และ รวมไปถึง การฝึกความแข็งแรง ของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เช่น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อ หลังแขน การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอล เทรนนิ่งในท่าทางต่าง ๆ

 

ท่าสควอช ( Squat )

 

                สำหรับ สาว ๆ คงจะถูกใจ ท่านี้ กันอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นท่า ที่ช่าวยในเรื่องของการ เสริมในส่วน ของขา ของเรา ให้ดูเล็ก ดูเรียว สำหรับ ท่าสควอช ( Squat ) เป็นการ ออกกำลังกาย ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรง ของร่างกายในส่วนล่าง เพราะนักมวยมืออาชีพ จะต้องมีการยืนที่มั่นคง พร้อมที่ปล่อยหมัด เพื่อรุกผู้ต่อสู้ ได้ตลอดเวลา หากทำท่า Squats ร่วมกับ ท่าบริหารสะโพกส่วนอื่น ให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีช่วงล่าง ที่แข็งแรงแน่นอน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

 

Skipping

 

                สำหรับ ท่า Skipping จะ เป็นการหลบหลีก หมัดของคู่ต่อสู้ โดยการที่เรา ต้อง อาศัยความว่องไว อย่างมาก ของ Foot work โดยการที่เรานั้น สามารถเริ่ม ทำได้ง่าย ๆ โดย มีเชือกเส้นเดียวกับลานโล่ง ๆ Skipping เป็นสิ่งสำคัญของ นักนักมวยมืออาชีพ จะขาดไม่ได้ในเวลาซ้อม และยังเป็นท่าที่ใช้ รักษาสภาพร่างกาย ให้พร้อมอยู่เสมอ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

มวยไทย

ศิลปะ ไม้มวยไทย สำหรับ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะ ไม้มวยไทย หมายถึง ท่าทาง ของการ ผสมผสาน ในการ ใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุก หรือ การรับ ในการ ต่อสู้ด้วย ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งต้อง อาศัย ความชำนาญ ในการใช้ ทักษะ มวยไทย ( Muay Thai ) เบื้องต้น ผ่านการ ฝึกต่าง ๆ

การใช้ ไม้มวย ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ผสมผสาน ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก และ ศิลปะ การป้องกัน และ โต้ตอบ ที่ขึ้นอยู่กับ ครูมวย แต่ละ สำนัก ที่คิด ปรับเปลี่ยน ดัดแปลง เพื่อนำไปใช้ ให้ได้ผล แล้วตั้งชื่อ ท่ามวย ตามลักษณะ ท่าทาง ให้จดจำ ได้ง่ายขึ้น เมื่อมี ท่ามวย มากขึ้น จึงต้อง จัดแบ่ง เป็นหมวดหมู่ หรือ ตั้งชื่อ ให้คล้องจอง เพื่อลูกศิษย์ ได้จดจำ ไม่ลืมง่าย

 

ในอดีต มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่มีการ ใส่นวม แต่จะ ชกกัน ด้วยมือเปล่า จึงสามารถ จับคู่ต่อสู้ เพื่อทุ่ม ทับ จับ หักได้ นักมวย จึงต้องใช้ ชั้นเชิง ในการ ต่อสู้ มากกว่า การใช้ พละกำลัง จึงเกิด ท่ามวย ขึ้นมากมาย ต่อมา มีการ กำหนดให้ นักมวย ใส่นวม ในขณะ ขึ้นชก เหมือนกับ มวยสากล และ มีการ ออกกฎ กติกาต่าง ๆ เพื่อเป็นการ ป้องกัน อันตราย ที่อาจ เกิดขึ้นกับ นักมวย และ ง่ายต่อการ ตัดสิน ซึ่งท่ามวย ที่มีมา แต่อดีต บางท่า จึงไม่สามารถ นำมาใช้ได้ ทำให้ ท่ามวย บางท่า ถูกลืมเลือน ไปในที่สุด

ครูบาอาจารย์ มวยไทย ( Muay Thai ) ในสมัย โบราณ และ ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้จัดแบ่ง ประเภทของ ไม้มวยไทย ไว้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ครูมวย แต่ละท่าน ถึงแม้ว่า บางท่า จะมี ชื่อเรียก เหมือนกัน ก็ตาม ไม้มวยไทย ที่มีการ กล่าวถึง ในตำรา มวยไทย ( Muay Thai )หลายตำรา ได้แบ่ง ลักษณะ ไว้อย่าง ชัดเจน คือ แบ่งตาม ลักษณะ การแก้ ทางมวย การจู่โจม ที่เรียกว่า กลมวย แบ่งตาม ลักษณะ การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เรียกว่า เชิงมวย บางตำรา แบ่งเป็น แม่ไม้ ลูกไม้ หรือ แบ่งเป็น ไม้ครู ไม้เกร็ด ไม้ครู ซึ่งหมายถึง ไม้สำคัญ เป็นไม้หลัก ที่ครูเน้น ให้ลูกศิษย์ ทุกคน ทำให้ได้ และ ทำให้ คล่องแคล่ว ชำนาญ เพราะเมื่อ ทำได้ และ มีความ ชำนาญ ก็สามารถ แตกไม้ครู ออกเป็น ไม้เกร็ด ได้อีก มากมาย

 

เพราะฉะนั้น ศิลปะ ไม้มวยไทย สำหรับ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็น เรื่องพื้นฐาน ที่ต้อง เรียนรู้

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย การออกกำลังกาย สารพัดประโยชน์

การใช้เข่า ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย การออกกำลังกาย สารพัดประโยชน์

มวยไทย การออกกำลังกาย สารพัดประโยชน์

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่มีประโยชน์ หลากหลายด้าน ไม่ว่าว่าจะเป็น ในเรื่องของ การป้องกันตัว ร่างกายแข็งแรง และ ก็ยังมี ประโยชน์ อีกหลาย ๆ ด้าน ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ มาดูกันว่า มวยไทย ( Muay Thai ) จะมีประโยชน์ ที่ช่วยเราได้ขนาดไหน ไปดูกันเลยครับ

 

ถ้าหากพูดถึง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เป็นที่กีฬา ที่เราได้ยิน และ คุ้นเคย กันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ศิลปะ การป้องกันตัว ที่เป็นจุดเด่น และ เป็น เอกลักษณ์ ของกีฬา ประเภทนี้ นอกจากนี้ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา ที่ช่วย พัฒนาสุขภาพ ร่างกายให้แข็งแรง แม้ว่าหลาย ๆ คนจะนึกถึง มวยไทย ( Muay Thai ) ในด้านของการต่อสู้ สิ่งสำคัญ กีฬาประเภทนี้ มีข้อดี และ มีประโยชน์หลายอย่าง เพราะฉะนั้น ไม่รอช้า เราไปดูกันเลยครับ ว่าการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จะมีประโยชน์ อะไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ

1. ป้องกันออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับ หนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งโรคนี้ เป็นโรคที่ส่งผล ในระยะยาว และ ความน่ากลัวของ โรคออฟฟิศซินโดรม ก็คือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการ ป้องกัน ไม่ให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรม การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นประจำ ถือว่า ช่วยได้เป็นอย่างดร เพราะว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ มีการใช้กล้ามเนื้อ ทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะ การยืด แชะ การเหยียด ที่เป็นการ ออกกำลังกาย แบบลดความเสี่ยง ในการเกิดโรค นอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยในเรื่องของ การพัฒนากล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อ มีความแข็งแรง

 

2. ลดน้ำหนัก

มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ หลาย ๆ คนรู้ดีอยู่แล้วว่า ลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ เพื่อน ๆ ชาวออฟฟิศ ที่อยากออกกลังกาย แต่ไม่อยาก เข้าฟิตเนส ไม่อยากวิ่ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่าเป็นกีฬา ที่ช่วยลดความอ้วน ได้เป็นอย่างดี เลยนะครับ เพราะว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ มีการเผาผลาญ แคลอรี่ที่สูง กว่ากีฬาทั่ว ๆ ไป หากต้องการ ลดน้ำหนัก ก็ต้อง  มวยไทย ( Muay Thai ) นะครับ

3. คลายเครียด

 มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนึ่งกีฬาที่ช่วย คลายความเครียด ได้เป็นอย่างดี หรือ เรียกได้ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ใช้ในการระบายอารมณ์ ก็ว่าได้ จึงไม่แปลก ว่าทำไม กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ทำไมถึงเป็นที่นิยม และ เป็นกีฬา ที่ฮิตตลอดการ

 

4. ร่างกายแข็งแรง

หลาย ๆ คนรู้ดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกาย ทำให้ร่างกาย ของเรา มีความแข็งแรง แต่กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ทำให้ร่างกาย ของเราแข็งแรง มากกว่า กีฬาทั่ว ๆ ไป เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้อง มีการปะทะ จึงทำให้ร่างกาย แข็งแรงกว่าปกติ นั่นเองครับ

 

นี่ก็คือ ประโยชน์ ที่ได้จากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากจะฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็สามารถ ติดต่อ และ ดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ทาง www.jaroeanthongmuaythairatchada.com  มีครูมวยมีอาชีพที่พร้อมสอน และ อุปกร์ในการฝึก คุณภาพดี

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยท่าเสา มวยไทย ( Muay Thai ) โบราณ ของภาคเหนือ

การใช้เข่า ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย

การใช้เข่า ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

การตีเข่า หรือ การใช้เข่า เป็นอาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) อีกชนิดหนึ่ง ที่มีความรุนแรง เมื่อพับเข่า รวมกับ ขาส่วนล่าง ซึ่งมี กล้ามเนื้อน่องอยู่ จะทำให้ เข่าที่ตี ออกไป มีความรุนแรง แต่เนื่องจาก เข่านั้น เป็นอาวุธสั้น จึงใช้ได้ ในระยะ ประชิด เท่านั้น

การตีเข่า ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ให้เหยียด ปลายเท้าตรง ขางอ พับเฉียง ออกด้านนอก เล็กน้อย มีแรงส่ง จากสะโพก เอว สู่เข่า เมื่อปะทะ กับ เป้าหมาย ให้เน้นที่ ปลายเข่า ซึ่งเข่า แบ่งออก เป็น 4 ชนิด ดังนี้

 

1) การตี เข่าตรง ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เป็นการ ใช้เข่า เคลื่อนที่จาก จุดเริ่มต้น ไปกระทบ เป้าหมาย ที่เป็น แนวตรง หรือ วิถีทางตรง หรือ ล้ำไป ข้างหน้า โดยจะมี แรงส่ง จากสะโพก เอว ไปยัง ปลายเข่า เป้าหมาย คือ ที่หน้าท้อง ลิ้นปี่ หน้าอก ปลายคาง ใบหน้า เป็นต้น ซึ่งการตี เข่าตรง มี 2 ลักษณะ คือ

- เข่าตรง ตีนำ หรือ เข่าหน้า เป็นการ ตีเข่า ที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่ ยืนท่าคุมมวย การตีเข่า ด้วยเข่าซ้าย หรือ เข่าหน้า เรียกว่า เข่าตรงตีนำ

- เข่าตรง ตีตาม หรือ เข่าหลัง เป็นการ ตีเข่า ตรงที่อยู่ ด้านหลัง หรือ เข่าที่ถนัด ในขณะที่ ตั้งท่า จดมวย การตี ด้วยเข่า ที่อยู่ด้านหลัง จะเรียกว่า เข่าตรงตีตาม หรือ เข่าตรงหลัง

 

2) การตี เข่าเฉียง ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เป็นการ ตีเข่า ที่มีวิถี เฉียงขึ้น จากจุดเริ่มต้น ที่เข่าอยู่ไ ปจนถึง เป้าหมาย หากตีเข่าซ้าย จะตีเข่า ลักษณะ เฉียงมา กระทบกับ เป้าหมาย ลำตัวเอน ไปด้านหลัง เล็กน้อย มีแรงส่ง จากสะโพก เอว สู่ปลายเข่า เป้าหมาย จะอยู่ที่ ท้อง ลิ้นปี่ หน้าอก ปลายคาง ใบหน้า หากตีเข่า เฉียงขวา จะตีเข่า ในลักษณะ เดียวกันกับ การตีเข่า แบบเฉียงซ้าย

3) การตี เข่าโค้ง ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เป็นการ ตีเข่า ในวิถีโค้ง ตีเข่า จากบนลงล่าง ปะทะกับ เป้าหมาย ให้ปลายเท้า เหยียดตรงกับขา และ เข่า

 

4) การตี เข่าตัด ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

เป็นเข่า ที่มีทิศทาง การตีเข่า ผ่านจาก ด้านขวาไปซ้าย หรือ ด้านซ้ายไปขวา ขนานกับพื้น ปลายเท้า จะเหยียดตรง งอขาเล็กน้อย มีแรงส่ง จากสะโพก เมื่อส่วน ของหัวเข่า ปะทะ เข้ากับ เป้าหมาย เข่า ขา และ ปลายเท้า เป็นเส้นตรง ขนานกับพื้น

 

การใช้เข่า ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงแม้จะเป็น อาวุธสั้น ในระยะประชิด แต่ก็ควรฝึกไว้ เพื่อในยามคับขัน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยท่าเสา มวยไทย ( Muay Thai ) โบราณ ของภาคเหนือ

ป้องกันออฟฟิศซินโดรมด้วย มวยไทย

มวยไทย

มวยท่าเสา มวยไทย ( Muay Thai ) โบราณ ของภาคเหนือ

มวยท่าเสา เป็นสาย มวยไทย ( Muay Thai ) ทางภาคเหนือ ที่ไม่มี หลักฐาน ชัดเจนว่า มวยท่าเสา กำเนิดขึ้น เมื่อใด และ ใคร เป็นครูมวย คนแรก แต่จาก หลักฐาน ที่เห็นอยู่ ทำให้ ทราบว่า ครูมวยท่าเสา ที่มีชื่อเสียง โด่งดัง คนหนึ่ง คือ ครูเมฆ

ครูเมฆ ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ในเรื่องของ ความคล่องแคล่ว ว่องไว รวดเร็ว เด็ดขาด มีลีลา ท่าทาง ที่สวยงาม และ มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ไม้เตะ ถีบ และ ศอก เป็นที่ลือ กระฉ่อน จนกระทั่ง นายทองดี ถึงกับ ปฎิญาณตนว่า จะต้องมา ขอเรียน ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) กับสำนัก ท่าเสาให้ได้ และ จากนั้น ก็ได้มา เป็นลูกศิษย์ ของครูเมฆ ผู้ประสิทธิ ประสาทวิชา มวยไทย ( Muay Thai ) ให้แก่ นายทองดี ซึ่งได้นำ ความรู้ ที่ได้รับ ไปผสมผสาน กับมวยจีน อีกด้วย

 

เมื่อนายทองดี ได้เป็น เจ้าเมือง พระยาพิชัย ก็ได้มา คารวะ ครูเมฆ และ แต่งตั้ง ให้ครูเมฆ เป็นกำนัน ปกครอง ตำบลท่าอิฐ ต่อไป อีกทั้ง ครูเมฆ ยังได้ ถ่ายทอดวิชา มวยไทย ( Muay Thai ) ให้แก่ ผู้สืบสกุล ต่อมา จนถึง ครูเอี่ยม ครูเอี่ยมนั้น ก็ถ่ายทอด มวยไทย ( Muay Thai ) แก่ผู้สืบสกุล คือ ครูเอม และ ครูเอม ก็ถ่ายทอด มวยไทย ( Muay Thai )  แก่ผู้สืบสกุล คือ ครูอัด  คงเกตุ ซึ่งเมื่อ ครูอัด  คงเกตุ และ ลูกศิษย์ มาชกมวย ในกรุงเทพฯ ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 ได้ใช้ซื่อ ค่ายมวยว่า เลือดคนดง

เอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา คือ การไหว้ครู จะไหว้ พระแม่ธรณี ก่อนทำ พิธีไหว้ครู การไหว้ ครูมวยท่าเสา จะไหว้ บรมครูก่อน นั่นก็คือ พระอิศวร เพราะถือว่า พระอิศวร เป็นผู้ประสิทธิ ประสาท วิชา ในการต่อสู้ แบบฉบับ มวยท่าเสา และ การกราบ พระรัตนตรัย จะกราบใน ทิศหรดี หรือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศ ที่ผีฟ้า ไม่ข้าม

 

การนับหน้าไหว้ครู ไปทาง ทิศตะวันออก ซึ่งเป็นไป ตามประเพณี ของพราหมณ์ ในการ ได้เห็นหน้า โบราณสถาน หรือ สถานที่ อันศักดิ์สิทธิ์ สอดคล้อง กับความเชื่อว่า บรมครูของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา มีพระอิศวร และ ทิศตะวันออก เป็นทิศที่พระอาทิตย์ ส่องแสง มายังโลก และ มวลมนุษย์ ก็เป็นสัญลักษณ์ ของวันใหม่ และ จุดเริ่มต้น ที่เป็นมงคล หรือ นักมวย ก่อนกราบ จะหันหน้า เข้าหา ดนตรี ปี่ กลอง เพราะถือว่าดนตรี ปี่ กลอง ได้ไหว้ครู หรือ พระอิศวรแล้ว เช่นกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา เป็นมวยโบราณของภาคเหนือ ที่มีเอกลักษณ์ และ โดดเด่นไม่น้อยเลย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ป้องกันออฟฟิศซินโดรมด้วย มวยไทย

คุณค่า ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai )

ป้องกันออฟฟิศซินโดรมด้วย มวยไทย

ป้องกันออฟฟิศซินโดรมด้วย มวยไทย

ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) เป็นอาการป่วย ที่มักจะเกิด กับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ เป็นส่วนใหญ่ และ โรคนี้ ไม่ได้ส่งอะไรร้ายแรงมาก แต่เป็นโรคที่ ส่งผลระยะยาว โดยเฉพาะ การใช้ชีวิต ในแต่ละวัน เพราะฉะนั้น เราจึงควรป้องกัน โรคออฟฟิศซินดดรม ด้วยการออกกำลังกาย อย่าง การใช้ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

 

ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) เป็นโรคที่ หนุ่มสาว ชาวออฟฟิศหลาย ๆ คน ต่างกลัว ที่จะเป็นโรคนี้ เนื่องจาก โรคนี้ เป็นโรค ที่ส่งผล ต่อการใช้ชีวิต ในระระยาว เนื่องจากการทำงาน การนั่งผิดท่าต่าง ๆ ทำให้ป่วย ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) และ ส่วนใหญ่ ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) ก็มักจะเกิดขึ้นกับ พนักงานออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็น วัยไหน ก็สามารถ เกิดได้หมด ไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่น หรือว่า วัยกลางคน และ วัยผู้ใหญ่ ก็ควรที่จะ มีการป้องกันเอาไว้ นะครับ เพราะการที่คุณ เป็นโรค ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) ปัญหาด้านสุขภาพ และ ปัญหาการใช้ชีวิตต่างๆ ก็จะตามมาเช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรที่จะ หาวิธีแก้ซึ่ง กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ที่ทำใหคุณนั้น ห่างไกลจาก ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) ได้นั่นเองครับ อาการออฟฟิศซินโดรม

1. ปวดตามจุดต่าง ๆ

ซึ่งอาการของ ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) นั้นจะมีอาการปวด ที่เป็นอาการปวดกว้าง ๆ ไม่สามารถบอกได้ว่า ปวดจุดไหน แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะปวดที่ บริเวณ คอ บ่า ไหล่ และ สะบัก

 

2. ปวดศีรษะ

อาหารปวกศีรษะ มาจากการที่ จ้องหน้าจอ เป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลให้ เกิดาการปวดศีรษะ และ อาจจะทำใ มีอารการ ปวดไมเกรน ตามมาด้วยว นะครับ 3. ปวดตึงที่ขาอาการปวดตึงที่ขา เกิดจากการนั่ง ท่าเดิม และ การนั่งผิดท่า เป็นเวลานาน ๆ ทำให้เกิดอาการชา อาการตึง เนื่องจาก เส้นเลือดถูกกดทับ จึงทำให้ เลือดมีการไหลเวียน ได้ไม่สะดวก นั่นเองครับ

 

มวยไทย ช่วยป้องกันได้อย่างไร

เนื่องจาก แนวทางการรักษา และ ป้องกัน ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) ก็คือ การออกกำลังกาย แบบยืด และ เหยียด กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็น กีฬา และ เป็นการออกกำลังกานย ที่ต้อง มีการายืด และ เหยียดกล้ามเนื้อ ไปพร้อม ๆ กัน และ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็น อีกหนึ่งกีฬา ที่ต้องมีการยืด เหยียด และ ยังได้ฝึกความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ อีกด้วยนะครับ ดังนั้น หากต้องการ ป้องกัน การเกิดโรค ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) มวยไทย ( Muay Thai ) จึงถือได้ว่า เป็นตัวช่วยที่ดี เลยนะครับ ท่าที่ใช้ในการป้องกันโรค ออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome )

1. ท่าหมัดตรง

แม้ว่าท่านี้ จะเป็นท่าง่าย ๆ ที่ไม่ได้ มีความซับซ้อนอะไร แต่ก็เป็นท่า ที่ช่วยได้เยอะมาก ๆ เพราะว่า การผล่อยหมัดตรงนั้น จะเป็นการ บริหารร่างกาย ใยส่วนของแขน และ สะบัก ทำให้ สะบักไม่ติด แบะ ยังเป็น การความแข็งแรง ให้กับ กล้ามเนื้อแขน อีกด้วยนะครับ

2. ท่าเตะกลางลำตัว

การป้องกัน โรคออฟฟิศซินโดรม ( Office Syndrome ) ที่ดีนั้น คือ เราจะต้อง มีการบริหารกล้ามเนื้อ ทั่งร่างกายของเรา การเตะนั้น จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อหลัง และ สะโพก เนื่อง จาก การเตะนั้น จะต้องอาศัย การบิดตัว โดยใช้กล้ามเนื้อหลัง และ สะโพก หากกมีการ เตะ กระสอบทราย อยู่เป็นประจำ ก็จะช่วย บลดอาการ ปสดหลัง ได้เป็นอย่างดี แต่ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน ที่มีอาการ ปวดหลังอยู่แล้ว ก็ควร ที่จะปรึกษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน นะครับ เพราะไม่อย่างงั้น ก็อาจจะทำให้ เป็นอันตรายได้ 

 

แม้ว่า สองท่านี้ จะดูเหมือนกับส่า ช่วยอะไรไม่ได้ หากเพื่อน ๆ  ได้ลองเรียน หรือ ลองซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อน ๆ ก็จะรู้เลยว่า เพียงแค่ สองท่านี้ ก็เพียงพอ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทำไมต้องทานโปรตีนหลังซ้อม มวยไทย

คุณค่า ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย

คุณค่า ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การต่อสู้ ประจำชาติไทย ที่ถือเป็น มรดก ที่ตกทอด มาจาก บรรพบุรุษ ที่คนไทยนั้น สมควรจะ รู้จัก ที่จะศึกษา เพื่อเป็นการ สืบทอด อนุรักษ์ และ เผยแพร่ ให้คนรุ่นใหม่ สืบสาน ต่อไป ในอนาคต อีกยาวนาน

ผู้ที่ได้ รับการ ศึกษา ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจาก จะเป็น ผู้ที่ได้ ชื่อว่า รักษา มรดก ทางวัฒนธรรม ของชาติไทย ไว้แล้ว วิชา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นวิชา ที่ทำให้ ผู้เรียนนั้น มีร่างกาย ที่แข็งแรง มีไหวพริบ ที่ดี ในการ ต่อสู้ สร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ตนเอง มีประโยชน์ ในการ ป้องกันตัว ทั้งตนเอง และ ผู้อื่นได้  และ สามารถ ใช้ประกอบ อาชีพได้ อีกด้วย

 

การสอน ของครูมวย จะต้องอบรม ให้ผู้เรียน วิชา มวยไทย ( Muay Thai ) มีศิลปะ ในการ ต่อสู้ มีจังหวะ ทั้งการรุก และ การรับ  ฝึกฝน ให้มี น้ำใจ เป็นนักกีฬา  รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เคารพ ผู้ที่อาวุโสกว่า  ไม่รังแก คนที่อ่อนแอกวาา  ไม่ประมาท คู่ต่อสู้  และ มีเลือดนักสู้  ที่จะไม่ยอมแพ้ อย่างง่าย  ๆ  สิ่งเหล่านี้ ผู้สอน จะต้อง สร้างเสริม ปลูกฝัง  หลอมรวม  ให้กลายเป็น วิญญาณ ของนักสู้ นั่นเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การต่อสู้ ที่ทำ ให้คนเป็น นักสู้ อย่างมี ไหวพริบ ทั้งใน การรุก และ การรับ  ในเวลา ที่เผชิญหน้า กับอันตราย มีสติมั่นคง และคิดหาทาง ป้องกันตัว หรือ หลบหลีก อันตรายได้

ประโยชน์ ที่จะได้รับ จากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้ร่างกาย มีสมรรถภาพที่ดี  สมส่วน  มีภูมิต้านทาน ของโรคที่สูง

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้มี จิตใจ ที่เข้มแข็ง  มีความสุขุม ความรอบคอบ มีความอดทน

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยป้องกันตัว และ เป็นประโยชน์ ต่อสังคม ในชีวิตจริง

4. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้มี ความเชื่อมั่น ต่อตนเอง มีระเบียบวินัย กล้าหาญ

5. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้ดำรง ศิลปะการต่อสู้ ประจำชาติไทย ให้คงอยู่ต่อ อีกยาวนาน

6. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้มี ไหวพริบที่ดี  เชาว์ปัญญา สามารถ แก้ปัญหา เฉพาะหน้าได้

7. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้มี ความเป็น สุภาพบุรุษ ไม่กระทำ ในสิ่งที่ สังคม ไม่ยอมรับ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีคุณค่า และมีประโยชน์ที่ดี ที่สมควรถูกรักษาเอาไว้ เพื่อในอนาคตภายภาคหน้า

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทำไมต้องทานโปรตีนหลังซ้อม มวยไทย

นายขนมต้ม กับ มวยไทย ที่เลื่องลือมาช้านาน

ทำไมต้องทานโปรตีนหลังซ้อม มวยไทย

ทำไมต้องทานโปรตีนหลังซ้อม มวยไทย

หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เรามักจะได้ยินมาบ่อย ๆ ว่าให้ทานโปรตีนเยอะ ๆ หรือ ทานอกไก่ต้ม ทานไข่ต้ม ซึ่งอาหารเหล่านี้ ส่งผลอะไร ต่อการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ทำไมเราต้องทาน เป็นเพราะอะไรนั้น เราไปดูกันกันเลยครับ

 

ทานโปรตีน หลังจากการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นคำแนะนำ ที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อย ไม่ว่าจะเป็น จากเพื่อนร่วมคลาสเรียน คำแนะนำจากครูสอน มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ ไปอ่านมากอินเทอร์เน็ตก็ตาม Jaroeanthong Muay Thai Ratchada เชื่อว่า มีหลาย ๆ คนที่สงสัยว่าทำไมต้องทานโปรตีน ( Protein ) หลังจากซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ดังนั้น เราไปดูกันเลย ว่าเพราะเหตุผล อะไรทำไมเราถึง ต้องทานโปรตีน( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

 

 

1. สร้างกล้ามเนื้อ

การสร้างกล้ามเนื้อนั้น เป็นเรื่อง ที่หลาย ๆ คนรู้อยู่แล้ว่า โปรตีน ( Protein ) ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และ สาเหตุที่เรา ต้องทาน โปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นเพราะว่า ในขณะ ที่เรากำลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ร่างกายของเรา ได้มีการเผาผลาญไขมัน และ สารอาหารอื่น ๆ ควยคู่ไปด้วย เพื่อให้เป็นพลังงาน กับร่างกาย เมื่อพังงานหลักหมดแล้ว ร่างกายของเรา จะมีการเผาผลาญ กล้ามเนื้อในร่างกาย เพื่อมาให้เป็นพลังงาน ดังนั้น การที่เราทานโปรตีน ( Protein ) เข้าไปก็เป็นเพราะว่า เพื่อเป็น การทดแทน โปรตีน ( Protein ) ในร่างกาย ที่เสียไป นั่นเองครับ

 

2. ลดอาการล้าหลังจากซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

หลังจากซ้อม เนื่องจาก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องออกแรงเยอะ และ ใช้พลังงานเยอะ ทำให้เหนื่อยมากกว่าปกติ ดังนั้น การทานโปรตีน ( Protein ) จะเป็นการเพิ่ม พลังงานให้กับร่างกาย และ กล้ามเนื้อ ของคุณ ทำให้มีแรงที่เพิ่มมากขึ้น และ ลดอาการล้า ได้เป็นอย่างดีนั่นเองครับ เพราะฉะนั้น การทานโปรตีน ( Protein ) หลังจากซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นเรื่อง ที่สำคัญมาก ๆ อีกทั้ง การทานโปรตีน ( Protein ) ยังช่วยลดอาการล้า อาการเหนื่อย ระหว่างวัน ได้อีกด้วยนะครับ

 

 

3. เพิ่มความอึด

เนื่องจาก มวลกล้ามเนื้อในร่างกาย ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) มีความอึดขึ้นที่เพิ่มมากขึ้น นั่นเองครับ หากเพื่อน ๆ ต้องการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ให้นานมากขึ้น ก็ควรที่จะ ทานโปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ทุกครั้ง หรือ จะทานโปรตีน ( Protein ) ก่อนซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ได้นะครับ ก็จะเป็นการเพิ่มความอึด ที่มากขึ้นไปอีก

 

4. ลดน้ำหนักได้ดี

สิ่งสำคัญ ที่ต้องทานโปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นเพราะว่า การทาน โปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นจะช่วยลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก กล้ามเนื้อ ไปแทนที่ไขมัน  ไม่เพียงแต่ทำให้ น้ำหนักลดลงเท่านั้น นะครับ ยังทำให้หุ่นเปลี่ยนอีกด้วย นะครับ เพราะฉะนั้น เพื่อ ๆ ที่ต้องการ ลดน้ำหนัก ให้เห็นผล การทานโปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยได้เลยเลยนะครับ

 

 

5. ร่างกายมีการฟื้นตัวได้ดี

เนื่องจากฟื้นตัวของร่างกาย ร่างกายจะใช้  โปรตีน ( Protein ) ในการสร้าง ซ่อมแซม และ ฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้น เราต้องทานโปรตีน ( Protein ) หลังซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ทุกครั้ง นั่นเองครับ 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

นายขนมต้ม กับ มวยไทย ที่เลื่องลือมาช้านาน

ปั้นกล้ามสวยด้วย มวยไทย

 

นายขนมต้ม กับ มวยไทย ที่เลื่องลือมาช้านาน

นายขนมต้ม กับ มวยไทย ที่เลื่องลือมาช้านาน

สำหรับคนไทยที่รู้จัก มวยไทย ( Muay Thai ) หรือไม่รู้จัก หลาย ๆ คนต้องรู้จัก นายขนมต้ม แน่นอน เพราะถือว่าเป็น คนไทย ที่โด่งดังมาจนถึงปัจจุบันกับ มวย ที่ใช้ในการต่อสู้กับชาวพม่า ในช่วงอดีตที่มีการทำสงครามระหว่างไทยกับพม่านั้นเอง

 

รู้จัก นายขนมต้ม

มีการบันทึกไว้ ประมาณปี พ.ศ. 2293 ว่า นายขนมต้ม เป็นบุตรของนายเกิด และนางอี่ มีพี่สาวชื่อนางเอื้อย เกิดที่ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายขนมต้มมีชื่อเสียงใน เชิงมวย และ มวยไทย ( Muay Thai ) ปัจจุบันมีการกำหนดให้วันที่ 17 มีนาคม เป็น วันมวยไทย เพื่อเป็นเกียรติประวัติต่อ นักมวยไทย ( Muay Thai ) ที่เคยมีชื่อเสียงแก่ประวัติศาสตร์ไทย นอกจากนี้ ชาวพระนครศรีอยุธยาได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นายขนมต้ม ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงอยู่ ไม่ขาดหาย มียิมฝึกสอน มวย ( Muay Thai ) มากมายในประเทศไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความโดดเด่นด้านเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดของประเทศไทย ที่จะใช้หมัด , เท้า , ศอก , แขน, ท่อนล่าง , แข้ง , เข่า , ฝ่ามือ , ฝ่าเท้า , ศีรษะ และลำตัวในการต่อสู้ มวยไทย เป็นมรดกที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่อดีต สามารถเป็นได้ทั้งศิลปะที่ใช้ในการต่อสู้ และป้องกันตัว แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่า เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ หรือในสมัยไหน แต่ถือว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยเช่นเดียวกับ ยูโดและคาราเต้ของญี่ปุ่น กังฟูของจีน และเทควันโดของเกาหลี มวยไทย สืบทอดมาจาก มวยโบราณ โดย มวยไทย มีความแต่งต่างในแต่ภาคของไทย โดยมีสายหลักๆ เช่น มวยท่าเสา (ภาคเหนือ) , มวยโคราช (ภาคอีสาน) , มวยไชยา (ภาคใต้) , มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) เป็นต้น

มวยไทย ( Muay Thai ) มีวิวัฒนาการมาหลายชั่วอายุคน  หลายยุคหลายสมัย สำหรับ มวยไทย นั้นไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเป็นได้ ต้องได้รับการฝึกฝน ฝึกซ้อม เรียนรู้ก่อน ถึงจะสามารถเรียกไทยว่าเป็น มวยไทย ซึ่งเราก็ได้รับการฝึกสอนมาจาก ครูมวยไทย ที่ท่านจะสอนท่าทาง วินัย ทำให้เราเป็น มวยไทย ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเราเคยมี ครูไทย ที่มีชชื่อเสียง และถูกจารึกไว้ดังนี้

 

ครูมวยไทย ที่มีชื่อเสียงใน ยุคอดีต

- กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

- ยัง หาญทะเล

- นิล ปักษี

- หลวงวิศาลดรุณกร (อั๋น สาริกบุตร)

- ครูสุนทร (กิมเส็ง) ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์

- ปรมาจารย์ตันกี้ ยนตรกิจ (เตี่ย) ค่ายยนตรกิจ

- ครูเขตร ศรียาภัย

ครูมวยไทย ที่มีชื่อเสียงใน ยุคปัจจุบัน

- ครูแสวง ศิริไปล่ (ว.พลศึกษา) - เสียชีวิตแล้ว

- ครูบัว วัดอิ่ม (วัดอิ่ม) - เสียชีวิตแล้ว

- ครูสนอง รักวานิช (ค่ายเมืองสุรินทร์) - เสียชีวิตแล้ว

- ครูไฉน ผ่องสุภา (ค่ายศศิประภายิม) - เสียชีวิตแล้ว

- ครูชาติชาย (สำนักดาบอาทมาฎนเรศวร)

- ครูวิชิต ชี้เชิญ

- ครูสงวน มีระหงษ์

- ครูปราโมทย์ หอยมุกข์ (ค่ายหนองกี่พาหุยุทธ์) บุรีรัมย์

- ครูเลาะห์ มะลิพันธ์ (ค่ายศิษย์ขุน) สงขลา

- ครูครื้น อรัญดร (ค่ายชำณาญวารี) หาดใหญ่

- ครูหมู ผุดผาดน้อย วรวุฒิ

- ครูชาญณรงค์ สุหงษา

- ครูอำนวย เกษบำรุง (โรงเรียนมวยไทยนานาชาติ) รังสิต

- ครูวิชิต ไพรอนันต์ (ฉลามขาว)

- ครู สุรัตน์ เสียงหล่อ (ค่ายเดชรัตน์)

- ครูยุทธนา วงษ์บ้านดู่

- ครูเล็ก (บ้านช่างไทย)

- ครูเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง

- ครูมัด (บ้านภูวศักดิ์)

- ครูอาจารย์ชัย ศิริสูตร

- ครูอำนาจ พุกศรีสุข

- ครูทวีพงษ์ ชัยกูล ลุงรักชาติราชบุรี (ศูนย์ศึกษาพาหุยุทธ์ชาวสยาม)

- ครูโด่ง รางพิกุลน้องโด่ง ดึงดาว

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 ท่ามวยไทยสลายไขมัน

ปั้นกล้ามสวยด้วย มวยไทย

ปั้นกล้ามสวยด้วย มวยไทย

ปั้นกล้ามสวยด้วย มวยไทย

ในปัจจุบัน การมีหุ่นที่ดี ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ไม่ใคร ๆ ก็ต่างต้องการ เพราะด้วย กระแสของการดูแลสุขภาพ ทำให้ การมีหุ่นที่ดี โดยเฉพาะผู้ช้าย การมีกล้าม กลายเป็นเรื่อง ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องการมี เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปปั้นกล้ามสวยด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

 

 

ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต่างมีความใฝ่ฝัน ที่อยากที่จะ มีหุ่นที่ดี หากเป็นผู้หญิง ก็อยากที่จะ มีกล้าหุ่นที่ดี ผอมเพรียว หรือ จะเป็นผู้ชายหลาย ๆ คนก็อยากที่จะมี กล้ามที่ เพราะด้วย เรื่องของ เทรนด์สุขภาพ ที่ทำมาแรงมาก ๆ และ เทรนด์การดูแลหุ่น ก็กำกำลัง เป็นที่นิยม จึงทำให้ผู้ชาย และ ผู้หญิง ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ก็ต่างอยากมี หุ่นที่ดี อยากมีกล้ามเนื้อ ที่สวยจึงทำให้ หาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อให้มีหุ่นที่ดี มีหุ่นที่สวย ก็คือ การเข้าฟิตเนส แต่วันนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปมีหุ่นดี มีกล้ามสวย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นย่างไร บ้างนั้น เราไปดูกัน เลยครับ

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ปั้นกล้ามได้อย่างไร

มวยไทย ( Muay Thai )  อาจจะเป็นกีฬา ที่หลาย ๆ คนมองว่า เป็นกีฬาทั่วไป หรือ เป็นกีฬา ที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง เท่านั้น ไม่น่าช่วยให้มีกล้ามได้ ถ้าหากเพื่อน ๆ มองผ่าน ๆ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยปั้นหกล้าม ให้สวยได้จริง ๆ ซึ่งกล้ามเนื้อ ที่มาจากการเล่น มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นจะไม่ใช่ กล้ามเนื้อ ที่เป็นกล้ามปู แต่หหุ่นที่เพื่อน ๆ จะได้นั้น จะเป็นแบบนายแบบแทน โดยเฉพาะ เพื่อน ๆ ที่เป็นผู้หญิง ที่ต้องการกระชับสัดส่วน ต้องการ ลีนหุ่น เราบอกได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นตัวช่วยที่ดี มาก ๆ และ เป็นตัวช่วย ที่ทำให้เห็นผลเร็วอีกด้วย นะครับ

 

ทำไมต้องเป็น มวยไทย ( Muay Thai )

เราเชื่อว่า เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็คงจะมีสงสัย ว่าทำไมต้องเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการเวทเทรนนิ่ง ( Weight Training ) ไหมสาเหตุ ที่เป็น มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นเพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) มีการเผาผลาญ แคลอรี่ ที่สูงกว่า และ มีการใช้ร่างกาย ในทุก ๆ ส่วน และ ยังใช้กล้ามเนื้อ ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย อีกทั้ง มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา ที่ตอบโจทย์กว่า การออกกำลังกาย แบบอื่น ๆ และ แบบทั่วไป นั่นเองครับ เพราะฉะนั้น เพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากเพิ่มกล้ามเนื้อ ไปด้วย และ ลีนไขมันไปด้วย การออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็คือว่า เป็นที่เรื่อง ที่ดี นะครับ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างกล้ามเนื้อส่วนไหนได้บ้าง

1. กล้ามเนื้อขา และ กล้ามเนื้อส่วนร่าง

ในส่วนแรก ก็จะเป็น การสร้างกล้ามเนื้อขา ก็เป็นเพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องมีการเตะ กระสอบทราย เพื่อเป็นการซ้อม เป็นการฝึกสร้าง กำลังขา เพราะฉะนั้น อย่างไรก็ตาม การเตะกระสอบทราย ก็เปรียบเสมือนกัน กับการออกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อขา อย่างการ สควอท นั่นเองครับ

 

2. กล้ามแขน และ กล้ามเนื้อส่วนบน

กล้ามเนื้อ ส่วนบน และ กล้ามเนื้อแขน เป็นกล้ามเนื้อ ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็อากมีเพราะเป็น กล้ามเนื้อ ที่เพิ่มความเท่ ให้กับหนุ่ม ๆ อย่างที่เราได้บอกไป นะครับว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องซ้อมคู่กับ กระสอบทราย แม้ว่ากระสอบทราย จะเป็นอุปกรณ์ที่ดูเหมือน จะไม่ได้ช่วยอะไร แต่จริง ๆ แล้วกระสอบทราย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ได้ดีมาก ๆ เพราะว่า การที่เราชก หรือ การที่เราต่อกระสอบทราย เป็นเหมือนการ ออกกำลังกาย แบบออกแรงต้าน อย่างกายเวทเทรนนิ่ง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 ท่ามวยไทยสลายไขมัน

ก่อนซ้อมมวยไทย ต้องเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนซ้อมมวยไทย ต้องเตรียมตัวอย่างไร

ก่อนซ้อมมวยไทย ต้องเตรียมตัวอย่างไร

การเตรียมตัว ก่อนเริ่มทำ กิจกรรมต่าง ๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องดี รวมถึงการซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ก็ต้องต้อง มีการเตรียมตัวเหมือนกัน แม้ว่า การซ้อมจะดูเหมือน ไม่ได้ต้องมีอะไร มากมายก็ตามนะครับ ทุกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มซ้อม คุณ ก็ควรที่จะ มีการเตรียมตัว มาเป็นอย่างดีนะครับ

 

 

ไม่ว่าคุณ จะทำอะไรก็ตาม การเตรียมตัว ถือว่าเป็นเรื่อง ที่สำคัญมาก ๆ เพราะว่า การเตรียมตัว จะเป็นการ เพิ่มความพร้อม ให้คุณได้ถึง 50 % เลยทีเดียว หรือ แม้แต่กระทั่ง การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ก็ตาม การเตรียมตัว ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ควรทำอย่างมากนะครับ ดังนั้น ทุกครั้งก่อนที่คุณ จะเริ่มซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) คุณจะต้องมีการเตรียมตัว ก่อนเสมอนะครับ ซึ่งวิธีการเตรียมตัวนั้น จะอะไร ปละ มีกี่ขั้นตอนบ้าง ไปดูกันเลยครับ

 

 

1. อุปกรณ์ส่วนตัว

ขั้นตอนแรก ของการเตรียมตัว เพื่อซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ก็คือ การเตรียมอุปกรณ์ส่วนตัว ของตัวเองให้พร้อม ก่อนนะครับ โดยอุปกรณ์ส่วนตัวนั้น ก็จะมี น้ำดื่ม ผ้าขนหนู กางเกง นวม ผ้าพันมือ น้ำมันมวย ครีมนวด แองเกิล เสื้อ หากเป็นผู้หญิง ก็ควรที่มีสปอร์ตบรา ด้วยนะครับ และ อาหาร เพื่อทานรองท้อง ก่อนซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้ซ้อมที่ดี จะต้องมีการ เตรียมอุปกรณ์ ส่วนตัวของตัวเอง ให้พร้อมนะครับ แม้ว่าบางอย่าง จสามารถยืมกันได้ก็ตาม แต่คุณก็ควรที่จะ มีการเตรียมไปเอง จะดีกว่า นะครับ

 

 

2. หาอาหารรองท้อง

ก่อนซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อน ๆ คนวรตระหนักเอาไว้เสมอ ว่าก่อนซ้อมนั้น จะต้องหาอาหาร รองท้องก่อนเสมอ แม้ว่าคุณจะซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อลดน้ำหนักก็ตาม นะครับ การที่คุณ ทานอาหาร รองท้องมาก่อนนั้น จะช่วยให้คุณ ซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ได้ดีขึ้น เพราะมีพลังงาน จากอาหารที่ทานรองท้องเข้าไป หากคุณ ไม่ทานอาหาร หรือ หาอะไร รองท้องมาก่อนแล้วหล่ะก็ การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นไปได้ยาก เพราะว่าคุณ ไม่มีแรงในการซ้อม ดังนั้น ก่อนซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกครั้ง ก็ควรทานอาหาร รองท้องก่อนซ้อมเสมอ นะครับ

 

 

3. นอนให้พอ

การนอน ส่งผลมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม โดยเฉพาะ การที่ซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เพราะหากคุณ นอนไม่พอแล้วมาซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) สิ่งที่คุณ จะได้รับก็คือ ความเหนื่อย ความอ่อนเพลีย และ หากวันนั้น คุณมีการทำงานด้วยมาก่อนหน้านี้ด้วย คุณก็จะมีอาการ เหนื่อยมากกว่าเดิม นะครับ เนื่องจาก ร่างกายของคุณนั้น มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น หากคุณรู้ว่า คุณมีโปรแกรม ที่จะต้อง มีการซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) นั้นคุณก็ควรที่จะ มีการพักผ่อน ให้เพียงพอ นะครับ ไม่อย่างนั้น การ การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ของคุณ จะเหนื่อยมาก ๆ และ การซ้อมก็อาจจะไม่มีประสิทลดลง ได้อีกด้วยนะครับ

 

 

4. เตรียมใจให้พร้อม

ข้อนี้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่อ่านก็คงจะรู้สึกว่า การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องหนัก จะต้องโหดแน่ ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้โหดขนาดนั้น นะครับ แต่การที่คุณ ต้องเตรียมใจ ก็เป็นเพราะว่า คุณต้องเตรียมใจ ในความเหนื่อย จากการซ้อม การซ้อมที่หนัก เป็นเรื่อปกติอยู่แล้วนะครับ ดังนั้น ก่อนซ้อมทุกครั้ง ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจให้ดี ๆ นะครับ

 

อย่างที่เราบอกนะครับ ก่อนซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกครั้ง ก็ควรที่จะ มีการเตรียมตัว เตรียมร่างกายให้ดี ก่อนนะครับ เพราะไม่อย่างงั้น การซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) ของคุณ ก็อาจจะเป็นเรื่อง ที่ยากมาก ๆ นะครับ และ การที่คุณ เตรียมตัวมาไม่ดี ก็จะไปรบกวน เพื่อน ๆ ที่มาซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) อีกด้วย นะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ในสมัย รัชกาลที่ 1

ประโยชน์ ที่ได้จากการฝึกมวยไทย

ประโยชน์ ที่ได้จากการฝึกมวยไทย

ประโยชน์ ที่ได้จากการฝึกมวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai )  ถือว่า เป็นกิจกรรม ที่ใครหลาย ๆ คน มีความสนใจ อยากเล่น อยากซศึกษา กีฬามวยไทย กีฬามวยไทย ไม่เพียงแต่ เป็นศิลปะการต่อสู้ เท่านั้น นะครับ แต่มีประโยชน์ในด้าน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่า เป็นอีกหนึ่ง กีฬา ที่ได้รับ ความนิยมตลอดกาย ไม่ว่าช่วงเวลา ไปนานเท่าไหร่ มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ยังคงเป็น กีฬา ที่ได้รับความนิยม อยู่เหมือนเดิม นอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา ที่ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเล่นได้ จึงทำให้ เป็นที่นิยม อย่างมาก และ การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) ยังมีประโยชน์ ต่าง ๆ มากมาย ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ โดยส่วนใหญ่แล้ว คนทั่วไป ก็จะรู้ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่เป็น ศิลปะ ป้องกันตัว ก็ถือว่าใช่ แต่อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ จากการฝึก มีมากกว่า ที่เราคิด นะครับ ดังนั้น เราไปดูกัน ว่ามวยไทย ( Muay Thai ) ให้ปนะโยชน์ อะไร กับเราได้บ้าง

 

 

1. เพิ่มความแข็งแรง ของร่างกาย และ กล้ามเนื้อ

เนื่องจาก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้อง มีการใช้ร่างกาย ใช้กล้ามเนื้อ ในการเตะ การต่อ การหลบหมัด อะไรต่าง ๆ ทำให้ผู้ฝึก ได้ใชร่างกาย ในการฝึก และ สิ่งที่ได้ ก็คือ ในเรื่องของความแข็งแรง ของร่างกาย และ กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อ มีความกระชับ ไม่ต่างอะไร กับ การที่เรา ออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง ( Weight Training ) เลยนะครับ

 

2. เผาผลาญไขมัน

สำหรับ เพื่อน ๆ คนไหน ที่ต้องการ ลดไขมัน ลดน้ำหนัก ทางเรา บอกได้เลยครับว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นตัวเลือกที่ดี ในการลดน้ำหนัก เพราะว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการออกกำลังกาย คาร์ดิโอแบบ HIT ที่ต้องมีการใช้ร่างกาย อย่างหนัก ในเวลาสั้น ๆ และ เป็นการ คาร์ดิโอ ที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้ร่างกาย ทำให้ร่างกาย มีการเผาผลาญพลังงาน ได้พอ ๆ กับการวิ่ง จ็อกกิ้ง นะครับ และ ยังดีต่อคนที่ชอบคสร์โอ แบบเร็ว ๆ ใช้เวลาไม่นาน

 

 

3. เฟิร์มหุ่น

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากจะลีนหุ่น อยากมีกล้ามชัด ๆ มีซิกแพค มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่า เป็นกีฬา อีกหนึ่งประเภท ที่ทำให้ ผู้ซ้อม สามารถลีหุ่น ได้ดี และ ลีนหุ่นได้เร็ว ทำให้เพื่อน ๆ คนไหน เพราะว่า กีฬามวยไทย ( Muay Thai )  ต้องมีการเตะ การต่อย ทำให้กล้ามเนื้อ ได้มีการพัฒนา และ ทำให้หุ่น เฟิร์มขึ้น และ ที่สำคัญ ช่วยเผาผลาญ ไขมัน ได้เป็นอย่างดี

 

4. กนะตุ้นการไหลเวียนเลือด

การออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ร่างกาย ของเรา มีการไหลเวียนเลือด ได้เป็นอย่างดี และ ยังส่งผลดี ต่อหัวใจ ของเราอีกด้วย นะครับ

 

 

5. ฝึกการเคลื่อนไหว

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้อง มีการใช้ ร่างกายในการเคลื่นไหว ใช้ร่างกายในการ หลบหลีก นอกจากนี้ ยังช่วยให้เรา มีการเคลื่อนไหว ได้ดีรวดเร็ว กระฉับกระเฉง เพราะว่า กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ร่างกาย ในทุกส่วน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทรนเนอร์ส่วนตัว ช่วยฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นไหม

สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย มาตรฐานสากล เป็นอย่างไร

มวยไทย

มวยไทย ในสมัย รัชกาลที่ 1

มวยไทย เป็นประวัติศาสตร์ อันยาวนาน เริ่มมี และ ใช้กัน ในการสงคราม ในสมัยก่อน จนปัจจุบัน มีการดัดแปลง มวยไทย เป็นการกีฬา ออกกำลังกาย โดยมี การใช้นวม เพื่อป้องกัน การอันตราย ที่เกิดขึ้น อีกทั้ง มวยไทย ยังได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด

 

มวยไทย มีมาหลายยุค หลายสมัย และ ในบทความนี้ จะพูดถึง มวยไทย ในสมัย รัชกาลที่ 1 ว่ามีความเป็นมา อย่างไรบ้าง

มวยไทย สมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( พ.ศ.2325 – 2352 )

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์จักรี ได้สถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานี ในปี พ.ศ. 2325 หลักฐาน ที่เก่าแก่ที่สุด ในสมัยนี้ ได้แก่ กฎหมายตราสามดวง ซึ่งมีมา แต่ครั้ง กรุงศรีอยุธยา และ ชำระเมื่อ พ.ศ. 2347 ซึ่งได้กล่าว ถึงการตีมวย และ ปล้ำกันไว้ ในพระอัยการเบ็ดเสร็จ อันเป็นสาเหตุ แห่งการทะเลาะ วิวาทกัน การนิยม ชกมวยไทย คงมีอยู่ทั่วไป จึงทำให้ ชาวต่างชาติ สนใจเข้ามา ท้าชกพนัน ดังปรากฏ ในประวัติศาสตร์

 

พระองค์ ทรงฝึกหัดมวยไทย มาตั้งแต่ ยังทรงพระเยาว์ และ ทรงสนพระทัย ในการเสด็จ ทอดพระเนตร การแข่งขัน ชกมวยไทย อยู่เสมอ ในปี พ.ศ.2331 พ่อค้าชาวฝรั่งเศส สองพี่น้อง เดินทางไป ค้าขายทั่วโลก ด้วยเรือกำบั่น คนน้อง เป็นนักมวย ฝีมือดี เที่ยวพนัน ชกมวย มาหลายเมือง เมื่อเดินทาง มาถึงกรุงเทพมหานคร จึงได้ล่ามกราบเรียน พระยาพระคลัง ขอชกมวย พนันกับคนไทย พระยาพระคลัง ได้นำความขึ้น กราบทูลรัชกาลที่ ๑ พระองค์ทรงตรัส ปรึกษากับ กรมพระราชวังบวรพระอนุชา ซึ่งเป็น ผู้มีฝีมือ มวยไทย และ คุมกรมมวยหลวง อยู่ในขณะนั้น รับตกลง พนันกันเป็นเงิน 50 ชั่ง

 

กรมพระราชวังบวร คัดเลือก ทนายเลือกวังหน้า ฝีมือดี ชื่อหมื่นผลาญ ต่อสู้กับ นักมวยฝรั่งเศส ครั้งนี้ สังเวียนการแข่งขัน จัดสร้างขึ้น ที่สนามหลัง วัดพระแก้ว โดยใช้ เชือกเส้นเดียว ผูกกับเสา 4 ต้น สูงประมาณ 70 เซนติเมตร ขึงกั้น บริเวณเป็น สี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ ด้านละ 20 เมตร ด้านหน้า ปลูกพลับพลา ที่ประทับ กติกาการแข่งขัน ไม่มีการให้คะแนน ชกกันจนกว่า จะแพ้ชนะกัน โดยเด็ดขาด เมื่อใกล้ เวลาชก ทรงตรัสสั่ง ให้แต่งตัว หมื่นผลาญ ด้วยการชโลม น้ำมันว่านยา ตามร่างกาย ผูกประเจียด เครื่องรางของขลัง ที่ต้นแขน แล้วให้ขี่คอ คนมาส่ง ถึงสังเวียน เมื่อการแข่งขัน เริ่มขึ้น ฝรั่งได้เปรียบ รูปร่าง เข้าประชิดตัว พยายาม จะปล้ำ เพื่อหักคอ และ ไหปลาร้า หมื่นผลาญ พยายามปิดป้อง ปัดเปิด สลับกับเตะถีบ ชิงต่อย แล้วถอยวนหนี ยิ่งชกนาน ฝรั่งยิ่งเสียเปรียบ เพราะทำอะไรไม่ได้ ฝรั่งพี่ชาย เห็นว่า ถ้าชกต่อไป น้องชาย คงเสียเปรียบแน่ จึงตัดสินใจ กระโดดเข้าไป ขวางกั้น ไม่ให้หมื่นผลาญถอยหนี การกระทำ เหมือนช่วยกัน จึงเกิดมวยหมู่ระหว่างพวกฝรั่ง กับพวกทนายเลือก ฝรั่งบาดเจ็บหลายคน รัชกาลที่ 1 พระราชทาน หมอยา หมอนวด ไปรักษาพยาบาล เมื่อหายดีแล้ว ฝรั่งเศสสองพี่น้อง ก็ออกเรือกลับไป

 

การชก มวยไทย ในสมัยก่อน จะสวมมงคลไว้ที่ศีรษะ มีกลวิธีการรับ เพื่อปกปิดร่างกาย ส่วนคนดูสนุกสนาน พร้อมกับเสียงเชียร์สนั่น รอบสนาม นักมวยเจ็บตัวกันทั้งสองฝ่าย ใครชนะก็ได้รางวัล การชกมวย ในสมัยนี้ มักจะเรียกชื่ออย่างเดิม ที่เคยเรียกมาครั้งกรุงศรีอยุธยา คือ มวย มวยปล้ำ ตีมวย ต่อยมวย เป็นต้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ถุงถ่วงน้ำหนัก สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai )

ข้อดีของมวยไทย สำหรับผู้สูงวัย

ถุงถ่วงน้ำหนัก สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai )

ถุงถ่วงน้ำหนัก สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai )

เพื่อน ๆ คนไหนที่เคยเห็น นักมวย ไม่ว่าจะเป็นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ มวยสากล ที่เวลาฝึกกันมักจะใส่ ถุงถ่วงน้ำหนัก กันบ้างไหมคะ แล้ว เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่า ถุงถ่วงน้ำหนัก สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น มีประโยชน์อย่างไร

 

การออกกำลังกายนั้น มีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงวิธีออกกำลังกาย ที่สามารถทำที่บ้าน และ ทำได้บ่อย ๆ ด้วยการใช้พื้นที่ ภายในบ้านไม่มากนัก นอกเหนือจาก เครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่ใช้ตามฟิตเนต หลากหลายชนิดแล้ว ยังมีวิธีออกกำลังกายด้วย ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) ซึ่งควรศึกษา และ ทำความเข้าใจ กับท่าการออกกำลังกายให้ถูกต้อง จึงจะได้ประโยชน์ กับร่างกายอย่างแท้จริง

 

 

1. เพิ่มกำลังให้กับร่างกาย

การใส่ ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) จะทำให้ร่างกายหนักขึ้น หรือ หากใส่เป็นส่วน ๆ ก็จะหนักเป็นส่วน ๆ ไป เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ที่นักมวยสามารถ ต่อยได้ให้ครบกำหนด เพราะหากเราจะต่อย ให้หนักขึ้น และสามารถรู้สึกได้เลยหลังถอด ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) แล้วลองต่อยกระสอบทรายอีกครั้ง จะเห็นผลทันทีว่า เราสามารถต่อยได้เร็วขึ้น อย่างเห็นได้ชัด

 

2. เพิ่มความเร็วในการปล่อยอาวุธ แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai )

แน่นอนเราคงเคยเห็น ในการ์ตูน ที่ฝึกวิชาแล้วมี ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) เพื่อให้ร่างกายนั้นแล้วขึ้น อยากจะบอกว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะ เวลาเรารับอะไรหนัก ๆ แล้ว พอปล่อย หรือ ถอดออก จะทำให้ร่างกายเบา และ รู้สึกได้เลยว่า อาวุธที่ปล่อยออกไป นั้น แรง เร็ว ไว ขึ้นมาก

 

3. เพิ่มความแรงของอาวุธ มวยไทย ( Muay Thai )

ความแรง จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่เราถ่วง ว่าเราถ่วง มากน้อยแค่ไหน มวยไทย ( Muay Thai ) เค้าฝึกแบบนี้จริง ๆ หน้าอยากจะให้อาวุธของเราแรงขึ้น ก็ยิ่งถ่วงเยอะ แต่จะเสียพลังงาน มากพอสมควร

 

4. ฝึกร่างกาย

หากเราอยากจะวิ่ง เพื่อให้ถ่วงน้ำหนักจริง ๆ เราถ่วงไปที่ข้อเท้า และ วิ่งในระยะทางที่กำหนด จะสังเกตได้ว่าหนักมวยที่วิ่ง แล้วใส่ ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) จะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดน้ำหนักเร็วขึ้น อึดขึ้น สามารถชกมวยได้นานขึ้น และ สร้างกล้ามเนื้อได้ดีมาก

 

5. ฝึกความรวดเร็ว

มวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องถ่วงน้ำหนัก ไปที่ข้อเท้า กระโดดเพื่อทำฟุตเวิรค์ เพื่อหาจังหวะการปล่อยอาวุธ เพราะฉะนั้นแล้ว ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) สามารถทำให้กระโดดได้เร็ว สูง และ กระโดดฟุตเวิรค์ ได้อย่างไม่เหนื่อยอีกด้วย

 

 

ข้อควรระวังในการใช้ ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band )

การใช้ถุงถ่วงน้ำหนักก็ดี หรือ ชุดถ่วงก็ดี ต้องระวัง ถึงเรื่องกระดูก เพราะอาจจะทำให้ กระดูกเคลื่อนได้ และ หากเราถ่วงไปแล้วออกกำลังกาย ไม่รู้ลิมิตของตัวเอง ก็อาจจะทำให้เกิดอันตราย ต่อร่างกายได้ ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) เป็นผลดี ในเรื่องของการ เพิ่มความเร็ว เพิ่มความแรง ดังนั้น ต้องศึกษาให้ดีที่สุด นะคะ

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ ถุงถ่วงน้ำหนัก ( Weight Band ) สำหรับ นักกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาเสนอกัน หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

 

3 ท่ามวยไทยสลายไขมัน

3 ท่ามวยไทยสลายไขมัน

สำหรับการออกกำลัง ที่ช่วยในการเบิร์นไขมันได้ดี ก็คงจะหนีไม่พ้น กีฬายอดฮิตอย่าง กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ที่เรากต่างรู้ดี ว่าเป็นกีฬา ที่ช่วยเบิร์นไขมัน ในร่างกายของเรา ได้เป็นอย่างดี

 

สำหรับใครที่ไปออกกำลังกาย แล้วรู้สึกว่า การออกกำลังกาย ที่เป็นอยู่นั้น ซ้ำซาก น่าเบื่อ ทำให้การออกกำละงกาย ไม่สนุกอีกต่อไป และ รู้สึกว่า การออกกำลังกาย ที่ทำอยู่นั้น รู้สึกว่า ไขมันไม่ลด น้ำหนักไม่ลง เราอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาลองดูใหม่ กับการออกกำลังกาย ที่ชื่อว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ที่จะทำให้การออกกำลังกาย สนุกขึ้น ไม่น่าเบื่อ ไม่ซ้ำจำเจ อีกทั้ง มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬาที่ เบิร์นไขมันในร่างกาย ของเราได้เป็นอย่างดี และ ยังเป็นการพิสูจน์ ว่ามวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ทำให้น้ำหนักของเรา ลดจริงไหม เพื่อน ๆ ที่อยากเริ่มฝึก จะมีท่าไหนบ้าง ไปดูกัน

 

1. ท่าซิทอัพ ( Sit Up )

มาเริ่มกันที่ท่าแรก กับท่าซิทอัพ ( Sit Up ) ท่านี้ เป็นการผสมผสาน ระหว่าง การออกกำลังกายพื้นฐาน ที่ทุกคนคุ้นเคย กันเป็นอย่างดี ที่เป็นการซิทอัพ ( Sit Up ) และ ผสมกับบการออกหมัด 1 – 2 ครั้ง ท่านี้ก็เป็นท่าที่ง่าย ไม่ว่าใคร ก็สามารถทำได้ โดยท่านี้ เริ่มต้นจาก การนอนราบลงกับพื้น ทำท่าเหมือนกับ การซิท ( Sit Up )อัพทุกอย่างเลย แต่ในขณะ ที่ลุกขึ้นมาจะต่างจาก การซิทอัท  ( Sit Up )ตรงที่ท่าซิทอัพ ( Sit Up ) จะต้องปล่อยหมัดออกไป โดยการที่เรา ต้องออกหมัด ซ้าย ขวา สลับกัน อย่างรวดเร็ว ที่ก่อนที่ จะเอนตัวลงนอนราบ กลับสู่ท่าเดิม การท่าซิทอัพ ( Sit Up ) จะทำประมาณ 15 ครั้ง ทำทั้งหมด 3 เซ็ต

 

2. ลุกนั่ง และ อัปเปอร์คัท

โดยท่า เป็นท่าที่สาว ๆ และ หนุ่ม ๆ หลายคน คุ้นเคยกันดี เพราะท่านี้ เรียกได้ว่า เป็นท่าปราบเซียน ของการออกกำลังกาย โดยความสำคัญ ของลุกนั่ง และ อัปเปอร์คัท จะโฟกัสไปที่ การชกจากล่างขึ้นบน เพื่อเป็นการโจมตี คู่ต่อสู้ โดยลุกนั่ง และ อัปเปอร์คัท เริ่มต้นจากการที่วางขา ให้กว้างกับหัวไหล่ พร้อมกับตั้งการ์ด ให้อยู่ในท่าเตรียม หลังจากนั้น เราก็ค่อย ๆ ย่อตัวลงช้า ๆ พร้อมกับที่เรา ตั้งการ์ดอยู่ และ ลุกขึ้นพร้อมกับ การปล่อยหมัด ข้างที่เราถนัด พอสุดแล้ว ก็ให้เรา ปล่อยหมัดอีกข้างนึง ตามไปทันที โดยลุกนั่ง และ อัปเปอร์คัท เราจะทำทั้งหมด 5 เซ็ต เซ็ตละ 20 – 30 วินาที นะครับ

3. หมัดเย็บท่าหมัดเย็บคู่นั้น

เป็นท่าพื้นซาน ที่หลาย ๆ คนรู้จักดีอยู่แล้ว โดยปกติแล้ว ท่าเย็บ เราจะเย็บทีละครั้ง แต่ครั้งนี้ เราจะปล่อยหมัดเย็บออกมา ข้างละ 2 ครั้งรัว ๆ ติด ๆ กัน และ อีกหมัดอีกข้าง ปล่อยหมัด ครั้งเดียว ตัวอย่าง ของท่าหมัดเย็บคู่ ปล่อยหมัดขวา ออกชกกระสอบทราย 2 ครั้ง และ ปล่อยหมัดซ้าย ออกไปชกกระสอบ 1 ครั้ง โดยการที่ปบ่อยมัดครบ เราจะนับเป็น 1 ครั้ง ทั้งหมด ข้างละ 5 ครั้งสลับกัน โดยเราจะทำทั้งหมด 3 เซ็ต

  

ท่าออกกำลังกาย ที่เราได้แนะนำทั้งหมด 3 ท่านั้น จะทำให้เรา สามารถออกกำลังกาย และ โดนกล้ามเนื้อ ทุกสัดส่วน ได้ตั้งแต่ กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อหลัว และ กล้ามเนื้อหน้าท้อง ทั้ง หด 3 ท่านี้ เป็นท่าเบิร์นไขมัน ให้กับร่างกาย ของเรา ได้เป็นอย่างดี

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

การฝึก กระโดดเชือก ในกีฬา มวยไทย มีประโยชน์อย่างไร

มวยไทยตัวช่วยในการควบคุมอารมณ์

ข้อดีของมวยไทย สำหรับผู้สูงวัย

ข้อดีของมวยไทย สำหรับผู้สูงวัย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้ กีฬาประเภทนี้ ในการออกกำลังได้ โดยเฉพาะ ในผู้สูงอายุ การออกกำลังกาย ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างหนึ่ง เพราะการออกกำลังกาย ในผู้สูงอายุ ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนของเลือด ทำงานดีดีขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความแข็งแรง ให้กับร่างกาย ได้ดีอีกด้วย

 

 

เนื่องจาก การออกกำลังกาย กำลังเป็นที่ยิม เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ การออกกำลังกาย เพื่อการลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ ผู้คนต่างให้ความสำคัญ เป็นอย่างมาก หากพูดถึงกีฬา ที่ช่วยในการ ลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี ก็คงจะไม่พ้น กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากนี้ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยังมีจุดเด่น ในเรื่องการป้องกันตัว แต่สำหรับ ผู้สูงอายุนั้น กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ก็ถือว่า เป็นกีฬา อีกหนึ่งปนะเภท ที่น่าเล่น และ ออกกำลังกาย

 

นอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับผู้สูงอายุ ยังมีข้อดีในการ ในเรื่องของการ ป้องกันตัว เป็นการพลิกแพง ทำเราสามารถ ใช้มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อป้องกันตัว ได้อีกด้วยนะครับ เราไปดูกันว่า ผู้สูงอายุ ที่ใช้มวยไทย ( Muay Thai ) ในการออกกำลังกาย จะมีข้ออะไรบ้าง

 

1. ช่วยเพิ่ม ความแข็งแรง ให้กับร่างกาย

สำหรับผู้สูงอายุนั้น การออกกลังกาย ถือว่า เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะว่า ยิ่งเราอายุมากขึ้น ความแข็งแรง ในร่างกายของเรา ก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ดังนั้น มวยไทย ( Muay Thai ) จังเป็นทางเลือกที่ดี ในการที่เรา จะใช้เพื่อออกกำลังกาย และ สร้างความแข็งแรง ให้กับร่างกายของเรา ทั้งนี้ การใช้มวยไทย ( Muay Thai ) ในการออกกำลัง ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรง ในส่วนของ กระดูก และ ข้อต่อ ที่อยู่ในร่างกายของเรา ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นกีฬา ที่เราแนะนำ ให้ผู้สูงอายุหลาย ๆ คนใช้เพื่อ ออกกำลังกาย

 

2. ฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย

เนื่องจากกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่เราต้องใช้ ทุกส่วนของร่างกาย ทำให้การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย ( Muay Thai ) จึงทำให้ร่างกายของเรา ได้รับความยืดหยุ่น จากการเตะ การต่อย การใช้ศอก จึงทำให้ร่างกายของผู้สูงอายุ มีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น นั่นเองครับ การที่ผู้สูงอายุ ใช้มวยไทย ( Muay Thai ) ในการออกกำลังกาย ผู้สูงอายุคนนั้น จะมีร่างกาย ที่แข็งแรงกว่า ผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย ( Muay Thai )

 

3. เพิ่มระบบไหลเวียนของเลือด

สำหรับ ผู้สูงอายุนั้น ระบบไหลของเลือดในร่างกาย ถือว่า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ และ การที่ที่ จะทำให้ร่างกาย ของเราสามารถไหลเวียนเลือด ได้ดีที่สุด ก็คือ การออกกำลังกาย และ ยิ่งเป็น กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยิ่งทำให้เราระบบไหลเวียนโลหิต ในร่างกายของเรา สามารถทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายสามารถสูบฉีดโลหิต ได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น การเพิ่มระบบ ไหลเวียนโลหิตให้กับร่างกาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ควรใช้ กีฬามวยไทย ( Muay Thai )

 

4. ส่งเสริม การทำงานของของระบบหายใจ

สำหรับผู้สูงอายุบางคน เมื่ออายุเยอะขึ้น ก็อาจจะเหนื่อยง่าย เพื่อให้ปอดสามารถทงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานได้อย่างเต็มที่ ผู้สูงอายุ ก็ควรที่จะมีการออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ตัวเองเหนื่อยง่าย และ กีฬาที่ช่วยเพิ่ม การทำงานของระบบทางเดิน หายใจได้เป็นอย่างดี ก็คือ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ที่ทำให้ผู้สูงอายุ ได้ออกแรง และ ยังดีต่อ สุขภาพหัวใจ อีกด้วย นะครับ  

 

การออกกำลังกาย สำหรับผู้สูงอายุ เป็นที่จำเป็น และ เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ที่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ การทำงานในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรา มีระบบ การทำงานที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ระบบทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต ด้านร่างกาย เป็นด้วย ซึ่งกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ดี และ มีประโยชน์ ต่อร่างกายของเรา เป็นอย่างมาก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ฉบับลพบุรี เป็นอย่างไรต่างจาก มวยไทย ธรรมดาหรือไม่

Muay Thai ที่ให้มากว่าการออกกำลังกาย jareonthong muaythai ratchada

สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย มาตรฐานสากล เป็นอย่างไร

สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย มาตรฐานสากล เป็นอย่างไร

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ แฟน ๆ ในวงการ มวยไทย ( Muay Thai ) วันนี้เราจะมาพูดคุยกันในเรื่อง สำคัญ ๆ อีกหนึ่งเรื่องนั้นก็คือ สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย นั่นเองค่ะ ว่า มาตรฐานสากล นั้นเป็นอย่างไรตามมาอ่านบทความนี้กันได้เลยค่ะ

 

หากกล่าวถึงรูปแบบ การจัดชก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ได้มีการปรับเปลี่ยน ไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน ในสมัยก่อน สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) นั้นเป็นสนามจริง ๆ โดยเอาเชือกมากั้นพอเป็นบริเวณ แล้วชกกันบนพื้นดิน ใช้จอก หรือ กะลา เจาะรูลอยน้ำ เป็นมาตรากำหนดเวลา จมครั้งหนึ่งเรียกว่ายกหนึ่ง จนต่อมาเริ่มสร้างเวทีขึ้น โดยพื้นใช้ไม้กระดาน เสื่อเป็นแบบเสื่อกระจูดทับข้างบน มีการนับโดยจับเวลาเป็นนาที จนพัฒนามาเรื่อย ๆ กลายเป็น สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสนามกีฬา สำหรับใช้การแข่งขัน กีฬามวย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ มวยสากล โดยส่วนมากแล้ว สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) มักจะเป็นสนามกีฬาในร่ม เว้นแต่สังเวียนมวยชั่วคราว ที่จะตั้งอยู่ข้างนอก ซึ่ง สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่จะใช้ทำการแข่งขัน จะมีมาตรฐานตามที่ AIBA ( สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ ) กำหนดไว้

 

ตามหลัก กติกาสากลแล้ว สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีลักษณะดังนี้

1. สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดเล็กด้านละ 20 ฟุต ขนาดใหญ่ด้านละ 24 ฟุต วัดจากข้างในเส้นเชือก และ พื้นเวทีสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 3 ฟุต แต่ห้ามเกิน 4 ฟุต

 

2. เชือกกั้น ต้องมีเชือก 4 เส้น และ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของเชือกไม่ต่ำกว่า 1.5 นิ้ว โดยจะขึงติดกับเสาที่มุม สูงจากพื้นเวทีขึ้นไป 16, 32, 48 และ 60 นิ้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ให้หุ้มเชือกด้วยวัสดุ ที่มีความอ่อนนุ่ม และ เรียบ ส่วนที่มุมเชือกด้านใน ต้องหุ้มด้วยวัสดุอย่างอ่อน และ เชือกในแต่ละด้าน ของ สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) จะต้องผูกยึดกัน ด้วยผ้าเหนียวสองชิ้น โดยมีขนาดกว้าง 1-1.5 นิ้ว และ มีระยะห่างที่เท่ากัน ซึ่งผ้าที่ผูกนั้น ต้องไม่ลื่นไปตามเชือก

 

3. พื้นเวที หรือ พื้นสนาม ต้องมีความปลอดภัย ได้ระดับ ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ และ ต้องยื่นออกไปนอกเชือก อย่างน้อย 20 นิ้ว และ ต้องปูด้วยผ้าสักหลาด ยาง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสม โดยจะต้องมีลักษณะยืดหยุ่นได้ และ มีความหนาไม่น้อยกว่า 1.5 นิ้ว พร้อมปูทับด้วย ผ้าตึงคลุมพื้นเวทีทั้งหมด

 

4. มุม สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ต้องตั้งเสาที่มุมทั้งสี่มุม โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว และ สูงขึ้นไปจากเวที 60 นิ้ว พร้อมทั้งหุ้มนวมที่มุมภายในเชือก ให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย กับนักมวย และ มุมแดง จะอยู่ใกล้กับประธานกรรมการ ควบคุมการแข่งขัน หรือ ประธานคณะลูกขุน

 

5. บันได จะมี 3 บันได และ ต้องมีความกว้าง ไม่น้อยกว่า 3 ฟุต ไว้ที่มุมต้องข้ามของ สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) สองบันได เพื่อให้นักมวย และ พี่เลี้ยงขึ้นลง ส่วนอีกบันไดหนึ่งนั้นให้อยู่ที่ มุมตรงกลางสำหรับผู้ชี้ขาด และ แพทย์

 

6. ต้องมีกล่องพลาสติก ที่มุมกลางทั้งสองมุม นอก สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ให้ติดล่องพลาสติกมุมละกล่อง เพื่อให้ผู้ชี้ขาดทิ้งสำลี หรือ กระดาษบาง ๆ ที่ซับเลือดแล้ว

 

สังเวียนเพิ่มเติม อาจใช้สังเวียน 2 สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ในการแข่งขัน

สำหรับสนามมวย ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ในประเทศไทย ได้แก่ สนามมวยราชดำเนิน หรือ สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นต้น นี่เป็น สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่ได้รับการยอมรับ ว่ามีมาตรฐาน และ สามารถใช้สำหรับ จัดการแข่งขัน ได้อย่างไม่มีปัญหา

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ สังเวียนมวย ของกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาเสนอกัน หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

เทรนเนอร์ส่วนตัว ช่วยฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นไหม

เทรนเนอร์ส่วนตัว ช่วยฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นไหม

เพื่อน ๆ คนไหนที่ กำลังสนใจ มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว อยากเรียน อย่าลืมหา เทรนเนอร์ส่วนตัว มาไว้คอย ช่วยสอน ช่วยฝึกซ้อม ด้วยนะคะ เพราะ มวยไทย นั้นมีท่าที่เฉพาะทางอยู่ หากเพื่อน ๆ ทำผิดอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ค่ะ

 

เทรนเนอร์ส่วนตัว คืออะไร ?

Personal Trainer ( PT ) หรือ เทรนเนอร์ส่วนตัว คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย บางคนก็อาจจบวิทยาศาสตร์การกีฬามาโดยตรง หรือจบหลักสูตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย และโภชนาการโดยเฉพาะ พวกเขาเหล่านี้มาเป็นผู้ที่ช่วยดูแลเรื่องการออกกำลังกายของลูกค้า รวมถึงให้คำแนะนำด้านโภชนาการ เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางด้านการออกกำลังกายที่วางเอาไว้ในเวลาที่กำหนด

 

1. สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรก คือ ความปลอดภัย

ก็จริง ที่ยุคนี้ใครก็เข้า internet หาตัวอย่างการออกกำลัง ง่ายแสนง่าย แต่พูดตรง ๆ เลยว่า ข้อมูลจากการ search ส่วนใหญ่จะปรับใช้ได้ดี กับการออกกำลังกายพื้นฐาน เพราะทำตามง่าย แต่การต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งมีศิลปะที่มีความซับซ้อน การเริ่มต้นเองอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น การต่อย หรือเตะกระสอบทรายมั่ว ๆ มีโอกาสมาก ที่จะทำให้เกิดอาการข้อมือซ้น หรือ บาดเจ็บ

 

2. สิ่งกระตุ้น

วินัยในการออกกำลังกาย ของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนตื่นตี 4 มาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน แต่หลายคนยังต้องมีเพื่อน หรือ คนบังคับ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

การออกกำลังกายในยิม หรือ การต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ในค่ายมวย เป็นหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่ต้องการตัวกระตุ้น ในการออกกำลังกาย เช่น เทรนเนอร์ ค่าใช้จ่ายที่เสียไปแล้ว แต่ก็มีสิ่งที่ดี คือ สังคม และ เพื่อน ๆ ที่มักช่วยเพิ่มความสนุกในการออกกำลังกาย

 

3. สร้างวินัย

การสร้างตารางเวลา เพื่อการออกกำลังกายที่บ้านนั้น เสียหายมานักต่อนักแล้ว ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายเป็นกลุ่ม หรือ เป็นคลาสผู้ออกกำลังกายเอง ต้องปรับเวลาให้เข้ากับคลาสเรียน หรือ เวลาที่กำหนด

 

สำหรับปัจจัยนี้จะเห็นได้ชัดว่าการออกกำลังกายที่ยิมนั้น สามารถสร้างวินัย และเป็นตัวกระตุ้นในการออกกำลังกายได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะยิ่งการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องการพาร์ทเนอร์ สาว ๆ หนุ่ม ๆ ยิ่งมีโอกาสได้รู้จักกัน

 

4. บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

เชื่อว่าการที่สาว ๆ หลายคนออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะมีเป้าหมายบางอย่าง บางคนอยากขาเล็ก บางคนอยากลดน้ำหนัก หรือ บางคนอาจจะอยากเพิ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งเหล่าเทรนเนอร์ ก็มีหน้าที่วางแผน โปรแกรมการออกกำลังกาย ให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ รวมถึงคอยจดบันทึก การออกกำลังในแต่ละครั้ง เพื่อเช็กความก้าวหน้า

 

มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การใช้ร่างกายทุกส่วน ตั้งแต่ มือ แขน หัวไหล่ ขา ลำตัว ก้น ซึ่งเป็นข้อดีต่อการฝึกร่างกายให้แข็งแรงทั่วถึง ทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมมวล กระดูก ข้อต่อ ซึ่งการสูบฉีดเลือด ที่มีพลังจากการใช้แรงแบบนี้ สามารถสลายไขมันในเส้นเลือดได้ด้วยนะ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณพึ่งเริ่มเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) คุณควรจะมีเทรนเนอร์ไว้ สำหรับคอยแนะนำท่าที่ถูกต้อง ในการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บจากการฝึกได้

 

ชกมวย แบบ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้แคลอรี่เยอะ เรารับประกันได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่มีการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายเกือบทุกชนิด แม้กระทั่ง โยคะ, พิลาทิส สิ่งที่แตกต่างอย่างสำคัญอีกข้อคือ การที่ออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะได้ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อม ๆ กัน การเตะหนึ่งครั้งจะได้ทั้งกล้ามเนื้อไหล่ กล้ามท้องด้านข้าง ไปจนถึง กล้ามเนื้อขา เรียกว่าได้ทั้งตัว ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมในการ ลดน้ำหนัก ได้ถึง 2,000 แคลอรี่ เลยทีเดียว

 

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จึงนับว่าเป็นกีฬาที่สามารถช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ทุก สัดส่วน หากคุณกำลังต้องการการออกกำลังกายที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยคุณได้

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ เทรนเนอร์ส่วนตัว ในการฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราได้นำมาเสนอกัน หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

3ท่ายืดกล้ามเนื้อ ของนักมวย

3ท่ายืดกล้ามเนื้อ ของนักมวย

ในการออกกำลัง หรือ การต่อมวย การยืดกล้ามเนื้อ เป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้อง มีการทำทุกครั้ง ก่อนออกกำลังกาย และ ก่อนการชกมวย หากเรา ไม่มีการยืดกล้ามเนื้อ ก่อนการชกมวย ก็อาจจะทำให้ร่างกายของเรา เกิดการบาดเจ็บจากการ ออกกำลังกายได้

 

การยืดกล้ามเนื้อ ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน ใรการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหน ๆ ก็ตาม ก่อนออกกำลังกาย ทุกครั้งเราก็ต้อง มีการยืดกล้ามเนื้อ ทุกครั้ง เพราะไม่งั้น ร่างกายของเรา อาจจะเกิดการ บาดเจ็บ จากการชกมวยได้

 

เนื่องจาก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้อง มีการใช้ร่างกาย ทุกส่วน ของร่างกาย และ ยังเป็นศิลปะป้องกันตัว ทำให้เรา ผู้ที่ฝึกมวยไทย ทุกคนต้อง จะต้องมีการ ยืดกล้ามเนื้อทุกครั้ง ก่อนที่เราจะเริ่มฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) หรือ กีฬาอะไรก็ตาม เราก็ควร ที่จะมีการยืดกล้ามเนื้อ ทุกครั้ง นะครับ ดังนั้น วันนี้ เราจะมาเรียนรู้ ท่ายืดกล้ามเนื้อ ของนักมวยกัน ว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกัน

 

 

 

 

 

1. ท่าเตะสูง

มากันที่ท่าแรก ก็คือ ท่าเตะสูง วิธีการทำท่าเตะสูง เราสามารถทำได้ไม่ยาก โดย การที่เรา ยืนตรง ๆ ให้มั่นคง จากนั้น ก็เอาท้าวข้างใด ข้างหนึ่งถอยไปข้างหลัง เพื่อมเตรียมตัว ในการเตะไปข้างหน้า โดย การที่เรา เตะให้ปลายเท้า แตะไปที่มือของเรา ในการเตะนั้น เราต้องมีการ เขย่งเท้าด้วย เพื่อให้เกิดแรงส่ง และ นำเท้ากลับมาวาง ไว้ที่ตำแหน่งเดิม ที่เท้าเราวางอยู่ การทำท่านี้ จะเป็นการยืดกล้ามเนื้อ ในส่วนของกล้ามเนื้อน่อง และ เอ็นหลังเข่า

 

การทำท่าเตะสูง ให้เราเตะสลับไปมา ข้างละ 10 – 15 ครั้ง สำหรับผู้ที่ เริ่มฝึกใหม่ ๆ ก็เริ่มจาก การที่เริ่มเตะ ต่ำ ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับ ความสูง ขึ้นไปเรื่อย ๆ

 

 

 

 

2. ท่าแทงเข่า

การทำท่าแทงเข่านั้น ก่อนที่เรา จะเริ่มท่านี้ เราต้องหาบาร์ หรือว่าราว เพื่อจับ โดยความสูงของบาร์ หรือ ว่าราวที่เราใช้จับนั้น จะมีความสูงอยู่ที่ ระดับหน้าอกของเรา การทำท่าแทงเข่า เราต้องยืดแขงทั้งสองข้าง ไปจับที่บาร์ หรือ ราว และ ยืดตัวให้ตรง เอนหลังเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เราสามารถ แทงเข่าได้ถนัด จากนั้น เราก็แทงเข่าไปข้างหน้า โดย การทำสลับ เข่าซ้าย เข่าขวา เริ่มจาก การทำช้า ๆ และ ค่อย ๆ เพิ่มความเร็ว ขึ้นเรื่อย ๆ การทำท่าแทงเข้า ให้ท่านี้ ประมาณ 10 นาที แบบต่อเนื่อง ทำจนกว่า เราจะเริ่มเหนื่อย หรือ ว่า เหงื่อเริ่มออก การทำท่าแทงเข่า จะช่วยยืดกล้ามเนื้อ ในส่วนที่เป็น กล้ามเนื้อต้นขา และ กล้ามเนื้อ ในส่วนหน้าท้อง

ข้อดีของการ ยืดกล้ามเนื้อ ในท่าแทงเข่า ช่วยให้เรา ทำท่าแทงเข่า ได้ดีขึ้น และ ควรเพิ่มความเร็ว ไปเรื่อย ๆ ให้เกมือนกับ ว่าเรากำลังวิ่งเร็ว แต่เป็นการวิ่ง อยู่กับที่

 

3. ท่ากระโดดสูง

ท่ากระโดดสูง ท่านี้ เป็นท่าที่ ยืดกล้ามเนื้อ ท่าปกติที่ไม่ค่อย อะไรมาก แต่เราขอบอกเลยว่า ท่ากระโดดสูง เป็นท่าที่เรียก เหงื่อได้ไม่น้อย การกระโดดสูง เราจะต้องกระโดดให้ หน้าขา และ หัวเข่าของเรา ติดชิดกับหน้าอก ท่ากระโดสูง ทำได้ง่าย ๆ โดยการที่เรายืนตรง ๆ และ กระโดดแล้วยกขาของเรา ทั้งสองข้าง ให้มาชิดกับหน้า อก ของเรา

ทำท่ากระโดดสูง ประมาณ 3 – 5 นาที ข้อดี ของท่ากระโดดสูง จะเป็นการยืดกล้ามเนื้อขา ทุกส่วน

 

ก่อนเริ่มฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) เราสามารถ เอาท่ายืดกล้ามเนื้อ ทั้งสามท่านี้ ไปใช้ยืดกล้ามเนื้อได้ เพื่อให้เราสามารภ ฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) ได้อย่างปลอดภัย และ ไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ จาการฝึกซ้อมมวยไทย ( Muay Thai ) เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มซ้อม ทุกครั้ง เราต้องยืดกล้ามเนื้อ ก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไร ก็ตาม

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหล่ติด อาการยอดฮิตของนักมวย มวยไทย ( Muay Thai )

เบิร์นไขมัน ทั่วร่างด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

เบิร์นไขมัน ทั่วร่างด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

เบิร์นไขมัน ทั่วร่างด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน หรือเพื่อ เบิร์นไขมัน ไม่ได้มีแค่การวิ่งเท่านั้น แต่การออกกำลังกายด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกในการออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญไขมัน แบบทั้งร่างกาย ได้เช่นกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย ที่ในปัจจุบันกลายเป็น กีฬาชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมกันอย่างมาก สำหรับผู้ที่สนใจ ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และโดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องการ ออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ ที่ต้องการกระชับสัดส่วน เบิร์นไขมัน หรือน้ำหนัก การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ถือว่าเป็น การออกกำลังกาย ที่ช่วยในเรื่องเหล่านี้ได้ ด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยเผาผลาญไขมันได้

 

การออกกำลังกายด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จัดได้ว่าเป็น การออกกำลังกาย ในประเภท คาร์ดิโอ ( Cardio ) แบบ High Intensity Interval Training ( HIIT ) ประเภทหนึ่ง เนื่องจาก เป็นการออกกำลังกาย แบบหนักสลับเบาไปเรื่อย ๆ จากการชกมวย ต่อยมวย หรือออกอาวุธ รูปแบบต่าง ๆ โดยใช้เวลาไม่นาน  แต่จะสามารถเผาผลาญไขมันได้ดี

 

 

โดยรูปแบบของ การคาร์ดิโอ แบบ High Intensity Interval Training อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) จะมีข้อดีในเรื่องของ การเผาผลาญไขมันในร่างกาย ได้รวดเร็วกว่า การคาร์ดิโอ แบบ Long Intensity Steady State หรือ LISS ที่เป็น การออกกำลังกาย ที่ใช้แรงน้อยกว่า และในระยะเวลา ที่นานกว่า อีกด้วย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ออกกำลังกายครบทุกส่วน

 

การออกกำลังกาย สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้มีแค่การใช้หมัด ชก ต่อยเท่านั้น แต่ยังมีการออกอาวุธอย่างการใช้ ขา เข่า และศอก ที่ช่วยให้ผู้ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ออกกำลังกาย ครอบคลุม ทุกส่วนของร่างกาย จากการออกอาวุธในส่วนต่าง ๆ ได้

 

ด้วยเหตุผลทั้ง 2 ข้อนี้ การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จึงถือว่าเป็น ทางเลือกหนึ่งใน การออกกำลังกาย สำหรับ ผู้ที่ต้องการออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนัก รีดไขมัน หรือกระชับสัดส่วนของร่างกายได้ ที่สามารถเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี และครอบคลุม การใช้ กล้ามเนื้อในแต่ละส่วนของร่างกายได้

 

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการ ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ได้ประสิทธิภาพในการ ลดน้ำหนัก เบิร์นไขมัน หรือกระชับสัดส่วน ให้ดีที่สุด ต้องมีการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการใช้ชีวิต ในด้านอื่นร่วมด้วย ดังต่อไปนี้

 

ควบคุมอาหาร

 

ถึงแม้ว่าคุณจะ ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างสม่ำเสมอ แต่หากไม่ได้ ควบคุมอาหาร อันเป็นต้นเหตุของ การเพิ่มน้ำหนักตัวของคุณได้ การชกมวย ต่อยมวยของคุณ อาจไม่เป็นผล โดยเฉพาะ การรับประทานอาหาร ประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน รวมถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจาก เป็นอาหารที่มี คอเลสเตอรอลสูง และควรเปลี่ยนมาเน้นการทาน อาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ปลา รวมถึง หลีกเลี่ยง การใช้น้ำมัน ในการประกอบอาหาร อีกด้วย

 

 

พักผ่อนให้เพียงพอ

 

เมื่อเรา ออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มาอย่างเหน็ดเหนื่อย การพักผ่อน ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้ร่างกายของเราได้มีการพักผ่อนที่เพียงพอ จึงจะทำให้ร่างกาย ได้มีการพักผ่อน และปรับเปลี่ยนสมดุลร่างกาย ขณะที่เรานอนหลับได้ โดยในแต่ละวัน ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้ต่อเนื่อง 7-9 ชั่วโมง

 

การออกกำลังกาย ด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ควบคุมอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ 3 สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องปฏิบัติ ควบคู่กันไป เพื่อทำให้ การลดน้ำหนักของคุณ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้ สำหรับใครที่กำลังมองหา สถานที่เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีทั้งหมด 3 สาขา คือ สาขาศรีนครินทร์ สาขารัชดา และสาขาข้าวสาร

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระโดดเชือกช่วยอะไร

ไหล่ติด อาการยอดฮิตของนักมวย มวยไทย ( Muay Thai )

กระโดดเชือกช่วยอะไร

กระโดดเชือกช่วยอะไร

การกระโดดเชือก เป็นสิ่งที่มาคู่กับ นักมวย และ เรามักจะเห็นนักมวย มีการ กระโดเชือกอยู่บ่อย ๆ นั่นเป็นอเพราะอะไร เราไปดูกัน

 

การกระโดเชือก เป็นสิ่งที่มาคู่กับนักมวย ก็ว่าได้  และ ยังเป็นนสิ่งที่นักมวย ต้องทำอยู่เป็นประจำ เพื่อเป็นการฝึกซ้อม ของนักมวยด้วย หากเพื่อน ๆ เคยศึกษา เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อน ๆ ก็จะรู้ดีว่า การกระโดดเชือกนั้น กลายเป็นกิจวัตร ประจำวัน ของนักมวยไปแล้ว เพราะว่า การกระโดดเชือก ของนักมวย ช่วยทำให้เกิด ประโยชน์ หลาย ๆ อย่าง

 

1. ช่วยในการฝึกทักษะฟุตเวิร์ค ( Footwork )

การที่ นักมวยจะมี การเคลื่อนไหว หรือ ฟุตเวิร์ค ( Footwork ) ที่ดีนั้น จำเป็น อย่างมากที่จะต้อง มีการฝึกก้าว ฝึกเดิน ฝึกใช้ขา เช่นการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า หรือ การถอยหลัง ซึ่งเป็น สิ่งที่มีความสำคัญ อบ่างมาก ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เพราะ การฟุตเวิร์ค ( Footwork ) นั้น จะต้องมีการขยับขา และ เท้าของเรา อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้พร้อม กับการเคลื่อยไหว ดังนั้น หากเรา ต้องการฝึกฟุตเวิร์ค ( Footwork ) ให้มีคุณภาพ และ แข็.แรง การกระโดดเชือก ก็เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้เรา มีฟุตเวิร์ค ( Footwork ) ที่ดี

 

โดยการกระโดดเชือก ของนักมวยนั้น จะแตกต่างจากคนทั่วไปคือ การกระโดดเชือกแบบนักมวย จะมีการกระโดด แบบสลับเท้า เพื่อจำลองว่า เรากำลัง ก้าวเท้า หรือ เดินนั่นเอง และ การแกว่งเชือก ยังช่วยเพิ่ม พละกำลังที่แขน ทำให้เวลาเรา ฟุตเวิร์ค ( Footwork ) แขนของเรา ก็จะไม่ล้า ไม่เมื่อยนั่นเองครับ เราจะเห็นได้ว่า เพียงแค่ การกระโดดเชือก เพียงอย่างเดียว ก็สามารถพัฒนากล้ามเนื้อ ได้หลายส่วน

 

2. ช่วยในการ คาร์ดิโอ ( Cardio Exercise )

คาร์ดิโอ ( Cardio Exercise ) เป็นการออกกำลังกาย ที่เป็นการ ส่งเสริม กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจของเรา สามารถปั้มเลือดได้ดีขึ้น และ ยังทำให้ปอดของเรา นำออกซิเจน มาใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้น นักมวยจึงต้อง มีการกระโดดเชือก เพื่อฝึกความอึด ทึก ทน ของปอด ให้สามารถทำงานได้มากขึ้น เพราะว่า กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องมีการใช้ พลังงาน เยอะมาก ๆ และ ต้องมีการหายใจ ให้ถูกจังหวะ และ เพื่อให้ ร่างกายของเรา ชินกับการใช้พลังงาน ชินกับการใช้ลมหายใจ

 

นอกจากนี้ ในการแข่งขัน หรือ การซ้อมแบบลงนวม ยังมีความตื่นเต้น ทำให้นักมวย มีการหายใจที่ถี่ขึ้น หายใจเร็วขึ้น ทำให้เหนื่อยง่าย การกระโดดเชือก จึงเป็นวิธี ที่จะช่วยให้การ หายใจของเรา มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นเองครับ นอกจากนี้ ยังทำให้นักมวยเอง เหนื่อยยากขึ้นอีกด้วย เพราะการกระโดดเชือก จะเป็นการ ฝึกใช้ปอด ทำให้ตัวนักมวย มีการบริหาร ลมหายใจที่ดี และ ทำให้เหนื่อยยากขึ้น นั่นเองครับ

 

3. การกระโดดเชือก ช่วยฝึกสมาธิ

ไม่ว่าจะเป็นการชกบนเวที หรือ การซ้อมก็ตาม กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องมีการใช้ สมาธิเป็นอย่างมาก เพราะว่า ในขณะที่อยู่บนเวที หรือ สนามมวย เรามีเพียงสองตา ที่จะมองคู่ต่อสู่เท่านั้น และ การออกอาวุธของกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การชก การเตะ การใช้ศอก การใช้เข่า ดังนั้น นักมวยจึงต้องมีสมาธิดี มาก ๆ การกระโดดเชือก ก็เป็นหนึ่งใน วิธีที่จะฝึก สมาธิ ให้กับนักมวย เพราะ การกระโดดเชือก การแกว่งเชือก และ การกระโดด จะต้องมีความสัมพันธ์กัน เป็นอย่างมาก หากทั้งสองอย่างนี้ ไม่มีความสัมพันธ์กัน ก็จะทำให้เรา สดุดได้นั่นเอง

 

เพื่อน ๆ คงได้ทราบกันแล้ว ใช่ไหมครับ ว่าการกระโดดเชือก มีแระโยชน์ อย่างไร หากเพื่อน ๆ อยากพัฒนาร่างกาย ก็ลองเริ่มจากง่าย ๆ โดยการกระโดดเชือก นะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

มวยตับจาก มวยไทย พื้นบ้าน สุดบันเทิง

รายการอาหาร สำหรับนัก มวยไทย

 

ไหล่ติด อาการยอดฮิตของนักมวย มวยไทย ( Muay Thai )

ไหล่ติด อาการยอดฮิตของนักมวย มวยไทย ( Muay Thai )

เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า นักมวย ทั้งกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) และ มวยสากล นั้นมี อาการยอดฮิตของนักมวย ที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่างอาการ ไหล่ติด หรือ โรคไหล่ติด เราเลยจะมาบอกเล่า อาการ สาเหตุ และ การป้องกัน โรคนี้กันค่ะ

 

ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นักมวย นั้นมีอวัยวะ ที่ใช้ออกกำลังมากที่สุด ก็คือ หมัด เพราะต้องคอย ชกออกไปเรื่อย ๆ เพื่อหยั่งเชิง หรือ เพื่อทำลาย จังหวะของคู่ต่อสู้ หัวไหล่ ก็เป็นตัวส่งแรงเช่นกัน และ ถ้าหากตัวเรา มีอาการปวดไหล หรือ อาการไหลติด จะส่งผลเสีย ต่อการฝึกซ้อม มากเลยทีเดียว

 

การปวดไหล่ กับสัญญาณเริ่มต้น อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder )

อาการปวดไหล่ เป็นปัญหา ที่พบได้มาก และ บ่อยขึ้น ของอาชีพนักมวย โดยอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือ เรื้อรัง หากมีอาการปวดไหล่ ระหว่างเอื้อมหยิบ ของจากที่สูงเอื้อมมือไปรูดซิบด้านหลังเสื้อไม่ได้ ล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังลำบาก ยกแขนเพื่อสวมเสื้อ ผ่านทางศีรษะไม่ได้ หรือ เวลาชกต่อยลมรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ตรงบริเวณหัวไหล่ สัญญานพวกนี้ บ่งบอกแล้วว่า หัวไหล่ ของเรากำลังมีปัญหา

 

สาเหตุของ อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder )

การชกต่อย ต้องใช้แรงส่ง จาก หัวไหล่ อยู่แล้ว และ ยิ่งกระแทกไปถึงหัวไหล่อีกด้วย ก็ยิ่งจะเสี่ยงเกิด อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) สาเหตุเกิดจาก เส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่อักเสบ เกิดการบวม และ หนาตัวขึ้น เมื่อยกแขน หรือ ไขว้มือด้านหลัง จะทำให้เส้นเอ็นถูกยืด และ กระตุ้นให้เกิด ความเจ็บปวด จนผู้ป่วยไม่กล้ายกแขนขึ้น เหนือศีรษะ หรือ เคลื่อนไหวหัวไหล่

 

และเมื่อยิ่งหลีกเลี่ยง จะยิ่งทำให้เอ็นรอบข้อไหล่ หนาตัวมากขึ้น องศาการเคลื่อนไหว จะน้อยลง และ หากไม่ใช้แขน ข้างที่มี อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) เป็นเวลานาน กล้ามเนื้อแขนข้างนั้น จะฝ่อลีบลง

 

 

ผู้ที่มีความเสี่ยงกับ อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder )

อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) ติดมักพบใน ผู้ที่มีอายุระหว่าง 40 ถึง 60 ปี โดยเกิดกับ เพศหญิง มากกว่า เพศชาย ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุที่หัวไหล่ แขนหัก ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก และ ก็ นักมวยไทย ที่ฝึกซ้อม แล้วเกิดการพลาดได้ และ ผู้ที่เข้ารับ การผ่าตัดที่หัวไหล่ รวมถึงผู้ที่เป็น โรคเบาหวาน ซึ่งมีแนวโน้ม เกิด อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) มากเป็น 2 เท่า ของคนปกติ

 

 

วิธีรักษา อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder )

โดยปกติ อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) สามารถหายได้เอง ภายใน 2-3 ปี แต่สร้างความลำบาก ต่อการใช้ชีวิต และ ทำให้รู้สึกทรมาน จากอาการปวด จึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ให้อาการหายไปได้เอง

 

การรักษา จะรักษาตามอาการ

  • ระยะที่ 1 จะให้ทานยา หรือ ฉีดยา
  • ระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ใช้วิธีกายภาพบำบัด ภายใต้คำแนะนำ ของนักกายภาพบำบัด

 

ทั้งนี้หากมี อาการรุนแรง และ รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผลนานกว่า 6 เดือน แพทย์อาจจะรักษา โดยการผ่าตัด

 

ยิ่งเป็น นักมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) แล้วละก็ ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะ อาการไหล่ติด ( Frozen Shoulder ) นี้ เป็นกันบ่อย ๆ เกือบจะทุกคนในค่าย แต่ไม่รู้สึกตัว และ หายไปเอง จริง ๆ นักมวย มีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็อย่าละเลย อาการ พวกนี้นะคะ เป็น นักมวย ก็ต้องรักษาตัว และ ฝึกซ้อมให้พอดี อย่าหักโหมจนเกินไป จนเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นนะคะ

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ อาการยอดฮิตของนักมวย ที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่างอาการ ไหล่ติด หรือ โรคไหล่ติด ที่เราได้นำมาเสนอกัน  หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

เทคนิคการทรงตัว เมื่อขึ้นชกบนสังเวียน มวยไทย

เทคนิคการทรงตัว เมื่อขึ้นชกบนสังเวียน มวยไทย

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำเพื่อน ๆ เกี่ยวกับ เทคนิคการทรงตัว หรือ การสร้างสมดุลร่างกายเมื่อขึ้นชกบนสังเวียน มวยไทย มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันในบทความนี้ค่ะ หากเพื่อน ๆ พร้อมแล้วตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ

 

มวยไทย ( Muay thai ) ต้องใช้ทั้ง ความเร็ว ความอดทน ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ เพราะกีฬา มวยไทย ( Muay thai ) คือ การที่เราต้องออกไปต่อสู้ กับคู่ต่อสู้ ซึ่งสามารถทำให้เรา ได้รับบาดเจ็บ ได้นั้นเอง แต่ถ้าเรายิ่งฝึกซ้อมร่างกาย มาเป็นอย่างดี แน่นอนว่าร่างกายของเรา จะมีความทนทาน แข็งแรง และ ยังไปช่วย สร้างสมดุลร่างกาย ได้ดี และ มีประสิทธ์ภาพอย่างมาก เราไปดูดีกว่า กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) นั้น จะสามารถสร้างสมดุล ให้กับร่างกาย ของเราได้อย่างไร

 

สร้างสมดุลให้ ร่างกาย ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

การฝึก หรือ การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้น เป็นที่รู้กันดีว่า มวยไทย ( Muay thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ความอดทนของร่างกาย แทบจะทุกส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว สมาธิ ความว่องไว และ ปัญญา การที่เราฝึก หรือ ซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ทุกวันนั้น ไม่ใช้แค่จะทำให้ร่างกายของเรา แข็งแรง ยังไปทำให้ร่างกายของเรา มีความสมดุลอีกด้วย อีกทั้ง มวยไทย ( Muay thai ) ยังไปช่วยสร้าง กล้ามเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี รับลองได้เลย ใครที่กำลังฝึก มวยไทย ( Muay thai ) อยู่นั้นคุณจะได้ ทั้งความว่องไว สมาธิ ไหวพริบ เพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดความเครียด

ในแต่ละวันนั้น แน่นอนว่าเราต้องพบ ต้องเจอกับ อะไรหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาหาเรา ในแต่ละวัน ความเครียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด จากการทำงาน ความเครียด จากเรื่องเรียน เรื่องแฟน เรื่องเพื่อน หรือ เรื่องครอบครัว เรามักจะมีความเครียดสะสม อยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราอยากระบายความเครียด แถมยังได้ประโยชน์ ให้แก่ร่างกายของเรา เราขอแนะนำลองไปซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูสิ เผื่อช่วยให้คุณ หายเครียดได้นะ

 

เพราะการฝึก หรือ การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้นเป็นการ ออกกำลังกาย ที่ได้ทั้ง ความสนุก ได้ใส่อารมณ์ได้เต็มที่ ยิ่งเราได้ ปล่อยหมัด หรือ ปล่อยลูกเตะ ใส่กระสอบทราย แล้วละก็อาจทำให้ เราได้ระบายอารม ได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้ายิ่งเรา ออกกำลังกาย มากเท่าไหร่ ร่างกายของเราก็ จะหลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) ที่ทำให้เรามีความสุข ได้นั้นเอง ดังนั้นการชก มวยไทย ( Muay thai ) จะทำให้ ร่างกาย หลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) นี้ออกมา ได้อย่างเต็มทีอีกด้วย

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการ ออกกำลังกาย ในการซ้อม หรือ การฝึก มวยไทย ( Muay thai ) นั้น จะสามารถช่วยให้เรา เผาผลาญแคลอรี่ ในร่างกายของเรา ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังมองหาวิธี ลดความอ้วนอยู่ เราขอแนะนำลองมาฝึก มาซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูสิ เราจะได้ทั้ง หุ่นที่ดี กล้ามเนื้อที่แข็งแรง และ รับลองได้เลย ว่า จะช่วยคุณลดความอ้วน ได้เป็นอย่างดี แน่นอน

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ เทคนิคการทรงตัว ที่เราได้นำมาเสนอกัน  หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

กลวิธีการใช้ ศอก ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

กลวิธีการใช้ ศอก ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ศอก อวัยวะสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ใช้ออกอาวุธ สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) และถือได้ว่าเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของ มวยไทย เลยทีเดียว เพราะจะใช้ได้เฉพาะใน ระยะประชิดคู่ต่อสู้ ด้วยการใช้ศอก จะมีกลวิธีใดบ้าง มาติดตามกันครับ

 

การใช้ศอก ในกีฬา มวยไทย ( Muay ) เรียกว่า การตีศอก หรือ การฟันศอก ซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้ออกอาวุธที่มี ความแรงและเป็นอันตรายได้ เพราะ ศอก เป็นอวัยวะที่มี กระดูกแหลมคม และแข็งแกร่ง เมื่อรวมกับ แรงในการออกอาวุธ จะทำให้มี ความรุนแรง มากยิ่งขึ้น หากหากโดนศอก เข้าอย่างจัง อาจถึงขั้น เสียชีวิตได้ โดยการใช้ศอก หรือ การตีศอก มีกลวิธีของการใช้ศอก ดังนี้

 

ศอกตี

 

ศอกที่ตีในลักษณะแนวดิ่งลงสู่พื้น โดยการใช้แรงหมุนจาก หัวไหล่กดเฉียงลง ใช้มือที่ตีนั้น หันเข้าหาลำตัว พร้อมกับใช้อรงส่งจากเท้า เป้าหมายใน การตีศอก คือ ใบหน้า และศีรษะของคู่ต่อสู้

 

ศอกตัด

 

ศอกลักษณะนี้ จะตีในแนว ขนานกับพื้น โดยใช้ การเหวี่ยง ของแรงกระตุก จากหัวไหล่ อย่างรวดเร็ว ใช้แรงส่งมา จากสะโพก แล้วบิดตัวให้มาก จึงจะถึงเป้าหมาย อย่างรุนแรง มือและ ข้อศอกที่ตี อยู่ในระดับเสมอกับปาก เป้าหมายการ ตีเข้าที่ใบหน้า ของคู่ต่อสู้

 

ศอกงัด

 

เป็นศอก ที่ใช้ตีเสยขึ้น โดยการงัดขึ้นตรง ๆ หรือบางครั้ง อาจเฉียงเล็กน้อย การงัดให้ย่อตัวลง เพื่อที่จะ ใช้แรงส่งจากเท้า ใช้เมื่อคู่ต่อสู้ จะเข้ามาจับคอตีเข่า ให้ใช้ศอกงัด เข้าที่เป้าหมาย คือ ปลายคางของ คู่ต่อสู้

 

ศอกพุ่ง

 

ศอกที่ตั้งไว้ ตรงข้ามกับคู่ต่อสู้ หรือที่คู่ต่อสู้ จะรุกเข้ามา ท่านี้ต้อง พับข้อแขน ให้ปลายศอก ส่วนแหลมชี้ไปข้างหน้า ให้ศอก ขนานกับพื้น ควรใช้ศอกที่อยู่ด้านหน้า เพรา ะอยู่ใกล้กว่า และศอกพุ่ง ออกไปตรง ๆ ใช้การสืบเท้า อาศัยแรงส่ง จากเท้าหลัง เข้าหาคู่ต่อสู้ เป้าหมาย ของการ ตีศอกพุ่ง คือ ใบหน้าของ คู่ต่อสู้

 

ศอกกระทุ้ง

 

เป็นการตีศอกที่เกิดจาก การตีศอก ที่ผิดพลาด พร้อมกับ กระชากศอกกลับ คืนมายังเป้าหมาย ในลักษณะเดิม กระทุ้ง กลับเฉียงไป ข้างลำตัว โดยใช้ แรงส่งจากเท้า ใช้เมื่อคู่ต่อสู้ เข้ามาประชิดตัว ทางด้านหลัง หรือถูกกอดปล้ำ เป้าหมายของ ศอกกระทุ้ง มักจะเป็น บริเวณลำตัว ของคู่ต่อสู้

 

ศอกกลับ

 

เป็นการตีศอก โดยการหมุนตัว ตีศอกออกไป ทางด้านหลัง ส่วนใหญ่ มักตีศอกกลับ ในแนวดิ่ง และศอกกลับแนวขนานกับพื้น สามารถ เพิ่มความรุนแรง ให้มากขึ้นได้ จากการ หมุนตัว ด้วยความเร็ว ที่สัมพันธ์กับ การตีศอก เป้าหมาย ของการตีศอก รูปแบบนี้ มักอยู่ที่ ใบหน้า และศีรษะ ของผู้ต่อสู้

 

ในการแข่ง มวยไทย ( Muay Thai ) การออกอาวุธด้วย การใช้ศอก จะไม่ค่อยถูกใช้งานมากนัก เนื่องจาก การจู่โจมคู่ต่อสู้ หรืออกอาวุธ ด้วยศอกนั้น ต้องทำได้อย่าง รวดเร็ว และว่องไว ซึ่งการที่จะทำเช่นนั้นได้ นักมวย จะต้องสามารถออกแรง ในระยะสั้น ให้ได้ จึงจะมีประสิทธิภาพ ในการออกอาวุธ ไปยังคู่ต่อสู้ ด้วยการตีศอก ซึ่งการใช้ศอกจู่โจมแบบ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ถูกต้อง ใช้ตรงปลายข้อศอกที่แหลม และแคบใน การสัมผัสเป้าหมายได้

 

หากใครสนใจอยากเรียนรู้ การออกอาวุธในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในรูปแบบต่าง ๆ  เราขอแนะนำ สถานที่เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถติดต่อ ขอรายละเอียดได้ที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีทั้งหมด 3 สาขา คือ สาขาศรีนครินทร์ , สาขารัชดา และสาขาข้าวสาร

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยตับจาก มวยไทย พื้นบ้าน สุดบันเทิง

ก่อนลง สนามมวย นักมวย ต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง

กระจับ สำคัญขนาดไหน

กระจับ สำคัญขนาดไหน

กระจับ ( Groin Guard ) เป็นอุปกรณ์ ที่นักมวยต้องใช้ เพื่อป้องกัน กันกับจุดบอบบาง ( เป้า หรือ อวัยวะเพศ ) ของเรา เพราะ ในสังเวียนมวยไทย เป็นการใช้แรง เพื่อสู้กัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใส่กระจับ เพื่อป้องกัน

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้องมี การใช้แรงปะทะ หรือ ใช้กำลังในการต่อสู้ เพื่อที่จะเอาชนะ คู่ต่อสู้ ด้วยการออกอาวุธ ต่าง ๆ ที่ว่าจะเป็น การออกหมัด การเตะ การฟันศอก หรือ การตีเข่า การกระทำเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผล ให้เกิด แรงกระแทก เกิดแรงสั่นสะเทือน ต่อร่างกายของเรา และ อวัยวะภายในต่าง ๆ ซึ่งการกระทบเหล่านี้ เราสามารถเลี่ยงได้ และ ในบางทีก็อาจจะพลาดมาโดนจุดสำคัญ อย่าง เป้า หรือ อวัยวะเพศ ของเราได้ ดังนั้น นักมวยจึงต้องใส่กระจับ ( Groin Guard ) เพื่อปป้องกัน การบาดเจ็บ

จุดประสงค์ของการใส่กระจับ

กระจับ ( Groin Guard ) เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว ชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) และ ใช้ในกีฬาหลาย ๆ ประเภท อย่างกีฬาที่ต้องมีการใช้แรงปะทะ เช่น มวยสากล เทควันโด้ ต้องมีการใส่ กระจับ ( Groin Guard ) เพื่อให้เกิดความกระชับ การป้องกัน ที่อาจจะมากระแทก ที่อวัยเพศของเราได้ เนื่องจาก  กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่เสี่ยงต่อการบาดดเจ็บ บริเวณท้อง ขาหนีบ และ อาจจพลาดไปโดนที่อวัยเพศได้ ถึงแว้ง่า ในกติกาของ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎคือ ห้ามต่อย หรือ เตะ ใต้เข็มขัดก็ตาม แต่ถึงอย่างไร ก็อาจจะพลาดได้ ดังนั้น เราจึงต้องมีการป้องกันเอาไว้

กระจับ ( Groin Guard ) ตัวช่วยป้องกัน อวัยวะเพศ

อวัยวะเพศของคนเรานั้น มีความบอบบางอย่างมาก และ อวัยวะเพศของคนเรา ยังมีเส้นประสาท และ เลือดจำนวนมาก เมื่อมีการกระทบ หรือ กระแทก ทำให้อาการเจ็บ ปวด มีอาการที่รุนแรมากกว่า จุดอื่น เพราะฉะนั้น เราจึงต้อง มีความจำเป็น ที่จะต้อง หาอุปกรณ์ มาเพื่อป้องกันอวัยวะเพศของเรา โดยการป้องกัน ไม่เพียงแต่ใช้ ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เท่านั้น แต่ จะเป็นต้องใช้ในกีฬา ที่ต้องมีการปะทะ กับคู่ต่อสู้

ข้อดีของการใส่กระจับ ( Groin Guard ) คือ  เมื่อมีแรงมากระแทก ตรงอวัยวะเพศ กระจับ ( Groin Guard ) จะทำหน้าที่รับแรงกระแทก ที่มากระทบต่อ อวัยเพศของเรา ทำให้เรามีการบากเจ็บ ที่น้อยลง และ แรงที่มากระทบกับ กระจับ ( Groin Guard ) ยังมีการถ่ายเท ไปที่โคนขาหนีบ แทนการโดน อวัยเพศโดยตรง นั่นเองครับ

ผู้หญิงจะเป็นต้องใส่กระจับ ( Groin Guard ) หรือไม่

ถึงแม้ว่าเพศหญิง จะไม่ได้อวัยวะเพศที่ยื่นออกมา จากร่างกายของเราก็ตาม แต่อวัยเพศหญิง ก็มีความบอบบาง ไม่ต่างกับ อวัยวะเพศ ของผู้ชาย เพราะฉะนั้น นักมวยหญิง หรือ นักกีฬาเพศหญิง ก็ต้องสวมกระจับ ( Groin Guard ) เช่นกัน โดย กระจับ ( Groin Guard ) ของเพศหญิง จะครอบอยู่ภายนอกกางเกง เหมือนกีฬามวยสากล แต่มีขนาดที่เล็กกว่า นอกจากนี้ นักมวยหญิง ยังต้องใส่เกราะอก หรือ กระจับนมหญิง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ จากการกระทบ ที่หน้าอก

กระจับ ( Groin Guard ) จึงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเพศชาย หรือ เพศหญิง เพราะหากเรา ไม่มีการใส่ กระจับ ( Groin Guard ) อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เกิดขึ้นได้ อาจจะเกิดจากความ พลาด หรือ ความตั้งใจ เพราะเหตูนี้ เราจึงต้อง มีการสวมใส่ กระจับ ( Groin Guard ) เพื่อป้องกัน และ ลดแรงกระแทก ที่เข้ามากระทบ อวัยวะเพศของเรา หากเราโดน กระแทกเต็ม ๆ โดยที่ไม่มีการสวมใส่ กระจับ ( Groin Guard ) ก็อาจจะทำให้เกิดอาการ จุก หน้ามืด หรือ ปวดท้อง เป็นต้น  เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬา และ นักมวยจึงต้อง มีการสวมใส่ กระจับ ( Groin Guard )

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยตับจาก มวยไทย พื้นบ้าน สุดบันเทิง

เฟิร์มหุ่น ด้วยมวยไทย เจริญทองมวยไทยรัชดา

รายการอาหาร สำหรับนัก มวยไทย

รายการอาหาร สำหรับนัก มวยไทย

เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า นักมวย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย หรือ มวยสากล ต่างก็ต้องควบคุมน้ำหนัก และ ดูแลรูปร่างกันทั้งนั้น มาดู รายการอาหาร สำหรับ นักมวย กันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง และ มีโภชนาการอย่างไร

 

รายการอาหารสำหรับนักมวย

ไก่ ( Chicken )

ผลวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับแคลอรี่ 30% จากอาหารประเภท โปรตีน ( Protein ) จะมีน้ำหนักน้อยกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ได้รับ แคลอรี่ จาก โปรตีน ( Protein ) น้อยกว่า 30% ถ้าจะให้ดีควรจะเลือกซื้อ ไก่ที่เลี้ยง แบบออร์แกนิก และ ปราศจากฮอร์โมนเร่งโตค่ะ

 

บลูเบอร์รี่ ( Blueberry )

บลูเบอร์รี่ ( Blueberry ) เป็นผลไม้ที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant )  ที่ช่วยให้ร่างกาย เผาผลาญไขมันได้ดี และ รสชาติยังดีอีกด้วย จะเอาไปทำ สมูธตี้ ( Smoothies ) หรือ เติมในสลัดผลไม้ ก็อร่อยเข้ากันดีนะ

 

ขนมปัง ข้าวกล้องงอก ( Brown Rice Bread )

เป็นขนมปัง ที่ผสมข้าวสาลีงอกแบบเต็มเมล็ด อารมณ์คล้าย ๆ ข้าวกล้องงอกบ้านเราค่ะ ซึ่งมีข้อดี คือ เอนไซม์ ( Enzyme ) ที่ผลิตขึ้นระหว่างงอกนั้น จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น ช่วยในการขับถ่าย และ มีสารอาหารเพียบ นำมาทำเป็นเมนู แซนด์วิชกินมื้อเช้า ก็อิ่มท้อง แถมอร่อยด้วยนะ !

 

ชาเขียว ( Green Tea )

นักวิจัยเค้าพิสูจน์มาแล้วค่ะ ว่าคน ออกกำลังกาย ที่ดื่ม ชาเขียว ( Green Tea ) 4 แก้วต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน จะมีไขมันรอบเอวน้อยกว่า คนที่ดื่มเครื่องดื่ม คาเฟอีนชนิดอื่น อยากผอมลองไปหา ชาเขียว ( Green Tea ) มาดื่มด่วน ๆ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็น ชาเขียว ( Green Tea ) รสธรรมชาติไม่เติมนม หรือ น้ำตาลนะคะ

 

อโวคาโด ( Avocado )

เจ้าอโวคาโด ( Avocado ) ลูกสีเขียวเนื้อเนียนนี้ เป็นแหล่งของไขมันดี ( HDL ) ที่ช่วยลดไขมันรอบเอวได้ จะนำมาทำเป็น สลัด หรือ สมูธตี้ ( Smoothies ) ก็เข้ากันดี อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

 

แอปเปิล ( Apple )

แอปเปิล ( Apple ) เป็นผลไม้ที่มีเส้นใย ละลายน้ำได้ ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาล ในเลือดคงที่ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ง่าย ทำให้ลดอาการโหย ทำให้เราอยากกินจุบจิบน้อยลง ที่สำคัญแอปเปิล ( Apple ) ยังแคลอรี่น้อยด้วยค่ะ จะกินเป็นมื้อดึก ก็สบายท้องแน่นอน

 

เคล และ บรอคโคลี่ ( Kale and Broccoli )

มีสาร ไอ - ทรี - ซี ( Indole - 3 - Carbinol หรือ I3C ) ซึ่งจะช่วยต้าน ซีโนเอสโตรเจน ( Xenoestrogens ) ซึ่งเป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ที่เลียนแบบ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ( Estrogen Hormone ) ในร่างกาย และ ทำให้เกิดไขมันรอบเอว รวมถึงก่อมะเร็งด้วย การทาน เคล และ บรอคโคลี่ ( Kale and Broccoli ) จึงมีส่วนช่วย ลดไขมันรอบเอว และ ลดความเสี่ยง ต่อโรคมะเร็ง ได้อีกทางค่ะ

 

มะเขือเทศ  ( Tomatoe )

เมนูไหนมี มะเขือเทศ  ( Tomatoe ) บอกเลยว่าดีงามค่ะ เพราะ มะเขือเทศ ( Tomatoe ) มี วิตามิน ซี ( Vitamin C ) สูง ช่วยลด ฮอร์โมนคอร์ติซอล ( Cortisol Hormone ) ได้ดี

 

กระเทียม ( Garlic )

กระเทียม ( Garlic ) มีส่วนช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญ และ ปรับสมดุลน้ำตาล ในเลือดได้ค่ะ

 

แซลมอน ( Salmon )

ใครชอบกินแซลมอน ( Salmon ) บอกเลยว่าแฮปปี้ค่า เพราะมันเต็มไปด้วย กรดไขมัน ( Fatty Acids ) โอเมก้า 3 ( Omega 3 ) ซึ่งเป็น ไขมันดี ( HDL ) ต่อร่างกาย และ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อมาเผาผลาญ ไขมันชนิดเลว ( LDL ) อีกต่อหนึ่งค่ะ แต่อย่างไรก็กิน อย่างพอประมาณ นะคะ ไม่อย่างนั้นก็อ้วน ได้เหมือนกัน !

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ มวยไทย ที่เราได้นำมาเสนอกัน  หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยตับจาก มวยไทย พื้นบ้าน สุดบันเทิง

มวยตับจาก มวยไทย พื้นบ้าน สุดบันเทิง

หากใครได้ติดตาม ข่าวพื้นบ้านตามโทรทัศน์กันมาบ้าง คงจะเคยเห็นการเล่น กีฬาพื้นบ้าน ที่มีการประยุกต์จาก มวยไทย ( Muay Thai ) อย่าง มวยตับจาก อย่างแน่นอน  วันนี้เราจะมา ทำความรู้จักกัน มวยชนิดนี้ให้มากขึ้นกันครับ

 

มวยตับจาก คืออะไร?

 

มวยตับจาก เป็นกีฬาพื้นบ้าน ยอดนิยมของ ภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในจังหวั ดชลบุรี เนื่องจาก ในสมัยก่อน มีการปลูกต้นจากใน พื้นที่เยอะ จึงนำมาประยุกต์เข้ากับกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) แต่ปัจจุบัน กีฬา มวยชนิดนี้ ก็ได้เริ่มเลือนหายไปเรื่อย ๆ เพราะ ส่วนหนึ่งมาจาก มีการปลูกพืชชนิดนี้ ที่น้อยลง

 

อุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน

 

1. นวม 2 คู่ สำหรับผู้ต่อสู้ทั้ง 2 ฝ่าย

2. ผ้าปิดตา 2 ผืน ในบางพื้นที่ใช้ผ้าขาวม้า ผืนเล็กในการผูก

3. เชือก สำหรับขึงเป็นเวที

4. ใบจากแห้ง จำนวนมาก เพื่อปูให้ทั่วพื้นเวที

5. ไม้หลัก 4 ไม้ ใช้เป็นมุมสำหรับขึงเชือก

 

วิธีการขั้นตอน ของมวยตับจาก มีดังนี้

 

1. นำไม้มาปักให้มีฐานที่มั่นคง โดยวัดขนาดตามระยะของเวทีมวยของจริง หรือประยุกต์เป็นขนาดอื่นได้ตามเหมาะสม

2. เมื่อปักได้เป็น 4 มุมได้แล้ว ให้นำเชือกมาขึง เป็นขอบเขตของเวที

3. เมื่อเวทีเสร็จ ให้นำใบจากที่ผ่านการตากแห้งมาแล้ว มามัดร้อยในก้านไม้ที่เหลามาเป็นอย่างดี มีความยาวประมาณ 3 - 4 เมตร โดยมัดเรียงให้เต็มก้านไม้ เมื่อร้อยเต็มแล้ว 1 อัน เรียกว่า "ตับ" ซึ่งเป็นที่มาของ การเรียก ชื่อกีฬาชนิดนี้ว่า "มวยตับจาก"

4. นำใบจากวางให้เต็มบน พื้นที่เวทีมวย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก่อนการแข่งขัน

5. ก่อนทำการชก นักมวยทั้งคู่จะผูกตา ด้วยผ้า และจับให้อยู่คนละมุม มีกรรมการอยู่กลางเวที 1 คน จากนั้น เมื่อสัญญาณเริ่มชก นักมวย จะเดินออกจากมุม เพื่อหาคู่ต่อสู้ และต่อยกัน โดยจะใช้ฟังเสียงลั่นกรอบ ๆ แกรบ ๆ ของใบจากที่ปูไว้ เพื่อจับทิศทางของ คู่ต่อสู้ของตน

 

กติกาและการตัดสิน

 

การชกมวยตับจาก นักมวยทั้งคู่ ก่อนขึ้นชกจะต้องสวมใส่นวม ใช้ผ้าปิดตาให้สนิท การต่อย คือ ใครต่อยเข้าเป้ามากที่สุด ก็จะได้คะแนนมากเป็นฝ่ายชนะ ชก 3 ยก ยกละ 2 นาที สวมใส่นวมตามมาตรฐาน มวยตับจาก จึงเป็นกีฬาพื้นบ้าน ที่เสริมสร้างไหวพริบ ในการฟังเสียง ได้เป็นอย่างดี

 

จุดเด่นของมวยตับจาก

 

รูปแบบการเล่นของ มวยตับจาก ถือเป็น จุดเด่นของ การชกมวย การชกที่มองไม่เห็นเป้าหมาย หรือคู่ต่อสู้ เพียงได้ยินเสียงเดินบนพื้นที่ปูด้วย ใบจากแห้ง เท่านั้น นักมวยทั้งสองฝ่าย คือ มุมแดง และมุมน้ำเงิน ก็จะปรี่เข้าไปเตะต่อย ที่จุดกำเนิดเสียงที่ได้ยิน นอกจากเสียงเดินของนักมวยแล้ว ยังมีเสียงเดินของกรรมการ เป็นตัวหลอกอีกด้วย

 

การชก มวยตับจาก จึงเน้นความบันเทิง สนุกสนาน มากกว่าที่จะตั้งหน้าตั้งตาห้ำหั่นที่จะเอาชนะกัน และกัน นั่นเอง  สำหรับรางวัลของนักมวยนั้นจะมีมูลค่าแตกต่างกันมากน้อย แล้วแต่ผู้จัดที่สามารถจะหามามอบให้ เช่น หม้อหุงข้าว พัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเป็นเงินสด หรือบางคู่ชก เพื่อได้ ความสนุกสนาน เท่านั้น

 

มวยตับจาก ถือได้ว่าเป็น กีฬาการละเล่นพื้นบ้านที่คนในท้องถิ่นมีการประยุกต์ จนกลายเป็นภูมิปัญญาไทย และในปี พ.ศ. 2556 มวยตับจาก ก็ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขากีฬาภูมิปัญญาไทย จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม อีกด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ก่อนลง สนามมวย นักมวย ต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง

การตั้งท่ามวย และ เหลี่ยมมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เฟิร์มหุ่น ด้วยมวยไทย เจริญทองมวยไทยรัชดา

เฟิร์มหุ่น ด้วยมวยไทย เจริญทองมวยไทยรัชดา

หลาย ๆ คงจะรู้กันดีว่า มวยไทยนั้น เป็นกีฬาที่ สามารถ ลดน้ำหนักได้เร็ว กว่ากีฬา ประเภทอื่น ๆ แต่ ก็มีหลาย ๆ ที่ไม่ได้อ้วน แต่ต้องการที่จะ มีหุ่นที่ดูดี สวย เท่ห์ ดังนั้น กีฬามวยไทย จะทำให้เพื่อน ๆ มีหุ่นที่สวย ดูดี และ เท่ห์

 

กีฬามวยไทยนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในกีฬา ที่นิยม กันเป็นอย่างมาก สำหรับ การลดน้ำหนัก และ เป็น กีฬา ดารา หรือ คนดังหลาย ๆ ชอบเล่น เพราะ กีฬามวยไทย เป็นกีฬา ที่สามารถ ออกกำลังกายได้ทั้ง ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา ศอก เข้า มือ หน้าท้อง สำหรับ คนไม่ได้มีรูปร่างอ้วน หรือ คนที่มีรูปร่างที่ค่อนข้างโอเค แล้วอยากจะเฟิร์มหุ่น กีฬามวยไทย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่ทำให้เรา มีหุ่นที่ดี มีหุ่นที่สวย ได้โดยที่เรา ไม่ต้องเข้ายิมไปยกเวท เพราะ  กีฬามวยไทย เป็นกีฬา ที่เรา สามารถ เลือกออกกำลังกาย เฉพาะส่วนได้ไม่ต่าง จากการยกเวท เราจะพา เพื่อน ๆ ไปดูการเฟิร์มหุ่นโดยใช้ กีฬามวยไทยกันเลย

Step การเฟิร์มหุ่น ฉบับมวยไทย

Step 1 ขาเรียวขากระชับ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากให้ขากระชับ เรียวเล็ก สวย สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยวิธีการดังนี้

-เตะกระสอบทราย ข้างละ 10 ครั้ง ซ้ายขวา พัก 1 นาที ทำแบบนี้ข้างละ 3 เซ็ต การเตะกระสอบทราย เป้ฯการใช้ กล้ามเนื้อขา ไม่ว่าจะเป็นน่อง และ ต้นขา ของเราทำให้ขาของเรา มีความกระชับ และ ขาของเราเรียว หากเพื่อน ๆ คนไหน ที่อยากอยากจะเพิ่มกล้ามเนื้อขา ให้ขามีกล้ามเนื้อ ที่สวยงาม ก็สามารถ เพิ่มจำเซ็ท ขึ้นไปอีก ได้นะครับ

-กระโดดเชือก การกระโดเชือก จะทำให้กล้ามขาของเรา ตั้งแต่ท่อนบน ถึงท่อนล่าง มีความแข็งแรง และ ความกระชับเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง การกระโดดเชือก ยังเป็นการคาร์ดิโอ ( Cardio ) ทำให้หุ่นของเรา ยิ่งสวย และ ลดน้ำหนักของเราได้ดีอีกด้วย

-วิ่ง การวิ่ง หลาย ๆ คนอาจจะมีความเชื่อว่า การวิ่งทำให้ขาใหญ่ แต่การวิ่งแบบนักมวย ไม่ทำให้เราขาใหญ่ เพราะการวิ่งแบบนักมวย เป็นการวิ่งแบบ เผาผลาญไขมัน และ เป็นการวิ่งระยะยาว ดังนั้น การวิ่งแบบนักมวย จึงทำให้ขาของเรา เรียวสวย สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการเพิ่มกล้ามขา การวิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่ง วิธีที่จะเพิ่มกล้ามเนื้อขาของเรา

Step 2 แขนกระชับ

การที่แขนของเรา จะกระชับ ดูสวย ดูเท่ห์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การลดน้ำหนักอย่างเดียว การที่เราจะให้แขนกระชับนั้น เราต้องเพิ่มกล้ามเนื้อที่แขนด้วย เพราะ แขนเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก เราจึงต้องมีการโฟกัส ไปที่การสรร้างกล้ามเนื้อ แต่ไม่ถึงกับนักเพาะกาย   

1. ชกกระสอบทาย การชกกระสอบทราย เป็นการสร้างการกล้ามเนื้อ และ เป็นการกระชับสัดส่วน อีกอย่างหนึ่ง เพราะ การชกกระสอบทรายนั้น มีหลากหลายท่า จึงทำให้ แขนของเรากระชับ อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อที่แขน ได้เป็นอย่างดี อีกด้วย และ การชกกระสอบทรายยังมีข้อดีคือ ทำให้กล้ามเนื้อข้อมือ ของเราแข็งแรงอีกด้วย 

Step 3 Six pack

ในส่วนกล้ามท้อง หรือ ซกแพคนั้น เราสามารถเล่นได้ทุกวัน เพราะ กล้ามหน้าท้องนั้น เป็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง เป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก ที่เราสามารถเล่นได้ทุกวัน แต่ไม่ควร โฟกัสไปที่ ซิกอพกมาก เพราะว่า การมีซิกแพค ต้องอาศัย การลดไขมัน และ การสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน  สำหรับซิกแพค มีท่าออกกำลังท่าเดียว

1. ซิทอัพ ท่าครันช

ท่าครันช เป็นท่าที่ทำให้เรา ทำได้ง่าย ๆ และ เป็นท่าที่ สร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ดี และ เป็นท่า ที่ที่ทำแล้ว กล้ามเนื้อหน้าท้องขเราโดนทุกส่วน ไม่ต้องโฟกัสยาก 

 

ทั้งนี้ การออกกำลังกาย ด้วยมวยไทย ทำให้เราหุ่นเฟิร์มได้จริง แต่ เราก็ต้องทำควบคู่ไปกับ การควบคุมอาหาร หากเราไม่มีการคงบคุมอาหาร ก็อาจจะทำให้หุ่นของเรา ไม่เฟิร์ม ตามที่เราต้องการได้ และสิ่งสำคัญ สำหรับการออกกำลังกายคือ ไม่ควรหักโหม เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอยากมีผลลัพธ์ที่เร็ว จึงเลือกที่จะหักโหม ทั้งนี้การหักโหม ไม่ใช่เรื่องดี การหักโหมมีแต่จะส่งผลให้ กล้ามเนื้อของเรา เกิดการบาดเจ็บ และ เกิดการอักเสบได้ และ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือการพักผ่อน ให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายของเรา ได้มีการฟื้นฟู และ พักฟื้นจากการบาดเจ็บ

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

ก่อนลง สนามมวย นักมวย ต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง

ก่อนลง สนามมวย นักมวย ต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง

ในวันแข่งขันของ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก่อนที่ นักมวย จะลง สนามมวย เพื่อทำการแข่งขัน นักมวย จะต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตามระเบียบการแข่งขัน ดังต่อไปนี้

 

การตรวจสุขภาพ

 

ก่อนการทำการแข่งขัน สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ในการแข่งขัน คือ ความปลอดภัยของนักมวย นักมวยที่จะได้รับการเข้าแข่งขันได้นั้น จะต้องได้รับ การตรวจสุขภาพ จากแพทย์ โดยนักมวย ต้องได้รับการตรวจสุขภาพร่างกาย อย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 12 ชั่วโม งก่อนการแข่งขัน แพทย์ที่ทำการ ตรวจร่างกาย ให้กับ นักมวย จะมีรายการมาตรฐาน ที่ต้องตรวจ ดังต่อไปนี้

 

  • อุณหภูมิของร่างกาย
  • ความดันโลหิต
  • ชีพจร
  • การเต้นของหัวใจ
  • ตา หู จมูก คอ และช่องปาก
  • ตับ ม้าม
  • แขน ขา กระดูกข้อมือ ข้อเท้า ซี่โครง มือ และเท้า
  • การตอบสนองต่อระบบประสาท
  • สภาพทั่ว ๆ ไป

 

หากแพทย์ได้ทำ การตรวจสุขภาพ ของนักมวยเรียบร้อย จะทำการแจ้งผลตรวจ หรือคำรับรองการตรวจสุขภาพให้นักมวย และนายสนามมวยทราบทุกครั้ง ในกรณีที่นักมวย ไม่ผ่าน การรับรองจากแพทย์ รายการใดรายการหนึ่ง นักมวยผู้นั้น จะไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าทำการแข่งขัน แต่หากได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ นักมวยจะได้รับการตรวจ สารต้องห้ามในนักมวยต่อไป โดยแพทย์สนาม

 

การชั่งน้ำหนักตัว

 

ตามระเบียบ และกติกามาตรฐาน สำหรับการแข่งขัน กีฬามวย ได้มีข้อกำหนดเรื่อง การชั่งน้ำหนักตัว ดังนี้

 

1. นักมวยต้องชั่งน้ำหนักตัว โดยปราศจากเครื่องแต่งกาย หรือสวมกางเกงชั้นในที่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก ในวันแข่งขันภายในเวลา 08:00 - 10:00 น. โดยนายสนามมวย อาจเปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ หากมีเหตุผลที่เหมาะสม

2. ก่อนชั่งน้ำหนักตัว นักมวยต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ และได้รับการรับรองว่ามีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

3. ให้หัวหน้าค่ายมวย ผู้จัดการ หรือผู้แทนนักมวยทั้ง 2 ฝ่ายมีสิทธิร่วมตรวจการชั่งน้ำหนัก

 

การแต่งกาย

 

คณะกรรมการกีฬามวย ได้ออกระเบียบ และกติกามาตรฐาน ที่ใช้สำหรับ การแข่งขันกีฬามวย โดยได้กำหนด การแต่งกายของ นักมวย ที่เข้าแข่งขัน ดังต่อไปนี้

 

1. ต้องสวมกางเกงขาสั้น เพียงครึ่งโคนขา ให้เรียบร้อย ไม่สวมเสื้อ และรองเท้า นักมวยมุมแดง ให้กางเกงสีแดง ชมพู สีเลือดหมู หรือสีขาวที่มีแถบแดงคาด นักมวย มุมน้ำเงิน ใช้กางเกงสีน้ำเงิน และสีดำ ห้ามคาดแถบสีแดง และต้องสวมเสื้อคลุม ตามข้อบังคับ สภามวยไทยโลก ( WBC Muay Thai )

2. ต้องสวมกระจับ ที่ทำขึ้นจาก วัสดุแข็งแรงทนทาน และได้รับ การรับรองจาก สภามวยไทยโลก ( WBC Muay Thai ) เมื่อถูกตีด้วยเข่า หรืออาวุธในการต่อสู้อย่างอื่น ตรงบริเวณอวัยวะเพศ จะไม่ทำให้เกิดอันตราย การผูกกระจับ ต้องผูกปมไว้ด้านหลัง และต้องผูกด้วยเงื่อนตาย เก็บปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย

3. ไม่ไว้ ผมยาวรุงรัง และห้ามไว้เครา อนุญาตให้ไว้หนวดได้ แต่ต้องยาว ไม่เกิน ริมฝีปาก

4. เล็บเท้า ต้องตัดให้เรียบ และสั้น

5. ต้องสวมมงคล ผ้าประเจียด หรือ รัดเกล้า เฉพาะเวลา ร่ายรำไหว้ครู ก่อนทำ การแข่งขันเท่านั้น เครื่องรางอนุญาต ให้ผูกที่โคนแขน หรือเอว แต่ต้องหุ้มผ้า ให้มิดชิด เรียบร้อย เพื่อป้องกัน มิให้ เกิดอันตราย แก่คู่แข่งขัน

6. อนุญาตให้ใช้ ปลอกยืดรัดข้อเท้ากันเคล็ด สวมข้อเท้าได้ข้างละไม่เกิน 1 อัน แต่ห้ามมิให้เลื่อนปลอกรัดขึ้นไปเป็นสนับแข้ง หรือม้วนพับลงมา และห้ามใช้ผ้ารัดขาและข้อเท้า

7. ห้ามใช้เข็มขัด หรือเครื่องประดับ ที่เป็นวัสดุ ที่ทำให้เกิดอันตราย

8. ห้ามใช้ น้ำมันวาสลิน , น้ำมันร้อน , ไขสมุนไพร หรือสิ่งอื่น ที่ทำให้ คู่แข่งขัน เสียเปรียบ หรือเป็นที่น่ารังเกียจทา บริเวณร่างกาย หรือนวม

9. ฟันยาง ผู้แข่งขันต้องใส่ฟันยาง

 

การไหว้ครู

 

ก่อนเริ่มการแข่งขัน นักมวยต้องร่ายรำไหว้ครู ตามประเพณีอันดีงามของ มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อแสดงความเคาระต่อครู บิดา มารดา รวมทั้ง เป็นการขอพรต่ออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อให้คุ้มครองให้ตนได้รับความปลอดภัยในการแข่งขัน โดยการรำไหว้ครูเริ่มจากนั่ง กราบเบญจางคประดิษฐ์ คุกเข่าถวายบังคม ขึ้นพรหมนั่ง-ยืน ท่ารำ มวยไทย ( Muay Thai ) อาจมีการเดินแปลง ย่างสามขุม การรูดเชือก การบริกรรมคาถา เพื่อสำรวจ ทักทายหรือข่มขวัญซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละค่ายมวย นอกจากนี้ การไหว้ครู ยังเป็นการอบอุ่นร่างกายของนักมวย เพื่อร่างกายเตรียมพร้อม สำหรับการแข่งขันอีกด้วย เมื่อนักมวย ทำการไหว้ครูเสร็จแล้ว ต้องนำมงคลออกจากศีรษะ และให้เริ่มทำการแข่งขันได้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

การตั้งท่ามวย และ เหลี่ยมมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

การตั้งท่ามวย และ เหลี่ยมมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ แฟน ๆ มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งหลาย วันนี้เราจะมาพูดถึง การตั้งท่ามวย และ เหลี่ยมมวย กันค่ะ ว่าแตกต่างกันอย่างไร มีประวัติที่มาเป็นแบบไหน หากเพื่อน ๆ พร้อมแล้ว มาอ่านกันได้เลยค่ะ

 

การตั้งท่าในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) 

สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) การตั้งท่า ถือว่าเป็นมูลฐานสำคัญเท่า ๆ กับ Stance ในแบบมวยสากล  แต่ไม่ได้มีความที่เหมือนกัน  ดังที่อาจารย์มวยบางท่านเข้าใจเพราะ ควายไม่ใช่วัว มวยสากลไม่ใช้ ตีน ท่าคุม หรือ ที่แบบสากลเรียกว่า การ์ด ก็เป็นลักษณะที่ต่อเนื่องกัน  มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องเอาใจใส่กับการ  ตั้งท่า ให้รัดกุม มิฉะนั้นการป้องกันก็ดี  หรือ การโจมตีก็ดี  ย่อมได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตามเจตนารมณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ด้วยความประสงค์ ที่จักให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในการนำเสนอการ ตั้งท่า ของ มวยไทย ( Muay Thai )

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นแบบต่อสู้ ตั้งแต่หัวตลอดเท้า ทั้งข้างหน้า และข้างหลัง เพราะฉะนั้นการ ตั้งท่า จึงต้องพยายามฝึกฝน ให้กระชับทะมัดทะแมง ใครถนัดหมัดขวา ให้ก้าวตีนซ้ายออกไปข้างหน้า  ยาวกว่าช่วงก้าวปกติเล็กน้อยพอไม่ให้เสียหลัก  ยกหมัดขวาขึ้นเท่าระดับหน้า ( ตรงจุดอุณาโลม )  ( ดังเคยแนะนำไว้แล้วตอนต้น )  คือ กลางระหว่างหัวคิ้ว  ให้หมัดห่างจากหน้าประมาณ 3 คืบ หรือ 12 นิ้ว  ดังนี้ ศอกซ้ายจะซ่อนอยู่ ( หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็น ) คอยทำหน้าที่บังจุดสำคัญตรงที่หัวใจ  ส่วนหมัดขวาให้ยกขึ้นเท่าระดับกึ่งกลาง ของปลายแขนซ้าย  ศอกขวาก็จะกลายเป็นกำแพงป้องกัน ซี่โครงอ่อนด้านขวา และ ตับ อันเป็นอวัยวะสำคัญ ที่คอยเก็บกำลังสำรอง ขณะเดียวกัน หมัดขวาก็จะทำหน้าที่ปกป้องจุดอ่อนอีกส่วนหนึ่ง คือ อกรวบ หรือ ยอดอก ซึ่งนักมวยตะวันตกเรียกว่า โซลาร์ เปล๊กซุส ( Solar plexus )

 

ไม้มวยสากล ที่กล่าวนี้ไม่มีคนรู้จักจนกระทั่ง พ.ศ. 2440  เมื่อรูบี้  บ๊อบ ฟิตซีแมน  ซัดมือที่ปั้นเป็นก้อนเข้ายอดอก  เจมส์ เจ. คอร์เบต  ถึงแก่อสัญญี  จนได้ครองตำแหน่งจอมมวยโลก ฝ่ายแพทย์ศาสตร์ผู้ที่สนใจได้ถกเถียงและปรึกษาหารือกัน  จนในที่สุดลงมติว่า อกรวบ หรือ ยอดอก เป็นศูนย์รวมประสาท หรือ ปราณ จนแพร่หลายเป็นศัพท์เฉพาะวิชาติดปากในวงการมวย แต่ พวกชาวตะวันตกก็ไม่วายมองข้ามของเก่า แบบเดียวกับคนไทย เพราะที่สำคัญ ที่แห่งนี้เคยเรียกกันมาก่อนหลายสิบปีว่า มาร์ก ( Mark ) และมวยไทยถือว่าเป็น จุดมรณะ หรือ จุดตาย ซึ่งเป็นเป้าหมายในเขตราว นม  กระบังลม  ลิ้นปี่  มานานแล้วเหมือนกัน

 

เหลี่ยมมวยในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) 

เมื่อนักมวยทำท่า ตั้งท่า จากที่กล่าวมาแล้ว จะมีการป้องปิดแนบเนียนพอใช้  ตั้งแต่บั้นเอวจนถึงกระหม่อม ส่วนท่อนล่างตั้งแต่บั้นเอวจนถึงปลายตีนยังมีช่องว่างอยู่  ฉะนั้นมวยไทยจึงต้องย่อตัวลงเล็กน้อย และเผยอส้นเท้าขึ้นนิด ๆ เพื่อให้หัวเข่าทั้งซ้ายขวา เกิดมุมที่ไม่เสี่ยงต่ออาการหัก หรือเคล็ด เมื่อถูกปฏิปักษ์ใช้ตีนถีบขา  จริงอยู่  การตั้งท่าแบบนี้ตามหลักสรีรวิทยา และมวยแบบตะวันตก ถือว่าก่อความเคร่งเครียดแก่ร่างกาย  ขัดต่อการเคลื่อนไหว และฝืนอริยาบถ  แต่โปรดอย่าลืมว่าขณะนี้กำลังศึกษาเรื่องมวยไทย

 

สำหรับการฝึกในช่วงแรก ๆ การฝึกย่อมจะรู้สึกเมื่อย และสบายนัก  แต่เมื่อพยายามฝึกฝนต่อไป จนเกิดความเคยชิน การฝึกนั้น ก็จะไม่เหนื่อยเหมือนเมื่อตอนแรกฝึก ลักษณะย่อตัวดังกล่าวเป็นการลดช่องว่างตอน กระเดียดน้ำ  อันเป็นส่วนอ่อนระหว่างชายโครงกับกระดูกเชิงกรานให้แคบลง ปกปิดการเตะได้ง่าย นอกจากนั้นกล้ามเนื้อขาทั้งสองท่อน ย่อมเบ่งเขม็งขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเกร็ง  แม้จะเผลอถูกปฏิปักษ์เตะ ก็ไม่สู้เจ็บฉกรรจ์ ( อย่าให้เกิน 3 ที ) ข้อสำคัญสำหรับการปฏิบัติ ต้องให้น้ำหนักตัวอยู่ตรงศูนย์กลาง  ทั้งนี้เพื่อจะได้ใช้น้ำหนักท่อนบน เป็นประโยชน์ในการช่วยเหวี่ยงตีนเตะให้แข็งแรงขึ้น  ไม่ว่าด้วยหน้าตีน ( ซ้าย ) หรือตีนหลัง

 

การ ตั้งท่า หรือ การคุมตามแบบที่ได้แนะนำ ย่อมมีความแน่นรัดกุมพอรับการเตะ แคมสำเภา หรือที่รู้ ๆ กันในวงการมวยปัจจุบันว่า บานพับ ( พับนอกพับใน ) อันเป็น ไม้สำคัญ ในวิชามวยไทยภาคใต้ ซึ่งครู ตังกี้ ( ครูมวยเมืองตะกั่วป่า ) เป็นคนแรกที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ นายทองใบ  ยนตรกิจ  ( อ้ายยางตัน ) จนมีชื่อเสียงลือกระฉ่อน เมื่อประมาณยี่สิบปีมาแล้ว  โดยไม่ขยายการป้องกันไว้ให้เลย และ นอกจากนั้น  อ้ายยางตัน นายแนบ และนายเกียรติ  ยนตรกิจ สองพี่น้องยังได้นำ ไม้สำคัญ ออกใช้บ่อยครั้ง ในช่วงสมัยที่เวทีราชดำเนินยังไม่มีหลังคา  เป็นเหตุให้นักมวยชั้นนำค่ายอื่น พับฐานถึงขาลากพ่ายแพ้  และ ที่ขาลีบไปก็หลายคน

 

แต่ยังไม่ต้องใจร้อน ครูตังกี้ได้ถึงแก่มรณกรรมไปแล้ว  โปรดอดทนรอไว้ ว่าจะมีการขยาย ไม้แก้ ออกมาเองเมื่อถึงเวลา  สำหรับนักมวยที่ถนัดซ้ายเป็น หมัดพิฆาต ก็เพียงแต่เปลี่ยนก้าวตีนขวาออกไปข้างหน้า  ในทำนองเดียวกับก้าวตีนซ้าย  แต่ทว่านักมวยที่หวังความรุ่งเรืองกระเดื่องชื่อ  ต้องเพียรพยายามฝึกหัดให้ถนัดแคล่วคล่องทั้งซ้ายและขวา ซึ่งเรียกกันว่า เหลี่ยม

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ หารตั้งท่า และ เหลี่ยมมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )  ที่เราได้นำมาเสนอกัน นอกจากจะ ช่วยลดความอ้วน ได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบที่ดีขึ้น มีความอดทน กล้าหาญ และ นำไปใช้เป็นศิลปะป้องกันตัว ได้ในอนาคต หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

เข่า อาวุธของ นักมวย อันตรายขนาดไหนกันนะ ?

เข่า อาวุธของ นักมวย อันตรายขนาดไหนกันนะ ?

มวยไทย ถือเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในปัจจุบัน และรู้หรือไม่ว่า อาวุธ แต่ละท่าทางของ มวยไทย เกิดขึ้นจาก อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น หมัด เข่า ศอก และวันนี้เราจะมาพูดถึงอาวุธ ที่รุนแรงอย่างมาก นั้นก็คือ เข่า

 

                เราต้องบอก กันก่อนเลยว่า การ ตีเข่า ถือ เป็นอาวุธ มวยไทย ที่ใช้ อวัยวะ ร่างกาย เป็นอาวุธ อีกชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรง อย่างมาก และ  เมื่อเราพับเข่า มารวมเข้ากับ ขาส่วนล่าง และ ซึ่ง มันจะ มีกล้ามเนื้อน่องอยู่นั้น จะทำให้เข่าที่ตีออกไป สามารถ เพิ่มความรุนแรง แถมมันยัง มีความรุนแรง แต่เนื่องจากเข่าเป็นอาวุธสั้น ๆ และ จึงเป็นดั่งมีดพกชนิดร้ายแรง ที่จะ สามารถใช้ได้ในระยะประชิด แถม การตีเข่าให้เหยียดปลายเท้าตรง ขางอพับเฉียงออกด้านนอกเล็กน้อย แถม มันยัง  มีแรงส่งจาก อวัยวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สะโพก เอว สู่เข่า เมื่อปะทะเป้าหมายให้เน้นที่ปลายเข่า ซึ่งการตีเข่า จะมีการแบ่งออกเป็น 5 ชนิด คือ

 

                โดยเราจะ มาแนะนำ ท่าต่าง ๆ ที่มาจาก เข่า ที่บอกเลยว่า มันอันตราย และรุนแรง อย่างมาก โดยแต่ละ ท่าเป็นท่าทางการต่อสู้ ของ มวยไทย ไปดูกันดีกว่า ว่าจะมี ท่าทาง ไหนกันบ้าง

 

  • เข่าตรง หมายถึง การ ที่เราทำการ ใช้เข่าเคลื่อนที่จากจุดเริ่มต้น ไปยัว อีกจุด เพื่อที่จะไปกระทบ เป้าหมายเป็นแนวตรง หรือ อาจจะ วิถีทาง ตรงหรือล้ำไปข้างหน้า และ โดยมีแรงส่งจากสะโพก หรือ  เอว ไปยังปลายเข่า เป้าหมายที่หน้าท้อง, ลิ้นปี่, หน้าอก, ปลายคาง, และสำหรับ ใบหน้า เป็นต้น เข่าตรงมี 2 ลักษณะ หลัก ๆ นั้นก็  คือ เข่าตรงตีนำ หรือ อาจจะเป็น เข่าหน้า นั้นจะ หมายถึง การตี เข่าที่อยู่ ด้านหน้าในขณะที่ยืนท่าคุมมวย การตีและสำหรับ เข่าด้วยเข่า ซ้าย หรือ อาจจะเป็น เข่าหน้า เรียกว่าเข่าตรงตีน แถมยัง มีอีกลักษณะคือ เข่าตรงตีตามหรือเข่าหลัง หมายถึง การตีเข่าตรงที่อยู่ด้านหลังหรือเข่าที่ถนัด ในขณะที่ตั้งท่าจดมวย การตีด้วยเข่าที่อยู่ด้านหลัง เรียกว่า เข่าตรงตีตาม หรือ เข่าตรงหลัง
  • เข่าตรง หมายถึง ท่าทางต่อไป จะเป็นการใช้ท่า เข่าตรง ที่จะเป็น การใช้เข่าเคลื่อนที่จากจุดเริ่มต้นไปกระทบเป้าหมาย เป็นแนวตรง หรือ อาจจะเป็น วิถีทางตรง หรือ ล้ำไปข้างหน้า และ โดย จะมีแรงส่งจากสะโพก เอว ไปยังปลายเข่า เป้าหมาย ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง, ลิ้นปี่, หน้าอก, ปลายคาง, ใบหน้า เป็นต้น เข่าตรงมี 2 ลักษณะ คือ เข่าตรงตีนำ หรือเข่าหน้า หมายถึงการตีเข่าที่อยู่ด้านหน้าใน ขณะที่ยืนท่าคุมมวย การตีเข่าด้วยเข่าซ้ายหรือเข่าหน้า เรียกว่าเข่าตรงตีน อีกลักษณะ นั้นก็ คือ เข่าตรงตีตามหรือเข่าหลัง หมายถึง การตีเข่าตรงที่อยู่ด้านหลังหรือเข่าที่ถนัด ในขณะที่ตั้งท่าจดมวย การตีด้วยเข่าที่อยู่ด้านหลัง เรียกว่า เข่าตรงตีตาม หรือเข่าตรงหลัง
  • เข่าเฉียง สำหรับ เข่าเฉียบ นั้นจะเป็นการใช่ การตีเข่าที่มีวิถีเฉียงขึ้นจากจุด เริ่มต้น ที่เข่าอยู่ไปจนถึงเป้าหมาย และสำหรับ การ ที่เราจะ ถ้าตีเข่าซ้ายจะตีเข่าลักษณะ เฉียงมากระทบ เป้าหมาย และ อาจจะไป  ทำให้ ลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อยและ มันจะ มีแรงส่งจากสะโพก เอว สู่ปลายเข่า เป้าหมายอยู่ที่ท้อง, ลิ้นปี่, หน้าอก, ปลายคาง, ใบหน้า ถ้าตีเข่าเฉียงขวาจะตีเข่าในลักษณะ เดียวกันกับการตีเข่าเฉียงซ้าย เป็นต้น
  • เข่าโค้ง นั้นจะ หมายถึง การ ที่เราจะทำการ ตีเข่าในวิถีโค้งตีเข่าจากบนลงล่างปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดตรงกับขาและเข่า 

 

สำหรัย การตีเข่า ถือว่าเป็นอาวุธที่อันตรายและทรงพลังอาวุธหนึ่งของ มวยไทย ที่น่าภาคภูมิใจ และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียน มวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ได้เลย    

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- คุณค่าของการเรียน มวยไทย

- ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

ความรุนแรง ของ อาวุธมวยไทย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ความรุนแรง ของ อาวุธมวยไทย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยกันว่า ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อาวุธมวยไทย อย่าง หมัด เท้า เข่า ศอก อาวุธไหนที่มีประสิทธิภาพ หรือ ความรุนแรง มากที่สุด วันนี้เราได้รวบรวมคำตอบมาให้เพื่อน ๆ อ่านกันในบทความนี้แล้วค่ะ ตามมาดูกันเลย

 

หมัด ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai )

หมัดเป็นอาวุธโจมตีระยะกลาง ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ใช้แรงส่งจาก หัวไหล่ สะโพก และ ขา มายังกำปั้น โดยใช้ได้ผลหวังในการโจมตีระยะกลาง หมัดจัดเป็นอาวุธที่สำคัญมาก เพราะหมัด ต้องอาศัยกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก น้ำหนักความแรง จึงอาจไม่เทียบเท่ากับส่วนอื่น

 

นักมวยไทย มักเน้นโจมตีทั้งระยะไกล ( ภาษามวยเรียกว่า วงนอก ) ด้วยการเตะ และถีบ กับ การโจมตีในระยะใกล้ ( ภาษามวยเรียกว่า วงใน ) ด้วยการใช้เข่าและศอก รวมถึงการกอดคอ ไล่แขน เพื่อชิงเหลี่ยมกันมากกว่าจะยืนแลกหมัดแบบมวยสากล ซึ่งถ้าไม่ใช่เป็นมวยหมัดหนักจริงๆ ส่วนมากจะใช้หมัด ไว้เพื่อทำลายจังหวะคู่แข่ง

 

การปล่อยหมัด ที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การใช้หมัดตรงหมัดหลัง ที่นักมวยจะใช้การบิดไหล่ข้างถนัด โน้มไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อทำให้เกิดแรงส่งจากสะโพก ลำตัว หัวไหล่ ที่มากกว่าหมัดตรงธรรมดา ออกไปยังเป้าหมาย แล้วดึงหมัดกลับมาในท่าจดมวยเดิม ซึ่งจะได้ผลดีมาก หากทำได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ การปล่อยหมัดแบบเสยขึ้น หรือหมัดอัปเปอร์คัด หากเข้าบริเวณคาง ก็มีโอกาสที่คู่ต่อสู้จะเกิดอาการมึน ไปจนถึงขั้นน็อคเอาท์

 

แต่ถึงอย่างนั้น หมัด ก็เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในมวยไทยเสมอไป เพราะนักมวยไทยบางคนก็เอาชนะคู่ชกได้ ด้วยการชกที่หนักหน่วง จนคู่ต่อสู้เสียอาการ หรืออย่าง กำปั้นบางคนใช้หมัดได้ดี สมัยชกมวยไทย จนถูกดึงตัวไปชกมวยสากลสมัครเล่นกับทีมชาติไทย หรือมวยสากลอาชีพ เช่น เขาทราย แกแล็คซี่, แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เป็นต้น

 

 

เข่า ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai )

 

เข่า ถือว่าเป็นอาวุธแห่งชัยชนะโดยแท้จริง ตามหลักฟิสิกส์แล้ว การใช้เข่า มีความหนักหน่วงมาก เนื่องจากเป็นการใช้แรงส่งจากสะโพกมาใช้ โดยใช้ส่วนของหัวเข่าด้านหน้า หรือด้านข้างหัวเข่า ที่เป็นมุมและแข็งแรง เข้าปะทะในส่วนที่อ่อนของร่างกาย เช่น ท้อง ต้นขา ลำตัว ชายโครง หน้าอก หรือแม้แต่ปลายคาง

 

ในการตีเข่าเป็นอาวุธในระยะกลาง ด้วยท่าเข่าลอย แต่ในชกท่าดังกล่าวไม่นิยมถูกนำมาใช้ ในปัจจุบันนัก เนื่องจากมีโอกาสผิดพลาดได้สูง และเสียทรงมวยไป (ซึ่งสำคัญต่อราคาต่อรองของการพนัน) ดังนั้นลักษณะของการตีเข่าในมวยไทยอาชีพ ยุคนี้ จึงเน้น นักมวยเข่า ที่ต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเพื่อเข้าไปคลุกวงใน โจมตีระยะประชิดตัว ผ่านกอดลำตัว รัดคอ ปล้ำ เหนี่ยวรั้งให้ลำตัวของคู่ต่อสู้ โน้มลงมา ในจังหวะที่ตนเอง งอเข่าให้เป็นมุมแหลม พุ่งเข้าปะทะบริเวณลิ้นปี่ ท้องน้อย หรือหน้าขา

 

ในยุคปัจจุบันหลังมานี้ เข่า กลายเป็นตัวแปรสำคัญของการตัดสินของกรรมการ ที่ดูว่านักมวยคนไหนทำได้ดีกว่ากัน จากการออกอาวุธเข่าวงใน นักมวยไทยส่วนมาก จึงถูกฝึกมาให้ตีเข่าแข็งแรง เพื่อหวังชัยชนะ ทั้ง ในสนาม และนอกสนาม

 

มวยไทยฝีมือ เป็นสไตล์ที่ต้องการใช้พื้นที่โจมตีระยะกลางและไม่ไกล ไม่ชอบเล่นวงใน อาศัยการตั้งรับ ป้องกัน โดยใช้ ดักต่อย ดักเตะที่แม่นยำ จะแพ้ทางมวยประเภทวงใน ทำให้ยุคปัจจุบันนี้ มวยเข่าจึงมีโอกาสชนะมากกว่า แม้ไม่ใช่อาวุธที่อันตรายสุดที่สามารถทำให้ถึงขั้นทำให้น็อคเอาท์ก็ตาม แต่การแทงเข้าจุดสำคัญที่ทำให้จุกเสียด ในจังหวะที่คู่ต่อสู้ไม่ได้เกร็งท้อง หรือเป็นจอมเสียบเข่า ที่ชำนาญเรื่องการใช้เข่าจริงๆ

 

เท้า ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai )

เท้า อาวุธโจมตีระยะไกล เป็นอวัยวะสำคัญสำหรับการชกมวยไทย ทั้งในจังหวะรุก และรับ แถมยังมีพลังมากพอที่จะส่งให้ คู่ต่อสู้ น็อกเอาท์ได้ในชั่วพริบตา ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวเข้าที่ก้านคอ หากอธิบายตามหลักฟิสิกส์ อาวุธเท้าในมวยไทย มีความแรงของการเตะมาจาก ทอร์ค (Torque) ซึ่งเกิดจากแรงขาและการหมุนของสะโพก และเมื่อแรงที่ออกจากขา เดินทางมาด้วยระยะไกล ตั้งแต่จังหวะบิดตัวยก ง้างเท้าขึ้นมาจา่กพื้น แรงนั้นจะถูกเปลียนเป็น พลังงานจลน์ ทำให้มีอัตราความเร็วที่สูง

 

หลีกเลี้ยงการเตะเข้าที่ก้านคอ เพราะถือว่าเป็นจุดสำคัญ ที่สามารถน็อกคู่ต่อสู้ได้ทันที เนื่องจากบริเวณของต้นคอ เป็นศูนย์รวมระบบประสาทที่เป็นส่วนที่สำคัญ ประกอบด้วย กระดูกสันหลังส่วนคอ, ไขสันหลัง และ หลอดเลือดใหญ่ที่ลำเรียงเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมอง หากถูกกระแทกอย่างแรงแบบฉับพลัน สมองจะถูกชัตดาวน์ชั่วคราว จนสลบไป

 

ในการเตะก้านคอ ถ้าใช้ส่วนเท้าแรงที่ออกไปอาจจะไม่แรงเท่า การโยนแข้งขึ้นไปกระแทกกับคอคู่ต่อสู้ ซึ่งจะมีความน้ำหนักและความรุนแรงกว่ามาก เปรียบเหมือนถูกท่อนไม้ตีเข้าบริเวณต้นคอ แม้นักมวยจะมีการฟิตกล้ามเนื้อต้นคออย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ มีความยืดหยุ่น แข็งแรง ก็คงยากที่ต้านทานแรงกระแทกนี้ได้ หากโดนจัง ๆ

 

 

ศอก ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai )

ศอก คือ อาวุธที่อันตรายมากสุดของ มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงแม้ว่าหมัดและศอกจะอยู่บนแขนของมนุษย์เหมือนกัน แต่อาวุธทั้งสองอย่างมีแรงทำลายที่ต่างกัน ทั้งศอกมีส่วนที่แหลมคม และมีความแข็งของกระดูก เมื่อแรงจากปลายศอก ส่งเข้าไปกระทบผิวหนังใบหน้า ความดันนั้นจะมีค่าที่สูงมาก ส่งผลให้เกิดแผลแตกได้ง่าย และทำให้สมองมึนงง ไปจนถึงขั้นสลบได้เลย

 

การใช้ศอกโจมตีในจุดสำคัญไม่ว่าจะ ตัด งัด เข้าไปจุดอันตราย เช่น ปลายคาง, ทัดดอกไม้ ( ส่วนที่บางสุดของกะโหลก ) ก็สามารถทำให้ชนะน็อคเอาท์ได้เหมือนกัน

 

บริเวณปลายคาง ถือว่าเป็นจุดที่อันตรายมาก เพราะมีโอกาสที่แรงเหวี่ยงของศีรษะที่ถูกกระแทกจะช่วยเพิ่มความรุนแรง จนกระดูกสันหลังที่ห่อหุ้มก้านสมองแตกและเคลื่อนได้ หรือส่วนช่วงของขมับศีรษะหรือทัดดอกไม้เนื่องจากเป็นช่วงบริเวณกะโหลกศีรษะที่มีความหนาน้อยที่สุด เวลาที่มีการกระทบจึงมีโอกาสที่ได้รับแรงกระแทกเต็มที่ นายแพทย์ ภัทร โฆสานันท์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เฉพาะทางด้านโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี กล่าว

 

นอกจากนี้ ศอก ยังเป็นอาวุธที่มีความรุนแรง สามารถทำให้เกิดแผลบริเวณใบหน้าได้ง่ายกว่าอาวุธทุกชนิด ยิ่งถ้าเป็นแผลแตกเหนือเบ้าตา จะส่งผลต่อการมองเห็นนักมวย ถึงแม้ศอกจะเต็มไปด้วยข้อดี และความรุนแรงเหนืออาวุธ  แต่การใช้ศอกให้ได้ประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะศอก ใช้ได้แค่ในระยะประชิดตัว ภายใต้เงื่อนไขที่ จังหวะ ความเร็ว ความแม่นยำ ทุกอย่างต้องลงตัว และมีโอกาสศอกผิดพลาดสูง จนถูกโต้กลับด้วยอาวุธอื่นของคู่ชก

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ อาวุธมวยไทย อย่าง หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เราได้นำมาเสนอกัน  หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

  • jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )
  • jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )
  • jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย  ฉบับลพบุรี เป็นอย่างไรต่างจาก มวยไทย ธรรมดาหรือไม่

มวยไทย ฉบับลพบุรี เป็นอย่างไรต่างจาก มวยไทย ธรรมดาหรือไม่

มวยไทย ถือเป็น กีฬา ที่ได้รับความนิยม อย่างมาก ในว่าจะเป็น ในประเทศ ไทยเราเอง หรือ ต่างประเทศ ที่เป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยม อย่างมากและวันนี้เราจะมาทุกคนไปทำความรู้จักกับ มวยไทย ฉบับลพบุรี เป็นอย่างไร และจะ ต่างจาก มวยไทย ธรรมดาหรือไม่ ?

 

            เราต้อง ยอมรับกันเลยว่า ศิลปะมวยไทย ถือ เป็นการสืบต่อกันมา โดย รุ่นต่อรุ่น ตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน แถมยัง มีการต่อย มวยไทย ในแต่ละภาค ย่อมมีความแตกต่าง กัน ออกไป ตามภูมิภาค ด้วย เช่นกัน และ เรามาดุกันว่า มวยไทย ลพบุรี จะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว อย่างไรบ้าง กันบ้าง

 

                  โดย มวยไทย  ฉบับลพบุรี นั้น จะ แรกเริ่ม เกิดขึ้นระหว่างปี ประมาณ พ.ศ. 1200 ไปจนถึง ประมาณปี พ.. 2198 แถมยัง เป็นการเริ่มต้นก่อตั้ง มวยลพบุรี และยัง ผู้ก่อตั้ง นามว่า ปรมาจารย์ สุกะทันตะฤาษี และ สำนักอยู่ที่เขาสมอคอน เมือง ลพบุรี แถมยัง มี ลูกศิษย์รุ่นสุดท้าย นั้นก็คือ พ่อขุนรามคำแหง เลยทีเดียว และ ประมาณ ในช่วงที่ 2  เกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2199 ไปจนถึงประมาณปี พ..  2410 และถือ ว่า เป็นช่วงเวลา แห่งการถ่ายทอดศิลปะ มวยไทย ลพบุรี ( Muay Thai ) สำหรับ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้ความกรุณา และ ให้ความ ส่งเสริมศิลปะ มวยไทย ลพบุรี  ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะเป็นการจัดแข่งขัน กติกา ในการ ชกมวยไทย และ รวมไปถึง สังเวียน การชก เป็นต้น ต่อไปเราจะมา อฑธิบายถึง เอกลักษณ์ของ มวยไทย ลพบุรี  ( Muay Thai ) ว่า มี เอกลักษณ์ ที่แตกต่าง จาก มวยไทย จังหวัดอื่น อย่างไร กันบ้าง โดย เราจะ เห็น เอกลักษณ์ของ มวยไทย ลพบุรี  ( Muay Thai ) ได้ดังนี้

 

  • ถือว่า เป็น มวย ที่ทำการ ชกที่มีความ ฉลาดมีการ รุกรับคล่องแคล่วว่องไว รวดเร็ว
  • ต่อยหมัดตรงได้แม่นยำ แถมยังมีการ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มวยเกี้ยว 
  • มวย ที่ใช้ชั้นเชิง เข้าหาอีกฝ่ายโดยใช้กลลวง มักเคลื่อนตัว หลบหลีก หลอกล่อ ได้ดี

 

คงจะ พอเข้าใจกับ เอกลักษณ์ขอ มวยไทย ลพบุรี กัยพอสมควรแล้ว และ ท่า มวยไทย ลพบุรี ( Muay Thai ) มันจะ เป็นการผสมผสาน ระหว่าง ท่าทางของ ลิง และ ช้าง โดย ในการออกหมัด รวมไปถึง  เข่า ศอก และ เท้า และมัน ถือ เป็นการนำเอา ลักษณะท่าทาง ของสัตว์ แต่ละชนิด มาประยุกต์ใช้ในศิลปะ มวยไทย ได้ เป็นอย่าง ดีเลย ทีเดียว

 

  สำหรับ การต่อย มวยไทย เรา จะต้องมี สมาธิ กับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า และสิ่ง ที่สำคัญ อย่างมาก ก็คือการที่เรา ห้ามละสายตาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะมัน อาจเกิดเป็นจุดอ่อนของเราได้ ดังนั้น ควรมีสมาธิ ไม่วอกแวก และ ควรมีความ กระตือรือร้น อยู่ตลอดเวลา ทำให้ กีฬา มวยไทย เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ความรวดเร็ว ว่องไว และ สมาธิ อย่างมากเลย ทีเดียว และสำหรับ การออกกำลังกาย เราสามารถ ที่จะ ทำได้ง่าย ๆ โดย เรา ไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายตรงข้าม มาเป็นคู่ซ้อม แต่สามารถฝึกซ้อมได้โดยตัวเอง โดยใช้การ ออกหมัด ใช้ศอก เท้า เตะ ต่อย สลับกันไป พักบ้าง อย่างหักโหมจนเกินไป สำหรับ การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ด้วยการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะเป็นการขยับร่างกายเกือบทุกส่วน ทำให้ระบบกล้ามเนื้อ ได้ ยืด หด ตัว เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้งช่วยในเรื่อง ระบบไหลเวียนโลหิต รวมไปถึงการทรงตัวที่ดีขึ้น และ ความคล่องตัว

 

ทางเราแนะนำยิม มวยไทย ที่ครบวงจรที่สุดในย่านศรีนครินทร์ นั่นคือ jaroenthongmuaythairatchadaหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้ามาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เปิดให้บริการทุกวัน 

 

เจริญทอง มวยไทย ยิม ( jaroenthongmuaythai ) บวกกับ วิทยาศาสตร์การกีฬา อีกทั้ง ความรู้ด้านโภชนาการ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่า เป็นอีกยิม หรือ ค่ายมวยที่ให้ความใส่ใจแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ เพราะเรารู้ว่า ลูกค้าที่เข้ามาต้องการอะไร เรารู้ว่า คุณต้องการลดน้ำหนัก พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนความรู้ด้านโภชนาการกับเทรนเนอร์ ขอคำปรึกษาจากผุ้เชี่ยวชาญที่ค่ายมวยแห่งนี้ได้ 

Location : 205, 27 - 28 ถ. รัชดาภิเษก แขวงดินแดง กรุงเทพฯ

Tel :  02 276 5016      

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

Muay Thai ที่ให้มากว่าการออกกำลังกาย jareonthong muaythai ratchada

Muay Thai ที่ให้มากว่าการออกกำลังกาย jareonthong muaythai ratchada

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ใคร ๆ ก็ต่างรู้จัก และ ก็มีเพื่อน ๆ บางคน ที่เล่นกีฬาประเทภนี้ อยู่เช่นกัน วันนี้จะมาดูกันว่า กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ให้อะไรกับเราบ้าง

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยม เป็นย่างมาก และ โดยเฉพาะในยุคนี้ ยุคที่ผู้คน ต่างหันมาดูแลวุขภาพกันมากขึ้น ทำให้เรา กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) กลายเป็นที่นิยม มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยลดน้ำหนักดี อีกด้วย แต่ เพื่อน ๆ หลาย ๆ คน อาจจะยังไม่รู้ถึง ประโยชน์ ของกีฬามวยไทย ( Muay Thai )

 

ประโยชน์ที่ได้จากการ ฝึกมวยไทย ( Muay Thai )

 

1. กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยลดอาหารนอยด์

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการใช้แรงก็จริง แต่ในการใช้แรง ในกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นการที่ช่วยดึงสติขแงเรากลับมา และ ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น โดย เฉพาะ การที่เราเราซ้อม กับคู่ต่อสู้ หรือ มีการลงนวม กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยิ่งทำให้เรา มีโฟกัส และ มีสติ หากเรา สติหลุด หรือ สมาธิหลุด ก็อาจจะทำให้การซ้อม ของเราบาดเจ็บได้ นั่นเอง อีกทั้ง กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยังช่วยให้เราจัดการกับความ วิตกกังวล ในสมองของเราได้ดี เนื่องจาก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้เรารู้จักปล่อยวาง และ จัดการกับ อารมณ์ได้เป็นอย่างดี

 

2. สร้างความมั่นใจ

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยสร้างความมั่นใจ เพื่อน ๆ ที่ได้อ่าน ประโยคนี้ ก็อาจจะมองว่าแปลก ๆ แต่ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) จะสอนให้เรารู้จักเคารบผู้อื่น และ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และ สอนให้รู้จัก การผ่ายแพ้ ที่จะให้เรานั้น เกิดความมั่นใน หากต้องมีการชกกับคู่ต่อสู้ การผิดพลาด อาจจะทำให้เราดูเขินอาย แต่จริง ๆ แล้ว ลึก ๆ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) สอนให้เราภูมิใจในตัวเอง เนื่องจากศักยภาพ ของเราสามารถ ทำได้มากกว่าที่เราคิด สามารถปกป้องผู้อื่น และ ปกป้องตัวเองได้

 

3. เพิ่มรอยหยักในสมองของเรา

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการต่อสู้ ของคนสองคน ไม่เรา หรือ คู่ต่อสู้ฝ่ายใดฝ่ายเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้เราได้รู้การหลบหลีก การคิด การเข้าเหลี่ยม เข้ามุมได้ และ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยังทำให้เราได้รู้จัก การเป็นฝ่ายรุก ที่ต้องมีการโต้กลับ ทำให้ต้องมีการคิด การวิเคราะห์ การเคลื่อนไหว หรือ สไตล์การชก ของคู่ต่อสู้ จึงทำให้ราทักษะ กระบวนการคิดไม่ว่าจจะเป็นในการทำงาน หรือ การใช้ชีวิตประจำวันของเรา

 

4. เพิ่มพละกำลัง ของกล้ามเนื้อ และ ร่างกาย

 

กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้เป็นกีฬาที่ใช้ หมัดใช้ศอก หรือ การเตะ เพียงเท่านั้น แต่สำหรับ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) จะต้องมใช้ทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้มีความสัมพันธ์ กันในทุกส่วน เพื่อใช้เป็น อาวุธ และ เพื่อเป็นการป้องกัน อาวุธของคู่ต่อสู้ ที่เข้ามาปะทะเรา จึงทำให้กล้ามเนื้อ และ ร่างกายของเรา ได้มีการใช้งาน และ พัฒนา อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้เราได้ฝึกกล้ามเนื้อ เนื่องจากการที่เรา ออกกอาวุธใส่คู่ต่อสู้ จะต้องมีแรง   

 

5. มีไหวพริบที่รวดเร็ว

 

เนื่องจาก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้องมีการชกต่อย อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เรา มีการคิด การวิเคราะ และ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่รวดเร็ว เพื่อไม่ให้ การชกของเรานั้น แพ้ หรือ น็อคได้ เพราะฉะนั้นแล้ว กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) จึงช่วยเสริมสร้าง ให้เรามีไหวพริบที่รวดเร็ว เป็นอย่างมาก เพราะ ถ้าหากเรา มีไหวพริบที่ช้า จะเป็นการเดโอกาสให้กับคู่ต่อ ให้ทำคะแนน ได้อย่างง่าย

 

ทั้งนี้การฝึกมวยไทย ควรจะมีโค้ช หรือเทรนเนอร์ ในการฝึก เพื่อการฝึกฝนที่ถูกต้อง และ ลดการบาดเจ็บ จากการซ้อม

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

หุ่นเฟิร์ม ด้วยมวยไทย

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

พิธีและ ประเพณีน่ารู้ เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) กีฬาประจำชาติไทยที่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ กีฬาชนิดนี้ จึงมีวัฒนธรรมไทยที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ การแสดงความเคารพ คารวะต่อครูบาอาจารย์ ซึ่ง มวยไทย ก็มี พิธีและประเพณี ที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนี้

 

การขึ้นครู

 

เป็นพิธีขั้นแรกที่ศิษย์จะมาไหว้ครู เพื่อมาฝากตัวเป็นศิษย์ การไหว้ครูถือว่าเป็นประเพณีที่สำคัญของมวยไทย และ ถือว่าเป็น พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ สมัยโบราณกาล "ขึ้นครู" เปรียบเสมือน พิธีการมอบตนเอง ในลักษณะขออยู่ ใต้บังคับบัญชาของครู เพื่อร่ำเรียน วิทยาการ ในฐานะ คนที่ว่าง่าย สอนง่าย และกล้าหาญ เพื่อเตรียมตัว และ ปรับปรุงตนสู่ ความเป็นทหารพระราชา โดยนักมวย จะต้องมีครู ต้องเคารพ และเทิดทูนครู เพราะการที่ครูจะยอมรับศิษย์ แต่ละคน ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ของคนไทย ที่เป็นมรดกสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล

 

พิธีไหว้ครูมวยไทย

 

เป็นเอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยก่อนการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) นักมวยที่เข้าแข่งขัน จะมีการร่ายรำ ไหว้ครูมวย ซึ่งเป็นวัฒนธรรมไทยแท้ที่ สืบสานมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็น อัตลักษณ์ของความเป็น "มวยไทย" ( Muay Thai ) และสาเหตุที่ ศิษย์ต้องมี ความกตัญญต่อครูอาจารย์นั้น เป็นเพราะ วิชามวย เมื่อครั้งโบราณ มีการฝึกฝนไว้ป้องกัน อันตราย จากคู่ต่อสู้ ซึ่งในการฝึกซ้อม หากไม่มีครูอาจารย์ที่ชำนาญคอยสอนสั่ง ผู้ฝึกมวยอาจพลาดพลั้งและเกิดอันตรายได้ ดังนั้นศิษย์จึงต้องเชื่อฟังครูและศรัทธาครู เพื่อให้การฝึกเป็นไปด้วยดี

 

ขณะเดียวกัน ครูผู้อบรมสั่งสอนต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ จนกว่าศิษย์ จะเชี่ยวชาญ ชำนาญได้ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี เพราะการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หากครูไม่มีความรัก และความเมตตาต่อศิษย์ ไม่เอาใจใส่ในการฝึกฝนของศิษย์อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ด้วยความเคารพรัก และแสดงออกถึงความเชื่อ ความศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ การไหว้ครูจึงเกิดขึ้นคู่กับ มวยไทยมาแต่อดีตกาล จนกลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาในวงการมวยไทยตลอดมา

 

ในอดีตผู้สมัครเป็นศิษย์ จะมีความรู้สึกว่า ยากแสนยาก กว่าจะได้เรียนรู้ถึงศาสตร์ชิ้นนี้ได้ เพราะในสมัยนั้นครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมีอยู่ไม่มากนัก อีกประการหนึ่ง ท่านก็ไม่ได้คิดค่าสอนหรือมีค่าตอบแทนแต่อย่างใด ผู้มีประสงค์จะศึกษาเล่าเรียนต้องฝากเนื้อฝากตัวกับครู คอยปรนนิบัติอยู่เป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชามวยไทยครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ ครูและศิษย์มวยไทยในสมัยก่อนนั้น จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นดุจบิดามารดา

 

พิธีครอบครู

 

การที่ศิษย์ ได้ศึกษา ศิลปะมวยไทย ( Muay Thai ) จนสำเร็จแล้ว และสามารถถ่ายทอดวิชาให้แก่ผู้อื่นได้ ครูพอใจจะให้เป็นครูมวยต่อไป ก็จะทำพิธีครอบครูให้เพื่อสืบทอดศิลปะมวยไทยของครูมวยสายนั้น โดยจะทำพิธีครอบครูในวันพฤหัสบดีก่อนเที่ยงที่บ้านของครูมวย หรือในโบสถ์

 

พิธีไหว้ครู ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อครูอาจารย์ เป็นวัฒนธรรมไทยแท้ที่สืบสานมายาวนาน อันจะเป็นพิธีใหญ่จัดปีละครั้ง ตามแต่ครูจะกำหนด ในพิธี จะมีการตั้งโต๊ะ แต่งเครื่องสังเวยเทวดา และบูชาครูอาจารย์ ที่ล่วงลับไปแล้ว ทุกท่าน รูปแบบ และพิธีการไหว้ครู จะแตกต่างกัน ในแต่ละสำนักมวย แล้วแต่ครูอาจารย์ของสำนักนั้น กำหนดขึ้น และมีการปฏิบัติสืบต่อกันมา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมพลศึกษา

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

หุ่นเฟิร์ม ด้วยมวยไทย

เกร็ดความรู้สำหรับ มวยไทย( Muay Thai )

หุ่นเฟิร์ม ด้วยมวยไทย

หุ่นเฟิร์ม ด้วยมวยไทย

เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็คงจะทราบกันดีว่า กีฬามวยไทยนั้น ช่วยทำให้เรา ลดล้ำหนักได้เป็นอย่างดี แต่นอกจากนี้ กีฬามวยไทย ก็สามารถทำให้หุ่นเราเฟิร์มได้เช่นกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ กีฬามวยไทย ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดี และ เป็นที่นิยมในหมู่มาก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือ ผู้ที่ต้องการฝึกเพื่อป้องกันตัว กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ไม่เพียงแต่ ช่วยให้เรา ลดล้ำหนักได้แค่นั้น แต่กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) ยังสามารถช่วยให้ หุ่นของเรา มีความฟิต เฟิร์ม หุ่นสวย ดูดี ไม่ต่างอะไรกับการ ออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง ( weight training ) เลยก็ว่าได้ เพราะ การฝึก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) นั้น มีการขยับตัว ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา คอ ไหล่ ลำตัว และ ส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ได้รับการพัฒนา จากท่าทางต่าง ๆ ของกีฬามวยไทย ไม่ว่าจะเป็น การชก การเตะ การใช้ศอก หรือ ฟันศอก การใช้เข่า การใช้ท่าทางต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นท่าที่ช่วย ให้เราได้พัฒนากล้ามเนื้อ เฉพาะส่วน เหมือนกับการ เล่นเวทเทรทนนิ่ง ( weight training ) เพราะฉะนั้นแล้ว การใช้มวยไทย เพื่อการเฟิร์มหุ่น ให้มีหุ่นที่ดี หุ่นที่สวย จึงเห็นผลที่ดี และ ง่าย ต่อการฝึก ไปดูแต่ละท่าที่ใช้ฝึกกันเลย

 

ท่าที่ใช้ ในการเฟิร์มหุ่น 

 

1. Jab cross ( หมัดแย็บ หรือ มัดตรง )

Jab cross ( หมัดแย็บ หรือ มัดตรง ) คือ การเหยียดแขนออกไป บิดลำตัวเล็กน้อย พร้อมกับเปิดส้นเท้า โดยที่เรายังคงรักษา ความตรงของแขน ที่เหยียดออกไป ให้อยู่ในระดับหัวไหล่ ของเรา และ สุดท้าย ให้เราหมุนข้อมือคว่ำลงให้สันหมัด ตรงกับ จุดที่เราต้องการชก ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

2. Elbow (ศอก หรือ ฟันศอก )

Elbow (ศอก หรือ ฟันศอก ) คือการที่เรา พับขน ให้เกิดให้เกิด มุมศอก หรือ เปิดศอก วิธีการฝึกคือ ยกศอกขึ้น และ ฟาดลง ไปยังเป้าหมาย พร้อมกับเกร็งหน้าท้องของเรา ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

3. knees ( เข่า หรือ แทงเข่า )

knees ( เข่า หรือ แทงเข่า ) ท่านี้ เป็นท่าที่ง่าย ๆ คือ การยกเข่า ของเราขึ้น และ มีการเกร็งหน้าท้อง ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

4. Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก )

Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) ท่านี้เป็นการชก ที่ต้องมีการงอแขน 90% เพื่อให้เกิดมุม ในการชก โดยการชกแบบ Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) จะต้อง งอแขน และ ออกแรงชก ที่สำคัญของการชก Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) คือ ต้องบิดลำตัวเล็กน้อย และ บิดส้นเท้า เพื่อให้เกิดแรงส่ง ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

5. Uppercut ( หมัดอับเปอร์คัต )

Uppercut ( หมัดอับเปอร์คัต ) เป็นการชกที่มี ท่าทางการชก แบบเดียวกันกับ Hook ( ฮุก หรือ หมัดฮุก ) แต่ Uppercut ( หมัดอับเปอร์คัต ) คือ การที่เราเสยหมัดจางล่างขึ้นบ้างบน ท่านี้ ต้องมีการงอเข่า และ ย่อตัวลงเล็กน้อย  ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

6. kick ( เตะ )

ท่าสุดท้าย คือ kick หรือ เตะ ท่านี้ เป็นท่าที่เราคุ้นเคยกันดี การเตะ เป็นการเหวี่ยงขาออกไป โดยท่านี้ เราต้องมีขาหลัก ที่มั่นคง ไม่งั้น ก็อาจจะลมได้ ทำท่านี้ข้างละ 15 ครั้ง 3 เซต

 

จากท่าทาง ในการที่เราใช้ออกกำลังกายต่าง ๆ จะเห็นได้ว่า เรามีการใช้ ทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เรามีหุ่นที่เฟิร์ม และ หุ่น

ที่สวย มาต่างอะไรกับ การที่เราออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง ( weight training )

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

การจัดอันดับนักมวย สุดแข็งแกร่ง ใน มวยไทย ( Muay Thai ) รุ่นแบนตัมเวท

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

เกร็ดความรู้สำหรับ มวยไทย( Muay Thai )

เกร็ดความรู้สำหรับ มวยไทย( Muay Thai )

การต่อสู้แบบไทย ต้องการผ่านการเรียน มวยไทย ซึ่งต้องเคารพครูผู้สอน เข้าใจการให้คะแนน การใช้คำในการเรียก เข้าใจสิ่งนี้ก่อน และถ้าจะต่อยมวยไทยทั้งที ค่ายมวยไหนที่จะดีไปกว่า เจริญทองมวยไทยรัชดา

 

กติกาในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) และ หลักเกณฑ์ในการให้คะแนน 

1. การให้คะแนนการชก มวยไทย ( Muay Thai )

     คะแนนในแต่ละยก ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ผู้ตัดสินจะคิดคะแนน ตามจำนวนของการชกที่ถูกต้องตามแบบฉบับ มวยไทย ( Muay Thai ) ส่วนการชกที่ไม่ได้คะแนน คือ การชกที่ละเมิดกติกา เช่น ชกถูกขา แขน ของฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะที่อีกฝ่ายทำเพื่อป้องกันตนเอง จากคู่แข่งขัน รวมไปถึงการปล่อยอาวุธที่ไม่มีแรงส่ง หรือ น้ำหนักจากร่างกาย

 

     แต่ละยกมี 20 คะแนน  เมื่อสิ้นสุดลง ถ้าผู้เข้าแข่งขันทั้งสอง ซึ่งการคิดคะแนนให้เป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนน คือ 1 คะแนน สำหรับอาวุธที่กระทำถูกต้อง 1 อาวุธ ของการต่อย มวยไทย ( Muay Thai )

 

     หากคะแนนของผู้เข้าแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ต้องพิจารณาผลการแข่งขัน ดูจากผู้แข่งขันที่เป็นฝ่ายรุกมากที่สุด หากเป็นฝ่ายรุกเท่ากัน ให้พิจารณาผู้ที่มีแบบในการชกดีกว่า ผู้แข่งขันที่มีการป้องกันตัวดีกว่า ดูได้จากการ ปิด จับ ปัดป้อง  รั้ง และ หลบหลีก สามารถป้องกันอาวุธต่างๆ จนคู่ต่อสู้ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะการประกาศผลผู้ชนะ

 

2. ชนิดของการตัดสิน มวยไทย ( Muay Thai )

     มวยไทย ( Muay Thai ) ตัดสินได้จากการ บาดเจ็บ ( Injury ) ถ้าผู้ชี้ขาดเห็นว่า ผู้แข่งขันมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ที่จะแข่งขันต่อ ต้องยุติการแข่งขัน และให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ชี้ขาด สามารถปรึกษากับแพทย์ ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

 

     มวยไทย ( Muay Thai ) ชนะโดยน็อคเอาท์ ( Win by Knock Out ) หากฝ่ายหนึ่ง ล้ม และ ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ภายระยะเวลา 10 วินาที ให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชนะน็อคเอาท์

     

     มวยไทย ( Muay Thai ) ชนะโดยคะแนน ( Win by Points ) ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการตัดสินเสียงข้างมากเป็นผู้ชนะ ถ้าถูกนับสิบพร้อมกัน หรือ ผู้แข่งขันทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ ไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ ผู้ตัดสินต้องรวมคะแนน จนถึงเวลาที่การแข่งขันได้หยุดลง ใครได้คะนแนรวมมากว่า เป็นผู้ชนะ 

 

     มวยไทย ( Muay Thai ) ชนะโดยผู้ชี้ขาด สั่งยุติการแข่งขัน ( Win by Referee stopping contest ) หากฝีมืออ่อนกว่ามาก ( Out-classed ) เมื่อผู้ชี้ขาดเห็นต้องยุติการแข่งขัน และ ให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชนะ

     

    มวยไทย ( Muay Thai ) ชนะโดยถอนตัว ( Win by retirement ) ถ้าผู้เข้าแข่งขันถอนตัวจากการแข่งขันด้วยความสมัครใจ ผลมาจากเหตุผลใด ย่อมมีการปรึกษากันในทีมมาแล้ว ดังนั้น หลังจากการหยุดพักระหว่างยก สามารถประกาศให้อีกฝ่ายชนะได้

 

คำว่า ไหว้ครู กับ มวยไทย ( Muay Thai ) 

     เป็นการแสดงถึงความยอมรับ เพื่อที่จะเรียนรู้ความกล้าหาญ และ การเตรียมพร้อมในการที่จะฝึกฝน นักมวยจะต้องมีครู และ ต้อง เทิดทูน เคารพครู เพราะว่า การที่ครูคนหนึ่ง จะยอมรับบุคคลหนึ่งที่มาฝึกเป็นศิษย์ได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก 

     

      kick boxing ( คิกบ็อกซิ่ง ) ต่างจาก มวยไทย ( Muay thai ) ตรงที่ ไม่ให้ใช้ศอกในการชก และ ไม่มีการไหว้ครูก่อนเริ่ม เรียกได้ว่า การรำไหว้ครู จึงถือเป็นเอกลักษณ์ของกีฬา มวยไทย ( Muay thai ) เพียงอย่างเดียว

 

นัก มวยไทย ( Muay Thai )  ควรปฏิบัติตามคำสอนดังนี้

•          จงทำตนเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

•          จงสุภาพต่อคนทั่วไป

•          จงเป็นผู้มีสันติธรรมไม่พาลเกเร

•          จงเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และ ผู้อื่น

•          ต้องเป็นผู้มีมานะบากบั่น ไม่ย่อท้อต่อทุกสิ่ง

•          จงเป็นผู้เสียสละต่อหมู่ชน เมื่อประเทศชาติต้องการ

•          จงสร้างแก่นแท้ของจิตใจให้แกร่ง

•          จงเป็นผู้เห็นธรรมในหลักพระพุทธศาสนา และ มีศีลธรรมประจำใจ

•          ต้องเป็นคนตรงต่อเวลา รักชื่อเสียง และ ค่ายคณะของตน

•          ต้องออกกำลังกายอยู่เสมอเป็นประจำ

•          ต้องไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ในทางผิดกติกา และ ศีลธรรม

•          ต้องเคารพกฎหมายของบ้านเมือง

 

ประโยชน์จากการรำไหว้ครู ของ มวยไทย ( Muay thai ) 

    มวยไทย ( Muay Thai ) สื่อความหมายให้เห็นคุณค่าด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย มีคุณประโยชน์มากมายทางด้านจิตใจของนักมวย และ ผู้ชมมวย  สำหรับการไหว้ครู

•          ปลูกฝังนิสัยให้เป็นมวย คือ รู้จักรัก เคารพครูอาจารย์ บิดามารดา ผู้ให้กำเนิด มวยไทย ( Muay Thai )

•          เป็นกิจกรรมเผยแพร่เอกลักษณ์ และ ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติได้อย่างสมศักดิ์ศรี

•          ปลูกฝังจิตสำนึกให้ตระหนักในคุณค่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) เกิดความรัก และ อนุรักษ์สืบไป

•          ดูชั้นเชิงคู่ต่อสู้ ดูสถานที่ในการหลบหลีก 

•          เป็นการอบอุ่นร่างกาย ยืดเส้นยืดสายไป

 

คำที่ใช้ใน มวยไทย ( Muay thai )

เดินมวย หมายถึง การย่องเท้า เหมือนม้าในการบุก หรือ ใช้ตั้งรับคู่ต่อสู้ในระหว่างการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )

สืบเท้า หมายถึง การเคลื่อนตัวเพื่อไปโจมตีคู่ต่อสู้

วงนอก คือ การออกอาวุธแบบเหวี่ยง ห่างตัว

วงใน หมายถึง การใช้ลูกไม้ หรือ การออกอาวุธแบบประชิดตัว ที่เรียกกันว่า คลุกวงใน

เหลี่ยม หมายถึง การเบนตัว เพื่อหาจังหวะใช้ลูกไม้กับคู่ต่อสู้ การมีจังหวะในการออกอาวุธที่ดีกว่า

อัด หมายถึง ลักษณะอาการดัน หรือ กด ด้วยไม้มวย สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai )

ตะแคง หมายถึง อาการเอียงตัวไปทางขวา หรือ ทางซ้าย

เฉียง หมายถึง มุมเฉียงของเหลี่ยมตัว

ที่หมาย หมายถึง จุด หรือ เป้าหมายที่จะใช้ไม้มวยกับคู่ต่อสู้ ที่จะทำให้เป็นฝ่ายชนะ

ศอกหลัง หมายถึง ลักษณะอาการการใช้ศอกตีกระทุ้งออกไปทางด้านหลัง

จด หมายถึง การตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ การชก

แม่ไม้ หมายถึง การใช้อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย  

ลูกไม้ หมายถึง การพลิกแพลงแม่ไม้ เพื่อใช้ในการต่อสู้ในรูปแบบลักษณะต่าง ๆ

ไม้ตาย หมายถึง การออกอาวุธ โดยใช้ไม้มวยที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือ การโจมตีด้วยท่าเด็ดประจำตัวใส่คู่ต่อสู้ของ มวยไทย ( Muay Thai )

เปิดว่าง หมายถึง ช่องว่างของคู่ต่อสู้ที่สามารถออกลูกไม้ สู้โจมตีใส่ได้โดยง่าย

ควง หมายถึง อาการใช้มือหมุนควง

จังหวะ หมายถึง โอกาสที่เหมาะสมในการออกอาวุธใส่คู่ต่อสู้

การ์ด หมายถึง การยกมือ และ แขนทั้งสองข้างขึ้น เพื่อป้องกันโจมตีจากคู่ต่อสู้

การเปิด หมายถึง การใช้มือตวัดขึ้น หรือ ลงไปที่การ์ดของคู่ต่อสู้ เพื่อให้เปิดออก

ลอยตัว  หมายถึง การดีดตัวให้สูงขึ้นจากพื้น เพื่อหวังผลในการออกไม้มวย ของท่า มวยไทย ( Muay Thai )

พุ่งตัว หมายถึง การเคลื่อนตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ในลักษณะพุ่งอย่างแรง

เตะ หมายถึง การเหวี่ยงเท้าด้วยแรงหมุนใส่คู่ต่อสู้

ดีด หมายถึง การสะบัดเท้าออกไปใส่คู่ต่อสู้ ในลักษณะจิ้งหรีดดีดเท้า

ฟัน หมายถึง การใช้แรงเหวี่ยงกระแทกไปยังคู่ต่อสู้

เฉือน หมายถึง การใช้แรงเสียดสีกับคู่ต่อสู้

 

เจริญทอง มวยไทย ยิม ( jaroenthongmuaythai ) บวกกับ วิทยาศาสตร์การกีฬา อีกทั้ง ความรู้ด้านโภชนาการ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่า เป็นอีกยิม หรือ ค่ายมวยที่ให้ความใส่ใจแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ เพราะเรารู้ว่า ลูกค้าที่เข้ามาต้องการอะไร เรารู้ว่า คุณต้องการลดน้ำหนัก พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนความรู้ด้านโภชนาการกับเทรนเนอร์ ขอคำปรึกษาจากผุ้เชี่ยวชาญที่ค่ายมวยแห่งนี้ได้ 

Location : 20527 - 28 ถ. รัชดาภิเษก แขวงดินแดง กรุงเทพฯ

Tel :  02 276 5016      

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

มารยาทการชก มวยไทย ( Muay Thai )

มารยาทการชก มวยไทย ( Muay Thai )

มารยาท ถือเป็นสิ่งที่ทุก คนต้องมีและจำเป็นอย่างมาก ต่อ การดำรงชีวิตหรือการทำ กิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน การเรียน รวมไปถึง มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งจะมีไรบ้าง

 

            ก่อนที่เรา จะไปทำความรู้จัก กับมารายาท ของการชก มวยไทย เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ว่า มวยไทย มันคือ กิจกรรม อะไรแล้วมันมีที่มีและความสำคัญอย่างไร ต่อกิจกรรม สำหรับ กิจกรรม  มวยไทย มันถือ  เป็นกีฬา ที่ต้องใช้การ การต่อสู้ในการที่จะชนะ การแข่งขัน และ รวมไปถึง เราจำเป็น ที่จะต้อง เอาชนะคู่ต่อสู้ มากหน้าหลายตา และ รวมไปถึงการ ทำการต่อสู้กันเพื่อเอาชนะ ดังนั้น กินกรรม  กีฬา ที่มีการต่อสู้ ของคน สอง คนก็ต้องมี กฎกติกามารยาท อย่างมาก ในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่ มวยไทย เพียงอย่างเดียว แต่มัน ยังรวมไปถึง กีฬา ประเภท อื่น ๆ ด้วย เช่นกัน ที่มีการต่อสู้ เพราะ ถ้ากีฬาไหน ที่มีการต่อสู้ แล้วไม่ทำตาม กฎกติกามารยาท ก็จะถูกวิจารณ์ หรือ ถูกตัดสินแพ้ หรือ อาจถูก แบนออกจากการแข่งขัน ได้ นั้นเอง และ สำหรับ นักมวย นั้นแต่ละคนนั้น คงจะรู้ กันดีอยู่แล้วว่า กฎกติกามารยาท ในการ ชกมวยไทย นั้น มันจะ มีอะไรกันบ้าง เพราะ แถมด้วย  นักมวย คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าถ้าไม่ทำตาม กฎกติกามารยาท นั้น จะส่งผลเสียอะไรแก นักมวย บ้าง แต่สำหรับท่านใด ที่กำลัง หันมาสนใจ มวยไทย หรือ กำลัง เป็นนักมวย มือใหม่ วันนี้เราจะเอา กฎกติกามารยาท มาอธิบาย ให้ฟังกันบ้าง มารยาท แบบไหน ที่ควรทำ หรือ ไม่ควรทำ ในการชกมวย

 

มารยาทในการชก มวยไทย ( Muay Thai )

           

สำหรับ นักมวย นั้นจะ เคารพในกฎกติกาการ และการ ชกมวยไทย อย่างเคร่งครัด และ ควรต้องทำตาม กฎกติกามารยาท ทุกประการ    

เคารพ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำแนะนำ และคำตักเตือน ของผู้ตัดสินอย่างเคร่งครัด     

ไม่แสดง หรือ ห้ามแสดง กิริยาอาการอันไม่สุภาพ ต่อคู่แข่งขัน หรือผู้ชม เช่น ถ่มน้ำลาย ตะโกนด่าผู้ชม หรือ การทำผิดกฎที่ไม่เหมาะสม       

ไม่แสดงปฏิกิริยา คัดค้าน ไม่พอใจ หรือ ไม่เชื่อฟัง ในการตัดสินของผู้ตัดสินทุกกรณี เช่น ไม่ยอมลงจากเวที ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน ด่าว่าผู้ตัดสิน หรือทำร้ายผู้ตัดสิน      

ไม่พยายามซ้ำเติม คู่แข่งขันที่ด้อยกว่า ทั้งที่มีโอกาสกระทำได้ โดยไม่ผิดกติกา     

มีน้ำใจนักกีฬา เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ไม่มีทางสู้แล้วก็พยายามทำให้คู่ตู่สู้ บอบช้ำอีกต่อไป     

ให้เกียรติและเคารพนักมวย รุ่นพี่ก่อนและหลังการต่อสู้ทุกครั้ง     

ตามประเพณีนิยม ก่อนการแข่งขันนักมวยต้องทำการไหว้ครู และ ต้องมีการร่ายรำตามศิลปะมวยไทย

ไม่ทำการ ล้มมวย หรือ ทำการไม่เหมาะสมนขณะแข่ง 

และ สำหรับ กฎกติกามารยาท ของการ ชก มวยไทย มันถือ เป็นสิ่งที่ควรทำตามอย่างเคร่งครัด และ ควรเคารพ ใน กฎกติกาที่มีการตั้งไว้ ควรให้เกียรติคู่ต่อสู้ และ ที่สำคัญ ไปกว่านั้น การชก มวยไทย ควร มีน้ำใจ นักกีฬา ซื่อสัตย์ สุจริต ก็จะส่งผลดีให้กับ ตัวนักกีฬา ด้วยนั่นเอง และ รวมไปถึง ค่าย ของตนเอง แถม มันยังส่งผลดี ต่อคนดู สำหรับ ใครที่อยากเป็น นักมวย หรือ สนใจในการ ชกมวย เราก็ควร ต้องมีน้ำใจนักกีฬา กันทุกคน เพื่อวงการ มวย จะได้เฟื่องฟูและ กลับ มาหน้าดูหน้าสนับสนุนเหมือนเดิม

 

เป็นยังไงกัน บ้างกับ ข้อมูลดี ๆ ของเรา และสำหรับ ท่านใด ที่อยาก ศึกษาเกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai ) ให้มากกว่านี้ หรืออยากลอง อ่านบทความดี ๆ เกี่ยวกับ มวยไทย เราอยากแนะนำ ข้อมูลดี ๆ จาก Jaroenthong Ratchada แหล่งรวมรวบ ข่าวสาร การกีฬา ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ไว้มากมาย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

คาร์ดิโอ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

คาร์ดิโอ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

เพื่อน ๆ คนไหนที่อยาก ออกกำลังกาย แบบ คาร์ดิโอ โดยที่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เราขอแนะนำ มวยไทย ( Muay thai ) เลยค่ะ ที่มีตั้งแต่ท่าเบา ๆ พอเรียกเหงื่อ ไปถึงท่าหนัก ๆ ที่ช่วยเผาผลาญไขมัน ได้เป็นอย่างดี มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าต้องทำอย่างไร

 

1. คาร์ดิโอ แบบ มวยไทย ( Muay thai )

หากจะเริ่มออกกำลังกาย ให้ฟิตแบบนักมวย ควรต้องเริ่มจากการ คาร์ดิโอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเสียก่อน ซึ่งการคาร์ดิโอนี้ ทำได้ตั้งแต่การ ซิทอัพ / วิ่ง / กระโดดเชือก ซึ่งไม่ใช่การกระโดดเชือกแบบทั่ว ๆ ไป แต่เป็นการฝึกที่มีรูปแบบ การกระโดด ที่หลากหลาย และ การฝึกความแข็งแรง ของร่างกาย ในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อหลังแขน การวิดพื้น และ การฝึกด้วย ลูกบอลเทรนนิ่ง ในท่าทางต่าง ๆ ค่ะ

 

2. มวยไทย ( Muay thai ) เผาผลาญพลังงาน ได้เร็วกว่า

มวยไทย ( Muay thai ) การชกมวย อาจเป็นทางเลือกใหม่ ในการออกกำลังกาย แบบความเข้มข้นสูง หรือ High-intensity Interval Training การออกกำลังกายประเภทนี้ จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และ กระตุ้นระบบเผาผลาญ ในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงาน ได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

 

3. มวยไทย ( Muay thai ) ออกได้ทุกส่วน

เป้าหมายของการต่อยมวย คือ ให้ทุกส่วนของร่างกาย ได้ใช้งาน นอกเหนือไปจาก การกระตุ้นความแข็งแรง ของร่างกาย และ ระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวย ยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะ ที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้ และ ความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้ใช้กล้ามเนื้อ ทุกสัดส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วย ในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งเบิร์นไขมันสะสม และ ก็เพิ่มความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ ไปพร้อม ๆ กัน แค่ครั้งละ 1.30 ชม. สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะเฟิร์มขึ้น จนรู้สึกได้ชัด ถึงความเปลี่ยนแปลง เลยทีเดียว

 

 

4. มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยฝึกความอดทน

การจะฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) หลัก ๆ เลยเราต้องอดทน ต่อความเหนื่อยล้า ยิ่งเพื่อน ๆ คนไหน เป็นคนที่น้ำหนักเยอะ อยู่แล้วด้วย ต้องอดทนเข้าไปใหญ่ แต่เอาเท่าที่ไหว วันนี้ เล่น 20 นาที พรุ่งนี้เล่น 25 นาที เป็นขั้นตอนไป ไม่งั้นเราก็จะไม่ไหว ร่างกายเจ็บอีก ดังนั้นการที่เราจะลดน้ำหนักนั้น ต้องอาศัยหลายปัจจัยในการลด ไม่ใช่ว่า อยู่ดี ๆ ลด ฮวบฮาบไม่ได้นะคะ ต้องศึกษาให้ดี

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ การออกกำลังกาย แบบ คาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบง่าย ๆ ที่เราได้นำมาเสนอกัน นอกจากจะ ช่วยลดความอ้วน ได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบที่ดีขึ้น มีความอดทน กล้าหาญ และ นำไปใช้เป็นศิลปะป้องกันตัว ได้ในอนาคต หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ที่ 3 สาขาดังนี้

 

•             jaroenthong muay thai Khaosan ( สาขาข้าวสาร )

•             jaroenthong muay thai Ratchada ( สาขารัชดา อยู่ติดกับโพไซดอน )

•             jaroenthong muay thai Srinakarin ( สาขาศรีนครินทร์ อยู่ด้านในปั้มบางจาก ถนนศรีนครินทร์ )

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

 

ฝึก มวยไทย เตรียมอะไรในการ ฝึก บ้าง

ฝึก มวยไทย เตรียมอะไรในการ ฝึก บ้าง

ฝึก มวยไทย ปัจจุบันได้รับความสนใจ จากคนรุ่นใหม่อย่างมาก เพราะสามารถนำไปเป็นการ ป้องกันตัว ได้ หรือ แม้แต่เป็นการ ออกกำลังกาย แบบ มวยไทย ที่ก็ได้กล้ามเนื้อ และกำลัง ไม่ต่างจากการ ฟิตเนส อย่างกอื่นเลย ทำให้ มวยไทย ถูกพูดถึงมากขึ้น 

สำหรับการ เริ่มต้น ฝึก มวยไทย ( muaythai ) ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่ง อุปกรณ์ หรือ ของที่ต้องเตรียมก็เช่นกัน ไม่ได้หายากมากมายนัก ส่วนมากก็หาซื้อได้ง่าย ซึ่งวันนี้เรามี อุปกรณ์ ต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมในการ ฝึก มวยไทย ( muaythai ) ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาซื้อทีเดียวหมดเลย เอาเท่าที่จำเป็นก่อนก็ได้ เริ่มต้นด้วยของใช้ จำนวนน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มเติมตามความจำเป็น แต่สำหรับใครที่มีงบเหลือ ก็สามารถซื้อทั้งหมดเลยก็ได้ ทั้งนี้ก็จะได้ไม่ต้อง ไปใช้ของร่วมกับคนอื่น และอีกนัยหนึ่ง ก็เป็นการแต่ง แบบ แฟชั่น ได้อีกด้วย

 

สิ่งจำเป็น สำหรับการเริ่มต้น ฝึก มวยไทย ( muaythai )

1. กางเกง 

หลายคน อาจจะมองว่า กางเกงมวย ยังไงก็แค่หากางเกงขาสั้นมาใส่ก็ได้ แต่แท้จริงแล้ว กางเกงมวย ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับการ ฝึกมวย ทั้งเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น ใส่สบาย ออกแบบให้มีพื้นที่โล่ง โปร่งบริเวณต้นขา และ ขาหนีบ เพื่อให้ยกแข้ง ยกขาเตะได้ถนัด แต่ก็ยังระบายอากาศได้ดีด้วย ซึ่งก็มีให้เลือกมากมาย หลากหลายแบบ ตามที่ตัวเองชอบได้เลย และขนาดที่พอดี กับแต่ละคน สำหรับสาว ๆ ก็อย่าลืมใส่กางเกงชั้นใน แบบขาสั้นแนบเนื้อด้วย เพราะ กางเกงมวย ขาจะกว้างกว่าปกติ ทำให้อาจมองเห็น เข้าไปข้างในได้ ขณะที่สาว ๆ ยกขาขึ้น

 

2. นวม

นวม ถือเป็น อุปกรณ์ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าใครดูการ แข่งขัน ชกมวย หรืออาจผ่านตามาบ้าง คงไม่มี นักมวย  ( muaythai ) คนไหนที่ขึ้น ชก แต่ไม่ใส่ นวม แน่นอน เพราะช่วยปกป้องมือของเรา และ คู่ซ้อม ซึ่งปกติตาม ยิม ( Gym ) ต่าง ๆ จะมี นวม ให้บริการอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ต้องการ ความสะอาดที่มากขึ้น อาจจะต้องเตรียมไปเอง ซึ่งก็ไม่ได้หาซื้อยาก แต่แนะนำให้เข้าไปลองที่ร้านจะดีกว่า ไม่แน่นำให้ซื้อออนไลน์ สำหรับ ผู้ที่เริ่มฝึกใหม่ ๆ เพราะอาจจะได้ นวม ที่มีขนาดไม่พอดีมือ หลวมบ่าง คับบ้าง แนะนำให้ไปลองด้วยตัวเอง เพราะมันต้องพอดีกับมือ และสามารถเลือกลาย และวัสดุแบบที่ชอบ ได้ง่ายกว่า

 

3. ฟันยาง

ฟันยาง ช่วยปกป้อง ฟันของคุณ เมื่อถูกกระแทก หรือ จากการโดน ชก ปัจจุบันมี ฟันยาง ที่ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด แต่ชนิดที่ดีที่สุด สำหรับมือสมัครเล่น คือ ฟันยางแบบ boil and bite ซึ่งมีราคาที่ถูก แต่ต้องต้มให้ร้อน และกัด เพื่อให้พอดีกับปาก แต่ถ้าใครมีงบเหลือ ก็สามารถซื้อแบบอื่น ๆ มาใช้ได้

 

4. แองเกิล

แองเกิล มีหน้าตาคล้ายถุงเท้า แต่เปิดส้นเท้า และ นิ้วเท้า แต่สำหรับใครงบน้อย แองเกิล ก็ถือว่ายังไม่ได้จำเป็น ในช่วงแรกนัก

 

5. ผ้าพันมือ

การพันมือ จะช่วยปกป้องกระดูก และ เนื้อเยื่อกระดูก จากการที่เราต่อยในแต่ละครั้ง อีกทั้งยังทำให้นิ้ว และ ข้อมือไม่ขยับเขยื้อนไปในตำแหน่ง ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็ บเวลาออกหมัด ผ้าพันมือ ก็มีความจำเป็นเช่นกัน

 

6. สนับแข้ง

สนับแข้ง ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันส่วนหลังเท้า และ หน้าแข้ง ซึ่งในคลาสเรียนชั่วโมงแรก ๆ มันอาจไม่มีความจำเป็น มากเท่าไหร่

 

7. เสื้อผ้า

เสื้อผ้า ต้องหาใส่เช่นกัน เพราะคงไม่มีใครแก้ผ้า ต่อย มวย แน่นอน ควรเลือกเสื้อที่ระบายเหงื่อ แห้งเร็ว ใส่พอดีตัว และสบาย สำหรับสาว ๆ เลือกซื้อสปอร์ตบรามาใส่ด้วย เพราะมันช่วยซัพพอร์ตหน้าอก ได้กว่าบราทั่วไป และ ยังระบายอากาศได้ดีกว่า

 

8. น้ำมันมวย

น้ำมันมวย ใช้นวด เพื่อวอร์ม และกระตุ้นกล้ามเนื้อ ก่อนทำการฝึก หรือ แข่งขัน

 

9. ผ้าขนหนู

พกผ้าขนหนู สำหรับเช็ดเหงื่อ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือได้ว่าเป็น ศิลปะการต่อสู้ที่ได้สมญานามว่าเป็น ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 หรือ ศาสตราวุธทั้ง 8 โดยสาเหตุที่ถูกขนามนามในชื่อนี้ เพราะอะไร มาติดตามกันครับ

 

ที่มาของคำว่า “ศาสตราวุธทั้ง 8”

 

หลายคนคงทราบกันดีว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การป้องกันตัว ที่มีการออกอาวุธ โดยการใช้ 4 ส่วนของร่างกาย ได้แก่ หมัด เท้า เข่า และศอก ที่ใช้ในการออกอาวุธ ไปยัง คู่ต่อสู้ ซึ่งนี่เป็นที่มาของ ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 เนื่องจาก หากนับอวัยวะ ทั้ง 4 อวัยวะเหล่านี้ รวมกันทั้ง 2 ข้าง ซ้ายและขวา ก็จะรวมกันได้ 8 ส่วน นั่นเอง คือ มือ (หมัด)  2 , ศอก 2 , เข่า 2 และ เท้า 2

 

ในสมัยโบราณนั้น มวยไทย ( Muay Thai ) เคยถูกเรียกว่า ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 9 ( Art of nine Limbs ) มาก่อน เนื่องจาก มวยไทย ในสมัยก่อน มีการใช้ หัวโขก ในการต่อสู้ด้วย หัว จึงนับว่าเป็น อวัยวะออกอาวุธอย่างหนึ่ง ในสมัยนั้น แต่ต่อมา กติกาของมวยไทย ได้ตัดการใช้ หัวโขก ออกไป เพื่อลดความรุนแรง และความเป็นสากลมากขึ้น จึงเหลือเพียง ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 ไว้ ส่วนศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 9 จะใช้เรียกแทน มวยลัดเว่ย มวยของพม่าได้ เพราะ มวยพม่า ยังใช้หัวในการต่อสู้อยู่

 

ศาสตราวุธทั้ง 8 ของ มวยไทย มีอะไรบ้าง

 

อาวุธที่ 1 และ 2 : หมัด ซ้ายและขวา

 

 

หมัด  เป็นการออกอาวุธโดยใช้มือ กำหมัด และพุ่งไปยังเป้าหมาย โดยหมัด ถือได้ว่าเป็นอาวุธมวยไทย ที่ใช้บ่อยที่สุดในการแข่งขันมวย และมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ มวยสากลสมัครเล่น และ มวยสากลอาชีพ เพราะ นักมวยไม่สามารถใช้ เท้า เข่า ศอก ได้อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) ดังนั้น นักมวยสากล จำเป็นต้องมีทักษะ ในการใช้หมัด หลากหลายแบบ โดยหมัดนั้น จะใช้แรงส่งจาก หัวไหล่ สะโพก และ ขา มายังกำปั้น เพื่อหวังโจมตีระยะกลาง และหนักแน่นพอ ที่จะล้มคู่ต่อสู้

 

ด้านความอันตรายของการใช้หมัด ถือว่าไม่ได้รุนแรงเท่า ศอก เข่า เท้า เพราะหมัด จะต้องอาศัยกล้ามเนื้อ บริเวณหัวไหล่ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อ ส่วนที่ไม่ได้ใหญ่มาก น้ำหนัก และความแรง จึงไม่อาจเทียบเท่ากับส่วนอื่น ๆ

 

อาวุธที่ 3 และ 4 : ศอก ซ้ายและขวา

 

ศอก เป็นอาวุธโจมตี ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่กลับมีอันตรายมากสุด และทุกคนต่างลงความเห็น เป็นเสียงเดียวกันว่า ศอก คือ อาวุธที่อันตราย มากสุดของ มวยไทย ( Muay Thai ) สาเหตุที่ศอกมีอันตรายมากที่สุดนั่น ก็เพราะว่า อาวุธศอก มีพื้นผิวสัมผัสน้อย ยิ่งพื้นที่การตีน้อย และรวดเร็ว จึงเกิดค่าความดันที่สูงมาก

 

นอกจากนี้ ศอกยังเป็นบริเวณ ที่แหลมคม มีความแข็งของกระดูก  ทำให้เกิดแผล บริเวณใบหน้า ได้ง่ายกว่าอาวุธทุกชนิด เมื่อโดนแรงจากปลายศอก เข้าไปกระทบผิวหนังใบหน้า ความดันที่มีค่าสูง จึงส่งผลให้เกิดแผลแตกได้ง่าย และทำให้สมองมึนงงไป จนถึงขั้นสลบ และสามารถทำให้ ชนะน็อคเอาท์ได้ หรือหากเป็นแผลแตก เหนือเบ้าตา จะส่งผลต่อการมอง เห็นของนักมวยอีกด้วย

 

อาวุธที่ 5 และ 6 : เข่า ซ้ายและขวา

 

เข่า เป็นอาวุธมวยไทย ที่มีความหนักหน่วง เนื่องจาก ใช้แรงส่งจากสะโพก โดยใช้ส่วนของ หัวเข่าด้านหน้า หรือ ด้านข้างหัวเข่า ซึ่งเป็นมุมแหลม และแข็งแรง เข้าปะทะในส่วนนิ่ม ของร่างกาย เช่น หน้าขา ท้อง ชายโครง ลำตัว หน้าอก หรือแม้แต่ปลายคาง

 

ถึงแม้ว่า เข่า จะมีความหนักหน่วง มีเหลี่ยมของเข่า ที่กระแทกเข้าที่ส่วน ลำตัวของร่างกาย แต่เข่า ไม่ใช่อาวุธที่อันตรายสุด เพราะส่วนมากแล้ว ร่างกายของ นักมวยไทย ถูกฝึกฝนกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง ทนทาน พร้อมรับน้ำหนัก และแรงกระแทก จากเข่าอยู่แล้ว

 

อาวุธที่ 7 และ 8 : เท้า ซ้ายและขวา

 

อาวุธสุดท้าย คือ เท้า เป็นอาวุธที่ โจมตี ระยะไกล ได้ทั้งรูปแบบเตะ และ ถีบ เท้า จึง ถือเป็น อวัยวะสำคัญสำหรับ การชกมวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งในจังหวะรุก และรับ แถมยัง มีพลังโจมตี มากพอที่จะทำให้ คู่ต่อสู้น็อคเอาท์ได้ทันที ในชั่วพริบตาหากโดนเตะ เข้าที่ก้านคอ เนื่องจากบริเวณของต้นคอ เป็นศูนย์รวมระบบประสาท ที่เป็นส่วนที่สำคัญ นอกจาก เท้าแล้ว มีอีกอย่างที่น่ากลัวคือ แข้ง เพราะมีน้ำหนัก และความรุนแรง หากใครโดนก็เหมือน ถูกท่อนไม้ตี เลยทีเดียว

 

อาวุธเท้าในมวยไทย มีความแรงเกิดจากแรงขา และการหมุนของสะโพก สามารถโจมตีได้หลายแบบ นอกเหนือจากเตะก้านคอ ยังใช้เตะตัด เตะเฉียง การถีบ ดังนั้น การเตะที่ดีต้องอาศัยจังหวะ ความเร็ว การทรงตัว การเคลื่อนที่ที่ดี เพื่อให้การเตะ นั้นออกมาสมบูรณ์ นอกจากนี้ เท้า ยังถูกใช้ในการแข่งขันอยู่ตลอดในการยืน ทรงตัว และเคลื่อนที่ไปยังคู่ต่อสู้

 

การออกอาวุธ ในแต่ละส่วน เหล่านี้ ต่างมีจุดเด่น ท่าทาง และพลังในการโจมตี ที่แตกต่างกันไปเฉพาะตัว ซึ่งนักมวย แต่ละคน ก็จะมี ความถนัดในการออกอาวุธ แต่ละส่วนที่ใช้ในการต่อสู้ เพื่อเอาชนะคู่แข่ง ที่แตกต่างกันไปด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

การรีดน้ำหนัก ของ นัก มวยไทย ( Muay Thai )

ฝึกมวย อย่างไรให้หุ่นสวย หุ่นปัง

การรีดน้ำหนัก ของ นัก มวยไทย ( Muay Thai )

การรีดน้ำหนัก ของ นัก มวยไทย ( Muay Thai )

การชั่งน้ำหนักนักมวย เพื่อแยกรุ่น ก่อนขึ้นชก มีข้อดีตรงที่ว่า นักมวย จะได้คู่ชกที่น้ำหนักเท่า ๆ กัน แล้วถ้าน้ำหนักเกินละ จะต้องทำอย่างไร วันนี้เราจึงพามารู้จัก การรีดน้ำหนัก ของ นัก มวยไทย ( Muay Thai ) กัน

 

ในการลดน้ำหนัก บางคนอาจจะ มองเห็นภาพ การไปวิ่งบนลู่ใน ฟิตเนส ว่ายน้ำ หรือ แม้แต่การ เต้นแอโรบิค ยามเย็น แต่ในฉบับ นักมวยไทย ( Muay Thai ) นั้นไม่ใช่แค่นั้น ในการชกมวยนั้น จำเป็นต้องใช้ ทุกสัดส่วน ของร่างกาย ดังนั้น การ ออกกำลังกาย ให้ได้ผลเร็ว และ รีดน้ำหนัก ต้องใช้ทุกส่วน ของร่างกายด้วย ดีกว่าไปนั้น ต้องมีความสนุกสนาน ตั้งใจ ระเบียบวินัยด้วย

 

 

สเต็ป การรีดน้ำหนัก ของ นักมวย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เนื่องจาก นักมวย ค่อนข้างที่จะมี ความกังวล และ ซีเรียส กับ การคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ ของการแข่งขัน ในเวทีเพราะแต่ละเวทีนั้น ก็มีการ จำกัดน้ำหนัก ตัวเป็นรุ่น ๆ ดังนั้น นักมวย จำเป็นต้องการ ที่จะ ควบคุมน้ำหนัก ให้เป็นไปตามรุ่นชก ของตนเอง ด้วยวิธี การลดน้ำหนัก ที่สามารถ ลดน้ำหนัก ลงได้อย่างรวดเร็ว และ ได้ผลจริงอีกด้วย โดย นักมวย นั้นมีสเต็ปการ ออกกำลังกาย ดังนี้

 

 

1. เริ่มที่การ ออกกำลังกาย อย่างต่อเนื่อง  ให้ได้อย่างน้อย 45 - 60 นาที ต่อวัน สามารถที่จะเลือกการ ออกกำลังกาย หลาย ๆ แบบได้ไม่ซ้ำกัน เช่น การปั่นจักยาน 30 นาที หรือ วิ่ง 10 กิโลเมตร กระโดดเชือกในตอนเช้า ต่อยกระสอบทราย หรือ ล่อเป้าอย่างน้อย 3 ยก อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเย็น

 

2. การควบคุมอาหาร หลักสำคัญที่จะช่วย ลดน้ำหนัก อย่างได้ผลเร็ว และ เห็นผลที่สุด แค่คุณลดการ รับประทานอาหาร ประเภท แป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง หรือ เส้นต่าง ๆ เพราะแป้งเหล่านั้น เป็นตัวการ ที่จะ เพิ่มน้ำหนัก อย่างดีเลย นอกจากนี้ อาหารประเภท ของทอด ด้วยน้ำมัน ทั้งหลาย จะทำให้การ ออกกำลังกาย นั้นเห็นผลช้ากว่า ที่เราต้องการ หรือ อาจจะไม่เห็นผลเลย หากทานในประมาณ ที่ร่างกาย ไม่สามารถ เผาผลาญ ได้หมด ควรเน้นไปที่ การเลือกรับประทาน ประเภทผัก หรือ เนื้อสัตว์ ต้มเป็นหลัก ลดแป้ง  ให้เน้นผักผลไม้ ที่มีรสจืด เน้น โปรตีนเนื้อสัตว์ นมจืด พร่องมันเนย ในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ส่วนที่สึกหรอ และ สิ่งสำคัญ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ในแต่ละวัน จะช่วยให้ร่างกายของคุณ ชะล้างเกลือส่วนเกิน ที่ก่อให้เกิด การกักเก็บน้ำ ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

3. สร้างขีดจำกัด เพิ่มขึ้น ให้กับตัวเอง ในที่จะ ลดน้ำหนัก แบบ นักมวย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )  นั้นจะต้องมีการ เพิ่มจำนวน ยกในการล่อเป้า จำนวนครั้ง ในการซ้อม กระสอบทราย หรือจำนวนรอบในการวิ่ง เพื่อเพิ่มอัตรา ที่จะทำให้ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย และ ยังสามารถดึงเอาพลังงาน มาเผาผลาญ ได้สูงขึ้นอีกด้วย

 

 

4. การพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อเรา ออกกำลังกาย มาอย่างหนักหน่วง แล้วในการพักผ่อน ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างมาก และ ควรที่จะพักผ่อนให้ถึง 7 - 8 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกาย ของเรานั้น จะมีการ ปรับสมดุล ในขณะที่เราหลับ และ ปฏิบัติตามตาราง ในการลดน้ำหนัก แบบนักมวย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ให้เข้ากับชีวิตประจำวัน อย่าหักโหม จนเกินไป และ ออกกำลังกาย หนักจนเกินไป เพราะจะทำให้ ร่างกายอ่อนล้า จนไม่สามารถ ลดน้ำหนัก แบบ นักมวย ต่อได้ และ จะมีผลกระทบ มากกว่าผลดี

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ฝึกมวย อย่างไรให้หุ่นสวย หุ่นปัง

ฝึกมวย อย่างไรให้หุ่นสวย หุ่นปัง

สำหรับ สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ ท่านใดที่กำลังมองหา กีฬามัน ๆ สนุก ๆทีช่วยให้หน้าท้องของคุณ ครีน ทำให้หุ่นของคุณดูสวย ๆ ปัง ๆ แล้วละก็ เราอยากแนะนำ ลองหันมาออกกำลังกาย โดยการ ฝึกมวย ดูสิ

 

            แน่นอนว่า ออกกำลังกาย ด้วย การ ต่อย มวยไทย เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถ สร้าง หุ่นปัง ได้ เพียง เข้าใจ ในการ ฝึกฝน เกี่ยวกับ การ ต่อย มวยไทย ว่า มวยไทย มี ลีลา แบบใด ต่อยมวย แล้ว จะ ลดหุ่น ได้สุดปัง ขนาดไหนไปดู

 

            มวยไทย ถือว่าเป็น กีฬา ที่ได้ความนิยมอย่างมาก ในปัจจุบัน แถมยัง ไม่ได้มีแค่ ชาวไทย เพียงเท่านั้น แต่ยังมี คนอีกมากมาย หลาย ๆ ประเทศ ที่หลงใหล ในกีฬาของ มวยไทย และ ก็อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า นักมวย ( Boxer ) เป็นอาชีพที่ต้อง มีร่างกาย ที่ อึด ถึก ทน อย่างมาก นั้นก็ เพราะ ต้องรับหมัดของคู่ต่อสู้ และ มีความแข็งแกร่งของ ร่างกาย ของเรา และแถมเรายัง สามารถโจมตีคู่ชก กลับไป และรวมไปถึง  การออกกำลังกายแบบ นักมวย ( Boxer ) และ จึงฝึกฝนกันอย่างหนักหน่วง มากกว่าการ ออกกำลังกาย แบบปกติ

 

Shoulder Presses  

 

            Shoulder Presses ถือว่า เป็นท่าที่ สามารถไป ช่วยในเรื่องของการ สร้างกล้ามเนื้อ ในบริเวณ หัวไหล่ได้อย่างดี และ โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลัก  ๆ นั้นก็คือ ดัมเบล ( Dumbbell ) และ ถ้าหากไม่มีจะใช้เป็นขวดน้ำก็ได้ แล้วจับให้มั่นจากนั้นดันขึ้นเหนือหัว ละลง อย่าง ต่อเนื่อง

 

Clap Press – Up

 

            Clap Press – Up สำหรับ ท่านี้ ถือว่า เป็นวิธีการ ออกกำลังกาย ที่ง่าย และ แถมเรายัง สามารถทำตอนไหนก็ได้ ท่า นี้ไม่ได้เพิ่มแค่ ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อเพียง อย่างเดียว แต่ มันก็ยัง สามารถไป ช่วย ในเรื่องของการ ปรับเรื่องของ Body Balance ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับ นักมวย นั่นเอง

 

Plank

 

            ถือว่า เป็นท่าที่ทำยาก และ รวมไปถึงการ ทำให้ เกิดความ ทรมานที่สุด เพราะ และแถม ต้องอาศัย ความแข็งแรง ของร่างกาย ของเรา ใน หลาย ๆ ส่วน ด้วย กัน ไม่ว่าจะ เป็นท่า นักมวย ทุกคน ให้ความสำคัญ ลองทำ ควบคู่กับการ Crunches และ Sit Up ที่ จะ สามารถไป ช่วย ในเรื่องของการ เพิ่มความแข็งแกร่ง ได้เป็น อย่างดี และ อยิ่งขึ้น Plank จะเสริมสร้าง ความแข็งแรงของร่างกายส่วนกลาง ให้ทนต่อหมดหนัก ๆ ของคู่ต่อสู้

 

คาร์ดิโอ ( Cardio )

 

            และ ถ้าอยากมี หุ่นที่ ฟิตแบบ นักมวย แล้วนั้น การออกกำลังกาย ในรูปแบบ นี้ถือว่าตอบโจทย์ มากที่สุด ที่เรา ต้องเริ่มจาก คาร์ดิโอ ( Cardio )  และ เพื่อ ที่จะ ให้ร่างกาย ของเรา นั้น แข็งแรง ทำโดยการ ซิทอัพ วิ่ง กระโดดเชือก ต้องฝึกแบบการกระโดดที่หลากหลาย และ รวมไปถึง การฝึกความแข็งแรงของ ร่างกาย ของเรา ในส่วนต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อหลังแขน การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอลเทรนนิ่งในท่าทางต่าง ๆ

 

Burpees

 

            Burpees ถือว่า เป็นหัวใจสำคัญในการ ออกกำลังกาย ให้ได้ผล มากที่สุด เลยก็ว่าได้ และถ้า  หากใครอยากมีรูปร่างที่สมส่วน  ถ้าทำท่า Burpees อย่างสม่ำเสมอ มันก็จะ สามารถไป ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักตัว หรือเพิ่มความแข็งแรงในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วย

                                                      

Squats

 

            มาถึง ท่า ที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนคงเคยทำกันอย่างแน่นอน นั้นก็คือ Squats เพราะถือเป็นการ ออกกำลังกาย ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของ ร่างกาย ของเรา ในส่วนล่าง ได้เป็นอย่างดี นั้นก็ เพราะนักมวยจะต้องมีการยืนที่มั่นคง พร้อมที่ปล่อยหมัดเพื่อรุกผู้ต่อสู้ได้ตลอดเวลา หากทำท่า Squats ร่วมกับท่าบริหารสะโพกส่วนอื่นให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีช่วงล่างที่แข็งแรงแน่นอน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) กีฬาที่น่าสนใจ ของ ชาวต่างขาติ

สุดยอดต้นแบบ นัก มวยไทย หญิง

มวยไทย ( Muay Thai ) กีฬาที่น่าสนใจ ของ ชาวต่างขาติ

มวยไทย ( Muay Thai ) กีฬาที่น่าสนใจ ของ ชาวต่างขาติ

หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าทำไม กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ชาวต่างขาติ ถึงสนใจ และ นิยม กันอย่างแพร่หลาย วันนี้เราได้รวมคำตอบ มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านและทำความเข้าใจกับ สายตาของต่างชาติที่มอง มวยไทย ( Muay Thai ) บ้านเรากันแล้วค่ะ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ของประเทศไทย มีความโดดเด่น ด้านเทคนิคการกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกาย และ ใจ สำหรับการต่อสู้ ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักว่าเป็น นวอาวุธ ซึ่งประกอบด้วย การโจมตีจากร่างกาย ทั้ง หมัด ศอก เข่า และ เท้า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) หากมีการเตรียมพร้อม ด้านร่างกายดี จะก่อให้เกิดอาวุธ ที่มีอานุภาพ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ได้โด่งดังเป็นที่แพร่หลาย ในระดับนานาชาติ ในช่วงศตวรรษที่ 20 เมื่อเหล่า นักมวยไทย สามารถเป็นฝ่ายชนะ นักต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ในแขนงอื่น ๆ ( MMA ) ซึ่งการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในระดับอาชีพ ได้รับการดูแล โดยสภามวยไทยโลก

 

ปัจจุบัน ทางสหพันธ์มวยไทย สมัครเล่นนานาชาติ ( IFMA ) มีแผนที่จะผลักดัน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เข้าสู่กีฬาโอลิมปิก และ ใน พ.ศ. 2557 ทางองค์การสหประชาชาติ ได้ให้การยอมรับ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาแห่งประชาคมโลก โดยได้มีการลงนาม ข้อตกลงความร่วมมือ กับสภามวยไทยโลก และ สหพันธ์มวยไทย สมัครเล่นนานาชาติ ขึ้น

 

ความนิยมของ มวยไทย ( Muay Thai ) ในต่างชาติ

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ได้รับความนิยม อย่างมากใน อาเซียน / เอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่ ยุโรป อเมริกา รัสเซีย ซึ่งความนิยมดังกล่าว นอกเหนือจาก การเป็นกีฬาแล้ว มวยไทย ( Muay Thai ) ยังได้รับการกล่าวว่า เป็นสื่อทางวัฒนธรรม ที่สำคัญ โดยได้มีการนำเสนอ ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ในสื่อต่าง ๆ หลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบของ ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หนังสือการ์ตูน แอนิเมชัน รวมถึงในรูปแบบของ วิดีโอเกม

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เริ่มมีชื่อเสียง ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และ มีชื่อเสียงอย่างมาก ในต่างประเทศ ในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ผ่านการถ่ายทอด ทางสื่อต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ อันช่วยส่งเสริม มวยไทย ( Muay Thai ) ในวัฒนธรรมสมัยนิยม อาทิ ภาพยนต์ และ วีดีโอเกม เป็นต้น

 

ความนิยมของ มวยไทย ( Muay Thai ) ในชาวต่างชาตินั้น สูงขึ้นกว่าในอดีต วัดได้จากการเก็บสถิติ ของการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2559 โดยพบว่ามีชาวต่างชาติ หลงใหลในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เดินทางเข้ามาใน ประเทศไทย เพื่อเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) จำนวนมากกว่า 50,000 คน ซึ่ง 10 อันดับแรก มีดังต่อไปนี้

1. สหราชอาณาจักร จำนวน 11,219 คน

2. ออสเตรเลีย 6,800 คน

3. ฝรั่งเศส 5,852 คน

4. เยอรมัน 4,688 คน

5. สวีเดน 4,253 คน

6. รัสเซีย 2,183 คน

7. เดนมาร์ก 1,855 คน

8. ญี่ปุ่น 1,841 คน

9. นิวซีแลนด์ 1,781 คน

10. สเปน 1,633 คน

 

ซึ่งความนิยมดังกล่าว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ในไทยอีกด้วย โดยที่ในปี พ.ศ. 2561 มวยไทย ( Muay Thai ) ได้สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่าหนึ่งแสนล้านบาท ส่งผลให้ในเวลาต่อมา ทางการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของ มวยไทย ( Muay Thai ) ทำการส่งเสริม โดยจัดทำหนังสือ คู่มือ มวยไทย ( Muay Thai ) แก่นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ในภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ AWESOME MUAY THAI ทั้งแบบเป็น หนังสือกระดาษทั่วไป และ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีบุ๊ค ( E-Book )

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

การแต่งกาย ของ นักมวย มวยไทย และ มวยสากล

การแต่งกาย ของ นักมวย มวยไทย และ มวยสากล

การแข่งขัน ระหว่าง มวยไทย และ มวยสากล นอกจาก จะมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของ อวัยวะที่ใช้ออกอาวุธแล้ว ยังมีรูปแบบ การแต่งกาย ที่แตกต่างกันในบางส่วนด้วย

 

การแข่งขัน กีฬามวย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย หรือ มวยสากล ล้วนมีการกำหนด ระเบียบและ กติกามาตรฐาน เป็นหลักยึดในการแข่งขัน ซึ่งหนึ่งในกติกา ที่ได้มีการกำหนดไว้ สำหรับ มวยไทย และ มวยสากล ก็มีเรื่องของ การแต่งกาย รวมอยู่ด้วย โดยกติกาของ มวยไทย ในเรื่องการแต่งกาย มีดังต่อไปนี้

 

1. ต้องสวมกางเกงขาสั้น เพียงครึ่งโคนขาให้เรียบร้อย ไม่สวมเสื้อและรองเท้า นักมวยมุมแดง ให้กางเกงสีแดง ชมพู สีเลือดหมู หรือสีขาวที่มีแถบแดงคาด นักมวยมุมน้ำเงินใช้กางเกงสีน้ำเงิน และสีดำ ห้ามคาดแถบสีแดง และต้องสวมเสื้อคลุม ตามข้อบังคับสภาพมวยไทยโลก

 

2. ต้องสวมกระจับ ที่ทำขึ้นจากวัสดุแข็งแรงทนทาน และได้รับการรับรองจาก สภามวยไทยโลก เมื่อถูกตีด้วยเข่า หรืออาวุธในการต่อสู้อย่างอื่นตรงบริเวณอวัยวะเพศ จะไม่ทำให้เกิดอันตราย การผูกกระจับ ต้องผูกปมไว้ด้านหลัง และต้องผูกด้วยเงื่อนตาย เก็บปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย

 

3. ห้ามไว้ผมยาวรุงรัง และห้ามไว้เครา อนุญาตให้ไว้หนวดได้ แต่ต้องยาวไม่เกินริมฝีหาก เล็บเท้า ต้องตัดให้เรียบและสั้น

 

4. ต้องสวมมงคลผ้าประเจียด หรือรัดเกล้า เฉพาะเวลาร่ายรำไหว้ครู ก่อนทำการแข่งขันเท่านั้น เครื่องรางอนุญาตให้ผูกที่โคนแขน หรือเอว แต่ต้องหุ้มผ้าให้มิดชิดเรียบร้อย เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่คู่แข่งขัน

 

5. อนุญาตให้ใช้ปลอกยืดรัดข้อเท้ากันเคล็ด สวมข้อเท้าได้ข้างละไม่เกิน 1 อัน แต่ห้ามมิให้เลื่อนปลอกรัดขึ้นไปเป็นสนับแข้งหรือม้วนพับลงมา และห้ามใช้ผ้ารัดขาและข้อเท้า

 

6. ห้ามใช้เข็มขัดหรือสิ่งที่เป็นโลหะ สร้อย ฯลฯ

 

7. ห้ามใช้น้ำมันวาสลิน น้ำมันร้อน ไขหรือสมุนไพร หรือสิ่งอื่นที่ทำให้คู่แข่งขันเสียเปรียบ หรือเป็นที่น่ารังเกียจทาบริเวณร่างกายหรือนวม

 

8. ฟันยาง ผู้แข่งขันต้องใส่ฟันยาง

สำหรับ ฟันยาง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ที่จะช่วยป้องกันฟันของนักมวย ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกแรงกระแทกที่กระทบบนในหน้า

 

การแต่งกายของ นักมวย มวยสากล

 

การแต่งกาย ของ นักมวยสากล จะมีกติกาที่เหมือนกับ มวยไทย ( Muay Thai ) ตามข้างต้นทั้งหมด ยกเว้นในข้อ 4 ในเรื่องของ การสวมมงคล ผ้าประเจียด หรือรัดเกล้า เพราะ มวยสากล ไม่ได้มีการใช้ เครื่องรางของขลัง ที่ยึดถือมาแต่โบราณ เหมือนกับ ของมวยไทย รวมไปถึง การร่ายรำไว้ครู ก่อนการแข่งขัน ที่นักมวยไทย จะต้อง สวมใส่ มงคล และประเจียด ขณะไหว้ครู ซึ่งเมื่อไหว้ครูเสร็จแล้ว จะถอดส่วนของ มงคล ออก แต่ประเจียด อาจยังให้ นักมวย สวมใส่อยู่ได้

 

นอกจากนี้ การแต่งกายของ นักมวยสากล อาจต้องมีการสวมใส่ เครื่องป้องกันศีรษะ ร่วมด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด สำหรับ นักมวยสากล ซึ่งสำหรับการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ยังไม่ค่อยมีการสวมใส่ เครื่องป้องกันศีรษะ ในการแข่งขันมากนัก

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

พัฒนาชีวิตด้วย มวยไทย ( Muay thai )

สุดยอดต้นแบบ นัก มวยไทย หญิง

พัฒนาชีวิตด้วย มวยไทย ( Muay thai )

พัฒนาชีวิตด้วย มวยไทย ( Muay thai )

คุณรู้หรือไม่ว่ากีฬาก็เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะ มวยไทย ( Muay thai ) เนื่องจากได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน แถมยังช่วยทำให้เรามีสมาธิจดจ่อกับคู่ต่อสู้ ถือว่าเป็นการฝึกพัฒนาเราได้ดีทีเดียว

 

     เราเชื่อว่าหลายคนใช้เวลาในที่ทำงานเกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จนคุ้นหน้ากับเพื่อนร่วมงาน มากกว่าคนในครอบครัวเสียอีก ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงควรรักษาความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเอาไว้ เพราะการที่คุณต้องเจอหน้ากันทุกวัน มิตรภาพดี ๆ ที่มีต่อกันจะช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมถึงบรรยากาศในการทำงานก็ดีตามไปด้วย และ ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) นี่แหละจะมีส่วนช่วยให้คุณพัฒนาไปสู่การเป็นเพื่อนร่วมที่ดี และ การทำงานที่ราบรื่น ซึ่งเราได้รวบรวม 5 คุณประโยชน์จากศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) ที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ และ ชีวิตในการทำงานของคุณให้ดีขึ้นได้

 

1. มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

     ในตอนแรกคุณอาจจะคิดถึงแค่เรื่องสุขภาพของตัวเอง แต่ประโยชน์ของศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) นั้นมีทุกด้านของชีวิต แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานได้อย่างไร ? เรื่องสำคัญประการหนึ่งเลย คือ การทำให้ตัวคุณแอ็คทีฟ และ ฟิตอยู่เสมอจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ยิ่งคุณต้องอยู่ติดกับโต๊ะทำงานนาน ๆ การไปออกยืดเส้นสาย ปล่อยหมัด เท้า เข่า ศอก ที่ยิมหลังเลิกงาน จะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายในแบบที่ร่างกายควรจะเป็น หากคุณไม่มีกิจกรรมออกกำลังกายเสียบ้าง โรคภัย หรือ ความเจ็บไข้ได้ป่วยบางอย่างอาจจะถามหา จนทำให้มาทำงานไม่ไหว ซึ่งนอกจากจะเกิดผลเสียต่อร่างกายของคุณเองแล้ว ยังอาจส่งกระทบต่องานที่ทำอีกด้วย

 

2. มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยคลายความเครียด

     ฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน ที่หลั่งออกมาในระหว่างเล่นกีฬา และ หลังการเล่นกีฬา จะช่วยลดความเครียด และ สร้างสปิริตให้ตัวของคุณได้ มันจะช่วยกระตุ้น การปล่อยสารเคมีชนิดหนึ่ง ในประสาทที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบาย ลดความเจ็บปวด และ มีความรู้สึกดีกับตัวเอง นอกจากนั้น มันยังช่วยบรรเทาความหงุดหงิด ความเฉื่อย และ ความวิตกกังวล ทำให้คุณมีโฟกัส สมองที่ปลอดโปร่ง และ จิตใจที่มีความสุขมากขึ้น ซึ่งเมื่อคุณมีอารมณ์ที่ดี ก็ช่วยให้คุณเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบข้าง เพราะเขาได้รับพลังบวกนั้นจากคุณด้วยเช่นกัน

3. มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยเสริมสร้างความรับผิดชอบ

     เมื่อต้องทำงานเป็นทีม การที่จะปัดความรับผิดชอบ สำหรับบางคนนั้นทำได้ง่าย เพราะคิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องมีคนรับผิดชอบงานจนสำเร็จอยู่แล้ว แต่นั่นมันส่งผลต่อบุคคลดังกล่าวในทางลบ และ ส่งผลเสียกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึงมิตรภาพภายในทีมอีกด้วย การฝึกศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) จะช่วยเพิ่มความรับผิดชอบส่วนบุคคล เพื่อให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง เพราะไม่มีใครที่จะช่วยคุณในการฝึกซ้อม หรือ เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ ได้ หากคุณไม่ลงมือทำเอง แต่เมื่อคุณรับผิดชอบตัวเอง จนเป็นความเคยชิน ไม่ว่าจะทำงานเดี่ยว หรือ งานเป็นทีม คุณก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดี และ ชัดเจนได้ทีเดียว

 

4. มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยสร้างความเคารพต่อผู้อื่นโดยไม่เกี่ยงสถานะ

     หลายครั้งหลายหนที่ลำดับชั้น เข้ามามีบทบาทในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นประธาน, ฝ่ายบริหาร, หัวหน้างาน, ผู้ปฏิบัติงาน หรือ แม้แต่พนักงานฝึกหัด ซึ่งมีหลายคนยึดติดกับเรื่องนี้ จนลืมไปว่า ทุกคนนั้นต้องทำงานร่วมกัน ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) ทำให้คุณรู้จักการให้ความเคารพ เริ่มจากโค้ชของคุณ ที่นอกจากจะให้ความรู้ และ ดึงศักยภาพในตัวคุณออกมา ไม่เพียงเท่านั้น คู่ซ้อมของคุณก็สำคัญด้วยเช่นกัน เพราะในศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) คนที่หนุ่ม หรือ แก่กว่าสามารถทำซับมิชชั่นได้ ผู้หญิงสามารถแนะนำผู้ชายอกสามศอกที่ยังติดขัดในเทคนิคบางอย่างได้ ทุกคนล้วนมีของดีอยู่ในตัว และ สามารถช่วยเหลือแก้ปัญหาของคนอื่น ๆ ได้ การให้ความเคารพ และ รับฟังคำแนะนำของผู้อื่น จะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย

 

5. เพิ่มความมั่นใจ

     การฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ มวยไทย ( Muay thai ) ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และ ความมั่นคงในตัวเองมากขึ้น ยังช่วยในเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตน และ วางอัตตาของตัวเองลงอีกด้วย ซึ่งความมั่นใจนี้สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งจากความสามารถทางร่างกายที่พัฒนา รวมถึงบทเรียนทางจิตวิทยาอีกด้วย เมื่อคุณรู้ว่า คุณสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ คุณก็สามารถนำวิธีการเดียวกันมาใช้กับหน้าที่การงานได้ เนื่องจากทุกสิ่งในตัวคุณดีขึ้น สิ่งที่เคยเป็นปัญหาในอดีต ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยความเชื่อมั่น ซึ่งจะช่วยในการนำเสนองาน รวมถึงการสนทนากลุ่มเพื่อสนับสนุนแนวคิดอีกด้วย

 

     หากใครสนใจใน มวยไทย ( Muay Thai ) แล้วกำลังหาที่เรียนอยู่เราขอแนะนำ ที่ เจริญทองมวยไทย ( Jaroen Thong Muay Thai ) ที่นี่มีบริการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) ให้กับทุก ๆ คน เริ่มสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ต่อให้ไม่รู้จัก มวยไทย ( Muay Thai ) เลย ก็สามารถมาเรียน มาฝึก ที่นี่ได้

     เพราะมีครูฝึกที่เก่ง และ มีประสบการณ์ในการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) มามากมาย คอยช่วยเหลือ และ ถ่ายทอดความรู้ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่ถูกต้อง การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก การวอร์มอัพ ก่อนเริ่มเล่น การหายใจ คุณครู และ พนักงาน ที่นี่ทุกคนมีความเป็นกันเอง พร้อมช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในเรื่องการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) และ การออกกำลังกายต่าง ๆ อย่างถูกวิธี

     หากใครสนใจสามารถเข้ามาติดต่อ เจริญทองมวยไทย ( Jaroen Thong Muay Thai ) ได้ที่ 3 สาขาดังนี้ เจริญทองมวยไทยข้าวสาร เจริญทองมวยไทยรัชดา เจริญทองมวยไทยศรีนครินทร์

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

สุดยอดต้นแบบ นัก มวยไทย หญิง

สุดยอดต้นแบบ นัก มวยไทย หญิง

เพื่อน ๆ ที่ดู มวยไทย ( Muay Thai ) อาจรู้จักกับหนักมวยชายหลาย ๆ คนไปแล้ว แต่รู้ไหมคะว่า นักมวยหญิง หรือ มวยไทยหญิง นั้นก็มี สุดยอดต้นแบบนักมวยไทยหญิง อยู่ด้วย วันนี้เราจึงพาเพื่อน ๆ มารู้จักเธอกันค่ะ

 

ยอดนักมวยหญิงที่เราจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกันนั่นก็คือ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ เธอเริ่มหัดสวมนวม และ เตะกระสอบตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ จากความกดดัน ที่โดนกลั่นแกล้ง ที่โรงเรียน พ่อของเธอซึ่งเป็นอดีตนักมวย ได้สอน มวยไทย ( Muay Thai ) ให้ เพื่อป้องกันตัว แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี แสตมป์ ก็ใช้วิชามวยไทย ( Muay Thai ) เดินตามรอยของพ่อ บนสังเวียนอย่างเต็มตัว โดยคว้าชัยชนะแบบ น็อคเอาท์ ( Knockout ) ด้วยเวลาเพียง 30 วินาที ในไฟต์แรก

 

ประสบการณ์ที่ถูกเคี่ยวกรำมากว่า 80 ไฟต์ พร้อมกับความสำเร็จ ในการเป็นแชมป์ภาคตะวันออกสองรุ่น ทำให้ แสตมป์ ถูกจองตัวเข้าไปอยู่ในสังกัด ค่ายใหญ่อย่างแฟร์เท็กซ์ พัทยา เมื่อวัย 18 ปี โดยเดิมทีตั้งใจจะผันตัว ไปเป็นนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน ( MMA )

 

ด้วยความสามารถรอบด้านของเธอ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ได้รับโอกาสให้เปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) ด้วยการขึ้นชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวตในทันที ซึ่งหลังจากที่เธอได้ครองเข็มขัดเส้นนี้ เธอก็สร้างประวัติศาสตร์ การเป็นนักกีฬาหญิงคนแรก ที่คว้าเข็มขัดเส้นที่สองในต่างกติกาอย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) ระหว่างการกอบโกยความสำเร็จ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ก็หักร้างถางพงสู่กีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน ( MMA ) ซึ่งเธอตั้งเป้าหมายว่า มันจะเป็นเข็มขัดเส้นที่สาม ที่เธอจะได้จากองค์กรระดับโลกแห่งนี้

 

สำหรับ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักสู้สาววัย 24 ปี ได้โชว์ฝีมือให้โลกได้เห็นมาแล้ว จากการเป็นอดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย ( Muay Thai ) และ คิก บ็อกซิ่ง ( Kick Boxing ) ดังนั้นในศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ( World Grand Prix ) ซึ่งจะใช้ ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ( MMA ) หากถ้าว่าเธอสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ก็จะขึ้นแท่นผู้ท้าชิงรายต่อไป ของตัวแม่รุ่นอะตอมเวตคนปัจจุบันอย่าง แองเจลา ลี ซึ่งเป็นเป้าหมายจุดสูงสุดบนเส้นทาง MMA ของเธอ

 

นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) ประเทศไทย ได้กล่าวว่า เธอนั้นเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับนักมวยไทยผู้หญิง ในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้มวยไทยผู้หญิงส่วนมาก จะชกกันแค่ตามต่างจังหวัด ไม่มีเวทีใหญ่ ๆ ไว้รองรับ และ ในประเทศไทย ก็ไม่มีการต่อสู้ชนิดอื่น ให้ได้แข่งขันมากนัก

 

การที่แสตมป์ได้มาสู้ใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) จึงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักมวยหญิงไทย ก็มีศักยภาพที่สูง ในระดับโลก ที่สำคัญไม่ได้เก่งเฉพาะ มวยไทย ( Muay Thai ) แต่ยังสามารถใช้เทคนิค ที่มีการปรับเปลี่ยนไปแข่งขัน ในศึก คิกบ็อกซิ่ง รวมถึง ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ( MMA )

 

ซึ่งการที่ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ สามารถแข่งขันได้ แบบหลากหลายประเภท ทำให้มีโอกาสมากขึ้น และ เธอยังมีลูกเล่นตอนเปิดตัว ก่อนขึ้นชกที่มีเสน่ห์ ไม่ใช่แค่เดินขึ้นมาชกอย่างเดียว แล้วลงเวทีจบไป รวมไปถึงยังสามารถใช้โซเชียลมีเดีย โปรโมตตัวเองได้อย่างน่าติดตาม จึงทำให้ทุกคนได้เห็นถึงความเก่ง และ ความน่ารัก จนมีแฟนคลับติดตามเธออย่างมากมาย และ ยังเป็นที่จับตาของ ฐานคนดูทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ทำให้ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์  มีมูลค่าที่สูงขึ้นจนพูดได้ว่า เธอเป็นนักมวยหญิงไทย ที่ทำรายได้สูงที่สุดในตอนนนี้เลยทีเดียว

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ สาวยอดนักสู้อย่าง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ที่มีความสามารถในการต่อสู้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) คิก บ็อกซิ่ง ( Kick Boxing ) หรือ ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ( Mixed Martial Arts : MMA ) เธอก็สามารถทำได้ทั้งนั้น หากไม่เรียกว่าเป็น สุดยอดต้นแบบนักมวยหญิง ก็ถือว่าถาไม่ถึงอย่างแน่นอน

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

หลักการ ตั้งการ์ด แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

หลักการ ตั้งการ์ด แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

การตั้งการ์ด เป็นหนึ่งในพื้นฐานที่ นักมวย หรือผู้ฝึกกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ควรรู้หลักในการ ตั้งการ์ด และฝึกฝนจะวางท่าให้ถูกต้อง ก่อนการฝึกการต่อสู้

 

การตั้งการ์ด ในรูปแบบของ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นท่าเตรียมพร้อมร่างกายของ นักมวย ก่อนทำการแข่งขัน เพื่อออกอาวุธ ไปยังคู่ต่อสู้ หรือเป็นท่าพัก ขณะที่เตรียมจะ ออกอาวุธไปยังคู่ต่อสู้ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานนการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) โดยองค์ประกอบ ในการตั้งการ์ด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังต่อไปนี้

 

1. การกำหมัด

 

เป็นการจัดวางท่าทาง การตั้งการ์ด ในส่วนบน ที่นักมวยต้อง เรียนรู้ การกำหมัด ให้ถูกวิธี เพราะการกำหมัดที่ถูกต้องนั้น สามารถช่วย ป้องกัน ไม่ให้กระดูกข้อมือ หรือนิ้วมือหัก เมื่อชกไปยัง เป้าหมาย ทั้งยังเป็น อาวุธสำคัญ ที่ใช้ใน การพิชิตคู่ต่อสู้ โดยวิธีการ กำหมัด ที่ถูกต้อง ให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้

 

1. ให้ยกมือทั้ง 2 ข้างแล้วกำ นิ้วชี้, นิ้วกลาง, นิ้วนาง และนิ้วก้อย ไว้ที่ฝ่ามือให้แน่น โดยให้ นิ้วทั้ง 4 นิ้ว เรียงชิดติดกัน

2. ใช้นิ้วหัวแม่มือ ( นิ้วโป้ง ) วางลงบน นิ้วชี้ และนิ้วกลาง แล้วกำหมัดให้แน่น

 

ข้อแนะนำใน การกำหมัด คือ ควรเกร็งข้อมือ ให้เป็น แนวเดียวกันตลอด ไม่ควรงอ หรือปล่อยตามสบาย เพราะจะเกิดอันตราย เมื่อชก หรือกระแทก โดยในการชกให้ใช้ "สันหมัด" ซึ่งอยู่บริเวณข้อดัน หรือข้อแรกของ นิ้วมื้อทั้ง 4 ที่ถูกกำลง คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้งนาง และนิ้วก้อย ปะทะไปยัง เป้าหมายของคู่ต่อสู้ เท่านั้น

 

จากนั้น ให้วางหมัด โดยใช้หมัดหน้า ข้างเดียวกับ เท้าหน้า ให้ยกหมัด ขึ้นสูงใน ระดับหางคิ้ว ลดหมัดลงมา ทางด้านที่หัน ไปเล็กน้อย ระยะห่าง จากคิ้ว ไม่ควรเกิน 1 คืบ สิ่งที่สำคัญ ในการวาง หมัดหน้า คือ ควรรักษาข้อศอก ให้พอประมาณ ไม่ห่างจาก ชายโครงมากเกินไป เพราะจะเป็น การเปิดโอกาส ให้คู่ต่อสู้ โจมตีได้ง่าย

 

2. การตั้งท่า

 

การตั้งท่า เป็นการตั้งการ์ด ในส่วนของการยืน โดยเป็น การยืนปักหลัก เพื่อจะ เตรียมการ ใช้เท้าหน้ายัน หรือการเหน็บ บางครั้ง ต้องอาศัยเท้าหลัง ในการทรงตัว ขณะใช้ เท้าหน้าถีบ หรือเตะ การจดมวยนั้น เท้าหลังวางเกือบขวางกับ แนวต้านทาน หรือแนวที่คู่ชก จะทุ่มน้ำหนักเข้ามา และเยื้องเป็น มุมกับเท้าหน้า ซึ่งในมวยสากล เท้าหน้ากับเท้าหลัง แนวชี้เกือบ จะชี้ตรงไปข้างหน้า

 

การวางเท้า ให้เริ่มจาก ระยะห่าง ในการวางเท้า ให้วางเท้าทั้ง 2 ข้างห่างกัน ประมาณ ช่วงไหล่ ให้วางเท้าข้าง ที่ไม่ถนัด ไว้ด้านหน้า ปลายเท้าชี้ ไปข้างหน้า ส่วนเท้าข้างที่ถนัด วางเป็นเท้าหลัง วางเท้าให้แบะ ออกมาทางด้านข้าง เนื่องจาก ต้องใช้เท้า ในการรับ น้ำหนักตัว  สิ่งสำคัญ ในการวางเท้า คือ ส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง ต้องเปิดขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เกิด ความคล่องตัว ในการเคลื่อนไหว

 

3. การวางลำตัว

 

ควรให้ ลำตัว เหยียดตรง ปล่อยตัว ตามสบาย ไม่งอเข่า ไม่ก้มลำตัว ไม่เกร็ง หันไหล่ด้านหน้า ให้เกือบเป็นแนวเดียวกันกับ ไหล่ด้านหลัง ลักษณะ คล้ายหัน ด้านข้าง ให้คู่ต่อสู้ใน แนวเดียวกับ เท้าทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้คู่ต่อสู้ เห็นลำตัว ให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกัน จุดสำคัญ จากการ โจมตีของคู่ต่อสู้

 

การตั้งการ์ด ในตำแหน่ง อวัยวะแต่ละส่วน ทั้งการวางหมัด วางเท้า และการวางลำตัวให้ถูกต้อง จะช่วยให้นักมวย จัดระเบียบ ร่างกายได้ อย่างเหมาะสม ตั้งท่า พร้อมที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ และป้องกัน การโจมตี จากคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

การจัดอันดับนักมวย สุดแข็งแกร่ง ใน มวยไทย ( Muay Thai ) รุ่นแบนตัมเวท

ประวัติศาสตร์ ของ มวยไทย ( Muay Thai )

การจัดอันดับนักมวย สุดแข็งแกร่ง ใน มวยไทย ( Muay Thai ) รุ่นแบนตัมเวท

การจัดอันดับนักมวย สุดแข็งแกร่ง ใน มวยไทย ( Muay Thai ) รุ่นแบนตัมเวท

เพื่อน ๆ คนไหนที่ได้ดู มวยไทย ( Muay Thai ) ใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) กันมาบ้างคะ เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) มี การจัดอันดับนักมวย สุดแข็งแกร่ง อยู่ด้วย มาดูดีกว่าค่ะว่ามีใครติดอันดับกันบ้าง

 

ถ้าพูดถึง มวยไทย ( Muay Thai ) รุ่นพิมพ์นิยมใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) หนึ่งในนั้น คงหนีไม่พ้น รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) ที่ตอนนี้มี ยอดมวยเมืองสกล น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว ราชันผู้ไร้เทียมทาน นั่งครองบัลลังก์ รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) ของ วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) อยู่ ทั้งยังเป็นรุ่นที่อัดแน่นไปด้วย ยอดมวยไทย และ เทศ ทั้งยังแข็งแกร่งที่สุดรุ่นหนึ่ง ในระดับโลก

 

 

ทั้งนี้ วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) ได้มีการอัปเดตอันดับครั้งล่าสุด เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เราจึงอยากพาเพื่อน ๆ ไปดูผู้ท้าชิงทั้ง 5 อันดับใน รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) แบบเรียงตัวว่าพวกเขา แข็งแกร่ง อึด ถึก ทน กันแค่ไหน

 

1. เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์

ซ้ายฟ้าผ่า หรือ เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ ปัจจุบันรั้งตำแหน่ง ผู้ท้าชิงเบอร์หนึ่งของรุ่น โดยตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสังกัด วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) เขาเก็บแต้มชัยได้ถึง 5 ครั้ง โดยแพ้ให้กับเจ้าบัลลังก์อย่าง น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว และ ครั้งล่าสุด เขาถูกจับแพ้แตก ในการปะทะกัน กับนักชกน้องใหม่แกะกล่อง ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี เมื่อเดือน พ.ย. 64 อย่างไรก็ตาม เขายังคงได้สิทธิ์รั้งเก้าอี้เบอร์หนึ่ง จากการโหวตของ คณะกรรมการจัดอันดับอิสระ ด้วยภาพรวมของฟอร์มการชก และ ยังมีโอกาสลุ้น เป็นผู้ท้าชิงรายต่อไปของ น้องโอ๋ ในไฟต์รีแมตช์ ชิงแชมป์โลก อีกด้วย

 

2. ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี

เทวดาเดินดินกินส้มตำ หรือ ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี น้องใหม่แกะกล่อง ที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้สงครามใน รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) เข้มข้นกว่าเดิม เพราะตั้งแต่นัดแรก ก็สร้างความฮือฮา ให้กับชาวโลก ด้วยการฟันศอกคม ยัดเยียดความปราชัย ให้กับ เสมาเพชร คว้าฟาสต์แทร็กแซงหน้าคนอื่น ขึ้นเป็นรั้งอันดับสอง ของอันดับอย่างรวดเร็ว และ ถือเป็นอีกหนึ่งศัตรูฉกาจที่ น้องโอ๋ ยังออกปากว่า ไม่ใช่งานหมู สำหรับเขาเลยทีเดียว

 

3. รถเหล็ก พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม

นักรบสปาร์ตา หรือ รถเหล็ก พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม มวยปริญญาโท อดีตแชมป์ช่อง 7 สี และ แชมป์สภามวยไทยโลก ( WMC ) ถือเป็นอีกหนึ่งยอดฝีมือ ในอันดับรุ่นนี้ โดยเป็นเจ้าของสถิติ ชนะ 4 แพ้ 3 และ เคยได้รับโอกาส ขึ้นท้าชิงเข็มขัดแชมป์กับ น้องโอ๋ มาแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวเบนเข็ม ไปชกคิกบ็อกซิ่ง แต่กลับโดนใบเหลือง เพราะไม่ชินกติกาแพ้ ฟิลิปเป โลโบ นักชกจากเมืองแซมบ้า แต่เจ้าตัวไม่ท้อ ขอทำฟอร์มใหม่ ให้ดีขึ้นในปี 2565 นี้

 

4. อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ

มวยหมัดหนักรัสเซีย หรือ อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ที่ชกได้ทั้ง มวยไทย ( Muay Thai ) และ คิกบ็อกซิ่ง เขาลงแข่งขัน ในกติกา มวยไทย และ เอาชนะนักมวยแถวหน้าอย่าง เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) จนทำให้เขาพลิกชีวิต กลายเป็นที่รู้จัก ในชั่วข้ามคืน อลาเวอร์ดี เก็บสถิติชนะ 3 ครั้งในกติกามวยไทย ก่อนผันตัวไปชก คิกบ็อกซิ่ง และ คว้าตำแหน่งอดีตแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ( Bantamweight ) ไฟต์ล่าสุดคืนสู่สังเวียน มวยไทย ( Muay Thai ) อีกครั้ง โดยฝากความชอกช้ำไว้ให้กับ แฝดอโยธยา หรือ พงษ์ศิริ พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม ด้วยชัยชนะน็อกในยกแรก

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ประวัติศาสตร์ ของ มวยไทย ( Muay Thai )

ประวัติศาสตร์ ของ มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ ที่ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญ ของประเทศไทย ที่มี ประวัติศาสตร์ มาอย่างช้านาน โดยมวยไทย ในแต่ละยุคสมัย จะมีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการอย่างไรบ้าง มาติดตามกันครับ

 

การกำเนิดของ มวยไทย ( Muay Thai ) เริ่มขึ้นเมื่อใดนั้น ไม่ปรากฎหลักฐานเป็นที่แน่ชัด โดยมวยไทย อาจเกิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ สมัยอาณาจักรน่านเจ้า สมัยอาณานครหริภุญชัย และสมัยอาณาจักรโยนกเชียงแสน แต่หากแบ่งมวยไทยเป็นตามสมัยของยุคประวัติศาสตร์ จะแบ่งตามยุคได้ ดังต่อไปนี้

 

สมัยสุโขทัย ( พ.ศ. 1781 – 1921 )

 

กษัตริย์ และชายชาตรี ในยุคนี้ทุกคน จะต้องได้รับ การฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ควบคู่กับ การใช้อาวุธให้เกิดความชำนาญอยู่เสมอ เพื่อเตรียมตัวเข้า รับราชการทหาร และรับใช้ชาติ ให้มีความพร้อม ในการออกรบปกป้องบ้านเมือง จากการรุกรานของข้าศึก จากอาณาจักรใกล้เคียง ซึ่งอาณาจักรสุโขทัย มีศัตรูอยู่รอบด้าน โดยทำสงครามใหญ่ 3 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 140 ปี จนกระทั่ง กรุงศรีอยุธยา สามารถแย่งชิงอำนาจ และเข้ามาครอบครองอาณาจักรสุโขทัยได้

 

โดยในปี พ.ศ.1818 - 1860 พ่อขุนรามคำแหง ได้กล่าวถึง มวยไทย ( Muay Thai ) ในการเขียนตำราพิชัยสงครามการเรียนมวยไทยในยุคนี้ นอกจากจะมีการเรียน มวยไทย ราชสำนักแล้ว ยังสามารถฝึกมวยไทยตามวัด โดยมีพระสงฆ์ หรือครูมวยเป็น ผู้ฝึกสอนกันอย่างแพร่หลาย

 

 

 

สมัยอยุธยา ( พ.ศ. 1893 – 2310 )

 

สมัยนี้การถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ มาจากสมัยสุโขทัยอย่างต่อเนื่องกัน เช่น การฆ่าสัตว์ การคล้องช้าง การฟ้องรำ และการละเล่นต่าง ๆ และวัดก็คงเป็นสถานที่ให้ความรู้ ทั้งสามัญและฝึกความชำนาญในเชิงดาบ กระบี่กระบอง กริช มวยไทย ยิงธนู เป็นต้น

 

ต่อมาใน พ.ศ. 2174 - 2233 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับว่า มวยไทย ( Muay Thai ) มีความเจริญที่สุดในสมัยนี้ และมี “นายขนมต้ม” ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์มวยไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน นายขนมต้ม จึงเป็นนักมวยเอกคนแรกของไทย ที่ได้ประกาศฝีมือลายมือมวยไทยในต่างแดน และยังเปรียบเสมือนกับเป็น "บิดาวิชามวยไทย" มาจนถึงปัจจุบัน

 

สมัยกรุงธนบุรี ( พ.ศ. 2314 )

 

พม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ และมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัยดาบหัก (นายทองดีฟันขาว) ซึ่งพระเจ้าตากสิน ได้โปรด ให้ครองเมืองพิชัยอยู่นั้น ได้นำทัพออกต่อสู้กับพม่าจนดับหัก แต่ก็สามารถป้องกันเมืองพิชัยเอาไว้ได้ ประชาชนทั่วไปจึงเรียกว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งต่อมาพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้แต่งตั้งนายทองดีไปครองเมืองพิชัย และมีความชอบได้เป็นถึงพระยาพิชัย ต่อมาคนในตระกูลของพระยาพิชัยดาบหักก็ได้รับราชการ มาตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงรัชกาลที่ 6 ก็ได้พระราชทานนามสกุลว่า วิชัยขัทคะ แปลว่า ดาบวิเศษของพระวิชัย

 

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

 

ในปีพ.ศ. 2325 ในระยะต้น รัชกาลที่ 1 - 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นกษัตริย์ไทยที่ทรงโปรดการกีฬามาก เช่น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ( ร.1 ) ทรงโปรดกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้น ได้มีฝรั่งสองคนพี่น้องเข้ามาหาคู่ชกมวยชนิดมีเดิมพัน พระองค์ได้จัดส่งหมื่นผลาญ นักมวยผู้เก่งกาจขึ้นชกกับ ฝรั่งสองพี่น้อง แม้หมื่นผลาญจะมีร่างกายเล็กเสียเปรียบฝรั่งมาก แต่ด้วยศิลปะะมวยไทย อาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก ฝรั่งสองพี่น้องจึงพ่ายแพ้ยับเยินกลับไป

 

ต่อมาในสมัย สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( ร.4 ) ได้โปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ หัดเล่นกระบี่กระบอง พระองค์มีความชำนาญในกีฬามวยไทย จึงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยขึ้น ทั้งในชนบทและในกรุง นอกจากนี้ ได้ทรงแต่งตั้ง ผู้มีฝีมือในกีฬามวยไทยให้เป็น หัวหน้าในการจัดกีฬาและให้ยศตำแหน่งอีกด้วย

 

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 แม้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พ.ศ.2463 แต่ก็ได้เกิดสนามมวยขึ้นครั้งแรก ระบุว่าได้มีสนามมวยสวนกุหลาบ เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2463 คือ สนามมวยสวนกุหลาบ จัดให้มีการชกมวยไทยเป็นประจำ เมื่อแรกเริ่มนั้นให้นักมวยชกกันบนพื้นดิน ผู้ดูนั่งและยืน อยู่รอบบริเวณสังเวียน ซึ่งกว้างกว่า 20 เมตร มีการขีดเส้นกำหนดให้นั่งห้ามล้ำเข้าไปในเขตสังเวียน

 

ด้านนักมวย คาดเชือกที่พันมือด้วยด้ายดิบ สวมมงคล แม้ขณะชกก็ต้องสวมอยู่ มีผ้าประเจียดมัดไว้ที่ต้นแขนซ้ายและขวา สวมกางเกงขาสั้น มีผ้าพาดทับอย่างแน่นหนา ตรงบริเวณอวัยวะสำคัญปกคลุม มาจนถึงด้านบนตรงเอว ไม่สวมเสื้อ และปลายเท้าเปลือยเปล่า กรรมการแต่งกายด้วย ผ้าม่วง นุ่งโจงกระเบน สวมถุงเท้าขาว และเสื้อราชประแตน

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสุขภาพ

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

มวยไทย ( Muay Thai ) 5 สาย ที่สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ในประเทศไทยนั้นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มีหลากหลายประเภท หลากหลายสาย วันนี้เราจึงมาแนะนำเกี่ยวกับ มวยไทย 5 สาย สืบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันค่ะ

 

1. มวยลพบุรี

มวยลพบุรีนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคกลาง เอกลักษณ์ของมวยลพบุรี คือ เป็นมวยที่ชกฉลาด มีการรุกรับที่คล่องแคล่วว่องไว ต่อยหมัดตรงแม่นยำ เรียกว่า มวยเกี้ยว หมายถึง มวยที่ใช้ชั้นเชิงเข้าทำคู่ต่อสู้ โดยใช้กลลวงมากมาย เคลื่อนตัวอยู่เสมอ หลอกล่อ หลบหลีกได้ดี สายตาดี รุกรับและออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอกได้อย่างรวดเร็ว สมกับฉายา ฉลาดลพบุรี และ เอกลักษณ์อีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มีการพันมือครึ่งแขน แต่ที่แปลก และ เด่นกว่า มวยไทย ( Muay Thai ) สายอื่น ๆ คือ การพันคาดทับข้อเท้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมวยลพบุรี

 

ในส่วนของกระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรีนั้น พบว่า มีด้วยกัน 16 กระบวนท่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ผสมกลมกลืน จากการหล่อหลอม และ เลียนแบบท่าทาง ของสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง และ ช้าง ที่มีอยู่มากในเมืองลพบุรี และครูมวย นักมวยไทยสายลพบุรีที่ควรรู้จัก ได้แก่ ครูดั้ง ตาแดง, ครูนวล หมื่นมือแม่นหมัด, นายซิว อกเพชร, นายแอ ประจำการ, นายเย็น อบทอง, นายเพิก ฮวบสกุล, นายจันทร์ บัวทอง, นายชาญ ศิวา-รักษ์, นายสมทรง แก้วเกิด และครูประดิษฐ์ เล็กคง ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับได้ว่าเป็น มวยไทยสายลพบุรี เป็นประวัติศาสตร์ของมวยไทย ที่เป็นมวยท้องถิ่นที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรสยาม มีอายุถึง 1,356 ปี มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมาเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี

 

การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรี มีกติกาการชก กำหนด 5 ยก โดยใช้ยกเวียน การหมดยกใช้กะลาเจาะรูใส่ในโหล เมื่อกะลาจมน้ำถือว่าหมดยก การต่อสู้ใช้อวัยวะได้ทุกส่วนของร่างกาย การเปรียบมวยอยู่ที่ความสมัครใจของผู้ชก ไม่เกี่ยงน้ำหนักหรืออายุ การไหว้ครูเหมือนการไหว้ครูสายอื่น ๆ โดยทั่วไป

 

 

 

2. มวยโคราช

มวยโคราชนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคอีสาน เอกลักษณ์ของมวยโคราช คือ สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ สวมมงคลที่ศีรษะขณะชก มีการพันหมัดแบบคาดเชือก ตั้งแต่หมัดขึ้นไปจรดข้อศอก เพราะมวยโคราช เป็นมวยชกหมัดวงกว้างหนักหน่วง ที่เรียกว่า หมัดเหวี่ยงควาย”  สมกับฉายา หมัดหนักโคราชซึ่งการพันเชือกเช่นนี้เพื่อป้องกันการเตะ ต่อยนั่นเอง

 

ในส่วนของกระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายโคราชนั้น พบว่า มีการฝึกตามขั้นตอน และเมื่อเกิดความคล่องแคล่ว จะทำพิธียกครู แล้วให้ย่างสามขุม และ ฝึกท่าอยู่กับที่ 5 ท่า ท่าเคลื่อนที่ 5 ท่า ท่าฝึกลูกไม้แก้ทางมวย 11 ท่า ฝึกท่าแม่ไม้สำคัญ ซึ่งได้แก่ ท่าแม่ไม้ครู 5 ท่า ท่าแม่ไม้สำคัญโบราณ 21 ท่า

 

วิธีจัดการชกมวยโคราช นิยมจัดชกในงานศพที่ลานวัด ในเรื่องของการเปรียบมวย จะให้ทหารตีฆ้องไปตามหมู่บ้าน แล้วร้องบอกให้ทราบโดยทั่วกัน และ เมื่อเปรียบได้แล้วให้นักมวย มาชกประลองฝีมือกันก่อน หากฝีมือทัดเทียมกัน ก็ให้ชกแล้วนัดวันมาชก ซึ่งในการเปรียบมวยโคราช ไม่มีกฎกติกาที่แน่นอน หากพอใจก็ชกกันได้ ส่วนรางวัลการแข่งขัน จะเป็นสิ่งของเงินทอง แต่หากเป็นการชกหน้าพระที่นั่ง รางวัลที่ได้รับจะเป็นหัวเสือและสร้อยเงิน

 

ในสมัยรัชกาลที่ 56 มวยไทยโคราช เป็นช่วงที่มวยคาดเชือกรุ่งเรือง มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ นักมวยฝีมือดี ได้แก่ นายแดง ไทยประเสริฐ หรือ หมื่นชงัดเชิงชก”, ครูบัว  นิลอาชา ( วัดอิ่ม ), นายทับ จำเกาะ, นายยัง หาญทะเล, นายตู้ ไทยประเสริฐ, นายพูน  ศักดา เป็นต้น

 

          

 

3. มวยไชยา

มวยไชยานั้น ถือเป็นมวยไทยภาคใต้ เป็นศิลปะมวยประจำถิ่นอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เอกลักษณ์ของมวยไชยา มีอยู่ 7 ด้าน การตั้งท่ามวย หรือ การจดมวย ท่าครู หรือ ท่าย่างสามขุม การไหว้ครูร่ายรำ การพันมือแบบคาดเชือก การแต่งกาย การฝึกซ้อมมวยไชยา และ แม่ไม้มวยไชยา

 

 

กระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา มีทั้งหมด 5 ชุด คือ แม่ไม้มวยไทยไชยา 7 ท่า ได้แก่ ปั้นหมัด พันแขน พันหมัด กระโดดตบศอก พันหมัดพลิกเหลี่ยม เต้นแร้งเต้นกา ย่างสามขุม ท่าที่สำคัญคือท่า เสือลากหาง เคล็ดมวยไชยาการป้องกันตัว และจะเป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ ป้อง ปัด ปิด เปิด และนอกจากการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แล้วยังมีวิชาการต่อสู้เช่น การ ทุ่ม ทับ จับ หัก อีกด้วย ซึ่งสมกับฉายา ท่าดีไชยา นั่นเอง และ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา จะคาดเชือกแค่ข้อมือเท่านั้น

 

 

 

4. มวยท่าเสา และ พระยาพิชัย

มวยท่าเสา ถือเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) ภาคเหนือ แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ากำเนิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นครูมวยคนแรก แต่จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ทำให้ทราบว่า ครูมวยไทยสายท่าเสา ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ครูเมฆ เอกลักษณ์ของมวยท่าเสา คือ การจดมวยกว้าง และ ให้น้ำหนักตัวไปทางด้านหลัง เท้าหน้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ทำให้ออกมวยได้ไกล รวดเร็ว และ รุนแรง สมกับฉายา ไวกว่าท่าเสา ส่วนกลยุทธ์มวยพระยาพิชัยดาบหัก เป็นทั้งมวยอ่อน และ แข็ง สามารถรุกรับตามสถานการณ์ รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง และ คู่ต่อสู้

 

ครูมวยท่าเสา ที่มีความสามารถ ได้แก่ ครูเมฆ, นายทองดี ฟันขาว, ครูเอี่ยม, ครูเอม, ครูอัด คงเกตุ, ครูโต๊ะ, ครูโพล้ง, ครูฤทธิ์, ครูแพ, ครูพลอย, นายประพันธ์ เลี้ยงประเสริฐ, นายเต่า คำฮ่อ ( เชียงใหม่ ) และ นายศรี ชัยมงคล

 

กระบวนท่าของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัยนั้น พบว่า มีกระบวนท่าการชก 15 ไม้ การเตะ 10 ไม้ การถีบ 10 ไม้ การตีเข่า 10 ไม้ และการศอก 10 ไม้ ส่วนในเรื่องของระเบียบประเพณีของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัย ต้องมีการขึ้นครูหรือยกครู การไหว้ครูประจำปี การครอบครู และการรำไหว้ครูก่อนชก

 

เมื่อครูที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย เริ่มถึงแก่กรรม ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา ได้ลดบทบาทลง และ มีมวยสายอื่น ๆ เข้ามามากขึ้น มวยไทยสายครูเมฆแห่งท่าเสา เริ่มถูกลบเลือนไป เอกลักษณ์ของมวยสายท่าเสา อาจจะสูญสิ้นไป หากไม่มีการอนุรักษ์มวย ลาวแกมไทย ตีนไวเหมือนหมา เอาไว้

 

 

 

5. มวยพลศึกษา

มวยพลศึกษา ได้ก่อกำเนิดมาพร้อมกับ การจัดตั้งสามัคยาจารย์สมาคม เพื่อจัดเป็นสถานที่การออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และ ได้มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปรมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชา มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา ที่มีชื่อเสียงคือ อาจารย์สุนทร ทวีสิทธิ์ หรือ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญหมัด ซึ่งศึกษามาจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ซึ่งได้ทรงศึกษาการชกมวยสากล ของประเทศไทย จนได้ชื่อว่าเป็นบิดามวยสากลของประเทศไทย นอกจากหมัดแล้วยังเน้นความเร็ว จังหวะเข้า- ออกที่คล่องแคล่วว่องไว เรียกได้ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา เป็นมวยครบเครื่อง สมกับฉายา ครบเครื่องพลศึกษา

 

เอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา พบว่า มีทั้งหมด 3 ด้าน คือ เอกลักษณ์ด้านการแต่งกาย เอกลักษณ์ด้านการไหว้ครู และ ร่ายรำมวยไทย เอกลักษณ์ด้านการเรียนการสอน ส่วนในเรื่องของกระบวนท่า ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา จะประกอบไปด้วย กลวิธีการใช้หมัด กลวิธีการใช้เท้า กลวิธีการใช้เข่า กลวิธีการใช้ศอก แม่ไม้มวยไทย และลูกไม้มวยไทย ในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทย จะมีพิธีการขึ้นครูหรือการยกครู พิธีการไหว้ครู และ เครื่องดนตรีประกอบ

 

ด้วยความที่มวยไทย ( Muay Thai ) สืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 สาย คือ มวยไทย ( Muay Thai ) สายไชยา มวยไทย ( Muay Thai ) สายโคราช มวยไทย ( Muay Thai ) สายลพบุรี มวยไทย ( Muay Thai ) สายท่าเสา และ พระยาพิชัย และ มวยไทย ( Muay Thai ) สายพลศึกษา แต่ละสายมีทั้งเอกลักษณ์ กระบวนท่า ระเบียบประเพณี และ วัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การรักษาสืบไว้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสุขภาพ

ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสุขภาพ

เพื่อน ๆ คนไหน ที่เริ่มสนใจอยากหันมาฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) กันบ้างคะ แต่ไม่รู้ฝึกไปแล้วมันดีเทียบเท่าการ ออกกำลังกาย จริง ๆ รึเปล่า หากหลาย ๆ คนยังกังวงเรื่องนี้อยู่ เรามีคำตอบให้เพื่อน ๆ กันแล้วค่ะ กับ มวยไทย เพื่อสุขภาพ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นถือเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ใช้แค่ ประเทศไทย เพียงอย่างเดียวที่ได้รับความนิยม แต่รวมไปถึง หลาย ๆ ประเทศ ที่ได้ให้ความสนใจ ในกีฬาประเภทนี้ ไม่น้อยเลยทีเดียว และแถมได้เอาไปทำ ภาพยนตร์ หรือ สื่อต่าง ๆ เช่นเอาท่าทาง การต่อย หรือ ศิลปะการต่อสู้ ของมวยไทย เอาไปทำเป็นเกม แต่ถึงอย่างไร มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็น ในกลุ่ม เด็ก หรือ รวมไปถึงผู้สูงอายุ เพราะด้วย เป็นกิจกรรม ออกกำลังกาย ที่สนุก และ ได้เผาผลาญพลังงาน ทำให้ กีฬามวยไทย เป็นที่นิยมได้ นั้นเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วย พัฒนาความแข็งแกร่ง ของร่างกายโดยรวม ได้เป็นอย่างดี

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นแน่นอนว่า จะสามารถไปช่วยส่งเสริม ความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ของเราได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อ และยังทำให้ กล้ามเนื้อ กระชับ และนอกจากนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬา หรือ กิจรรมการ ออกกำลังกาย ที่จะเน้น ไปที่ร่างกาย ช่วงบน ช่วงกลาง และยังรวมไปถึง ช่วงล่าง หรือจะให้พูดก็คือ มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็น กีฬา ที่ช่วยให้ร่างกาย แถบจะทุกส่วนของเรา แข็งแรง ขึ้นได้นั้นเอง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในเรื่องของการ เผาผลาญ พลังงานของร่างกาย

แน่นอนว่าการออกกำลังกาย ทุกชนิดนั้น ช่วยในเรื่องของการ เผาผลาญพลังงานของร่างกาย ของเราได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นกีฬาที่จัดอยู่ในกีฬา ที่เผาผลาญ พลังงานของร่างกาย ได้ดีเลยทีเดียว ด้วยการที่ มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นกีฬา ที่ใช้แถบจะทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ศีรษะ ยาวลงมาถึงเท้า ถือว่าใช้แทบทุกส่วนเลย นั้นจึงทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬา ที่เผาผลาญพลังงาน ให้กับร่างกายของเรา ได้มากนั้นเอง

 

และการออกกำลังกายประเภทนี้ จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ให้กับร่างกาย ของเราได้อย่าง รวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และ กระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับ การวิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง สามารถเบิร์นไขมันได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที  เลยทีเดียว

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยในเรื่อง คลายเครียดได้ดี

สำหรับ ท่านใดที่กำลัง เจอปัญหาชีวิต หรือ เจอเรื่องแย่ ๆ ทำให้รู้สึกเครียด หรือ รู้สึกหงุดหงิด อยากระบายมันออกมา แต่ไม่รู้จะไประบายที่ไหน เราอยากแนะนำ ให้ลองมาฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะจะทำให้เรา ได้ระบายความเครียด หรือ เรื่องที่กดดัน ออกมาได้อย่างเต็มที ลองมาชกกระสอบทราย ระบายอารมณ์ออกมาบ้าง อะดรีนาลีน แล ะฮอร์โมนต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกาย ของเรา จะ หลั่งออกมา ระหว่างการใช้แรง จะส่งผลในทางที่ดีต่อร่างกาย การต่อยมวย จึงเป็นการระบายความเครียด ที่ได้ผล และ ดีต่อสุขภาพ

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถไป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของหัวใจ และ หลอดเลือด

มวยไทย ( Muay Thai ) หรือการ ฝึกมวย นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งชนิด ที่จะกีฬาที่ช่วยให้เรามีปอดที่ใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น และ ยังสามารถไป กระตุ้นการทำงานของระบบ หัวใจ และ หลอดเลือด ของเรา ได้เป็นอย่างดี อีกด้วย

 

เพราะการที่จะทำเช่นนั้นได้เราจะต้อง ออกกำลังกาย ให้หัวใจ และ ปอด มีความเครียด ในระดับปานกลาง ซึ่งทำให้หัวใจ และ ปอดของคุณ ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบ การไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

 

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับประโยชน์ที่น่าสนใจ ที่จะส่งผลให้ร่างกาย ของเราโดยตรงด้วยการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เห็นแล้วรู้สึกอยากลอง ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) กันมาบ้างหรือยัง แต่นี่ เป็นเพียงสิ่งที่เรายกตัวอย่างมา แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

 

ยังมีอีกประโยชน์ อีกมากมาย สำหรับการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เราไม่ได้เอามาพูด ไม่ว่าจะเป็น การฝึกความแข็งแกร่ง ของร่างกายโดยรวม การฝึกให้ร่างกายของเรา มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็ว สามารถช่วยในเรื่องสมาธิ ลดความเครียด และ ความวิตกกังวล เป็นต้น

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

ใครหลาย ๆ คนที่นิยม ออกกำลังกาย แล้วเลือกการ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ( Cardio ) ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) มาดูกันดีกว่าค่ะว่ามี ท่ามวยไทย ( Muay Thai ) ท่าไหนบ้าง ที่นำมาใช้ออกกำลังกายได้บ้าง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การผสมผสาน การใช้อาวุธ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อ การรุก หรือ การรับ ในการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งการจะใช้ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้อย่างชำนาญนั้น จะต้องฝึกฝนการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เบื้องต้น ให้คล่องแคล่วเสียก่อน จากนั้นจึงหัดใช้ ท่าผสมผสานกันไป รวมถึงการหลบหลีก จึงได้มีการดัดแปลง ให้ง่ายต่อการนำไปใช้ ด้วยการตั้งชื่อท่า มวยไทย ( Muay Thai ) ตามลักษณะ ท่าทาง ให้จดจำได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

 

15 ท่า มวยไทย ( Muay Thai ) เบื้องต้น ง่าย ๆ ใช้ต่อสู้ได้ ใช้ออกกำลังกายก็ดี

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า สลับฟันปลา ( รับวงนอก )

2. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ปักษาแหวกรัง ( รับวงใน )

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ชวาซัดหอก ( ศอกวงนอก )

4. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า อิเหนาแทงกริช ( ศอกวงใน )

5. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ยอเขาพระสุเมรุ ( ต่อย ตั้งหมัดต่ำ ก้มตัว 45 องศา )

6. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ตาเถรค้ำฟัก ( ต่อยคาง หมัดสูง ก้มตัว 60 องศา )

7. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า มอญยันหลัก ( รับต่อยด้วยถีบ )

8. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ปักลูกทอย ( รับเตะด้วยศอก )

9. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า จระเข้ฟาดหาง ( รับต่อยด้วยเตะ )

10. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า หักงวงไอยรา ( ถองโคนขา )

11. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า นาคาบิดหาง ( บิดขาจับตีเข่าที่น่อง )

12. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า วิรุฬหกกลับ ( รับเตะด้วยถีบ )

13. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ดับชวาลา ( ปัดหมัดต่อยตอบ )

14. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า ขุนยักษ์จับลิง ( รับ - เตะ - ต่อย - ถอง )

15. มวยไทย ( Muay Thai ) ท่า หักคอเอราวัณ ( โน้มคอตีเข่า )

 

 

หากเพื่อน ๆ สนใจใน มวยไทย ( Muay Thai ) แล้วกำลังหาที่เรียนอยู่เราขอแนะนำ ที่ เจริญทองมวยไทย ( Jaroen Thong Muay Thai ) ที่นี่มีบริการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) ให้กับทุก ๆ คน เริ่มสอนตั้งแต่ ขั้นพื้นฐาน ต่อให้ไม่รู้จัก มวยไทย ( Muay Thai ) เลย ก็สามารถ มาเรียน มาฝึก ที่นี่ได้

 

เพราะมีครูฝึกที่เก่ง และ มีประสบการณ์ ในการสอน มวยไทย ( Muay Thai ) มามากมาย คอยช่วยเหลือ และ ถ่ายทอดความรู้ ให้กับเพื่อน ๆ หรือ นักเรียน ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่ถูกต้อง การใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก การวอร์มอัพ ก่อนเริ่มเล่น การหายใจ คุณครู และ พนักงาน ที่นี่ทุกคนมีความเป็นกันเอง พร้อมช่วยเหลือเพื่อน ๆ ในเรื่องการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) และ การออกกำลังกายต่าง ๆ อย่างถูกวิธี

 

หากใครสนใจสามารถเข้ามาติดต่อ เจริญทองมวยไทย ( Jaroen Thong Muay Thai ) ได้ที่ 3 สาขาดังนี้ เจริญทองมวยไทยข้าวสาร เจริญทองมวยไทยรัชดา เจริญทองมวยไทยศรีนครินทร์ ค่ะ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เพื่อน ๆ ที่ดูกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สิ่งที่เราได้เห็นกันเป็นประจำ นอกจากคู่แข่งทั้งสองฝ่ายแล้วนั่นก็คือ นวม นั่นเอง แล้วเค้าเลือกนวมสวมกันในแต่ละรุ่นอย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ แล้วค่ะ

 

ในการชกมวย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม หรือแข่งขันจริง นักมวย จำเป็นต้องสวมใส่ นวม สวมไว้ที่ข้อมือทั้ง 2 ข้อ เพื่อใช้ในการออกหมัดไปยังเป้าหมาย หรือคู่ต่อสู้ ซึ่งนวม จะช่วยป้องกันอาการกระดูกฝ่ามือร้าว หรือหักได้

 

ในการแข่งขัน นักมวย ต้องใช้นวม ที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งนายสนามมวย หรือ ผู้จัดรายการแข่งขันมวย ได้จัดไว้ให้เท่านั้น ซึ่งข้อกำหนดในการสวมใส่นวม ของนักมวยในแต่ละรุ่น สามารถแบ่งการใช้นวมได้ 3 ประเภท ดังนี้

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 6 ออนซ์ ( 132 กรัม ) คือ นักมวย 8 รุ่น ดังนี้

รุ่นพินเวท ( Pinweight ) น้ำหนักต้องเกิน 93 ปอนด์ ( 42.272 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 100 ปอนด์ ( 45.454 กิโลกรัม )

รุ่นมินิฟลายเวท ( Mini Flyweight ) น้ำหนักต้องเกิน 100 ปอนด์ ( 45.454 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 105 ปอนด์ ( 47.727 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์ฟลายเวท ( Light Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 105 ปอนด์ ( 47.727 กิโลกรัม ) และไม่เกิน 108 ปอนด์ ( 48.988 กิโลกรัม )

รุ่นฟลายเวท ( Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 108 ปอนด์ ( 48.988 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 112 ปอนด์ ( 50.802 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท ( Super Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 112 ปอนด์ ( 50.802 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 115 ปอนด์ ( 52.163 กิโลกรัม )

รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 115 ปอนด์ ( 52.163 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 118 ปอนด์ ( 53.524 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท ( Super Bantamweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 118 ปอนด์ ( 53.524 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 122 ปอนด์ ( 55.338 กิโลกรัม )

รุ่นเฟเธอร์เวท ( Featherweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 122 ปอนด์ ( 55.338 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 126 ปอนด์ ( 57.153 กิโลกรัม )

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 8 ออนซ์ ( 227 กรัม ) คือ นักมวย 4 รุ่น ดังนี้

รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท ( Super Featherweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 126 ปอนด์ ( 57.153 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 130 ปอนด์ ( 58.967 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์เวท ( Lightweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 130 ปอนด์ ( 58.967 กิโลกรัม) และไม่เกิน 135 ปอนด์ ( 61.235 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ( Light Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 135 ปอนด์ ( 61.235 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 140 ปอนด์ ( 63.503 กิโลกรัม )

รุ่นเวลเตอร์เวท ( Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 140 ปอนด์ ( 63.503 กิโลกรัม ) และไม่เกิน 147 ปอนด์ ( 66.678 กิโลกรัม )

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 10 ออนซ์ ( 284 กรัม ) คือ นักมวย 7 รุ่น ดังนี้

รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท ( Super Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 147 ปอนด์ ( 66.678 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 154 ปอนด์ ( 69.853 กิโลกรัม )

รุ่นมิดเดิลเวท ( Middleweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 154 ปอนด์ ( 69.853 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 160 ปอนด์ ( 71.575 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท ( Super Middleweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 160 ปอนด์ ( 71.575 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 168 ปอนด์ ( 76.374 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ( Light Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 168 ปอนด์ ( 76.374 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 175 ปอนด์ ( 79.379 กิโลกรัม )

รุ่นฟลายเวท ( Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 175 ปอนด์ ( 779.379 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 190 ปอนด์ ( 86.183 กิโลกรัม )

รุ่นเฮฟวี่เวท ( Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 190 ปอนด์ ( 86.183 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 200 ปอนด์ ( 90.900 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท ( Super Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 200 ปอนด์ขึ้นไป ( 90.900 กิโลกรัมขึ้นไป )

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

รวม สเต็ปต่อย มวยไทย ยังไงให้ผอม

รวม สเต็ปต่อย มวยไทย ยังไงให้ผอม

มวยไทย ถือเป็นกีฬา ยอดนิยม ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ หรือ วัยรุ่น ที่ชื่นชอบการ ต่อสู้ ในรูปแบบของการ ออกกำลังกาย และวันนี้เราจะเอา ความรู้ดี ๆ ในการลดน้ำหนัก เป็น สเต็ป ๆ ในการต่อยมวย ยังไงให้ ผอมไปดูกัน

 

            เราต้องบอกก่อนเลยว่า การ ชกมวย หรือ หรือ ฝึก มวยไทย ไม่ใช้แค่การ เราต่อย กับกรสอบทราย เพียงอย่างเดียว แต่มันยัง มี อุปกรณ์ ที่ใช้ในการ ฝึกอีกมากมาย ที่วันนี้ เราจะเอา มาแนะนำ ให้ฟังกัน สำหรับ การฝึก มวยไทย ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ แล้ว นั้น เทรนด์ การ " ออกกำลังกาย " ในรูปแบบ ชกมวย นั้น มันถูก ได้รับความนิยมในกลุ่ม ของ " ผู้หญิง " มาได้สักพัก เพราะ มันจะเป็น การ ออกกำลังกาย ที่มันจะ เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อของผู้หญิงอย่างเรา ๆ นั้นกระชับได้เกือบทุกสัดส่วน ของร่างกาย และสำหรับ ผู้หญิงที่ขี้เบื่อทั้งหลายจึงไม่ปฏิเสธที่จะหลงรักการออกกำลังกาย รูปแบบใหม่ และสำหรับ สเต็ปในการ ออกกำลังกาย ของ มวยไทย นั้นเราต้องบอกก่อนเลย ว่า มันไม่ได้ ยากเลย และ โดย มันจะเป็นการ เน้นใช้หมัด ศอก เข่า และ รวมไปถึง เท้าเป็นหลัก เพียงเท่านี้ มันก็ จะสามารถไป ช่วยบริหาร กล้ามเนื้อ หัวใจ ของเรา ได้ทำให้เลือดสูบฉีดได้เป็นอย่างดี และ แถมมันยังไป กระตุ้นการเผาผลาญให้ร่างกาย ของเราได้ทำงาน ได้อย่างเต็มที่ และ ทำให้ เผาผลาญ พลังงานส่วนเกินในร่างกาย ได้อย่างมากเลย นั่นเอง

 

            และ สเต็ป การต่อยมวย หรือ การ ฝึก มวยไทย ที่เรานั้นจะเอามาแนะนำกัน มันก็จะมี ด้วยกัน หลัก ๆ อยู่ สเต็ป ที่บอกเลยว่า ได้ทั้ง เหงื่อย ได้ทั้งแรง แถม ลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี อีกด้วย

 

สเต็ปที่ 1 

 

  • Jab Cross มันจะเป็นการ ปล่อย หมัดแย็บหมัดตรง  "หมัดตรง" ในการ ทำ หมัดตรง นั้น จะเป็นการ เหยียดแขนออกให้ตรงที่สุด และให้เราทำการ บิดลำตัว หลักจากนั้น  เปิดส้นเท้า รักษาให้อยู่ระดับไหล่ หมุนข้อมือคว่ำลงให้สันหมัดถูกที่หมาย     
  • Elbow ( ศอก )  สำหรับการ ใช้ ศอกให้เรา  ยกศอกขึ้น ค่อย ๆ โน้มลำตัวลง และทำการ พร้อมเกร็งหน้าท้อง     
  • Double Knees มันก็คือการ ใช้ เข่า ครั้ง แล้วทำการ ดึงมือมาหาหัวเข่า และ หลักจากนั้น ให้เรา ยกเข่าขึ้นสูง ๆ จากนั้นเกร็งหน้าท้อง ทำทั้งหมด ประมาณ  ครั้ง

 

สเต็ปที่ 2

 

  • Hook  จะเป็นการ ทำท่า หมัดฮุก ให้เรา ทำการ  งอแขนท่อนล่างให้ทำมุมกับ แขนท่อนบนเป็นมุมประมาณ 90 องศา และ หลังจากนั้น ให้เรา ทำการ ออกแรง ต่อยออกไป  ตรง ๆ และ ทำเพื่อให้เคลื่อนที่ไปในจังหวะเดียวกันอย่างลืมบิดส้นเท้า
  • Upper cut จะเป็น ท่าของการ ที่เราต้อง หมัดอับเปอร์คัต และ ให้ทำการ ชกที่บริเวณลำตัว หรือ อาจจะ ปลายคาง เปิดส้นเท้า งอเข่า และ ให้เรา ย่อตัวลงเล็กน้อย     
  • Single Knees โดยการ ให้เราใช้  เข่า ครั้ง และให้เรา ดึงมือมาหาหัวเข่า และหลังจากนั้น ให้ยกเข่าขึ้นสูง ๆ เอาส้นเท้าลง อย่าลืมเกร็งหน้าท้อง ในขณะ ที่ทำท่านี้  

 

สเต็ปที่ 3

 

  • Slanting Elbow  จะเป็น ท่าของการ ทำ ศอกเฉียง โดยการ ให้เรา ทำการ ยกศอกขึ้นเฉียงลง ค่อย ๆ โน้มลำตัว พร้อม กับการ ให้เกร็งหน้าท้อง  ในขณะที่ทำ   
  • Double Knee LR  จะเป็น ท่าในการ ใช้ เข่า ครั้ง โดยการให้เรา ดึงมือมาหาหัวเข่า และ หลัก จากนั้น ให้ทำการ ยกเข่าขึ้นสูง ๆ จากนั้นเกร็งหน้าท้อง ทำข้างละ ครั้ง

 

เป็น ยังไงกันบ้าง กับ สเต็ป ที่เรา เอามาแนะนำ สำหรับ การฝึก มวยไทย ที่บอกเลยว่า ถ้าเรา หมั่นฝึก แกกำลังกาย ตาม สเต็ป ที่เราบอกแบบ นี้ได้ทุกวัน มันจะทำให้ ร่างกาย ของเราแข็งแรง และที่สำคํญ ลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี อีกด้วย นั่นเอง

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

เทคนิคเข้าวงในแบบ มวยไทย มืออาชีพ

 

รูปแบบ การแต่งกาย ของ นักมวย สมัยก่อน

รูปแบบ การแต่งกาย ของ นักมวย สมัยก่อน

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งนักมวยใน สมัยก่อน จะมีรูปแบบ การแต่งกาย ที่แตกต่างจาก การแต่งกายของ นักมวย ในสมัยปัจจุบันอย่างไร มาติดตามกันครับ

 

การกำเนิดขึ้นของ มวยไทย ( Muay Thai ) มีมาอย่างช้านาน ตั้งแต่ก่อนยุคสุโขทัย เสียด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่า การดำรงอยู่ได้ของ มวยไทย ( Muay Thai ) มาจนถึงในยุคปัจจุบันนี้ ย่อมมีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลง ให้มีความเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ เรื่องการแต่งกาย ที่นักมวย ในสมัยก่อน มีรูปแบบการแต่งกาน ที่แตกต่างจาก นักมวย ในยุคนี้เป็นอย่างมาก โดยมีลักษณะ การแต่งกาย แยกเป็นแต่ละส่วนได้ ดังนี้

 

เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย

 

เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย คือ กางเกง ซึ่งในสมัยก่อน ไม่มีกางเกง ที่ใช้สวมใส่เฉพาะ เวลาขึ้นชกมวย ส่วนมากนักมวยจะสวม กางเกงขาสั้น ยาวประมาณแค่เข่า เป็นกางเกง ที่ใช้โดยทั่วไป ในชีวิตประจำวัน ตัวกางเกงไม่มีขอบกางเกง ใช้ผ้าขาวม้าพัน ให้หนาคาดทับ ระหว่างขาใช้แทนกระจับ และคาดเอว เพื่อให้กางเกงไม่หลุดเวลาขึ้นชก

 

นักมวย สมัยก่อน อาจมีการใส่ เสื้อยันต์ ที่ใช้ผ้าดิบสีแดง หรือสีขาว ตัดเป็นเสื้อกั๊ก คอกลมแขนกุด เขียนอักขระเลขยันต์ และรูปภาพต่าง ๆ ใช้สวมทับ เสื้อชนิดอื่น หรือสวมเพียงตัวเดียว เพราะเชื่อว่า จะช่วยป้องกันศาสตราวุธทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่ เวลาชกมวย มักไม่ค่อยสวมเสื้อยันต์ แต่จะใช้เครื่องรางชนิดอื่นแทน

 

การสวมหมัด

 

การสวมหมัดในที่นี้ หากเทียบ การแต่งกายของนักมวย ในปัจจุบัน ก็คือ ส่วนของนวม ซึ่งในสมัยก่อน ใช้การ "คาดเชือก" ที่ถือเป็น เอกลักษณ์โดดเด่น อย่างหนึ่งของ มวยไทย ( Muay Thai ) โดยการคาดเชือกที่มือ จะใช้ด้ายดิบพันสันหมัด และข้อมือ ความยาว และลักษณะการพัน จะแตกต่างกันไป ตามภูมิลำเนา บ่งบอกถึงลักษณะ การใช้หมัด และศอกอีกด้วย ซึ่งการคาดเชือก จะช่วยให้ กระดูกนิ้วมือไม่เคล็ดง่าย และทำให้หมัดแข็ง เพิ่มน้ำหนักหมัด ให้หนักแน่นกว่า หมัดธรรมดา บางคนอาจพันด้ายขนาดยาว เพราะต้องการใช้ หมัดบังหน้าด้วย

 

เครื่องรางของขลัง

 

นักมวย ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ในสมัยก่อน มีการใช้ เครื่องรางของขลัง อยู่ด้วยกันหลากหลาย ดังนี้

 

มงคล :  ทำจากสายสิญจ์ หรือผ้าดิบ ที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนตร์  คาถา และเลขยันต์ แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้ายหรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทำเป็นวงสำหรับสวมศีรษะ โดยรวบเป็นหางยาวไว้ข้างหลัง ใช้ในการคุ้มกันอันตราย โดยใช้สวมศีรษะในขณะชก

 

ประเจียด : ใช้ผ้าสาลู หรือผ้าดิบ สีขาวหรือสีแดง ตัดเป็นสามเหลี่ยม ลงเลขยันต์ มหาอำนาจ ส่วนใหญ่ จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด กำลังตัวหรือคุ้มกำลัง ภาษาที่ใช้เขียนมักเป็นอักขระโบราณ ที่พระครู หรือเกจิอาจารย์ จะเป็นผู้เขียน และทำพิธี ม้วนหรือถัก พันด้วยด้ายอาจใส่ว่าน ตระกรุด หรือเครื่องรางของขลังชนิดอื่น ไว้ข้างในผ้าประเจียดก็ได้ เป็นเครื่องรางคุ้มกันตัว ใช้ผูกติดกับต้นแขน ตลอดเวลา การแข่งขันชกมวย

 

 

ผ้ายันต์ : ผ้าดิบหรือผ้าเนื้อบาง สีขาวหรือสีแดงเขียนอักขระเลขยันต์และรูปภาพต่างๆ โดยเกจิอาจารย์ที่เชื่อถือว่ามีคาถาอาคมแก่กล้า วิธีทำคล้ายผ้าประเจียดแต่ผ้ายันต์มักเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พกติดตัวหรือพันเป็นผ้าประเจียดก็ได้

 

ตะกรุด : ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เช่น ทอง เงิน นาก ทองแดง หรือใบลาน และกระดาษสา ลงเลขยันต์ คาถาอาคมเช่นเดียวกับลงผืนผ้า เพื่อทำประเจียด แล้วม้วนให้กลม ตรงกลางเว้นช่องว่าง สำหรับใช้สายเชือกร้อยสำหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขน หากใส่ในมงคล หรือประเจียด มักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก

 

พระเครื่อง : ทำด้วยโลหะ ผงปูน ดิน หรืออาจใช้วัตถุหลายชนิดจากแหล่งต่างๆ เพื่อเพิ่มความขลัง แล้วทำพิธีพุทธาพิเศกลงเลขยันต์ มีพิธีกรรม ที่รวมการบวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย การบริกรรมคาถาอาคมต่าง ๆ นักมวย จะพกพระเครื่องติดตัว โดยพันไว้ในมงคล หรือผ้าประเจียด บ้างก็ใช้อมไว้ในปากเวลาชก แต่วิธีนี้ไม่ค่อยนิยม เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตนเองได้

 

แหวนพิรอด : ทำด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวาย ผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า “กำลังพิรอด” ใช้สวมต้นแขน หรือ แขวนพิรอดใช้สวมนิ้ว เป็นของวิเศษหายาก และเชื่อว่ามีอานุภาพมาก

 

พิสมร : ทำด้วยแผ่นโลหะ หรือใบลาน รูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์ มีที่ร้อยสายแต่โดยมาก ไม่ม้วนให้กลมอย่างตะกรุด ต้องผ่านพิธีกรรม เช่นเดียวกับตะกรุด

 

การแต่งกายของ นักมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงไปจาก ในสมัยก่อนอย่างมาก โดยในปัจจุบัน การแต่งกายของ นักมวย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะมีการคำนึงถึง ความเป็นสากล และความปลอดภัย ของนักมวย เป็นหลัก ที่มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อีกด้วย

 

ขอบคุณรูปภาพจาก Freepik

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

สิ่งที่จำเป็นต้องมีบนสังเวียน มวยไทย

รูปแบบ การตีเข่า สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai )

สิ่งที่จำเป็นต้องมีบนสังเวียน มวยไทย

สิ่งที่จำเป็นต้องมีบนสังเวียน มวยไทย

นอกจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วย กลยุทธ์วิถีเทคนิคต่าง ๆ ของศิลปะการต่อสู้บนเวทีของ มวยไทย อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดตัดสิน และชี้ขาดแพ้-ชนะ บนเวทีได้ก็คือ หน้าที่ของตำแหน่งกรรมการ แล้วกรรมการสำคัญอย่างไรมาดูกันค่ะ

 

     กรรมการบนเวที มวยไทย นับว่าเป็นตำแหน่งที่สาม ที่มักจะประกบคู่นักมวยทั้งสอง คอยตรวจเช็ค ความถูกต้อง และกฎกติกาการชกบนเวที และกรรมการที่นั่งชมอยู่ด้านล่างข้างเวที เป็นผู้ชี้ขาด และเป็นผู้ตัดสินบนเวที ที่นักมวยทุกคน ต้องมีความเกรงใจ และให้เกียรติในการต้องทำตามกฎ วันนี้เราจะมาให้ความรู้ถึงความสำคัญของกรรมการ บนเวที มวยไทย ว่าเราต้องมีเขาไว้เพื่ออะไร

 

     ผู้ชี้ขาด คือ ผู้ที่มีความรับผิดชอบอันดับแรก การระมัดระวัง การดูแลเอาใจใส่ผู้แข่งขันไม่ให้เกิดบาดเจ็บหรือบอบช้ำเกินควร หน้าที่ของผู้ชี้ขาด ผู้ชี้ขาดต้องปฏิบัติหน้าที่ในสังเวียน ต้องแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกหูกระต่ายสีกรมท่า รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อชนิดเบา ไม่มีสน สีดำ สวมถุงมือแพทย์ การเตือน ผู้ชี้ขาดอาจเตือนผู้แข่งขันได้ การเตือนเป็นการแนะนำให้ผู้แข่งขันระมัดระวัง หรือป้องกันไม่ให้กระทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่เป็นการละเมิดกติกาที่รุนแรงนัก ในการนี้ไม่จำเป็นต้องหยุดการแข่งขันแต่หาโอกาสที่เหมาะสมเตือนผู้แข่งขันที่ทำผิดกติกาในระหว่างการแข่งขันนั้นได้ การตำหนิโทษ ถ้าผู้แข่งขันละเมิดกติกา แต่ความผิดนั้นไม่ถึงขั้นให้ออกจากการแข่งขันผู้ชี้ขาดต้องหยุดการแข่งขัน และสั่งตัดคะแนนแก่ผู้ละเมิดกติกานั้น ในการสั่งตัดคะแนนผู้ชี้ขาดต้องกระทำอย่างชัดแจ้งเพื่อให้ผู้แข่งขันเข้าใจเหตุผล และความมุ่งหมายของการสั่งตัดคะแนนนั้น ผู้ชี้ขาดจะต้องให้สัญญาณมือแก่ผู้ตัดสินทุกคนว้าได้มีการตัดคะแนนและชี้ตัวผู้แข่งขันที่สั่งตัดคะแนน ถ้าผู้แข่งขันถูกสั่งตัดคะแนน 3 ครั้งในคู่นั้น เขาจะถูกให้ออกจากการแข่งขัน หลังจากสั่งตัดคะแนนแล้วผู้ชี้ขาดต้องสั่ง “ ชก” การตรวจร่างกาย ของผู้ชี้ขาด ก่อนปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันระดับนานาชาติภายใต้กติกานี้ ผู้ชี้ขาดต้องได้รับการตรวจร่างกายว่าเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พอที่จะปฏิบัติหน้าที่ในสังเวียนในขณะปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันห้ามผู้ชี้ขาดสวมแว่นตา แต่อนุญาตให้ใช้เลนส์ผลึกได้ และก่อนการแข่งขันทุกครั้งผู้ชี้ขาดต้องเข้าร่วมประชุมที่คณะกรรมการฝ่ายแพทย์จัดขึ้น

 

 

คุณสมบัติของคนเป็นกรรมการ มวยไทย

     คุณสมบัติของกรรมการ ผู้ชี้ขาด ( อยู่บนเวที ) และผู้ตัดสิน ( อยู่ข้างล่าง ) จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปี เว้นแต่คณะกรรมการผู้ตัดสิน จะพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน ต่อไปในระยะเวลาที่เห็นสมควร จะต้องมีหนังสือรับรองจากแพทย์ว่า เป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน และจะต้องผ่านการอบรม, การทดสอบ, การขึ้นทะเบียนผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน มวยไทย และได้รับตราพร้อมประกาศนียบัตร ของสภา มวยไทย โลกอีกด้วย

     จำนวนกรรมการผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน จะต้องมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คน และกรรมการผู้ตัดสิน 3 คน ทั้งนี้ยังต้องมีประธานผู้ตัดสิน เป็นผู้ควบคุมการแข่งขันอีกด้วย

     กรรมการผู้ชี้ขาด จะต้องรักษากติกา และให้ความเป็นธรรมอย่างเคร่งครัด จะต้องไม่แสดงกริยาวาจาที่ไม่สุภาพต่อนักมวย และผู้ชม จะต้องควบคุมการแข่งขันทุกระยะโดยตลอด จะต้องป้องกันนักมวยที่อ่อนแอกว่า ไม่ให้ได้รับความบอบช้ำ จนเกินควร และโดยไม่จำเป็น จะต้องตรวจนวม ตรวจเครื่องแต่งกาย และฟันยางของนักมวยก่อนการแข่งขัน ในยกแรกจะต้องให้นักมวยทั้งคู่จับมือ กันกลางเวที และเตือนกติกาที่สำคัญ การจับมือจะกระทำกันอีกครั้งหนึ่งก่อนเริ่มการแข่งขันในยกสุดท้าย ห้ามนักมวยทั้งสอง จับมือกันระหว่างการแข่งขัน

     ผู้ชี้ขาด จะต้องใช้คำสั่ง 3 คำ คือ "หยุด" เมื่อ สั่งให้นักมวยหยุดชก "แยก" เมื่อสั่งให้นักมวยแยกออกจากการกอดรัด และ "ชก" เมื่อสั่งให้นักมวยชกต่อไป ในกรณีที่ผู้ชี้ขาดสั่งแยก นักมวยทั้งสองจะต้องถอยหลังออกมาก่อน อย่างน้อยคนละ 1 ก้าว แล้วจึงจะชกต่อไป

     ผู้ชี้ขาด จะต้องแสดงสัญญาณที่ถูกต้องให้นักมวยที่ละเมิดกติกาทราบ ถึงความผิดของตน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน จะต้องรวบรวมบัตรให้คะแนนของผู้ตัดสินทั้ง 3 คนข้างล่างเวที จากนั้น ชี้มุมผู้ชนะตามเสียงคะแนนข้างมาก แล้วชูมือนักมวยผู้ชนะขึ้น นำบัตรคะแนนของผู้ตัดสินทั้ง 3 คน ให้ประธานผู้ตัดสินตรวจสอบ

 

หน้าที่ของผู้ตัดสิน มวยไทย

     หน้าที่ของผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินแต่ละคน จะต้องตัดสินการชกของนักมวยโดยอิสระ และจะต้องตัดสินไปตามกติกา ผู้ตัดสินแต่ละคน จะต้องอยู่คนละด้านของเวที และห่างจากผู้ชม ในระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินอยู่ ผู้ตัดสินจะต้องไม่พูดกับนักมวย หรือกับผู้ตัดสินด้วยกัน หรือกับบุคคลอื่น ยกเว้นกับกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที ถ้ามีความจำเป็นจะต้องพูดกับกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที ให้ใช้เวลาหยุดพักระหว่างยก แจ้งให้ผู้ชี้ขาดทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เช่น พี่เลี้ยงปฏิบัติผิดมารยาท หรือเชือกหย่อน ซึ่งผู้ชี้ขาด อาจจะไม่สังเกตเห็นในขณะนั้น

     ผู้ตัดสิน จะต้องให้คะแนนแก่นักมวยทั้งสอง ในบัตรบันทึกคะแนน ทันทีที่สิ้นสุดการแข่งขันของแต่ละยก ผู้ตัดสินจะต้องไม่ลุกออกจากที่นั่งให้คะแนน จนกว่าผู้ชี้ขาดจะชูมือตัดสินผลการแข่งขันแล้ว และการแต่งกายของผู้ตัดสิน จะต้องแต่งกายตามที่สภา มวยไทย โลกกำหนด

     จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของกรรมการ คือ ผู้ตรวจสอบ และดูความเรียบร้อยตลอดการชกให้เป็นไปตามกฎกติกาที่ต้องถูกต้องที่สุด

 

อำนาจของผู้ชี้ขาด

1. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าฝ่ายหนึ่งมีฝีมือเหนือกว่าอีฝ่ายหนึ่งมาก

2. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าผู้แข่งขันบาดเจ็บจนไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้

3. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าผู้แข่งขันไม่แข่งขันจริงจัง ในกรณีนี้อาจให้ผู้แข่งขันคนหนึ่ง หรือทั้งสองคนออกจากการแข่งขันได้

4. การเตือนผู้แข่งขันหรือหยุดการแข่งขัน เพื่อสั่งตัดคะแนนผู้แข่งขันที่กระทำกฟาวล์ หรือด้วยเหตุอื่น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หรือเพื่อความแน่นอนในการปฏิบัติตามกติกา

5. ให้ผู้แข่งขันที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยฉับพลัน หรือก้าวร้าวผู้ชี้ขาดหรือไม่ร่ายรำไหว้ครูตามประเพณีก่อนการแข่งขันออกจากการแข่งขัน

6. ให้พี่เลี้ยงที่ละเมิดกติกาออกจากหน้าที่ และให้ผู้แข่งขันออกจากการแข่งขันถ้าพี่เลี้ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ชี้ขาด

7. ให้ผู้แข่งขันที่กระทำฟาวล์ออกจากการแข่งขันโดยเตือนตำหนิโทษหรือยังไม่ได้เตือนตำหนิโทษผู้แข่งขันนั้นมาก่อนก็ตาม ถ้ากระทำผิดอย่างรุนแรง

8. หยุดนับในการล้ม ถ้าผู้แข่งขันเจตนาไม่ไปหรือทำชักช้าที่จะไปมุมกลาง

 

9. ตีความกติกาเท่าที่บัญญัตินี้ หรือพิจารณาตัดสิน และปฏิบัติตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

 

จรรยาบรรณของผู้ชี้ขาด และผู้ตัดสิน

  • จะต้องไม่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต
  • จะต้องไม่ให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในการตัดสิน
  • จะต้องไม่ประพฤติผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง
  • จะต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนการแข่งขัน 24 ชั่วโมง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

แนะนำ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ ค่าตัวแพง

หุ่นสวยด้วยท่าออกกำลังกายในแบบ ฉบับ นักมวย

รูปแบบ การตีเข่า สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai )

รูปแบบ การตีเข่า สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai )

การตีเข่า หนึ่งในการออกอาวุธสำคัญ สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่มีรูปแบบการตีเข่าที่หลากหลาย

 

การตีเข่า ในกีฬา มวยไทย

 

เข่า ( Knee ) อวัยวะส่วนหนึ่งที่ใช้ในการ ออกอาวุธไปยังเป้าหมาย ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) โดยเข่า ถือได้ว่าเป็น อาวุธสั้นรองจาก การเตะ จึงมักใช้ในการออกอาวุธ ในระยะประชิด มากกว่าในระยะไกล เช่น เข่าคลุกวงใน กอดปล้ำตีเข่า โยนเข่า และแทงเข่า

 

การใช้เข่า สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า "การตีเข่า" หมายถึง การยกเท้าขึ้นแล้วงอเข่าขึ้น ให้เป็นมุมฉาก หรือมุมแหลม ใช้ส่วนเข่าด้านหน้า หรือด้านข้าง (ด้านใน) กระแทกไปยัง เป้าหมายที่ต้องการ โดยเป้าหมายของการตีเข่า คือ บริเวณต้นขา ท้อง ชายโครง ลำตัว หน้าอก และทวารหนัก หากตีเข่าสูงขึ้นไป จะมีเป้าหมาย คือ ต้นแขน ปลายคาง และใบหน้า การใช้เข่าตี หรือกระแทกขึ้นไป ขณะตั้งท่าอยู่ และบางโอกาส นักมวย จะต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างจับที่คอคู่ต่อสู้ ร่วมด้วย เพื่อใช้เข่าออกอาวุธได้ถนัด และปะทะอย่างรุนแรง

 

การตีเข่า ในกีฬามวยไทย มีรูปแบบ ดังนี้

 

 เข่าตรง

 

เป็นการยกเข่า หรือกระแทกเข่า ยกขึ้นไป โดยการงอเข่า เป็นมุมแหลม โดยใช้ส่วนที่เป็นหัวเข่ากระทบเป้าหมาย และให้ปลายเท้าของเข่าที่ยกขึ้น ตีชี้ไปทางข้างหลัง นิยมใช้ท่านี้ ในระยะประชิดตัว เป้าหมายของการตีเข่าท่านี้ ได้ แก่ บริเวณท้อง คาง และใบหน้าของคู่ต่อสู่ สามารถตีได้ ทั้งเข่าซ้าย หรือเข่าขวา แล้วแต่ความถนัดของนักมวย

 

ข้อสำคัญของการ ตีเข่าตรง คือ มือทั้งสองข้าง ต้องยกขึ้นสูง เพื่อป้องกัน การตีเข่าใน ลักษณะเข่าโหน มือทั้ง 2 ที่โน้มคอลงมานั้น ควรใช้แขน และศอกชิดกัน เพื่อป้องกัน ซึ่งเข่าตรง สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ เข่าตรงตีนำ และเข่าตรงตีตาม ส่วนเข่าโหน คือการตีเข่าโดยใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับท้ายทอยของคู่ต่อสู้ดึง และโน้มคอลงมา พร้อมกับตีเข่า ไปยังเป้าหมาย

 

เข่าเฉียง

 

เป็นการตีเข่า ในลักษณะที่เฉียงขึ้น ให้เข่าปะทะกับ เป้าหมาย ด้วยการใช้ แรงเหวี่ยงจากสะโพก เป้าหมายตีเข่าเฉียง มักอยู่ที่บริเวณ ชายโครง ท้อง หน้าอก คาง และใบหน้า การตีเข่าเฉียง ด้านที่ใช้ตีเข่า จะตรงข้ามกับเป้าหมาย คือ ถ้าตีเข่าซ้าย จะต้องใช้เข่าเฉียง เข้าปะทะ เป้าหมายทางด้านขวา หรือถ้าตีเข่าขวา จะต้องใช้เข่าเฉียง เข้าปะทะ เป้าหมายทางด้านซ้าย

 

การตีเข่าเฉียง หากเข้ากอดรัด แล้วจับคู่ต่อสู้ไว้ให้แน่น แล้วดึงมาทางด้านข้างที่จะตีเข่า ปลายเท้าชี้ลงสู่พื้นไปทางด้านหลัง วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความรุนแรงของการตีเข่ามากขึ้นได้

 

เข่าตัด

 

เป็นการตีเข่า ที่มีทิศทางการตีเข่า ผ่านจากซ้ายไปขวา หรือจากขาวไปซ้าย ในทิศทางที่ขนานกับพื้น หรือเป็นแนวเดียวกัน หรือตีตัดลงมาหาพื้น โดยที่ปลายเท้า ชี้ไปทางด้านหลัง ให้ใช้แรงเหวี่ยงจากสะโพก เหวี่ยงตัดเข้าหาลำตัว ให้ส่วนของหัวเข่าปะทะกับเป้าหมายที่บริเวณต้นขา หรือชายโครงของคู่ต่อสู้

 

ข้อสำคัญในการ ตีเข่าตัด ให้ใช้แรงบิดจากเอว พร้อมแรงดึงเข้าหา แล้วตี จึงจะมีแรงกระแทกมาก นอกจากนี้ การตีเข่า อาจจะใช้ การเหวี่ยงให้คู่ต่อสู้เสียหลักก่อน แล้วจึงตีเข่าสวน ซึ่งบางครั้ง การตีเข่าตัดขึ้นเป็นวงโค้ง จากด้านบนลงมาด้านล่าง จะเรียกลักษณะการตีเข่านี้ว่า "เข่าโค้ง"

 

เข่าลอย

 

เป็นการยกเข่าขึ้นทำมุม โดยการชี้ปลายเท้าไปทางข้างหลัง แล้วใช้เข่าพุ่งเข้าปะทะเป้าหมาย พร้อมกับยกดัดเท้าอีกข้างที่เป็นฐาน ให้ดีดพุ่งขึ้น ลอยพ้นจากพื้น พุ่งไปยังเป้าหมายที่ต้องการ อย่างบริเวณ อก ลิ้นปี่ คาง และใบหน้า โดยสามารถใช้เข่านำ หรือเข่าตามก็ได้ การใช้เข่าลอย ในบางครั้ง อาจจะใช้พุ่งเข่าหน้าไปก่อน แล้วตามสลับเข่าหลัง เป็นเข่าหน้าเข้าปะทะเป้าหมายก็ได้

 

เข่าลา

 

เป็นการตีเข่า โดยใช้ บริเวณเข่า และแข้ง ปะทะเป้าหมาย ระยะการใช้เข่าลา อยู่ในระยะกลาง การตีเข่ารูปแบบนี้ ไม่ต้องจับคอ แต่ตีเฉียงในลักษณะคล้ายกับการเตะเฉียง อาจพับเข่าลงเล็กน้อย เป้าหมายให้ตีเข่าเข้าที่ท้อง  และชายโครงของคู่ต่อสู้

 

เข่าน้อย

 

เป็นการตีเข่าขณะที่เข้ากอดรัดคอ สะพายแล่ง หรือเอว ร่วมกับคู่ต่อสู้ ให้ตีเข่าเข้าที่บริเวณต้นขา หรือท้องน้อยของคู่ต่อสู้เร็ว ๆ เน้นหลาย ๆ ครั้ง เป็นการรบกวนคู่ต่อสู้ให้ขัดเท้า และปวดเท้า หากถูกตีเข่าน้อยหลาย ๆ ครั้ง อาจจะทำให้คู่ต่อสู้ เสียเหลี่ยมได้ จึงนิยมใช้ เมื่อคลุกวงใน

 

การตีเข่า ถือเป็นการออกอาวุธ ในร่างกายที่มีพลัง และมีอานุภาพรุนแรงมาก โดยเฉพาะ การต่อสู้กับคู่แข่ง ในระยะประชิด นักมวย จึงควรรู้รูปแบบของ การออกอาวุธที่หลากหลาย ของการใช้ในแต่ละอวัยวะ เพื่อใช้ออกอาวุธได้อย่างเหมาะสม ตามสถานการณ์การแข่งขันที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นให้มีประสิทธิภาพที่สุด

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

แนะนำ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ ค่าตัวแพง

หุ่นสวยด้วยท่าออกกำลังกายในแบบ ฉบับ นักมวย

แนะนำ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ ค่าตัวแพง

แนะนำ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ ค่าตัวแพง

เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนคงรู้จัก นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ชื่อดังหลาย ๆ คนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า ค่าตัว หรือ ค่าตัวนักมวย ที่แพงที่สุดนั้นเป็นใคร และ จะมี นักมวย คนไหนที่มี ค่าตัวแพง กันบ้าง มาดูกันค่ะ

 

นักมวยค่าตัวแพง ซึ่งอย่างที่เรา รู้กันดีว่านักชก มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นหากว่าโชว์ลีลา ได้ดีบนสังเวียน ให้เป็นที่น่าจดจำได้ ก็สามารถที่จะ ช่วยสร้างชื่อเสียง ให้กับตัวนักมวยเอง เป็นอย่างมากทีเดียว และ จะมีชื่อเสียงไปจนถึง ค่ายมวย และ โปรโมเตอร์ ซึ่งในการชกบนสังเวียน ตามงานต่าง ๆ นั้น ส่วนมากแล้ว นักมวย ก็จะได้ค่าตัว เริ่มต้นอยู่ที่ไฟต์ละ 300 จนถึง 2,000 บาท ตามแต่ประสบการณ์ ตามแต่กระดูกมวย ของตัวนักมวยเอง ที่สั่งสมมา

 

ซึ่งทางรายได้ดังกล่าว จะถูกค่ายมวย หักเปอร์เซนต์ออกไปตามแต่ ที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อเป็นค่าดูแลปลุกปั้น และ หากว่าเป็น นักมวยน้ำดี ฝีเท้าหนัก ๆ ก็จะ ขยับมาแข่งขัน บนเวทีใหญ่ ๆ อย่าง เวทีราชดำเนิน ลุมพินี ที่เป็นเวทีระดับ ประเทศของไทยเรานั่นเอง

 

แต่ปัจจุบันว่ากันต่อไปอีกว่า บรรดานักมวยไทยชื่อดัง หากขึ้นต่อยใน เมืองไทยในยุคนี้ อย่างเก่งค่าตัวก็อยู่ที่ 200,000250,000 บาทต่อไฟต์ เพราะผู้จัดเองก็ ประสบปัญหาขาดทุน จากยอดจำหน่ายตั๋ว ยิ่งถ้านำ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ชื่อดังมาขึ้นเวที เป็นคู่เอก ของรายการนั้น ๆ ก็จะยิ่งมีค่าใช้จ่าย ที่สูงขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นแล้วเหล่า บรรดายอด นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งหลายที่ยังต่อยอยู่ จึงเลือกที่จะหันเห เส้นทางไปเซ็นสัญญา ขึ้นสังเวียนต่อย เวทีต่างประเทศ อย่างเช่น จีน มาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น เป็นต้น และ เชื่อหรือไม่ว่า ในปัจจุบันนี้ นักมวยที่มีชื่อเสียงนั้น มีค่าตัวเป็นหลัก แสน หรือ ล้าน กันเลยก็มี ซึ่งวันนี้เราจะ มาดูกันว่าใน ค่าตัวนักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่มีค่าตัวแพง นั้นจะมีใครบ้างมาดูกันเลย

 

1. บัวขาว บัญชาเมฆ

แน่นอนว่าสำหรับ ยอด นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) อย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ หรือที่ในวงการ ให้ฉายาว่า ดำดอทคอม รายได้ของเขานั้น มีมากถึง 4,000,000 บาท แต่สำหรับใน ต่างประเทศ นั้นเรียกเขาว่า แบล็คโกลด์ นักชกฝีมือดี ที่เริ่มเข้าวงการ กีฬามวยตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ เคยอยู่ในสังกัด ค่ายป.ประมุข และ คว้าแชมป์ มาแล้วหลายรายการ และ ในปัจจุบันนี้ บัวขาว เองก็ได้เปิด ค่ายมวยของตัวเอง ที่แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในชื่อค่ายว่า บัญชาเมฆ เพื่อได้ให้เด็กรุ่นใหม่ และ สำหรับผู้ที่ สนใจในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้มีโอกาสฝึกซ้อม และ พัฒนากันต่อไป

 

2. สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง

สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง เรียกได้ว่าเขานั้น เป็น  นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่มีชื่อเสียงระดับ มวยแม่เหล็ก แห่งวงการคิกบ็อกซิ่ง อันดับต้น ๆ ของโลก พร้อมพ่วงดีกรีแชมป์โลก มวยไทย ( Muay Thai ) และ คิกบ็อกซิ่ง ถึง 12 สมัย จัดได้ว่าเป็นมวยซ้าย ที่อันตรายที่สุด คนหนึ่งของยุคเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเขาจะ เปิดตัวไม่ค่อยที่จะ สวยงามนักใน วัน แชมเปียนชิพ ( ONE Championship ) แต่ทาง สิทธิชัย เชื่อว่าเขาจะสามารถ กลับมาทวงความ ยิ่งใหญ่ในฐานะ นักชกที่เก่งกาจ ที่สุดในโลกได้ และ รายได้ของเขานั้น มากถึง 1,500,000 บาท

 

3. ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์

แชมป์โลก มวยไทย ( Muay Thai ) หลายสมัยอย่าง ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์ มีรายได้กว่า 1,200,000 บาท เขาคือ นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ชื่อดัง และ ประสบความสำเร็จ มากที่สุดคนหนึ่ง ในระดับโลก เขาได้เติบโตท่ามกลาง ความแห้งแล้ง ในภาคอีสาน เขาเริ่มเข้ามาเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ในงานวัดมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพื่อค่าตัวเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

หุ่นสวยด้วยท่าออกกำลังกายในแบบ ฉบับ นักมวย

หุ่นสวยด้วยท่าออกกำลังกายในแบบ ฉบับ นักมวย

ใคร ๆ หลาย ๆ คนคงเห็นหุ่นของ นักมวย กันอยู่แล้วว่า นักมวย แต่ละคนนั้นเขามีร่างกาย และ หุ่นที่สวยขนาดไหน วันนี้เราเลยจะเอา ท่าออกกำลังกายในแบบ ฉบับ นักมวย มาให้เราดูแล้วเอาไปลองกัน

 

            การ ออกกำลังกาย เป้าหมายหลัก ๆ ก็คือการ ทำให้ร่างกาย ของเราแข็งแรง หรือ ทำให้ ร่างกาย ตามส่วนต่าง ๆ ของเรา จากไขมัน ให้กลายเป็นกลามเนื้อ และ รวมไปถึงใคร ที่ออกกำลังกาย เพื่อที่จะลด ความอ้วน วันนี้เราจะเอา ท่าทาง การออกกำลังกาย ในแบบ ฉบับ นักมวย ที่บอกเลยว่า ใครเอาไปทำตาม จะมีหุ่นที่ฟิต ร่างกายที่สวยงาม อย่างแน่นอน

            

            มวยไทย ถือเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยม อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย หรือ รวมไปถึง ต่างประเทศ ต่างพากันให้ความสนใจ และทำให้ กีฬา ประเภท นี้ถูกจัดการแข่งขัน ขึ้นบ่อยอย่างมาก ในหลาย ๆประเภท ทำให้ นักมวย คนไทย หลาย ๆ คนโดงดั่งไปถึงต่างประเทศ และยิ่งทำให้ มวยไทย ในบ้านเรา มีชื่อเสีย เป็นที่รู้จักกันมาก ยิ่งขึ้น นั่นเอง และสำหรับ ท่านใดที่สนใจ อยากฝึก อยากมีหุ่นที่สวยงาม กล้ามหน้าท้องเน้น ๆ ใหเหมือน นักมวย แล้ววันนี้เรา จึงจะมาแนะนำ ท่าทางการ ออกกำลังกาย ในแบบฉบับ นักมวย เพื่อมีใครสนใจ แล้วลองเอาไปรับใช้ ในการ ออกกำลังกาย ไปดูกันดีกว่า ว่าจะมีท่าอะไรกันบ้าง

 

ท่า Shoulder Presses

 

            ในการแข่งขันกีฬา ประเภท มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น หัวไหล่ ที่แข็งแรง นั้นเป็นปัจจัย ที่สำคัญ ในการชก เพราะ เนื่องจากว่า กล้ามเนื้อ ในส่วนมัดนั้นเป้นส่วนสำคัญที่ใช้ในการใช้ปล่อยหมัดออก ไปตรง ๆ ไปและยังช่วยเป็นการ์ดป้องกันจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ ได้อีกด้วย ดันนั้นการ ออกำลังกาย ที่เน้นไปที่หัวไหล่ ถือว่าจำเป็นอย่างมาก ต่อหนักมวย ดังนั้นในท่า Shoulder Presses ถือว่า ตอบโจทย์ อย่างมาก สำหรับ นักมวย ที่จะเป็นท่าเคล็ดลับในการสร้าง ช่วยไป กล้ามเนื้อ ของหัวไหล่ ได้เป็นอย่างดี โดย เฉพราะ อุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลัก นั้นก็คือ ดัมเบล แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ เรา นั้นสามารถ ไปใช้ขวด น้ำที่ ใส่น้ำ เต็ม ๆ เพื่อที่ จับให้มั่นคงจากนั้นดันพื้น และลง อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับท่าบริหาร ร่างกาย ในบริเวณ ส่วนบนอื่นก็จะทำให้คุณมี หัวไหล่ ที่สวยงามราวและแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย นั่นเอง

 

ท่า Clap Press-Up

 

            อีกหนึ่ง วิธีออกกำลังกายที่ จะสามารถ ทำได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะอยุ่ ที่ไหน และต้องบอกเลยว่า ใช้ได้ผลจริง และยังทำได้บ่อยครั้ง ตามใจต้องการอีกด้วย นั่นคือ ท่า Clap Press-Up ถือว่า เป็นท่ายอด ฮิตอย่างมาก สำหรับ คนชอบ ออกกำลังกาย และ โดยวิธีการก็แสนง่าย อย่างมาก เพียงคุณใช้กำลัง ของมวลกล้ามเนื้อ ของร่างกาย ของเรา และ ส่วนบนออกมาให้หนัก ท่านี้ ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความเข็งแกร่ง ของกล้ามเนื้อ เพียงอย่างเดียว แต่มันยัง สามารถไป ช่วยมันยังช่วยปรับสัดส่วนของ Body Balance ซึ่งเป็นสิ่งที่นักมวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นสำหรับนักมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกคนด้วย

 

ท่า Plank

 

            ถือว่า เป็นหนึ่งในท่าที่ดูธรรมดา ๆ อย่างมาก และเป็นท่า ยอดฮิต สำหรับ หนุ่ม ๆที่ไป ฟิสเนส และยังเป็น ท่าที่ นักมวย ทำกันเป็นประจำ  แต่ต้องบอกว่าหินมากกับการที่จะทำให้แกร่ง และยัง ถือเป็นที่ทรมานที่สุดเนื่องจากต้องอาศัยความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ แทบจะทุกส่วน ของร่างกาย กันเลยทีเดียว และ เพื่อที่จะสามารถ ทำท่า Plank ให้ได้ และ ทำให้แกร่งและนาน อย่างไรก็ตามในการออกกำลังกายต้องออกอย่างเหมาะสม และคู่ไปกับท่า Crunches และ Sit Up จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ให้กลับร่างกาย ของเรา และแถมยังไป ช่วยให้หมัดหนักขึ้นอีกด้วย นั่นเอง

 

ท่า Push Ups

 

            มาถึง ในส่วนของท่านี้ ต้องบอกเลยว่า ค่อนข้างที่จะยาก สำหรับคนที่ไม่เคย หรือ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพราะ ท่า “ Push Ups ” น่าจะเป็นอุปสรรค ในช่วงแรก  ๆ และ เพียงแค่คุณตั้งใจ และ พร้อมที่จะเปลี่ยนตัววเอง ท่านี้ ก็ถือว่า มันมี ทั้ง ง่าย ๆ และไปถึง ยากเลยนั่นเอง ท่านี้คง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอาจจะเริ่มจาก ทำที่ละน้อย ๆ ครั้ง ค่อย ๆเป็น ค่อย ๆไป  แล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะท่านี้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ให้กับหลายส่วน ของร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น หัวไหล่ แผงอก จะเป็นที่นิยมของนักมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกคน ถ้าหากมีเวลาว่าง เราก็ควรที่จะPush Ups เป็นประจำทุกวัน  

 

ท่า Burpees

 

            ท่าที่ขึ้นชื่อเรื่องความ ยาก อีกหนึ่ง ท่าที่เราจะเอามาแนะนำ และ ต้องบอกเลยว่า นักมวย ก็ทำท่านี้กันเป้นส่วนมาก และแถมยัง เรียกเหงื่อย และ เหนื่อยแทบขาดใจ และ Burpee ยังคงเป็นท่าที่ยากที่สุดใน หลาย ๆ  ท่าที่กล่าวมา แต่ท่านี้ช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ ในร่างกายของเรา และแถมยัง เป็นเห็นผลดีที่สุดของการออกกำลังกาย เป็นการเผาผลาญ ไขมันส่วนเกิน ในร่างกาย ของเรา ในส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย และถ้าหากใครที่อยากจะมีรูปร่างที่สมส่วนอลองท่านี้เลย“Burpee” ต้องออกให้ถูกต้อง ลองดูท่าที่ถูกต้องในวิดีโอที่ถูกต้องใน Youtube ได้เลย ไม่ยากอย่างที่คิด

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ความเป็นมาของ มวยไทย ในแต่ละยุคสมัย

มวยไทย กับเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆหลายๆคนหลงใหล

ความเป็นมาของ มวยไทย ในแต่ละยุคสมัย

ความเป็นมาของ มวยไทย ในแต่ละยุคสมัย

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้สำคัญของประเทศไทย ที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยที่คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยมวยไทย มีการกำเนิดมาตั้งแต่ สมัยโบราณ และมีประวัติ ความเป็นมา ในแต่ละยุคสมัยที่น่าสนใจอย่างมาก

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ที่อยู่กับคนไทยอย่างมาช้านาน ซึ่งการเกิดขึ้นของ มวยไทย เริ่มขึ้นเมื่อใดนั้น ไม่มีหลักฐานปรากฎที่แน่ชัด แต่สามารถกล่าวได้ว่า มวยไทยเกิดมาพร้อมกับคนไทย เพื่อการสร้างชาติไทยให้กลายเป็นปึกแผ่นได้ โดยหากกล่าวถึง ความเป็นมา ของมวยไทย ในยุคประวัติศาสตร์ สามารถแบ่งได้ตามสมัย ดังนี้

 

สมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781 - 1921)

 

ในสมัยนี้ การต่อสู้มือเปล่าด้วยวิชา มวยไทย ( Muay Thai  ) มีใช้อยู่ในการต่อสู้กับข้าศึก และเป็นการใช้ร่วมกับอาวุธต่าง ๆ อย่างดาบ หอก มีด โล่ หรือธนูอีกด้วย โดยการฝึกสอนมวยไทยในสมัยนี้ จะมีการจัดสำนึกขึ้นในสถานที่ ได้แก่ วัด บ้าน สำนักราชบัณฑิต ที่เปิดสอนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวรวมอยู่ด้วย

 

สมัยอยุธยา (พ.ศ. 1893 - 2310)

 

สมัยนี้ การถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ มาจากสมัยสุโขทัยอย่างต่อเนื่องกัน เช่น การคล้องช้าง, การฆ่าสัตว์, การฟ้องรำ และการละเล่นต่าง ๆ และวัดก็คงเป็นสถานที่ให้ความรู้ ทั้งสามัญและฝึกความชำนาญในเชิงดาบ, กระบี่กระบอง, กริช, มวยไทย, ยิงธนู เป็นต้น

 

ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในช่วงปี พ.ศ.2174 - 2233 รัชสมัยของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครองราชย์ นับว่ามวยไทย มีความเจริญขึ้นมาอีก เนื่องจาก นายขนมต้ม ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์มวยไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน นายขนมต้ม จึงเป็นนักมวยเอกคนแรกของไทย ที่ได้ประกาศฝีมือลายมือมวยไทยในต่างแดน

 

ต่อมา สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือได้ว่า มีความเจริญอย่างมาก เนื่องจาก พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ ที่ชอบชก มวยไทย มาตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ และมักปลอมพระองค์ ไปชกมวยกับชาวบ้านอยู่เป็นประจำ พระองค์จึงได้ทรงสนับสนุนมวยไทยเป็นอย่างมาก และได้ทรงมีพระปรีชาอย่างมาก โดยได้ทรงคิดท่าแม่ไม้มวยไทย ในแบบเฉพาะพระองค์ จนกลายเป็น “ตำรามวยพระเจ้าเสือ” ซึ่งถือเป็น มรดกทางภูมิปัญญา จากบรรพชนที่ได้รับการถ่ายทอดมาสู่ชนรุ่นหลัง และสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

 

ซึ่งใน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติกำหนดให้วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันมวยไทย ซึ่งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติของ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 นั่นเอง

 

สมัยกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2314)

 

ในสมัยนี้ พม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ และมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัยดาบหัก (นายทองดีฟันขาว) ซึ่งพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเข้าตากสิน) ได้โปรดให้ครองเมืองพิชัยอยู่นั้น ได้นำทัพออกต่อสู้กับพม่าจนดับหัก แต่ก็สามารถป้องกันเมืองพิชัยเอาไว้ได้ ประชาชนทั่วไปจึงเรียกว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งต่อมาพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้แต่งตั้งนายทองดีไปครองเมืองพิชัย และมีความชอบได้เป็นถึงพระยาพิชัย ต่อมาคนในตระกูลของพระยาพิชัยดาบหักก็ได้รับราชการมาตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงรัชกาลที่ 6 ก็ได้พระราชทานนามสกุลว่า วิชัยขัทคะ แปลว่า ดาบวิเศษของพระวิชัย

 

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

 

ในปีพ.ศ. 2325 ในระยะต้น รัชกาลที่ 1-5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นกษัตริย์ไทยที่ทรงโปรดการกีฬามาก เช่น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ร.1) ทรงโปรดกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้น ได้มีฝรั่งสองคนพี่น้องเข้ามาหาคู่ชกมวยชนิดมีเดิมพัน พระองค์ได้จัดส่งหมื่นผลาญ นักมวยผู้เก่งกาจขึ้นชกกับ ฝรั่งสองพี่น้อง แม้หมื่นผลาญ จะมีร่างกายเล็กเสียเปรียบฝรั่งมาก แต่ด้วยศิลปะะมวยไทย อาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก ฝรั่งสองพี่น้องจึงพ่ายแพ้ยับเยิน

 

ในสมัย รัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์หัดเล่นกระบี่กระบอง พระองค์มีความชำนาญในกีฬามวยไทย จึงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยขึ้นในชนบทและในกรุง นอกจากนี้ ได้ทรงแต่งตั้งผู้มีฝีมือในกีฬา มวยไทย ให้เป็นหัวหน้าในการจัดกีฬา และให้ยศตำแหน่งด้วย

 

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 แม้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พ.ศ.2463 แต่ก็ได้เกิดสนามมวยขึ้นครั้งแรก ระบุว่าได้มีสนามมวยสวนกุหลาบ เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2463 คือ สนามมวยสวนกุหลาบ จัดให้มีการชกมวยไทยเป็นประจำ โดยในช่วงแรก ให้นักมวยชกกันบนพื้นดิน ผู้ชมที่ นั่งและยืน อยู่รอบบริเวณสังเวียน ซึ่งกว้างกว่า 20 เมตร มีการขีดเส้นกำหนดให้นั่งห้ามล้ำเข้าไปในเขตสังเวียน

 

ในสมัยปัจจุบัน ได้ทำการแข่งขัน ในเวทีมวยสำคัญอย่าง เวทีมวยราชดำเนิน และเวทีลุมพินี เป็นประจำ และยังมีเวทีมวยที่เปิดการแข่งขันถาวรและชั่วคราวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกมากมาย และยังมีพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 มีสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ได้จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. นี้ให้มีหน้าที่ส่งเสริม คุ้มครอง สนับสนุนและควบคุมกิจการมวยไทยในประเทศไทยให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฏหมายอีกด้วย

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย กับเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆหลายๆคนหลงใหล

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

มวยไทย กับเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆหลายๆคนหลงใหล

มวยไทย กับเสน่ห์ที่ทำให้ใครๆหลายๆคนหลงใหล

มวยไทย ถือว่าเป็นกีฬาอีกหนึ่งชนิดที่ทำให้ใครๆหลายๆท่านชื่นชอบสนใจกันเป็นจำนวนมากไม่ใช้แค่เพียงประเทศไทยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติก็ให้ความสนกันอย่างมากมาย

 

            มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่า เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของ คนไทย อย่างมาก เพราะมันถือเป็น กีฬาประจำชาติไทย กันเลยทีเดียว และแถมยังมี ประวัติยาวนาน อย่างมาก แต่วันนี้ เราจะมาพูดถึงว่า ทำไม มวยไทย ถึงมัเสน่ห์ ที่ทำให้ ใคร ๆหลาย ๆคนหลงใหล วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

            

            มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นกีฬา ศิลปะการ ต่อสู้ที่มีรูปแบบสวยงาม มีประวัติความเป็นมา ที่ยาวนาน สำหรับ ทวงท่า ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรับ หรือ การรุกก็มีท่าทีที่ดูสวยงาม มีชื่อตามท่าทาง และยัง ถือว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ได้รับความนิยม อย่างมากและโดน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเราสามารถใช้ได้แถบจะทุกส่วนในร่างกาย ของเรา ไม่ว่าจะเป็น หมัด เท้า เข่า ศอกได้หมด และแถม ซึ่งอาวุธของ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่าเป็นอาวุธที่ร้ายแรง และอันตรายอย่างมาก เพราะ มันเป็นอาวุธที่สามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว เราจะยกอย่างเช่น ท่าฤาษีบดยา จะเป็นการเอาศอกจามไปบนหัวผู้ต่อสู้อย่างรุนแรง และถ้า หากโดนตรงจุดที่สำคัญ หรือ รุนแรงจน อาจทำให้สลบ หรือถึงขั้น เสียชีวิตได้เลยทีเดียว นี่เป็นแค่ ท่าหนึ่ง ในแม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เรายกตัวอย่างให้ฟัง ว่ามันรุนแรง และอันตรายขนาดไหน และยัง มีอีกหลายท่า ที่ไม่ได้กล่าวถึง แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องบอกก่อนว่า มันมีท่าเยอะมาก และแต่ละท่า ก็มีความสวยงาม มีความเป็น เอกลักษณ์อย่างมาก และแต่ละท่า จะมีความแตกต่างกันไป และยังถือ เป็นกีฬา ที่ดุเดือด รุนแรง แต่ก็ยังสนุกเล้าใจ ที่ทำให้ใคร ๆหลาย ๆรับชมแล้วไม่อยากลุกจาก ที่นั่งกันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุผลนี้ จึงทำให้มีผู้คนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ มากมาย ให้ความสนใจ และหลงรักการต่อสู้ ที่หันมาสนใจ มวยไทย ( Muay Thai ) กันมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบันเลย เลยนั่นเอง

 

ทำไม มวยไทย ( Muay Thai ) ถึงได้รับความนิยม

 

            ในปัจจุบันนี้ เราไม่สามารถที่จะ พูดได้ไม่เต็มปาก ว่าคนไทย เป็นที่หนึ่งของ มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า ชาวต่างชาติ ที่มีฝีมือ เก่งกว่านัก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เริ่มมี กันมากขึ้นเลื่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มวยไทย ก็ยังเป็นกีฬาที่ คนไทย ยังคงเป็นอันดับหนึ่งเพราะมันเป็นกีฬา ประจำชาติไทย และมีคนไทย ให้ความสำคัญมากขึ้น และสำหรับ ใครที่สนใจ ก็มาเรียนได้ ซึ่งเหตุนี้ จึงทำให้มีชาวต่างชาติมากมาย ที่รักการต่อสู้ ที่สนใจในศิลปะแม่ไม้ มวยไทย ที่สนใจ สามารถเรียนกันได้มากขึ้น และในปัจจุบัน ต้องบอกก่อนว่า ค่ายมวย ไม่ได้มีแค่ ในประเทศไทย เพียงเท่านั้น ในหลาย ๆประเทศก็เริ่มมีการตั้ง ค่ายมวยกันมากขึ้น ทำให้ ชาวต่างชาติ เริ่มหันมา สนใจ และมวยไทย ได้เป็นที่รู้จัก มากขึ้นในต่างประเทศ นั่นเอง และต้องยอมรับว่า การแข่งขัน หรือ สังเวียนมวย ในปัจจุบัน ได้มีมากขึ้น เลื่อย ๆและมีแต่ ร่างการ ใหญ่เงินรางวัล ที่ต้องบอกว่า มันเป็นอาชีพ ได้เลยนั่นเอง สำหรับ กีฬา มวยไทย ในปัจจุบัน

 

กฏข้อบังคับการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ควรศึกษาและรู้เอาไว้

 

            กฎข้อบังคับ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) สำหรับ การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )  จำนวนยกในการแข่งขัน ก็จะสามรถ แบ่งได้ทั้งหมดประมาณ 5 ยก และสามารถ แบ่งให้เป็นยกละ 3 นาที มีการ พักระหว่างยก 2 นาที แต่จะไม่มีการเพิ่มรอบโดยไม่ได้รับอนุญาต และ นักมวย จะต้อง ใช้นวมขนาดไม่น้อยกว่า 6 ออนซ์ (172 กรัม) โดยประมาณ และ ซึ่งนวมที่สวม ใส่จะต้องไม่ถูกบีบ หรือ บดเพื่อเปลี่ยนรูปทรงของนวม ด้วย นั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย กีฬาที่ได้มากกว่าแค่การ ออกกำลังกาย

ลดน้ำหนักในเเบบฉบับนักมวย

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

มีใครคนไหนสนใจ ประวัติศาสตร์ มวยไทย บ้างคะกว่าจะมาเป็น มวยไทย ในทุกวันนี้ต้องย่อมมี ครู หรือ ผู้ฝึกสอน เผยแพร่วิชา ให้กับศิษย์ของตน จากรุ่นสู่รุ่น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ บุคคลสำคัญของ มวยไทย ( Muay Thai ) กันค่ะ

 

บุคคลสำคัญ ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในประวัติศาสตร์

1. สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ( พระเจ้าเสือ ) กษัตริย์แห่ง มวยไทย ( Muay Thai )

สมัยอยุธยา สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ โปรดการชกมวยเป็นอย่างมาก เคยทรงปลอมพระองค์ มาชกมวยกับชาวบ้าน และชนะนักมวยฝีมือดี ของเมืองวิเศษไชยชาญ อีกทั้งชนะนักมวยเอกถึง 3 คน เมื่อพระมหากษัตริย์ โปรดการชก มวยไทย ( Muay Thai ) เช่นนี้ ทำให้มีการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) กันอย่างแพร่หลายในราชสำนัก ขยายไปสู่บ้าน และวัด โดยเฉพาะวัด ถือเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาท วิชา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอย่างดีรวมถึงขยายวงกว้าง ไปสู่สามัญชนมาก แม้ท่านจะทรงสวรรคต แต่ มวยไทย ( Muay Thai ) ตำรับพระเจ้าเสือ อันแข็งแกร่งยังได้รับ การถ่ายทอด ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ฝึกฝน จนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งวันเสด็จขึ้น เสวยราชสมบัติ ของพระเจ้าเสือ คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็น วัน มวยไทย ( Muay Thai ) อีกด้วย

 

 

2. นายขนมต้ม ยอดนักสู้ มวยไทย ( Muay Thai ) ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่ชาวต่างชาติ

ในตอนเด็กนั้น ๆ นายขนมต้ม เป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในวัด ด้วยสาเหตุที่ว่าพ่อ และแม่ ถูกพม่าสังหาร จนถึงแก่ชีวิตทั้งสองคน จนเมื่อพม่าตีกรุงศรีอยุธยา นายขนมต้ม กลายเป็นหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนไปยังประเทศพม่า กษัตริย์แห่งพม่า ได้ทรงจัดงานสมโภช เจดีย์ชเวดากอง และทรงโปรดให้มีการแข่งขัน ชกมวยระหว่างชาวสยาม และชาวพม่า สุกี้พะนายกองคัด นายขนมต้ม ขึ้นชก และสามารถชกชนะ นักมวยพม่าถึง 10 คนโดยมิยอมถอย แม้แต่ก้าวเดียว จนพระเจ้ามังระปูบำเหน็จ แต่งตั้งให้เป็นข้ารับใช้ ในกรุงอังวะแต่ นายขนมต้ม ปฏิเสธ และขอให้ปลดปล่อยตน และเชลยคนไทยทั้งหมด เป็นอิสระเพื่อกลับบ้านเกิด พระเจ้ามังระ ยอมทำตามความประสงค์ ให้ทุกคนได้กลับมายังบ้านเกิด ก็คือแผ่นดินไทย ที่มีกรุงธนบุรี เป็นราชธานีนั่นเอง เหตุการณ์ที่ นายขนมต้ม สามารถเอาชนะ นักมวยพม่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2317 นั้น ทำให้ได้มีการกำหนด ให้วันดังกล่าว เป็น วัน มวยไทย ( Muay Thai ) อีกด้วย

 

3. นายทองดีฟันขาว นัก มวยไทย ( Muay Thai ) สู่นักรบของชาติ

นายทองดีฟันขาว คืออีกหนึ่งครู มวยไทย ( Muay Thai ) สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ เดิมชื่อ จ้อย เป็นเด็กชายที่มีนิสัยกล้าหาญ อดทน ชอบชก  มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาได้ศึกษา วิชาหมัดมวย กับครูเที่ยงที่บ้านท่าเสา แต่เพราะไม่เคี้ยวหมากพลู เหมือนคนสมัย นั้นครูเที่ยงจึงเรียกว่า นายทองดีฟันขาว  นายทองดีเดินทาง ไปเรียนการต่อสู้ จากหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) มวยจีน หรือเชิงดาบ จนความสามารถเลื่องลือ ภายหลังถวายตัว เป็นทหารคนสนิท ของพระเจ้ากรุงธนบุรี และได้รับสมญานามว่า พระยาพิชัย

 

นายทองดีฟันขาว หรือ พระยาพิชัยดาบหัก ได้สร้างมรดก อันควรแก่การยกย่อง สืบทอดมาถึงปัจจุบัน นอกจากจะเป็นเรื่อง ความซื่อสัตย์สุจริต เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ความรักชาติแล้ว ยังสร้าง มวยพระยาพิชัย ที่มีจุดเด่นคือ เป็นทั้งมวยอ่อน และมวยแข็ง รุกรับตามแต่สถานการณ์ การออกไม้จะรวดเร็ว รุนแรง เผด็จศึกอย่างรวดเร็ว เมื่อมีโอกาส สามารถปกป้องตนเอง รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง และคู่ต่อสู้อีกด้วย

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยกรง บนสังเวัยน 8 เหลี่ยม

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

สิ่งที่คุณจะได้จากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

สิ่งที่คุณจะได้จากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะป้องกันตัวที่มีมาหลายยุคหลายสมัย แม้ว่าการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้เรารู้สึกเจ็บตัว แต่ก็ยังมีหลายคนที่มองเห็นถึงประโยชน์ของการฝึกไม่น้อยเลยทีเดียว

 

     อันที่จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับใครก็ได้ แค่ฝึกซ้อมกับกระสอบทรายก็ได้ประโยชน์แบบเดียวกันกับนักกีฬามืออาชีพแล้ว ซึ่งปัจจุบัน “ มวยไทย ” ( Muay Thai ) กลายเป็นกีฬาที่ทุกคนสามารถเล่นได้ในโรงยิม และมีหลากหลายประเภท ให้ประโยชน์อีกเยอะมากมาย ทำให้ผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ร่างกายด้วย

1. พัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวม

     “ มวยไทย ” ( Muay Thai ) ทำให้คุณได้ทั้งเตะ กระโดด ใช้ฝีเท้าในการหลบหมัด และการชก ทั้งหมดที่ว่ามานี้ล้วนต้องอาศัยพลังงาน และความแข็งแกร่งอย่างมหาศาล เนื่องจากคุณต้องทำซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง

     จงจำไว้ว่ากีฬาชกมวยมีจุดประสงค์ คือ ชกกับคู่ต่อสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะน็อค แต่ถ้าไม่น็อคจะมีการนับคะแนน และตัดสินว่าคุณทำได้ดีแค่ไหนเมื่อจบการแข่งขัน ซึ่งหมายความว่า จำนวนหมัดที่เข้าเป้า และการป้องกันนั้น มีความสำคัญทั้งสิ้น

     การชกมวยจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และทำให้กล้ามเนื้อกระชับ นอกจากนี้ “ มวยไทย ” ( Muay Thai ) ยังเป็นกีฬาที่เน้นร่างกายช่วงบน ร่างกายช่วงล่าง และแกนกลางในเวลาเดียวกัน เป้าหมายของการต่อยมวย คือ ให้ทุกส่วนของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกาย และระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวยยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว การทำงานประสานกันของอวัยวะ ปฏิกิริยาตอบโต้ และความคล่องตัว

 

2. การเผาผลาญ

     การชกมวยอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training ( การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง ) เพราะการขึ้นชกใน 1 ยก คือ การใช้ร่างกายไปถึงระดับสูงสุด และการพักระหว่างยก คือ การทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากความอ่อนล้าได้เร็วขึ้น เป็นทั้งการออกกำลังกายแบบที่ผสมผสานเผาผลาญพลังงานการใช้ออกซิเจน และไม่ใช้ออกซิเจนเข้าด้วยกัน

     การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับการวิ่งหรือปั่นจักรยาน จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง สามารถเบิร์นไขมันได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที

 

3. คลายเครียดได้ดี

     เมื่อต้องเผชิญกับสารพัดปัญหามาทั้งวัน ก็เป็นการดีหากได้ขึ้นสังเวียนต่อยใครสักคน หรือชกกระสอบทรายระบายอารมณ์ออกมาบ้าง อะดรีนาลีน และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่หลั่งออกมา ระหว่างการใช้แรงจะส่งผลในทางที่ดีต่อร่างกาย การต่อยมวยจึงเป็นการระบายความเครียดที่ได้ผล และดีต่อสุขภาพ

 

4. หุ่นที่เฟิร์มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     อยากมีซิกซ์แพคชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพ แล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะการชกมวยจำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝัน

 

5. ช่วยในเรื่องสมาธิ ลดความเครียด และความวิตกกังวล

     การออกกำลังกายนั้นสามารถช่วยในเรื่องอารมณ์ได้ดีอยู่แล้ว เพราะระหว่างที่เราออกกำลังกายนั้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้เรารู้สึกดีมีความสุขมากขึ้น

     นอกจากนี้สิ่งที่คุณควรรู้ คือ การออกกำลังกายด้วยการซ้อมมวยนั้นเป็นการออกกำลังกายแบบที่เข้มข้นสูง และต่ำสลับกันไป ช่วงที่มีความเข้มข้นสูงนั้นก็คือ ช่วงที่คุณออกอาวุธได้ปล่อยหมัด หรือได้เตะ ส่วนช่วงที่มีความเข้มข้นต่ำก็คือช่วงที่เราฟุตเวิร์ค เตรียมพร้อมที่จะออกอาวุธนั่นเอง

 

6. ฝึกให้ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็ว

     การซ้อมมวยนั้นเป็นการฝึกให้ร่างกายของเรามีความสัมพันธ์ระหว่างตา สมอง และกล้ามเนื้อส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม การเป็นคนที่มีความแอ็คทีฟ กระฉับกระเฉง นั้นเป็นเพราะการซ้อมมวยจำเป็นจะต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงทุกส่วนของร่างกาย ระหว่างฝึกมวยจะต้องมีสมาธิ ตาจะต้องไว ต้องมีการออกอาวุธที่รวดเร็ว เคลื่อนที่ว่องไว สามารถหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ดี

 

7. เป็นการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวม

     กีฬามวยเป็นกีฬาที่โหดทรหดมากมาก จึงจำเป็นต้องอาศัยการฝึกร่างกายของเราให้แข็งแกร่งทุกสัดส่วนทั้งช่วงบน ช่วงกลาง และช่วงล่าง มีช่วงกลางลำตัวที่แข็งแกร่งที่สามารถรับการโจมตีจากการออกอาวุธของคู่ต่อสู้ได้ และมีแขนที่ทรงพลังเพื่อเอาไว้ออกอาวุธที่มีพลังในการโจมตี

 

8. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด

     มวย ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ช่วยให้เรามีปอดที่ใหญ่ขึ้น สามารถกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดได้ดี เพราะการที่จะทำเช่นนั้นได้เราจะต้องออกกำลังกายให้หัวใจ และปอดมีความเครียดในระดับปานกลาง ซึ่งทำให้หัวใจ และปอดของคุณทำงานได้ดีขึ้นส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

 

          ท่าพื้นฐานของ มวยไทย ( Muay Thai )

1. หมัดตรง

     ท่าที่เรียกได้ว่าง่ายที่สุดของการฝึก เริ่มแรก ให้ยืนปลายเท้าห่างพอประมาณ กำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับอก เก็บศอกแนบลำตัว ตามองตรง ก้าวเท้าซ้ายพร้อมชกหมัดขวาไปด้านหน้าให้แขนขนานไปกับพื้น เปิดส้นเท้าขวาทิ้งน้ำหนักไปทางเท้าซ้าย จากนั้นให้กลับมาอยู่ในท่าเตรียม ทำต่อแต่สลับด้านกันจากซ้ายมาเป็นขวา ทำสลับไปมาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซักประมาณ 5 - 10 นาที

2. ตีเข่า

     เริ่มต้นด้วยการกำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากกับหน้าอก แนบแขนให้ชิดลำตัวเช่นเดิม แล้วจากนั้นให้ยกเข่าขวาขึ้นสูงเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย กลับมาที่ท่าเริ่มต้น แล้วทำทำซ้ำสลับเข่าซ้ายขวา 5 -10 นาที

3. เตะ

     เริ่มด้วยท่าเริ่มต้นเหมือนเดิมคือกำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากที่ระดับหน้าอก จากนั้นก้าวเท้าซ้ายมาข้างหน้าพร้อม ๆ กับการเตะขาขวาขึ้นในลักษณะเหวี่ยง ให้ปลายเท้าชี้มาทางซ้าย บิดตัวเล็กน้อย แล้วกลับมาที่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำสลับซ้ายขวาใช้เวลาประมาณ 5 -10 นาที

4. ถีบ

     เริ่มจากท่าเริ่มต้น กำหมัดทั้งสองข้างให้ตั้งฉากกับระดับของหน้าอก แนบแขนชิดติดลำตัว ตามองตรงไปข้างหน้า จากนั้นให้งอเข่าเล็กน้อยพร้อมกับเตะขาออกไปข้างหน้า แต่ปลายเท้าต้องตั้งฉากเท่าที่จะทำได้ กลับมาสู่ท่าเริ่มต้น แล้วทำสลับซ้ายขวา ใช้เวลาประมาณ 5 -10 นาที

5. ศอกตัด

     เริ่มต้นท่าเตรียมด้วยการกำหมัดทั้งสองข้างไว้ที่ระดับอก จากนั้นก้าวเท้าขวาไปด้านขวา ตามด้วยการเหวี่ยงแขนซ้ายให้ข้อศอกตั้งฉากกับหมัดขวา บิดลำตัวนิดหน่อย บิดส้นเท้าซ้าย แล้วกลับมาที่ท่าเตรียม ทำสลับไปมาทั้งซ้ายและขวา ประมาณ 5 -10 นาที

 

     “ มวยไทย ( Muay Thai ) ” เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทย ยากที่จะเลียนแบบได้ เพราะศิลปะนี้เกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ได้มีการสู้รบกับชาติข้างเคียง เพื่อรักษาแผ่นดินสยามนี้มาโดยตลอด

     แม้ว่ากีฬาเกี่ยวกับการชก มวยไทย ( Muay Thai ) จะยอมรับกติกามวยแบบสากลแล้วก็ตาม แต่ในส่วนพื้นฐานจริง ๆ ของความเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) เรายังรักษาไว้ มั่นคงตราบเท่าทุกวันนี้คือ ยังคงใช้ หมัด เท้า ศอก เข่า อันเป็นเอกลักษณ์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) อยู่อย่างเหนียวแน่น

     อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับใครแค่ฝึกซ้อมกับกระสอบทรายก็ยังได้ประโยชน์แบบเดียวกัน ปัจจุบันมวยไทย ( Muay Thai ) กลายเป็นกีฬาที่ทุกคนสามารถเล่นได้ในยิม และมีประโยชน์หลายอย่างด้วยเช่นกัน สามารถติดต่อสอบถามเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อสุขภาพ ได้ที่ เจริญทอง มวยไทย ทั้ง 3 สาขา ( สาขาข้าวสาร, สาขารัชดา, สาขาศรีนครินทร์ )

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

รุก รับ ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )

ฝึกเคลื่อนเท้า สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai )

ฝึกเคลื่อนเท้า สไตล์ มวยไทย ( Muay Thai )

การฝึกกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นักมวย จำเป็นต้องมีการฝึกเคลื่อนเท้า ให้ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อใช้ในการรุกและรับไปยังคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องตัว ซึ่งรูปแบบการเคลื่อนเท้า สไตล์มวยไทย จะมีรูปแบบใดบ้าง มาติดตามกันครับ

 

เท้า ( Foot ) อวัยวะอย่างหนึ่งที่ใช้ในการออกอาวุธ สำหรับกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ในการ "เตะ" หรือ "ถีบ" ไปยังคู่ต่อสู้ และอีกบทบาทสำคัญของเท้า ก็คือ การเคลื่อนไหวร่างกาย ที่นักมวยต้องเคลื่อนเท้าเข้าหาหรือถอยหนีจากคู่ต่อสู่ โดยรูปแบบการเคลื่อนเท้าของ มวยไทย มีดังต่อไปนี้

 

การรุก / ถอยเท้า แบบธรรมดา

 

เป็นการใช้เท้าหลัง ช่วยส่งเท้าหน้า โดยให้เท้าหน้าเคลื่อนที่ไปก่อน แล้วก้าวเท้าหลังตามเท้าหน้า และใช้แรงส่งจากเท้าหลังในการก้าวรุกไปข้างหน้า โดยสามารถการรุกไปข้างหน้าสามารถใช้วิธีการสับเท้าหรือยกเท้าได้ ส่วนก็ถอยเท้าจะตรงข้ามกัน โดยให้ชักเท้าที่เป็นเท้าหลังออกไป อาศัยแรงส่งของเท้าหน้า วิธีการ คือ ให้ถอยเท้าหลังไปก่อนแล้วลากเท้าหน้าถอยตามไป การเคลื่อนไหวเท้าแบบธรรมดา จะมีการเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง นั่นเอง

 

การรุก / ถอยเท้า แบบสลับ

 

การเคลื่อนไหวแบบสลับ หากให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การสลับตำแหน่งในทิศทางที่ตรงข้ามจากการตั้งท่าเดิม โดยเท้าสลับตำแหน่งหน้าหลังกัน ส่วนมือสลับตำแหน่งล่างบน ระหว่างซ้ายกับขวา การรุกและถอยเท้าสลับ มีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • การรุกเท้าสลับ : จากการตั้งท่า ( มือและเท้าซ้ายอยู่ข้างหน้า ส่วนมือและเท้าขวาอยู่ด้านหลัง ) ให้ก้าวเท้าขวาโดยยกเข้าขึ้น แล้วก้าวเท้าขวาผ่านเท้าซ้ายไปข้างหน้า ส่วนมือขณะก้าวเท้าขวาให้แหวกมือขวาขึ้นไปอยู่ด้านหน้าบน และลดระดับมือซ้ายลง
  • การถอยเท้าสลับ : จากการตั้งท่า เมื่อเท้าซ้ายอยู่ด้านหลัง วิธีการให้ชักเท้าซ้ายมาอยู่เป็นเท้าหลัง และให้เท้าขวาอยู่ข้างหน้า มือม้วนกลับอย่างท่ารุก คือ มือซ้ายม้วนลงล่าง มือขวาแตะจมูก ขึ้นไปในลักษณะเสยผม

 

การรุก / ถอยเท้าเป็นมุมฉาก

 

เป็นการเคลื่อนไหวเท้า เป็นมุมฉาก โดยการเป็นมุมทิศทางการเคลื่อนที่ของนักมวยฝ่ายรับทำทิศกับแนวแรงของฝ่ายรุกที่เคลื่อนไหว โดยจะถูกเรียกว่า “การรุกฉาก” และ “การถอยฉาก”

  • การรุกฉาก : การก้าวออกไปทางซ้ายมือหรือขวามือโดยการสืบหรือฉากออกไป ส่วนตำแหน่งเท้าอาจเปลี่ยนตำแหน่งของเท้าหน้าเป็นเท้าหลัง หรือเท้าหลังเป็นเท้าหน้า
  • การถอยฉาก : เป็นการเคลื่อนเท้าแบบฉาก เพื่อเปลี่ยนทิศทางไม่ให้เป็นเป้าหมายของคู่ต่อสู้ในขณะรุก

 

การก้าวย่าง

 

เป็นการเดิน หรือสืบเท้า ใช้ในโอกาสทั้งรุก และถอย มีวิธีการ คือ ยกเข่าขึ้นสูง พร้อมยกแขนขึ้นเป็นแนว โดยยกเข้าขึ้นให้ติดกับศอกหรือเกือบติดศอก เข่าที่ยกนั้น อาจจะยกก่อนแล้วสืบเท้า เรียกว่า "การย่างไป" บางครั้งอาจจะสืบเท้าไปข้างหน้าก่อนค่อยเข่าขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับ การสอนของครู หรือความถนัดของ แต่ละคนด้วย

 

การย่างสามขุม

 

เป็นการเดินจุดสามจุด โดยการเปลี่ยน ตำแหน่งของเท้า จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เป็นการฝึกการเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งเท้า วิธีการ คือ ให้กำหนดจุดสามจุดที่ใช้ในการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า เช่น เท่าซ้ายอยู่หน้าให้เปลี่ยนไปอยู่ด้านหลัง โดยเป็นการเปลี่ยนเหลี่ยมของร่างกาย นั่นเอง

 

การย่างสุขเกษม

 

เป็นการเคลื่อนที่ของเท้า โดยการก้าวเท้า ออกไปด้านนอกตัว พร้อมกับการยกตัวใช้มือ ปัดลงมาข้างล่าง ในขณะที่อีกมือหนึ่ง ยกขึ้นในระดับใบหน้า เพื่อป้องกันอาวุธ ส่วนมือที่ปัดลง มาใช้ปัดป้องกัน ในกรณีที่คู่ต่อสู้ถีบมาหาเรา ในการทำการย่างสุขเกษม จะต้องบิดสะโพกตามไปด้วย พร้อมกับ ปัดมือล่างให้ผ่านลำตัว ส่วนเท้าเคลื่อนที่ก้าวไป พร้อมกับการปัดมือผ่านลำตัว

 

นักมวยหรือผู้ที่ฝึกมวยไทย ควรฝึกการเคลื่อนที่ของเท้าในรูปแบบต่าง ๆ ให้มีความหลากหลาย จะทำให้ นักมวยผู้นั้น มีข้อได้เปรียบในการเคลื่อนไหวเท้า เพื่อใช้ในการรุก และรับคู่ต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว และว่องไวได้

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

รุก รับ ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่านอกจาก เล่นโยคะ เล่นยิมนาสติก แล้วยังมี มวยไทย ( Muay thai ) ที่สามารถ สร้างสมดุลให้ร่างกาย และ เสริมสร้างการทรงตัว ได้เช่นกัน มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่า นักมวยนั้นมี เทคนิค อย่างไร

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) นั้น เป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยม อยากมากมาย และ เป็นที่นิยมของเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน เป็นอย่างดี ในการทำกิจกรรม ออกกำลังกาย เพราะการฝึก มวยไทย ( Muay thai ) เป็นการ ที่เราต้องใช้ อวัยวะของร่างกาย แทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ศีรษะ ไปจนถึง เท้า ไม่ใช่แค่อวัยวะเพียงอย่างเดียว เราต้องมีร่างกาย ที่แข็งแรงอีกด้วย

 

มวยไทย ( Muay thai ) ต้องใช้ทั้ง ความเร็ว ความอดทน ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ เพราะกีฬา มวยไทย ( Muay thai ) คือ การที่เราต้องออกไปต่อสู้ กับคู่ต่อสู้ ซึ่งสามารถทำให้เรา ได้รับบาดเจ็บ ได้นั้นเอง แต่ถ้าเรายิ่งฝึกซ้อมร่างกาย มาเป็นอย่างดี แน่นอนว่าร่างกายของเรา จะมีความทนทาน แข็งแรง และ ยังไปช่วย สร้างสมดุลร่างกาย ได้ดี และ มีประสิทธ์ภาพอย่างมาก เราไปดูดีกว่า กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) นั้น จะสามารถสร้างสมดุล ให้กับร่างกาย ของเราได้อย่างไร

 

 

สร้างสมดุลให้ ร่างกาย ด้วย มวยไทย ( Muay thai )

การฝึก หรือ การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้น เป็นที่รู้กันดีว่า มวยไทย ( Muay thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้ ความอดทนของร่างกาย แทบจะทุกส่วนเลย ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว สมาธิ ความว่องไว และ ปัญญา การที่เราฝึก หรือ ซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ทุกวันนั้น ไม่ใช้แค่จะทำให้ร่างกายของเรา แข็งแรง ยังไปทำให้ร่างกายของเรา มีความสมดุลอีกด้วย อีกทั้ง มวยไทย ( Muay thai ) ยังไปช่วยสร้าง กล้ามเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี รับลองได้เลย ใครที่กำลังฝึก มวยไทย ( Muay thai ) อยู่นั้นคุณจะได้ ทั้งความว่องไว สมาธิ ไหวพริบ เพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดความเครียด

ในแต่ละวันนั้น แน่นอนว่าเราต้องพบ ต้องเจอกับ อะไรหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาหาเรา ในแต่ละวัน ความเครียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด จากการทำงาน ความเครียด จากเรื่องเรียน เรื่องแฟน เรื่องเพื่อน หรือ เรื่องครอบครัว เรามักจะมีความเครียดสะสม อยู่ในตัวกันทั้งนั้น ถ้าเราอยากระบายความเครียด แถมยังได้ประโยชน์ ให้แก่ร่างกายของเรา เราขอแนะนำลองไปซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูสิ เผื่อช่วยให้คุณ หายเครียดได้นะ

 

เพราะการฝึก หรือ การซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) นั้นเป็นการ ออกกำลังกาย ที่ได้ทั้ง ความสนุก ได้ใส่อารมณ์ได้เต็มที่ ยิ่งเราได้ ปล่อยหมัด หรือ ปล่อยลูกเตะ ใส่กระสอบทราย แล้วละก็อาจทำให้ เราได้ระบายอารม ได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้ายิ่งเรา ออกกำลังกาย มากเท่าไหร่ ร่างกายของเราก็ จะหลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) ที่ทำให้เรามีความสุข ได้นั้นเอง ดังนั้นการชก มวยไทย ( Muay thai ) จะทำให้ ร่างกาย หลั่ง ฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) นี้ออกมา ได้อย่างเต็มทีอีกด้วย

 

 

มวยไทย ( Muay thai ) ช่วยลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการ ออกกำลังกาย ในการซ้อม หรือ การฝึก มวยไทย ( Muay thai ) นั้น จะสามารถช่วยให้เรา เผาผลาญแคลอรี่ ในร่างกายของเรา ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังมองหาวิธี ลดความอ้วนอยู่ เราขอแนะนำลองมาฝึก มาซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) ดูสิ เราจะได้ทั้ง หุ่นที่ดี กล้ามเนื้อที่แข็งแรง และ รับลองได้เลย ว่า จะช่วยคุณลดความอ้วน ได้เป็นอย่างดี แน่นอน

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยกรง บนสังเวัยน 8 เหลี่ยม

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

รุก รับ ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )

รุก รับ ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) มีทั้งแบบ รุก และแบบ รับ ตามแบบฉบับเป็นการเลือกใช้ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) และกลวิธีต่าง ๆ มาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

     “ ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ” ที่ใช้ในการชก มวยไทย ( Muay Thai )  ได้แก่ หมัด เท้า เข่า และศอก ซึ่ง การใช้หมัดชกคู่ต่อสู้ เรียกว่า “ ไม้หมัด ” การใช้เท้าเตะคู่ต่อสู้เรียกว่า “ ไม้เตะ ” การใช้เท้าถีบเรียกว่า “ ไม้ถีบ ” การใช้เข่าเรียกว่า “ ไม้เข่า ” การใช้ศอกเรียกว่า “ ไม้ศอก ” และยังมีการแบ่งตามลักษณะความสั้น-ยาวของการใช้ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ไม้สั้น และ ไม้ยาว อีกด้วย

 

ศิลปะการ รุก

     ไม้ รุก คือ การใช้ไม้มวยต่าง ๆ มาประกอบกัน เพื่อการโจมตีคู่ต่อสู้ มีทั้งการหลอกล่อ และเข้าสู้กันจริง โดยทั่วไปไม้นำของไม้ รุก จะเป็นไม้ยาว มีความรวดเร็ว รัดกุม มีหลักมั่นคง และสามารถใช้ไม้อื่นต่อไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้ไม้จังหวะแรกว่าได้ผลดีหรือไม่ จึงนิยมใช้ไม้มวยแบบสลับบนล่าง หรือ ซ้ายสลับขวา เพื่อให้คู่ต่อสู้พะวง ถ้าใช้ไม้รุกเฉพาะส่วน หรือ ส่วนล่างอย่างเดียว จะง่ายต่อการป้องกันแก้ไข

     โดยทั่วไปไม้ รุก มีตั้งแต่ 1 จังหวะจนไม่จำกัดจำนวน แต่ที่นิยมใช้และได้ผลดี รวมทั้งฝึกหัดได้ง่าย คือ ไม้รุก 1 จังหวะ, 2 จังหวะ และ 3 จังหวะ

- ไม้รุก 1 จังหวะ : การรุกเข้าไปแล้วใช้ไม้มวยเพียงอย่างเดียว เช่น การชกหมัดตรงขวา เตะขวา โยนเข่าขวาหรือด้านที่ถนัดที่สุด

- ไม้รุก 2 จังหวะ : การรุกเข้าไปแล้วใช้ไม้มวย 2 จังหวะ โดยจังหวะที่ 1 เป็นไม้หลอก เพื่อให้คู่ต่อสู้เสียหลัก แล้วตามด้วยใช้ไม้จริงในจังหวะที่ 2 แต่ต้องตามกันไปอย่างรวดเร็ว

- ไม้รุก 3 จังหวะ : การรุกเข้าไปแล้วใช้ไม้มวยจังหวะที่ 1,2 และ 3 ติดต่อกัน เช่น ต่อยหมัดนำ หมัดตรง แล้วเตะตาม หากฝึกจนเกิดความชำนาญจะสามารถใช้ไม้สั้น เช่น ศอก เข่า หมัดตวัด หมัดงัด เป็นไม้นำได้เช่นกัน

 

ศิลปะการ รับ

      ไม้ รับ คือ การนำเอาไม้มวยต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขการจู่โจมของฝ่ายรุก ไม้มวยชนิดหนึ่งอาจแก้การจู่โจมของไม้มวยชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดได้ หรือแก้ทีละไม้ เช่น แก้การต่อย แก้การเตะ แก้การถีบ แก้การศอก แต่ในการชกมวยจริง ๆ ไม่ได้ชก หรือเตะเพียงจังหวะเดียว แต่จะรุกเป็นชุด จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขการจู่โจม เช่น การถอยออกให้พ้นระยะ เพื่อไม่ให้ถูกอาวุธของคู่ต่อสู้ การหลบหลีก การปัดป้อง และการตอบโต้ ซึ่งมีทั้งการชิงลงมือก่อน การถอยแล้วตอบโต้ การหลบหลีกแล้วตอบโต้

1. การหลอกล่อ คือ การเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้คู่ต่อสู้เข้าใจผิด หรือเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้จับทางได้ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวอวัยวะต่าง ๆ โดยไม่เคลื่อนที่ไปจากที่เดิม แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ

- หลอกด้วยสายตา : มองสูงแต่ใช้ไม้มวยไปสู่เป้าหมายที่ต่ำ หรือ มองต่ำแต่ใช้ไม้มวยไปสู่เป้าหมายที่สูง

- หลอกด้วยศีรษะ : การเคลื่อนไหวศีรษะไปมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อให้คู่ต่อสู้หลงทาง

- หลอกล่อด้วยการเคลื่อนไหวลำตัว : การอาศัยความอ่อนตัว เช่น การโยกเอวหรือโยกลำตัวไปทางซ้ายและขวา

2. การถอยให้พ้นระยะ คือ การถอยให้ห่างจากคู่ต่อสู้ อาจกระโดดเคลื่อนเท้าถอยหลัง หรือก้าวถอยหลัง แต่ต้องให้พ้นระยะไม้มวยของคู่ต่อสู้ ในการถอยเมื่อพ้นระยะแล้ว จะต้องอยู่ในท่าที่พร้อมจะตอบโต้คู่ต่อสู้ทันที

3. การโยกตัวหรือการเอนตัวให้พ้นระยะ คือ การโยกตัวหรือเอนตัวออกให้พ้นระยะคู่ต่อสู้

4. การหลบหลีก คือ การเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อหลบหลีกไม้มวยของคู่ต่อสู้ที่จู่โจมมา อาจใช้วิธีก้มตัวหลบด้านซ้าย และขวา

5. การปัดให้เบี่ยงเบนออกไป คือ การใช้มือหรือแขนปัดไม้มวยไปยังเป้าหมายอื่น

6. การปัดป้อง คือ การใช้ส่วนต่าง ๆ ที่แข็งแรงของร่างกายปัดป้องอวัยวะที่เป็นจุดอ่อนของร่างกาย เช่น การใช้เข่าปัดป้องท้อง รวมถึงบริเวณลำตัว การใช้ศอกและเข่าบริเวณหน้าอก

7. การบังเกาะจับ คือ การบังไม่ให้ไม้มวยคู่ต่อสู้ปะทะกับตัวเรา การบังนั้นจะต้องอาศัยการผ่อนแรงถูกจังหวะ และเหมาะสมจึงจะได้ผลดี เมื่อบังเกาะจับได้แล้ว ก็สามารถใช้ไม้มวยตอบโต้ได้ทันที

8. การทำให้ล้ม ใน มวยไทย ( Muay Thai ) มีหลายแบบ แต่ที่ถูกต้องตามกติกาคือ ใช้วิธีการบังเกาะจับแล้วผลักให้ล้ม หรือการกอดรัดแล้วเหวี่ยงให้ล้ม

     และนี่คือ ศิลปะการรุก ( ไม้รุก ) และศิลปะการรับ (ไม้รับ) ที่น่าสนใจของ มวยไทย ( Muay Thai ) เหมือนจะเป็นเรื่องง่ายแต่จริง ๆ แล้วต้องอาศัยความชำนาญจากการหมั่นฝึกซ้อม เพื่อให้เลือกใช้ไม้ มวยไทย ( Muay Thai )  และกลวิธีต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ฝึกอย่างไรให้ถูกต้อง

เหตุผลที่ต้องมีเทรนเนอร์เมื่อเรียน มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) ฝึกอย่างไรให้ถูกต้อง

มวยไทย ( Muay Thai ) ฝึกอย่างไรให้ถูกต้อง

การเริ่มฝึกวิชา มวยไทย ( Muay Thai ) ควรมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเสียก่อน เพื่อให้ใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ได้อย่างถูกวิธี ซึ่งหลักการสำคัญในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) มีดังนี้

 

1. การตั้งท่าจดมวย

     การตั้งท่าจดมวย คือ การวางเข่า การวางมือ ให้ถูกต้องตามหลักการฝึก โดยการจดมวยจะต้องทราบเหลี่ยมมวย หรือ การแสดงการใช้มือ และเท้าที่ถนัดออกมาให้เห็น นั่นเอง มี 2 เหลี่ยม ได้แก่ เหลี่ยมซ้าย และเหลี่ยมขวา

 

2. การวางตำแหน่งอวัยวะ

     การวางตำแหน่งของอวัยวะที่ได้จดมวย คือ การกำหมัด วางเท้า มือ และลำตัว ซึ่งการกำหมัดที่ถูกต้อง คือ แบมือ ให้นิ้วมือทั้ง 4 เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง 4 นิ้วเข้าหาอุ้งมือ แล้วกดทับด้วยนิ้วหัวแม่มือ ลงทาบ ในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้ และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กำกระชับแน่น โดยไม่เกร็ง

 

3. การใช้หมัดใน มวยไทย ( Muay Thai )

     การใช้หมัดใน มวยไทย ( Muay Thai ) มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เริ่มจาก “หมัดตรง” คือ การใช้หมัดที่ถนัดมุ่งไปยังเป้าหมาย อาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว เอว และเท้ายันพื้น ให้ทุกส่วนประสานกัน

     หมัดต่อมา “หมัดตัด” คือ การใช้หมัดเหวี่ยงในลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม โดยเล็งไปที่บริเวณลำตัว ใบหน้า  หรือศีรษะของคู่ต่อสู้ มีทั้งหมัดเหวี่ยงสั้น หรือการเหวี่ยงวงแคบ และหมัดเหวี่ยงยาว หรือการเหวี่ยงวงกว้าง

     หมัดถัดมา “หมัดตวัด” คือ การใช้สันหมัดกดลงบริเวณอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขนออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ และหมัดสุดท้าย “หมัดเสย” คือ การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอศอก เกร็งข้อศอก หงายหมัด แล้วยกขึ้นสู่เป้าหมาย เช่น ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้

 

4. การใช้เท้าใน มวยไทย ( Muay Thai )

     การใช้เท้า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออกเป็น 2 ไม้ คือ การเตะ และการถีบ ซึ่ง การเตะ คือ การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า แต่การแตะของ มวยไทย ( Muay Thai ) นิยมใช้หน้าแข้งเตะ เพราะเป็นส่วนที่แข็งเปรียบเสมือนการหวดด้วยไม้ การเตะแบกแยกย่อยได้อีกเป็น เตะตรง เตะตัด เตะตวัด หรือเตะเฉียง  และกลับหลังเตะ ส่วนการถีบ คือ การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือ ส้นเท้า ปะทะคู่ต่อสู้ แบ่งย่อยได้เป็น ถีบตรง ถีบข้าง กลับหลังถีบ กระโดดถีบ  ถีบจิก

 

5. การใช้เข่าใน มวยไทย ( Muay Thai )

     การใช้เข่าใน มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การใช้อวัยวะส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับกระดูกขาส่วนล่าง แล้วงอพับขา กระทุ้งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้ โดยการใช้เข่าของใน มวยไทย ( Muay Thai ) นิยมพับปลายเท้าลงให้เกือบขนานกับลำแข้ง เพื่อความเร็ว และความคล่องตัว มีทั้งเข่าตรง เข่าเฉียง เข่าโค้ง เข่าโยน เข่าลอย

 

6. การใช้ศอกใน มวยไทย ( Muay Thai )

     มาถึงอาวุธสุดท้าย การใช้ศอกใน มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนึ่งในการใช้อาวุธที่รุนแรงที่สุด และมีการห้ามให้ใช้ในรายการมวยบางแห่ง การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลักษณะ ดังนี้

- ศอกตี หรือ ศอกสับ ใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า

- ศอกตัด คือ การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย

- ศอกงัด คือ การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก

- ศอกกระทุ้ง คือ การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามาด้านหลัง

- ศอกกลับ คือ การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนตามเท้า

- ศอกคู่ คือ การตีศอกด้วยแขนสองข้าง

 

     ศิลปะการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ของ มวยไทย ( Muay Thai ) หากอยากชำนาญต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และถูกท่าถูกวิธี เพื่อให้คู่ต่อสู้จับทางได้ยาก หากใครสนใจอยากเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เจริญทองมวยไทยยิม ( jaroenthongmuaythai Gym ) ยินดีต้อนรับ เรามีสาขาให้บริการถึง 3 สาขา ไม่ว่าจะเป็นสาขาข้าวสาว ศรีนครินทร์ และรัชดา ใครสะดวก หรืออยู่ใกล้สาขาไหนก็จัดเลย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

เหตุผลที่ต้องมีเทรนเนอร์เมื่อเรียน มวยไทย ( Muay Thai )

เหตุผลที่ต้องมีเทรนเนอร์เมื่อเรียน มวยไทย ( Muay Thai )

สำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) อาจมีข้อสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีเทรนเนอร์ เพราะเมื่อมีเทรนเนอร์เข้ามา ค่าใช้จ่ายก็จะแพงขึ้น เราจึงรวมเหตุผลที่คุณสงสัยมาให้ ดังนี้

 

เทรนเนอร์ส่วนตัว คืออะไร ?

     Personal Trainer ( PT ) หรือ "เทรนเนอร์ส่วนตัว" คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย บางคนก็อาจจบวิทยาศาสตร์การกีฬามาโดยตรง หรือจบหลักสูตรอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การออกกำลังกาย และโภชนาการโดยเฉพาะ พวกเขาเหล่านี้มาเป็นผู้ที่ช่วยดูแลเรื่องการออกกำลังกายของลูกค้า รวมถึงให้คำแนะนำด้านโภชนาการ เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางด้านการออกกำลังกายที่วางเอาไว้ในเวลาที่กำหนด

 

1. สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรก คือ ความปลอดภัย

     ก็จริง ที่ยุคนี้ใครก็เข้า internet หาตัวอย่างการออกกำลัง ง่ายแสนง่าย แต่พูดตรง ๆ เลยว่า ข้อมูลจากการ search ส่วนใหญ่จะปรับใช้ได้ดีกับการออกกำลังกายพื้นฐาน เพราะทำตามง่าย แต่การต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งมีศิลปะที่มีความซับซ้อน การเริ่มต้นเองอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น การต่อย หรือเตะกระสอบทรายมั่ว ๆ มีโอกาสมากที่จะทำให้เกิดอาการข้อมือซ้น หรือบาดเจ็บ

 

2. สิ่งกระตุ้น

     วินัยในการออกกำลังกายของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนตื่นตี 4 มาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน แต่หลายคนยังต้องมีเพื่อน หรือคนบังคับเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

     การออกกำลังกายในยิม หรือการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ในค่ายมวย เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการตัวกระตุ้นในการออกกำลังกาย เช่น เทรนเนอร์ ค่าใช้จ่ายที่เสียไปแล้ว แต่ก็มีสิ่งที่ดี คือ สังคม และเพื่อน ๆ ที่มักช่วยเพิ่มความสนุกในการออกกำลังกาย

 

3. สร้างวินัย

     การสร้างตารางเวลา เพื่อการออกกำลังกายที่บ้านนั้น เสียหายมานักต่อนักแล้ว ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายเป็นกลุ่ม หรือเป็นคลาสผู้ออกกำลังกายเองต้องปรับเวลาให้เข้ากับคลาสเรียน หรือเวลาที่กำหนด

     สำหรับปัจจัยนี้จะเห็นได้ชัดว่าการออกกำลังกายที่ยิมนั้น สามารถสร้างวินัย และเป็นตัวกระตุ้นในการออกกำลังกายได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะยิ่งการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องการพาร์ทเนอร์ สาว ๆ หนุ่ม ๆ ยิ่งมีโอกาสได้รู้จักกัน

 

4. บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

     เชื่อว่าการที่สาว ๆ หลายคนออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะมีเป้าหมายบางอย่าง บางคนอยากขาเล็ก บางคนอยากลดน้ำหนัก หรือบางคนอาจจะอยากเพิ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งเหล่าเทรนเนอร์ก็มีหน้าที่วางแผนโปรแกรมการออกกำลังกายให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ รวมถึงคอยจดบันทึกการออกกำลังในแต่ละครั้งเพื่อเช็กความก้าวหน้า

 

ประโยชน์จากการต่อย มวยไทย ( Muay Thai )

1. หุ่นดูลีนสุด ๆ ( ทำให้มวลไขมันต่ำ )

     เพราะการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น เป็นกีฬาที่อาจสลายไขมัน หรือเบิร์นไขมันได้มากถึง 1,000 แคลอรี่ต่อการต่อย 1 คลาส ( สำหรับการต่อยที่ถูกวิธี และครบโปรแกรม ) รวมถึงสถานที่ และคลาสแต่ละครั้ง จะมีรูปแบบการสอนที่ต่างกัน ไม่จำเจ ผู้ที่มาต่อยมวยในยิมจะมีความรู้สึกได้ลองสิ่งแปลกใหม่ตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการวิ่ง หรือกีฬาอื่น ๆ

2. เสริมสร้างกระดูก / ลดไขมันได้ดี

     คนสมัยนี้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ และก้มเล่นโทรศัพท์มาก เหมือนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีแนวโน้มนำไปสู่โรคอ้วน ในที่นี้ไม่ได้พูดในมุมของหุ่นที่ไม่ดี หรือมวลไขมันเยอะ แต่สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ หรือไขมันอุตันในหลอดเลือด

 

     มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การใช้ร่างกายทุกส่วน ตั้งแต่ มือ แขน หัวไหล่ ขา ลำตัว ก้น ซึ่งเป็นข้อดีต่อการฝึกร่างกายให้แข็งแรงทั่วถึง ทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมมวลกระดูก ข้อต่อ ซึ่งการสูบฉีดเลือดที่มีพลังจากการใช้แรงแบบนี้สามารถสลายไขมันในเส้นเลือดได้ด้วยนะ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณพึ่งเริ่มเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) คุณควรจะมีเทรนเนอร์ไว้สำหรับคอยแนะนำท่าที่ถูกต้องในการซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บจากการฝึกได้

     ชกมวย แบบ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้แคลอรี่เยอะ เรารับประกันได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่มีการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายเกือบทุกชนิด แม้กระทั่ง โยคะ, พิลาทิส สิ่งที่แตกต่างอย่างสำคัญอีกข้อคือ การที่ออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะได้ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อม ๆ กัน การเตะหนึ่งครั้งจะได้ทั้งกล้ามเนื้อไหล่ กล้ามท้องด้านข้าง ไปจนถึง กล้ามเนื้อขา เรียกว่าได้ทั้งตัว ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมในการ ลดน้ำหนัก ได้ถึง 2,000 แคลอรี่ เลยทีเดียว

     กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จึงนับว่าเป็นกีฬาที่สามารถช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ทุก สัดส่วน หากคุณกำลังต้องการการออกกำลังกายที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยคุณได้

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย ต้องมี กรรมการ

การเคลื่อนไหว แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ต้องมี กรรมการ

มวยไทย ต้องมี กรรมการ

นอกจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วย กลยุทธ์วิถีเทคนิคต่าง ๆ ของศิลปะการต่อสู้บนเวทีของ มวยไทย อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดตัดสิน และชี้ขาดแพ้-ชนะ บนเวทีได้ก็คือ หน้าที่ของตำแหน่ง กรรมการ แล้วกรรมการสำคัญอย่างไรมาดูกันค่ะ

 

     กรรมการ บนเวที มวยไทย นับว่าเป็นตำแหน่งที่สาม ที่มักจะประกบคู่นักมวยทั้งสอง คอยตรวจเช็ค ความถูกต้อง และกฎกติกาการชกบนเวที และ กรรมการ ที่นั่งชมอยู่ด้านล่างข้างเวที เป็นผู้ชี้ขาด และเป็นผู้ตัดสินบนเวที ที่นักมวยทุกคน ต้องมีความเกรงใจ และให้เกียรติในการต้องทำตามกฎ วันนี้เราจะมาให้ความรู้ถึงความสำคัญของกรรมการ บนเวที มวยไทย ว่าเราต้องมีเขาไว้เพื่ออะไร

 

     ผู้ชี้ขาด คือ ผู้ที่มีความรับผิดชอบอันดับแรก การระมัดระวัง การดูแลเอาใจใส่ผู้แข่งขันไม่ให้เกิดบาดเจ็บ หรือบอบช้ำเกินควร หน้าที่ของผู้ชี้ขาด ผู้ชี้ขาดต้องปฏิบัติหน้าที่ในสังเวียน ต้องแต่งกายด้วยกางเกงขายาวสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกหูกระต่ายสีกรมท่า รองเท้าหุ้มส้น หรือหุ้มข้อชนิดเบา ไม่มีสน สีดำ สวมถุงมือแพทย์ การเตือน ผู้ชี้ขาดอาจเตือนผู้แข่งขันได้ การเตือนเป็นการแนะนำให้ผู้แข่งขันระมัดระวัง หรือป้องกันไม่ให้กระทำสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่เป็นการละเมิดกติกาที่รุนแรงนัก ในการนี้ไม่จำเป็นต้องหยุดการแข่งขันแต่หาโอกาสที่เหมาะสมเตือนผู้แข่งขันที่ทำผิดกติกาในระหว่างการแข่งขันนั้นได้ การตำหนิโทษ ถ้าผู้แข่งขันละเมิดกติกา แต่ความผิดนั้นไม่ถึงขั้นให้ออกจากการแข่งขันผู้ชี้ขาดต้องหยุดการแข่งขัน และสั่งตัดคะแนนแก่ผู้ละเมิดกติกานั้น ในการสั่งตัดคะแนนผู้ชี้ขาดต้องกระทำอย่างชัดแจ้งเพื่อให้ผู้แข่งขันเข้าใจเหตุผล และความมุ่งหมายของการสั่งตัดคะแนนนั้น ผู้ชี้ขาดจะต้องให้สัญญาณมือแก่ผู้ตัดสินทุกคนว้าได้มีการตัดคะแนนและชี้ตัวผู้แข่งขันที่สั่งตัดคะแนน ถ้าผู้แข่งขันถูกสั่งตัดคะแนน 3 ครั้งในคู่นั้น เขาจะถูกให้ออกจากการแข่งขัน หลังจากสั่งตัดคะแนนแล้วผู้ชี้ขาดต้องสั่ง “ ชก” การตรวจร่างกาย ของผู้ชี้ขาด ก่อนปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันระดับนานาชาติภายใต้กติกานี้ ผู้ชี้ขาดต้องได้รับการตรวจร่างกายว่าเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พอที่จะปฏิบัติหน้าที่ในสังเวียนในขณะปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันห้ามผู้ชี้ขาดสวมแว่นตา แต่อนุญาตให้ใช้เลนส์ผลึกได้ และก่อนการแข่งขันทุกครั้งผู้ชี้ขาดต้องเข้าร่วมประชุมที่คณะกรรมการฝ่ายแพทย์จัดขึ้น

 

          คุณสมบัติของคนเป็น กรรมการ มวยไทย

     คุณสมบัติของ กรรมการ ผู้ชี้ขาด ( อยู่บนเวที ) และผู้ตัดสิน ( อยู่ข้างล่าง ) จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปี เว้นแต่คณะกรรมการผู้ตัดสิน จะพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน ต่อไปในระยะเวลาที่เห็นสมควร จะต้องมีหนังสือรับรองจากแพทย์ว่า เป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน และจะต้องผ่านการอบรม, การทดสอบ, การขึ้นทะเบียนผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน มวยไทย และได้รับตราพร้อมประกาศนียบัตร ของสภา มวยไทย โลกอีกด้วย

     จำนวนกรรมการผู้ชี้ขาด / ผู้ตัดสิน จะต้องมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คน และกรรมการผู้ตัดสิน 3 คน ทั้งนี้ยังต้องมีประธานผู้ตัดสิน เป็นผู้ควบคุมการแข่งขันอีกด้วย

     กรรมการ ผู้ชี้ขาด จะต้องรักษากติกา และให้ความเป็นธรรมอย่างเคร่งครัด จะต้องไม่แสดงกริยาวาจาที่ไม่สุภาพต่อนักมวย และผู้ชม จะต้องควบคุมการแข่งขันทุกระยะโดยตลอด จะต้องป้องกันนักมวยที่อ่อนแอกว่า ไม่ให้ได้รับความบอบช้ำ จนเกินควร และโดยไม่จำเป็น จะต้องตรวจนวม ตรวจเครื่องแต่งกาย และฟันยางของนักมวยก่อนการแข่งขัน ในยกแรกจะต้องให้นักมวยทั้งคู่จับมือ กันกลางเวที และเตือนกติกาที่สำคัญ การจับมือจะกระทำกันอีกครั้งหนึ่งก่อนเริ่มการแข่งขันในยกสุดท้าย ห้ามนักมวยทั้งสอง จับมือกันระหว่างการแข่งขัน

     ผู้ชี้ขาด จะต้องใช้คำสั่ง 3 คำ คือ "หยุด" เมื่อ สั่งให้นักมวยหยุดชก "แยก" เมื่อสั่งให้นักมวยแยกออกจากการกอดรัด และ "ชก" เมื่อสั่งให้นักมวยชกต่อไป ในกรณีที่ผู้ชี้ขาดสั่งแยก นักมวยทั้งสองจะต้องถอยหลังออกมาก่อน อย่างน้อยคนละ 1 ก้าว แล้วจึงจะชกต่อไป

     ผู้ชี้ขาด จะต้องแสดงสัญญาณที่ถูกต้องให้นักมวยที่ละเมิดกติกาทราบ ถึงความผิดของตน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน จะต้องรวบรวมบัตรให้คะแนนของผู้ตัดสินทั้ง 3 คนข้างล่างเวที จากนั้น ชี้มุมผู้ชนะตามเสียงคะแนนข้างมาก แล้วชูมือนักมวยผู้ชนะขึ้น นำบัตรคะแนนของผู้ตัดสินทั้ง 3 คน ให้ประธานผู้ตัดสินตรวจสอบ

 

          หน้าที่ของผู้ตัดสิน มวยไทย

     หน้าที่ของผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินแต่ละคน จะต้องตัดสินการชกของนักมวยโดยอิสระ และจะต้องตัดสินไปตามกติกา ผู้ตัดสินแต่ละคน จะต้องอยู่คนละด้านของเวที และห่างจากผู้ชม ในระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินอยู่ ผู้ตัดสินจะต้องไม่พูดกับนักมวย หรือกับผู้ตัดสินด้วยกัน หรือกับบุคคลอื่น ยกเว้นกับกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที ถ้ามีความจำเป็นจะต้องพูดกับกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที ให้ใช้เวลาหยุดพักระหว่างยก แจ้งให้ผู้ชี้ขาดทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เช่น พี่เลี้ยงปฏิบัติผิดมารยาท หรือเชือกหย่อน ซึ่งผู้ชี้ขาด อาจจะไม่สังเกตเห็นในขณะนั้น

     ผู้ตัดสิน จะต้องให้คะแนนแก่นักมวยทั้งสอง ในบัตรบันทึกคะแนน ทันทีที่สิ้นสุดการแข่งขันของแต่ละยก ผู้ตัดสินจะต้องไม่ลุกออกจากที่นั่งให้คะแนน จนกว่าผู้ชี้ขาดจะชูมือตัดสินผลการแข่งขันแล้ว และการแต่งกายของผู้ตัดสิน จะต้องแต่งกายตามที่สภา มวยไทย โลกกำหนด

     จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของกรรมการ คือ ผู้ตรวจสอบ และดูความเรียบร้อยตลอดการชกให้เป็นไปตามกฎกติกาที่ต้องถูกต้องที่สุด

 

          อำนาจของผู้ชี้ขาด

1. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าฝ่ายหนึ่งมีฝีมือเหนือกว่าอีฝ่ายหนึ่งมาก

2. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าผู้แข่งขันบาดเจ็บจนไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้

3. ยุติการแข่งขัน เมื่อเห็นว่าผู้แข่งขันไม่แข่งขันจริงจัง ในกรณีนี้อาจให้ผู้แข่งขันคนหนึ่ง หรือทั้งสองคนออกจากการแข่งขันได้

4. การเตือนผู้แข่งขันหรือหยุดการแข่งขัน เพื่อสั่งตัดคะแนนผู้แข่งขันที่กระทำกฟาวล์ หรือด้วยเหตุอื่น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หรือเพื่อความแน่นอนในการปฏิบัติตามกติกา

5. ให้ผู้แข่งขันที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยฉับพลัน หรือก้าวร้าวผู้ชี้ขาดหรือไม่ร่ายรำไหว้ครูตามประเพณีก่อนการแข่งขันออกจากการแข่งขัน

6. ให้พี่เลี้ยงที่ละเมิดกติกาออกจากหน้าที่ และให้ผู้แข่งขันออกจากการแข่งขันถ้าพี่เลี้ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ชี้ขาด

7. ให้ผู้แข่งขันที่กระทำฟาวล์ออกจากการแข่งขันโดยเตือนตำหนิโทษหรือยังไม่ได้เตือนตำหนิโทษผู้แข่งขันนั้นมาก่อนก็ตาม ถ้ากระทำผิดอย่างรุนแรง

8. หยุดนับในการล้ม ถ้าผู้แข่งขันเจตนาไม่ไปหรือทำชักช้าที่จะไปมุมกลาง

9. ตีความกติกาเท่าที่บัญญัตินี้ หรือพิจารณาตัดสิน และปฏิบัติตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

 

          จรรยาบรรณของผู้ชี้ขาด และผู้ตัดสิน

จะต้องไม่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต

จะต้องไม่ให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียในการตัดสิน

จะต้องไม่ประพฤติผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง

จะต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนการแข่งขัน 24 ชั่วโมง

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

การเคลื่อนไหว แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

น้ำมัน มวย สำคัญมากขนาดไหนกับ นักมวย กันนะ

การเคลื่อนไหว แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

การเคลื่อนไหว แบบ มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะ การต่อสู้ป้องกันตัว ที่มีเอกลักษณ์ ของไทย ซึ่ง การเคลื่อนที่ หรือ เคลื่อนไหว นั้นก็ล้วนเป็นพื้นฐาน ของการใช้แม่ไม้มวยไทย ทั้งการรุก และ การรับ คู่ต่อสู้ บนสังเวียน หากใครอยากฝึก การเคลื่อนไหว ต้องมาอ่านกันค่ะ

 

 มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นนอกจากศิลปะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เราได้พูดถึงกันไปในหลาย ๆ บทความแล้ว ยังมีในเรื่องของ การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ที่เป็นพื้นฐาน ของการใช้แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งการรุก และ การรับ โดยการเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) มีดังนี้

 

 1. การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการรุก และ ถอย แบบเป็นเส้นตรง

การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว การรุก หรือ ถอย แบบเดินหน้า หรือ ถอยหลัง โดยการลากเท้า ของ มวยไทย ( Muay Thai ) คือ ถ้ารุกไปข้างหน้า จะเดินหน้า และ ให้เท้าหลังลากตาม เป็นจังหวะ โดยอาจยกเท้า หรือ ไม่ยกก็ได้ ในขณะที่เวลาถอย จะใช้แรงส่งจากเท้าหน้า ให้เท้าหลังก้าวออกไป แล้วเท้าหน้าก้าวตามเป็นจังหวะ โดยอาจยกเท้า หรือ ไม่ยกก็ได้

 

 2. การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการรุก และ ถอยฉาก

การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการรุกเป็นมุมฉาก ของ มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การเพิ่มจาก การรุกธรรมดา โดยใช้เท้าที่ไม่ถนัดตั้งนำ เท้าที่ถนัดส่งตาม ต่อจากนั้นใช้เท้า ที่ไม่ถนัด ลากออกไปด้านข้าง ส่งเท้าที่ถนัดตามไป อยู่ด้านหน้าเท้าที่ไม่ถนัด

 

 3. การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการเคลื่อนที่เป็นวงกลม

การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ในการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ของ มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การเคลื่อนที่โดยใช้การรุก และ การถอย แบบการเคลื่อนที่ ของแบบเท้าธรรมดา ในลักษณะเท้านำเท้าตาม ที่เคลื่อนที่ไปด้านหน้า ด้านหลัง ไปทางซ้าย หรือ ไปทางขวา ซึ่ง การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว เป็นวงกลม ให้เคลื่อนที่ตามคู่ต่อสู้ ไปเป็นวงกลม ถ้าจะรุก หรือ ถอยให้ใช้แบบการรุก และ ถอยแบบธรรมดา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโอกาส ของการเคลื่อนที่ด้วย

 

 4. การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว แบบ การก้าวย่าง

- การก้าวย่าง ของ มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การเดิน หรือ ลากเท้า ใช้ในโอกาสทั้งรุก และ ถอย ลักษณะการก้าวย่างใน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น คือ การยกเข่าขึ้นสูง พร้อมทั้งยกแขนขึ้นเป็นแนว การยกเข่าขึ้นให้ติดกับศอก หรือ เกือบติดกับศอก เข่าที่ยกอาจยกก่อน แล้วลากเท้า การเคลื่อนที่ลักษณะนี้เรียกว่า การก้าวย่าง บางครั้งอาจลากเท้า ไปข้างหน้าก่อนยกเข่าขึ้น ซึ่งการที่ยกเข่าขึ้นติดศอก เป็นการป้องกันคู่ต่อสู้ บางครั้ง ใน มวยไทย ( Muay Thai ) อาจทำสลับกันได้ ทั้งด้านซ้ายนำ และ ขวานำ

 

 - การย่างสามขุม ใน สังเวียน มวยไทย ( Muay Thai ) มักได้ยินกันบ่อย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือ การเดินจุด 3 จุด โดยการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า การเดินให้กำหนดจุด ที่ใช้ในการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า หรือ เป็นการเปลี่ยนเหลี่ยม ของร่างกายนั่นเอง ซึ่งการฝึก การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว แบบ ย่างสามขุมให้ชำนาญ แบบ นักชก มวยไทย ( Muay Thai )  มืออาชีพนั้น จะต้องฝึกการย่ำ การก้าวย่าง และ การย่างสามขุม สามารถนำไปใช้ป้องกัน หลบหลีก บ้างก็ใช้ในการรับ หรือ การรุก

 

- การย่างสุขเกษม ใน มวยไทย ( Muay Thai ) การเคลื่อนที่ โดยการก้าวเท้า ออกไปด้านนอกตัว พร้อมกับการยกตัว ใช้มือปัดลงมาข้างล่าง ในขณะที่อีกมือหนึ่ง ยกขึ้นระดับใบหน้า เพื่อป้องกันอาวุธ ส่วนมือที่ปัดลงมา ใช้ปัดป้องกันในกรณีที่ คู่ต่อสู้ถีบมาหาเรา ในการฝึก การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว การย่างสุขเกษม จะต้องบิดสะโพกตามไปด้วย พร้อมกับปัดมือล่างให้ผ่านลำตัว ส่วนเท้าเคลื่อนที่ก้าวไป พร้อมกับการปัดมือผ่านลำตัว

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

 

ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ประโยชน์กว่าที่คิด

ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ประโยชน์กว่าที่คิด

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งประโยชน์ของการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด จะมีอะไรบ้าง มาติดตามกันได้เลย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ

 

กีฬามวยไทย ( Muay thai ) เป็นกีฬา ที่ต้องใช้แรง และกำลังของ กล้ามเนื้อ เป็นอย่างมาก ในการออกอาวุธจากการใช้หมัด เท้า ศอก หรือเข่า ที่ผู้เล่น มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องอาศัยการฝึกร่างกายของเรา ให้แข็งแกร่งทุกสัดส่วน ทั้งช่วงบน ช่วงกลาง และช่วงล่าง เพราะ ในการชกมวยจริง ๆ นั้น ขาของคุณ จะต้องไวมีฟุตเวิร์คที่ดี ตลอดช่วงเวลาที่อยู่บนสังเวียน เพื่อที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างพลิ้วไหว มีช่วงกลางลำตัวที่แข็งแกร่งที่ สามารถรับการโจมตีจากการออกอาวุธของคู่ต่อสู้ได้ และมีแขนที่ทรงพลัง เพื่อเอาไว้ออกอาวุธที่มีพลังในการโจมตีสูง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้ระบบไหลเวียดเลือดทำงานดี

 

การฝึกกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้ร่างกาย มีการเคลื่อนไหว อยู่ตลอดเวลา ขณะเล่น จึงช่วยบำรุงระบบไหลเวียนเลือด ให้มีการทำงานได้ดี ทั้งหัวใจ และหลอดเลือด ที่ส่งผลต่อการสูบฉีดโลหิตเต็ม ๆ ทำให้ผู้ที่เล่นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ลดความเสี่ยงจากการเกิด โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยฝึกสมอง

 

การออกอาวุธของผู้เล่นที่ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) ในแต่ละครั้ง  ร่างกายจะมี การทำงานที่สอดคล้องกัน ระหว่าง กล้ามเนื้อที่ใช้ออกอาวุธ และสมอง ที่มีการทำงานอย่างสัมพันธ์กัน การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นการช่วยฝึกสมองได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการเลือกใช้ อวัยวะในการออกอาวุธ เพื่อต่อสู้หรือตอบโต้ไปยังคู่ต่อสู้

 

 มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยลดความเครียด

 

การเล่นกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )  ทำให้เกิดความสนุกสนาน ร่าเริงในการเล่นได้ และยิ่งเล่นมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟีน ( Endorphin ) ที่ทำให้ผู้ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) มีความสุขยิ่งขึ้น และยังลดความเครียดลงได้ รวมถึง ยังช่วยทำให้ร่างกายไม่แก่เร็ว

 

มวยไทย ( Muay Thai ) มีจิตใจที่แน่วแน่

 

การฝึก กีฬามวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้องใช้สติ สมาธิ และปัญญาในการเล่น กับฝ่ายตรงข้าม ทำให้ผู้เล่นมีพัฒนาการ ด้านจิตใจ และอารมณ์ คือ มีเชาวน์ไว ไหวพริบดี ตัดสินใจได้ฉับพลัน มีความสุขุม รอบคอบ และเยือกเย็น มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเป็นการฝึกตนเอง ให้สามารถควบคุม อำนาจในจิตใจ และอารมณ์ได้มากขึ้น

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยฝึกควบคุมความกดดันได้ดี

 

หากผู้เล่นทำการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) บนสังเวียนจริง  ผู้เล่น ต้องช่วยเหลือตนเอง ไม่สามารถที่จะพึ่งพา โค้ชมวย ได้อีกต่อไป บนเวที่มี คู่ต่อสู้ประจันหน้า อยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือน แรงกดดันที่ นักมวยต้องแบกรับอยู่ตลอดเวลา นักมวย จึงต้องมีสติ และสมาธิอย่างมากขณะเล่น ต้องควบคุม ความกดดันจากตนเองและภายนอกให้ได้ เพื่อชกมวย ตามแผนที่ตนเองวางไว้

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยป้องกันตัวเองและผู้อื่นได้

 

เป็นความจริง ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคนี้ ภัยทางสังคม มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนอกบ้าน สามารถ เจอกับ เหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่เกิดจาก ผู้อยู่ร่วมกันในสังคมได้ การฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้ผู้ที่ฝึกมี ทักษะในการต่อสู้  เพื่อป้องกันตัวเอง จากภัยสังคม ที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองได้ รวมไปถึง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับคนรอบข้าง ก็สามารถ ใช้ศิลปะในการต่อสู้จากการฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) จัดการกับผู้ก่อภัยสังคมเฉพาะหน้าได้

 

การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผู้เล่นมีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ที่ดีอยู่เสมอ นอกจากนี้ กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังมีประโยชน์ ในแง่ของ ศิลปะป้องกันตัว ที่จะทำให้บุผู้ฝึก สามารถป้องกันอันตราย ที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิต และทรัพย์สินของตนได้ เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ตนเอง เมื่ออยู่ในสังคม ได้อีกด้วย

 

หากใครที่ต้องการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) และกำลังมองหา สถานที่เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถติดต่อ ขอรายละเอียดได้ที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีทั้งหมด 3 สาขา คือ สาขาศรีนครินทร์ สาขารัชดา และสาขาข้าวสาร

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิค คลุกวงใน ของ มวยไทย ( Muay thai )

การออกหมัด สไตล์ มวยไทย มีรูปแบบใดบ้าง

เทคนิค คลุกวงใน ของ มวยไทย ( Muay thai )

เทคนิค คลุกวงใน ของ มวยไทย ( Muay thai )

หลาย ๆ ครั้งที่นั่งดู มวยไทย ( Muay thai ) ตามทีวี มาตั้งแต่เด็ก ๆ เราจะเห็นเทคนิค การเข้าประชิดตัว กอดคอ และ ตีเข่า แบบนั้นเค้าเรียกว่า คลุกวงใน วันนี้เรามาดู เทคนิค ดี ๆ ในการ เข้าวงในอย่างไรให้ มืออาชีพ และ ปลอดภัย กันค่ะ

 

มวยไทย ( Muay thai ) มีหลากหลายสาย หลากหลายท่ามาก หากพูดถึงท่า ที่ใช้บ่อยที่สุดใน มวยไทย ( Muay thai ) ก็ คือ ท่าที่เข้าวงใน ท่าตีเข่า เป็นท่าที่เข้าถึงตัว และ ทำให้ศัตรูน็อคเร็ว เพราะอันตราย จากการโดนตีเข้า มีอาการจุก และ เจ็บ อาจจะมีถึงขั้น กระดูกซี่โครงหัก เลยก็ว่าได้

 

 

ข้อคำนึง ก่อนเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai )

การฝึกฝน ในระยะประชิด สามารถเริ่มได้ หลังจากเข้าใจ หลักการพื้นฐาน ของการชกมวย กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) ในระยะทางไกล และ ปานกลาง การโจมตี และ การตอบโต้ การป้องกันการเข้า และ ออกอย่างรวดเร็ว และ ต้องลดประสิทธิภาพ ของฝ่ายตรงข้าม ให้ได้เร็วที่สุด

 

เทคนิค การเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai )

การต่อสู้ อย่างใกล้ชิดนั้น จำเป็นต้องเรียนรู้ และ ฝึกการเคลื่อนไหว การต่อสู้ แบบเดียวกัน เป็นเวลานาน ดังนั้นในการดวล ตัวคุณไม่ต้องคิด แต่ทำทันที หากนักกีฬา มวยไทย ( Muay thai ) เริ่มคิด และ คำนวณ การกระทำของเขา ในระยะเวลาอันสั้น เขาก็อาจหลงกลศัตรูได้ และ ต้องรู้ถึงความชอบ ของท่ามวยไทย บางคนอาจจะชอบ การใช้หมัด บางคนอาจจะชอบศอก บางคนอาจจะชอบตีเข่า เพราะแต่ละคน ไม่ได้ชอบ ใช้ท่า เหมือนกันทั้งหมด

 

ความแม่นยำ และ ความเร็ว ที่ต้องมี ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai )

คุณสมบัติพื้นฐาน ของนักกีฬา มวยไทย ( Muay thai ) ในระยะประชิด คือ ความแม่นยำ และ ความคมชัด ของการเคลื่อนไหว ดังนั้น เขาจึงมีโอกาส ได้ใช้ความคิด เริ่มสู้แล้ว ก็ต้องเข้าไว ออกไวเหมือนกัน

 

อาวุธ ที่ต้องใช้บ่อยมาก ในการเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai )

1. เข่า

เข่า เป็นอาวุธที่ คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) ต้องใช้บ่อยที่สุด เพราะการเข้าไป กอดศัตรูก่อน แล้วจึงค่อยแทงเข่า นั้นเอง เข่าหากจะใช้ให้ถูกต้อง ต้องดูสถานการณ์ ในวงใน มีทั้งเข่าเสียบ เข่าตีกางออกมา  ดังนั้นอาวุธเข่าจึงเป็น อาวุธในการ คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) ที่ถูกใช้บ่อยที่สุด

 

2. ศอก

ศอก ก็ใช่บ่อยพอ ๆ กับเข่าเลยด้วย เพราะว่าอะไรรู้หรือไม่ ศอก เป็นตัวแก้ทางมวยเข่าแบบ คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) เลยด้วย เพราะหากเราโดนกอด แล้วสิ่งที่เราจะใช้ สะบัดออกได้ก็ คือ ศอก ของเรานี้แหละ เป็นที่ดีสุดแล้ว

 

มวยไทย ( Muay thai ) กับการต่อสู้ต่าง ๆ มีความแตกต่างกันทั้งนั้น ทั้งความคิด และ ท่าต่าง ๆ ที่เราจะเข้าทำ เวลาก็เป็นส่วนสำคัญ ที่ต้องตัดสินใจ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว การที่เราจะเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) ต้องแพ้ศัตรูแน่ ๆ

 

 

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) บอกเลยได้ว่า มีเทคนิคดี ๆ มานำเสนอ ให้ทุกคนเห็นได้ชัดเลยว่า การเข้า คลุกวงใน ของ กีฬา มวยไทย ( Muay thai ) สำคัญมาก และ ยิ่งไปกว่านั้น มวยไทย (  Muay thai ) ก็เป็นศิลปะที่ฝึกได้ หากใครอยากลองฝึก การเข้าคลุกวงใน แบบนี้ ก็สามารถโทรมาสอบถามได้เลย ให้เราเปิดประสบการณ์ การฝึก มวยไทย (  Muay thai ) ให้เพื่อน ๆ ด้วยเทคนิคสุดพิเศษกันค่ะ

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

มวยไทย กีฬาที่ได้มากกว่าแค่การ ออกกำลังกาย

มวยไทย กีฬาที่ได้มากกว่าแค่การ ออกกำลังกาย

                การฝึก มวยไทย หรือ การชกมวยนั้นแน่นอนว่าเป็นการ ออกกำลังกายที่ได้พลังงานอย่างมาก แต่รู้หรือไม่ว่า มวยไทย นั้นได้อะไรมากกว่า แค่การ ออกกำลังกาย ด้วยนะจะบอกให้ วันนี้เราจะมาอธิบายให้ฟังกัน

 

            สำหรับ มวยไทย ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในไทย และยังเป็นกีฬา ประจำชาติไทย คงจะหนี้ไม่พ้น มวยไทย ที่เป็นกีฬา สุดฮิตที่ทั้ง เท่ ทั้งทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี และยิ่งไปกว่านั้น มวยไทย ยังเป็นศิลปะป้องกันตัว สำหรับ สาวๆ หรือ เด็กๆ คนไหนที่อยากฝึกติดตัว ไว้และรู้หรือไม่ว่า มวยไทย นั้น มันมีประโยชน์มากกว่า แค่การ ออกกำลังกาย เพียงอย่างเดียว เพราะมวยไทย นั้นเป็นการ ขยับร่างกายที่บอกเลยว่า ใช้แทบทุกส่วนของร่างกาย ของเรากันเลย รวมไปถึง การใช้ความคิด จิตสัมผัส และยังเป็นฝึกก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ได้ดีอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เราจะมา คุยกับว่า มวยไทย นั้นให้อะไรกับเราบ้าง ที่ไม่ใช้แค่การ ออกกำลังกาย ไปดูกัน

 

มวยไทย ให้อะไรกับเราบ้าง ?

 

มวยไทย ( Mauy Thai ) กับการช่วยคลายเครียด

 

               

มวยไทย ( Mauy Thai ) ในปัจจุบัน นั้นเป็นกีฬา ที่ต้องใช้แรง เพื่อต่อสู้กับคู่ต้อสู้ และยังเป็นการช่วยระบายความเครียด ได้เป็นอย่างดี อีกด้วย เพราะการที่เราได้ ระบายความครียด ในสังเวียน หรือ ชกกระสอบทราย สามารถช่วยให้เรา ระบายอารมร์ หรือความเครียดที่เก็บมา ไม่ว่าจะเก็บเรื่องครียดๆ มาจาก งาน หรือเรื่องเรียน และยังรวมไปถึงเรื่องความรัก ถ้าเราได้ระบาย ความเครียด ได้ออกแรงชกกระสอบทราย แน่นอนว่าทำให้เราได้ ระบายความครียด ได้เป็นอย่างดีแน่นอน เถมยังได้ออกกำลังกาย ไปในตัวอีกด้วย

 

มวยไทย ( Mauy Thai ) กับการ ช่วยให้หุ่นดีขึ้น

 

                เป็นที่แน่นอน อยู่แล้วว่า การออกกำลังกาย ทุกประเภท ไม่ใช้แค่การชกมวย มันสามารถช่วยให้เรา หุ่นดี ลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับ มวยไทย นั้นจะเป็นการ ออกกำลังกาย ที่ได้ใช้ทุกส่วนของร่างกาย ของเราเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นส่วนหัว ยาวลงมาถึงส่วนเท้าของเรา และแน่นอนว่า จะทำให้ เราได้เผาผลาญพลังงานแทบจะทุกส่วน รับลองว่าถ้าเราฝึก มวยไทย เป็นเวลาเดือนหนึ่ง หุ่นของเรา จะดีขึ้นมาได้อย่างเห็นได้ชัด แถมยัง มีกล้ามขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แน่นอน เพราะ มวยไทย นั้นจำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูง และเรา ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น แรงขึ้น และนั้นจะเป็นการ เผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการ นอนซิทอัพกับพื้น หรือการ วิ่ง ด้วยซ้ำไป เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และ เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินเอื้อม นะจะบอกให้

 

มวยไทย ( Mauy Thai ) กับการ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเรา

 

                แน่นอนว่า มวยไทย ( Mauy Thai ) สำหรับการฝึกนั้น จะทำให้ร่างกายของคุณ แข็งแรงขึ้นได้ เพราะเป็นการใช้กล้ามเนื้อทั้ง แขน ทั้งขา อย่างมาก ยังรวมไปถึง เข่า ศอก ทุกอย่าง ในการออก อาวุธ ส่วนต่างๆในร่างกาย ของเรา ต้องอาศัยพลังงาน และ ความแข็งแกร่งของร่างกาย ของเราอยากมาก ในการทำซ้ำหลายๆ ครั้ง เพราะ มวยไทย ( Muay Thai )นั้น จะ มีจุดประสงค์ คือ ชกกับ คู่ต่อสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะน็อค หรือ ยอมแพ้ แต่ถ้าไม่น็อคจะมีการนับคะแนนและตัดสินว่าคุณทำได้ดีแค่ไหนเมื่อจบการแข่งขัน นั้นเอง และนั้นจะเป็นเพิ่มความแข็งแกรงให้กับ ร่างกาย ของเรา ได้อย่างรวดเร็ว

 

มวยไทย ( Mauy Thai ) กับการ ช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกาย

 

แน่นอนว่า การต่อยมวย หรือ การฝึก มวยไทย นั้น เป็นประจำจะสามารถ ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ของเราได้เป็นดี ทำให้ไม่มีโรคร้ายใด ๆ มาเยือน แถมยัง สร้างกล้ามเนื้อใน แต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็น แขน ขา และยังรวมถึง ช่วงท้อง ดังนั้น รับรอง ได้เลยว่าการต่อยมวยนั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ของเราได้เป็นอย่างดี แน่นอน

 

มวยไทย ( Mauy Thai ) กับการ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง

 

                การฝึก หรือ การซ้อม มวยไทย นั้นถือเป็นกีฬา อีกหนึ่งชนิดที่สามารถ ช่วยไปกระตุ้น การทำงานของ หัวใจ และ หลอดเลือดในร่างกาย ของเราได้เป็นอย่างดี เพราะการที่ เรา ต้องออกกำลังกาย ในการ ฝึก มวยไทย นั้น จะทำให้หัวใจและปอดมีความเครียดในระดับปานกลาง ซึ่งทำให้หัวใจและปอดของคุณทำงานได้ดี ขึ้น นั้นเอง และยังฟ ส่งผลให้ระบบการไหลเวียน โลหิตทั่วร่างกาย ของเรา เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกด้วย

               

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

การออกหมัด สไตล์ มวยไทย มีรูปแบบใดบ้าง

รูปแบบ สังเวียนมวย ของ กีฬา มวยไทย

 

การออกหมัด สไตล์ มวยไทย มีรูปแบบใดบ้าง

การออกหมัด สไตล์ มวยไทย มีรูปแบบใดบ้าง

การออกหมัด เป็นท่าออกอาวุธ ที่มีการใช้ในการต่อสู้ในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai )  อย่างมาก ซึ่งรูปแบบการออกหมัดของมวยไทย มีหลากหลายรูปแบบ

 

หมัด เป็นการออกอาวุธของมวยไทย ( Muay Thai ) โดยใช้มือ เพื่อพุ่งชกไปยังคู่ต่อสู้ โดย หมัด ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ถูกปล่อยมากที่สุดในสังเวียนเลยก็ว่าได้ หากเทียบกับ เข่า ศอก และเท้า การออกหมัดของนักมวยนั้น มีรูปแบบของทิศทางในการออกหมัดที่แตกต่างกันด้วย สามารถแบ่งการใช้หมัดได้ 4 รูปแบบ ดังนี้

 

1. หมัดตรง

 

คือ การชกหมัด ออกไปตรง ๆ จากการตั้งท่าปล่อยหมัดออกไป โดยการคว่ำลงให้เป็นแนวขนานกับพื้น อาศัยแรงส่งจากไหล่ สะโพก และเท้า การชกหมัดตรง แบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ

 

  • หมัดตรงชกนำ :  เป็นการปล่อยหมัด ที่อยู่ด้านหน้าพุ่งไปยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงส่ง ที่มาจากหัวไหล่ ลำตัว ตั้งตรง และเท้ายันพื้น เพื่อเป็นหลักและแรงส่งออกไป ถ้าจดเหลี่ยมขวาหมัดตรงชกนำ คือ หมัดซ้าย ถ้าจดเหลี่ยมซ้าย หมัดตรงชกนำ คือ หมัดขวา  อาจจะชกออกไป โดยไม่เคลื่อนเท้า หรือ เคลื่อนเท้าไปด้านหน้า ด้านหลัง ข้างซ้าย และข้างขวาก็ได้ ส่วนมากเวลาชกไป แล้วน้ำหนักตัว มักจะตกอยู่บนเท้าที่อยู่หน้าเสมอ การชกส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณหน้าคู่ต่อสู้

 

  • หมัดตรงชกตาม : หมัดตรงชกตาม จะเป็นการใช้หมัดอีกข้างของหมัดชกนำ ปล่อยเป็นแนวตรงไปยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัวและเท้า ส่งแรงไปที่หมัดถ้าจดเหลี่ยมขวา หมัดตรงชกตาม คือ หมัดขวา ถ้าจดเหลี่ยมซ้ายหมัดตรงชกตามคือหมัดซ้าย เมื่อหมัดตรงชกตามพุ่งออกไป ลำตัว เอว และสะโพกจะบิดคว่ำลงเท้าหลังจะส่งแรงน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า อาจจะสืบเท้าไปข้างหน้า ถ้าชกถอยหลัง หรือฉากออกข้างชกหมัดตรงชกตามก็ได้ส่วนมากแล้ว ถ้าเดินหน้าหมัดตรงชกตาม จะหนักหน่วง และรุนแรงกว่าหมัดชกนำ

 

2. หมัดเหวี่ยง

 

คือ การชกหมัดวิถีโค้งขนานกับพื้น การชกโดยการใช้แรงเหวี่ยงจากไหล่ ลำตัว และเท้า ลักษณะของแขนที่เหวี่ยง ขึ้นอยู่กับระยะของคู่ต่อสู้ ถ้าคู่ต่อสู้อยู่ใกล้ ก็ต้องงอแขนเข้ามาก แต่หากคู่ต่อสู้อยู่ไกล ก็ต้องงอแขนเหวี่ยงใส่เล็กน้อย บางครั้งอาจจะเหวี่ยงสันหมัด โดยเป้าหมายการชกในรูปแบบนี้ คือ บริเวณขากรรไกร กกหู ขมับ และท้ายท้อย หมัดเหวี่ยง สามารถแบ่งออกได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

 

  • หมัดเหวี่ยงสั้น หรือ หมัดขว้างสั้น : จะใช้ในตอนที่คู่ต่อสู้อยู่ในจะหวะปิดป้องกัน ได้ดีเมื่อคู่ต่อสู้ปิดป้องกำบังต่าง ๆ เช่น คู่ต่อสู้ยกมือป้องกันใบหน้าตรง ๆ ถ้าชกหมัดตรงก็จะถูกมือและท่อนแขนของคู่ต่อสู้ยกกันไว้ ดังนั้น ควรใช้หมัดเหวี่ยงสั้น เพราะหมัดนี้ จะโค้งผ่านเลยแขนคู่ต่อสู้เข้าสู่ใบหน้า หรือปลายคางทางข้างซ้าย หรือข้างขวาก็ได้ หมัดเหวี่ยงสั้นอาจจะมีวิธีทางของหมัดไม่ขนานพื้น คือ อาจจะเฉียงขึ้น หรือ เฉียงลงสู้พื้นบ้างก็ได้ตามแต่ความเหมาะสมของสถานการณ์และอาจจะกระทบเป้าหมาย โดยการคว่ำสันหมัด

 

 

  • หมัดเหวี่ยงยาว หรือ หมัดขว้างยาว : เป็นการชก โดยการเหยียดแขนยาวออกไป เกร็งแขนให้ตึง คว่ำมือ พยายามให้สันหมัดถูกเป้าหมาย โดยเหวี่ยงออกไปเป็นวงกว้างให้วิธีทางขนาน กับพื้นดินหมัดเหวี่ยงยาวให้ชกเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปเป้าหมายชก คือ ปลายคาง หน้า และคอ

 

  • หมัดเหวี่ยงกลับ : เป็นการออกหมัด ที่เมื่อชกหมัดเหวี่ยงออกไปแล้ว ไม่ถูกเป้าหมาย จึงหยุดแล้วเวี่ยงสวนกลับมาในทิศทางเดิม เพื่อให้ถูกเป้าหมาย หมัดนี้สามารถใช้ได้ทั้งหมัดเหวี่ยงสั้น และหมัดเหวี่ยงยาว

 

3. หมัดเสย หรือหมัดสอยดาว

 

เป็นการกำหมัดให้แน่นและงอข้อศอก เกร็งข้อศอก หงายหมัดขึ้น และปล่อยหมัดจากล่างพุ่งขึ้นวิถีตั้ง ทำมุมฉากกับพื้น การปล่อยหมัดก็จะมี2แบบ คือ หมัดเสยนำ และ เสยหมัดตาม หมัดเสยจะใช้ได้ดีเมื่อเป้าหมายอยู่ใกล้ตัว เช่น การเข้าคลุกวงในแล้วคู่ต่อสู้ก้มต่ำเป้าหมายที่ชก คือ บริเวณคาง ท้อง หน้าอกและหน้า

 

4. หมัดโขก

 

จะเป็นการเหวี่ยงหมัด จากบนลงล่างเป้าหมาย บริเวณขมับ หรือ คางหมัดโขก เป็นหมัดที่รุนแรงใช้หมัดตาม เพื่อให้วงเหวี่ยงมีรัศมีกว้างขึ้น หมัดโขก เป็นหมัดที่มีทิศทางจากบนลงล่างแบ่งเป็นหมัดโขกวงกว้างกับหมัดโขกวงแคบหมัดนี้เป็นหมัดที่รุนแรง เพราะ อาศัยแรงเหวี่ยงของไหล่และแขน

 

การออกหมัดในแต่ละรูปแบบ ต่างมีทิศทางในการออกหมัดที่แตกต่างกันไป นักมวย ควรประยุกต์ใช้การออกหมัดเหล่านี้ให้ได้อย่างหลากหลาย เพื่อปรับเปลี่ยนการโจมตีไปยังคู่ต่อสู้ได้เสมอ

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

น้ำมัน มวย สำคัญมากขนาดไหนกับ นักมวย กันนะ

ความสำคัญของ กระจับนักมวย

น้ำมัน มวย สำคัญมากขนาดไหนกับ นักมวย กันนะ

น้ำมัน มวย สำคัญมากขนาดไหนกับ นักมวย กันนะ

สำหรับ นักมวย นั้นเคยสังเกตไหมเวลา นักมวย ซ้อม มวย หรือเวลาขึ้นชก นักมวย มักจะทายา หรือที่เรียกกันว่า น้ำมันมวย แล้วเราเคยคิดสงสัยไหมว่า มันสำคัญขนาดไหนกับ นักมวยกันนะ วันนี้เราไปหาคำตอบกัน

 

                สำหรับ นักมวย เวลาขึ้นชก หรือ เวลา ปวดเมื่อยหลักจากการซ้อมมวย คุณเคยได้ยิน น้ำมันมวย หรือไม่ที่จะ ตัวช่วยให้กับ นักมวยที่จะต้องการ นวด กล้ามเนื้อ แล้วเคยสงสัย ไหมว่า ทำไมต้องเป็นน้ำมันมวย แล้ว ทำไม ถึงตั้งชื่อ ว่าน้ำมันมวย วันนี้เราไปหาคำตอบกัน น้ำมันมวย นั้น ได้รับ การคิดค้น และ ผลิตจำหน่าย โดน “ เทวกรรมโอสถ ” ที่จะเป็นสินค้า ของคยไทย ที่คนไทย เป็นคนผลิต และคิดค้น ขึ้น มานั้นเอง และมีอายุยาวนานมากกว่า 60 ปีกันเลย ทีเดียว ก่อเกิดมาจาก กีฬามวย ก่อนที่จะขยายตัวไปยังกีฬา ชนิด อื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ น้ำมันมวย ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง นั้นก็คือ การเป็นผู้จารึก แชมป์มวย โลกคนแรกของไทย จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ ของไทย นั้นเอง

 

น้ำมันมวย

 

            สำหรับ น้ำมันมวย นั้น เป็นการคิดค้น ของภูมิปัญาชาวบ้าน ของคนไทย ที่จะประกอบไปด้วย ตัวยา ต่างๆมากมาย และตัวยา หลักๆ นั้นจะได้แก่ เมทิลซาลิไซเลท เมนทอล และ การบูร ที่จะสามารถ ทำงานออกฤทธิ์ส่งเสริม กันโดย เมทิลซาลิไซเลทจะ ออกฤทธิ์ร้อน  และ เมนทอลจะเย็น นั้นจึงทำให้ น้ำมันมวย พอทาแล้วจะรู้สึกๆ ร้อยๆ เย็นๆ นั้นเอง

 

                แล้ว น้ำมันมวย มัยดีต่อ นักมวย อย่างไรบ้างนะ เมทิลซาลิไซเลท จะออกฤทธิ์ ร้อนๆ  และ เมนทอลจะรู้สึกๆ เย็นๆ เมื่อเรานำ น้ำมันมวย มาทาบนผิวหนัง หรือ กล้ามเนื้อ ตรงบริเวณ ที่ปวด ก็จะรู้สึกทั้งร้อน และ เย็นไปพร้อมกัน ทำให้สมองรู้สึกสับสน แล้วเบี่ยงเบนความรู้สึกจากอาการเจ็บปวดได้ เป็นอย่างดี นั้นเอง แถมด้วย น้ำมันมวย ยังมีกลิ่นที่ว่าจะหอม ก็หอม  หรือ อาจจะรู้สึกเหม็นฉุนต่อ ใครหลายคน อีกทั้งยัง มีฤทธิ์ร้อน และ เย็นในขวดเดียวกันโดยนิยมใช้ทาลงบนผิวหนังทั้งก่อน และ หลังเล่นกีฬา หรือ การออกกำลังกาย และ ยังใช้ในวงการสปา และ การนวดบำบัดด้วย เช่นกัน

 

วิธีใช้ น้ำมันมวย อยากถูกวิธี

 

            เดิม น้ำมันมวย นั้น จะมีแบบ น้ำเพียง ชนิดเดียว แต่ปัจจุบัน นั้น ได้มีการ พัฒนา ให้สอดคล้อง กับ ไลฟต์ และ กลุ่มเป้าหมาย ของ คนรุ้นใหม่ นั้นจึงทำให้ มีการ ผลิตภัณฑ์ ของ น้ำมันมวย รูปแบบใหม่ๆ ออกมามากมาย แต่ทุกแบบจะใช้ทา หรือ นวดบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย หรือ นวดตรงกล้ามเนื้อ ที่รู้สึกเหนื่อยล้า เพราะมันสามารถ เบาเทาอาการ ปวดเมื่อยได้นั้นเอง

 

สรรพคุณ ของ น้ำมันมวย

 

                สำหรับ สรรพคุณ ของน้ำมันมวยนั้น เป็นอย่างที่บอกกันมาแต่แรกแล้วว่า มันสามารถช่วยในการ เบาเทาอาการ ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ ได้เป็นอย่างดี และยัง สามารถช่วย ลดอาการฟกช้ำ หรือ อาการปวดที่บริเวณผิวหนัง เนื่องจาก น้ำมันมวย ที่จะมีฤทธิ์เย็นๆ ร้อนๆ จะสามารถไป ช่วยให้ผิวหนังบริเวณ นั้นอุ่นขึ้น ใช้หลักการ เดียวกับการประคบร้อนนั่นเอง นั้นเอง เห็นไหมว่ เหมาะมากๆ กับนักมวย ที่ต้อง ต้องออกแรง ทำให้ ต้องหายามานวด นั้นเอง และแถมยัง สามารถไป ช่วยทำให้ร่างกายของเรา อบอุ่น และยัง ทำให้ ระบบไหลเวียนของเลือดทำงาน ได้ดีขึ้น ได้อีกด้วย และ ช่วยผ่อนคลายอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และ กลิ่นของเมนทอลจะทำให้รู้สึกสดชื่น อีกนั้นเอง

 

ข้อควรระวัง ในการใช่                                               

 

ถึง น้ำมันมวย จะเป็นยาทาแก้ปวด กล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมี จ้อควรระวัง ในการใช้อยู่นั้นเอง และข้อสำคัญในการ ใช้นั้น ไม่ควรทาบริเวณ ผิวหนัง อ่อนๆ เพราะอาจทำให้ ผิวหนังเกิดอาการ ไหม้ได้ นั้นเอง เละอีกอย่างคือ อย่าให้โดน บริเวณ ดวงตา เพราะอาจเกิดอาการแสบ ได้นั้นเอง

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ความสำคัญของ กระจับนักมวย

รูปแบบ สังเวียนมวย ของ กีฬา มวยไทย

ความสำคัญของ กระจับนักมวย

ความสำคัญของ กระจับนักมวย

ในการแข่งขัน มวยไทย ที่จำเป็นต้องใช้แรงในการต่อสู้ปะทะกัน นักมวยจึงจำเป็นต้องสวมใส่อุปกรณ์ในการป้องกันตัวอย่าง  กระจับนักมวย ที่เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมากในกีฬาชนิดนี้

 

กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่ต้องใช้พละกำลังในการต่อสู้ เพื่อเอาชนะผู้ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นจากการออกหมัด เตะ เข่า หรือศอก ก็ล้วนส่งผลทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อร่างกายของคู่ต่อสู้ได้ไม่ว่าจะโดนอวัยวะใดก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าการกระทบกระเทือนจากการต่อสู้นั้น เป็นสิ่งที่นักมวยหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว นักมวย จึงจำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ในการป้องกันตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ คือ " กระจับ"

 

จุดประสงค์ของ กระจับนักมวย

 

กระจับ ( Groin guard ) เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างหนึ่งในกีฬาชกมวย รวมถึงการต่อสู้ชนิดอื่น กระจับที่นักมวยต้องสวมใส่ เพื่อให้เกิดความกระชับ และป้องกันแรงกระแทกที่จะเกิดบริเวณอวัยวะเพศ เนื่องจากการชกต่อยมวย อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บบริเวณท้องน้อย และช่วงขาหนีบได้ง่าย

 

การป้องกันอวัยวะเพศของ กระจับนักมวย

 

อวัยวะเพศของมนุษย์ เป็นส่วนที่มีความเปราะบางต่อแรงกระแทก และ บริเวณนี้ยังมีเส้นประสาทรับความเจ็บปวดมาเลี้ยงมาก ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้อย่างรุนแรง จึงมีความจำเป็น ที่เรานั้นจะ ต้องหาอุปกรณ์ที่เป็นเกราะป้องกัน มาใช้ในกีฬาที่ต้องปะทะ ร่างกาย กัน และไม่ใช่แค่ มวยไทยหรือมวยสากล ที่ต้องใช้กระจับ ยังมีกีฬา อีกหลายประเภท ที่ต้องใช้ อุปกรณ์ป้องกัน อวัยวะเพศ อีกหลายกีฬา นั่นเอง

 

โดยหากมีแรงมากระทบกระเทือนในส่วนของกระจับที่ครอบบริเวณอวัยวะเพศอยู่ กระจับจะรับแรงกระแทกนั้น และแรงกระแทกจะกระจายตัวไปบริเวณขอบของกระจับ โดยจะถ่ายแรงไปบริเวณโคนขา (ขาหนีบ) แทนการโดนองคชาตและอัณฑะโดยตรง

 

การเปลี่ยนแปลงของกระจับนักมวย

 

การใส่กระจับ เพื่อป้องกันแรงกระแทกบริเวณอวัยวะเพศ มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ โดยในสมัยนั้น กระจับนักมวย มีลักษณะเป็นแค่ถ้วยกระเปาะ (cup) ทำจากโลหะขนาดพอเหมาะ สำหรับปกปิดด้านหน้าของอวัยวะเพศชายและถุงอัณฑะเท่านั้น และใช้เชือกผูกร้อยให้แน่นกับเอวและง่ามขา โดยนักมวยจะผูกกระจับไว้นอกกางเกงชั้นในก่อนจะสวมกางเกงมวยอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่กระจับในการแข่งขันสากลแทนที่จะร้อยเชือกแบบเดิมก็มีการนำเอากระเปาะ (cup) ดังกล่าวไปสวมเข้ากับกางเกงสปอตเตอร์ (supporter) ทำให้สวมใส่ได้ง่ายและกระชับขึ้น

 

ส่วนกระจับนักมวย ในปัจจุบัน จะถูกออกแบบให้เหมาะสมสำหรับ นักมวย หรือนักกีฬา มากขึ้น โดยจะมีการผลิตออกมาหลายขนาด เพื่อรองรับกับความแตกต่างของสรีระร่างกาย และขนาดอวัยวะเพศของแต่ละคนให้มีความเหมาะสมและกระชับ โดยกระจับนักมวยของไทย ใส่ในกางเกงและกระจับแนบกับอวัยวะเพศ ทำให้ไม่เห็นกระจับขณะที่ต่อยมวย

 

สำหรับมวยสากล กระจับของนักมวย สวมใส่ไว้ภายนอกกางเกงของนักมวย หรือนักกีฬา โดยกระจับนักมวยแบบมวยสากล นอกจาก จะออกแบบเพื่อช่วยป้องกันการกระทบในบริเวณอวัยวะเพศแล้ว ยังครอบคลุมได้ทั่วทั้งบริเวณท้องน้อย ทำให้มีประสิทธิภาพในการ ป้องกันการบาดเจ็บ ได้เป็นอย่างดี

 

ผู้หญิงจะเป็นต้องใส่กระจับหรือไม่

 

ถึงแม้ว่า อวัยวะเพศของเพศหญิง จะไม่ได้มีลักษณะยื่นออกมาจากร่างกายอย่างชัดเจนเหมือนกับ อวัยวะเพศของเพศชาย แต่อวัยวะเพศของเพศหญิงก็มีความบอบบางเช่นกัน นักมวยหญิง หรือนักกีฬาผู้หญิง จึงจำเป็นต้องใส่กระจับนักมวยเช่นกัน โดยกระจับนักมวยของเพศหญิง จะใส่ครอบอยู่ภายนอกกางเกงเหมือนกับกระจับแบบนักมวยสากล แต่มีขนาดที่เล็กกว่า นอกจากนี้ นักมวยหญิง ยังจำเป็นต้องสวมใส่ เกราะอก หรือกระจับบน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บช่วงทรวงอกด้วย

 

กระจับนักมวย เป็นอุปกรณ์ในการป้องกันตัวที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากไม่ใส่กระจับนักมวย อวัยวะเพศที่เป็นจุดเปราะบางจะได้รับการแรงกระแทกโดยตรง ทำให้ผู้ที่ได้รับแรงกระแทก เกิดความเจ็บปวดอย่างหนักบริเวณอวัยวะเพศได้ รวมถึงเกิดอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เกิดอาการจุก , หน้ามืด , หน้าเขียว , รู้สึกคลื่นไส้ได้ เป็นต้น ซึ่งการได้รับบริเวณนั้น อาจมีผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

รายการอาหาร เพื่อสุขภาพ สำหรับนักมวย

อยากเป็น นักมวย แบบถูกกฎหมาย ต้องทำอย่างไร?

รายการอาหาร เพื่อสุขภาพ สำหรับนักมวย

รายการอาหาร เพื่อสุขภาพ สำหรับนักมวย

เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า นักมวย มืออาชีพ ของ กีฬา มวยไทย นั้น ต้องหมั่น ออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร แทบตลอดเวลา เพื่อ ดูแลรักษารูปร่าง และ เพิ่มการเผาผลาญ มาดูกันดีกว่าว่า รายการอาหาร เพื่อสุขภาพ สำหรับนักมวย มีอะไรบ้าง ?

 

ชาเขียว ( Green Tea )

นักวิจัยเค้าพิสูจน์มาแล้วค่ะ ว่าคน ออกกำลังกาย ที่ดื่ม ชาเขียว ( Green Tea ) 4 แก้วต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน จะมีไขมันรอบเอวน้อยกว่า คนที่ดื่มเครื่องดื่ม คาเฟอีนชนิดอื่น อยากผอมลองไปหา ชาเขียว ( Green Tea ) มาดื่มด่วน ๆ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็น ชาเขียว ( Green Tea ) รสธรรมชาติไม่เติมนม หรือ น้ำตาลนะคะ

 

บลูเบอร์รี่ ( Blueberry )

บลูเบอร์รี่ ( Blueberry ) เป็นผลไม้ที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant )  ที่ช่วยให้ร่างกาย เผาผลาญไขมันได้ดี และ รสชาติยังดีอีกด้วย จะเอาไปทำ สมูธตี้ ( Smoothies ) หรือ เติมในสลัดผลไม้ ก็อร่อยเข้ากันดีนะ

 

ขนมปัง ข้าวกล้องงอก ( Brown Rice Bread )

เป็นขนมปัง ที่ผสมข้าวสาลีงอกแบบเต็มเมล็ด อารมณ์คล้าย ๆ ข้าวกล้องงอกบ้านเราค่ะ ซึ่งมีข้อดี คือ เอนไซม์ ( Enzyme ) ที่ผลิตขึ้นระหว่างงอกนั้น จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น ช่วยในการขับถ่าย และ มีสารอาหารเพียบ นำมาทำเป็นเมนู แซนด์วิชกินมื้อเช้า ก็อิ่มท้อง แถมอร่อยด้วยนะ !

 

อโวคาโด ( Avocado )

เจ้าอโวคาโด ( Avocado ) ลูกสีเขียวเนื้อเนียนนี้ เป็นแหล่งของไขมันดี ( HDL ) ที่ช่วยลดไขมันรอบเอวได้ จะนำมาทำเป็น สลัด หรือ สมูธตี้ ( Smoothies ) ก็เข้ากันดี อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ

 

เคล และ บรอคโคลี่ ( Kale and Broccoli )

มีสาร ไอ - ทรี - ซี ( Indole - 3 - Carbinol หรือ I3C ) ซึ่งจะช่วยต้าน ซีโนเอสโตรเจน ( Xenoestrogens ) ซึ่งเป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ที่เลียนแบบ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ( Estrogen Hormone ) ในร่างกาย และ ทำให้เกิดไขมันรอบเอว รวมถึงก่อมะเร็งด้วย การทาน เคล และ บรอคโคลี่ ( Kale and Broccoli ) จึงมีส่วนช่วย ลดไขมันรอบเอว และ ลดความเสี่ยง ต่อโรคมะเร็ง ได้อีกทางค่ะ

 

ไก่ และ ไก่งวง ( Chicken and Turkey )

ผลวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับแคลอรี่ 30% จากอาหารประเภท โปรตีน ( Protein ) จะมีน้ำหนักน้อยกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ได้รับ แคลอรี่ จาก โปรตีน ( Protein ) น้อยกว่า 30% ถ้าจะให้ดีควรจะเลือกซื้อ ไก่ที่เลี้ยง แบบออร์แกนิก และ ปราศจากฮอร์โมนเร่งโตค่ะ

 

มะเขือเทศ  ( Tomatoe )

เมนูไหนมี มะเขือเทศ  ( Tomatoe ) บอกเลยว่าดีงามค่ะ เพราะ มะเขือเทศ ( Tomatoe ) มี วิตามิน ซี ( Vitamin C ) สูง ช่วยลด ฮอร์โมนคอร์ติซอล ( Cortisol Hormone ) ได้ดี

 

กระเทียม ( Garlic )

กระเทียม ( Garlic ) มีส่วนช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญ และ ปรับสมดุลน้ำตาล ในเลือดได้ค่ะ

 

แซลมอน ( Salmon )

ใครชอบกินแซลมอน ( Salmon ) บอกเลยว่าแฮปปี้ค่า เพราะมันเต็มไปด้วย กรดไขมัน ( Fatty Acids ) โอเมก้า 3 ( Omega 3 ) ซึ่งเป็น ไขมันดี ( HDL ) ต่อร่างกาย และ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อมาเผาผลาญ ไขมันชนิดเลว ( LDL ) อีกต่อหนึ่งค่ะ แต่อย่างไรก็กิน อย่างพอประมาณ นะคะ ไม่อย่างนั้นก็อ้วน ได้เหมือนกัน !

 

แอปเปิล ( Apple )

แอปเปิล ( Apple ) เป็นผลไม้ที่มีเส้นใย ละลายน้ำได้ ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาล ในเลือดคงที่ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ง่าย ทำให้ลดอาการโหย ทำให้เราอยากกินจุบจิบน้อยลง ที่สำคัญแอปเปิล ( Apple ) ยังแคลอรี่น้อยด้วยค่ะ จะกินเป็นมื้อดึก ก็สบายท้องแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

อยากเป็น นักมวย แบบถูกกฎหมาย ต้องทำอย่างไร?

อยากเป็น นักมวย แบบถูกกฎหมาย ต้องทำอย่างไร?

จากกระแสการแข่งขันโอลิมปิกที่มี นักมวยไทย เข้าแข่งขันกีฬามวยสากล จนได้รับเหรียญทองแดง หลายคนอาจจะมีความสนใจอยากเป็น นักมวย มืออาชีพ กันดูบ้าง ซึ่งการจะเป็นนักมวยที่ถูกกฎหมายได้ ต้องมีการลงทะเบียนเป็นนักมวยเสียก่อน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือได้ว่าเป็นกีฬาสร้างชื่อของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เพราะ นักมวยไทย หลายคนที่เข้าแข่งขันในต่างประเทศ รวมไปถึง การแข่งขันโอลิมปิก มีความสามารถอย่างมาก จนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มาจากทั่วโลกได้ การได้รับชัยชนะเหล่านี้ของนักมวยไทยในต่างแดน จึงทำให้คนทั่วโลก เกิดความสนใจเกี่ยวกับ มวยไทย และรู้จักประเทศไทยขึ้นมาได้ มวยไทย จึงถือได้ว่าเป็น เอกลักษณ์ที่สำคัญของไทย

 

ในยุคปัจจุบัน บทบาทของ มวยไทย ได้ถูกนำมาใช้ในการแข่งขันเชิงพาณิชย์ ทำให้มีอาชีพ "นักมวย" เกิดขึ้น ผู้ที่ใฝ่ฝัน อยากเป็น นักมวย ทำเป็นอาชีพ เพื่อเลี้ยงตนเอง และครอบครัว ไม่ใช่แค่ต้องมีความสามารถในด้านมวยเท่านั้น แต่ต้องมี การลงทะเบียนให้ถูกต้อง ตามกฎหมายที่มีการระบุไว้ใน พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542

 

โดยใน พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ได้นิยามคำว่า "นักมวย" หมายความว่า เป็นผู้ซึ่งเข้าแข่งขันกีฬามวย นักมวยที่จะเข้าแข่งขันได้นั้น จะต้องลงทะเบียนเป็น นักมวย เสียก่อน โดยนักมวย ที่ต้องการขอจดทะเบียน และขอมีบัตรประจำตัวนักมวย (บัตรนักมวย) จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่ พระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ได้มีการระบุไว้

 

คุณสมบัติที่สามารถขอลงทะเบียนเป็น นักมวย ได้

 

1. มีสัญชาติไทย

2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี บริบูรณ์ หากนักมวยเป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถจดทะเบียนได้หากได้รับความยิมยอมเป็นหนังสือจากผู้แทนโดยชอบธรรม

3. ไม่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคที่คณะกรรมการกีฬามวยกำหนด

4. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสียหาย ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่วงการกีฬามวย

 

การขอจดทะเบียน และขอมีบัตรประจำตัวนักมวย

 

ผู้ประสงค์ ยื่นคำขอจดทะเบียน และขอมีบัตรประจำตัว นักมวย ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และหัวหน้าค่ายมวย สามารถยื่นคำร้องขอได้ 3 รูปแบบ ได้แก่

1. ยื่นคำร้องขอทางออนไลน์ ได้ที่เว็บไซต์ www.muaythai.world

 

2. สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย

ที่อยู่ : เลขที่ 286 ถ.รามคำแหง หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพ 10240

เบอร์โทรศัพท์ 02-1867111 , โทรสาร 02-1867509

 

3. สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดทั่วประเทศ

 

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการเป็นนักมวยที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ ต้องมีค่ายมวย โดยนักมวยต้องสังกัดอยู่ในค่ายมวยค่ายมวยหนึ่งในการชกแต่ละครั้งเพียงค่ายเดียว และต้องปฏิบัติตามระเบียบของค่ายมวยที่ได้รับความเห็นชอบของคณะกรรมการโดยเคร่งครัด

 

เพียงทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณได้เป็น “นักมวย” ตามกฎหมาย สามารถทำการแข่งขันมวยเป็นอาชีพได้ อย่างถูกต้อง

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ท่าฝึกออกอาวุธ พื้นฐาน สำหรับ นักมวยมือใหม่

โค้ชมวย กับหน้าที่สำคัญต่อ นักมวย

รูปแบบ สังเวียนมวย ของ กีฬา มวยไทย

รูปแบบ สังเวียนมวย ของ กีฬา มวยไทย

มวยไทยนั้นได้รับความสนใจในทุกช่วงอายุ เด็ก วัยรุ่น และ ผู้ใหญ่ รวมถึงชาวต่างชาติ ที่ตั้งใจมาฝึก มวยไทย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ให้แข็งแรง ไม่ใช่เพื่อการต่อสู้ ซึ่งที่ซ้อมที่สำคัญนอกจาก ลานดิน ฝึกแล้วนั้นยังมี สังเวียนมวย อีกด้วย

 

ในสมัยก่อนนั้น ผู้คนจะฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อใช้ป้องกันตัว และ นำไปใช้ใน สถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น การเข้าสู่ศึกสงคราม แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน บ้านเมืองมีความสงบขึ้น มวยไทย ( Muay Thai ) ได้กลายมาเป็น กีฬาการต่อสู้ ที่ใช้อวัยวะแทบจะทุกส่วน ของร่างกายให้เป็นประโยชน์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้กลายเป็นการฝึก เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ เพื่อออกกำลังกาย หรือ ใช้ลดน้ำหนัก อีกด้วย

 

หากกล่าวถึงรูปแบบ การจัดชก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ได้มีการปรับเปลี่ยน ไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน ในสมัยก่อน สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) นั้นเป็นสนามจริง ๆ โดยเอาเชือกมากั้นพอเป็นบริเวณ แล้วชกกันบนพื้นดิน ใช้จอก หรือ กะลา เจาะรูลอยน้ำ เป็นมาตรากำหนดเวลา จมครั้งหนึ่งเรียกว่ายกหนึ่ง จนต่อมาเริ่มสร้างเวทีขึ้น โดยพื้นใช้ไม้กระดาน เสื่อเป็นแบบเสื่อกระจูดทับข้างบน มีการนับโดยจับเวลาเป็นนาที จนพัฒนามาเรื่อย ๆ กลายเป็น สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสนามกีฬา สำหรับใช้การแข่งขัน กีฬามวย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ มวยสากล โดยส่วนมากแล้ว สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) มักจะเป็นสนามกีฬาในร่ม เว้นแต่สังเวียนมวยชั่วคราว ที่จะตั้งอยู่ข้างนอก ซึ่ง สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่จะใช้ทำการแข่งขัน จะมีมาตรฐานตามที่ AIBA ( สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ ) กำหนดไว้

 

ตามหลัก กติกาสากลแล้ว สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีลักษณะดังนี้

1. สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดเล็กด้านละ 20 ฟุต ขนาดใหญ่ด้านละ 24 ฟุต วัดจากข้างในเส้นเชือก และ พื้นเวทีสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 3 ฟุต แต่ห้ามเกิน 4 ฟุต

 

2. เชือกกั้น ต้องมีเชือก 4 เส้น และ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของเชือกไม่ต่ำกว่า 1.5 นิ้ว โดยจะขึงติดกับเสาที่มุม สูงจากพื้นเวทีขึ้นไป 16, 32, 48 และ 60 นิ้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ให้หุ้มเชือกด้วยวัสดุ ที่มีความอ่อนนุ่ม และ เรียบ ส่วนที่มุมเชือกด้านใน ต้องหุ้มด้วยวัสดุอย่างอ่อน และ เชือกในแต่ละด้าน ของ สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) จะต้องผูกยึดกัน ด้วยผ้าเหนียวสองชิ้น โดยมีขนาดกว้าง 1-1.5 นิ้ว และ มีระยะห่างที่เท่ากัน ซึ่งผ้าที่ผูกนั้น ต้องไม่ลื่นไปตามเชือก

 

3. พื้นเวที หรือ พื้นสนาม ต้องมีความปลอดภัย ได้ระดับ ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ และ ต้องยื่นออกไปนอกเชือก อย่างน้อย 20 นิ้ว และ ต้องปูด้วยผ้าสักหลาด ยาง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสม โดยจะต้องมีลักษณะยืดหยุ่นได้ และ มีความหนาไม่น้อยกว่า 1.5 นิ้ว พร้อมปูทับด้วย ผ้าตึงคลุมพื้นเวทีทั้งหมด

 

4. มุม สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ต้องตั้งเสาที่มุมทั้งสี่มุม โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว และ สูงขึ้นไปจากเวที 60 นิ้ว พร้อมทั้งหุ้มนวมที่มุมภายในเชือก ให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย กับนักมวย และ มุมแดง จะอยู่ใกล้กับประธานกรรมการ ควบคุมการแข่งขัน หรือ ประธานคณะลูกขุน

 

5. บันได จะมี 3 บันได และ ต้องมีความกว้าง ไม่น้อยกว่า 3 ฟุต ไว้ที่มุมต้องข้ามของ สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) สองบันได เพื่อให้นักมวย และ พี่เลี้ยงขึ้นลง ส่วนอีกบันไดหนึ่งนั้นให้อยู่ที่ มุมตรงกลางสำหรับผู้ชี้ขาด และ แพทย์

 

6. ต้องมีกล่องพลาสติก ที่มุมกลางทั้งสองมุม นอก สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ให้ติดล่องพลาสติกมุมละกล่อง เพื่อให้ผู้ชี้ขาดทิ้งสำลี หรือ กระดาษบาง ๆ ที่ซับเลือดแล้ว

 

 

สังเวียนเพิ่มเติม อาจใช้สังเวียน 2 สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ในการแข่งขัน ที่มีนักกีฬามาก หรือ ชิงชนะนัดสำคัญ ๆ ได้

 

สำหรับสนามมวย ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ในประเทศไทย ได้แก่ สนามมวยราชดำเนิน หรือ สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นต้น นี่เป็น สังเวียนมวย หรือ เวทีมวย ( Boxing Ring ) ที่ได้รับการยอมรับ ว่ามีมาตรฐาน และ สามารถใช้สำหรับ จัดการแข่งขัน ได้อย่างไม่มีปัญหา

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

โค้ชมวย กับหน้าที่สำคัญต่อ นักมวย

โค้ชมวย กับหน้าที่สำคัญต่อ นักมวย

ในการแข่งขัน มวยไทย หลายคน อาจจะเคยเห็นบุคคลที่อยู่ข้างสังเวียนอย่าง โค้ชมวย บุคคลนี้ ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อ นักมวย

 

ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทใด นักกีฬาย่อมมีผู้ฝึกสอนของศาสตร์กีฬานั้น ๆ เฉกเช่นการเรียนการสอนทั่วไป ที่ต้องมีครูกับศิษย์ ซึ่งผู้ฝึกสอนในทางกีฬาสามารถเลี้ยงได้หลายอย่าง เช่น ครู อาจารย์ โค้ช  ครูฝึก พี่เลี้ยง เป็นต้น

 

สำหรับมวยไทยก็เช่นกัน การที่นักมวยจะมีความรู้ ความสามารถได้ จะต้องได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่อสู้และศาสตร์ต่าง ๆ ของมวยไทยมาจาก ครูมวย หรือ พี่เลี้ยง นั่นเอง โดยมวยไทยในสมัยก่อน มีการเรียกผู้ที่ฝึกสอนมวยไทยให้แก่ศิษย์ว่า "ครูมวย" และในสมัยปัจจุบันมีความหลากหลายในการเรียกมากขึ้น เช่น โค้ช หรือ พี่เลี้ยง แล้วแต่นักมวยจะเรียกกัน

 

หน้าที่ของ โค้ชมวย

 

ก่อนการแข่งขันมวยไทย โค้ชมวย จะมีหน้าที่ ฝึกสอนมวยให้แก่นักมวยที่ตนดูแล โค้ชมวย ที่ดีจะต้องสามารถวิเคราะห์นักมวยของตนเองได้ ว่ามีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง เพื่อชูจุดแข็งในการเอาชนะคู่ต่อสู้ และพัฒนาจุดอ่อนไม่ให้มีความบกพร่องได้ หากมีการแข่งขันมวยไทย โค้ชมวย จะต้องคอยวางแผนการชกให้กับนักมวยล่วงหน้า รวมถึงวิเคราะห์จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ล่วงหน้าอีกด้วย

 

เมื่อทำการแข่งขัน โค้ชมวย จะถูกเรียกว่า เป็น “พี่เลี้ยงนักมวย” จะมีเวลากับนักมวยเฉพาะเวลาพักยก หน้าที่ของพี่เลี้ยงนักมวย จะต้องเข้ามาดูแลจัดการความเรียบร้อยของนักมวย คอยนวดกล้ามเนื้อ ซับหน้า ซับเลือด ให้น้ำดื่ม พร้อมกับบอกแผนการชกยกต่อไปว่าควรมีการเล่นอย่างไร ใช้กลยุทธใดในการจัดการกับคู่ต่อสู้ รวมถึงต้องให้กำลังใจและเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าก่อนนักมวยจะไปแข่งต่อ

 

ในการแข่งขันมวยไทย ผู้แข่งขันแต่ละคนให้มี พี่เลี้ยง ได้ 2 คน โดยพี่เลี้ยงจะต้องปฏิบัติตามกติกา  ดังต่อไปนี้

 

1. พี่เลี้ยงจะแนะนำ ช่วยเหลือหรือส่งเสริมผู้แข่งขันของตนในระหว่างการชกกำลังดำเนินอยู่ไม่ได้ ถ้าพี่เลี้ยงละเมิดกติกา อาจถูกตำหนิโทษ หรือให้ออกจากหน้าที่นักมวยของเขา อาจถูกผู้ชี้ขาดเตือน ตำหนิโทษ หรือให้ออกจากการแข่งขัน อันเนื่องมาจากการทำผิดของพี่เลี้ยง

 

2. พี่เลี้ยงจะยอมแพ้แทนผู้แข่งขันของตนเช่นโยนฟองน้ำหรือผ้าเช็ดตัวเข้าไปในสังเวียนไม่ได้

 3. ในระหว่างการชกพี่เลี้ยง จะต้องอยู่ในที่นั่งของตน ก่อนเริ่มการแข่งขันในแต่ละยกให้พี่เลี้ยงนำผ้าเช็ดตัวขวดน้ำ ฯลฯ ออกไปจากขอบสังเวียน

 

4. ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่มุมระหว่างพักยก พี่เลี้ยงต้องตรวจดูเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ของนักมวยของตนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย พร้อมแข่งขันก่อนสัญญาณของยกต่อไปจะดังขึ้น และถ้ามีเหตุที่นอกเหนือความสามารถพี่เลี้ยงจะต้องรีบแจ้งให้ผู้ชี้ขาดทราบทันที ถ้าพี่เลี้ยงละเมิดกติกาอาจถูกตำหนิโทษหรือให้ออกจากหน้าที่ นักมวยของเขาอาจถูกผู้ชี้ขาดเตือนหรือตำหนิโทษได้

 

5. การให้น้ำนักมวย พี่เลี้ยงจะต้องไม่ให้น้ำนักมวยของตน จนเปียกชุ่มและต้องไม่ทำให้พื้นเวทีเปียกลื่น จนอาจเป็นอันตรายกับคู่แข่งขัน

 

6. พี่เลี้ยงต้องสวมเสื้อแสดงสัญลักษณ์คณะนักมวยของตนให้สุภาพเรียบร้อย

 

7. ห้ามพี่เลี้ยงใช้วาจาไม่สุภาพ หรือทำร้ายนักมวยของตน ระหว่างการแข่งขัน และภายหลังการแข่งขัน

 

8. ถ้าเป็นการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์เปี้ยน หรือป้องกันตำแหน่ง ให้มีพี่เลี้ยงได้ฝ่ายละ 3 คน แต่ในการพักระหว่างยก พี่เลี้ยงจะเข้าไปในสังเวียนได้เพียง 2 คนเท่านั้น

 

9. ในการแข่งขัน เพื่อชิงตำแหน่งแชมป์เปี้ยน หรือป้องกันตำแหน่งประธานผู้ตัดสินจะต้องจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้ชี้ขาดผู้ตัดสิน ผู้จัดการ และพี่เลี้ยงนักมวย เพื่อเน้นให้ทุกคนทราบว่า การไม่ปฏิบัติตามกติกานี้อาจไม่เพียงถูกตัดคะแนนเท่านั้น แต่ยังอาจถูกตัดสินให้แพ้ หรือให้ออกจากการแข่งขัน

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ท่าฝึกออกอาวุธ พื้นฐาน สำหรับ นักมวยมือใหม่

นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก

ท่าฝึกออกอาวุธ พื้นฐาน สำหรับ นักมวยมือใหม่

ท่าฝึกออกอาวุธ พื้นฐาน สำหรับ นักมวยมือใหม่

นักมวยมือใหม่ ที่พึ่งสวมนวมมาลองชกมวยไทย ควรฝึกออกอาวุธให้ได้ในขั้นพื้นฐานให้เป็นเสียก่อนที่จะฝึกท่าแบบแม่ไม้มวยไทย และลูกไม้มวยไทย

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติไทยมาตั้งแต่โบราณ และนับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทยด้วย ในปัจจุบัน มวยไทย ก็ยังคงได้รับความนิยมทั้งในประเทศ และเป็นที่รู้จักของต่างประเทศ ทำให้มีหลายคนมีความสนใจต้องการเรียนมวยไทยได้

 

การต่อสู้ของมวยไทย มีการใช้อวัยวะ 4 อย่างในร่างกายในการออกอาวุธ เพื่อต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ได้แก่ มือ (หมัด) เท้า (เตะ) เข่า และศอก ผู้ที่สนใจเรียนมวย หรือนักมวยมือใหม่ ควรฝึกท่าออกอาวุธในแต่ละอวัยวะขั้นพื้นฐานให้ได้ ดังนี้

 

มือ (หมัด)

  • หมัดตรง หมายถึง การชกหมัดออกไปตรง ๆ จากการตั้งท่าปล่อยหมัดออกไปยังเป้าหมาย โดยการคว่ำลงให้ขนานกับพื้น อาศัยแรงจากไหล่ สะโพก และเท้า

 

  • หมัดงัด หมายถึง เริ่มต้นจากท่าจรดมวยขวา แล้วย่อตัวลง เท้าแยกห่าง ย่อเข่าซ้ายลง พร้อมกับลดหมัดซ้ายลงและหงายหมัดขึ้น แล้วบิดลำตัวไปทางขวาของตนเอง พร้อมกับดึงกระตุกหมัดซ้ายขึ้นตรง

 

  • หมัยเสย หมายถึง ชกหมัดในระยะประตัว ทิศทางการเคลื่อนที่ จากล่างขึ้นบน

 

  • หมัดตวัด หมายถึง การชกหมัด โดยการงอและเกร็งข้อศอกไว้ให้หมัดออกไปเป็นวิถีโค้ง อาจคว่ำ หรือตั้งหมัดก็ได้

 

 ศอก

  • ศอกตี หมายถึง ศอกที่ตีในลักษณะแนวดิ่งลงสู่พื้น โดยการใช้แรงหมุนจากหัวไหล่กดเฉียงลง ใช้มือที่ตีนั้นเข้าหาลำตัว พร้อมกับใช้แรงส่งจากเท้า การพับข้อศอกตีเฉียงลงกระทบเป้าหมาย สามารถตีได้ทั้งซ้ายและขวา

 

  • ศอกตัด หมายถึง การพับข้อศอกขึ้นตีศอก ทิศทางขนานกับพื้น โดยใช้แรงเหวี่ยงของแรงกระตุกจากหัวไหล่อย่างรวดเร็ว ใช้แรงส่งมาจากสะโพกแล้วบิดตัวให้มาก จึงจะถึงเป้าหมายอย่างรุนแรง

 

  • ศอกงัด หมายถึง ศอกที่เราใช้ตีเสยขึ้น หรืองัดขึ้น เป้าหมายไปที่ปลายคาง คิ้ว หรือใบหน้า

 

  • ศอกกลับ หมายถึง การหมุนตัวตีศอกทางด้านหลัง ส่วนใหญ่มักตีศอกกลับในแนวดิ่ง และศอกกลับในแนวขนาน โดยสามารถเพิ่มความรุนแรงได้จากการหมุนตัวด้วยความเร็วให้สัมพันธ์กับการศอกกลับ

 

เข่า

  • เข่าตรง หมายถึง เข่าที่เคลื่อนที่จากจุดเริ่ม ไปกระทบเป้าหมายแนววิถีทางตรงดิ่ง

 

  • เข่าเฉียง หมายถึง การตีเข่า ขึ้นเฉียงทำมุมกับลำตัวคู่ต่อสู้ เป้าหมายบริเวณชายโครง

 

  • เข่าโค้ง หมายถึง เข่าที่ใช้จะต้องบิดสะโพกคว่ำลงให้ทิศทางของเข่าลอยโค้ง จากบนลงปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า

 

  • เข่าลอย หมายถึง การตีเข่าขึ้นไปตรง ๆ โดยการกระโดดตัวลอยพันจากพื้น

 

เท้า (เตะ)

 

  • เตะตรง หมายถึง การเหวี่ยงเท้าขึ้นตรง ๆ เป็นท่อนเดียวกัน ปลายเท้างุ้ม และเอนตัวไปขั้นหลัง สามารถเตะได้อีกลักษณะ คือ ทำการยกเข่านำขึ้นมาก่อน แล้วจึงยกเท้าท่อนหลังขึ้นตาม ส่วนปลายเท้างุ้ม และเอนตัวไปขั้นหลังเช่นเดียวกัน

 

  • เตะตัด หมายถึง การเตะที่มีวิถีโค้งขึ้นเล็กน้อย แล้วตัดขนานกับไปกับพื้น สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 3 ระดับ คือ ระดับต่ำ ระดับกลาง และรำดับสูง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่แตะไปโดยส่วนใดของเป้าหมาย

 

  • เตะเฉียง หมายถึง การใช้แรงเหวี่ยงของเท้าเหวี่ยงขึ้นไปในแนวเฉียงจากพื้นสู่เป้าหมาย บริเวณชายโครง ลำตัว หรือปลายคางผู้ต่อสู้

 

  • เตะตวัด หมายถึง การเตะเหวี่ยง แล้วตวัดเท้าให้ส้นเท้าปะทะเป้าหมาย

 

ท่าออกอาวุธเหล่านี้ในแต่ละส่วน เหมาะสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มฝึกมวยไทย ที่จำเป็นต้องรู้จักท่าออกอาวุธพื้นฐานเหล่านี้เสียก่อน เพื่อเป็นพื้นฐานในการเรียนมวยไทยและใช้เป็นท่าต่อยอดสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มือใหม่หัดชก มวยไทย ควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ?

การย่างสามขุม สเตปการเดิน 3 จุดของมวยไทย

มือใหม่หัดชก มวยไทย ควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ?

มือใหม่หัดชก มวยไทย ควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ?

ถ้าจะให้ผู้ถึงกีฬา ที่ได้ความนิยมอย่างมากในไทย และยังถือเป็นกีฬาประจำชาติไทย นั้นก็คือ มวยไทย ที่เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ใช้แค่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว

 

            มวยไทย นั้นถือเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยม อย่างมากไม่ว่า ในประเทศไทยของเรา หรือต่างประเทศต่างก็พากันให้ความสนใจ เพราะด้วย ศิลปะการต่อสู้ที่สวยงาม บวกกับ วัฒนธรรมอันเป็นเอกลัก ทำให้ มวยไทย นั้นเป็นที่นิยม และเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ญี่ปุ่น จีน รวมไปถึง บราซิล และแถมยังมี ค่ายมวย ที่เปิดอยู่ต่างประเทศอีกมากมาย นี้ยังไม่รวมงานแข่งขัน มวยไทย ที่จัดขึ้นในประเทศ เห็นไหมว่า มวยไทย นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก และไม่ใช้ แค่วงการ กีฬา ที่ชื่อชอบ มวยไทย ยังรวมไปถึง วงการบันเทิง หรือ วงการเกม ที่ต่างพากันเอา มวยไทย ไปทำสื่อต่างๆ เช่น นำท่าทางการ ต่อสู้ของ มวยไทย ไปใส่ไว้ในเกม หรือ การนำเอาภาพยนตร์ ที่มีการต่อสู้ ในรูปแบบ มวยไทย นั้นจึงทำให้เห็นว่า มวยไทย นั้นเป็นที่นิยมมากมายขนาดไหน นั้นเอง

 

            สำหรับ หนุ่มๆ สาวๆ ท่านใด ที่กำลังสนใจและอย่างที่จะลองฝึก มวยไทย นั้นแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ควรเริ่มตรงไหนก่อนดี วันนี้เราจะมาแนะนำ ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนที่จะฝึก มวยไทย นั้นก็คือ อุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับ ฝึกหรือ อุปกรณ์ ที่ใช้ใน มวยไทย ว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละชิ้น สำคัญมากน้อยขนาดไหน ไปดูกัน

 

นวม ( Punching Mitts )

 

          แน่นอนว่า สิ่งแรกในการฝึกชก มวยไทย นั้นจะขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ นวม หรือ มีชื่อภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า Punching Mitts ที่จะเป็นอุปกรณ์ ที่สำคัญอย่างมากของ มวยไทย เพราะ นวม นั้นไม่ใช้แค่ใช้สำหรับ การฝึกเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการใช้ในการแข่งขัน เพราะประโยชน์ของมัน นั้นสามารถ ไปช่วยป้องกันการ มือของเรา ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับความบาดเจ็บที่น้อยลง นั้นเอง

 

กางเกงมวย ( Boxing shorts )

 

          การเกงมวย ก็คือว่าเป็น สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า นวม เลยก็ว่าได้ เพราะ กางเกงมวย นั้นได้ถูกออกเบบมา ให้ผู้ใส่นั้นรู้สึกถึงความ โล่งสบาย ขยับร่างกายได้คล้องตัว เพราะกีฬา มวยไทย นั้นอาใส ความรวดเร็ว และความคล้องตัวเป็นหลักและ ที่สำคัญ กางเกงมวย ถือเป็น อุปกรณ์ ที่สามารถตัวแทนได้ เพราะส่วนใหญ่ คนมักจะปักชื่อ หรือ ฉายา ค่ายมวย ไว้ที่กางเกง นั้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ดีของนักมวยเลยทีเดียว

 

ฟันยาง ( Rubber teeth )

 

สำหรับ ฟันยาง ถือว่าเป็นอุกกรณ์ ที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการ ซ้อม หรือ การแข่งขัน เพราะ ฟันยาง มันสามารถไปช่วยป้องกัน ฟัน ของเราไม่ให้รับบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี และสำหรับ มือใหม่ ที่กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อแบบไหน ดีหรือ ควรซื้อแบบไหน เราขอแนะนำ ฟันยางแบบ boil and bite ซึ่งต้องต้มให้ร้อนก่อน และหลักจากนั้น ให้เรา กัด เพื่อให้พอดีกับช่องปากของเรา ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยที่สุด สำหรับฟันยางประเภทนี้ คือบางทีมันก็ไม่พอดี กับขนาดช่องปากตลอดเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่นักกีฬามืออาชีพเลือกใช้งานฟันยาง แบบสั่งทำเฉพาะ เพราะจะมีขนาด ที่พอดีกับช่องปากของเรา แต่ก็มาด้วยราคา ที่แพงขึ้นนั้นเอง สำหรับ หนุ่มๆ สาวๆ ท่านใดที่คิดอยู่ว่า จะลงทุนดีไหม เราก็มี สองทางเลือกให้ลองไปคิดกัน

 

แองเกิล ( Ankle )

 

          อุปกรณ์ชิ้นต่อไปที่เราอยากจะแนะนำ นั้นก็คือ แองเกิล คงจะไม่ค่อยมีใครรู้จักกันสักเท่าไร แต่ถ้าเห็นภาพ ต้องมีร้อง อ๋อ กันอย่างแน่นอน เพราะ รูปทรงมันจะคล้ายๆ กับถุงเท้า แต่มันจะเป็นถุงเท้า ที่เปิดส้นเท้า และนิ้วเท้าของเรา ข้อดีของมันก็คือ สามารถไปช่วยซัพพอร์ต ข้อเท้าของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับการบาดเจ็บน้อยลง เพราะ นักมวย นั้นต้อง เคลี่อนไหว อยู่ตลอดเวลา ทำให้อาจเกิดการอักเสบ หรือ บาดเจ็บ ได้ นั้นทำให้ แองเกิล จึงมีประโยชน์ ต่อ นักมวย นั้นเอง

 

            และนี้ก็คือ อุปกรณ์ ในการฝึกหรือซ้อม มวยไทย ที่เราจะเอามาแนะนำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่เราควรเตรียมนั้นก็คือ น้ำมันมวย ( Muay Thai Oil ) ถือว่าเป็น สิ่งสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะมันจะช่วยในเรื่องของการ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย สนับแข้ง ( Warrix ) ที่ก็จำเป็น ในการซ้อมเช่นกัน เพราะมันสามารถไปช่วยป้องกัน ส่วนหลังเท้า และหน้าแข้ง ของเราได้เป็นอย่างดี และ ผ้าพันมือ ( Cotton Hand Wrap ) ซึ่งการพันมือ นั้นจะช่วยปกป้อง กระดูกตรงบริเวณส่วนมือของเรา และยัง รวมไปถึงเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนโดยรอบ และ อีกทั้งยังทำให้นิ้ว และข้อมือ ไม่ขยับเขยื้อนไปใน ตำแหน่งที่อาจทำให้เกิด การบาดเจ็บ ได้นั้นเอง และที่สำคัญไปกว่า อุปกรณ์ก็คือ ใจมุ่งมั่น เพราะการฝึกมวยไทยนั้น ถือว่าเป็นการฝึกที่โหด พอตัว เพราะกว่านักมวย จะมาถึงจุดที่เรียนก ว่า นักมวย นั้นต้องผ่านการฝึก การซ้อม ที่ดุเดือน เอาการ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการ ฝึกก็คือ ใจต้องเกิน ร้อยนั้นเอง

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

ออกกำลังกาย ฉบับ มวยไทย

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

กระสอบทราย อุปกรณ์ สำคัญ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai )

กระสอบทราย ( Sandbag ) เป็นอุปกรณ์ การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่สำคัญอย่างหนึ่ง วัสดุภายนอก ทำด้วยผ้าใบ หรือ หนัง เพื่อป้องกัน อาการบาดเจ็บ จากการ เตะ ต่อย เรียกได้ว่าเป็น เพื่อนคู่ใจ คู่หูนักชก เลยก็ว่าได้

 

กระสอบทราย ( Sandbag ) คืออะไร ?

กระสอบทราย ( Sandbag ) คือ อุปกรณ์การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่สามารถทำได้ทั้ง ต่อย เตะ และ การฝึกท่าต่าง ๆ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) และ มวยสากล ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อ และ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพ รวมถึงช่วยพัฒนา ความสามารถ ทั้งด้านการ เตะ ต่อย ให้แก่นักมวย ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง กระสอบทราย ( Sandbag ) ก็มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังนี้

 

 

1 กระสอบทรายแขวน ( Hanging sandbags )

เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน มีราคาถูก แต่ปัญหาส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของการติดตั้ง ซึ่งมีความยุ่งยากมากกว่า ในการติดตั้ง กระสอบทรายแขวน ( Hanging sandbags ) จะต้องทำการติดตั้งอย่างน้อย 3 เมตร ทำให้การติดตั้ง ในพื้นที่ที่มีเพดานไม่สูง ไม่สามารถที่จะทำได้ และ ก่อนที่จะติดตั้ง กระสอบทรายแขวน ( Hanging sandbags ) จะต้องยัดทราย หรือ เศษผ้า ใส่ในตัวกระสอบก่อน หากเลือกเป็นทรายที่ยัด จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของน้ำหนัก และ ตะขอที่จะใช้แขวน เพิ่มเข้ามาอีก เพราะต้องคำนึงถึง ความแข็งแรง ความมั่นคง ที่สามารถรับน้ำหนักได้

 

 

2 กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag )

เริ่มมีความนิยมมากขึ้น ในปัจจุบัน เนื่องจากมีขั้นตอน ในการติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องยัดของใส่กระสอบ เนื่องจาก กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) ส่วนใหญ่จะทำการบุฟองน้ำ และ หุ้ม มาให้เรียบร้อยแล้ว สามารถนำวางในพื้นที่ ที่ต้องการใช้ซ้อมได้เลย แต่ควรเผื่อพื้นที่ ไว้เล็กน้อยด้านละ 2 เมตร เพราะ กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร และ สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก

 

 

 

ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากมี กระสอบทราย ( Sandbag ) สักอันไว้ฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ ออกกำลังกาย ขอแนะนำ กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) น่าจะเหมาะสม สำหรับยุคปัจจุบัน เพราะเคลื่อนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย ไม่สร้างความเสียหายแก่ตัวบ้าน ช่วยป้องกันการบาดเจ็บ จากการฝึกสอบ เพราะ กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) จะไม่แข็งจนเกินไป มีการซับแรงในการ เตะ ต่อย แรง ๆ ด้วยคอสปริง ทำให้ลดอาการบาดเจ็บได้ ช่วยสร้างบรรยากาศ ในการฝึกซ้อม ทำให้รู้สึก เหมือนมีคู่ต่อสู้จริง เป็นการกระตุ้น ให้อยากออกกำลังกาย มากยิ่งขึ้น

 

 

ถ้าเลือก กระสอบทราย ( Sandbag ) กันได้แล้ว มาดูกันดีกว่าว่า กระสอบทราย ( Sandbag )  ให้ประโยชน์อะไร กับคุณได้บ้าง ?

กระสอบทราย ( Sandbag ) ช่วยระบายความโกรธ ระบายความเครียด ใครเจอภาวะเครียด จากการทำงาน หรือ กำลังโกรธใครมาไม่รู้จะระบายยังไง ขอแนะนำให้กลับบ้าน มาสวมนวม ชก เตะ ถีบ กระสอบทราย ( Sandbag ) เพื่อระบายอารมณ์ เมื่อคุณได้ปลดปล่อยพลัง ออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ความเครียด ความโกรธ ทั้งหลายก็จะเบาลง

 

กระสอบทราย ( Sandbag ) ช่วยเรียกได้เหงื่อ ได้กล้ามเนื้อ ได้ร่างกายแข็งแรง การชก เตะ ถีบ กระสอบทราย ( Sandbag ) เป็นการ ออกกำลังกาย อย่างหนึ่ง การได้ออกแรง ใช้พละกำลัง ทำให้ได้เหงื่อ ได้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไขมันรอบเอว ต้นขา ต้นแขน ก็จะหายไปด้วยจาก การออกกำลังกาย ยิ่งหากใช้เวลาอยู่กับมันสัก 1 ชั่วโมง จะเผาพลาญได้ประมาณ 800 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว นอกจากร่างกาย จะแข็งแรงแล้ว การได้ชก เตะ ถีบ กระสอบทราย ยังเป็นการฝึก สมาธิอีกด้วย เพราะเราจะต้องมีจิตใจ จดจ่ออยู่ที่ กระสอบทราย ( Sandbag )

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ กระสอบทราย ( Sandbag )  มีดีกว่าที่คิดใช่ไหมละ ไม่ว่าจะ กระสอบทรายแขวน ( Hanging sandbags ) หรือ กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) และเป็นการ ออกกำลังกาย ที่น่าลอง ถ้าพื้นที่ยังว่าง ลองหาซื้อสักอัน จะได้ออกแรง สร้างกล้ามเนื้อกันนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

 

นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก

นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก

นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก

คนไทยเรา สามารถดังไกลระดับโลกได้มากมาย หลายคน ซึ่งวันนี้เราจะพามารู้จักส่วนหนึ่งของ นักมวยไทย ดังไกล ระดับโลก มาให้ผู้ที่สนใจรู้จัก จะมีใครบ้างนั้นมาดูกัน ว่ามีคนที่คุณรู้จักอยู่ในนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งที่เรานำมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

 

สุดสาคร ส.กลิ่นมี

สุดสาคร ส.กลิ่นมี ชื่อเดิมคือ สม กลิ่นมี เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2529 ที่เมืองพัทยา สุดสาครถือว่าเป็น นักมวย ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งมีส่วนสูงถึง 180 เซนติเมตร น้ำหนัก 71 กิโลกรัม เป็นรุ่นไลท์เวท , เวลเตอร์เวท สังกัดที่ค่ายส.กลิ่นมี โดยมีผู้ฝึกสอนคือ พัทยา ส.กลิ่นมี ฟีลิปโป ชินตี(อิตาลี)

สุดสาคร ส.กลิ่นมี ถือว่าเป็น นักมวยไทย ที่มีชื่อเสียง ระดับโลก อีกรายหนึ่ง จากสไตล์การชกของเขา ที่มีลีลาพริ้ว และดุดันทำให้เป็นที่ชื่นชอบของแฟน มวยไทย และต่างชาติเป็นอย่างมาก สุดสาคร เริ่มฝึกหัด มวยไทย ตั้งแต่อายุตอน 6 ขวบ มีพ่อยักษ์เป็นโค้ชคนแรก

สุดสาคร ส.กลิ่นมี ได้แชมป์มากมาย อาทิเช่น แชมป์มวยไทย 7 สี , ราชดำเนิน , อ้อมน้อย และ ลุมพินี มีเขามีชื่อเสียงจนหา คู่ชก ได้ยากในรุ่นเดียวกัน เลยทำให้ผู้ใหญ่ดึงเข้ามาร่วมการแข่งขันในรายการไทยไฟท์ และก็เป็นรายการมวยไทยที่ใหญ่ที่สุดในไทย เพราะมีการถ่ายทอดสดไปเกือบทั่วโลก ซึ่งรายการนี้จะเน้นเอานักชกชาวต่างชาติเก่งๆ มาปะทะฝีมือกับนักมวยชาวไทยทั้งนั้น

 

ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์

ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 เป็น นักมวยไทย อีกคนหนึ่งที่ดัง ระดับโลก และเป็นอดีต แชมป์โลก มวยไทย ซูเปอร์เวลเตอร์เวท ของมวยไทยสภามวยโลก ด้วยน้ำหนัก 154 ปอนด์ และอดีตแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี 3 สมัยในรุ่นฟลายเวท (112 ปอนด์) และเวลเตอร์เวท (147 ปอนด์) สังกัดที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ยิม ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ยอดแสนไกลมีฉายาว่า มวยคอมพิวเตอร์ จากสื่อมวลชนของไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงเทคนิคการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ

 

สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง

สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง หรือ อนุลักษณ์ จันทร์สุข เป็นชาวบุรีรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2534 มีฉายาที่แฟนคลับเรียกว่า The Killer Kid แปลเป็นไทยว่า เจ้าหนูนักฆ่า เป็นนักมวยที่มีบ้านเกิดอยู่จังหวัดเดียวกันกับ บัวขาว บัญชาเมฆ และกับอีก นักมวย ชื่อดังหลาย ๆคน เริ่มฝึกหัดต่อยมวยมาตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งเขาถือว่าโชคดีมากเพราะได้พ่อผู้เป็นอดีตนักมวยอาชีพ สมาน เมืองรอง มาเป็นผู้ฝึกสอนให้ หลังจากการกำศึกฝึกปรือวิชา มวยไทย จนช่ำชองแล้ว จากการต่อยเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ระแวกบ้านเกิด และถิ่นใกล้เคียง ในตอนนั้นเขามีค่าตัวเพียง 150 ต่อไฟท์ ไม่นานนักเขาก็ได้เข้าสู่เวทีใหญ่ คือ สังเวียน นักมวย อาชีพอย่างแท้จริง

 

แสนชัย ส คิงสตาร์

แสนชัย ส คิงสตาร์ หรือ ศุภชัย แสนพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 เป็นชาวมหาสารคาม มีความชื่นชอบกีฬาชก มวย มาตั้งแต่เด็ก เคยเป็น นักมวยไทย ที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งที่สุดในยุคนี้ เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ สถิติการชกมวยสากล 5 ครั้ง ชนะ 5 (น็อค 2) แสนชัยเป็น นักมวยไทย ที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยชก มวยสากล มีสไตล์การชกที่ สนุก ดุ ดัน จนต่างชาติเชีย และชื่นชอบในตัวเขา

 

บัวขาว บัญชาเมฆ

บัวขาว บัญชาเมฆ ( Buakaw Banchamek ) หรือ ร้อยตรี สมบัติ บัญชาเมฆ เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2525 เป็นชาวสุรินทร์ ก่อนเคยใช้ชื่อว่า บัวขาว ป.ประมุข ถือเป็นอีกคนที่เป็น นักมวย ระดับโลก เป็นอดีตแชมป์สนามอ้อมน้อย 2 สมัย ลุมพินิสเตเดียม โตโยต้า มาราธอนแชมป์ และแชมป์เปี้ยนไทยรุ่นเฟเธอร์เวท รวมไปถึงแชมป์ K-1 World Max 2 สมัย ปัจจุบันนี้ได้เป็น นักมวยไทย ติดอันดับ 10 ในรุ่นไลท์เวทที่ถูกจัดอันดับโดย Combat Press

 

เกียรติประวัติ

- ชนะอันดับที่ 1 : K-1 World MAX champion 2004

- ชนะอันดับที่ 1 : K-1 World MAX champion 2006

- ชนะอันดับที่ 1 : Shoot Boxing S-Cup World champion 2553

- ชนะอันดับที่ 1 : WMC World champion 2549 , 2552 , 2554 , 2557

- ชนะอันดับที่ 1 : WBC Muaythai Diamond World Championship ปี 2557

 

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เรื่องจริงไม่จ้อจี้ มวยไทย ช่วยลดน้ำหนักได้

แม่ไม้ มวยไทย ต้องคู่กับ ลูกไม้ มวยไทย

 

เรื่องจริงไม่จ้อจี้ มวยไทย ช่วยลดน้ำหนักได้

เรื่องจริงไม่จ้อจี้ มวยไทย ช่วยลดน้ำหนักได้

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังมีความสนใจในกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เป็นเหมือนดั่งศิลปะการต่อสู้พื้นฐานที่น่าภูมิใจของไทย คุณไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยลดน้ำหนักได้

 

     ในยุคนี้ คุณอาจจะเคยเห็นคุณผู้หญิง หรือเหล่าดารา ผู้หญิงสวย ๆ ทั้งหลาย เริ่มหันมาออกกำลังกายด้วย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) กันอย่างเนืองแน่น เพราะพวกเธอเล็งเห็นแล้วว่า กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ได้มีดีแค่ สามารถสร้างหุ่นสวยให้ดีเป๊ะได้เพียงเท่านั้น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ยังสามารถสร้างให้พวกเขา มีศิลปะการต่อสู้ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวได้อีกด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จึงเปรียบเสมือนดั่งศิลปะที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทยที่เราทุกคนควรตระหนัก และฝึกเอาไว้สืบทอดกันต่อไปจากรุ่นสู่รุ่นได้

 

          สร้างหุ่นดีให้สวยเป๊ะ ได้ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )

     สร้างหุ่นดีให้สวยเป๊ะ ได้ด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) คุณสามารถสร้างได้ไม่ยาก หากคุณมีที่ ๆ ฝึกซ้อมชั้นดี ที่สามารถให้คุณ ปล่อยพลัง มวยไทย ( Muay Thai ) ได้อย่างเต็มที่ และสถานที่ฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) พร้อมครูมวยที่มีประสบการณ์ สามารถสอนคุณให้คุณเป็นได้ไวที่สุด เราขอแนะนำให้คุณมาที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) ยิมฝึก กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ เพราะไม่เพียงมีแต่คนไทยที่เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังมี ชาวต่างชาติ เข้ามาฝึกซ้อมอยู่สม่ำเสมอ อย่างไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) บ้านเราเสียจริงเชียว

     กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้คุณ ออกกำลังได้เต็มทุกสัดส่วน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่สามารถทำให้คุณออกกำลังได้เต็มทุกสัดส่วนของร่างกาย นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแกร่ง ยังดีต่อทุก ๆ ระบบการไหลเวียนเลือดในกระแสโลหิต อีกทั้งการชกมวยยังสามารถช่วยเพิ่มให้คุณมีทักษะในการทรงตัว และสามารถโต้ตอบได้ทุก ๆ ปฏิกิริยา และความคล่องแคล้ว กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นกีฬาที่สามารถทำให้คุณมีไหวพริบที่ดีขึ้น เพิ่มกล้ามเนื้อให้คุณได้อย่างเต็มที่ทุกสัดส่วน นับว่าเป็นตัวช่วยชั้นดีที่สามารถทำให้คุณลดน้ำหนัก หรือจะเป็นการเบิร์นไขมันก็ได้ทั้งนั้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ เพียงแค่คุณฝึกชก ครั้งล่ะ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ใน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หุ่นคุณก็จะเฟิร์มขึ้น จนสามารถรู้สึกได้แน่ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงได้นั่นเอง

     กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยทำให้หน้าท้องแบนราบได้ง่าย ๆ หากคุณคิดอยากจะมี ซิกซ์แพค ( Six Pack ) คุณสามารถทำได้ หากคุณได้ลองมาเล่น กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่คุณจะสามารถออกกำลังกายได้เต็มที่ทุกส่วนของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ช่วงหน้าท้องให้คุณลองซิทอัพ ( SIT UP ) เสร็จแล้ว มาต่อด้วยการชกมวยดูสิ คุณจะสามารถใช้กล้ามเนื้อแกนกลางได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน เพราะนั่นจำเป็นต้องมีการบิดสะโพกที่แรงมาก เพื่อเป็นการส่งหมัดออกไปในแต่ล่ะครั้ง ทุกครั้งที่เราส่งหมัดออกไปจะมีการเผาผลาญพลังงานเกิดขึ้น แล้วเมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรงขึ้น และมีการเผาผลาญไขมันกล้ามหน้าท้องอันแบนราบก็จะมาหาได้ในไม่ช้า นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ผู้หญิงมักมาออกกำลังกายด้วยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) กันนั่นเอง

     ชกมวย แบบ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้แคลอรี่เยอะ ตัวเลขมักเป็นเรื่องสำคัญกับผู้หญิง เรารับประกันได้เลยว่า มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่มีการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายเกือบทุกชนิด แม้กระทั่ง โยคะ, พิลาทิส สิ่งที่แตกต่างอย่างสำคัญอีกข้อคือ การที่ออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) จะได้ใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อม ๆ กัน การเตะหนึ่งครั้งจะได้ทั้งกล้ามเนื้อไหล่ กล้ามท้องด้านข้าง ไปจนถึง กล้ามเนื้อขา เรียกว่าได้ทั้งตัว ถือเป็นวิธีที่เหมาะสมในการ ลดน้ำหนัก ได้ถึง 2,000 แคลอรี่ เลยทีเดียว

 

     กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จึงนับว่าเป็นกีฬาที่สามารถช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ทุก สัดส่วน หากคุณกำลังต้องการการออกกำลังกายที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยคุณได้

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

แม่ไม้ มวยไทย ต้องคู่กับ ลูกไม้ มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะป้องกันตัวชั้นเลิศ

แม่ไม้ มวยไทย ต้องคู่กับ ลูกไม้ มวยไทย

แม่ไม้ มวยไทย ต้องคู่กับ ลูกไม้ มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เหมือนชาติใด ส่วนใหญ่เราก็คงเคยได้ยินเฉพาะแม่ไม้ มวยไทย แต่รู้ไหมว่า ลูกไม้ มวยไทย ก็มีด้วยเช่นกัน มาทำความรู้จักกันเลย

 

     มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นสามารถใช้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายเป็นอาวุธได้หมด เช่น การออกอาวุธยาว หมายถึง การใช้เท้าเตะ รองจากการออกอาวุธยาว คือ การออกอาวุธเข่า และศอก การออกที่ใช้อวัยวะหมัด ศอก เท้า เข่า และศีรษะได้อย่างครบทุกส่วนแล้ว เมื่อเข้าประชิดตัวต้องสามารถกอดรัด ปล้ำ หัก จับ ทุ่ม โขก คู่ต่อสู้ได้ทั้งรุก และรับอย่างชำนาญ การฝึกหัด มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นต้องใช้ความพยายาม และอดทนต่อความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น การฝึกต้องใช้เวลานานอาจจะเริ่มตั้งแต่เด็กที่มีอายุประมาณ 9-10 ปี ต้องเรียนรู้จริยธรรมคุณธรรมสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้โมโห หรือโกรธได้อย่างง่าย ๆ เพราะเป็นช่องทางที่จะทำให้เสียเปรียบคู่ต่อสู้ได้ง่ายเกิดจากความขาดสติยับยั้ง และความสุขุมรอบคอบไม่สามารถใช้ความคิดของตนเองให้เกิดไหวพริบได้

 

          ลักษณะลีลาของ มวยไทย ( Muay Thai )

1. มวยหลัก หรือ มวยแข็ง

     หมายถึง มีวิธีการต่อสู่อย่างรัดกุม สุขุมรอบคอบ ทั้งท่าคุมมวย และจดมวยให้มั่นคง กาเคลื่อนตัวควรก้าวอย่างเต็มไปด้วยความระมัดระวังอาจจะทำให้ดูเหมือนเชื่องช้า แต่ลักษณะประเภทนี้จะถูกสอนให้ตั้งรับ และรอจังหวะสุขุมเยือกเย็น มีลำหักลำโค่นดีใช้ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้หนักหน่วง รุนแรง และแม่นยำ ลีลาของ มวยไทย ( Muay Thai ) ลักษณะนี้เหมาะกับคนรูปร่างใหญ่ และใจเย็นฝึกฝนมวยหลัก

2.มวยเกี้ยว หรือ มวยอ่อน

     หมายถึง มีวิธีการต่อสู้ที่ใช้ชั้นเชิงแพรวพราว การเข้าทำคู่ต่อสู้ จะไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนตัวไปมา ทั้งซ้าย และขวาสลับกันจึงทำให้คู่ต่อสู้จับทางมวยยาก มวยเกี้ยวจะมีลีลาท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไว หลบหลีก หลอกล่อ และมีสายตาที่ดี การฝึกนั้นถึงขั้นต้องเยื้องย่างในน้ำ ตีน้ำให้กระเซ็น ห้ามหลับตา แรงต้านของน้ำจะช่วยให้เมื่ออยู่บนบกจะสามารถรุกรับ ออกอาวุธได้อย่างรวดเร็วทั้งเท้า เข่า หมัด และศอก ลีลาของมวยไทย ( Muay Thai ) ลักษณะนี้เหาะสำหรับคนที่มีรูปร่างเล็ก ผอมเพรียว จะสามารถฝึกหัดมวยเกี้ยวได้ดี

     มวยหลัก และมวยเกี้ยวต่างก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว คือ มวยหลักนั้นจะมีความรุนแรงในการใช้ ศอก เขา เท้า ส่วนมวยเกี้ยวนั้นจะใช้ศอก เข่า เท้า ได้อย่างรวดเร็ว และฉับไวกว่า และไม่รุนแรงเท่ามวยหลัก แต่มวยหลัก และมวยเกี้ยวนั้นต่างขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวบุคคลสำหรับผู้ที่มีรูปร่างไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปก็สามารถฝึกฝนผสมผสานกันระหว่างมวยหลัก และมวยเกี้ยวได้ คือ มีทั้งความรุนแรงในการใช้ศอก เข่า เท้า และความคล่องแคล่วว่องไว การฝึกฝนที่ดีควรจะเป็นทั้งมวยหลัก และมวยเกี้ยว คือ ตีทั้งวงนอก และวงใน ถนัดทั้งรุก และรับ เพราะฉะนั้นการฝึกแม่ไม้ และลูกไม้ควรฝึกฝนหลายรูปแบบ ซึ่งจะใช้เวลานาน และต้องมีความอดทนฝึกฝนตลอดปีติดต่อกันเป็นขั้นตอนมีระบบ และระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน

 

          แม่ไม้ มวยไทย กับลูกไม้ มวยไทย

     แม่ไม้ มวยไทย กับลูกไม้ มวยไทย คือ กระบวนท่าศิลปะป้องกันตัวทั้งรุก และรับที่มีท่าทางที่สวยงาม และน่าเกรงขามเป็นทั้งศาสตร์ และศิลป์ที่บรรพบุรุษของคนไทยได้คิดสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาด ซึ่งมีวิวัฒนาการมาเป็นพันปี และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สั่งสมสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่สำคัญในการฝึกอันเป็นพื้นฐานของการใช้ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ซึ่งผู้ฝึกจะต้องเรียนรู้ และปฏิบัติให้เกิดความชำนาญก่อนที่จะมาฝึกลูก มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่าทั้งแม่ไม้กับลูกไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเป็นการฝึกอย่างละเอียด

1. แม่ไม้มวยไทย ( Muay Thai )

     ประกอบไปด้วย 15 ท่า ดังนี้

- สลับฟันปลา

- ปักษาแหวกรัง

- ชวาซัดหอก

- อิเหนาแทงกริช

- ยอเขาพระสุเมรุ

- ตาเถรคาฝัก

- มอญยันหลัก

- ปักลูกทอย 

- จระเข้ฟาดหาง

- หักงวงไอยรา

- ปิดหางนาคา

- วิรุฬหกกลับ

- ดับชวาลา

- ขุนยักษ์จับลิง

- หักคอเอราวัณ 

 

2. ลูกไม้มวยไทย ( Muay Thai )

     ประกอบไปด้วย 15 ท่า ดังนี้

- เอราวัณเสยงา

- บาทาลูบพักตร์

- ขุนยักษ์พานาง

- พระรามน้าวศร

- ไกรสรข้ามห้วย

- กวางเหลียวหลัง

- หิรัญม้วนแผ่นดิน

- นาคามุดบาดาล

- หนุมานถวายแหวน

- ยวนทอดแห

- ทะแยค้ำเสา

- หงส์ปีกหัก

- สักพวงมาลัย

- เถรกวาดลาน

- ฝานลูกบวบ

 

     แม่ไม้ มวยไทย กับลูกไม้ มวยไทย เป็นการผสมผสานการใช้อาวุธ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุก หรือรับในการต่อสู่ของ มวยไทย ( Muay Thai )และถ้านำไปผสมผสานกับมวยหลัก และมวยเกี้ยวก็จะยิ่งทำให้พลิกแพลงไปใช้กับคู่ต่อสู้ได้มากมาย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะป้องกันตัวชั้นเลิศ

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะป้องกันตัวชั้นเลิศ

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะป้องกันตัวชั้นเลิศ

มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นศิลปะป้องกันตัวที่มีมาอย่างยาวนาน ท่าต่าง ๆ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถนำมาปรับใช้ในยามฉุกเฉิน เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายได้ มาดูท่าป้องกันตัวกันค่ะ

 

1. สลับฟันปลา

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกัน และหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ โดยใช้หมัดซ้ายทิ่มเข้าหน้าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามจะเบี่ยงตัวมาทางขวาด้วยการก้าวเท้าซ้ายถอยหลัง หรือสืบเท้าขวาไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวาผลักแขนของฝ่ายตรงข้ามออกไปทางซ้าย ถ้าเราใช้หมัดขวาการป้องกัน และตอบโต้ก็ท่าทำนองเดียวกัน แต่เป็นลักษณะตรงกันข้าม คือ เบี่ยงตัวมาทางซ้าย แล้วใช้ฝ่ามือซ้ายตบผลักแขนของฝ่ายตรงข้ามออกไปทางขวา การยักย้ายถ่ายเทดังกล่าวของทั้งสองท่า มีอาการเคลื่อนไหวของร่างกาย และแขนในลักษณะสลับฟันปลา เป็นการป้องกัน ก่อนที่จะหาโอกาสตอบโต้ในจังหวะที่เหมาะสมต่อไป

 

2. ปักษาแหวกรัง

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกัน และตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เข้าปล้ำ และกอดรัด เราจะเคลื่อนตัวเข้าหาฝ่ายตรงข้าม และใช้แขนทั้งสองจะเข้ากอดรัด ฝ่ายตรงข้ามยกแขนทั้งสองสอดเข้ากลาง ระหว่างแขนของเรา ใช้แขนท่อนล่างทั้งสองแขนกันไว้ ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามโอบแขนเข้ามาได้ เป็นการป้องกัน พร้อมกันนั้นก็ใช้เข่า จะเป็นเข่าใดก็ได้ตามจังหวะการเคลื่อนไหวขณะนั้น ยัดหรือแทงเข่าเข้าไปที่ลำตัวของคู่ต่อสู้ เป็นการตอบโต้

 

3. ชวาซัดหอก

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยศอก โดยเราใช้หมัดขวาทิ่มเข้าตรงหน้าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามจะก้มตัวหลบทางขวา พร้อมกันนั้นก็ใช้ฝ่ามือขวากันแขนขวาของฝ่ายขาวออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็สืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า พร้อมกับใช้ศอกซ้าย เหวี่ยงหรือกระทุ้งเข้าที่กลางลำตัวของเราเป็นการตอบโต้

 

4. อิเหนาแทงกริช

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยเข่า โดยที่เราใช้หมัดขวาทิ่มเข้าตรงหน้าฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามใช้ฝ่ามือขวากันแขนของเราออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้เข่าซ้าย แทงเข้าที่กลางลำตัวของเราเป็นการตอบโต้

 

5. ยกเขาพระสุเมรุ

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง และตอบโต้ด้วยการจับทุ่ม ฝ่ายตรงข้ามจะใช้ขาขวาเหวี่ยงแข้งสูงเข้าบริเวณลำคอด้านซ้ายของเรา จากนั้นเราก็หลบลำตัวต่ำ พร้อมทั้งสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวากันขาขวาฝ่ายตรงข้ามไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันเราก็ใช้มือซ้ายโอบขาขวาฝั่งตรงข้ามไว้ยกขึ้นใส่บ่า แล้วยกขาขวาเราขึ้นสูงพร้อมกับดันไปข้างหน้า ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหลักล้มลงได้ เป็นการตอบโต้

 

6. ตาเถรค้ำฟัก

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยการกระทุ้งหมัดขึ้น ฝ่ายตรงข้ามจะใช้หมัดซ้ายทิ่มเข้าตรงหน้าเรา เราก็ใช้ฝ่ามือขวากันแขนขวาเราไปทางซ้าย เป็นการป้องกันตัว ในขณะเดียวกันก็ใช้หมัดซ้ายกระแทกเสยเข้าบริเวณปลายคางของฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้

 

7. มอญยันหลัก

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันคู่ต่อสู้จู่โจม ด้วยการยกเท้ายันไว้ ฝ่ายตรงข้ามใช้หมัดขวาทิ่มเข้าตรงหน้าเรา เราใช้แขนซ้ายท่อนล่างยกขึ้นกันหมัดฝ่ายตรงข้ามให้เบนออกไปทางขวา เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้เท้าซ้ายถีบยันไปยังส่วนกลางของลำตัวฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้

 

8. ปักลูกทอย

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกัน การเหวี่ยงแข้งของคู่ต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามใช้แข้งซ้ายเหวี่ยงเข้าที่ลำตัวด้านซ้ายของเรา จากนั้นเราใช้ศอกทั้งคู่ปักลงบนขาซ้ายของฝ่ายตรงข้ามเป็นการป้องกัน และตอบโต้พร้อมกันไปในตัว

 

9. จระเข้ฟาดหาง

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ตอบโต้ปรปักษ์ด้วยการเหวี่ยงแข้ง โดยเราหมุนตัวกลับหลังไปทางขวาด้วยขาซ้าย โน้มตัวลงต่ำ แล้วใช้ขาขวาเหวี่ยงสูงเข้าใส่บริเวณก้านคอของฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้ ก่อนที่จะกระทำต่อเรา

 

10. หักงวงไอยรา

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันการเหวี่ยงแข้งของคู่ต่อสู้ด้วยการจับขากด ฝ่ายตรงข้ามเหวี่ยงแข้งด้วยขาขวา แล้วเราก็ใช้แขนซ้ายกัน แล้วจับขาขวาฝ่ายตรงข้ามไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้ท่อนแขนขวาส่วนล่าง กดลงไปบริเวณเข่าของฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้

 

11. บิดหางนาคา

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันการถีบของคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยการจับเท้าบิด ฝ่ายตรงข้ามใช้เท้าซ้ายถีบไปบริเวณกลางลำตัวของเรา จากนั้นเราใช้มือทั้งสองจับเท้าของฝ่ายตรงข้ามไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้มือทั้งสองบิดเท้าของฝ่ายตรงข้ามไปทางซ้าย เป็นการตอบโต้

 

12. วิรุฬหกกลับ

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ตอบโต้เมื่อคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง โดยฝ่ายตรงข้ามกำลังเริ่มใช้เท้าซ้ายเหวี่ยงแข้งเข้าลำตัวเรา เราควรหมุนตัวกลับหลังไปทางขวาเข้าประชิดตัวฝ่ายตรงข้าม เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้ศอกขวาเหวี่ยงกลับเข้าใส่หน้าฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้

 

13. ดับชวาลา

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันหมัดพร้อมตอบโต้ ฝ่ายตรงข้ามใช้หมัดขวาทิ่มมาตรงหน้าของเรา จากนั้นเราใช้แขนซ้ายท่อนล่างขึ้นกัน และผลักหมัดของฝ่ายตรงข้ามออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้หมัดขวาทิ่มตรงไปยังใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม เป็นการตอบโต้

 

14. ขุนยักษ์จับลิง

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกันหมัดของคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยการกอดคอ โดยฝั่งตรงข้ามใช้หมัดซ้ายทิ่มเข้าตรงหน้าเรา เราจึงใช้แขนขวาท่อนล่างกันไว้ เป็นการป้องกัน แล้วเข้าประชิดตัวเอาแขนซ้ายกอดคอคู่ต่อสู้ไว้ ข้างตัวด้านซ้าย เป็นการตอบโต้

 

15. หักคอเอราวัณ

     เป็นไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้ป้องกัน และตอบโต้เมื่อคู่ต่อสู้เข้าจับคอกอดปล้ำ ฝ่ายตรงข้ามจะเข้ากอดคอด้วยแขนขวา เราใช้ฝ่ามือขวาเสยที่ปลายคางฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายประกบด้านหลังคอ ใช้ทั้งสองมือช่วยกันผลักคอคู่ต่อสู้ให้หงายไปด้านหลัง เป็นการป้องกัน และตอบโต้พร้อมกัน

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ

ปัจจุบัน เราจะเห็นว่ามี นัก มวยไทย มืออาชีพ เก่ง ๆ เยอะแยะมากมาย พวกเขาทำอย่างไร ออกกำลังกาย ท่าไหน ถึงได้แข็งแรง ดูคล่องแคล่ว ว่องไว วันนี้เราจึงมาแนะนำการ ออกกำลังกาย ตาม นัก มวยไทย มืออาชีพ กันค่ะ

 

หากใครเคยผ่าน หรือ มีโอกาสได้เข้าไปเห็น บรรยากาศ การซ้อม มวยไทย ภายในยิมฝึก หรือ ค่ายมวยต่าง ๆ ก็จะรู้ดีว่า เหล่านักมวยมืออาชีพนั้น เขาซ้อมกันอย่าง หนักหน่วงมากเพียงใด เขาจะต้องอดทน ต่อการฝึกซ้อม การควบคุม การออกกำลังกาย อาหารการกิน น้ำหนัก เพื่อให้มีร่างกายที่ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด

 

วันนี้เรามีท่า ออกกำลังกาย ตามนักมวยมืออาชีพ ที่เขาใช้ในการสสร้างร่างกาย แบบ นักมวย มาฝากกันค่ะ

 

ท่าไหล่ดัน ( Shoulder Presses )

ท่าไหล่ดัน ( Shoulder Presses ) เป็นท่าที่ นักมวยมืออาชีพ ใช้สร้างกล้ามเนื้อ หัวไหล่ได้อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลัก คือ ดัมเบล ( Dumbbell ) ถ้าหากไม่มีจะใช้ เป็นขวดน้ำก็ได้ แล้วจับให้มั่นจากนั้น ดันขึ้นเหนือหัว ละลง อย่างต่อเนื่อง

 

วิดพื้นแบบตบมือ ( Clap Press – Up )

วิดพื้นแบบตบมือ ( Clap Press – Up ) เป็นวิธีการ ที่ นักมวยมืออาชีพ ใช้ ออกกำลังกาย ที่ง่าย และ สามารถทำตอนไหนก็ได้ ท่านี้ไม่ได้เพิ่มแค่ ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยปรับเรื่องของ Body Balance ที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับนักมวย

 

แพลงค์ ( Plank )

เป็นท่าที่ทำยาก และทรมานที่สุด เพราะต้องอาศัย ความแข็งแรง ของร่างกายหลาย ๆ ส่วน เป็นท่านักมวยมืออาชีพทุกคน ให้ความสำคัญ ลองทำควบคู่กับการ Crunches และ Sit Up จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น Plank จะเสริมสร้างความแข็งแรง ของร่างกายส่วนกลาง ให้ทนต่อหมดหนัก ๆ ของคู่ต่อสู้

 

คาร์ดิโอ ( Cardio )

ถ้าอยากมีหุ่นที่ฟิต แบบ นักมวยมืออาชีพ ต้องเริ่มจาก คาร์ดิโอ ( Cardio )  เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทำโดยการ ซิทอัพ วิ่ง กระโดดเชือก ต้องฝึกแบบการกระโดด ที่หลากหลาย และการฝึกความแข็งแรง ของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เช่น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อ หลังแขน การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอล เทรนนิ่งในท่าทางต่าง ๆ

 

ฟุ้ตเวิร์ค ( Foot work )

ฟุ้ตเวิร์ค ( Foot work ) ฝึกเพื่อใช้ในการหลบหลีก หมัดของคู่ต่อสู้ ความว่องไวในการ ฟุ้ตเวิร์ค ( Foot work ) จะช่วยเพิ่ม ความสามารถ ให้ นักมวยมืออาชีพ ในการรับมือ การต่อสู้ กับคู่ชกได้อย่างดี

 

ท่าชกเงา ( Shadow Boxing )

ท่าชกเงา ( Shadow Boxing ) เป็นการฝึกชกลม เพื่อให้นักนักมวยมืออาชีพ ฝึกการออกหมัด และท่าทางที่ถูกต้อง การชกลม เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ในการสร้างเทคนิคการชก การรักษาน้ำหนัก ความแข็งแรงของร่างกาย และสามารถฝึกที่ไหนก็ได้ ที่ทำให้เราขยับช่วงบน ได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น

 

Bag Work

( Bag Work ) คือ การต่อยกระสอบทราย ที่สามารถฝึก ความแข็งแกร่งของหมัด สายตา และการป้องกัน ให้ นักมวยมืออาชีพ ได้เป็นอย่างดี

 

Skipping

Skipping เป็นการหลบหลีก หมัดของคู่ต่อสู้ อาศัยความว่องไวของ Foot work ทำได้ง่าย ๆ โดย มีเชือกเส้นเดียวกับลานโล่ง ๆ Skipping เป็นสิ่งสำคัญของ นักนักมวยมืออาชีพ จะขาดไม่ได้ในเวลาซ้อม และยังเป็นท่าที่ใช้ รักษาสภาพร่างกาย ให้พร้อมอยู่เสมอ

 

ท่าวิดพื้น ( Push - Up )

ท่าวิดพื้น ( Push - Up ) เป็นท่าที่ทำยาก สำหรับคนไม่ค่อย ได้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายโดย ท่าวิดพื้น ( Push - Up ) จะให้ประโยชน์กับ กล้ามเนื้อหลายส่วน รวมถึงเพิ่มแรงผลัก เวลาที่ต้องคลุกวง กับคู่ต่อสู้ จึงเป็นที่นิยมกันในหมู่ นักมวยมืออาชีพ

 

ท่าสควอช ( Squat )

ท่าสควอช ( Squat ) เป็นการ ออกกำลังกาย ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรง ของร่างกายในส่วนล่าง เพราะนักมวยมืออาชีพ จะต้องมีการยืนที่มั่นคง พร้อมที่ปล่อยหมัด เพื่อรุกผู้ต่อสู้ ได้ตลอดเวลา หากทำท่า Squats ร่วมกับ ท่าบริหารสะโพกส่วนอื่น ให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีช่วงล่าง ที่แข็งแรงแน่นอน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

 

Chin Ups

( Chin Ups ) เป็นการออกกำลังกาย ที่ช่วยให้ช่วงบนแข็งแรง และสมส่วน จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ช่วงแขน อก ไหล่ ในท่าเดียวกัน แต่ไม่ควรหักโหมเกินไป จนกล้ามเนื้อบาดเจ็บ

 

ท่าเบอร์พี ( Burpees )

ท่าเบอร์พี ( Burpees ) เป็นหัวใจสำคัญ ในการออกกำลังกาย ให้ได้ผล หากใครอยากมีรูปร่างที่สมส่วน  ถ้าทำ ท่าเบอร์พี ( Burpees ) อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ควบคุม น้ำหนักตัว หรือ เพิ่มความแข็งแรง ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วย

 

บอกกันเลยว่า กว่าจะมาเป็น นักมวยมืออาชีพ นั้น เรียกได้ว่ายากลำบากมาก ต้องมีความอดทน มุ่งมั่น ทั้งร่างกาย และสภาพจิตใจเลยทีเดียว หากคุณอยาก ออกกำลังกาย ให้ได้ร่างกายที่แข็งแกร่ง แบบ นักมวยมืออาชีพ ก็ลองดูได้นะ แต่ต้องระวังให้มาก ๆ เพราะอาจจะทำให้เกิด อาการบาดเจ็บได้ ยังไงก็ควรจะอยู่ในการดูแล ของผู้ที่รู้จักวิธีการ ออกกำลังกาย หรือควรจะให้พอดี กับร่างกายคุณเองนะ

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

การย่างสามขุม สเตปการเดิน 3 จุดของมวยไทย

การย่างสามขุม สเตปการเดิน 3 จุดของมวยไทย

การย่างสามขุม เป็นหนึ่งในรูปแบบการเคลื่อนเท้าแบบมวยไทย เพื่อเคลื่อนรุกเข้าหรือถอยออกจากคู่ต่อสู้  ซึ่งการเคลื่อนที่ชนิดนี้ มีเอกลักษณ์ คือ การเคลื่อนเป็นจุดสามจุด

 

เป็นที่ทราบกันดีสำหรับนักมวย ผู้ที่ฝึกมวย หรือผู้ที่สนใจมวยไทย ว่า "เท้า" นั้นถือเป็นหนึ่งในอวัยวะในการออกอาวุธสำหรับมวยไทย นอกเหนือจาก มือ (หมัด) ศอก และเข่า ซึ่งนอกจากเท้า จะมีความสำคัญในการออกอาวุธแล้ว ยังมีความสำคัญในด้านการเคลื่อนไหวร่างกายในการต่อสู้ ซึ่งรูปแบบการเคลื่อนที่เท้าที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง สำหรับมวยไทย ก็คือ การย่างสามขุม

 

การย่างสามขุม คืออะไร?

การย่างสามขุม คำว่า "การย่าง" คือ การเดิน ส่วนคำว่า "ขุม" ในที่นี่เปรียบเสมือนหลุมหรือจุด สามขุม ก็คือ สามหลุมหรือสามจุดนั่นเอง การย่างสามขุม จึงหมายถึง การเดินจุด 3 จุด โดยการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

 

การย่างสามขุม หนึ่งในแม่ไม้มวยไทยไชยา

การฝึกซ้อมมวยไทยไชยา และแม่ไม้มวยไทยไชยา มีกระบวนท่าอยู่ 5 ชุด ส่วนแม่ไม้มวยไทยไชยา มี 7 ท่า ได้แก่

 

1. ปั้นหมัด

2. พันแขน

3. พันหมัด

4. กระโดดตบศอก

5. พันหมัดพลิกเหลี่ยม

6. เต้นแร้งเต้นกา

7. ย่างสามขุม

 

 

วิธีการย่างสามขุม

วิธีการ คือ ตำแหน่งจุดยืนแรก จะต้องตั้งท่ากำหมัดสองมือ ให้หมัดซ้ายกำเข้าหาต้ว อยู่ในระดับตํ่ากว่าตาเล็กน้อยและศอกห่างลำตัว ส่วนหมัดขวาให้กำเข้าหาตัว อยู่ในระดับราวนม และศอกแนบลำตัว  การกำหมัด เข้าหาตัว จะทำให้พลังหมัดที่พุ่งออกไป มีแรงส่งกว่าหมัดที่กำออก ถ้าถนัดหมัดซ้ายให้หมัดขวาเป็นหมัดหน้า และหมัดซ้ายอยู่ในระดับราวนมการยืนให้ยื่นเปิดเท้าแบะออก ส้นเท้าทั้งสองห่างกันหนึ่งศอก ถนัดหมัดขวาให้เท้าซ้ายยื่นออก และหันข้างลำตัวเข้าหาคู่ต่อสู้ ถ้าถนัด ซ้ายให้ทำในทางกลับกัน

 

เทคนิคการตั้งท่า

การตั้งท่า จะต้องป้องปิด อย่างแนบเนียน ตั้งแต่บั้นเอวจนถึงศีรษะ แต่ช่วงล่างตั้งแต่บั้นเอวลงมาถึงเท้ายังมีช่องว่างอยู่ มวยไทยจึงต้องย่อตัวลงเล็กน้อย และเผยอปลายเท้าออกเล็กน้อน เพื่อให้หัวเข่าทั้งสองข้าง ไม่เกิดมุมที่เสี่ยงต่ออาการหักหรือเคล็ด เมื่อถูกคู่ต่อสู้ใช้เท้าถีบขา และการย่อตัวเป็นการลดช่องว่าง ช่วงเอว อันเป็นส่วนอ่อนระหว่างชายโครงกับ กระดูกเชิงกรานให้แคบลงป้องปัดการเตะได้ง่าย

 

ประโยชน์ของ การเคลื่อนที่แบบย่างสามขุม

การย่างสามขุม มีการกำหนดจุด 3 จุดที่ใช้ในการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า เช่น เท้าซ้ายอยู่หน้าให้เปลี่ยนไปอยู่ด้านหลัง เป็นการเปลี่ยนเหลี่ยมของร่างกาย ซึ่งจะมีประโยชน์ ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว และสามารถป้องปัดหลบหลีก สืบ ถอย ได้อย่างไม่เสียหลัก

 

การฝึกเคลื่อนที่แบบการย่างสามขุม จะทำให้ผู้ฝึกมวยไทยมีพื้นฐานที่ดีในการใช้เท้าเคลื่อนที่และมีฝึกการทรงตัวของร่างกายได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับ การฝึกแม่ไม้มวยไทยต่อไป

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

การนับคะแนน มวยไทย ที่ควรรู้

การนับคะแนน มวยไทย ที่ควรรู้

คนที่พึ่งเคยดู กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ครั้งแรก ก็อาจจะกำลังงงกับ การนับคะแนน มวยไทย ( Muay Thai ) ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้ทางเรา ได้รวบรวมข้อมูล มาฝากเพื่อน ๆ ในการนับคะแนนกันแล้วค่ะ

 

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาแบบไหน ?

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ อันเป็นเอกลักษณ์ ของประเทศไทย ที่มีมาแต่โบราณ มีความโดดเด่นด้านเทคนิค การกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกาย และใจ สำหรับการต่อสู้ ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักว่าเป็น ( นวอาวุธ ) ซึ่งประกอบด้วย การโจมตีจากร่างกายทั้ง หมัด ศอก เข่า และเท้า หากมีการเตรียมพร้อม ด้านร่างกายดี จะก่อให้เกิดอาวุธ ที่มีอานุภาพ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้เป็นที่แพร่หลาย ในระดับนานาชาติ ในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบ เมื่อเหล่า นัก มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถเป็นฝ่ายชนะ นักต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ในแขนงอื่น ซึ่งการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ในระดับอาชีพ ได้รับการดูแลโดย สภา มวยไทย ( Muay Thai ) โลก

 

 

การให้คะแนน ของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น ต้องให้ตาม หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

การชก หมายถึง อวัยวะ ( นวอาวุธ ) ที่ใช้ในการต่อสู้ คือ

-               หมัด

-               เท้า

-               เข่า

-               ศอก

 

การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ได้คะแนน มีดังนี้

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใดใช้ อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai )  ( หมัด - เท้า - เข่า - ศอก ) ได้โดยถูกต้องตามกติกา และกระทำถูก คู่แข่งขันได้มากกว่า ก็เป็นผู้ชนะไป

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใด ที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) ตามลักษณะ แบบแผน มวยไทย ( Muay Thai ) โดยถูกต้องตามกติกา กระทำคู่ต่อสู้ ได้หนักหน่วง ชัดแจ้ง รุนแรง และถูกเป้าหมาย ที่สำคัญเป็นฝ่ายรุก กระทำได้มากกว่า เป็นฝ่ายชนะ

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใด ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay Thai ) กระทำคู่ต่อสู้ ให้เกิดบอบช้ำ บาดแผลที่เป็นอันตรายมากกว่า เป็นฝ่ายชนะ

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใด เป็นผู้เดินเข้ากระทำ ( ฝ่ายรุก ) มากกว่า เป็นฝ่ายชนะ

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใด เป็นผู้ ( รุก – รับ – หลบหลีก - ตอบโต้ ) ตามลักษณะ และชั้นเชิง มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ดีกว่า เป็นฝ่ายชนะ

- นัก มวยไทย ( Muay Thai ) ฝ่ายใด ที่มิได้กระทำฟาล์ว หรือกระทำฟาล์ว น้อยกว่า เป็นฝ่ายชนะ

 

 

 

การชก มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ไม่ได้คะแนน มีดังนี้

- การชกที่ละเมิด กติกา ข้อหนึ่งข้อใด

- อาวุธที่กระทำไปถูก แขน หรือขา ของคู่แข่งขัน อันเป็นลักษณะ ของการป้องกัน ของคู่แข่งขัน

- อาวุธที่กระทำถูก คู่แข่งขัน แต่เบาเกินไป หรือก็คือไม่มีน้ำหนัก ส่งจากร่างกาย เช่น ตัว ลำตัว หรือไหล่

 

 

การฟาล์ว

ระหว่างการชก มวยไทย ( Muay Thai ) แต่ละยกนั้น ผู้ตัดสินต้องคำนึง ถึงความสำคัญของการฟาล์ว และตัดคะแนนตาม ที่ผู้ชี้ขาดสั่งให้ตัดคะแนน ถ้าผู้ตัดสินเห็นการฟาล์ว อย่างชัดเจน โดยผู้ชี้ขาดไม่ได้สังเกต และตัดคะแนนผู้แข่งขัน ที่กระทำฟาล์วนั้น ผู้ตัดสินจะต้องประเมิน ดูความรุนแรงของการฟาล์ว และตัดคะแนน ไปตามความเหมาะสม พร้อมทั้งระบุไว้ด้วยว่า ทำฟาล์วด้วยเหตุใด

 

เกี่ยวกับการให้คะแนน มวยไทย ( Muay Thai )

- ในแต่ละยก มีคะแนนเต็ม 10 คะแนน และให้คู่แข่งขัน ลดลงไปตามส่วน คือ ( 9 – 8 – 7 ) คะแนน

- ในยกที่เสมอกัน จะได้ฝ่ายละ 10 คะแนน

- ผู้ชนะในยกนั้น จะได้คะแนน 10 คะแนน ผู้ที่แพ้ได้ 9 คะแนน ( 10 : 9 )

- ผู้ชนะในยก ที่ชัดเจนมาก จะได้คะแนน 10 คะแนน ผู้ที่แพ้ได้ 8 คะแนน ( 10 : 8 )

- ผู้ชนะในยกนั้น และได้นับ 1 ครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้ที่แพ้ได้ 8 คะแนน ( 10 : 8 )

- ผู้ชนะที่ชัดเจนมาก ในยกนั้น และได้นับ 1 ครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้ที่แพ้ได้ 7 คะแนน ( 10 : 7 )

- ผู้ชนะในยกนั้น และได้นับสองครั้ง จะได้คะแนน 10 ผู้ที่แพ้ได้ 7 คะแนน ( 10 : 7 )

- นักมวยที่กระทำฟาล์ว ต้องไม่ได้คะแนนเต็ม ในยกที่ถูกตัดคะแนน

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay Thai )

ศิลปะการป้องกันตัวของไทยที่น่าภูมิใจคือ มวยไทย ( Muay Thai ) อันเป็นเอกลักษณ์และได้รับการยกย่องระดับโลกว่าอันตราย และเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ได้กลายมาเป็นกีฬาระดับโลก

 

ต้นกำเนิดตั้งแต่ครั้งอดีต

     สำหรับต้นกำเนิดที่แท้จริงของกีฬา หรือศิลปะป้องกันตัวชนิดนี้ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เพียงแค่รู้ว่าคนไทยใช้ศิลปะในการป้องกันตัวเพื่อต่อสู้มาอย่างยาวนาน โดยแต่ละพื้นที่ก็จะมีทักษะรวมถึงรูปแบบในการต่อสู้ต่างกันออกไป เช่น มวยไชยาของภาคใต้, มวยโคราชของภาคอีสาน, มวยพระนครของภาคกลาง, มวยท่าเสาของภาคเหนือ เป็นต้น แต่เท่าที่มีการค้นพบประวัติเชื่อว่าน่าจะเริ่มต้นจากบรรดาทหารที่ฝึกฝนเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่ง มีทักษะในการต่อสู้ ประกอบกับในยุคโบราณยังไม่มีมีดหรือปืนเป็นอาวุธ กระทั่งเมื่อศิลปะดังกล่าวได้มีการเผยแพร่สู่ชาวบ้านมากขึ้นจึงทำให้คนไทยคุ้นชิน และมีทักษะของ มวยไทย ( Muay Thai ) สืบเรื่อยมา

 

ท่าต่าง ๆ ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่น่าสนใจ

     ท่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมีอยู่ด้วยกันมากมายตามแต่ความคิด และศิลปะการป้องกันตัวในแต่ละกลุ่มคน โดยจะขอยกท่าทางที่โด่งดังพร้อมเป็นที่รู้จักมาฝากกัน

  • มอญยันหลัก เป็นการยกเท้าเพื่อยันไปยังฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เข้ามาทำร้ายได้ในระยะใกล้ แล้วใช้หมัดอีกข้างต่อยเข้าไปบริเวณใบหน้า
  • จระเข้ฟาดหาง ให้หมุนตัวกลับหลังแล้วย่อตัวเล็กน้อย เหวี่ยงขาข้างที่ถนัดเข้าไปบริเวณลำคอของคู่ต่อสู้อีกฝ่าย
  • หนุมานถวายแหวน เมื่ออีกฝ่ายชกหมัดตรงมาแล้วหลบได้ให้ใช้หมัดของตนเองต่อยเข้าไปบริเวณปลายคาง
  • บาทาลูบพักตร์ คู่ต่อสู้ชกหมัดตรงมาให้ใช้แขนบริเวณท่อนล่างปัดหนีจากนั้นก็ใช้เท้ายันเข้าไปบริเวณใบหน้า

 

มวไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาระดับโลก

     ด้วยความแพร่หลายที่มากขึ้นประกอบกับการแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ซีเกมส์ ทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) ค่อย ๆ ได้รับการสนับสนุนเพื่อให้ถูกบรรจุเข้าสู่กีฬาแห่งความเป็นสากลระดับโลกมากขึ้น โดยทางไอโอซี ( IOC ) หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากลได้ยอมรับให้กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถเปิดสู่ระดับโลก และมีรายการแข่งขันชิงแชมป์ต่าง ๆ มากมาย

 

เสน่ห์ของ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหล

     ต้องยอมรับว่า มวยไทย ( Muay Thai ) ของชาติเรามีเสน่ห์ที่ทำให้ชาวต่างชาติหลงใหล ชื่นชอบในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่สวยงาม, การป้องกันตัวที่ใช้ได้จริง, ฝีกเอาไว้สำหรับการต่อสู้ยามเกิดเหตุไม่คาดฝัน และยังเป็นกีฬาที่มีความท้าทายต่อการฝึกมากทีเดียว

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการออกกำลังกาย

1. ยิ่งเรียนก็ยิ่งน่าสนใจ

     หนึ่งในสาเหตุหลักที่คนส่วนใหญ่โยนผ้า เลิกล้มความตั้งใจที่จะออกกำลังเป็นกิจวัตรประจำวันคือ นับวันมันยิ่งน่าเบื่อ ตอนที่เริ่มเล่นใหม่ ๆ ก็อาจมีพลังใจเปี่ยมล้นดีอยู่หรอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคึกคักนั้นก็จะค่อย ๆ ลดลง ที่เป็นอย่างนี้เพราะคนเราเบื่อกับการต้องมาทำอะไรซ้ำ ๆ แบบเดียวกันทุกวัน จากนั้นก็ลงเอยด้วยการหยุดเล่นถาวรในที่สุด ทำให้ผลลัพธ์จากการที่อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจออกกำลังกายก่อนหน้า ค่อยๆ แห้งเหี่ยวหดหายไปอย่างน่าเสียดาย

     ความน่าเบื่อแบบนี้ไม่มีให้เห็นในการฝึกฝน มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) มีแม่ไม้ ( ท่าต่อสู้ ) มากกว่าหนึ่งพันท่วงท่า และยังมีการคิดค้นพัฒนาท่าใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงเท่ากับว่าต่อให้เรียน มวยไทย ( Muay Thai )  มาเป็นสิบ ๆ ปี ผู้เรียนก็ยังไม่อาจแตกฉาน การตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเรียนรู้ท่า หรือเคล็ดวิชาใหม่ ๆ ที่ครูจะสอนในแต่ละชั่วโมงเรียนจึงทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) น่าสนใจเสมอ แม้แต่นักมวยมืออาชีพเหล่านี้ก็ยังค้นพบอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอระหว่างการฝึกฝน

2. ช่วยให้เผาผลาญแบบจัดเต็ม

     ถ้าการลดน้ำหนัก และฟิตหุ่นให้ดีขึ้นคือเป้าหมายหลักในการออกกำลัง มวยไทย ( Muay Thai ) จะทำให้คุณไปถึงจุดนั้นได้เร็วกว่าการออกกำลังทั่วไป ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) คุณต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางที่จะถูกบีบเค้นเป็นพิเศษในทุกครั้งที่คุณเทรน

     ทุกครั้งที่ชั่วโมงเรียนจบลง คุณจะเผาผลาญไขมันได้ราว 1,000 แคลอรี่ต่อหนึ่งชั่วโมง นั่นเกือบจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนแคลอรี่ที่คนทั่วไปควรได้รับในแต่ละวัน นับเป็นวิธีการเบิร์นไขมันที่เห็นผลอย่างชัดเจนจนสังเกตได้

3. เหมาะเจาะที่สุดในการจัดการความเครียด

     ชีวิตไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ บางครั้งคุณอาจพบเจอกับเรื่องแย่ ๆ ในวันแย่ ๆ บ้าง ประเด็นอยู่ที่ว่าคุณจะรับมือกับอารมณ์ทางลบที่ก่อตัวอย่างไรดี แทนที่จะจมปลักอยู่กับความรู้สึกหดหู่ที่คอยบั่นทอนจิตใจ ทำไมไม่ลองหากิจกรรมบางอย่างที่จะช่วยให้คุณระบายความขุ่นมัวนั้นออกมาในเชิงบวก และลดระดับความเครียดดูล่ะ

     การต่อย เตะ เข่า ศอก ช่วยไล่ความเครียดออกไปจากตัวได้ คุณจะรู้สึกดีขึ้นเยอะ หลังจากได้ระบายความโกรธแค้นทั้งหมดใส่เจ้ากระสอบทรายไร้ทางสู้ แถมยังได้ออกแรงจนเหงื่อท่วมตัวอีกต่างหาก นี่จะนำไปสู่กระบวนการปลดปล่อยฮอร์โมน “แห่งความสุข” จากต่อมในสมองที่จะยกระดับอารมณ์คุณให้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายที่เหนื่อยอ่อนจากการโหมออกกำลังจะทำให้คืนนี้คุณหลับเป็นตาย แทนที่จะเครียดจนนอนไม่หลับทั้งคืน

4. ได้เพื่อนใหม่

     ศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai ) มีเสน่ห์บางอย่างที่ช่วยดึงดูดคนเจ๋ง ๆ ให้โคจรมาพบกัน เสน่ห์ที่ว่านั้นอาจมาจากบรรยากาศที่ดูเข้มขลัง น่าเลื่อมใสของ มวยไทย ( Muay Thai ) หรือธรรมเนียมถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อผู้เรียนหน้าใหม่

     เมื่อคุณเริ่มฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) คุณจะได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตาซึ่งหลายคนคบหาเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลพลอยได้ดี ๆ ที่มาจากการเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) คุณสามารถฝึกมวย และสังสรรค์กับผู้คนที่คุณชื่นชม และเคารพได้ในเวลาเดียวกัน

5. ได้เรียนรู้ศาสตร์การป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้จริง

     มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ป้องกันตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าคุณอยากเรียนวิชาต่อสู้ที่เน้นลีลาแพรวพราวแต่ใช้ป้องกันตัวเองไม่ได้ ก็ให้เลือกเรียนอย่างอื่นที่ไม่ใช่ มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) มุ่งเน้นไปที่สามารถใช้งานได้จริงในการปกป้องตัวเอง และบนสังเวียน

6. เรียนตามสมรรถภาพของคุณเอง

     การเปรียบมวยเป็นสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ มันเป็นหนทางที่จะช่วยลับฝีมือที่คุณได้ร่ำเรียนมา ผู้เรียน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ไม่เคยขึ้นชกมาก่อนจะถูกจับใส่เครื่องป้องกันอย่างรัดกุม

 

     เหล่านี้คือเรื่องของ มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการป้องกันช่วยของคนไทยที่สืบทอดมายาวนาน และยังเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน ซึ่งหากสนใจจเรียนรู้เจาะลึกเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัวแขนงนี้ ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าคอร์สเรียนเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัวชนิดนี้ได้จากสถาบันสอน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่เปิดให้บริการหลาย ๆ แห่ง อย่าง เจริญทองมวยไทย ที่มีทั้งสาขารัชดา ข้าวสาร และศรีนครินทร์ นับว่าเป็นศิลปะป้องกันตัวที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เล่นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งยังเป็นกีฬาที่อยู่ในเทรนด์รักสุขภาพอีกด้วย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

น้ำมันมวย สำคัญอย่างไรกับ มวยไทย

ออกกำลังกาย ฉบับ มวยไทย

ออกกำลังกาย ฉบับ มวยไทย

การ ออกกำลังกาย ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ คงมีเป้าหมายที่จะหุ่นฟิต และเอาเจ้าไขมันส่วนเกินที่ติดตามเราตัวอยู่ตลอดเวลาออกไปจากชีวิต เรามาดูท่าต่าง ๆ ในการ ออกกำลังกาย ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai ) กันค่ะ

 

     เป้าหมายเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราด้วย เพราะหากเราคิด 10 ลงมือทำ 1 แน่นอนมันเกิดได้ขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ อย่ารอที่จะเริ่มทำอะไรให้กับตัวเอง วันนี้ทาง Jaroenthongmuaythai GYM ได้นำเอาเทคนิคต่าง ๆ ในการ ออกกำลังกาย ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai ) เบิร์นไขมัน กล้ามสวย โดยสามารถทำได้เองที่บ้านแถมประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีกด้วย

 

Shoulder Presses

     ในการแข่งขันกีฬามวยนั้น หัวไหล่ที่แข็งแรง นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ ในการชกเนื่องจากว่ากล้ามเนื้อมัดนั้นเป้นส่วนสำคัญที่ใช้ในการใช้ปล่อยหมัดออกไป และยังช่วยเป็นการ์ดป้องกันจากการโจมตีของคู่ต่อสู้

     ดังนั้นในท่า Shoulder Presses จะเป็นท่าเคล็ดลับในการสร้างกล้ามเนื้อของหัวไหล่อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลักก็คือ ดัมเบล แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ สามารถใช้ขวด จับให้มั่นคงจากนั้นดันพื้น และลง อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับท่าบริหารร่างกายส่วนบนอื่นก็จะทำให้คุณมีหัวไหล่ที่สวยงามราว และแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

 

Clap Press-Up

     อีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ใช้ได้ผลจริง และยังทำได้บ่อยครั้งตามใจต้องการอีกด้วย นั่นคือ Clap Press-Up โดยวิธีการก็แสนง่าย เพียงคุณใช้กำลังของมวลกล้ามเนื้อของร่างกายส่วนบนออกมาให้หนัก  ท่านี้ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความเข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่มันยังช่วยมันยังช่วยปรับสัดส่วนของ Body Balance ซึ่งเป็นสิ่งที่นักมวยจำเป็นสำหรับนักมวยทุกคนด้วย

 

Plank

     เป็นหนึ่งในท่าที่ดูธรรมดา ๆ แต่ต้องบอกว่าหินมากกับการที่จะทำให้แกร่ง นับเป็นที่ทรมานที่สุดเนื่องจากต้องอาศัยความแข็งแร็งของกล้ามเนื้อแทบจะทุกส่วน เพื่อที่จะสามารถทำท่า Plank ให้แกร่งและนาน อย่างไรก็ตามในการ ออกกำลังกาย ต้องออกอย่างเหมาะสม และคู่ไปกับท่า Crunches และ Sit Up จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ให้กลับร่างกาย และช่วยให้หมัดหนักขึ้นอีกด้วย

 

Skipping

     ในการชกมวยนอกจากการชกแล้วก็ยังคงอาศัยความเร็ว เพื่อที่จะหลบหลีกหมัดของคู่ต่อสู้ที่ปล่อยออกมา ดังนั้นความว่องไวของ Foot work การที่จะเพิ่มขีดความสามารถตรงจุดนี้สามารถทำได้โดยการเล่นท่า Skipping ใช้เพียงเชือก และที่โล่ง เท่านั้นคุณก็สามารถทำได้แล้ว Skipping ก็เป็นปัจจัยหลักของท่าฝึกฝนการเป็นมวยอาชีพที่ใช้ แถมยังเป็นทำที่ใช้รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมออีกด้วย

 

Push Ups

     ในส่วนของท่านี้ ค่อนข้างที่จะยากสำหรับคนที่ไม่เคยหรือไม่ค่อยได้ ออกกำลังกาย “ Push Ups ” น่าจะเป็นอุปสรรคในช่วงแรก เพียงแค่คุณตั้งใจ และพร้อมที่จะเปลี่ยนตัววเอง ท่าง่าย ๆ ท่านี้คง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอาจจะเริ่มจาก ทำที่ละน้อย ๆ ครั้ง แล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะท่านี้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อหลายส่วน หัวไหล่ แผงอก จะเป็นที่นิยมของนักมวยทุกคน ถ้าหากมีเวลาว่าง เราก็ควรที่จะ Push Ups เป็นประจำทุกวัน

 

Sit-Ups

     ท่าเบสิคที่หลายคนน่าจะรู้จักดี แต่พื้นฐานของท่านี้ที่เป็นหัวใจหลักของความเข็งแรงของนักมวยระดับโลกหลาย ๆ คน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้องส่วนกลาง และมันจะสร้างความมั่นใจของนักมวยที่จะไม่ต้องค่อยพะวงกับการลดการ์ดลงป้องกันลำตัว และเพิ่มโอกาสเดินหน้าแลกหมดแบบไม่กลัว

 

Squats

     ท่านี้เสริมความแกร่งในช่วงล่วง ซึ่งสำคัญมากกับการเคลื่อนไหว และความมั่นคงกับการยืน นักมวยที่ดีจะต้องมีการยืนที่มั่นคง เพื่อเข้าวงในใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการจัดการคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา ในการ Squats จะช่วยเพิ่มความเข็งแรง และว่องไว และยังเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต้นขาด้านหน้า-หลัง การใช้ Squats และ ออกกำลังกาย ที่ใช้ส่วนสะโพกอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณช่วงล่างที่มั่นคง และแข็งแรงไม่แพ้ใครแน่นอน

 

Shadow Boxing

     Shadow Boxing  เรียกง่าย ๆ เป็นการเคลื่อนไหวตลอดเวลา นับเป็นการสร้างเทคนิคการชกที่ดีที่สุดในการฝึกซ้อม รวมไปถึงการรักษาน้ำหนักความความฟิตของร่างกาย ในการทำ Shadow Boxing เรานั้นสามารถทำได้ในทุกสถานที่ แต่จะมีสถานที่หนึ่งที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ “ในบ่อทรายหรือชายหาด ”  เนื่องจากเทคนิคนี้นักมวยได้เริ่มเรียนรู้เทคนิค จากการที่ดูนักฟุตบอลที่เล่นตามชายหาด ซึ่งทรายจะช่วยยึดเหนี่ยวช่วงล่างของลำตัวเราไว้ ทำให้ขยับลำตัวช่วงบนของเราได้อย่างอิสระระหว่างที่ทำอยู่ ดังนั้น มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เทคนิค และการชกได้ดียิ่งขึ้น

 

Chin Ups

     ที่ขาดไม่ได้ไม่ได้เลยในการฟิตร่างกายช่วงบน หากท่านใดต้องการจะมีร่างกายช่วงบนที่แข็งแรง และสมส่วน  เน้นไปที่การเล่นท่า Chin up เพราะท่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ช่วงแขน อก และหัวไหล่ ในท่าเดียว

     จะสังเกตได้ว่า ที่บ้านของเหล่านักมวยมักจะมีบาร์ที่สามารถยึด ไม่ว่าจะเป็นประตูบ้าน แทนบาร์สำหรับโหน เพื่อที่จะบริการกล้านเนื้อส่วนนั้นเป็นกิจวัตรของชีวิต เราไม่จำเป็นต้องไปเร่งรีบที่จะทำให้หนักขึ้นอย่างรวดเร็วควรเริ่มจากจำนวนครั้งที่ทำไหวก็พอ หากเป็นไปได้หาคนคอยเซฟในการยกตัวในช่วงแรกก็จะดีกว่าการหักโหมมากเกินไป อาจจะทำให้อันตรายถึงขั้น กล้ามเนื้อฉีกขาดหรือเกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งมันส่งผลให้เราเสียโอกาสต่าง ๆ ในการ ออกกำลังกาย

 

Burpees

     ท่าที่ขึ้นชื่อเรื่องความ ยากและเหนื่อยแทบขาดใจ และ Burpee ยังคงเป็นท่าที่ยากที่สุดใน 10 ท่าที่กล่าวมา แต่ท่านี้ช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ และเป็นเห็นผลดีที่สุดของการ ออกกำลังกาย เป็นการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่ส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกายหากใครที่อยากจะมีรูปร่างที่สมส่วนอลองท่านี้เลย “Burpee” ต้องออกให้ถูกต้อง ลองดูท่าที่ถูกต้องในวิดีโอที่ถูกต้องใน Youtube ได้เลย ไม่ยากอย่างที่คิด

 

     คงไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยในทันที การเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ วินัย ความอดทน สร้าง passion ให้กับตัวเอง  sixpack ของคุณก็จะผุดขึ้นมาในไม่ช้า มวยไทย ( Muay Thai ) ของเรามีการสืบทอดมายาวนานหลายร้อยปี หวังว่าท่า ออกกำลังกาย เหล่านี้จะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่กระชับไว ๆ นะคะ

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

เคล็ดลับป้องกันอาการบาดเจ็บจากการฝึก มวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการป้องกันตัวอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนหันมาสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันตัวได้แล้วนั้นยังถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สมบัติของชาติได้ด้วย แต่ทุกการฝึก มวยไทย ย่อมมีสิทธิได้รับอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน

 

          ความเสี่ยงจากการฝึก มวยไทย ( Muay Thai )

     มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาที่อันตราย แม้ว่าจำนวนนักมวยที่เสียชีวิตจากการเล่นกีฬาไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ก็ปรากฏว่าอัตราการเสียชีวิตนั้นต่ำกว่าในกีฬาบางประเภทเช่น การแข่งม้า เป็นต้น ความยากลำบากในการค้นหาอัตราการตายที่แน่นอนได้รับผลกระทบจากความแตกต่างในการควบคุมระหว่างมวยมือสมัครเล่น และมืออาชีพ, มวยที่ผิดกฎหมาย, วิธีการทำงานของหน่วยงานทั่วโลก, ขาดการศึกษาระยะยาว และความไม่ถูกต้องทางการแพทย์

     สำหรับคนที่กำลังออกกำลังกายด้วยการเรียนมวย ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย ( Muay Thai ) มวยสากล หรือศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ ล้วนเป็นการออกกำลังกายที่ดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายแต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องระวัง ดังต่อไปนี้

 

1. ผิวหนังมีรอยช้ำ

     คิดอยากจะเป็นนักรบก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีรอยแผลติดตัวมาบ้าง สิ่งที่คุณจะต้องเจอก็คือ รอยช้ำ รอยแดงที่ผิวหนังยามต้องเตะต้องเป้า และกระสอบทราย แต่เชื่อว่าทุกคนที่เรียนต้องเตรียมใจรับมือมาในระดับหนึ่ง แนวทางการป้องกันอย่างง่ายที่สุด คือ การใส่เครื่องป้องกัน แต่หากเกิดรอยฟกช้ำ ควรรอให้อาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาฝึกซ้อมใหม่

 

2. อาการบาดเจ็บข้อมือ ข้อเท้าพลิก หัวเข่า

     การบาดเจ็บบริเวณข้อต่อเกิดขึ้นง่ายที่สุดสำหรับคนเล่นกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว อย่างเช่น มวยไทย ( Muay Thai ) เกิดจากตัวเราเองนั้นมีพื้นฐานการออกอาวุธไม่ดีพอ เร่งมากเกินไป ไม่รอการฝึกซ้อมท่าช้า ๆ ซ้ำ ๆ อย่างถูกวิธีจนเกิดกล้ามเนื้อจดจำ และการออกแรงเกินกำลังของร่างกาย ทางแก้คือ การย้อนกลับไปฝึกพื้นฐานให้แน่น  และเรียนรู้กำลังของตัวเอง จากนั้นค่อย ๆ ฝึกพัฒนาให้เก่งขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ

 

3. การกระทบกระเทือนทางสมอง

     อาการนี้จะเกิดเฉพาะผู้เล่นที่นิยมการลงนวมซ้อมกับเพื่อน ๆ ในยิมด้วยกัน แต่สายออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เตะเป้า เตะกระสอบทรายอย่างเดียวไม่ต้องกังวลไป การลงนวมควรใส่เครื่องป้องกันให้ดี เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนทางสมองซึ่งเป็นปัญหาที่นักมวยทุกคนต้องเผชิญ

     สมาคมศัลยแพทย์ระบบประสาทอเมริกันกล่าวว่า 90% ของนักมวยรักษาอาการบาดเจ็บที่สมอง มวยอาจมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่ากีฬาอื่น ๆ แต่จำนวนนักมวยที่มีความเสียหายในสมองเชื่อว่าสูงกว่าที่บันทึกไว้มาก เมื่อนักมวยได้พุ่งตรงไปที่ศีรษะมันก็เหมือนกับการถูกลูกบอลโบว์ลิ่ง 13 ปอนด์เคลื่อนที่ที่ความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงประมาณ 52 เท่า การถูกตีที่ศีรษะอาจทำให้กระดูกหักที่ศีรษะ ใบหน้า และเนื้อเยื่อถูกทำลายในสมอง สามารถทำลายพื้นผิวของสมอง ทำลายเครือข่ายประสาททำให้เกิดแผลเลือดออก หรือก่อให้เกิดการอุดตันของเลือดภายในสมองได้

 

4. บาดเจ็บที่ตา

     แม้ว่าจะได้รับการปกป้องจากกระดูกแข็งด้านข้างดวงตามีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบโดยตรงจากด้านล่าง ความเสียหายต่อดวงตาในการชกมวยอาจเกิดจากการสัมผัสโดยตรง หรือจากการกระแทก อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่จอประสาทตาการปลดจอประสาทตาการตกเลือดที่จอประสาทตา และการบาดเจ็บอื่น ๆ

 

          สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้จากการฝึก มวยไทย

1. นวมถูกสร้างมาเพื่อ ป้องกันมือเท่านั้น ไม่ได้เพื่อปกป้องการโดนต่อย

     หากเทียบการใช้มือเปล่า, การใส่นวม MMA ที่มีน้ำหนัก 4 Oz หรือใส่นวมมวย เวลาต่อยไปที่เป้าหมาย นวมมวยจะรู้สึกปลอดภัยกับมือของตัวเรามากที่สุด แม้เราจะสรุปไม่ได้ว่า การใส่นวมแบบไหน ทำให้หมัดมีความแรงกว่า แต่ก็รู้ว่านวมที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 Oz สามารช่วยป้องกันมือได้ในระดับนึงเลยทีเดียว

     หากอ้างอิงจากประวัติศาสตร์แล้วนั้น นวมในยุคแรก ช่วงปี 1800 ถูกสร้างมาเพื่อให้นักสู้ สามารถต่อยหมัดไปที่ศีรษะได้มากขึ้น เพราะในช่วงนั้น การต่อสู้มวยมือเปล่า ผู้คนต่างต่อยไปที่ลำตัวมากกว่าศีรษะกัน หมัดที่ไม่แม่นพอ หากกระทบไปที่บริเวณกะโหลกจะทำให้มือหักได้ จึงเป็นแนวคิดจากโปรโมเต้อในช่วงปี 1800 ที่ประดิษฐ์ นวมขึ้นมาเพื่อตอบสนองคนดูซึ่งชื่นชอบ การที่นักสู้ต่อยไปที่ศีรษะทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดทางการตลาด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนักสู้ที่แต่อย่างใด หากแต่จะป้องกันมือของผู้ชกทำให้มีความกล้าในการต่อยหมัดที่แรงขึ้น ถี่ขึ้น และไม่จำเป็นต้องแม่นยำอย่างแต่ก่อน ซึ่งนี้อาจเป็นเหตุให้นักสู้ในสมัยปัจจุบัน มีอัตราการบาดเจ็บทางสมองมากกว่าสมัยก่อนที่ไม่ใช้นวม

2. การยืนนับ 8 วินาทีในกีฬาการต่อสู้ อันตรายกว่า การถูกน็อคสลบไปเลย

     กฎการนับ 8 วินาที คือ กฎกติกาที่ถูกใช้โดยกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) มวยสากล และคิกบ็อกซิ่ง เป็นกติกาที่ให้กรรมการผู้ตัดสิน นับทั้งหมด 10 วินาที หากนักสู้ถูกน็อคให้ล้มลงระหว่างการต่อสู้ นักสู้จะต้องยืนขึ้นมาภายในเวลา 10 วินาที เพื่อจะมีสิทธิในการสู้ต่อ โดยกรรมการจะเป็นคนเช็ค อาการบาดเจ็บหลังนับไปแล้ว 8 วินาที ว่าสามารถต่อยต่อได้หรือไม่

     ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ อาการกระทบกระเทือนทางสมองกันก่อน โดยปกติแล้วอวัยวะสมองที่อยู่ในกะโหลกเป็นของเหลวที่จะไม่แตะกับกะโหลก เมื่อมีแรงปะทะเข้าที่ศีรษะอย่างในกรณีของการชกมวย สมองจะสั่น และกระแทกไปมาในกะโหลก ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ บอบช้ำได้ การที่นักมวยนั้นถูกน็อคสลบไปถือว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้มีการบาดเจ็บเรียกว่า คอนคัสชั่น ( concussion ) ซึ่งการบาดเจ็บทางสมองระดับนี้ โดยทั่วไปจะหมายถึง การบาดเจ็บที่ไม่รุนแรงมากนัก อาจเกิดความบกพร่องของการทำงานในระบบประสาทสมองขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็ค่อย ๆ หายไปได้เอง บางรายที่มีอาการมากหน่อยก็อาจถึงขั้นสลบได้ เมื่อไปตรวจทางรังสี หรือการเอกซเรย์ก็มักจะไม่พบความผิดปกติใด และตัวนักสู้เองจะถูกสั่งให้พักจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ

     ด้วยกติกาของการนับ 8 วินาที ในกีฬาการต่อสู้นั้นเอื้ออำนวยให้นักสู้ที่ถูกน็อคลงไปลุกขึ้นมาสู้ได้ต่อ แม้จะบาดเจ็บไม่มากนัก แต่นักสู้จะมีโอกาศได้รับการจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองสะสมอาการบาดเจ็บได้ในระยะยาว เป็นที่มาของอาการอย่าง CTE ( chronic traumatic encephalopathy ) หรือการบาดเจ็บของสมอง เพราะศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการปะทะที่รุนแรง หรือไม่มีความแรงมากก็ตามในกีฬา มวยไทย โดยทั่วไปจะไม่ปรากฏอาการใด ๆ ให้เห็นอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาหลายปีกว่าอาการจะแสดง เบื้องต้นจะมีอาการสูญเสียสมาธิ ปวดหัว ความจำสูญหาย มีปัญหาในด้านการ เดิน การได้ยิน ในรายที่อาการหนักอาจพบกับ อาการ พาร์คินสัน เลยทีเดียว

3. การสู้ในสังเวียนกรง ปลอดภัยกว่าเวทีเชือก

    แม้ว่าการต่อสู้ในกรงเหล็ก 8 เหลี่ยมของ MMA นั้นจะมีภาพลักษณ์ที่ดูโหดร้าย และดุดันก็ตาม แต่ก็มีความปลอดภัยสูงกว่าการต่อสู้บนเวทีเชือกมาตรฐานหลายประการ เช่น มวยไทย ( Muay Thai ) มวยสากล เราอาจเคยเห็นเหตุการณ์ที่มีการพลาดตกลงมาจากเวทีเชือก เนื่องจากการเตะ หรือท่าการต่อสู้ ที่ผิดพลาดหลุดเข้า หรือข้ามไปเชือกไป แต่สำหรับเวทีกรงแปดเหลี่ยมนั้น ถือว่ามีความปลอดภัยแน่นอน ด้วยกรงที่สูงกว่าสองเมตรโดยเฉลี่ย เป็นไปไม่ได้เลยที่นักสู้จะพลาดตกลงมาได้ นอกเสียจากว่ามีการปีนขึ้นไปแล้วกระโดดลงมา นอกจากนี้ลูกกรงที่มีมาตรฐาน ในรายการแข่งขันใหญ่ต่าง ๆ จะมีการเคลือบลูกกรงโดย PVC เพื่อไม่ให้เกิดการบาดไปที่ตัวนักกีฬา

     เหตุการณ์ที่เราเคยเห็นในกีฬาการต่อสู้ มวยไทย ( Muay Thai ) มวยสากล หรือ MMA คือ การถูกน๊อค กลางอากาศ หรือล้มลงทำให้ หัวฟาดซ้ำลงไปที่พื้นเวที เป็นเหตุให้อาการบาดเจ็บมีอาการสาหัสกว่าเดิม หรือถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว การถูกน็อคอาจยับยั้งไม่ได้แต่ การเลือกใช้พื้นเวทีที่มีคุณภาพจะเป็นหนทางที่ช่วยลดอาการเจ็บโดยรวมของนักสู้ได้

   

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

น้ำมันมวย สำคัญอย่างไรกับ มวยไทย

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

น้ำมันมวย สำคัญอย่างไรกับ มวยไทย

น้ำมันมวย สำคัญอย่างไรกับ มวยไทย

ถ้าพูดถึงเรื่องมวยกับยาทา ก็คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก น้ำมันมวย นั้นเอง แล้วรู้หรือไม่ว่า น้ำมันมวย นั้นมีความสำคัญอย่าไรกับ มวยไทย วันนี้เรามีคำตอบมาบอกถือว่าเป็นเกร็ดความรู้กันนะคะ

 

          ที่มาของ น้ำมันมวย ?

     น้ำมันมวย คือ น้ำมันกลิ่นฉุน ๆ ที่เรามักจะพบเห็นได้ในงานแข่งกีฬาต่าง ๆ ยิ่งโดยเฉพาะกีฬา มวยไทย โดยนักกีฬาจะใช้น้ำมันชนิดนี้ถูนวดตามร่างกายก่อนเริ่มแข่งขัน ซึ่งเราอาจจะเคยสงสัยกันว่า น้ำมันมวย จะมีสรรพคุณอย่างไร และมีส่วนประกอบใดบ้าง เราจะมาทำความรู้จักกับน้ำมันกลิ่นหอมฉุนนี้กัน

     น้ำมันมวย ได้รับการคิดค้น และผลิตจำหน่ายโดย “เทวกรรมโอสถ” เป็นสินค้าของคนไทยที่ร่วมสมัยมามากว่า 60 ปี ก่อเกิดมาจากกีฬามวยก่อนที่จะขยายตัวไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ แต่สิ่งที่ทำให้น้ำมันมวยมีชื่อเสียงโด่งดังคือ การเป็นผู้จารึกแชมป์มวยโลกคนแรกของไทยจนกลายเป็นประวัติศาสตร์

      จุดที่ทำให้ น้ำมันมวย นี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง คือเมื่อ คุณทองทศนำพา โผน กิ่งเพชร ขึ้นชกชิงแชมป์โลกกับ ปาสคาล เปเรซ จนกลายเป็นแชมป์มวยโลก รุ่นฟลายเวท 112 ปอนด์ คนแรกของประเทศไทย เรื่องนี้ทำให้ค่าย มวยไทย ของเขาโด่งดังเป็นพลุแตก ซึ่งไม่ใช่เพียงค่าย มวยไทย เท่านั้น น้ำมันมวย สูตรพิเศษเฉพาะของค่าย ก็สะเทือนวงการเช่นเดียวกัน เพราะค่ายมวยอื่น ต่างคิดว่า น้ำมันนวดนี้ เป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จ จึงแอบหวังว่า หากนักชกในค่ายตนมีโอกาสได้ทา ถู นวด ก็อาจทำให้ได้แชมป์เหมือนกับเขาบ้าง พอทุกค่ายมวยต่างเอาไปพูดกันปากต่อปากจึงเกิดความต้องการน้ำมันมวยนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทางบริษัท เทวกรรมโอสถ เห็นโอกาสทางธุรกิจ

เลยนำน้ำมันนวดนี้ ไปปรับปรุงสูตรให้น่าใช้ยิ่งขึ้น

 

          น้ำมันมวย คืออะไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง ?

     น้ำมันมวย เป็นภูมิปัญญาโบราณของคนไทยที่ประกอบไปด้วยตัวยาหลัก ๆ คือ เมทิลซาลิไซเลท เมนทอล และการบูร ทำงานออกฤทธิ์ส่งเสริมกันโดยเมทิลซาลิไซเลทจะออกฤทธิ์ร้อน และเมนทอลจะเย็น

 

           แล้วสำคัญอย่างไรสำหรับ มวยไทย ( muay thai ) ?

     เมทิลซาลิไซเลทจะออกฤทธิ์ร้อน และเมนทอลจะเย็น เมื่อเรานำ น้ำมันมวย มาทาบนผิวหนังก็จะรู้สึกทั้งร้อน และเย็นไปพร้อมกัน ทำให้สมองรู้สึกสับสนแล้วเบี่ยงเบนความรู้สึกจากอาการเจ็บปวดได้

     น้ำมันมวย มีกลิ่นที่ว่าจะหอมก็หอม หรืออาจจะรู้สึกเหม็นฉุนต่อใครหลายคน อีกทั้งยังมีฤทธิ์ร้อน และเย็นในขวดเดียวกันโดยนิยมใช้ทาลงบนผิวหนังทั้งก่อน และหลังเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกาย และยังใช้ในวงการสปา และการนวดบำบัดด้วยเช่นกัน

 

          วิธีใช้ น้ำมันมวย

     เดิมนั้น น้ำมันมวย จะมีแบบน้ำเพียงชนิดเดียว แต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ทำให้มีผลิตภัณฑ์ น้ำมันมวย รูปแบบใหม่ ๆ แต่ทุกแบบจะใช้ทาหรือนวดบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย

  • ชนิดน้ำ เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้ออย่างหนักหน่วง เช่น มวยไทย  ฟุตบอล และเทนนิส เป็นต้น
  • ชนิดครีม เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายทุกประเภท รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อ ใช้ง่ายตัวยาไม่ร้อนเกินไป และไม่ระคายเคืองเมื่อสัมผัสผิว ทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระงับปวด ลดอาการตึงตัว และการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับการใช้บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อในชีวิตประจำวัน เพื่อลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ด ขัดยอก ฟกช้ำ กล้ามเนื้อตึง หรือทาก่อน-หลังออกกำลังกาย
  • ชนิดสเปรย์ เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายทุกประเภท รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อ แต่ชนิดนี้จะพกพาง่าย ใช้งานได้สะดวกโดยไม่เลอะมือ

 

สรรพคุณของ น้ำมันมวย

  • บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย
  • ลดอาการฟกช้ำหรืออาการปวดที่บริเวณผิวหนัง เนื่องจาก น้ำมันมวย มีฤทธิ์ร้อนจะช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นอุ่นขึ้น ใช้หลักการเดียวกับการประคบร้อนนั่นเอง
  • ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น
  • ช่วยผ่อนคลายอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และกลิ่นของเมนทอลจะทำให้รู้สึกสดชื่น
  • ช่วยยืดเส้น และลดระยะเวลาที่ใช้ในการอบอุ่นร่างกาย ( warm up ) ก่อนการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย

 

ข้อควรระวัง

1. น้ำมันมวย ไม่สามารถทดแทนการอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายได้ เพราะ น้ำมันมวย จะทำให้รู้สึกอุ่น หรือร้อนแค่บริเวณผิวหนังเท่านั้น ดังนั้น การใช้ น้ำมันมวย ควรใช้ควบคู่ไปกับการยืดเส้นยืดสายด้วยเช่นกัน

2. น้ำมันมวย ไม่สามารถรักษาอาการพลิก แพลงของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้อพลิก แพลงควรไปพบแพทย์

3. หลีกเลี่ยงการใช้ น้ำมันมวย ในบริเวณที่เป็นผิวหนังอ่อน ๆ เช่น ใกล้ ๆ ดวงตา ตามข้อพับต่าง ๆ เป็นต้น

4. ไม่ควรทา น้ำมันมวย แล้วใช้ผ้าพันเอาไว้

5. หากผิวหนังมีรอยแตก ผิวบางหรือมีรอยแผล ไม่ควรใช้ น้ำมันมวย ในบริเวณนั้นเนื่องจากตัวยาอาจจะถูกดูดซึมเข้าร่างกายมากเกินไปจนก่อให้เกิดอันตรายได้

6. ห้ามใช้ยานวดร่วมกับการประคบร้อน เพราะจะทำให้ผิวไหม้พองได้

7. สำหรับบางคนอาจจะแพ้ น้ำมันมวย ได้ หากใครใช้แล้วรู้สึกร้อนเกินไป มีผดผื่นขึ้น ผิวหนังไหม้พอง ควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์ทันที

 

     น้ำมันมวย เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยาแก้ปวดเมื่อยที่คิดค้นจากภูมิปัญญาไทย ซึ่งอยู่ดูแลผู้ออกกำลังกาย และผู้ใช้แรงงานไทยมาอย่างยาวนาน และอยู่คู่นัก มวยไทย มานานเช่นเดียวกัน เพราะมีประโยชน์มากเวลา ชกหรือขึ้น สังเวียนมวย เพราะลดอาการบาดเจ็บได้ดี

     จากข้อมูลที่เอามาให้อ่านนั้น ก็ไม่ได้หนีไปไหนจาก มวยไทย ( mauy thai ) เลยทีเดียว เพราะ น้ำมันมวย นั้น ก็มีประโยชน์ต่อทั้งนักมวย และคนทั่วไปที่เกิดอาการปวดเมื่อย หากท่านใดสนใจมาฝึก ต่อยมวย ก็สามารถมาหาเราได้ตลอดเวลาที่ jaroenthongmuaythairatchada หรืออีก 2 สาขา นั่นก็คือ สาขาศรีนครินทรื และสาขาข้าวสาร สะดวกที่ไหนไปที่นั่นได้เลยค่ะ

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

เครื่องดนตรีประกอบ มวยไทย

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

มวยไทย จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมนักมวยถึงชอบใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก หรือกระทั่งเวลาวิ่ง หรือเตะต่อย จะต้องมีถุงทรายถ่วงน้ำหนักตลอด วันนี้เราจะมาบอกเหตุผลว่าถุงถ่วงจำเป็นสำหรับ มวยไทย ขนาดไหน

 

     การออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำที่บ้าน และทำได้บ่อย ๆ ด้วยการใช้พื้นที่ภายในบ้านไม่มากนัก นอกเหนือจากเครื่องออกกำลังกายต่าง ๆ ที่ใช้ตามฟิสเนตหลากหลายชนิดแล้ว ยังมีวิธีออกกำลังกายด้วยถุงทรายถ่วงน้ำหนัก ซึ่งควรศึกษา และทำความเข้าใจกับท่าการออกกำลังกายให้ถูกต้อง จึงจะได้ประโยชน์กับร่างกายอย่างแท้จริง

 

          ถุงถ่วงน้ำหนัก คืออะไร ?

     ถุงถ่วงน้ำหนักถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแขน และกล้ามเนื้อขา ด้วยการเอาถุงที่มีทรายบรรจุในถุงมาคล้องข้อมือ และข้อเท้าเพื่อถ่วงน้ำหนักไว้ โดยใช้หลักการในการเพิ่มกล้ามเนื้อ คือ ใช้แรงต้านถ่วงในการออกกำลังกายมีคล้องรัดปรับระดับให้กระชับได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกำลังแขน และขา จึงทำให้เป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้

 

          ประโยชน์ของถุงถ่วงน้ำหนัก

  • ช่วยลดต้นขา ให้ขาเรียว กระชับสัดส่วน
  • ช่วยเพิ่มความทนทานให้กล้ามเนื้อ
  • เหมาะสำหรับนักกีฬา
  • ช่วยฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อหลังการผ่าตัด   
  • เพิ่มกำลังสร้างกล้ามเนื้อ แขน และขา
  • สามารถใช้กับผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ช่วยบำบัดให้ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน     
  • ใช้ในการออกกำลังกายต่าง ๆ

 

          มวยไทย ( Muay thai ) จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนักเพื่ออะไร ?

1. เพิ่มกำลังให้กับร่างกาย

     การใส่ถุงถ่วงน้ำหนัก จะทำให้ร่างกายหนักขึ้น หรือหากใส่เป็นส่วน ๆ ก็จะหนักเป็นส่วน ๆ ไป เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ที่นักมวยสามารถ ต่อยได้ให้ครบกำหนด เพราะหากเราจะต่อยให้หนักขึ้น และสามารถรู้สึกได้เลยหลัง ถอดถุงถ่วงทราย แล้วลองต่อยกระสอบทรายอีกครั้ง จะเห็นผลทันทีว่า เราสามารถต่อยได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. เพิ่มความเร็วในการปล่อยอาวุธ แม่ไม้ มวยไทย ( Muay thai )

     แน่นอนว่าเราคงเคยเห็นในการ์ตูน ที่ฝึกวิชาแล้วมีถุงถ่วงน้ำหนัก เพื่อให้ร่างกายนั้นเบาขึ้น ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะ เวลาเรารับอะไรหนัก ๆ แล้ว พอปล่อยหรือถอดออกจะทำให้ร่างกายก็จะทำให้เบา และรู้สึกได้เลยว่าอาวุธที่ปล่อยออกไปนั้นเร็ว และไวขึ้นมาก

3. เพิ่มความแรงของอาวุธ มวยไทย ( Muay thai )

     ความแรงจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่เราถ่วง ว่าเราถ่วงมากน้อยแค่ไหน มวยไทย ( Muay thai ) เขาฝึกแบบนี้จริง ๆ ถ้าอยากจะให้อาวุธของเราแรงขึ้น ก็ยิ่งถ่วงเยอะ แต่จะเสียพลังงานมากพอสมควร

 

          ลักษณะการใช้ถุงทรายถ่วงน้ำหนัก

1. วิ่ง

     หากเราอยากจะวิ่งเพื่อให้ถ่วงน้ำหนักจริง ๆ เราถ่วงไปที่ข้อเท้า และวิ่งในระยะทางที่กำหนด จะสังเกตได้ว่านักมวยที่วิ่งแล้วใส่ถุงถ่วงน้ำหนัก จะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดน้ำหนักเร็วขึ้น อึดขึ้น สามาระชกมวยได้อด และสร้างกล้ามเนื้อได้ดีมาก

2. กระโดด

     มวยไทย ( Muay thai ) จะต้องถ่วงน้ำหนักไปที่ข้อเท้า กระโดดเพื่อทำฟุตเวิรค์ เพื่อหาจังหวะการปล่อยอาวุธ เพราะฉะนั้นแล้วถุงถ่วงน้ำหนัก สามารถทำให้กระโดดได้เร็ว สูง และกระโดดฟุตเวิรค์ได้อย่างไม่เหนื่อยอีกด้วย

 

          ควรเลือกใช้น้ำหนักของถุงถ่วงน้ำหนักอย่างไร ?

     ถุงทรายข้อมือ และข้อเท้า มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม 2 กิโลกรัม 3 กิโลกรัม และ 4 กิโลกรัม ซึ่งการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้เริ่มจาก 1 กิโลกรัม พอกล้ามเนื้อเริ่มชิน ก็ทำการเพิ่มเป็น 2 กิโลกรัม และเพิ่มต่อไปเรื่อย ๆ

 

          ข้อควรระวังในการใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก

     การใช้ถุงถ่วงน้ำหนักก็ดี หรือ ชุดถ่วงก็ดี ต้องระวังถึงเรื่องกระดูก เพราะอาจจะทำให้กระดูกเคลื่อนได้ และหากเราถ่วงไปแล้วออกกำลังกายไม่รู้ลิมิตของตัวเองก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ถุงถ่วงเป็นผลดีในเรื่องของการเพิ่มความเร็ว เพิ่มความแรง ดังนั้น ต้องศึกษาให้ดีที่สุด

 

          ผลดีของการเล่น มวยไทย ( Muay thai )

1. ชกมวยได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย

     เป้าหมายของการต่อยมวยคือ ให้ทุกส่วนของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกาย และระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวยยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว การทำงานประสานกันของอวัยวะ ปฏิกิริยาตอบโต้ และความคล่องตัว และยังสามารถเบิร์นไขมันได้ถึง 13 แคลลอรี่ใน 1 นาที การออกกำลังกายด้วยการชกมวยทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ตั้งแต่ 200-400 แคลอรี่ในเวลาครึ่งชั่วโมง, ขึ้นสังเวียนชกมวย 30 นาทีเบิร์นได้ 400 แคลอรี่, ชกกระสอบทราย 30 นาที เบิร์นได้ 200 แคลอรี่, ชกกับคู่ซ้อม 30 นาทีเผาผลาญได้ 300 แคลอรี่

2. ชกมวยเผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า

     การชกมวยอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training ( การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง ) เพราะการขึ้นชกใน 1 ยกคือ การใช้ร่างกายไปถึงระดับสูงสุด และการพักระหว่างยกคือการทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากความอ่อนล้าได้เร็วขึ้น เป็นทั้งการออกกำลังกายแบบที่ผสมผสานเผาผลาญพลังงานการใช้ออกซิเจน และไม่ใช้ออกซิเจนเข้าด้วยกัน การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับการวิ่ง หรือปั่นจักรยานจะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

3. ชกมวยช่วยให้หน้าท้องแบบราบ

     อยากมีซิกซ์แพ็กชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพแล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะการชกมวยจำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

4. ชกมวยช่วยคลายเครียด

     เมื่อต้องเผชิญกับสารพัดปัญหามาทั้งวัน หรือทะเลาะกับแฟน ไม่พอใจเจ้านาย ลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน รู้สึกหงุดหงิดจวนระเบิด ก็เป็นการดีหากได้ขึ้นสังเวียนต่อยใครสักคน หรือชกกระสอบทรายระบายอารมณ์ออกมาบ้าง อะดรีนาลีน และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่หลั่งออกมาระหว่างการใช้แรงจะส่งผลในทางที่ดีต่อร่างกาย การต่อยมวยจึงเป็นการระบายความเครียดที่ได้ผล และดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงสารเอ็นโดฟินที่หลั่งออกมาก็ช่วยให้มีความสุขขึ้นด้วย

5. ชกมวยช่วยให้บุคลิกสง่างาม

     การชกมวยทำให้การใช้สมอง และร่างกายทำงานสอดประสานกันได้ดีขึ้น กระตุ้นให้การรับรู้ทางร่างกายทำงานดีขึ้น มีความคล่องตัว เพราะต้องใช้การทำงานที่สอดประสานกันระหว่างตา และมือ ทุกครั้งที่ชกกระสอบทราย หรือชกกับเป้าล่อ ต้องใช้สมาธิในการพุ่งเป้าไปที่การเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้เกิดการจดจำการเคลื่อนไหว ทั้งจังหวะการขยับเท้า และการออกหมัด ท้าทายการทำงานของกล้ามเนื้อ และจิตใจไปพร้อมกัน ทำให้มีความคล่องแคล่ว ว่องไว มั่นใจ บุคลิกก็สง่างามไปโดยปริยาย

 

     นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม มวยไทย ( Muay thai ) จำเป็นต้องมีถุงถ่วงน้ำหนัก เพราะการฝึกฝนเราต้องใช้พละกำลังเพื่อขึ้นชกต่อยมวย แถมตอนฝึกเราต้องฝึกให้หนักเข้าไปอีก เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเรา ทั้งนี้หากใครอยากเรียนมวย ต่อยมวยก็สามารถติดต่อเรามาได้ตลอด และเรายังมีให้เลือกถึง 3 ที่นั่นก็คือ สาขารัชดา สาขาข้าวสาร และสาขาศรีนครินทร์ สะดวกที่ไหนแวะไปที่นั่นได้นะคะ เรามีบริการครบวงจรทั้งออกกำลังกาย และ มวยไทย ( Muay thai ) มาที่เดียวครบจบทุกรูปแบบ

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เครื่องดนตรีประกอบ มวยไทย

มวยไทย VS มวยสากล

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

กว่าจะเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬาประจำชาติไทย เราเลยก็ว่าได้แต่การจะเป็นนักมวยนั้นไม่ได้ง่ายเลย และไม่ได้แค่ออก หมัด เป็นเท่านั้นมีหลากหลายองค์ประกอบวันนี้เรามาบอกเคล็ดลับกันกว่าจะเป็นนักชก มวยไทย ( Muay Thai ) ได้

 

การชก มวยไทย ( Muay Thai ) อาจจะเห็นได้ในทีวี หรือตามค่ายมวยต่าง ๆ บอกได้เลยว่า การที่เราอยากจะเป็นแบบนั้น ก็ยากพอสมควรอยู่แล้ว แต่เส้นทางของการเป็นนักมวยนั้น ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด ต้องเหนื่อย และเจ็บตัวมาก เป็นพิเศษ หลายปัจจัย ในการที่จะเดินในเส้นทางนี้ได้

 

 

เส้นทาง กว่าจะมาเป็น นักชก มวยไทย ( Muay Thai )

1 มีเทรนเนอร์ดี

สิ่งแรกคือการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ที่เทรนเนอร์ จะสอนเบสิคเบื้องต้น ทั้งการเคลื่อนไหว การป้องกัน การยืนตำแหน่ง ยามอยู่บนเวที รวมถึงความแคล่วคล่องว่องไว

 

 

2 สภาพความฟิต

มองดูภายนอก คุณอาจเป็นนักกีฬาที่ดูดี แต่หากความฟิตไม่ถึง ทุกอย่างเป็นอันจบ การฝึกซ้อมด้วย การออกกำลังกาย อาทิ กระโดดเชือก วิ่ง ลุก นั่ง คือ แนวทางที่จะทำให้คุณ ไม่หมดแรงง่าย ๆ บนเวที

 

 

3 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

คือ แนวทางที่ช่วยป้องกัน อาการบาดเจ็บ ของกล้ามเนื้อ การวอร์มอัพ และโยคะ คือ วิธีการที่หลายคน อาจคาดไม่ถึง แต่ความจริงแล้ว มันสามารถช่วยให้ กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และฝึกสมาธิ ไปในตัวด้วย

 

 

4 ควบคุมอาหาร

หากคุณเป็นนักมวย ที่เตรียมขึ้นชก ในสังเวียน มวยไทย ( Muay Thai ) อาหารประเภทโปรตีน ( Protein ) คือ สิ่งที่ร่างกาย ต้องการมากที่สุด อาทิ ปลา ไก่ ไข่ เนย ถั่ว รวมถึงผักผลไม้ และไขมันที่เหมาะสมกับร่างกายอาทิ อะโวคาโด เป็นต้น

 

 

5 ยกระดับ การออกกำลัง

อีกหนึ่งขั้น ของการฝึกความอึด และอดทด การจะเป็นนักมวยที่ดี อย่าลืมว่าตลอดการชก ในสังเวียน มวยไทย ( Muay Thai ) ขาของคุณต้องเคลื่อนไหว อยู่บนเวทีตลอดเวลา ฉะนั้นจำเป็นต้องยกระดับ การออกกำลัง เพื่อเพื่อความอดทน

 

 

6 ฝึกฝนจิตใจ กีฬามวย

ไม่ใช่แค่การต่อสู้ ด้วยพละกำลังเท่านั้น แต่มันยังวัดถึง ความสามารถด้าน กระบวนความคิด การตัดสินใจ ในสถานการณ์เฉพาะหน้า เพียงเสี้ยววินาที นักมวยระดับโลก หลายคน อาทิ มูฮัมหมัด อาลี ,ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ หรือกระทั่งสมรักษ์ คำสิงห์ มีความพิเศษเหล่านี้ ที่นำพาพวกเขา ไปสู่ชัยชนะได้

 

 

ปัจจัยหลัก ของนักชก มวยไทย ( Muay Thai ) เมื่อขึ้นชก บนเวที

1 การป้องกัน

ไม่ว่าคุณจะเป็น นักมวยประเภท ไฟท์เตอร์ ( Fighter ) เดินหน้าสู้ หรือแนว บ็อกเซอร์ ( Boxer ) ที่อาศัยชั้นเชิง เป็นหลัก แต่หากไม่มีการป้องกันตัว ที่ดี หรือประมาท เกินไป ก็อาจถูกน็อคได้ง่าย ๆ สิ่งสำคัญ คือ ต้องพยามตั้งการ์ดป้องกัน ให้ได้ตลอดเวลา เมื่ออยู่บนเวที

 

 

2 ความเร็ว

แม้ว่าน้ำหนักหมัด ของคุณจะหนักแค่ไหน แต่หากไม่มีความเร็ว หรือช้า กว่าคู่แข่งเพียงแค่ หนึ่งสเต็ป คุณก็ไม่มีทาง ที่จะปล่อยหมัด ใส่คู่แข่งได้เลย นี่แหละคือความสำคัญ ที่ต้องเริ่ม จากการฝึกซ้อมอย่างหนัก

 

 

3 น้ำหนักหมัด

การมีหมัดที่หนัก และออกหมัดบ่อย ๆ บางทีก็ไม่จำเป็น เสมอไป เพราะหากคู่แข่ง ป้องกันอย่างถูกวิธี นั่นหมายความว่า แต่ละหมัดที่คุณออกไปนั้น คือ กำลังที่สูญเสีย ไปอย่างเสียเปล่า ฉะนั้น การหาจังหวะในการชก คือ อีกหนึ่งแนวทาง ที่จะทำให้คุณ เผด็จศึกคู่ชก เพราะบางที แค่หมัดเดียวเน้น ๆ ก็เพียงพอแล้ว

 

 

4 สัญชาตญาณ

จริงอยู่ที่การมี เทรนเนอร์ หรือพี่เลี้ยง จะวางแผนให้คุณ ก่อนขึ้นชก และระหว่างพักยก แต่เมื่อขึ้นออกไป ตะบันกับคู่แข่ง บนเวที คุณคือคน ที่กำหนด ทุกอย่าง บางทีอาจไม่มีเวลา คิดด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่อยู่ในตัวคุณ ที่หากมาถูกที่ถูกเวลา ก็สามารถพาคุณ ไปสู่ชัยชนะได้เช่นกัน

 

และทั้งหมดที่ว่ามานี้ คือเส้นทาง สู่ความสำเร็จ ที่ใช้ได้ในทุก ๆ วงการ โดยเฉพาะวงการ มวยไทย ( Muay Thai ) แม้ว่าคุณอาจจะเป็นรอง ในเรื่องน้ำหนักหมัด หรือกระทั่งเชิงมวย แต่เชื่อได้เลยว่า หากคุณฝึกซ้อม มากกว่าคนอื่น ประตูสู่ชัยชนะ พร้อมเปิดต้อนรับคุณ อยู่อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

อาวุธมวยสุดทรงพลัง
 

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

กระสอบทราย เพื่อนคู่ใจนักมวย

กระสอบทราย เป็นอุปกรณ์การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่สำคัญอย่างหนึ่ง วัสดุภายนอกทำด้วยผ้าใบหรือหนัง เพื่อป้องกันเจ็บจากการเตะ ต่อย แบ่งออกได้เป็น กระสอบทราย แบบแขวน และ กระสอบทราย แบบตั้งพื้น

 

 

กระสอบทราย ( Sandbag ) คืออะไร ?

กระสอบทราย ( Sandbag ) คือ อุปกรณ์การซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) ที่สามารถทำได้ทั้งต่อย เตะ และการฝึกท่าต่าง ๆ ของมวยไทย และมวยสากล ถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อ และยังช่วยเพิ่มศักยภาพ รวมถึงช่วยพัฒนา ความสามารถ ทั้งด้านการ เตะ ต่อย ให้แก่นักมวย ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกระสอบทราย ก็มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังนี้

 

 

1 กระสอบทราย แบบแขวน ( Hanging sandbags )

เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน มีราคาถูก แต่ปัญหาส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของการติดตั้ง ซึ่งมีความยุ่งยากมากกว่า ในการติดตั้งกระสอบทราย แบบแขวน จะต้องทำการติดตั้งอย่างน้อย 3 เมตร ทำให้การติดตั้ง ในพื้นที่ที่มีเพดานไม่สูง ไม่สามารถที่จะทำได้ และก่อนที่จะติดตั้งกระสอบทราย จะต้องยัดทราย หรือเศษผ้า ใส่ในตัวกระสอบก่อน หากเลือกเป็นทรายที่ยัด จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของน้ำหนัก และตะขอที่จะใช้แขวน เพิ่มเข้ามาอีก เพราะต้องคำนึงถึง ความแข็งแรง ความมั่นคง ที่สามารถรับน้ำหนักได้

 

 

2 กระสอบทราย แบบตั้งพื้น ( Floor standing sandbag )

เริ่มมีความนิยมมากขึ้น ในปัจจุบัน เนื่องจากมีขั้นตอน ในการติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องยัดของใส่กระสอบ เนื่องจากระสอบทรายตั้งพื้น ส่วนใหญ่จะทำการบุฟองน้ำ และหุ้ม มาให้เรียบร้อยแล้ว สามารถนำวางในพื้นที่ ที่ต้องการใช้ซ้อมได้เลย แต่ควรเผื่อพื้นที่ ไว้เล็กน้อยด้านละ 2 เมตร ( กระสอบทรายแบบตั้งพื้น มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร ) และสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก

 

 

 

ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากมี กระสอบทราย ( Sandbag ) สักอันไว้ฝึกซ้อมมวย หรือ ออกกำลังกาย ขอแนะนำกระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) น่าจะเหมาะสม สำหรับยุคปัจจุบัน เพราะเคลื่อนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย ไม่สร้างความเสียหายแก่ตัวบ้าน ช่วยป้องกันการบาดเจ็บ จากการฝึกสอบ เพราะกระสอบทรายแบบตั้งพื้น จะไม่แข็งจนเกินไป มีการซับแรงในการ เตะต่อยแรง ๆ ด้วยคอสปริง ทำให้ลดอาการบาดเจ็บได้ ช่วยสร้างบรรยากาศ ในการฝึกซ้อม ทำให้รู้สึก เหมือนมีคู่ต่อสู้จริง เป็นการกระตุ้น ให้อยากออกกำลังกาย มากยิ่งขึ้น

 

ถ้าเลือก กระสอบทราย กันได้แล้ว มาดูกันดีกว่าว่า กระสอบทราย ให้ประโยชน์อะไร กับคุณได้บ้าง ?

 

กระสอบทราย ( Sandbag ) ช่วยระบายความโกรธ ระบายความเครียด ใครเจอภาวะเครียดจากการทำงาน หรือ กำลังโกรธใครมาไม่รู้จะระบายยังไง ขอแนะนำให้กลับบ้าน มาสวมนวม ชก เตะ ถีบ กระสอบทราย เพื่อระบายอารมณ์ เมื่อคุณได้ปลดปล่อยพลัง ออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ความเครียด ความโกรธ ทั้งหลายก็จะเบาลง

 

กระสอบทราย ( Sandbag ) ช่วยเรียกได้เหงื่อ ได้กล้ามเนื้อ ได้ร่างกายแข็งแรง การชก เตะ ถีบ กระสอบทราย ( Sandbag ) เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง การได้ออกแรงใช้พละกำลัง ทำให้ได้เหงื่อ ได้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไขมันรอบเอว ต้นขา ต้นแขน ก็จะหายไปด้วยจาก การออกกำลังกาย ยิ่งหากใช้เวลาอยู่กับมันสัก 1 ชั่วโมง จะเผาพลาญได้ประมาณ 800 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว นอกจากร่างกาย จะแข็งแรงแล้ว การได้ชก เตะ ถีบ กระสอบทราย ยังเป็นการฝึก สมาธิอีกด้วย เพราะเราจะต้องมีจิตใจ จดจ่ออยู่ที่ กระสอบทราย ( Sandbag )

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ กระสอบทราย ( Sandbag )  มีดีกว่าที่คิดใช่ไหมละ ไม่ว่าจะกระสอบทรายแขวน ( Hanging sandbags ) หรือ กระสอบทรายตั้งพื้น ( Floor standing sandbag ) ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการฝึกซ้อม มวยไทย ( Muay Thai ) และเป็นการออกกำลังกายที่น่าลอง ถ้าพื้นที่ยังว่าง ลองหาซื้อสักอัน จะได้ออกแรง สร้างกล้ามเนื้อกันนะคะ

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

อาวุธมวยสุดทรงพลัง
 

เครื่องดนตรีประกอบ มวยไทย

เครื่องดนตรีประกอบ มวยไทย

เครื่องดนตรีไทยถือว่ามีมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในงานมหรสพต่าง ๆ เช่น งานบวช งานแต่ง ทำบุญบ้าน งานฌาปนกิจ หรือแม้กระทั่งการต่อย มวยไทย จนทุกวันนี้ไม่ว่าจะมีงานอะไรก็ต้องมีดนตรีประกอบในงานของคนไทยไปเสียแล้ว

 

     องค์ประกอบที่สำคัญ และเป็นส่วนสร้างบรรยากาศให้แก่การไหว้ครู และร่ายรำ มวยไทย รวมทั้งการแข่งขันชกมวยนั้น คือ วงดนตรีปี่กลองซึ่งมีจังหวะ และท่วงทำนองช้า และเร็วตามช่วงเวลาของการแข่งขัน เมื่อเริ่มไหว้ครูท่วงทำนองก็จะช้าเนิบนาบช่วยให้ลีลาในการร่ายรำไหว้ครูดูอ่อนช้องดงามเป็นจังหวะน่าชม และเมื่อเริ่มการแข่งขันเสียงดนตรีก็เริ่มมีจังหวะเร็วขึ้น บอกให้ผู้ได้ยินได้ชมรู้ว่าขณะนั้นนักมวยกำลังใช้ชั้นเชิงต่อสู้กันอยู่ในสังเวียน  และเมื่อถึงยกสุดท้ายจังหวะดนตรียิ่งเร่งเร้าขึ้น เร้าใจให้นักมวยได้เร่งพิชิตคู่ต่อสู้ และเร้าใจผู้ชมมวยรอบสนามให้ตื่นเต้นกับผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า จังหวะดนตรีจึงเป็นส่วนสร้างความรู้สึกของนักชก และผู้ชมรอบสนามให้สนุกสนานตื่นเต้นกับการแข่งขันได้อย่างน่าอัศจรรย์

     เครื่องดนตรีที่นำมาบรรเลงประกอบการแข่งขันชก มวยไทย มีชื่อเรียกว่า “วงปี่กลอง” มีนักดนตรีร่วมบรรเลงดนตรีโดยทั่วไปจำนวน 4 คนเครื่องดนตรีประกอบด้วยปี่ชวา 1 เลา กลองแขก 2 ใบ และฉิ่ง 1 คู่

 

          ปี่ชวา

     ทำเป็น 2 ท่อนเหมือนปี่ไฉน คือ ท่อนเลาปี่ยาวราว 27 ซม. ท่อนลำโพงยาวราว 14 ซม. เจาะรูนิ้ว รูปร่างลักษณะเหมือนปี่ไฉนทุกอย่างแต่มีขนาดยาวกว่าปี่ไฉน กล่าวคือ ปี่ชวาเมื่อสวมท่อนลำโพง และเลาปี่เข้าด้วยกันแล้ว ยาวประมาณ 38–39 ซม. ตรงปากลำโพงกว้างขนาดเดียวกับปี่ไฉน ทำด้วยไม้จริงหรืองา ส่วนที่ทำต่างจากปี่ไฉนก็คือ ตอนบนที่ใส่ลิ้นปี่ทำให้บานออกเล็กน้อย ลักษณะของลิ้นปี่เหมือนกับลิ้นปี่ไฉน ต่างแต่มีขนาดยาวกว่าเล็กน้อย แม้เราจะไม่รู้ที่มาของปี่ชวาแต่ชื่อของปี่ชนิดนี้บอกตำนานอยู่ในตัว และโดยเหตุที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนปี่ไฉนของอินเดีย จึงเข้าใจว่าชวาคงได้แบบอย่างมาจากปี่ไฉนของอินเดีย เป็นแต่ดัดแปลงให้ยาวกว่า เสียงที่เป่าออกมาจึงแตกต่างไปจากปี่ไฉน เรานำปี่ชวามาใช้แต่เมื่อไรไม่อาจทราบได้แต่คงจะนำเข้ามาใช้คราวเดียวกับกลองแขก และเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นนั้น ปรากฏว่าเรามี ปี่ชวาใช้ในกระบวนพยุหยาตราเสด็จพระราชดำเนินแล้ว เช่น มีกล่าวถึงใน “ลิลิตยวนพ่าย” ว่า

“สรวญศรัพทพฤโฆษฆ้อง กลองไชย

ทุมพ่างแตรสังข์ ชวา    ปี่ห้อ”

     ซึ่งคงจะหมายถึง ปี่ชวา และปี่ห้อหรือปี่อ้อ ปี่ชวาใช้คู่กับกลองแขก ( ชวา ) เช่น เป่าประกอบการเล่นกระบี่กระบอง และประกอบการแสดงละครเรื่องอิเหนา ตอนรำกริช และใช้ในวงปี่พาทย์นางหงส์กับใช้ในวงดนตรีที่เรียกว่าวงปี่ชวากลองแขก หรือวงกลองแขกปี่ชวา วงเครื่องสายปี่ชวา และวงบัวลอย ทั้งนำไปใช้เป่าในกระบวนแห่ ซึ่ง “จ่าปี่” เป่านำ กลองชนะในกระบวนพยุหยาตราด้วย

 

          กลองแขก

     รูปร่างยาวเป็นกระบอก หน้าหนึ่งใหญ่ เรียกว่า “หน้ารุ่ย” กว้างประมาณ 20 ซม. อีกหน้าหนึ่งเล็กเรียกว่า “หน้าด่าน” กว้างประมาณ 17 ซม. หุ่นกลองยาวประมาณ 57 ซม. ทำด้วยไม้จริงหรือไม้แก่น เช่น ไม้ชิงชัน หรือไม้มะริด ขึ้นหนัง 2 หน้าด้วยหนังลูกวัว หรือหนังแพะ ใช้เส้นหวายผ่าซีกเป็นสายโยงเร่งเสียง โยงเส้นห่าง ๆ แต่ต่อมาในระยะหลังนี้คงจะใช้ไม่ได้ เนื่องจากหาหวายใช้ไม่สะดวก บางคราวจึงใช้สายหนังโยงก็มี สำรับหนึ่งมี 2 ลูก ลูกเสียงสูง เรียกว่า “ตัวผู้” ลูกเสียงต่ำเรียกว่า “ตัวเมีย” ตีด้วยฝ่ามือทั้งสองหน้าให้เสียงสอดสลับกันทั้งสองลูก กลองแบบนี้เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า “กลองชวา” เพราะเข้าใจว่าเราได้แบบอย่างมาจากชวา ในวงปี่พาทย์ของชวาก็มีกลอง 2 ชนิดคล้ายกันนี้ แต่รูปกลองตอนกลางป่องโตมากกว่าของไทย เราคงจะนำกลองชนิดนี้มาใช้ในวงดนตรีของไทยมาแต่โบราณในกฎหมายศักดินามีกล่าวถึง “หมื่นราชาราช” พนักงานกลองแขก นา 200 และมีลูกน้อง เรียกว่า “ชาวกลองเลวนา 50” บางทีแต่เดิมคงจะนำเข้ามาใช้ในขบวนแห่นำเสด็จพระราชดำเนิน เช่น กระบวนช้าง และกระบวนเรือ และใช้บรรเลงร่วมกับปี่ชวาประกอบการเล่นกระบี่กระบอง เป็นต้น ภายหลังจึงนำมาใช้บรรเลงในวงปี่พาทย์ของไทย เมื่อครั้งนำละครอิเหนาของชวามาเล่นเป็นละครไทยในตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น ใช้ในเมื่อละครรำเพลงกริช เป็นต้นต่อมานำมาใช้ตีกำกับจังหวะแทนตะโพนในวงปี่พาทย์ และใช้แทนโทนกับรำมะนา ในวงเครื่องสายด้วย

 

          ฉิ่ง

     เป็นเครื่องตีทำด้วยโลหะ หล่อหนา เว้ากลางปากผายกลม รูปคล้ายถ้วยชาไม่มีก้น สำรับหนึ่งมี 2 ฝา แต่ละฝาวัดผ่านศูนย์กลางจากสุดขอบข้างหนึ่งไปสุดขอบอีกข้างหนึ่งประมาณ 6 ซม. ถึง 6.5 ซม. เจาะรูตรงกลางเว้าสำหรับร้อยเชือก เพื่อสะดวกในการถือตีกระทบกันให้เกิดเสียงเป็นจังหวะ ฉิ่งที่กล่าวนี้สำหรับใช้ประกอบวงปี่พาทย์ ส่วนฉิ่งที่ใช้สำหรับวงเครื่องสายและวงมโหรี มีขนาดเล็กกว่านั้นคือ วัดผ่านศูนย์กลางเพียง 5.5 ซม.ที่เรียกว่า “ฉิ่ง” ก็คงจะเรียกตามเสียงที่เกิดขึ้นจากการเอาขอบของฝาหนึ่งกระทบเข้ากับอีกฝาหนึ่งแล้วยกขึ้น จะได้ยินเสียงกังวานยาวคล้าย “ฉิ่ง” แต่ถ้าเอา 2 ฝานั้นกลับกระทบประกบกันไว้ จะได้ยินเสียงสั้นคล้าย“ฉับ” เครื่องตีชนิดนี้ สำหรับใช้ในวงดนตรีประกอบการขับร้องฟ้อนรำ และการแสดงนาฏกรรม โขน ละคร

 

          การบรรเลงประกอบ มวยไทย ใช้เพลงอะไรบ้าง ?

  • เพลงประกอบการรำไหว้ครู มวยไทย ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันนัก มวยไทย ทุกคนจะรำไหว้ครู มวยไทย เพื่อระลึกถึงพระคุณครู มวยไทย ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ โดยบทเพลงที่ใช้ในช่วงการรำไหว้ครู มวยไทย คือ เพลงโยนในสะระหม่าไทย
  • เพลงในระหว่างชกยกที่ 1 จะใช้เพลงแขกเจ้าเซ็นสองชั้น
  • เพลงอัตราจังหวะสองชั้นทั่วไป เช่น แขกเชิญเจ้า พราหมณ์เข้าโบสถ์ หรือเพลงในอัตรา 2 ชั้น และชั้นเดียวใช้บรรเลงระหว่างยกที่ 2 ถึงยกที่ 5
  • เพลงเชิด ใช้บรรเลงในระหว่างการชกซึ่งใกล้หมดเวลาทาการแข่งขันในยกสุดท้าย ส่วนของหน้าทับกลองที่

ประกอบกับการบรรเลงคู่กับปี่ชวา โดยใช้กลองแขกบรรเลงนั้น ในวงปี่มวยนั้นจะมีการ แบ่งใช้หน้าทับดังต่อไปนี้

          - หน้าทับโยน ใช้บรรเลงประกอบกับเพลงโยนซึ่งขณะบรรเลงอยู่ในช่วงของการรำไหว้ครู มวยไทย

          - หน้าทับแขกเจ้าเซ็นสองชั้น ใช้เมื่อบรรเลงประกอบในเวลาทำการแข่งขันโดยจะตีหน้าทับเจ้าเซ็นไปตลอดไม่มีเปลี่ยน แม้ปี่ชวาจะบรรเลงเพลงใด ๆ ก็ตาม

           - หน้าทับเชิด ใช้บรรเลงในช่วงใกล้หมดเวลาในการแข่งขันยกสุดท้าย

     กล่าวได้ว่าการบรรเลงแต่ละครั้งจะเริ่มต้นที่การเป่าเพลงโยน ให้นักมวยไหว้ครู ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 นาที จากนั้นเมื่อระฆังตีให้สัญญาณการชกยกที่ 1 นักดนตรีปี่มวยจะบรรเลงเพลงแขกเจ้าเซ็น ซึ่งจะสามารถบรรเลงเพลงนี้ในทุก ๆ ยกจนถึงช่วง 1 นาทีสุดท้าย ธรรมเนียมปฏิบัติของการบรรเลงวงปี่มวยลุมพินีจะต้องเปลี่ยนเพลงบรรเลงไปเป็นเพลงเชิด ชั้นเดียว ซึ่งความหมายในการบรรเลงเพลงเชิดนั้นคือการแจ้งให้รู้เป็นสัญญาณว่าใกล้จะหมดเวลาในการแข่งขันชกมวย ในส่วนบทเพลงที่นักดนตรีปี่มวยลุมพินีบรรเลงในยกที่ 2 ถึง 4 และยกที่ 5 ในสองนาทีแรก เพลงไม่ได้ถูกกาหนดไว้ตายตัวว่าจะต้องใช้เพลงใดบรรเลง แต่โดยส่วนมากนักดนตรีปี่มวยสนามมวยลุมพินี เช่นจ่าสิบเอกช้อย เพิ่มผล สิบตรีสมนึก บุญจาเริญ พันโทเสนาะ หลวงสุนทร จ่าสิบเอกทวี ไทยพยัคฆ์ จะนิยมใช้เพลงในสาเนียงแขก ซึ่งมีอัตราจังหวะชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น ซึ่งในบทเพลงสาเนียงอื่น ๆ นั้น สามารถนามาใช้ได้ไม่ได้ผิดแปลกอย่างใด ซึ่งเหตุผลที่ทาให้นักดนตรีปี่มวยลุมพินีนิยมการบรรเลงเพลงสาเนียงแขกนั้น มาจากการเริ่มต้นบรรเลงเพลงแรกในการแข่งขันยกที่ 1 เริ่มต้นด้วยเพลงแขกเจ้าเซ็น ซึ่งเป็นเพลงสาเนียงแขก จึงได้นิยมเลือกเพลงที่สาเนียงเดียวกันเป่าต่อไปยังยกต่อ ๆ ไปจนถึงจบ หรือเลือกเพลงลูกทุ่งหรือเพลงสมัยนิยมมาบรรเลงประกอบกับการชกมวย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย VS มวยสากล

กติกาสังเวียนมวยไทย

มวยไทย VS มวยสากล

มวยไทย VS มวยสากล

มวย เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ต้องมีทักษะการต่อสู้ โดยใช้ทุกส่วนของ ร่างกาย แต่มวยที่เรารู้จักกันนั้น มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ มวยไทย และมวยสากล เป็นกีฬามวยเหมือนกัน แต่จะมีความต่างกันอย่างไรบ้าง

 

     หลายคนคงมีความสงสัย ว่ามวยไทย และมวยสากล ที่รู้จักกันในบ้านเรานั้น มีการเล่น หรือกฎกติกาที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราเลยมาเทียบความแตกต่างกันให้ดูเลยค่ะ

     มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ( Martial Art ) และเป็นกีฬา ( Sport ) ประจำชาติ เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงในยุคปัจจุบัน เมื่อสมัยก่อนมีการฝึกฝน การต่อสู้ด้วยมือเปล่า เพื่อรบกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการรบระยะประชิดตัว  คนไทยจึงได้ฝึกหัดการ เตะ ถีบคู่ต่อสู้ เพื่อให้เกิดการได้เปรียบ

     กีฬามวยไทย เป็นกีฬาที่สามารถใช้ได้ทุกส่วนของอวัยวะของร่างกาย ในการ ต่อสู้ ด้วยมือเปล่า จนได้รับการยอมรับว่าเป็น การต่อสู้ ที่ผสมผสานของศาสตร์ และศิลป์ได้อย่างสวยงาม ในปัจจุบันได้รับการยอมรับไปทั่วโลก มวยไทยเป็นทั้งศิลปะการต่อสู้เพื่อป้องกันตนเอง ( Self defense ) และเป็นกีฬาสมัครเล่นหรืออาชีพ ( Amateur or professional )

 

          กติกาการแข่งขันมวยไทย

     กีฬามวยไทย สามารถใช้ได้ทุกส่วนของอวัยวะของร่างกาย และถือว่าอันตรายมาก ๆ ในปัจจุบัน นักมวย ต้องสวมนวมขนาด 4 ออนซ์ สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้าหรือไม่ก็ได้ มวยไทยจะชกด้วยกันทั้งหมด 5 ยก โดยจะขึ้นชก 3 นาที พัก 2 นาที การแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คน กรรมการในการให้คะแนนข้างเวทีอีก 2 คน ให้คะแนนยกละ 10 คะแนน การแข่งจะแบ่งเป็นรุ่นตามน้ำหนัก

 

          การให้คะแนน

- ฝ่ายใดใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ถูกต้องตามกติกา กระทำคู่ต่อสู้ได้หนักหน่วง บอบช้ำ และรุกมากกว่าเป็นผู้ชนะ

- นักมวย ฝ่ายใด มีชั้นเชิงมวยไทย ในการ รุก รับ หลบ ตอบโต้ ได้ดีกว่าเป็นผู้ชนะ

 

          การฟาวล์

- หากผู้เล่นทำฟาวล์ ( foul ) ต้องตัดคะแนนตามที่ผู้ชี้ขาดสั่งให้ตัดคะแนน

- ถ้าผู้ตัดสินเห็นการฟาล์วอย่างชัดเจน แต่ผู้ชี้ขาดไม่เห็น ผู้ตัดสินสามารถตัดคะแนนตามความเหมาะ พร้อมระว่าทำฟาวล์ด้วยเหตุผลใด

 

     มวยสากล ( Boxing ) หรือที่เรียกในยุคแรกว่า "มวยฝรั่ง" เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ สู้กันด้วยหมัดทั้ง 2 ข้าง โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของทหารในสนามรบ และกลายเป็นเกมกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิกยุคโบราณ ไม่จำกัดน้ำหนัก ไม่สวมที่ป้องกันตัว ใช้เพียงหมด ไม่มีกฎกติกามากนัก แต่นักมวยต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมดทั้งตัว ในปี 2236 เจมส์ ฟิกซ์ ( James Figg ) ผู้ชนะการแข่งขัน จนได้รับให้เป็น ” บิดาแห่งมวยสากล ” ได้กำหนดกฎกติกาขึ้นมา จนมีคนอื่น ๆ ที่ชนะการแข่งขัน แล้วสร้างนวมตามมา และได้พัฒนามาเป็นเกมกีฬาที่กติกาในปัจจุบัน

 

          กติกาการแข่งขันมวยสากล

- จำนวนยกในการแข่งขัน การขึ้นชกจะแบ่งเป็น 12 ยก เวลา 3 นาที หยุดพักระหว่างยก 1 นาที สู้จนครบ 12 ยก แล้วจะรวมคะแนนว่าใครชนะ

-  กรรมการ การแข่งขัน มีกรรมการให้คะแนนชี้ขาด 3 คน กรณีกรรมการ 3 คนให้ชนะ 1 เสมอ 2 จะดูผลคะแนนกรรมการที่ให้เสมอ 2 ยกหลังเท่านั้น ( บางหนกรรมการห้ามบนเวทีก็มีสิทธิ์ให้คะแนนด้วย )

- การตัดสิน สามารถน็อคเอาท์ ( Knockout ) คู่ต่อสู้ได้ เมื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงกับพื้นเวที หรือยืนพับหมดสติอยู่กับเชือก ไม่สามารถที่จะชกต่อ หรือป้องกันตัวได้อีกภายใน ๑๐ วินาที ระหว่างที่กรรมการนับ จะถือว่าชนะทันที

- การให้คะแนน ยกหนึ่งมี 10 คะแนน เมื่อหมดเวลา 1 ยก กรรมการจะให้คะแนน ผู้ที่ชกดีกว่า 10 คะแนน และให้คะแนนผู้เสียเปรียบลดน้อยลงไปตามลำดับความเสียเปรียบในยกนั้น ถ้าชกพอกันจะให้ 10 คะแนนเท่ากัน

- ฟาวล์ ( foul ) หากกรรมการเตือนนักชกคนใดว่าทำฟาวล์ จะถูกหักคะแนน 1 คะแนน โดยจะให้สัญญาณมือแก่กรรมที่ให้คะแนน

 

     มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว แตกต่างจากมวยสากล ที่นอกจากจะใช้หมัดชกคู่ต่อสู้แล้ว ยังใช้เท้า และศอกต่อสู้ได้ แต่มวยสากลจะใช้ได้แค่หมัดอย่างเดียว และจำนวนยกที่ต่างกัน มวยไทยจะชก 5 ยก มวยสากลจะชก 12 ยก แต่ถึงจะมีความต่างกันอย่างไร มวยทั้ง 2 ชนิด ก็ยังเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกฝนความอดทน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เครื่องรางของขลังประจำตัวนักมวย

ผู้หญิงกับมวยไทย

ฝึกมวยมือใหม่ ควรเตรียมอะไรบ้าง

ฝึกมวยมือใหม่ ควรเตรียมอะไรบ้าง

 

 

หากจะพูดถึงการซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับการฝึกมวยไทย ข้อจำกัดมีไม่มาก หลักๆ คือเรื่องงบประมาณในกระเป๋าสตางค์ ผู้เรียนหน้าใหม่บางคน อาจจะเริ่มต้นด้วยของใช้ จำนวนน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มเติมตามความจำเป็น ในขณะที่บางคน เริ่มต้นก็ต้องจัดเต็มไว้ก่อน ต้องมีให้ครบไม่ปะปนกับใคร ซึ่งอย่างที่บอกว่ามันก็ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ รวมถึงความพอใจ นอกจากนี้การไปออกกำลังกาย สำหรับบางคน ก็มีเรื่องของแฟชั่น เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

 

 

เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าอุปกรณ์จำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ที่ริเริ่มฝึกมวยมีอะไรกันบ้าง

 

 

1 นวม ( Punching Mitts )

นวม ( Punching Mitts ) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันปกป้องมือของเราเองและคู่ซ้อม ที่ยิมอาจจะมีนวมไว้บริการอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่ทุกคน จำเป็นต้องมีนวมของตัวเอง คือเรื่องสุขอนามัย และความคุ้นเคย หากต้องการซื้อนวม ควรไปลองด้วยตัวเอง เพราะมันต้องพอดีกับมือ ใช้วัสดุที่ดีเพื่อปกป้องมือของเราได้ นั่นเรื่องสำคัญเลย

 

 

2 กางเกงมวย ( Boxing shorts )

อย่าได้คิดที่จะไป คลาสเรียนมวยไทย โดยใส่กางเกงขาสั้นอะไรก็ได้ ไปหากางเกงมวยไทยมาใส่จะดีกว่า เพราะกางเกงมวย ( Boxing shorts ) ออกแบบมาเพื่อให้มีพื้นที่ โล่งโปร่งบริเวณต้นขา และขาหนีบ เพื่อให้ยกแข้ง ยกขาเตะได้ถนัด นอกจากจะเลือกแบบที่ถูกใจ ไซส์ที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคุณสุภาพสตรีก็อย่าลืม ใส่กางเกงชั้นใน แบบขาสั้นแนบเนื้อ ไว้ด้านใน เพราะด้วยความที่กางเกงมวย ( Boxing shorts ) ขามันบานนี่ล่ะ อาจจะทำให้มองเห็น เข้าไปถึงข้างในทีเดียว

 

 

3 ฟันยาง ( Rubber teeth )

ฟันยาง ( Rubber teeth ) ช่วยปกป้องฟันของคุณ เมื่อถูกกระแทก ปัจจุบันมีฟันยาง ( Rubber teeth ) ที่ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด แต่ชนิดที่ดีที่สุด สำหรับมือสมัครเล่น คือฟันยางแบบ boil and bite ซึ่งต้องต้มให้ร้อน และกัด เพื่อให้พอดีกับปาก ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยที่สุด สำหรับฟันยางประเภทนี้ คือบางทีมันก็ไม่พอดี กับขนาดช่องปากตลอดเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่นักกีฬามืออาชีพเลือกใช้งานฟันยาง แบบสั่งทำเฉพาะ จึงมีขนาดตรงกับช่องปาก ของแต่ละคนแบบเป๊ะ ๆ ถ้าคุณยังไม่คิดจะลงทุน ใช้ฟันยางแบบสั่งทำ สำหรับการเริ่มต้น แต่อย่างน้อยก็ควรลงทุน ซื้อฟันยางสักอัน เพื่อปกป้องฟันของคุณเอง เพราะฟันแท้มีได้แค่ครั้งเดียวนะคะ

 

 

4 แองเกิล ( Ankle )

ในภาษามวยเขาเรียก ทับศัพท์ตามภาษาอังกฤษว่า แองเกิล ( Ankle ) หน้าตาคล้ายถุงเท้า แต่เปิดส้นเท้า และนิ้วเท้า จริง ๆ แล้วมันอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น อันดับแรก ๆ ที่ต้องลงทุนซื้อ แต่นักมวยบางคนบอกว่า มันช่วยซัพพอร์ตข้อเท้าได้ ในขณะที่บางคนก็ว่าไม่ช่วยอะไรเลย แถมยังลื่น และอึดอัด แต่ทั้งนี้บางสนามแข่งขัน มีกฎบังคับให้ใส่ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบกันไป

 

 

5 ผ้าพันมือ ( Cotton Hand Wrap )

มือของคุณประกอบด้วย กระดูกเล็ก ๆ 27 ชิ้น ซึ่งการพันมือ จะช่วยปกป้อง กระดูกเหล่านั้น รวมถึงเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนโดยรอบ อีกทั้งยังทำให้นิ้ว และข้อมือ ไม่ขยับเขยื้อนไปใน ตำแหน่งที่อาจทำให้เกิด การบาดเจ็บเวลาออกหมัด ลงทุนซื้อผ้าพันมือคุณภาพดี จะช่วยยืดอายุ การใช้งานได้นานกว่า แถมปกป้องมือ ได้ดีกว่าอีกด้วย

 

 

6 สนับแข้ง ( Warrix )

สนับแข้ง ( Warrix ) ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันส่วนหลังเท้า และหน้าแข้ง ซึ่งในคลาสเรียนชั่วโมงแรก ๆ มันอาจไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ แต่ในไม่ช้าเมื่อต้อง เริ่มเล่นเชิงจับคู่ซ้อม มันจะเข้ามามีบทบาททีเดียว สนับแข้ง ( Warrix ) มีหลายขนาดด้วยกัน ไม่ว่าจะซื้อหรือใช้ของที่ยิม ก็ควรลองใส่ และเลือกไซส์ ที่เหมาะสม

 

 

7 เสื้อผ้า

ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบใส่ เพียงกางเกงมวยซ้อม แต่ส่วนสาว ๆ ก็ต้องหาเสื้อกีฬาที่เหมาะสม ควรเลือกเสื้อที่ระบายเหงื่อ แห้งเร็ว ใส่พอดีตัวและสบาย ถ้าไม่มั่นใจเรื่องเนื้อผ้า ก็ให้เลือกซื้อเสื้อ ที่ทำขึ้นสำหรับการ ฝึกมวยไทยโดยเฉพาะ และเลือกซื้อสปอร์ตบรามาใส่ด้วย เพราะมันช่วยซัพพอร์ตหน้าอก ได้กว่าบราทั่วไป และยังระบายอากาศได้ดีกว่าอีกด้วย

 

 

8 น้ำมันมวย ( Muay Thai Oil )

เชื่อไหมว่า ไอเท็มจำเป็นที่เป็นเคล็ดลับ ของนักมวยไทย แทบทุกคนคือ น้ำมันมวย ( Muay Thai Oil ) โดยมักจะใช้นวดเพื่อวอร์ม และกระตุ้นกล้ามเนื้อ ก่อนทำการฝึกหรือแข่งขัน อีกทั้งยังช่วยให้ตื่นตัว ความร้อนจะเปรียบเสมือน เป็นยาแก้ปวดเมื่อย และคลายเส้นไปในตัวด้วย นอกจากข้อดีต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว นักมวยอาชีพบอกว่า การทาน้ำมันมวย ( Muay Thai Oil ) ยังช่วยให้ดูน่าเกรงขาม เพราะความมันวาว ที่เกิดจากการทาน้ำมัน ลงบนกล้ามเนื้อนั่นเอง

 

 

9 ผ้าขนหนู ( Towel )

คงไม่มีใครอยากโดนเหงื่อจากตัวคนอื่น กระเด็นมาโดนในระหว่างการซ้อมหรอกนะ ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนเหงื่อออกง่าย ให้วางผ้าขนหนู ( Towel ) ไว้ใกล้ ๆ ตัว เพื่อเช็ดเหงื่อระหว่างช่วงพัก ซึ่งมันจะดีมากสำหรับคู่ซ้อมของคุณ และตัวคุณเอง ดังนั้น พกผ้าขนหนู ( Towel ) ติดตัวไว้เสมอ และหลังจากซ้อมเสร็จแล้ว หากจะอาบน้ำที่ยิม ก็อย่าลืมพกผ้าขนหนู ( Towel ) อีกผืนไปเช็ดตัวหลังอาบน้ำด้วยล่ะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

อาวุธมวยสุดทรงพลัง

 

ลดน้ำหนักในเเบบฉบับนักมวย

ลดน้ำหนักในเเบบฉบับนักมวย

สำหรับ ใครๆ หลายทาน ที่หาวิธี ลดน้ำหนัก หรือ การออกกำลังกาย ที่ทั้ง สนุก สุดมัน ได้ทั้ง เหงื่อ ได้ทั้ง ความสนุก เรา จะมาแนะนำ การออกกำลังกาย ที่ทำให้ คุณ รู้สึก สนุกแถมได้ ลดน้ำหนัก ได้หุ่นที่ดีอีกด้วยนะ นั้น คือ มวยไทย

           

            สำหรับ หนุ่ม สาว ทาน ใดที่หา วิธีลดน้ำหนัก หรือ หา การออกกำลังกาย ที่สนุก ได้เหงื่อ แถม หุ่นดี เราแนะนำ มวยไทย มวยไทย เป็นกีฬา หรือ กิจกรรม การออกกำลังกาย ที่จะช่วยในเรื่อง ของร่างกาย พละกำลัง และ การลดน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี และ แถม ให้เรา สามารถ ก้าวข้ามขีดจำกัด ให้กับร่างกาย ของเราได้เป็นอย่างดี เพราะ มวยไทย เป็นการ ทำกิจกรรม ออกกำลังกาย ที่จะต้อง ใช้ ทุกส่วนของร่างกาย ของเรา ไม่ว่า จะเป็น บริเวณ ศีรษะ ลงไปถึง เท้า ของเรากันเลย ถือได้เลย ว่า เป็นการ ออกกำลังกาย ทุกส่วน ของร่างกาย ของเรา ได้ดี และ ได้เพิ่ม พละกำลังให้กับร่างกาย ของเราได้อีกด้วย มวยไทย ไม่ใช้ แค่ กิจกรรมออกกำลังกาย อย่างเดียว ยังเป็นศิลปะ การป้องกันตัว ไปในตัวได้อีกด้วย ด้วย ท่าทาง หรือ การฝึก ที่ ดุเดือด ถ้าเรา หมั่นฝึกมวยไทย หรือ ซ้อมมวยไทย เป็นประจำ ทุกวันแล้ว เราจะสามารถ เอาการฝึก หรือ การซ่อม มาเป็นการป้องกันตัว ได้ด้วยเช่นกัน

            สำหรับ การออกกำลังกาย โดยการ ทำกิจกรรม มวยไทย นั้น เราจะมาการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ในแบบฉบับ ของ นักมวย ว่า เขา ออกกำลังกายกันแบบไหน ถึงได้หุ่น ที่ดี กล้ามหน้าท้องที่ สวยงาม ซึ่ง เป็นความฝัน ของ หนุ่มๆ สาวๆ หลายๆ ทานที่อยากมีหุ่นที่ดี สวยงาม กล้ามหน้าท้อง ที่แข็งแรง เราจะมา แนะนำ การ ออกกำลังกาย และ การลดน้ำหนัก ในแบบฉบับ ของ นักมวย

 

  1. เริ่มง่ายๆในการออกกำลังกาย อย่างต่อเนื่อง การที่เราออกกำลังกาย นั้น แน่นอนว่า จะสามารถ ช่วยลดน้ำหนักให้เราได้เป็นอย่างดี แต่ นักมวย นั้น การทำกิจกรรม ออกกำลังกายนั้น เขาทำกันอย่างสม่ำเสมอ การที่เรา ซ้อมมวย หรือ ทำกิจกรรม การชกมวยนั้น เราควรออกให้ได้ อย่างน้อย 45 – 60 นาที ต่อวัน ให้เรานั้น เลือกการ ออกกำลังกาย ในหลายๆ แบบ กิจกรรมของการออกกำลังกาย ทำกันสลับกันไป
  2. การควบคุมอาหาร หรือ การเลือกกินอาหาร หลักๆ ในการลดน้ำหนัก นั้น หลักๆ เลย คือการ รับประทานอาหาร ถ้าเราออกกำลังกาย มาหนักแค่ไหน เรารับประทาน อาหาร แต่พวกไขมัน หรือ อาหาร ที่ทำให้เราอ้วน ในปริมาณที่มาก แล้วละก็ การออกกำลังกาย ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในการ ลดน้ำหนัก เพราะ เราออกกำลังกาย เสียแคลอรี่ไป แต่ เราก็รับประทานอาหาร ที่มีปริมาณมาก หรือ เยอะจนเกินไป เราก็ รับแคลอรี่ สู่ร่างกาย ของเราอยู่ดี ดังนั้น การเลือกกิน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ของนักมวย การที่ เราจะรับประทานอะไรนั้น เราควรเลือกอาหาร ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย ของเรา และ ควรกินอาหาร ในปริมาณ ที่พอดี พอเหมาะ ไม่มาก หรือ น้อยจนเกินไป และ การออกกำลังกาย ในการสร้างกล้ามเนื้อ เราควรเลือกกิน อาหาร จำพวก โปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ เนื้อไก่ อกไก่ หรือ กินเวย์โปรตีน เพื่อช่วยในการ เสริมสร้างโปรตีนให้แก่ร่างกายของเรา นั้นเอง
  3. การเพิ่มขัดจำกัดให้กับร่างกายของเรา ในการที่เรา จะลดน้ำหนัก ในแบบฉบับ นักมวยนั้น แน่นอนว่า นักมวย เขาออกกำลังกาย หรือ ฝึกซ้อมกันมวย กันอย่างหนัก ในการซ้อมแต่ละครั้ง เพราะ การซ้อม ของนักมวยนั้น คือการซ้อม ในการ เพิ่มขัดจำกัดให้กับร่างกาย เพื่อ ทำให้ร่างกาย แข็งแรง และ มีพละกำลังให้ มากขึ้นไป ล้มคู่ต่อสู้ ในสังเวียนให้ได้ แต่ สำหรับ คนที่อยาก ออกกำลังกาย หรือ การเลือก ลดน้ำหนัก ในการ ฝึกการซ้อมมวยนั้น วิธีการที่เราจะก้าวข้าม ขัดจำกันร่างกายของเรา เราก็ต้องหมั่นฝึกซ้อม มวยเป็นประจำทุกวัน ขยัน อดทน และ ที่สำคัญ ในการ ซ้อมแต่ละครั้ง เราควรที่จะ ลองเพิ่ม จำนวนการซ้อม จำนวนการ ทำกิจกรรม การออกกำลังกาย ให้มากขึ้น ค่อยๆเพิ่มๆ ค่อย ปรับ ให้ร่างกาย ของเรา ได้ปรับตัวให้ทัน ในการออกกำลังกาย ถ้าเราทำแบบนี้ไปเลื่อยๆ เพิ่มรอบการวิ่ง เพิ่มรอบการชก  เพิ่มการซ้อม ให้มากขึ้นเลื่อยๆ เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถ ก้าวข้ามขัดจำกัด ของตัวเองและร่างกาย ของเรา และยังสามารถ ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ให้กับร่างกาย เราได้มากอีกด้วย

 

ในการออกกำลังกาย นั้น แน่นอนว่าจะช่วย ในเรื่อง สุขภาพของเราได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก การทำให้ร่างกาย ของเราแข็งแรง แต่เราก็ควรที่จะ  พักผ่อน ให้เพียงพอ อย่างหักโหม ร่างกาย ของเรามากขนเกินไป ไม่งั้น การที่เราทำอะไร เกินตัว หรือ ทำอะไรมากเกินไป อาจส่งผลเสียให้กับร่างกาย ของเราได้นั้นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

นักมวยลดน้ำหนักกันอย่างไร

การคาร์ดิโอ้สวย ๆ ด้วยมวยไทย

อาวุธมวยสุดทรงพลัง

อาวุธมวยสุดทรงพลัง

ศิลปะการต่อสู้ ที่ขึ้นชื่อของไทยนั่นคือ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ใช้เพียงแค่มือเปล่า เท้าเปล่า เข่า และข้อศอก ก็สามารถเล่นงาน คู่ต่อสู้ได้อยู่หมัด มาดูกันว่า อาวุธโจมตีชนิดใด ในมวยไทยที่หนักหน่วง รุนแรง และอันตรายมากที่สุด

 

ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 ( Art of Eight Limbs ) 2 หมัด - 2 ศอก - 2 เข่า - 2 เท้า ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็แค่มือเปล่า เท้าเปล่า แต่รู้หรือไม่ว่า อาวุธทั้ง 8 นี่แหละ ที่มีความหนักหน่วง รุนแรง และอันตรายแตกต่างกัน มาดูกันว่าอาวุธไหนอันตรายที่สุด

 

 

อาวุธที่ 1 : หมัด

 

     ขอเริ่มจาก ( หมัด ) ซึ่งเป็นอาวุธมวยไทย ที่ใช้บ่อย และมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ มวยสากลสมัครเล่น และ มวยสากลอาชีพ เพราะนักมวยไม่สามารถใช้ เท้า เข่า ศอก ได้อย่าง มวยไทย ( Muay Thai ) ดังนั้น นักมวยสากล จำเป็นต้องมีทักษะ ในการใช้หมัด หลากหลายแบบ โดยหมัดนั้น จะใช้แรงส่งจาก หัวไหล่ สะโพก และ ขา มายังกำปั้น เพื่อหวังโจมตีระยะกลาง และหนักแน่นพอ ที่จะล้มคู่ต่อสู้

 

การปล่อยหมัด ที่ทำน้ำหนักได้ดีสุด คือ การใช้ หมัดตรงหมัดหลัง นักมวยจะใช้ การบิดไหล่ข้างถนัด โน้มไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อทำให้เกิด แรงส่งจากสะโพก ลำตัว หัวไหล่ ที่มากกว่าหมัดตรงธรรมดา ออกไปยังเป้าหมาย แล้วดึงหมัดกลับมา ในท่าจดมวยเดิม

 

ความอันตราย ของการใช้หมัด ถือว่าไม่ได้รุนแรงเท่า ศอก เข่า เท้า เพราะหมัด จะต้องอาศัยกล้ามเนื้อ บริเวณหัวไหล่ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อ ส่วนที่ไม่ได้ใหญ่มาก น้ำหนัก และความแรง จึงไม่อาจเทียบเท่ากับส่วนอื่น ๆ

 

 

อาวุธที่ 2 : ศอก

 

อาวุธต่อมา ศอก เป็นอาวุธโจมตี ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่กลับมีอันตรายมากสุด และทุกคนต่างลงความเห็น เป็นเสียงเดียวกันว่า ศอก คือ อาวุธที่อันตราย มากสุดของ มวยไทย ( Muay Thai )

 

 

ทำไม ศอก ถึงอันตรายที่สุด นั่นก็เพราะว่า อาวุธศอก มีพื้นผิวสัมผัสน้อย ยิ่งพื้นที่การตีน้อย และรวดเร็ว จึงเกิดค่าความดันที่สูงมาก และศอกยังเป็นบริเวณ ที่แหลมคม มีความแข็งของกระดูก

 ทำให้เกิดแผล บริเวณใบหน้า ได้ง่ายกว่าอาวุธทุกชนิด เมื่อโดนแรงจากปลายศอก เข้าไปกระทบผิวหนังใบหน้า ความดันที่มีค่าสูงจึง ส่งผลให้เกิดแผลแตกได้ง่าย และทำให้สมองมึนงงไปจนถึงขั้นสลบ จนสามารถทำให้ ชนะน็อคเอาท์ได้ หรือหากเป็นแผลแตก เหนือเบ้าตา จะส่งผลต่อการมอง เห็นของนักมวยอีกด้วย

 

 

 

อาวุธที่ 3 : เข่า

 

เข่า เป็นอาวุธมวยไทย ที่มีความหนักหน่วง เนื่องจากใช้แรงส่งจากสะโพก โดยใช้ส่วนของ หัวเข่าด้านหน้า หรือ ด้านข้างหัวเข่า ซึ่งเป็นมุมแหลม และแข็งแรง เข้าปะทะในส่วนนิ่ม ของร่างกาย เช่น หน้าขา ท้อง ชายโครง ลำตัว หน้าอก หรือแม้แต่ปลายคาง

 

ถึงแม้ว่า เข่า จะมีความหนักหน่วง มีเหลี่ยมของเข่า ที่กระแทกเข้าที่ส่วน ลำตัวของร่างกาย แต่เข่าไม่ใช่อาวุธที่อันตรายสุด เพราะส่วนมากแล้ว ร่างกายของนักมวยไทย ถูกฝึกฝนกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรง ทนทาน พร้อมรับน้ำหนัก และแรงกระแทกจากเข่าอยู่แล้ว

 

 

 

อาวุธที่ 4 : เท้า

 

อาวุธสุดท้ายคือ เท้า เป็นอาวุธโจมตีระยะไกล และถือเป็น อวัยวะสำคัญสำหรับ การชกมวยไทย ( Muay Thai ) ทั้งในจังหวะรุก และรับ แถมยังมีพลังโจมตี มากพอที่จะทำให้ คู่ต่อสู้น็อคเอาท์ได้ทันที ในชั่วพริบตาหากโดนเตะ เข้าที่ก้านคอ เนื่องจากบริเวณของต้นคอ เป็นศูนย์รวมระบบประสาท ที่เป็นส่วนที่สำคัญ นอกจากเท้าแล้ว มีอีกอย่างที่น่ากลัวคือ แข้ง เพราะมีน้ำหนัก และความรุนแรง หากใครโดนก็เหมือน ถูกท่อนไม้ตีเลยทีเดียว

 

อาวุธเท้าในมวยไทย มีความแรงเกิดจากแรงขา และการหมุนของสะโพก สามารถโจมตีได้หลายแบบ นอกเหนือจากเตะก้านคอ ยังใช้เตะตัด เตะเฉียง การถีบ ดังนั้น การเตะที่ดีต้องอาศัยจังหวะ ความเร็ว การทรงตัว การเคลื่อนที่ที่ดี เพื่อให้การเตะ นั้นออกมาสมบูรณ์

 

 

คราวนี้เพื่อน ๆ ก็รู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8 ( Art of Eight Limbs ) 2 หมัด - 2 ศอก - 2 เข่า - 2 เท้า อันไหนอันตรายที่สุด รู้แล้วก็ระมัดระวังกันด้วยนะคะ แต่หากใครอยากลองฝึกฝนอาวุธเหล่านี้ดู ก็ลองค้นหายิมมวยใกล้บ้าน และเข้าไปลองพูดคุยดูนะคะ

 

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยกรง บนสังเวัยน 8 เหลี่ยม

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

ศิลปะป้องกันตัวท่าทางการต่อสู้ ของมวยไทย

ศิลปะป้องกันตัวท่าทางการต่อสู้ ของมวยไทย

   มวยไทย นั้น ถือได้ว่าเป็นกีฬา ที่ใครๆ หลายๆ คน ให้ความสนใจ กันเป็น จำนวนมาก ด้วย ท่าทาง การต่อสู้ที่ดุเดือด และ สวยงามไปในตัว

          ถ้าใครๆ หลายๆ ทานพูดถึง มวยไทย แล้วละก็ แน่นอนว่า เป็นกีฬา ที่จะทำให้ใครๆ หลายๆ ทาน สนใจ และ ติดตามกันเป็น จำนวนมาก ไม่ว่า จะเป็น สายภาพยนตร์ สายการเเสดง สายการ์ตูน ล้วนแล้ว มีมวยไทย เข้าไปมีบทบาท เป็นส่วนใหญ่ ด้วยท่าทาง และ ลีลา ที่ ดุดเดือด และ สวยงาม รวมไปถึง ประวัติศาสตร์ อันยาว นานของ มวยไทย ไม่ว่าจะเป็น ท่าทางการต่อสู้ เรื่องเล่า ของคนสมัยก่อน ร่วมไปถึง ประวัติ และความเป็นมา ที่มากมาย และ ยังมีความเป็นเอกลักในตัว อีกด้วย

 

มวยไทย นั้น ถือได้เลยว่า เป็นกีฬา ที่ทำให้ ใครๆ หลาย คน สนใจ และ ติดตาม เพราะ มีการแข่งขัน อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น ในประเทศไทยเรา หรือ ต่างประเทศ ก็ให้ความสนใจ กันเป็นจำนวนมาก และ มีการแข่งขัน ที่ดุเดือด นั้นจึงทำให้ เป็นกีฬา ยอดนิยม ในหลายๆ ประเทศเลยที่เดียว

 

ท่าศิลปะการต่อสู้ของ มวยไทย

 

ท่าทาง เเละ การต่อสู้ ของ มวยไทยนั้น ไม่ใส่แค่ ความเท่ และ สวยงามอย่างเดียว ยังเป็นการป้องกันตัว ที่ได้ผล และ รุนแรง ถ้าทำใส่คู่ต่อสู้ และ ยังได้รับความนิยม มากมาย ท่ามวยไทย แต่ละท่า นั้น ยังได้ มีการเอาไป เป็นแบบ หรือ ได้มีการ ทำท่าทาง ทั้งในเกม และ ภาพยนตร์ นั้น คงไม่ต้องบอกเลยว่า ศิลปะ ท่าทางแม่ไม้มวยไทยนั้น ได้รับความนิยม มากมาย ขนาดไหน เราจะยกตัวอย่าง ท่ามวยไทย เด็ดๆ ที่ ใครๆ ก็รู้จัก และ เป็นที่นิยม กัน

 

ท่าที่ 1 ยอเขาพระสุเมรุ

ท่านี้ใช้ตั้งรับหมัดตรง และ หากคู่ต่อสู้นั้นเป็นมวยซ้าย ให้ก้มศีรษะลงไป ให้หมัดของอีกฝ่ายนั้น ผ่านศีรษะไป พร้อมกับสืบเท้า ขวาไปข้างหน้า เพียงเล็กน้อย แล้ว ใช้ความรวดเร็ว และ จังหวะหาโอกาส ปล่อยหมัด เสย ปลายคางฝ่ายตรงข้ามทันที ถือเป็นท่าที่รุนแรง เลยที่เดียว และ สามารถ ล้มคู่ต่อสู้ ให้นอนลงบนพื้นได้ นะจะบอกให้

 

ท่าที่2 หักงวงไอยรา

ท่านี้จะถือ เป็นการ ใช้ศอกในการ แก้ทางมวย และ ตัดกำลังขาคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดีเลยที่เดียว เพราะ เนื่องจากมวยไทย เราจะ สังเกตได้เลยว่า จะมีการใช้ขาในการ เตะอยู่หลายท่ามากๆ  ดังนั้นท่า หักงวงไอยรา จึงจำเป็น ที่จะต้องใช้ตัดกำลังขา ของคู้ต่อสู้ ด้วยการใช้ศอกกระทุ้งที่โคนขานั้น อาจจะยากในการที่จะหาจังหวะทำท่านี้  เพราะเมื่อคู่ต่อสู้ยกแขนเตะกวาดที่ชายโครงแล้ว ฝ่ายรับจะต้องก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พร้อมหันหน้าไปตามทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามรุกเตะเข้ามา แล้ว ให้กระแทกศอกอัดบริเวณโคนขา ชองคู่ต่อสู้  พร้อมใช้แขนจับล็อก ที่ หน่อง เพื่อยกให้ขาขึ้นสูง เพื่อให้เสียหลักป้องกัน ท่านี้จะเป็น ท่าที่เห็น ในภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่องด้วยนะ

 

ท่าที่ 3 หนุมานถวายแหวน

            ท่านี้ ถือเป็นที่ ที่ได้รับความนิยม ในหลายๆ ทาน เป็นอย่างมาก เพราะ ท่านี้ ได้มีการ นำไป แสดง ทั้งภาพยนตร์ ละครเวที หรือ รวมไปถึง เกม นั้นแสดงให้เห็นเลยว่า ท่า หนุมานถวายแหวน นั้น เป็นท่า ที่ใครก็รู้จัก ท่านี้นั้น จะเป็นการ ใช้เชิงมวย และ การแก้ทางชอง มวยมือขวา ถ้าใครที่ได้ดูฉาก ในละคร จะเห็นได้เลย ว่าท่านี้ก็พิษร้ายแรงใช้เล่นทำเอาคู่ต่อสู้ เจ็บช้ำเลือดช้ำหนองได้เลยทีเดียว  เนื่องจากฝ่ายรับจะก้าวเท้ามาด้านข้าง พร้อมใช้หมัดซ้ายปัดหมัดขวาของฝ่ายรุก จากนั้น ให้เราย่อตัวลงหลบหมัดตรงของคู่ต่อสู้ แล้วสวนกลับด้วยหมัดทั้งสอง อย่ารวดเร็ว เสยเข้าไปที่คาง ให้เต็มแรง รับรองว่าคนโดนต้องมีร้องกันมั้ง แหละ

 

ท่าแต่ละท่านั้น มีประวัติ และ ความเป็นมา อย่างยาวนาน ด้วยท่าทางลีลา ที่สวยงาม รวมไปถึงความรุนแรง ที่สามารถ ทำให้คู่ต้องสู้ ล้มลงพื้น นั้น เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ ใครๆ หลายคน ให้ความสนใจ และ ฝึกฝนมวยไทย เพื่อ ป้องกันตัว หรือ เพื่อแข่งขัน ขึ้นสู่สังเวียน เพื่อ จะไปคว้าชัยชนะ และ ยังเป็นตัว อย่างให้ หลายๆ สื่อ ทั้ง ภาพยนตร์ การ์ตูน และ เกม ได้นำไป ใช้ เพื่อเป็น ศิลปะ และ ความบันเทิง นั้น ทำให้ มวยไทย ได้รับความนิยม ไปทั่วโลก และ ทำให้ ใครๆ หลายๆ ทาน อยากหลงรักใน ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

เครื่องรางของขลังประจำตัวนักมวย

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

เครื่องรางของขลังประจำตัวนักมวย

เครื่องรางของขลังประจำตัวนักมวย

ในอดีตมวยไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญของลูกผู้ชาย เพราะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การมีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันเชื่อว่าจะช่วยให้การต่อสู้ได้รับชัยชนะและปลอดภัยจากคมดาบ ดังนั้นเครื่องรางของขลังจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่นักมวยต้องมี

 

1. มงคล

     มงคลทำด้วยสายสิญจน์ หรือผ้าดิบที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนต์ คาถาและเลขยันต์ แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้าย หรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทำเป็นวงสำหรับสวมศีรษะ โดยรวบเป็นหางยาวไว้ข้างหลัง

     ในอดีตมีการกล่าวถึงการใช้ไสยศาสตร์ในพิธีทำมงคล ดังนั้นการสร้างมงคลแบบที่ยาก และมีอำนาจแบบไสยศาสตร์เร้นลับที่สุด จะเป็นห่วงวงกลมทำมาจาก “งูกินหาง” อาจจะเป็นงูหนึ่งตัวกินหางของมันเองหรืองูสองตัวกินหางซึ่งกันและกันก็ได้ การกินหางของงูเกิดจากอำนาจสะกดจิต หรือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ แล้วนำห่วงกลมที่เกิดจากงูกินหางนั้นไปย่างไฟจนแห้งสนิท จากนั้นนำไปแช่น้ำมนตร์ ซึ่งหุงมาจากน้ำมันมะพร้าวผสมด้วยว่านยาสมุนไพรบางอย่าง แล้วจึงพันไว้ด้วยผ้ายันต์ หรือด้ายสายสิญจน์หุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง เล่ากันว่าพิธีกรรมเร้นลับสำหรับการสร้างมงคลเครื่องผูกศีรษะเหล่านี้ ใช้อำนาจไสยศาสตร์ให้เคลื่อนไหวสำเร็จขึ้นมาทั้งสิ้น ปัจจุบันสูญหายการถ่ายทอดไปหมดแล้ว

     มงคลถือเป็นเครื่องรางให้สิริมงคลและคุ้มกันอันตราย ในอดีตใช้สวมศีรษะในขณะชก บางคนสวมสองอันก็มี เวลาชกมวยหากมงคลหลุดจากศีรษะ ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยุดชกเพื่อให้เก็บมงคลมาสวมใหม่ แล้วจึงชกต่อเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาจะไม่มีการซ้ำเติมกันในขณะก้มลงเก็บมงคลเป็นอันขาด ส่วนนักรบในอดีตก็จะสวมมงคลออกรบโดยสวมไว้ที่ศีรษะหรือคล้องคอ เวลาไม่ได้ใช้ก็จะเก็บรักษาไว้ในที่สูง เช่น บนหิ้ง บนตู้ หรือใส่ตะกร้าแขวนไว้สูง ๆ ในบริเวณที่เป็นห้องพระ หรือหัวนอน เพื่อบูชาและป้องกันการสูญหาย หรือป้องกันใครเดินข้ามเพราะจะทำให้คาถาอาคมเสื่อมได้

 

2. ประเจียด

     ใช้ผ้าสาลู (ผ้าขาวบางเนื้อดี) หรือผ้าดิบสีขาว หรือสีแดงตัดเป็นสามเหลี่ยมลงเลขยันต์มหาอำนาจ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด คุ้มกำลัง ภาษาที่ใช้เขียนมักเป็นอักขระโบราณ เช่น อักษรขอม อักษรเทวนาครี ซึ่งพระครูหรือเกจิอาจารย์จะเป็นผู้เขียน และทำพิธีพุทธาภิเษก เช่นเดียวกับพระเครื่องหรือพระบูชา ม้วนหรือถักพันด้วยด้าย อาจใส่ว่าน ตะกรุด หรือเครื่องรางของขลังชนิดอื่นไว้ข้างในผ้าประเจียดก็ได้ “เป็นเครื่องรางคุ้มกันตัวใช้ผูกติดกับต้นแขนตลอดเวลาการแข่งขันชกมวย”

 

3. ผ้ายันต์

     คือผ้าดิบหรือผ้าเนื้อบางสีขาวหรือสีแดง เขียนอักขระเลขยันต์ และรูปภาพต่าง ๆ โดยเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเชื่อถือว่ามีคาถาอาคมแก่กล้า วิธีทำคล้ายผ้าประเจียดแต่ผ้ายันต์มักเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า “ใช้พกติดตัว หรือพันเป็นผ้าประเจียดก็ได้”

 

4. พระเครื่อง

     ทำด้วยโลหะ ผงปูน ดิน หรืออาจใช้วัตถุหลายชนิดจากแหล่งต่าง ๆ ที่เป็นที่เคารพเชื่อถือของประชาชน นำมารวมกัน บางครั้งอาจใช้เส้นผม เชี่ยนหมาก เศษจีวรของเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงผสมลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความขลังแล้วจึงทำพิธีพุทธาภิเษกลงเลขยันต์ คือมีพิธีกรรมที่รวมการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย การบริกรรมคาถาอาคมต่าง ๆ ในขณะทำพระเครื่องเวลาขึ้นชกมวยมักจะพกติดตัว โดยใช้พันไว้ในมงคล หรือผ้าประเจียด “นักมวยบางคนใช้อมไว้ในปากเวลาขึ้นชก วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะจะเป็นอันตรายแก่ตัวเองได้”

 

5. ตะกรุด

     ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เช่น ทอง เงิน นาก ทองแดง หรือใบลาน และกระดาษสาลงเลขยันต์ คาถาอาคมเช่นเดียวกับลงผืนผ้าเพื่อทำประเจียด แล้วม้วนให้กลมตรงกลางเว้นช่องว่างสำหรับใช้สายเชือกร้อย “ใช้สำหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขน” หากใส่ในมงคลหรือประเจียดมักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก

 

6. พิสมร

     ทำด้วยแผ่นโลหะหรือใบลานรูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์มีที่ร้อยสาย แต่โดยมากไม่ม้วนให้กลมอย่างตะกรุด ซึ่งต้องผ่านพิธีกรรมเช่นเดียวกับตะกรุด

 

7. พิรอด

     ทำด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวายผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า “กำไลพิรอด” ใช้สวมต้นแขน หรือแหวนพิรอดใช้สวมนิ้ว หากเป็นกำไลพิรอดชนิดงู 2 ตัว กลืนหางซึ่งกันและกันจนตายทั้งคู่เช่นเดียวกับการทำมงคล “นับว่าเป็นของวิเศษเพราะหายาก และเชื่อว่ามีอานุภาพมาก”

 

8. ว่าน

     คือพืชที่มีสรรพคุณหลายอย่าง บางชนิดใช้ในการรักษาพยาบาล ใช้รับประทานรักษาโรคบางชนิด ใช้ทารักษาแผล รักษาผิวหนัง บางชนิดห้ามรับประทานเพราะเป็นพิษ “บางชนิดเชื่อว่าทำให้ผิวหนังทนความร้อน หรือหนังเหนียว จึงนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง โดยการปลุกเสกคาถาอาคมเช่นเดียวกับเครื่องรางของขลังชนิดอื่น” ใช้พกติดตัวใส่ในมงคลประเจียด หรือใช้เป็นส่วนผสมในการทำพระเครื่อง บางคนใช้แช่น้ำดื่มก็มี

 

9. คาดเชือก

     การคาดเชือกเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมวยไทย คือ การคาดเชือกที่มือโดยใช้ด้ายดิบที่จับเป็นไจ(รวมเส้นด้าย) ขนาดโตเท่าดินสอดำ ต่อกันเป็นเชือกยาวประมาณ 20 -25 เมตร ม้วนแยกไว้ 2 กลุ่ม ใช้พันสันหมัดและข้อมือ ความยาวต่างกันตามความต้องการของประเภทนักมวย

     การคาดเชือกจะช่วยให้กระดูกนิ้วมือไม่เคล็ดง่าย และทำให้หมัดแข็ง น้ำหนักหมัดมีความหนักแน่นกว่าหมัดธรรมดา แต่ถ้าพันหนามาก  จะทำให้ชกอืดอาด  บางสำนักครูอาจารย์จะเป็นผู้พันด้ายดิบให้นักมวย พร้อมบริกรรมคาถาพร้อมกันไป  บางแห่งก็จะทำพิธีปลุกเสกลงคาถาอาคมในด้ายดิบ  บางอาจารย์ใช้ด้ายตราสังศพมาใช้พันมือของนักมวย

     คุณลักษณะพิเศษของการคาดเชือก คือ วิธีการคาดสามารถบอกภูมิลำเนาของสำนักมวยได้ว่าเป็นนักมวยมาจากถิ่นใด  และบอกถึงลักษณะการใช้หมัดและการใช้ศอกว่าเป็นอย่างไร เช่น “มวยโคราช” เป็นนักมวยเตะและต่อยวงกว้าง จะคาดหมัดถึงข้อศอกเพื่อป้องกันการเตะ ส่วนมวยลพบุรี เป็นที่เลื่องชื่อว่ามวย “หมัดตรง” ไม่กลัวเตะเพราะรู้เชิงป้องกัน การคาดเชือกจึงเพียงครึ่งแขน ส่วนมวยภาคใต้ “มวยไชยา” ถนัดใช้ศอกและแขน การคาดเชือกจึงเลยข้อมือไม่มากนัก เพื่อกันเคล็ดเท่านั้น เนื่องจากจะใช้ศอกในการกระแทกลำตัว หากบางคนต้องการพันด้ายขนาดยาวเพราะต้องการใช้หมัดบังหน้าด้วย

 

     “เครื่องรางของขลังทั้งหมดนี้ รวมเรียกว่าเครื่องคาด คือ ใช้ผูกหรือคาดที่ศีรษะ แขน เอวเป็นต้น” บางแห่งเคี้ยวหมาก ซึ่งถือเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งเช่นกัน โดยเกจิอาจารย์จะเป็นผู้จัดทำ และลงคาถาอาคมให้นักมวยเคี้ยว เพื่อต่อสู้ศัตรูคนไทยสมัยก่อนมีความเชื่อถือในเรื่องของไสยศาสตร์ เช่น คาถาอาคม ความอยู่ยงคงกระพัน และเรื่องของจิตวิญญาณกันมาก นอกจากเครื่องรางของขลังดังกล่าวแล้ว ถ้าหากต้องการให้คาถาอาคมติดกาย หนังเหนียว มีความอดทนไม่เจ็บปวดก็จะให้เกจิอาจารย์สักอักขระแห่งเครื่องหมายไสยเวทบนผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อความอยู่ยงคงกระพัน เพราะเชื่อว่าศาสตราวุธทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายได้ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อสู้กับศัตรู ก็จะใช้ท่องภาวนาคาถากำกับอีกครั้งตามที่เกจิอาจารย์ได้สั่งสอนไว้ เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจ สร้างสมาธิให้จิตแน่วแน่มั่นคง เวทมนตร์คาถาที่ใช้จึงเป็นในทางคุ้มภัย เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน เชื่อว่าสามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้ ทั้งเป็นการป้องกันหากคู่ต่อสู้ใช้อาถรรพเวทก็จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์คาถาถอนแก้การกระทำยำยี บำบัดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นให้เสื่อมสลายไปในทันทีทันใด

     นี่ก็เป็นเครื่องรางของขลังในมวยไทยที่นักมวยมักจะนิยมใช้ทุกครั้งเมื่อต้องขึ้นชก แต่อย่างไรก็ตามมักอยู่ที่ความเชื่อของคน เพราะก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการชกด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันนี้นักมวยทุกคนก็ยังต้องมีเครื่องรางของขลังติดตัว เพราะนักมวยจะเชื่อกันว่าพกติดต่อแล้วรู้สึกปลอดภัย เพราะของขลังที่ได้มาแต่ละชิ้นนั้นล้วนมาจากเกจิอาจารย์ที่ตนเองนับถือ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ตนเองมีที่พึ่งทางใจ

     และถ้าหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ซึ่งมีให้เลือกถึง 3 สาขา (สาขารัชดา, สาขาข้าวสาร, สาขาศรีนครินทร์)

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

กติกาสังเวียนมวยไทย

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

กติกาสังเวียนมวยไทย

กติกาสังเวียนมวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) ศิลปะการต่อสู้ที่มีความโดดเด่น ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ ซึ่งปัจจุบันมีการจัดรายการแข่งขันและได้รับความสนใจ วันนี้เรามาทำความเข้าใจกติกาในการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น กันสักหน่อยดีกว่า

 

     กีฬาทุกชนิดนั้นจะมีกฎกติกาของแต่ละกีฬาแบ่ง ๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นกีฬาที่ใช้พลังกำลังหรือกีฬาที่ใช้ความสามารถด้านความคิดหรือรวมไปถึงกีฬาประเภท Esport หรือกีฬาที่แข่งกันผ่านเกมก็ล้วนแล้วจะมีกฎกติกา อยู่ทุกประเภท รวมไปถึงกีฬาที่ใช้การต่อสู้เพื่อล้มคู่ต่อสู้ นั่นคือ กีฬาการต่อยมวยนั่นเอง กีฬามวยนั้นจะแบ่งกฎกติกาในหลาย ๆ กฎกติกา ไม่ว่าจะเป็นกฎกติกาเวทีสังเวียน กฎกติกาอุปกรณ์การชกมวย หรือกฎกติกานักมวย จะแบ่งได้หลากหลายรูปแบบของกฎกติกา ดังนั้น เราจะมาแยกกฎกติกาของกีฬามวยประเภทต่าง ๆ กัน ดังนี้

 

     กติกาในการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น มีหลักเกณฑ์ในการให้คะแนนและการตัดสิน ดังนี้

1. การให้คะแนนการชก

     1.1 การชกที่ได้คะแนน ในแต่ละยก ผู้ตัดสินจะคิดคะแนนให้แก่นักมวยแต่ละคน ตามจำนวนของการชกที่ถูกต้องตามแบบฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )

     1.2 การชกที่ไม่ได้คะแนน มีดังนี้

          - การชกที่ละเมิดกติกาข้อใดข้อหนึ่ง

          - ชกถูกแขน ขา ของคู่แข่งขัน ในลักษณะที่คู่แข่งกระทำเพื่อป้องกันตนเองจากอาวุธของคู่แข่งขัน

          - การปล่อยอาวุธที่ไม่มีน้ำหนักหรือแรงส่งจากร่างกาย

2. ชนิดของการตัดสิน

     2.1 ชนะโดยน็อคเอาท์ (Win by Knock Out) ถ้าผู้เข้าแข่งขัน “ล้ม” และไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ภายใน 10 วินาที ให้ผู้เข้าแข่งขันเป็นผู้ชนะน็อคเอ้าท์

     2.2 ชนะโดยคะแนน (Win by Points) เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการตัดสินเสียงข้างมากจากผู้ตัดสินเป็นผู้ชนะ ถ้าผู้แข่งขันทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บหรือถูกนับสิบพร้อมกัน และไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ ผู้ตัดสินต้องรวมคะแนนที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้จนถึงเวลาที่การแข่งขันได้หยุดลง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะ

     2.3 ชนะโดยผู้ชี้ขาดสั่งยุติการแข่งขัน (Win by Referee stopping contest)

          - ฝีมืออ่อนกว่ามาก (Out-classed) เมื่อผู้ชี้ขาดเห็นว่า ผู้แข่งขันคนหนึ่งฝีมืออ่อนกว่ามาก หรือถูกชกมากไป ต้องยุติการแข่งขันและให้คู่แข่งขันเป็นผู้ชนะ

          - บาดเจ็บ (Injury) ถ้าผู้ชี้ขาดเห็นว่า ผู้แข่งขันคนหนึ่งมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์พอที่จะแข่งขันต่อไปได้ เนื่องจากได้รับการบาดเจ็บจากการชก หรือ ด้วยเหตุทางร่างกายอื่นๆ ต้องยุติการแข่งขันและให้ผู้แข่งขันเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ชี้ขาดที่อาจจะหารือกับแพทย์ ซึ่งเมื่อหารือกับแพทย์แล้ว ผู้ชี้ขาดต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

     2.4 ชนะโดยถอนตัว (Win by retirement) ถ้าผู้เข้าแข่งขันถอนตัวจากการแข่งขันด้วยความสมัครใจ เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บหรือเหตุอื่น หรือไม่สามารถแข่งต่อไปทันที หลังจากการหยุดพักระหว่างยก ให้คู่เข้าแข่งขันเป็นผู้ชนะ

3. การให้คะแนน

     3.1 แต่ละยกมี 20 คะแนน เมื่อสิ้นสุดลงแต่ละยกผู้เข้าแข่งขันที่ดีกว่า มีทักษะมากกว่า จะได้ 20 คะแนน และคู่เข้าแข่งขันจะได้ลดลงไป ถ้าผู้เข้าแข่งขันทั้งสองชกดีเท่ากัน ให้คะแนนคนละ 20 คะแนน

     3.2 คิดคะแนนให้เป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนน คือ 1 คะแนน สำหรับอาวุธที่กระทำถูกต้อง 1 อาวุธ

     3.3 เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ถ้าได้ให้คะแนนแต่ละยกตามเกณฑ์ข้อ 1 และ 2 แล้วผู้ตัดสินพบว่า คะแนนของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายเท่ากัน จะต้องพิจารณาตัดสินผลการแข่งขันให้แก่ผู้แข่งขัน

          - ผู้แข่งขันที่เป็นฝ่ายรุกมากที่สุด หากเป็นฝ่ายรุกเท่ากันให้พิจารณาผู้ที่มีแบบในการชกดีกว่า

          - ผู้แข่งขันที่มีการป้องกันตัวดีกว่า จากการปัดป้อง ปิด จับ รั้ง การหลบหลีกและอื่น ๆ สามารถป้องกันอาวุธต่าง ๆ ของคู่ต่อสู้จนคู่ต่อสู้ทำอะไรไม่ได้

     3.4 ในการแข่งขันทุกครั้งจะต้องมีการประกาศผู้ชนะ

4. การแต่งกาย

     4.1 ต้องสวมกางเกงขาสั้นเพียงครึ่งโคนขา สีแดงหรือสีน้ำเงินตามมุมของตนเอง ไม่ปักโฆษณาเกินกว่า 10 ตารางเซนติเมตร และต้องสวมเสื้อไม่มีแขน สีเสื้ออาจเป็นสีเดียวกับกางเกงก็ได้

     4.2 ไม่สวมรองเท้า เล็บเท้าต้องตัดสั้น ต้องใช้สนับแข้ง สนับศอก สวมที่ศอกและขาทั้งสองข้างตลอดการแข่งขัน และต้องเป็นสนับแข้ง สนับศอกที่คณะกรรมการสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยรับรองเท่านั้น ห้ามใช้ผ้าพันรัดโดยเด็ดขาด

     4.3 สวมมงคลที่ศีรษะเฉพาะเวลาที่ร่ายรำไหว้ครูก่อนทำการแข่งขันเท่านั้น และจะผูกผ้าประเจียดที่โคนแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้างก็ได้ ส่วนเครื่องรางอื่น ๆ อนุญาตให้ผูกเอว แต่ต้องหุ้มให้มิดชิดไม่ให้เกิดอันตรายขณะแข่งขัน

     4.4 ต้องสวมกระจับ ที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เมื่อถูกตีด้วยเข่าหรืออาวุธในการต่อสู้อย่างอื่นจะทำให้บริเวณอวัยวะเพศไม่เกิดอันตราย

     4.5 ต้องใส่สนับฟัน เพื่อป้องกันกระแทกกับส่วนใดส่วนหนึ่งของอวัยวะภายในปาก ผู้แข่งขันที่เจตนาคายสนับฟันระหว่างการแข่งขันจะถูกเตือน หากทำอีกจะถูกตัดคะแนนหรือปรับเป็นผู้แพ้

          ถ้าสนับฟันหลุดออกจากปาก ให้ผู้ชี้ขาดยุติการแข่งขัน โดยนำผู้แข่งขันไปที่มุม ล้างสนับฟันให้สะอาดแล้วใส่คืนกลับเข้าที่ใหม่ ในระหว่างนั้นห้ามพี่เลี้ยงพูดกับผู้เข้าแข่งขันและห้ามให้ดื่มน้ำ

     4.6 ต้องสวมนวม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บบริเวณมือ ซึ่งนวมที่ใช้แข่งขัน ผู้แข่งขันต้องสวมนวมสีแดงหรือสีน้ำเงินให้ตรงกับมุมของตนเอง

          คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะจัดไว้ให้ ไม่อนุญาตให้ผู้แข่งขันใช้นวมของตนเอง และนวมที่ใช้ต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการบริหารของสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย

          นักมวยน้ำหนักไม่เกินรุ่นเวลเตอร์เวท ใช้นวมขนาด 10 ออนซ์ (284 กรัม) นักมวยน้ำหนักตั้งแต่รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท ใช้นวมขนาด 12 ออนซ์ (340 กรัม)

     4.7 ต้องสวมเครื่องป้องกันศีรษะ เครื่องป้องกันลำตัว ข้อเท้าและข้อศอก ที่คณะกรรมการเตรียมไว้ให้เท่านั้น การละเมิดเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย ผู้ชี้ขาดจะไม่อนุญาตให้ผู้แข่งขันที่แต่งกายไม่ถูกต้องเข้าร่วมทำการแข่งขัน ในกรณีที่นวมหรือเครื่องแต่งกายของผู้แข่งขันไม่เรียบร้อยในขณะแข่งขัน ผู้ชี้ขาดจะหยุดการแข่งขันเพื่อจัดให้เรียบร้อย

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

ผู้หญิงกับมวยไทย

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

มวยกรง บนสังเวัยน 8 เหลี่ยม

มวยกรง บนสังเวัยน 8 เหลี่ยม

ในไทยปัจจุบัน ช่วงนี้กระแส MMA ( Mixed Martial Arts ) หรือเรียกอีกอย่างว่า มวยกรง ค่อนข้างมาแรง เป็นการต่อสู้ที่รวม เอาศิลปะการต่อสู้ หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน มีทั้งการเตะต่อย และการทำให้ คู่ต่อสู้ยอมแพ้ นั่นเอง

 

มวย แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ บนสังเวียนที่ ได้รับความนิยมมาก แต่ด้วยวิธีการชก ที่เปลี่ยนแปลงไป มีทั้งการชกแบบปกติ กับการชกแบบแท็คติค ที่อาศัยการเข้าคลุกวงใน กอด รัด เหวี่ยง ทุ่ม จนทำให้เสน่ห์ ของการชกมวยบางครั้ง หายไปแบบไม่น่าสนใจ น้อยคู่มากที่จะเป็นการชกมวย แบบฟาดปาก แลกหมัดกันแบบ สู้ไม่ถอยจริง ๆ นั่นทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขัน เริ่มมองหาวิธีการต่อสู้แบบใหม่ เพื่อตอบสนอง คนดูให้มากขึ้น จึงออกมาในชื่อ ที่เราเรียกว่า มวยกรง

 

 

ประวัติของ มวยกรง หรือ MMA ( Mixed Martial Arts )

มวยกรงนั้น เป็นสังเวียนต่อสู้บน เวทีแปดเหลี่ยม ลักษณะจะมีลูกกรง ล้อมรอบเวที ส่วนชื่อการแข่งขัน ก็เปลี่ยนแปลงไป ตามองค์กรของตัวเอง และสปอนเซอร์ หากจะย้อนไปตามที่เช็คได้ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1993 ณ รัฐโคลโรราโด สหรัฐอเมริกา ปรากฏว่าความเข้มข้น สะใจของการต่อสู้บนสังเวียน ได้ทำให้เวทีการแข่งขันมวยกรงนี้ แพร่หลายไปทั่ว สหรัฐอเมริกา และ หลายประเทศ อย่างบราซิล อิตาลี เป็นต้น

 

 

การต่อสู้ แบบของจริง

จุดเด่นของการต่อสู้ แบบมวยกรง หรือ MMA ( Mixed Martial Arts ) ก็คือ นักสู้ที่เข้าไปในกรง สามารถงัดเอาศิลปะ การต่อสู้อะไรก็ได้ออกมา ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย คาราเต้ ยูโด ยิวยิตสู มวยปล้ำ และอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมัด เท้า เข่า ศอก จับทุ่ม จับกด ท่านอน ท่ายืน สามารถเอามา ใช้ได้หมด เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ตรงหน้าให้ได้ นั่นทำให้การต่อสู้นั้น ค่อนข้างเข้มข้น จนเลือดสาดกระจายเต็มเวที เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก คนดูจะรู้สึกได้ถึง ความน่าหวาดเสียว ของกระบวนท่า ความเจ็บปวด เสียงเนื้อกระทบกัน และอีกมากมาย แม้จะดูว่ารุนแรง แต่มันกลับกลายเป็นเสน่ห์ ที่ไม่น่าเชื่อของ มวยกรง หรือ MMA ( Mixed Martial Arts ) ไปในที่สุด

 

 

กรงป้องกันอันตราย

คำว่า มวยกรง หรือ MMA ( Mixed Martial Arts ) อาจจะมองว่าเป็นการต่อสู้ แบบไม่ให้ออกมา หากไม่มีใครยอมแพ้เสียก่อน แต่ความจริงแล้ว กรงนั้นมีไว้เพื่อป้องกัน อันตราย ต่อนักชกเองมากกว่า กรงนั้นจะไม่เหมือนเชือก ที่อาจจะมีนักสู้ยืมแรงจากการพิงเชือก มาเพื่อสร้างน้ำหนักให้กับตัวเอง จนเกิดอันตรายได้ แบบสองเท่า อีกทั้งกรงนั้นยังเป็นจุดกั้น ระหว่างนักแข่ง กับช่างกล้องให้ไม่อยู่ใกล้กันด้วย ลองนึกภาพช่างภาพ โดนลูกหลงจากนักสู้สิ บางทีอาจจะถึง ขั้นบาดเจ็บได้เลยนะ อีกทั้งลักษณะกรง 8 เหลี่ยมจะเป็นการป้องกัน ไม่ให้มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบมากจนเกินไป ระหว่างการต่อสู้ด้วย

 

 

ผลแพ้ชนะ ?

สำหรับผลการตัดสิน แพ้ - ชนะ ก็จะขึ้นกับองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ การชนะคะแนนหลังจากชกกัน ครบยกตามที่กำหนด ซึ่งหากเป็นการแข่งขันทั่วไปจะมี 3 ยก แต่หากเป็นการแข่งขัน ไฟล์ชิงแชมป์ หรือไฟล์นัดพิเศษ จะแบ่งเป็น 5 ยก ส่วนผลการตัดสินผล แพ้ - ชนะ จะประกอบไปด้วย การชนะน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ หรือคู่ต่อสู้ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ และการทำให้คู่ต่อสู้ เอ่ยปากยอมแพ้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ นักสู้จะใช้ท่าล็อคคู่ต่อสู้ ส่งผลให้อีกฝ่ายเจ็บปวด จนทนไม่ได้ นอกจากนี้แล้วกรรมการ ผู้ชี้ขาดบนเวที ก็สามารถสั่งยุติการแข่งขันได้ ถ้าเห็นสมควรว่าอันตราย หรือผู้แข่งขันไร้สมรรถภาพ ในการตอบโต้ หรือป้องกันตัว

 

ส่วนผู้ที่สนใจ ใคร่ฝึกฝนศิลปะป้องกันตัว ด้วยมือเปล่าแขนงนี้ ในบ้านเราก็มีสำนัก ยิม และค่าย ที่เปิดสอนอยู่หลายแห่ง ไม่เพียงเท่านั้น ก็ยังมีสังเวียนการต่อสู้ วนเวียนเข้ามาเปิดการแข่งขัน อยู่ด้วยเช่นกัน มีเหล่าบุรุษ และสตรี สัญชาติไทยหลายท่าน ที่เคยขึ้นสังเวียนประลอง สร้างชื่อเสียง ให้กับประเทศ มาแล้วมากมาย ไปจนถึงคว้าเข็มขัดแชมป์เปี้ยน ในบางรุ่นด้วย ยิ่งคนไทยไปได้สวยบนรายการนักสู้ ที่มีความหลากหลายแบบนี้ มันยิ่งตอกย้ำว่านักมวยไทย เรามีความสามารถแค่ไหน อนาคตหวังว่า จะมีนักมวยไทย หรือ นักสู้ไทยประสบความสำเร็จ บนเวทีนี้กันเยอะมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกมากมาย ที่อาจมองว่า มวยกรง หรือ MMA ( Mixed Martial Arts ) นั้นจะเป็นศิลปะป้องกันตัว ที่ไร้ข้อจำกัด และกฎกติกา โหดร้าย ป่าเถื่อน ทว่าในการต่อสู้จริงเพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ และแรงขับเคลื่อน ของสัญชาตญาณ ในการเอาชีวิตรอดเข้า มาเกี่ยวข้องเสมอ ศิลปะป้องตัวเป็นเพียง แค่การฝึกฝนเพื่อพัฒนา ศักยภาพของตัวเองเท่านั้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

มวยไทย กีฬาที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน

พื้นฐานการเริ่มมวยไทย

พื้นฐานการเริ่มมวยไทย

พื้นฐานการเริ่มมวยไทย

ปัจจุบันมวยไทยมีความนิยมมากขึ้น แต่การจะเล่นมวยไทยไม่ได้จะเล่นง่ายๆ ต้องมีการฝึกฝน ดั่งเช่นกีฬาอื่น ๆ ก็ต้องมีการฝึกเช่นกัน วันนี้เราจึงมาแนะนำการฝึกต่าง ๆ เพื่อให้คุณเป็นนักมวยที่ดี โดยใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก

 

การตั้งท่าจดมวย

ท่าจดมวย ถือว่าเป็นพื้นฐานของการฝึกมวยไทย หมายถึง การวางเข่า เป็นการวางมือให้ถูกต้องตามหลักการฝึกมวยไทย ซึ่งในการจดมวยนั้น ต้องทราบเหลี่ยมมวยด้วย เหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัด ออกมาให้เห็น โดยปกติมวยจะมี ๒ เหลี่ยม คือ เหลี่ยมซ้าย และเหลี่ยมขวา เหลี่ยมซ้าย ก็ถือว่าเป็นพื้นฐานของการฝึกมวยไทยเช่นกัน หมายถึง การยื่นหมัดขวาไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าขวายื่นไปข้างหลัง หมัดซ้ายชิดคาง เท้าซ้ายอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย โดยให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าซ้าย ระยะห่างของเท้าทั้งสองข้าง ๑ ช่วงตัว สายตาจ้องมองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา พยายามอย่าละสายตา เหลี่ยมขวา หมายถึง การยื่นหมัดซ้ายไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าซ้ายยื่นไปข้างหลัง แขนซ้ายขนานกับลำตัว หมัดขวาชิดคาง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย ให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าขวา สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา

 

การวางตำแหน่งอวัยวะ

เป็นการวางตำแหน่งของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อให้มีท่าทางที่เป็นมวยไทย หมายถึง การกำหมัด วางเท้า มือ และลำตัว การกำหมัดที่ถูกต้อง คือ แบมือให้นิ้วมือทั้ง ๔ เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง ๔ นิ้วเข้าหาอุ้งมือ แล้วกดทับด้วยนิ้วหัวแม่มือลงทาบ ในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กำกระชับแน่น โดยไม่เกร็ง การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

 

ศิลปะการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

เป็นทักษะพื้นฐานของกีฬามวยไทยที่มีอยู่มากมายหลายแบบ ซึ่งครูมวยต่างๆ ได้คิดค้นขึ้นมาใช้ และได้นำมาเขียน หรือบันทึกไว้ เพื่อประโยชน์ ในการเรียนการสอนวิชามวยไทยในปัจจุบัน

 

การใช้หมัด

คือ เป็นการใช้หมัดที่ถนัดมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว และเท้ายันพื้นเป็นฐาน โดยน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า ใช้แรงส่งจากเท้าหลังและสะโพก หัวไหล่ ออกไปเต็มที่

หมัดตัด หมายถึง เป็นการใช้หมัดเหวี่ยงออกไปเต็มที่ ในลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม บริเวณลำตัว ใบหน้า หรือศีรษะของคู่ต่อสู้ ผู้มีความรู้บางคน เรียกว่า หมัดเหวี่ยง แบ่งออกเป็น หมัดเหวี่ยงสั้น และหมัดเหวี่ยงยาว หมัดเหวี่ยงสั้น หมายถึง การเหวี่ยงวงแคบ หมัดเหวี่ยงยาว หมายถึง การเหวี่ยงวงกว้าง หมัดตวัด หมัดตวัด หมัดตวัด หมายถึง การใช้สันหมัดกดลงบริเวณอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขนออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ หมัดเสย หมายถึง การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอศอก เกร็งข้อศอกหงายหมัด แล้วพุ่งหมัดยกขึ้นสู่เป้าหมาย ได้แก่ ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้ หมัดเสย

 

การใช้เท้า

การใช้เท้าจะแบ่งออกเป็น ๒ ไม้ คือ การเตะ และการถีบ

  • การเตะ หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้าเตะตรง หมายถึง การเตะเสยจากพื้นขึ้นไปส่วนบนในลักษณะตั้งฉากกับพื้น
  • เตะตัด หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าวาดขึ้นขนานกับพื้น สามารถเตะตัดได้ทั้งส่วนล่างของลำตัว และส่วนบนของอวัยวะ
  • เตะตวัด หรือเตะเฉียง หมายถึง การเตะที่ทิศของการเตะจะเฉียงลงพื้นสู่เป้าหมาย
  • กลับหลังเตะ หมายถึง การหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้ แล้วเหวี่ยงขาที่วางอยู่ด้านหลัง ให้ส้นเท้าปะทะเป้าหมาย
  • การถีบ หมายถึง การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือส้นเท้าปะทะคู่ต่อสู้ ปลายเท้าปะทะคู่ต่อสู้
  • การถีบตรง หมายถึง ก็ตามชื่อเลย เป็นการถีบออกไปตรงๆ ให้ปลายเท้า ส้นเท้า หรือฝ่าเท้าปะทะเป้าหมายในส่วนต่างๆ ของคู่ต่อสู้ ให้เต็มแรง โดยอาจเหยียดเท้าตรง หรืองอเท้าเข้าถีบก็ได้
  • การถีบข้าง หมายถึง การใช้ปลายเท้าถีบออกไปด้านข้างของลำตัว โดยเอียงศีรษะออกไปห่างจากลำตัว
  • การกลับหลังถีบ หมายถึง การถีบตรงออกไปด้านหลัง อาจเหยียดขาตรง หรืองอขาแล้วเหยียดตรงออกไปยังเป้าหมาย
  • การกระโดดถีบ หมายถึง การสืบเท้าที่ไม่ถนัดออกไป ๑ จังหวะ แล้วลอยตัวใช้เท้าที่ถนัดพุ่งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้
  • การถีบจิก หมายถึง การใช้ปลายเท้าที่ถนัดจิกไปบริเวณหน้าท้อง หรือลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้ โดยอาศัยแรงส่งจากเท้าที่ไม่ถนัด

 

การใช้เข่า

หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับกระดูกขาส่วนล่าง  แล้วงอพับขา กระทุ้งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้

  • เข่าตรง หมายถึง เข่าพุ่งตรงไปข้างหน้าเข้าสู่เป้าหมาย
  • เข่าเฉียง หมายถึง เข่าตีเฉียงเข้าสู่เป้าหมายด้านตรงกับเข่าที่พุ่งออกไป
  • เข่าโค้ง หมายถึง การบิดสะโพกให้คว่ำลง พร้อมกับเหวี่ยงขาให้มีรัศมีโค้งจากบนลงล่าง ปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า
  • เข่าโยน หมายถึง การกระโดดโยนเข่าขึ้นไปตรงๆ คล้ายๆ เข่าลอย เป้าหมายที่ปลายคาง และหน้าอกของคู่ต่อสู้
  • เข่าลอย หมายถึง การกระโดดขึ้นสูง ทะยานกับเข่าโยน แต่เข่าลอยสู่พื้นสูงกว่า

 

การใช้ศอก

การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลักษณะดังนี้

  • ศอกตี หรือเรียกว่า ศอกสับ คือการใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง โจมตีไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของศัตรู เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า
  • ศอกตัด หมายถึง การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย
  • ศอกงัด หมายถึง การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก
  • ศอกกระทุ้ง หมายถึง การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามาด้านหลัง
  • ศอกกลับ หมายถึง การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนตามเท้า

 

การนำเอาศิลปะแม่ไม้มวยไทยเหล่านี้ไปใช้ให้ได้ผลดีย่อมขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ความชำนาญ และความมีไหวพริบ ในการผสมผสานไม้มวยต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

มวยไทยกีฬาสุดมันของคนไทย

 

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

มวยไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน

 

มวยไทย นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ที่คงคู่อยู่กับชาวไทยมาตั้งแต่อดีตกาล แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ว่าศิลปะการป้องกันตัวชนิดนี้ก็ยังคงดำรงอยู่คู่กับชาวไทย และเผยแพร่สู่ต่างประเทศ จนกลายเป็นที่นิยม อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

 

ประวัติศาสตร์มวยไทย ( Muay Thai ) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอพยพ ของประชากรที่อาศัยอยู่ ในมณฑลยูนาน บนฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ของประเทศจีน โดยตามตำนานของไทย เชื่อว่ามีผู้คนจำนวนมาก ที่เดินทางออกจากมณฑลยูนาน ประเทศจีน มาสู่ประเทศไทย เพื่อค้นหาที่ดิน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ สำหรับการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการโยกย้าย ของพวกเขา ชาวไทยกลุ่มนี้ ได้ถูกโจมตีโดยโจร และสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีโรคต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญ เพื่อเพิ่มความสามารถ ในการป้องกันร่างกาย และจิตใจ การรับมือกับความทุกข์ยาก ชาวไทยสยาม จึงได้คิดค้นวิธีการต่อสู้

 

แม้ว่าการดูแลรักษา จัดเก็บเอกสาร ตำราทางประวัติศาสตร์ ในยุคนั้น ส่วนใหญ่จะสูญหายไป เมื่อครั้งที่ถูก กองทัพพม่าทำลาย และขับไล่ออกจาก เมืองอยุธยาในสมัย สงครามพม่า - ไทย ( พ.ศ. 2302 - 2303 ) แต่เราก็ยังสามารถพบหลักฐาน และข้อมูลของ เอกสารบางส่วน ได้จากบันทึกของพม่า กัมพูชา และจากชาวยุโรป เมื่อครั้งมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นครั้งแรก รวมถึงจากบันทึกเหตุการณ์ ของล้านนา หรือเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน

 

สมัยสุโขทัย

 

เมืองหลวงของประเทศไทย ในช่วงนี้ตั้งอยู่ที่เมืองสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 1781 ถึง พ.ศ. 1951 ตามรายการที่บันทึกไว้ในศิลา สุโขทัยมีความขัดแย้งกับหลายเมือง ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมักจะเผชิญหน้ากับข้าศึกจากภูมิภาคต่าง ๆ ดังนั้น ทางเมืองสุโขทัยจึงมีคำสั่ง ให้มีการฝึกฝนในกองทัพ รวมถึงการใช้ดาบ หอก และอาวุธอื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้ การฝึกต่อสู้โดยใช้ร่างกาย มีประโยชน์มาก ในยามบ้านเมืองไม่มีสงคราม ทักษะการต่อสู้ด้วยการใช้หมัด เข่า และศอก ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกซ้อม ของกองทัพสุโขทัย

 

ในยามสงบ การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นกิจกรรมแบบไม่แบ่งชนชั้น โดยบรรดาชายไทยวัยหนุ่ม จะได้รับทักษะการต่อสู้ และป้องกันตัว ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก่อนเข้ารับราชการทหาร ศูนย์ฝึกซ้อมส่วนใหญ่ จัดขึ้นที่บริเวณรอบเมือง โดยเฉพาะสำนักสมอคร ในแขวงเมืองลพบุรี รวมถึงมีการสอนตามลานวัด โดยมีพระภิกษุเป็นผู้ฝึกสอน

 

ในช่วงเวลานี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปะชั้นสูงทางสังคม และนำมาใช้จริง ในการพัฒนาสมรรถภาพ ทางกายแก่นักรบ การสร้างความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ ต่อผู้ปกครองบ้านเมือง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของสุโขทัย ทรงเชื่อมั่นในประโยชน์ของมวยไทย จึงส่งราชโอรสสองพระองค์ ไปยังสำนักสมอคร เพื่อเตรียมความพร้อม ในการสืบทอดราชบัลลังก์ ระหว่างปี พ.ศ. 1818 ถึง 1860 พ่อขุนรามคำแหง ทรงนิพนธ์ตำหรับพิชัยสงคราม ที่มีการกล่าวถึงมวยไทย เช่นเดียวกับทักษะการต่อสู้อื่น ๆ

 

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา อยู้ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 1988 ถึง พ.ศ. 2310 ในช่วงนี้มีสงครามจำนวนมาก ระหว่างไทย พม่า และกัมพูชา จึงได้มีการฝึกพัฒนาทักษะ ด้านมวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อการป้องกันตัว อาจารย์ผู้ถ่ายทอด ศิลปะการต่อสู้นี้ให้แก่ชาวไทย ไม่ได้มีจำกัดเฉพาะ ในพระบรมมหาราชวังดังเช่นก่อนหน้านี้ โดยมีสำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่ได้รับความนิยมในสมัยนี้ มีนักเรียนหลายคนเข้ามาเรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย พวกเขาฝึกวิชาดาบ และการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยดาบหวาย จากการเรียนรู้การต่อสู้ โดยไม่ใช้อาวุธของทหารนี้เอง ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ มวยไทยโบราณ ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมของมวยไทยโดยสำนักมวยในยุคนั้น ได้เริ่มถ่ายทอดความรู้นี้ ให้แก่ประชาชนมวยไทย นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ที่คงคู่อยู่กับชาวไทยมาตั้งแต่อดีตกาล แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ว่าศิลปะการป้องกันตัวชนิดนี้ก็ยังคงดำรงอยู่คู่กับชาวไทย และเผยแพร่สู่ต่างประเทศ จนกลายเป็นที่นิยม อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

 

ประวัติศาสตร์มวยไทย ( Muay Thai ) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอพยพ ของประชากรที่อาศัยอยู่ ในมณฑลยูนาน บนฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ของประเทศจีน โดยตามตำนานของไทย เชื่อว่ามีผู้คนจำนวนมาก ที่เดินทางออกจากมณฑลยูนาน ประเทศจีน มาสู่ประเทศไทย เพื่อค้นหาที่ดิน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ สำหรับการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการโยกย้าย ของพวกเขา ชาวไทยกลุ่มนี้ ได้ถูกโจมตีโดยโจร และสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีโรคต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญ เพื่อเพิ่มความสามารถ ในการป้องกันร่างกาย และจิตใจ การรับมือกับความทุกข์ยาก ชาวไทยสยาม จึงได้คิดค้นวิธีการต่อสู้

 

แม้ว่าการดูแลรักษา จัดเก็บเอกสาร ตำราทางประวัติศาสตร์ ในยุคนั้น ส่วนใหญ่จะสูญหายไป เมื่อครั้งที่ถูก กองทัพพม่าทำลาย และขับไล่ออกจาก เมืองอยุธยาในสมัย สงครามพม่า - ไทย ( พ.ศ. 2302 - 2303 ) แต่เราก็ยังสามารถพบหลักฐาน และข้อมูลของ เอกสารบางส่วน ได้จากบันทึกของพม่า กัมพูชา และจากชาวยุโรป เมื่อครั้งมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นครั้งแรก รวมถึงจากบันทึกเหตุการณ์ ของล้านนา หรือเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน

 

สมัยสุโขทัย

 

เมืองหลวงของประเทศไทย ในช่วงนี้ตั้งอยู่ที่เมืองสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 1781 ถึง พ.ศ. 1951 ตามรายการที่บันทึกไว้ในศิลา สุโขทัยมีความขัดแย้งกับหลายเมือง ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมักจะเผชิญหน้ากับข้าศึกจากภูมิภาคต่าง ๆ ดังนั้น ทางเมืองสุโขทัยจึงมีคำสั่ง ให้มีการฝึกฝนในกองทัพ รวมถึงการใช้ดาบ หอก และอาวุธอื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้ การฝึกต่อสู้โดยใช้ร่างกาย มีประโยชน์มาก ในยามบ้านเมืองไม่มีสงคราม ทักษะการต่อสู้ด้วยการใช้หมัด เข่า และศอก ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกซ้อม ของกองทัพสุโขทัย

 

ในยามสงบ การฝึกมวยไทย ( Muay Thai ) จะเป็นกิจกรรมแบบไม่แบ่งชนชั้น โดยบรรดาชายไทยวัยหนุ่ม จะได้รับทักษะการต่อสู้ และป้องกันตัว ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก่อนเข้ารับราชการทหาร ศูนย์ฝึกซ้อมส่วนใหญ่ จัดขึ้นที่บริเวณรอบเมือง โดยเฉพาะสำนักสมอคร ในแขวงเมืองลพบุรี รวมถึงมีการสอนตามลานวัด โดยมีพระภิกษุเป็นผู้ฝึกสอน

 

ในช่วงเวลานี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปะชั้นสูงทางสังคม และนำมาใช้จริง ในการพัฒนาสมรรถภาพ ทางกายแก่นักรบ การสร้างความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ ต่อผู้ปกครองบ้านเมือง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของสุโขทัย ทรงเชื่อมั่นในประโยชน์ของมวยไทย จึงส่งราชโอรสสองพระองค์ ไปยังสำนักสมอคร เพื่อเตรียมความพร้อม ในการสืบทอดราชบัลลังก์ ระหว่างปี พ.ศ. 1818 ถึง 1860 พ่อขุนรามคำแหง ทรงนิพนธ์ตำหรับพิชัยสงคราม ที่มีการกล่าวถึงมวยไทย เช่นเดียวกับทักษะการต่อสู้อื่น ๆ

 

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา อยู้ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 1988 ถึง พ.ศ. 2310 ในช่วงนี้มีสงคราม จำนวนมาก ระหว่างไทย พม่า และกัมพูชา จึงได้มีการฝึกพัฒนาทักษะ ด้านมวยไทย ( Muay Thai ) เพื่อการป้องกันตัว อาจารย์ผู้ถ่ายทอด ศิลปะการต่อสู้นี้ ให้แก่ชาวไทย ไม่ได้มีจำกัดเฉพาะ ในพระบรมมหาราชวัง ดังเช่นก่อนหน้านี้ โดยมีสำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่ได้รับความนิยมในสมัยนี้ มีนักเรียนหลายคน เข้ามาเรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย พวกเขาฝึกวิชาดาบ และการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยดาบหวาย จากการเรียนรู้การต่อสู้ โดยไม่ใช้อาวุธของทหารนี้เอง ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ มวยไทยโบราณ ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมของมวยไทย โดยสำนักมวยในยุคนั้น ได้เริ่มถ่ายทอดความรู้นี้ ให้แก่ประชาชน

 

 

การพัฒนามวยไทย เป็นการกีฬาต่อสู้ป้องกันตัว

 

ในปัจจุบัน นักมวยต้อง สวมนวมขนาด  4  ออนซ์ แต่งกายแบบนักกีฬามวยคือ สวมกางเกงขาสั้น สวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า หรือไม่ก็ได้ เครื่องรางของขลัง ผูกไว้ที่แขนท่อนบนได้ ส่วนเครื่องรางอื่น ๆ ใส่ได้เฉพาะตอนร่ายรำไหว้ครู แล้วให้ถอดออก ตอนเริ่มทำการแข่งขัน

 

ในการแข่งขัน มีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คน กรรมการให้คะแนน ข้างเวที 2 คน จำนวนยกในการแข่งขันมี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที การแข่งขันแบ่งเป็นรุ่น ตามน้ำหนักตัวของนักมวย เหมือนกับหลักเกณฑ์ ของมวยสากล อวัยวะที่ใช้ในการต่อสู้คือ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ ถอง เป็นต้น ได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยไม่จำกัดที่ที่ชก แม่ไม้มวยไทย ที่มีอันตรายสูงบางท่า ถูกห้ามใช้เด็ดขาด อาทิ ท่าหลักเพชร  เป็นท่าจับขาแล้วหักด้วยการนั่งทับ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม การชกในปัจจุบันส่วนใหญ่ มุ่งเพื่อผลแพ้ชนะ และมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ศิลปะและแก่นแท้ของมวยไทย นับวันจะเลือนหายไป ถึงแม้จะมีหลักสูตรการเรียน กันในบางสถาบันการศึกษาก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบัน มีการเรียน การสอนมวยไทย ในระดับบัณฑิตศึกษา คือ วิทยาลัยมวยไทยศึกษา และการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี เริ่มเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขามวยไทย ใน พ.ศ. 2546 หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 และต่อมาพัฒนาเป็นหลักสูตร ในระดับปริญญาเอกชื่อว่า หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา ( ปัจจุบันมีการสอน ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยยกเลิกหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต )

 

จึงเริ่มพัฒนาเข้าสู่ วิชาการเรียนการสอน เพื่อการอนุรักษ์ และแสวงหาคุณค่า ทางภูมิปัญญาไทย มากขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน โดยมีคณาจารย์ประจำหลักสูตร เช่น ดร. ศักดิ์ชัย ทัพสุวรรณ นายกสมาคม สภามวยไทยสมัครเล่นโลก ดร. แสวง วิทยพิทักษ์ กรรมการเทคนิคผู้ตัดสินมวยไทย จากสนามมวยราชดำเนิน รองศาสตราจารย์ ดร. สมพร แสงชัย เจ้าตำรับครูมวย พระยาพิชัยดาบหัก รวมไปถึง รองศาสตราจารย์ชัยสวัสดิ์ เทียนวิบูลย์ ครูมวยสยามยุทธ์ นอกจากนี้ยังมี รองศาสตราจารย์ ดร. เสรี พงศ์พิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิปัญญาไทย มาช่วยกันสร้างสรรค์จรรโลง ให้องค์ความรู้ของบรรพบุรุษ ที่มีมานานนับสองพันปี ให้อยู่ยั่งยืนตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

มวยไทย กีฬาที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน

 

มวยไทยกีฬาสุดมันของคนไทย

มวยไทยกีฬาสุดมันของคนไทย

มวยไทยกีฬาสุดมันของคนไทย

          ถ้าพูดถึง กีฬา ที่อยู่คู่กับคนไทย มาอย่างยาวนานแล้ว ละก็ ก็คงต้องเป็น มวยไทย หรือ กีฬาต่อยมวย เป็นกีฬา ที่มีประวัติ ความเป็นมาที่ยาวนาน ของคนไทย

 

มวยไทย นั้น เป็นกีฬา ประจำ ชาติ ของประเทศไทย เลยก็ว่าได้ เพราะ กีฬา ประเภท มวยนั้น อยู่คู่กับ คนไทย มาอย่างยาวนาน และ คนไทยให้ความนิยม กันเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สมัยก่อน มาจน ถึง ปัจจุบัน ทำให้ มวยไทย เป็นกีฬา ที่ คนไทย ให้ความนิยม และ ให้ความสนใจ กันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น วัยเด็ก วัยรุ่น หรือ วัยคนสูงอายุ ก็ต่างพา กัน วนใจ ในกิจกรราม ของมวยไทย ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ ท่าทาง หรือ ความงดงาม ของ มวยไทย ทำให้ เป็นที่นิยม แต่ มวยไทยไม่ได้เป็นแค่ ความนิยม ของคนไทย เท่านั้น ชาวต่างชาติ ก็ให้ความนิยม กับ กีฬา ประเภท นี้เป็น อย่างมาก จาการ สำรวจ ของกระทรวงการท่องเที่ยว และ กีฬา ได้พบว่า ในประเทศไทยนั้น มี ค่ายมวย ที่มีการ เปิดสอน มวยเป็น จำนวนมาก ประมาณทั้งสิ้น 1,762 ค่าย กันเลยทีเดียว และ มีค่ายมวย ที่เป็นค่ายมวย มาตรฐาน ที่พร้อมนับ ทัวร์ ประมาณ 443 ค่าย และ กระทรวงต่างประเทศ ได้พบว่า มีค่ายมวยไทย จำนวนประมาณ 3869 ค่าย กระจ่าย อยู่ ใน 36 ประเทศ เช่น บราซิล อิหร่าน อินเดีย โมร็อกโก และ สหรัฐอเมริกา เฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา และอิลลินอยส์ นั้น เป็นว่า กีฬา ต่อยมวยนั้น ไม่ได้ เป็นที่นิยม แค่คนไทยเท่านั้น แต่ยัง เป็นที่นิยมไปถึง ชาวต่างชาติ ที่ให้ความสนใจ และ ชอบในศิลปะ การต่อสู้  ประเภทการชกมวย

กีฬามวยไทย นั้น เป็นกีฬา กิจกรรม ออกกำลังกาย ที่ ทั้งสนุก มัน และ ตื่นเต้น แถม ยังได้ออกแรง ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณ ศีรษะ ไปตลอดจน เท้า ของเรากันเลยทีเดียว ด้วยท่าทาง การต่อสู้ ต่างๆ ของมวยไทย ทั้งเท่ และ สวยงาม ทำให้ เกิดความสนใจ และ ได้ ผลิต เป็นหนัง ในหลายๆ เรื่อง เช่น องค์บอก ไชยา มองดีฟันขาว ต้มยำกุ้ง และ รวมไปถึง หนังการ์ตูนอนิเมชั่น ของ คนไทย คือเรื่อง 9 ศาสตรา ก็ได้เอาเรื่อง ของมวยไทย และ ศิลปะ การต่อสู้ ของมวยไทย มาใช้ เป็น ภาพยนตร์ และ การ์ตูนอนิเมชั่น มากมาย ทำให้ ความนิยม และ ความสนใจ ของมวยไทย นั้น เพิ่ม มายิ่งขึ้น ทั้งนี้ มวยไทย เป็น กิจกรรม ที่จะทำให้เรา ได้ฝึก ทักษะ การป้องกัน รวมไปถึง ทักษะ ต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะ ด้าน ความว่องไว ความอดทน และ ได้ฝึกการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ที่จะทำให้ใครๆ หลายๆ คน ได้มีทักษะ และ ความอดทนเพิ่มมากขึ้น แถม ในเรื่อง ของสุขภาพ ที่ดีอีกด้วย

มวยไทย เป็นกีฬา ที่สร้างอาชีพ ให้กับใครๆหลายคน เพราะ การแข่งขัน ที่ดุเดือน และ การแข่งขัน ที่ยิ่งใหญ่ ในหลายๆ รายการ ของการชกมวย ก็ทำให้ใครๆ สนใจเป็นอย่างมาก ในการชม ทั้งความ บันเทิง และ ความสนุกที่ เล้าใจ

มวยไทยนั้น เป็นกีฬา มีเอกลักต่างๆ ในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการ ออกหมัด ออกซอก หรือ ออกท่าทาง การต่อสู้ต่างๆ มวยไทยจะมีเอกลัก และ ความสวยงาม ในแบบ ของ มวยไทยเอง จึงทำให้ ใครๆ หลายๆ คน หลงใน ในศิลปะ การต่อสู้ ของมวยไทย ไม่ใช้แค่ ความสนุก หรือ ความมัน อย่างเดียวกับการ ชกมวย แต่ ยังรวมไปถึง ความรัก และ ความชื่นชอบ ความสนใจ ในศิลปะ แม่ไม้มวยไทย ที่เป็นกีฬา ประจำชาติ ไทยที่ได้รับ ความนิยม มากมายในผู้คนทั่วโลก

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

นักมวย กับเครื่องรางของขลัง

 

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

ผู้หญิงกับมวยไทย

ผู้หญิงกับมวยไทย

ผู้หญิงกับมวยไทย บอกได้เลยว่าในปัจจุบันกระแสมวยไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสาว ๆ  ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือเหล่าเซเลปทั้งหลาย ต่างก็หันมาสนใจการออกกำลังกายสไตล์มวยไทย จนกลายมาเป็นทางเลือกใหม่ในการดูแลหุ่น

 

     การชกมวยถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายที่น่าตื่นเต้นที่สุดอีกประเภทหนึ่ง การเคลื่อนไหวของมวยไทยจะช่วยให้ร่างกายของเราได้ออกกำลังทุกส่วน ถ้าสาว ๆ คนไหนที่ชอบกินเยอะแต่กลัวอ้วนแนะนำให้หันมาฝึกมวยไทย จะช่วยให้ร่างกายของเราเผาผลาญเร็วขึ้น แถมกินได้กระหน่ำ แต่น้ำหนักลดฮวบ แต่ก็ต้องแลกกับการเบิร์นออกด้วยนะคะ เนื่องจากการต่อยมวยทำให้เหงื่อทะลัก ยิ่งไปกว่านั้นยังหลั่งอะดรีนาลีน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) ทำให้เรารู้สึกสนุก มีความสุขกับการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงได้อย่างเต็มที่ แถมเผาผลาญได้ถึง 800 แคลอรี / ชั่วโมงเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้ศิลปะในการป้องกันตัวอีกด้วย เห็นมั้ยคะว่ามีแต่ข้อดีทั้งนั้น แล้วใครมาบอกว่าผู้หญิงกับมวยไทยไม่เหมาะนั้นอย่าไปฟังเขาเลยค่ะ

 

          ผู้หญิงกับมวยไทย จะเริ่มฝึกอย่างไรดี

     การฝึกที่ดีและถูกต้อง เราควรหาสถานที่และครูฝึกที่ดี ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าต้องมีราคาค่าใช้จ่ายที่แพง เพราะที่ฝึกราคาแพงก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป อาจจะเลือกที่สะดวก ใกล้บ้านใกล้ที่ทำงานเพื่อให้เราเข้าฝึกอย่างต่อเนื่องจะดีกว่า ก่อนอื่นเราต้องเริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกาย วิ่ง หรือกระโดดเชือก เพื่อยืดกล้ามเนื้อก่อนเข้าฝึก การออกกำลังกายสไตล์มวยไทย เราต้องจริงจัง ใจสู้ และไม่เหยาะแหยะ อย่าคิดเพื่อที่จะลดน้ำหนักอย่างเดียว ต้องบอกเลยว่าถ้าเราเทรนหนัก จนเหนื่อยแล้วเรายังกลับมากินแบบไม่ยั้งคิด น้ำหนักก็ไม่มีทางลงแน่นอน ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และวางปริมาณอาหารที่เหมาะสมควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุด อีกอย่างเวลาเราออกกำลังอย่ากลัวเจ็บ เพราะการฟกช้ำดำเขียวเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมวยไทย

 

          อะไรทำให้ความสนใจของผู้หญิงเปลี่ยนไป

     การฝึกมวยไทยสำหรับการออกกำลังกายกำลังเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน เพราะมวยไทยในเวลานี้ไม่ใช่ฝึกเพียงเพื่อแข่งขันอย่างจริงจังเท่านั้น แต่ถูกสื่อสารออกมาในรูปแบบของการออกกำลังกายที่สนุกสนาน เสียเหงื่อ ลดน้ำหนักได้รวดเร็วและทั้งยังกระชับกล้ามเนื้อ และนั่นทำให้เกิดธุรกิจในการสร้างสถานที่ออกกำลังกายแบบมวยไทยขึ้นมากมาย ที่เน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง และมีส่วนผสมของฟิตเนสทั่วไปเพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น คุณผู้หญิงทั้งหลายก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มวยไทย ถือเป็นการออกกำลังกายแบบอิสระประเภทหนึ่งหรือที่เรียกว่า Freestyle Training ที่เวลาฝึกสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกทิศทาง คล่องตัว

 

          อุปกรณ์ที่ใช้มีอะไรบ้าง

     หลัก ๆ คือ นวม อาจจะเป็นนวมซ้อม หรือนวมที่ใช้เพื่อออกกำลังกายก็ได้ มักจะแบ่งตามขนาดตัว โดยส่วนมากที่ฝึกจะมีให้บริการอยู่แล้ว แต่อย่าคาดหวังว่าจะต้องสะอาดเนี้ยบ เพราะเป็นเรื่องยากสำหรับการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน ถ้าเราคิดจะจริงจังกับการออกกำลังกายสไตล์มวยไทย ก็ควรหาซื้อนวมคู่ใจสักคู่เป็นของตัวเองก็ดี และสิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้คือ ผ้าพันมือ อุปกรณ์สำคัญเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ รอยฟกช้ำดำเขียวบนมือได้ ส่วนอุปกรณ์อย่างอื่น เช่น สนับแข้ง แองเกิลสำหรับสวมที่เท้า อุปกรณ์พวกนี้แล้วแต่ความหนักหน่วงของการออกกำลัง ถ้าออกแรงมากก็ต้องป้องกันมากขึ้นด้วย

 

          ประโยชน์ของมวยไทย

1. คุณจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเพราะมีการเคลื่อนไหวและออกแรงทุกส่วนของร่างกาย

2. ต้องมีการเล็งเป้าหมายและตั้งใจ เพื่อให้การเตะ การต่อย ออกหมัดทุก ๆ ครั้งนั้นถูกตำแหน่ง ทำให้เกิดการฝึกสมาธิไปในตัว

3. การฝึกนั้นสามารถทำเป็นกลุ่มเล็กฝึกร่วมกัน ทำให้เกิดความสนุกสนาน และสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน

4. การฝึกมวยไทย เป็นการฝึกในรูปแบบฟรีสไตล์ เคลื่อนไหวอิสระมีทั้ง รุก ตอบโต้ รับและหลบหลีก จึงจะช่วยส่งเสริมให้การทำงานในชีวิตประจำวันดีขึ้น

5. ที่สำคัญมวยไทยนั้นใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในร่างกาย เช่น หลัง ต้นขา ก้น รวมถึงการเพิ่มความเร็วและแรงในท่าต่าง ๆ ทำให้สูญเสียพลังงานหรือการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเป็นจำนวนมาก ผู้หญิงที่ฝึกอย่างจริงจังจึงสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงถ้าใช้ความหนักในการชก เตะและต่อย กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวต้องเกร็งและถูกฝึกให้แข็งแรงมากขึ้น ทำให้เกิดเพิ่มความกระชับในทุก ๆ ส่วน รวมถึงหน้าท้องอีกด้วย

6. และที่ลืมไม่ได้คือ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้มวยไทยเป็นการฝึกการออกกำลังกายชั้นเลิศ เพราะได้ทั้งการออกกำลังกายและยังเป็นศิลปะป้องกันตัว

7. เมื่อคุณฝึกมวยไทย ผู้หญิงจะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้า ความสวยงาม เพียงคุณแค่ใส่ขาสั้นสบาย ๆ เสื้อกล้าม และต่อยอย่างสนุกสนาน เหงื่อ ท่วมตัว แบบลืมเหนื่อย

 

          การเริ่มออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง

1.การหาสถานที่ที่สะดวกในการออกกำลังกาย ที่สามารถให้บริการทางด้านมวยไทย หรือมีครูฝึกที่มีความสามารถและฝึกมาโดยเฉพาะเพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้อง

2.เตรียมอุปกรณ์ ผ้าพันมือ เพื่อป้องการแตกหรือบาดเจ็บของสันมือ ผ้าเช็ดหน้าฝืนเล็กสำหรับเช็ดเหงื่อ ขวดน้ำดื่มที่ใช้จิบทุก ๆ 15 นาทีเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ และใส่เสื้อผ้าที่สบาย เบาและระบายเหงื่อได้ดี

3.ทำการอบอุ่นร่างกายทุกครั้งก่อนเริ่ม และควรเริ่มฝึกแบบเบา ๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มความหนักมากขึ้นตามความสามารถของร่างกาย รวมถึงยืดเหยียดหลังการฝึกจบทุกครั้ง

 

          เทคนิคการต่อยมวยให้ได้ผลดีที่สุด

1.สำหรับการที่จะเริ่มต้นต่อยมวยต้องมีเป้าหมายชัดเจน เช่น การเอาจริงเอาจังไปกับ การออกกำลังกาย, ลดน้ำหนัก, ต่อยมวย เพราะถ้าใจไม่สู้ต่อให้ไม่มีอุปสรรคมาขวางก็ตาม ก็จะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

2.ต้องไม่กลัวในเรื่องอาการฟกช้ำ หรือ ปวดเมื่อยร่างกาย อาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับคุณผู้หญิงที่กลัวจะเกิดรอยเขียว จะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ

3.ควรที่จะหาสถานที่ฝึกและครูฝึกสอนที่ดีมีประสบการณ์ เพราะจะช่วยให้การฝึกซ้อมได้ดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่ และครูมวยด้วย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องลดการบาดเจ็บจากการฝึกได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเรามีครูดีก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้น้อยในการเล่น

4.ควรทำตามกฎหรือคำแนะนำของครูฝึก เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก ชกมวย บางอย่างควรต้องใส่เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุขณะออกกำลังกายได้ และเป็นการเซฟตัวเราเองได้อีกด้วย

 

          ออกกำลังกายเสร็จ เลือกของกินอย่างไรดี

     แม้ร่างกายของเราจะได้ประโยชน์มากมายจากการออกกำลัง แต่ก็มีความเสื่อมทางร่างกายที่ตามมาเช่นกัน ดังนั้นเราควรเลือกกินอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายด้วยเหมือนกัน

1.สับปะรด และมะละกอ ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวหลังจากเสียเหงื่อมาก

2.ปลาแซลมอน ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง และลดอาการหอบเหนื่อยน้อยลง

3.แซนด์วิชเนยถั่วผสมแยม หรือพาสต้าซอสเนื้อ จัดเป็นอาหารที่ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

4.เนื้อหมูสันใน (ส่วนที่ไม่มีมัน) เป็นแหล่งโปรตีนที่มีแคลอรีต่ำจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องไขมันพอกพูนแถวท้อง แถวเอว

5.นม เครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกาย แถมยังช่วยเรื่องการเต้นของหัวใจ และส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียม

6.กาแฟ หากร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณการดื่มกาแฟ 2 ถ้วย หลังออกกำลังกาย จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

7.น้ำเย็น ควรดื่มทั้งก่อน และขณะออกกำลังกาย เพราะช่วยออกกำลังได้นานขึ้น และยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย

8.ชาเขียว ควรดื่มวันละ 2 – 3 แก้ว ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังออกกำลังกายอย่างหนัก

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เด็กน้อย กับการเรียนมวยไทย

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

ไหว้ก่อนชก ประเพณีอันดีงาม

การไหว้ครู เป็นการร่ายรำในกีฬามวยไทย ( muaythai ) ก่อนการแข่งขันชก เพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ และความเคารพต่อครูมวย เป็นประเพณีที่สืบกันมาแต่ช้านาน และให้มีการสวมมงคลขณะทำการร่ายรำไหว้ครู เนื่องจากถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์

ในการฝากตัว เพื่อเป็นศิษย์ - อาจารย์ อยู่ในโอวาทย์ ของครูบาอาจารย์ แสดงถึงความความนอบน้อม ยอมรับเพื่อที่จะเรียนรู้ความกล้าหาญ และ การเตรียมพร้อมในการที่จะฝึกฝนไปในขั้นต่อ ๆ ไป นักมวยจะต้องมีครู และ ต้องเคารพ และ เทิดทูนครู เพราะว่าการที่ครูยินยอม ที่จะรับผู้ใครเป็นศิษย์นั้น ในอดีตกาลนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะในสมัยนั้นครูที่เป็นมวย มีฝีมือไม่ได้มีอยู่มากมาย และ ในการสอนไม่ได้คิดค่าบริการสอน แต่หากใครที่ต้องการจะเรียน ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับครู คอยปรนนิบัติอยู่เป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วน เพราะสาเหตุครูมวยกับศิษย์ในสมัยก่อนนั้น จึงมีความสนิทใจราวกับพ่อกับลูก

ในแข่งขันมวยไทย ไม่ได้มีแค่การชก ที่แตกต่างจากมวยอื่น ๆ แต่การไหว้ก่อนการแข่งขัน ก็เป็นอีกหนึ่งพิธีการที่มวยประเภทอื่น ๆ ก็ไม่มีด้วยเช่นกัน อย่างเช่น คิกบ็อกซิง ( kick boxing ) หรือ มวยสากล ก็การชกมวยคล้ายของไทย แต่ไม่ให้ใช้ศอกในการชกบนสนาม และ ไม่มีการไหว้ครูก่อนเริ่ม ดังนั้น ในการรำไหว้ครู จึงถือเป็นจุดเด่น และ เอกลักษณ์ของกีฬามวยไทย อย่างแท้จริง

 

ประโยชน์ ของการร่ายรำไหว้ครู

การไหว้ครู สื่อความหมายให้เห็นคุณค่าด้าน วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย มีคุณประโยชน์มากมายทางด้านจิตใจ ของนักมวย และ ผู้ชมมวย  ดังนี้

- การปลูกฝังนิสัยให้เป็นมวย คือ รู้จักรัก เคารพครูอาจารย์ บิดามารดา ผู้ให้กำเนิดมวยไทย

- การปลูกฝังจิตสำนึก ให้ตระหนักในคุณค่าของศิลปะมวยไทย เกิดความรัก และ หวงแหนที่จะอนุรักษ์ให้คงไว้สืบไป

- ให้เป็นกิจกรรมเผยแพร่เอกลักษณ์ และ ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติได้อย่างสง่างาม สมศักดิ์ศรี

 

การร่ายรำไหว้ครู

 

ท่ายืน ไหว้ทิศขวา

ท่าที่ 1 ยืนขึ้นย่างสามขุม หมุนไปทิศเบื้องขวา แล้วไหว้ทิศเบื้องขวา จากนั้นร่ายรำท่านกยูงรำแพน โดยปฏิบัติตามนี้ ๓ ครั้ง

 

ท่ายืน ไหว้ทิศซ้าย

ท่าที่ 2 ยืนขึ้นย่างสามขุม หมุนไปทิศเบื้องซ้าย แล้วไหว้ทิศเบื้องซ้าย จากนั้นร่ายรำท่าหงส์เหิน โดยปฏิบัติตามนี้ ๓ ครั้ง

 

ท่ายืน ไหว้ด้านหน้า - หลัง

ท่าที่ 3 ยืนขึ้นย่างสามขุม แล้วหมุนไปทางขวาจนไปถึงด้านหลัง ไหว้ทิศเบื้องหลัง จากนั้นพยักหน้า ๓ ครั้ง ทำท่าดูดัสกร ร่ายรำท่าพยัคฆ์ด้อมกวาง หมุนไปทางขวา ก้าวเท้าชิด ไหว้ทิศเบื้องหน้า

ในการไหว้ครูนั้น ถือว่าเป็นศิลปะแม่ไม้มวยไทย ที่สึบทอดกันมาแต่ช้านาน มีความงดงาม และ เอกลักษณ์ของไทย และ ขาดไม่ได้เลยนั่นก็ คือ การแสดงความเคารพครูบาอาจารย์ ในปัจจุบันอาจจะหาดูได้ไม่ยากในทีวี ไม่ว่าจะเป็นช่องมวยไทย 7 สี แต่หากเป็นการแสดง และ การสืบสานวัฒนธรรมเหล่านี้ก็ อาจจะหาดูได้น้อยแล้ว กลับกันที่ชาวต่างชาติ กลับให้ความสำคัญกับมวยไทยของเราอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่มีการออกอาวุธ ที่คม สวยงาม ยังถือเป็นการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อให้ดูดี และ ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ศิลปวัฒนธรรมของไทยอย่างมวยไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก และ ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ

ส่วนการไหว้ครู เป็นการแสดงที่สื่อถึง ความเคารพต่อครู บิดา มารดา รวมทั้งเป็นการขอพรต่ออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อให้คุ้มครองตนเอง ให้ได้รับความปลอดภัยจากการชกมวย โดยแสดงออกเป็นท่ารำต่าง ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากครูมวย รวมทั้งอาจมีการบริกรรมคาถา ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ปัจจุบัน ชาวไทยส่วนใหญ่ ได้หันมาให้ความสนใจด้านการรักษาสุขภาพ โดยมุ่งเน้นวิธีการ แบบชาวตะวันตก แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญ ต่อภูมิปัญญาแบบไทยเท่าใดนัก ซึ่งให้ประโยชน์ทั้งการเสริมสร้างสุขภาพกาย และ ใจให้เข้มแข็ง ตลอดจนปลูกฝังด้านธรรมะ ซึ่งแท้จริงแล้วการไหว้ครูมวยไทย ท่ารำมวยไทย ท่าแม่ไม้ ท่าลูกไม้ และ การชกลมเล่นเชิง มีประโยชน์ในการเสริมสร้างสุขภาพกาย และใจ พร้อมทั้งยังแฝงถึงความสำคัญด้านคุณธรรม และ มีส่วนส่งเสริมเอกลักษณ์ ความเป็นไทยประการหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ชาวไทยหลายคนมิได้ตระหนักถึงคุณค่า และ ความสำคัญดังกล่าว เนื่องจากสถาบันการพลศึกษา มิได้มุ่งเน้นความสำคัญ และ เด็กหลายคนมิได้รับการปลูกฝังจากผู้ใหญ่ ซึ่งแท้จริงแล้ว การไหว้ครูรำมวยเป็นการปฏิบัติ ที่มิได้สื่อถึงการแสดงการขอบคุณต่อครูมวย หรือ เพียงการอบอุ่นร่างกายเท่านั้น หากแต่เป็นการระลึกถึงสิ่งสำคัญ ที่ครูมวยได้สอนมา

 

สรุปคุณค่า และประโยชน์ของมวยไทย

กีฬาทุกชนิดมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย  และศิลปะมวยไทยก็มีคุณค่าสูงสำหรับผู้เรียนหลายประการ  คือ

- ร่างกายมีสรรถภาพที่ดี  สมส่วน  มีภูมิต้านทานโรคสูง

- มีจิตใจเข้มแข็ง  มีความสุขุมรอบคอบ  มานะ อดทน

- สามารถป้องกันตัว และ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ในชีวิตประจำวันได้

- มีความเชื่อมั่นต่อตนเอง  มีระเบียบวินัย  กล้าหาญ อดทน

- ดำรงไว้ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยให้ยั่งยืนแพร่หลายตลอดไป

- มีไหวพริบ เชาว์ปัญญา แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

- มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่กล้ากระทำในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ

- มีความกล้าหาญ

- ยึดเป็นอาชีพได้

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เด็กน้อย กับการเรียนมวยไทย

นักมวย กับเครื่องรางของขลัง

 

มวยไทย กีฬาที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน

มวยไทย กีฬาที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน

มวยไทยนั้น เป็นกีฬา ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และยัง ถือได้ว่า มวยไทย เป็นกีฬา ประจำชาติ ของ ประเทศไทย และ คนทั่วโลก ให้ความสนใจ กีฬา มวยไทยเป็นอย่างมาก

 

มวยไทยนั้น เป็น กีฬา ประจำ ของประเทศไทย ที่มี มาอย่างยาวนาน และ มีประวัติที่ มากมาย เกี่ยวกับมวยไทย มวยไทยนั้น เป็น กีฬา ที่ ใคร หลายๆ คน ให้ความสนใจ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่า จะเป็น คนต่างชาติ หรือ คนไทย และ ยังเป็นกีฬา ที่ เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ สามารถ ทำกิจกรรม ได้ มวยไทยนั้น ไม่ได้มี กติกา ที่ บอกเป็น ลายลักษณ์อักษร แต่ ใน สนามมวยนั้น จะมีการชี้แจง ให้กับนักมวย ทราบถึงหลักเกณฑ์ หรือ กติกา ที่ต้องปฏิบัติตาม อย่างเด็ดขาด และ ก็กลายมาเป็นประเพณี และ ใช้เป็น หลักเกณฑ์ สำหรับ การแข่งขัน มวยไทย ในเวลาต่อมา และ มวยไทยนั้น เป็น มรดกตกทอดมาจากวัฒนธรรมของ คนไทย ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มวยไทย นั้น เป็นได้ทั้ง การป้องกันตัว หรือ การต่อสู้ และ ยังเป็นกีฬา ในการแข่งขัน มวยไทย นั้น ไม่มีปรากฏอย่างแน่ชัด ว่าเกิดขึ้นมาในสมัยใด แต่ ถือได้เลยว่า มวยไทยเป็นศิลปะ การต่อสู้ ของคนไทย เช่น เดียวกับ กีฬา พวก กังฟู ของ ประเทศจีน  หรือ ยูโด และ คาราเต้ ของ ประเทศญี่ปุ่น

 

 มวยไทย นั้น ได้มีเหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์ ของไทยมาอย่างยาวนาน ใน สมัยอยุธยา ของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ พระเจ้าเสื้อ นั้น โปรดชอบชมการ ชกมวยมาก ทรงปลอมพระองค์ มาชกมวยกับชาวบ้าน และได้ชนะ คู่ต่อสู้ไปถึง 3 คน ดังที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ระบุไว้ ในหนังสือ ชาวบ้านที่แพ้ 3 คน ได้แก่ นายกลาง หมัดตาย นายใหญ่ หมัดเล็ก นายเล็ก หมัดหนัก 3 คน ที่ได้รับความพ่ายแพ้นั้น ได้รับบาดแพ้อย่างบอบช้ำจากฝีมือ การ ชกมวยไทย ของพระองค์ เมื่อ พระมหากษัตริย์ ในสมัยนั้น โปรดการชกมวยไทยมาก เช่นนี้ได้มีการ ชกมวยไทย อย่างแพร่หลาย ในราชสำนัก และได้ขยาย ไปถึงหมู่บ้านต่างๆ รวมไปถึง วัด วัดนั้น เป็นสถานที่ ที่ประสาทวิชามวยไทยเป็นอย่างดี ในสมัยนั้น เพราะ ขุนศึกนั้น พออายุเริ่มมากแล้ว ก็จะไปบวชเป็นพระ และ ได้สอนการต่อสู้ให้กับ ประชาชนที่ให้ความสนใจ ในการชกมวยไทย นักมวยนั้น ถ้ามีฝีมือดีในสมัยนั้น จะได้มีโอกาส รับราชการ ให้มีความก้าวหน้าในการงาน โดยเฉพาะการเป็นทหาร ที่มีหน้าที่ในการ พิทักษ์รักษา ความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ ในสมัยนั้น

ในยุคสมัยที่ ไทย ยังทำการรบกับพม่านั้น นายขนมต้มที่ถูกจับเป็นเชลย ได้ถูก พม่าจำตัวไปอยู่ที่ กรุงอังวะ ประเทศพม่า และ พม่าได้จัดการฉลองชัยชนะ ในการทำส่งครามกับประเทศไทย พม่า ได้จัดการชกมวยไทย โดยให้ เชลยของไทยนั้น คือ นายขนมต้ม ให้ขึ้นชกกับ คนพม่า 10 คน และ นายขนมต้มนั้น ได้รับชัยชนะ ได้ล้มชาว พม่าได้ถึง 10 คน ทำให้ พม่า ได้กล่าวว่า คนไทยถึงจะไม่มีอาวุธ มีเพียงแค่สองมือเปล่า ก็ยังมีพิษสงรอบตัวได้ถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่า นักมวยไทยนั้น มีฝีมือ ที่เก่งกาจ เป็นที่เลืองลือ ดังนั้น นายขนมต้มนั้นเปรียบ ได้ถึงเป็น บิดาของวิชามวยไทย ด้วยความเก่งกาจ และยัง ทำให้คนไทยนั้นมีชื่อเสียง มากมายในด้านมวยไทย และ ในสมัยต่อมา มวยไทย ก็ยังมีการฝึกเพลงดาบ คู่ กับการฝึกมวยไทย เพื่อ การทำสงคราม และ การป้องกันตัว หรือ บาง ก็ฝึกเพื่อการแข่งขัน หรือ งานเทศกาลต่างๆ

วิชามวยไทยนั้น ได้ยั่งยืน และได้ความนิยมมาจนถึง สมัยปัจจุบัน วิชามวยไทยนั้น ได้ยั่งยืนมาก และในสมัยอยุธยาตอนปลายนั้น ได้มีมวยไทย เริ่มการชกกันด้วยการคาดเชือก นั้นคือการ ใช้เชือกเป็นผ้าพันมือ  และ บางครั้งการชก ก็อาจถึงตายได้ เพราะ เชือกที่คาดมือนั้น บางครั้งก็ใช้น้ำมัน ชุบเศษแก้ว ละเอียดๆ ชกถูกตรงไหนก็เป็นแผลตรงนั้น และ จะเห็นได้เลย ว่ามวยไทย ในยุคสมัยนั้นมีความอันตรายมาก และ ต่อมา ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น มวยไทย ก็ได้มีการ ฝึกตามสำนักฝึกต่างๆ และได้ มีการฝึก มวยไทย กันอย่างกว้างขวาง มากมาย และ ได้มีการ จัด สนามแข่ง หรือ เป็นการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน มาจนถึง ปัจจุบัน

 

มวยไทย นั้น ถือได้เลยว่าเป็นกีฬา ที่อยู่กับคนไทย มาอย่างยาวนาน และ มีประวัติ มากมายที่เกี่ยวกับมวยไทย ในประเทศไทย มวยไทย เป็นกีฬาที่ใครๆ จำนวนมากสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ยุคสมัยไหน ผ่านมากี่ปี มวยไทยก็ยัง เป็น กิจกรรม หรือ กีฬา ที่มีคนชื่นชอบ และ ให้ความสำคัญ ดังนั้น เราควรที่จะ อนุรักษ์ กีฬาประประเทศไทยไว้ ให้มีคนสนใจ และ ให้ความสำคัญแบบนี้ไปอีกยาวนาน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

เด็กน้อย กับการเรียนมวยไทย

มวย เทรนด์ใหม่วัยรุ่น

เด็กน้อย กับการเรียนมวยไทย

เด็กน้อย กับการเรียนมวยไทย

เชื่อว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ อยากจะส่งเสริมให้บุตรหลานของท่าน ได้เรียนพิเศษนอกเหนือจากนอกห้องเรียน ( และนอกจากตำราเรียนด้วย ) ไม่ว่าจะเป็นเป็นทักษะดนตรี ศิลปะ รวมถึงกีฬานานาชนิดด้วย

 

ซึ่งผู้เขียนก็ขอเขียนแบบอวยจนไม่มิดเลยว่า กีฬาเสริมทักษะอย่างมวยไทย ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่น้อย  เพราะว่า นอกจากมวยไทยจะเป็นหนึ่งในกีฬา และวัฒนธรรมของชาติ ที่บรรพบุรุษถ่ายทอดวิชามาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นแล้วนั้น ศาสตร์ของมวยไทย ก็ไม่ใช่วิชาที่เรียนเพียงผิวเผิน ก็ชก เตะ ต่อย เป็น ทว่ายังมีแม่แบบ ที่เรียกว่า ศิลป์แม่ไม้มวยไทย ที่มีกระบวนท่าที่ทั้งแข็งแกร่ง และใช้ป้องกันตัวได้เป็นอย่างดี

 

หากมองในมุมมอง เมื่อหลายปีก่อนย้อนไป มักจะมีการปลูกฝังคติแบบผิด ๆ เกี่ยวกับมวยไทยเอาไว้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ว่า เด็กที่เรียนมวยไทย โตมาจะต้องเป็นเด็กที่มีนิสัยเกเร อันธพาล ตีรันฟันแทง ไล่เตะต่อย หาเรื่องคนอื่น  ๆ ไปทั่ว จนทำให้ไม่มีใครอยากจะส่งลูกให้ไปเรียน ซึ่งนับว่าเป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ เลยล่ะ เพราะการที่เด็กจะมีนิสัยอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอน และตัวของเด็กคนนั้นเองมากกว่า ทำให้ค่านิยมการส่งเด็ก ๆ ไปเรียนมวยไทยนั้น ไม่ค่อยได้รับความนิยม หากเทียบกับศิลปะการต่อสู้แขนงอื่น  

 

ซึ่งตอนนี้ ดูเหมือนว่า มวยไทยจะเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จากการที่มีนักมวยไทยไปสร้างชื่อเสียงระดับโลก การ Represent ศาสตร์แม่ไม้มวยไทย ผ่านสื่อ ผ่านการโฆษณาต่าง ๆ ที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างไปได้ไกลมากทีเดียว แถมยังมีการเปิดสอนมวยไทยในต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ ที่กำลังหาตัวเลือกกีฬาที่เป็นประโยชน์ ผู้เขียนว่ามวยไทยนี่แหละ ตอบโจทย์ครบหลายด้าน

 

มวยไทย สร้างเสริมทักษะ และ สมาธิต่อเด็ก ๆ อย่างไรบ้าง

- มวยไทย มีแขนงการต่อสู้หลายท่วงท่า ที่ต้องใช้ทั้งไหวพริบ และสติ รวมถึงเรื่องของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การคิดวิธีตั้งรับคู่ชก นั่นไง ใครบอกกันว่ามวยไทยไม่ได้ใช้ความคิดเลย นี่ยิ่งกว่าใช้ความคิดอีกนะ

- การเรียนรู้ ผ่านการอ่านเรื่องของกระบวนท่ามวยไทย เพียงอย่างเดียว อาจไม่ดีเท่าการที่ได้มาทดลองชกต่อย พร้อมกับเรียนรู้ศาสตร์กระบวนท่าไปในคราวเดียวด้วย

- มวยไทย สร้างเสริมให้เด็ก ๆ มีความเข้มแข็งตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เพราะเมื่อเด็กชกแพ้อีกฝ่ายที่อาจเก่งกว่า เขาก็จะลุกกลับขึ้นมาต่อสู้ ด้วยความมานะแน่วแน่ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง รวมทั้งครูฝึก ในการสร้างพลังใจไม่ให้เด็ก ๆ ท้อไปก่อนด้วย เพราะการแพ้ หรือ ชนะนั้น นับว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอในวงการกีฬา

- จากข้อดีดังกล่าว ยังเสริมสร้าง และปลูกฝังให้เด็ก ๆ รู้จักรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และเกิดความสามัคคีในการเล่น หรือแข่งขันกีฬาได้ด้วย

- เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ในศาสตร์ของการป้องกันตัว ยามเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ( แนะนำว่าใช้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้นค่ะ ไม่แนะให้ไปเล่นแรง ๆ กับเพื่อนในโรงเรียน หรือมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนด้วยนะ )

 

ในด้านของสุขภาพ

หากคุณผู้ชายเลือกต่อยมวย เพื่อสร้างเสริมมวยกล้ามเนื้อ หรือ คุณผู้หญิงที่เลือกต่อยมวย เพื่อลดน้ำหนักกระชับสัดส่วน หรือประการอื่น การต่อยมวยไทยของเด็ก ๆ ก็ไม่ต่างกันมาก และมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมาก ๆ เลยด้วย

- เหมาะสำหรับการเผาผลาญ เบิร์นแคลอรี ในกรณีที่เด็ก ๆ อาจมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งมวยไทยนั้น ถือเป็นตัวเลือกในการลดน้ำหนักชั้นดีเลยล่ะ

- มวยไทยช่วยคลายเครียด ใช่แล้วค่ะ เพราะนอกจากเรื่องกระบวนท่า ในสมองของเราจะไม่ค่อยมีเรื่องอื่นแทรกเข้ามา จนถึงไม่มีเลย เพื่อเป็นการสร้างเสริมสมาธิของเด็ก ๆ นั่นเอง

- มวยไทย ช่วยในเรื่อง การทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ เพราะความเหนื่อยจากการที่เบิร์นแคลอรีไปเยอะ จะทำให้ใบหน้าของคุณหนู ๆ มีเลือดสูบฉีดดี เรียกว่าพลุ่งพล่านเลยก็ได้ ซึ่งดีต่อร่างกายของเด็ก ๆ เอง แต่ก็อย่าออกแรงต่อเนื่องนานจนเกินไปเช่นกันนะ

 

อีกส่วนสำคัญ ก่อนที่เด็ก ๆ จะเรียนมวยไทยเลยก็คือ ต้องอย่าลืมวอร์มร่างกาย หรือ อบอุ่นร่างกายก่อน ประมาณ 5 – 30 นาทีได้ยิ่งดีเลย เพื่อให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และพร้อมจะชกมวยแบบทุ่มสุดตัว

 

ส่วนผู้ปกครองคนไหน ที่อยากให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับการเรียนมวยไทย เพื่อให้เขาได้มีศิลปะการป้องกันตัว หรือเป็นการเสริมสร้างทักษะ สร้างสมาธิ ก็สามารถเลือกเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทย โดยแนะนำเป็น 3 สาขาหลัก ได้แก่

- เจริญทองมวยไทย ข้าวสาร ( Jaroenthong Muay Thai Khaosan )

- เจริญทองมวยไทย รัชดา ( Jaroenthong Muay Thai Ratchada )

- เจริญทองมวยไทย ศรีนครินทร์ ( Jaroenthong Muaythai Srinakarin )

 

 ที่ไหนใกล้บ้าน หรือ สะดวกในการเดินทางไปเรียนมากที่สุด ก็เลือกที่นั่นเลยค่ะ เพราะเกิดเด็ก ๆ ติดใจการชกมวยขึ้นมา จะได้แวะเวียนไปเรียน หรือซ้อมได้ตลอดเวลานั่นเอง ราคาดีและคุ้มมาก แถมยังมีคลาสหลายแบบให้เลือกด้วย เลือกตามใจชอบเลย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ใน ค่าบริการมวยไทยสตรีท หรือดูคอร์สมวยไทยแบบสรุปคร่าว ๆ ( เฉพาะชาวไทย ) ที่ด้านล่างได้ค่ะ

 

- การเรียนแบบ Group Class รายเดือนเริ่มต้นที่ 2,490 บาท ( เฉพาะ เสาร์ อาทิตย์ ) หรือรายเดือนแบบไม่จำกัดครั้ง 2,990 บาท

 

- การเรียนแบบ Private Class รายครั้งเริ่มต้นที่ 990 บาท 1 คลาส ต่อ 1 ชั่วโมงครึ่ง 12 ครั้ง 9,590 บาท และ 24 ครั้ง ราคา 16,790 บาท

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ

 

คำศัพท์ วงการมวยไทย

นักมวย กับเครื่องรางของขลัง

นักมวย กับเครื่องรางของขลัง

 

ศิลปวัฒนธรรมไทย ทุกอย่างย่อมมีวิญญาณบรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่คอยปกปักษ์ดูแลอยู่ทุกแห่ง มวยไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสตร์การป้องกันตัวของไทย ก็มีสิ่งยึดเหนี่ยวเช่นนี้ไม่ต่างกัน

 

สวัสดีค่ะ วันนี้ในขณะที่ผู้เขียนกำลังลองศึกษาค้นคว้าข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องเครื่องรางของขลัง อยู่นั้นเอง ตัวผู้เขียนก็อดที่จะตระหนัก และอดที่จะนึกขึ้นมาไม่ได้ว่า นักมวยตั้งแต่สมัยโบราณ เขาก็มักจะมีวิธีไหว้ครูบาอาจารย์ เป็นการเคารพ และแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ต่อเหล่าครูอาจารย์ อาจารย์ก็การปัดเป่ากระหม่อม เพื่อขอให้การก้าวขึ้นสู่สังเวียน หรือ ลานประลองมวย ของสานุศิษย์ นั้น  เป็นไปอย่างราบรื่น และได้รับชัยชนะจากการชก

 

ทว่านอกจาก การฝึกฝนอย่างตรากตรำ โดยได้รับการประสิทธิประสาท มาจากครูมวยแล้ว อีกสิ่งที่นักมวยส่วนใหญ่ จะต้องพก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย ก็เป็นอีกศาสตร์ที่น่าสนใจ ผู้เขียนจึงได้ลองรวบรวมเครื่องรางของขลัง ที่นักมวยจะพกเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวก่อนขึ้นชก มาให้ได้อ่านกันดูค่ะ

 

1. มงคล

เป็นเครื่องรางที่ทำจากสายสิญจน์ หรือผ้าดิบ ทำเป็นลักษณะทรงกลม ขนาดพอดีรับกับศีรษะ โดยรวบเป็นหางยาวไว้ด้านหลัง เพื่อให้ผู้ขึ้นชกสวมใส่ นอกจากนี้ในอดีต ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับมงคลว่า เป็นหนึ่งในเคล็ดทางไสยศาสตร์ ที่ไม่ว่านักมวยคนใดได้สวม ก็จะคุ้มครองคน ๆ นั้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย โดยผู้ที่จะใส่ หรือถอดมงคลออกจากศีรษะได้  ก็จะต้องเป็นครูมวยอาวุโส หรือ พี่เลี้ยง ที่นักมวยคนนั้นให้ความเคารพมาก และบริกรรมคาถาเพื่อให้คุ้มครองแก่ผู้ขึ้นชกด้วย

 

2. ว่าน

เป็นพืชพันธุ์พิเศษ มีความเชื่อว่า สรรพคุณของมันจะทำให้ผิวหนังทนทานความร้อน หรือทำให้หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า จึงนิยมนำมาทำเป็นของขลังปลุกเสก นำมาเป็นส่วนผสมในการทำตัวพระเครื่อง หรือ นิยมให้นักมวยเคี้ยวก่อนขึ้นชก หรือผสมกับน้ำดื่มเย็นชื่นใจในขัน ( เอ..ผู้เขียนอดคิดไม่ได้เลยนะคะ ว่าเขาอาบน้ำว่านกันด้วยรึเปล่านะ สมัยนั้น ) เพราะเชื่อว่าจะทำให้นักมวยแข็งแรง และได้ชัยชนะจากการชกนั่นเอง

 

3. ประเจียด

ประเจียด ก็คือ เครื่องรางของขลัง ทำจากใยผ้าที่เรียกว่า ผ้าสาลู ’ ( ผ้าขาวบางเนื้อดี หรือ ผ้าดิบ ) โดยจะเลือกใช้สีขาว กับ สีแดง เป็นสีหลัก ในการทำตัดผ้าเป็นทรงสามเหลี่ยม ก่อนจะลงเลขยันต์มหาอำนาจ นำมาทำเป็นสายรัดต้นแขนทั้งสองข้าง เพื่อให้กายของผู้ที่ใส่นั้น คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด คุ้มกำลังเภทภัย โดยสลักภาษาที่เขียน เป็นอักขระแบบขอม หรือ เทวนาครี โดยก่อนขึ้นชกมวย ผู้ใส่อาจแนบตะกรุด ว่าน หรือเครื่องรางของคลังอื่น ไว้บนประเจียดได้

 

4. ตะกรุด

วัสดุที่ใช้ในการทำตะกรุด แบ่งออกได้ด้วยกันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเงิน ทอง นาค หรือ ใบลาน ที่ลงเลขยันต์กำกับเอาไว้ ม้วนเป็นคล้ายก้าน และเจาะช่องตรงกลางเพื่อให้เชือก หรือ สายสร้อยสอดเข้าไป มักเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางของขลัง ที่ผู้ขึ้นชกจะแนบใส่ไปในผ้าประเจียด เพื่อเสริมสร้างความกล้า และ ขวัญกำลังใจ

 

 

5. รอยสัก อยู่ยงคงกระพัน

จากคำสัมภาษณ์ของ คุณเขาทราย กาแล็คซี่ นักมวยไทยชื่อดังระดับโลก ที่เปิดใจในรายการ เปิดกรุลี้ลับ ว่าด้วยเรื่องของความเชื่อเสริมมงคล นักมวยก่อนขึ้นชก ทางช่อง Amarin TV ยังต้องพึ่งในเรื่องของความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะการสักยันต์น้ำมัน ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มือ หน้าอก แผ่นหลัง บนศีรษะ ที่ทำให้คุณเขาทรายมีที่ยึดเหนี่ยว ให้ใจสู้ ฮึกเหิม ทางจิตใจ

 

โดยสมัยโบราณ การสักยันต์ชนิดนี้ ผู้ที่ถูกสักจะเต็มไปด้วยศรัทธาที่แรงกล้า มีความเข้มแข็ง และเชื่อในปาฏิหาริย์ ในการตั้งปณิธานที่จะสืบสานศิลปะ แขนงแม่ไม้มวยไทย โดยยันต์ที่สัก จะมีการเสกเป่า เชิญครูบาอารย์ มาเป็นขวัญและกำลังใจสู่เจ้าของรอยสักนี้

 

6. พระเครื่อง

พระเครื่องนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ ที่นักมวยมักจะใช้อม เพื่อให้พระเครื่องนั่นปกป้องคุ้มครองตัวเอง ให้ได้ชัยชนะจากการชก ทว่าปัจจุบัน วิธีนี้อาจไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่รัก เพราะอาจเกิดอันตราย รวมถึงความทะมัดทะแมง ความคล่องคตัวในการเขยื้อนกาย ก็จะลดลงตามไปอีกด้วย

 

7. พิรอด

พิรอด หรือ เงื่อนพิรอด ทำจากกระดาษสา หรือ ถักด้วยหวาย ที่ผ่านการบริกรรม พิธีกรรมมาแล้ว จากนั้นผู้ทำพิธีจึงจะทำการลงรักปิดทอง ให้ใส้สวมต้นแขน หรือ ทำเป็นแหวนให้สวมใส่ที่นิ้วมือ ว่ากันว่า หากเป็นพิรอดรุ่นพิเศษ ชนิดแบบลิมิเตด อิดิชั่น อย่าง กำไลพิรอด ชนิดงู 2 ตัว ชนิดที่ว่าต้องกลืนหางกันเองเท่านั้นด้วยนะ ( ถ้าไม่ใช่คือของปลอมค่ะ ฮา ) จะทำให้ช่วยเสริมให้นักมวยมีพลังแข็งแกร่ง และเกิดปาฏิหาริย์ได้เช่นเดียวกับตะกรุด หรือพิสมร นับว่าเป็นของขลังวิเศษ ที่ปัจจุบันหาได้ยากแล้ว

 

8. ผ้ายันต์

นิยมนำมาทำเป็นเสื้อยันต์ โดยมีเกจิอาจารย์ มักเป็นผู้ลงยันต์อักขระ เพื่อให้นักมวยใช้สวมใส่ แต่ปัจจุบันเริ่มไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่นักมวยก็จะพกเป็นผ้ายันต์ ขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดเทียบเท่ากับผ้าเช็ดหน้า พกติดตัว จนกว่าจะถึงคราวขึ้นชกแทน

 

9. พิสมร

เครื่องรางของขลัง ที่ทำจากแผ่นโลหะ หรือ ใบลานรูปทรงสามเหลี่ยม แต่มีรูปร่างไม่กลมเหมือนกับตะกรุด แต่ก่อนที่ผู้ชกจะสวม พิสมรก็ต้องผ่านการทำพธีกรรม เสาเรียกครูบาอาจารย์มาให้ขวัญกำลังใจเช่นกัน

 

เรียกได้ว่า ของขลังแต่ละอย่าง ล้วนมีชื่อที่คุ้นหูต่อคุณผู้อ่านบ้างแหละ ความศรัทธา และความแรงกล้า เป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ช้าแต่...ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณด้วยนะคะ

 

 

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

 

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

 

 

มวย เทรนด์ใหม่วัยรุ่น

มวย เทรนด์ใหม่วัยรุ่น

เทรนด์วัยรุ่น ในสมัยปัจจุบันนี้ มีเทรนด์ที่เหล่ากลุ่มวัยรุ่นชอบทำหลากหลายอย่าง หลายกิจกรรม และหลายรูปแบบ ซึ่งอีกหนึ่งอย่าง ที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ก็คือ มวยไทย

 

ทำไมเมรนด์การต่อยมวย ถึงกำลังเป็นที่นิยม

นั้นก็เพราะว่า วัยรุ่นสมัยนี้ หันมาสนใจ หันมารู้จักการดูแลสุขภาพ ใส่ใจในความแข็งแรง ดูแลหุ่น ให้หล่อ ให้สวยกันมากยิ่งขึ้น วัยรุ่นในสมัยนี้ จึงนิยมที่จะออกกำลังกายกัน จะเห็นได้ชัดจากการที่ วัยรุ่นสมัยนี้  เวลาไปออกกำลังกาย ก็จะมีการถ่ายรูปตัวเองตอนออกกำลังกาย อัพลงในสื่อต่างๆ ทางโซเชียลมีเดีย กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็น ดารา นักแสดง นักร้อง ศิลปิน พวกเขาเหล่านี้ก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ทำไมเทรนด์การออกกำลังกายจะไม่เป็นที่นิยมหละ จริงไหม

 

แล้วยิ่งกระแสการต่อยมวย ชกมวย ของเหล่าซุปเปอร์สตาร์ ดารา ศิลปิน เซเลป ในตอนนี้เป็นกระแสที่นิยมมาก เนื่องจากการจัดการแข่งขัน ต่อยมวย ชกมวย ที่เกิดขึ้นรายการหนึ่ง ซึ่งเราคิดว่า ใครๆ ก็น่าจะรู้จักรายกการ ศึกชกมวยดัง ของเหล่าซุปเปอร์สตาร์ ที่จัดโดย พี่เจ เจตริน อย่างรายการ 10 fight 10 ที่มีมาแล้วถึง 2 season  การันตีความมันส์ ต่อยจริง เจ็บจริง ที่เห็นแล้ว สนุก ได้ใจคนดูอย่างเราๆ สุดๆ ไปเลย

 

พอทุกอย่างมันเป็นกระแส ที่ได้รับความนิยมขาดนี้แล้ว วัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ ยังไงก็ต้องขอเข้าเทรนด์ เพราะว่าไม่ใช่แค่จะเป็นการที่ เข้าเทรนด์ ทำตามกระแสอย่างเดียว ที่สำคัญ การออกกำลังกาย ยังไงมันก็ดีต่อสุขภาพจริงไหม เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจะมาบอกถึงหลักการ ในการที่จะเริ่ม เข้าเทรนด์ชกมวย เข้าวงการ การออกกำลังกาย แบบต่อยมวยกัน

 

หลักการแบบง่ายๆ สำหรับคนที่จะเริ่มต่อยมวย ชกมวย

- เตรียมตัวเองให้พร้อม

อันดับแรกเลย เราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อน ทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจ เพราะการต่อยมวย หรือชกมวยนั้น  ไม่ได้เหมือนการแล่นขายของในสมัยเด็กๆ ที่นั่งเล่นชิลๆ มุ้งมิ้งๆ น่ารักๆ แต่การออกกำลังกายโดยการต่อยมวย หรือชกมวยเนี่ย มันของจริง เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ถ้าเป็นไปได้ ควรมีความฟิต มีความแข็งแรง ถ้าเคยออกกำลังกายมาบ้างอยู่แล้ว ก็จะดีมาก ตาถ้าคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็อาจจะต้องเริ่มเบาๆ เริ่มคาร์ดิโอ ให้ร่างกายมีความพร้อมไว้ก่อนบ้าง และที่สำคัญ คือการเตรียมความพร้อม ทางด้านสภาพจิตใจ เพราะอย่างที่บอก ต่อยมวย ชกมวย มันเจ็บนะ นึกถึงคนต่อยกัน ชกกันสิ ใครบ้างไม่เจ็บ ถ้าใจคุณยังไม่ถึงพอแล้วละก็ ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบเข้าวงการนี้ หาเข้าวงการอื่นไปก่อน รอให้สภาพจิตใจคุณพร้อม ค่อยกลับมาเลือกเข้าวงการต่อยมวย ชกมวย ก็น่าจะดีกว่า

 

- เลือกหา สถานที่สำหรับการออกกำลังโดยการชกมวย ต่อยมวย

การเลือกหายิมดีๆ สักที่นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะต้องทำการหาข้อมูลดีๆ อันดับแรก คุณก็คงต้องเลือกหา ยิมมวย ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณมากนัก สามารถเดินทางไปออกกำลังกายได้อย่างสะดวก เพราะถ้ามันไกลเกินไป แพชชั่นในการออกกำลังกายของคุณก็อาจจะหมด ไม่มีกำลังใจในการไปออกกำลังกายก็ได้ ส่วนอีกเรื่องที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลยก็คือ ยิมมวยนั้น ต้องได้รับมาตรฐาน มีเทรนเนอร์ หรือครูสอนมวยที่ดี และเก่ง สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในการชกมวย ต่อยมวยได้ สามารถทำให้คุณได้ออกกำลังกายได้อย่างสนุก ภายในยิมมวยนั้น จะต้องมีอุปกรณ์สำหรับการฝึกมวยที่ครบถ้วน สะอาด และสามารถใช้งานได้อย่างมมีประสิทธิภาพ มีการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกมวยเป็นอย่างดี และท้ายที่สุด อีกหนึ่งปัจจัยหลัก คือ ราคาค่าใช้จ่าย ในการใช้บริการ ถ้าสถานที่ดี เทรนเนอร์ แต่ราคาไม่โอเค คุณก็คงไม่ไปใช่ไหม แต่ถ้าราคาสมเหตุสมผล มีโปรโมชั่นดีๆ ใครก็ต้องเลือก ซึ่งเราของแนะนำ ยิมเจริญทองมวยไทย รัชดา ที่มีทุกอย่างครบ จบตามที่มือใหม่อย่างเราต้องการ

 

- เตรียมอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมส่วนตัวของคุณ

อุปกรณ์ส่วนตัวในการฝึกซ้อม ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เพราะว่า อุปกรณ์บางอย่าง ไม่สามารถใช้ร่วมกันกับผู้อื่นได้ คุณจึงต้องหาข้อมูล สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกซ้อม เช่น ชุดที่คุณต้องงใส่ในการฝึกซ้อม จะต้องเลือกชุด ในเหมาะสมในการฝึกซ้อม หรือบางอาจจะชอบแฟชั่น ก็อาจจะหาเรฟจากข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ในการแต่งตัวมาฝึกซ้อมมวย และ นวม ฟันยาง ที่คุณควรจะต้องเลือกซื้อให้เหมาะสมกับขนาดของร่างกายของคุณ เช่นกัน

 

เมื่อทุกอย่างมันพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณ จะออกไปลุยได้แล้วแหละ คุณจะต้องคิดอยู่เสมอว่า การออกกำลังกาย ยังไงมันก็เหนื่อย แล้วยิ่งเป็นการออกกำลังกาย โดยการต่อยมวย หรือชกมวยนั้น ก็จะยิ่งทั้งเหนื่อย และเจ็บตัวแน่นอน แต่สิ่งที่คุณจะได้กลับมา คือ สุขภาพของตัวคุณเอง ความแข็งแรงของร่างกายคุณเอง ความฟิต ของตัวคุณเองทั้งนั้น ยังไงแล้ว มันก็คุ้มที่จะเหนื่อยแน่นอน

 

สุดท้ายนี้อยากจะฝากไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอะไร ไม่ว่าจะหนักหน่วงขนาดไหน ยังไงคุณก็ต้องมีสติ และอย่าประมาท ต้องนึกถึงเสมอว่า ตัวเราเองนั้นไหวแค่ไหน อะไรไม่ไหวก็พักก่อน อย่าเพิ่งฝืน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แล้วค่อยๆ เพิ่ม ให้มันดีขึ้น ไม่ต้องห้าว ไม่ต้องรีบร้อน เพราะไม่งั้น จากที่จะออกกำลังกาย แล้วได้สุขภาพที่ดี อาจจะเป็น ออกกำลังกาย แล้วบาดเจ็บได้

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ศาสตร์ไทยที่ไปไกลระดับโลก

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

มวยไทย ศาสตร์ไทยที่ไปไกลระดับโลก

มวยไทย ศาสตร์ไทยที่ไปไกลระดับโลก

ปัจจุบัน ศิลปะวัฒนธรรมไทยได้มีบทบาทในระดับโลก อย่างล่าสุด ก็เป็นเรื่องของโขนไทย ที่เพิ่งได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ แน่นอนว่า ในปีลำดับต่อไป หนึ่งในนั้นยังมีศิลปะมวยไทยด้วย

 

ศาสตร์ศิลป์มวยไทย

 

ศาสตร์มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ของไทย ที่รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสายมวยไชยา มวยลพบุรี มวยท่าเสามวยพระยาพิชัยดาบหัก และมวยพลศึกษา ล้วนมีเอกลักษณ์และท่วงท่าต่างกัน ตั้งแต่ลีลา กระบวนท่วงท่า การตั้งรับ การคาดเชือกที่มีกลิ่นอายเอกลักษณ์ ของความเป็นมวยสายนั้น ๆ

 

จนกลายเป็นว่า ตั้งแต่อดีต ที่เริ่มต้นจากการจับเวลา ด้วยการใช้กะลาจมน้ำ จนถึงในสมัยปัจจุบัน  ได้มีการจัดชกมวยไทย อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการพนัน การแข่งขัน หรือแม้แต่เป็นการชกแสดงต่อหน้านักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนทำให้มวยไทย เป็นหนึ่งในศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ชาวต่างชาติก็รู้จักและคุ้นตา ซึ่งสถานที่ใช้จัดการชก ที่เรารู้จักกันดี ก็จะเป็น สนามมวยราชดำเนิน หรือ มวยลุมพินี

 

ก็ลองสังเกตของที่ระลึก ที่เอาไว้ขายให้นักท่องเที่ยวดูก็ได้ ว่ามวยไทยมักถูกนำมานำเสนออยู่ในรูปแบบสินค้าที่จับต้องได้ ซึ่งมีการนำเสนอ ตั้งแต่กระบวนท่าแม่ไม้มวยไทย ไม่ว่าจะเป็น ท่าจระเข้ฟาดหาง หนุมานถวายแหวน อิเหนาแทงกฤช นาคาบิดหาง ผ่านรูปแบบผลิตภัณฑ์อย่าง พวงกุญแจ แม่เหล็กติดตู้เย็น หรือแม้แต่เสือ และกางเกงมวย

 

หรือ ภาพลักษณ์ของนักมวย ทีมีร่างกายกำยำ สวมคาดเชือก ให้อยู่ในรูปแบบของสินค้า ให้นักท่องเที่ยวจดจำ ที่มีให้เห็นตามร้านย่านท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเกิดเป็นธุรกิจโรงเรียนสอนมวยมากมายหลายแห่ง สำหรับผู้สนใจทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ

 

อีกภาพลักษณ์ของมวยไทย ที่ทำให้รู้จักไปทั้งโลก ก็มีการนำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ อย่างเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ที่มีการพูดถึงเรื่องของประวัติ พระเจ้าเสือ กษัตริย์ที่ช่ำชองเรื่องของมวยไทย หรือ นายขนมต้ม เชลยในสมัยอยุธยา ที่ถูกกวาดต้อนไปยังพม่า และได้เผยแพร่ศาสตร์มวยไทย ให้สายตาของชาวพม่ารามัญประจักษ์

 

หรือ แม้แต่ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น ที่โด่งดังอย่าง เก้าศาสตราที่มีการนำเสนอ กระบวนท่าแม่ไม้มวยไทย ผ่านฉากต่อสู้ของพระเอกอย่าง อ๊อด ได้อย่างน่าสนใจ และ นำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์ มวยไทย ที่นำเสนอผ่านสื่อ ก็มีผลที่ทำให้คนได้รู้จัก และสนใจศาสตร์ของแม่ไม้มวยไทย ได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นกัน

 

มวยไทย ในระดับโลก

 

มวยไทย ยังไปสู่ระดับสากลได้มากกว่านั้น จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยได้รับการสนใจ เมื่อเทียบการศิลปะอื่นของไทย เช่น ศิลปะการแสดงโขน แต่เมื่อกระแสโลกาภิวัตน์ตามช่วงสมัย ที่ทำให้มวยไทยออกสู่สายตาของชาวต่างชาติ จึงทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่อยากจะเรียนศาสตร์และศิลป์ของมวยไทย จนเกิดเป็นการสร้างรายได้ต่อครูมวย ที่สามารถต่อยอดไปถึงการทำธุรกิจโรงเรียนสอนต่อยมวยในต่างแดน

 

นั่น...จึงทำให้มวยไทย ออกสู่สากล และ ยังกลายเป็นเทรนด์กีฬาในกระแสโลก ที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง และกลายมาเป็นหนึ่งในกีฬาทางเลือก ของคนรักสุขภาพ ในการเบิร์นแคลอรี ลดน้ำหนัก หรือ การใช้เรี่ยวแรงในการออกกำลังกาย ให้ดีต่อสุขภาพ

 

มวยไทย สู่การนำเสนอต่อทะเบียนยูเนสโก 

 

จากประเด็นที่เป็นที่รับรู้ไปทั่วโลก ว่าการแสดงโขนไทยนั้น เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) อย่างเป็นทางการ ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา  โดยประเทศไทยของเราก็ไม่รอช้า ที่จะนำเสนอศาสตร์ศิลป์ไทย ทั้งหมดอีกสามแขนง ได้แก่ โนรา ผีตาโขน และ มวยไทย

 

ซึ่งแม้ว่าในด้านของกระทรวงวัฒนธรรม จะมีการแค่เปรย ในเรื่องของการนำเสนอ หรือ นำเสนออย่างจริงจัง ก็ตาม เพราะเมื่อดูแล้ว ไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อคราว การแสดงโขนไทยมากนัก แต่มวยไทย ก็เป็นอีกหนึ่งในแขนงศาสตร์ไทย ที่น่าจับตามองว่า จะถูกพิจารณาจากหลักเกณฑ์ และจะมีภาพรวมต่อองค์การระดับโลกอย่างไรบ้าง

 

มวยไทย VS มวยเขมร ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่

 

อย่างที่ชาวโซเชียลมีเดียรับรู้ว่า เมื่อคราวทั้งไทยกับเขมร ต่างได้ยื่นนำเสนอการแสดง โขนไทย กับ ละโคนโขลเขมร ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน จนเกิดเป็นวิวาทะเดือดพล่านอยู่พักใหญ่ ถือเป็นการรวมตัวกันของเกรียนคีย์บอร์ด ในการยกอ้างว่า โขนเป็นของใครกันแน่ ทั้งที่อิทธิพลจากการแสดง ก็ได้รับเป็นวัฒนธรรมร่วมจากอารยธรรมอินเดียเหมือนกัน

 

จนบทสรุปก็คือ โขนของแต่ละประเทศ ต่างก็ได้ขึ้นทะเบียนคนละประเภท โขนไทยได้ขึ้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในขณะที่ละโคนโขลเขมร ชื่อชุดว่า ละโครโขลคณะวัดสวายอัณแดตก็ได้ขึ้นทะเบียน จัดอยู่ในหมวดที่ต้องได้รับการอนุรักษ์ และฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน

 

แล้วหากลองพลิกจากการแสดงโขน มาเป็นมวยไทยดูบ้างล่ะ ผู้เขียนเองก็ตั้งประเด็นสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะจากที่ได้ลองไปสำรวจ มวยเขมรที่เรียกว่า โบกะดอร์ (Bokator)’ หรือ ประดัลเสรีก็มีความคล้ายกับมวยไทยในบางจุดอยู่ และไม่ใช่แค่นั้น ประเทศเพื่อนบ้าน ที่อยู่ข้างๆ ไทย อย่างลาว หรือ พม่า (ความจริงแล้วเป็นมวยของมอญ ที่ชื่อว่า ราไวย์ เป็นมวยที่ไม่มีเชิง ค่อนข้างไม่มีกระบวนท่าเป็นเรื่องเป็นราว ไม่เหมือนกับมวยไทย ที่ดูเป็นเรื่องเป็นราวกว่า และ มวยบันโด ของไทยใหญ่) ก็มีศาสตร์ศิลป์ กระบวนท่า หรือแม้แต่ภาพรวม ที่คล้ายกับมวยไทยของเราอยู่

 

หากเทียบเท่ากับประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือการที่องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ ศิลปะมวยไทเก๊ก หรือ มวยไท่จี๋ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เหมือนกัน ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า การที่ไทยได้เสนอมวยไทยต่อองค์การยูเนสโกนั้น จะได้รับการขึ้นทะเบียน และอยู่ในหมวดประเภทเดียวกัน เหมือนกับเมื่อคราวการแสดงโขน หรือไม่

 

ซึ่งหากมองในมุมมองเดียว กับเมื่อครั้งขึ้นทะเบียนการแสดงโขนเมื่อปีก่อนแล้วนั้น ทางคณะกรรมการของยูเนสโก ก็ต้องอาจจะต้องพิจารณาองค์ประกอบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเรื่องของประวัติความเป็นมา การต่อยอด พัฒนา ว่ามวยไทยนั้น มีองค์รวม องค์ประกอบในเกณฑ์ที่เหมาะสม ในการขึ้นเป็นมรดกวัฒนธรรมในรูปแบบใด เพื่อนำไปสู่การจัดการ และการประกาศต่อโลกว่า มวยไทย จะได้รับการแต่งตั้งอยู่ในหมวดประเภทใด

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

 

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

5 สายเด็ด แม่ไม้มวยไทย

มวยไทยมีหลักพื้นฐานเดียวกัน คือ การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และศีรษะ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นได้มีการพัฒนาความสามารถและความถนัดในเชิงมวยที่แตกต่างกันออกไป และได้มีการเปรียบเปรยความสามารถเชิงมวยของท้องถิ่นต่าง ๆ ออกเป็น 5 สาย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

 

1. มวยลพบุรี

          มวยลพบุรีนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคกลาง เอกลักษณ์ของมวยลพบุรี คือ เป็นมวยที่ชกฉลาด มีการรุกรับที่คล่องแคล่วว่องไว ต่อยหมัดตรงแม่นยำ เรียกว่า “มวยเกี้ยว” หมายถึง มวยที่ใช้ชั้นเชิงเข้าทำคู่ต่อสู้ โดยใช้กลลวงมากมาย เคลื่อนตัวอยู่เสมอ หลอกล่อ หลบหลีกได้ดี สายตาดี รุกรับและออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอกได้อย่างรวดเร็ว สมกับฉายา “ฉลาดลพบุรี” และเอกลักษณ์อีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มีการพันมือครึ่งแขน แต่ที่แปลกและเด่นกว่ามวยสายอื่น ๆ คือ การพันคาดทับข้อเท้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมวยลพบุรี

          ในส่วนของกระบวนท่าของมวยไทยสายลพบุรีนั้น พบว่า มีด้วยกัน 16 กระบวนท่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ผสมกลมกลืนจากการหล่อหลอมและเลียนแบบท่าทางของสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง และ ช้าง ที่มีอยู่มากในเมืองลพบุรี และครูมวย นักมวยไทยสายลพบุรีที่ควรรู้จัก ได้แก่ ครูดั้ง ตาแดง, ครูนวล หมื่นมือแม่นหมัด, นายซิว อกเพชร, นายแอ ประจำการ, นายเย็น อบทอง, นายเพิก ฮวบสกุล, นายจันทร์ บัวทอง, นายชาญ ศิวา-รักษ์, นายสมทรง แก้วเกิด และครูประดิษฐ์ เล็กคง ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับได้ว่าเป็น มวยไทยสายลพบุรี เป็นประวัติศาสตร์ของมวยไทย ที่เป็นมวยท้องถิ่นที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรสยาม มีอายุถึง 1,356 ปี มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมาเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี

          การแข่งขันมวยไทยสายลพบุรี มีกติกาการชก กำหนด 5 ยก โดยใช้ยกเวียน การหมดยกใช้กะลาเจาะรูใส่ในโหล เมื่อกะลาจมน้ำถือว่าหมดยก การต่อสู้ใช้อวัยวะได้ทุกส่วนของร่างกาย การเปรียบมวยอยู่ที่ความสมัครใจของผู้ชก ไม่เกี่ยงน้ำหนักหรืออายุ การไหว้ครูเหมือนการไหว้ครูสายอื่น ๆ โดยทั่วไป

 

2. มวยโคราช

          มวยโคราชนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคอีสาน เอกลักษณ์ของมวยโคราช คือ สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ สวมมงคลที่ศีรษะขณะชก มีการพันหมัดแบบคาดเชือกตั้งแต่หมัดขึ้นไปจรดข้อศอก เพราะมวยโคราช เป็นมวยชกหมัดวงกว้างหนักหน่วง ที่เรียกว่า “หมัดเหวี่ยงควาย”  สมกับฉายา “หมัดหนักโคราช” ซึ่งการพันเชือกเช่นนี้เพื่อป้องกันการเตะ ต่อยนั่นเอง

          ในส่วนของกระบวนท่าของมวยไทยสายโคราชนั้น พบว่า มีการฝึกตามขั้นตอน และเมื่อเกิดความคล่องแคล่วจะทำพิธียกครู แล้วให้ย่างสามขุมและฝึกท่าอยู่กับที่ 5 ท่า ท่าเคลื่อนที่ 5 ท่า ท่าฝึกลูกไม้แก้ทางมวย 11 ท่า ฝึกท่าแม่ไม้สำคัญ ซึ่งได้แก่ ท่าแม่ไม้ครู 5 ท่า ท่าแม่ไม้สำคัญโบราณ 21 ท่า

          วิธีจัดการชกมวยโคราช นิยมจัดชกในงานศพที่ลานวัด ในเรื่องของการเปรียบมวยจะให้ทหารตีฆ้องไปตามหมู่บ้านแล้วร้องบอกให้ทราบโดยทั่วกัน และเมื่อเปรียบได้แล้วให้นักมวยมาชกประลองฝีมือกันก่อน หากฝีมือทัดเทียมกันก็ให้ชกแล้วนัดวันมาชก ซึ่งในการเปรียบมวยโคราช ไม่มีกฎกติกาที่แน่นอน หากพอใจก็ชกกันได้ ส่วนรางวัลการแข่งขันจะเป็นสิ่งของเงินทอง แต่หากเป็นการชกหน้าพระที่นั่ง รางวัลที่ได้รับจะเป็นหัวเสือและสร้อยเงิน

          ในสมัยรัชกาลที่ 5 – 6 มวยไทยโคราช เป็นช่วงที่มวยคาดเชือกรุ่งเรือง มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ นักมวยฝีมือดี ได้แก่ นายแดง ไทยประเสริฐ หรือ “หมื่นชงัดเชิงชก”, ครูบัว  นิลอาชา (วัดอิ่ม), นายทับ จำเกาะ, นายยัง หาญทะเล, นายตู้ ไทยประเสริฐ, นายพูน  ศักดา เป็นต้น

 

3. มวยไชยา

          มวยไชยานั้น ถือเป็นมวยไทยภาคใต้ เป็นศิลปะมวยประจำถิ่นอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เอกลักษณ์ของมวยไชยา มีอยู่ 7 ด้าน การตั้งท่ามวยหรือการจดมวย ท่าครูหรือท่าย่างสามขุม การไหว้ครูร่ายรำ การพันมือแบบคาดเชือก การแต่งกาย การฝึกซ้อมมวยไชยา และแม่ไม้มวยไชยา

          กระบวนท่าของมวยไชยามีทั้งหมด 5 ชุด คือ แม่ไม้มวยไทยไชยา 7 ท่า ได้แก่ ปั้นหมัด พันแขน พันหมัด กระโดดตบศอก พันหมัดพลิกเหลี่ยม เต้นแร้งเต้นกา ย่างสามขุม ท่าที่สำคัญคือท่า “เสือลากหาง” เคล็ดมวยไชยาการป้องกันตัว และจะเป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ “ป้อง ปัด ปิด เปิด” และนอกจากการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แล้วยังมีวิชาการต่อสู้เช่น การ “ทุ่ม ทับ จับ หัก” อีกด้วย ซึ่งสมกับฉายา “ท่าดีไชยา” นั่นเอง และมวยไชยาจะคาดเชือกแค่ข้อมือเท่านั้น

 

 

 

4. มวยท่าเสาและพระยาพิชัย

           มวยท่าเสา ถือเป็นมวยไทยภาคเหนือ แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ากำเนิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นครูมวยคนแรก แต่จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ทำให้ทราบว่าครูมวยไทยสายท่าเสาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ครูเมฆ เอกลักษณ์ของมวยท่าเสา คือ การจดมวยกว้างและให้น้ำหนักตัวไปทางด้านหลัง เท้าหน้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ทำให้ออกมวยได้ไกล รวดเร็ว และรุนแรง สมกับฉายา “ไวกว่าท่าเสา” ส่วนกลยุทธ์มวยพระยาพิชัยดาบหักเป็นทั้งมวยอ่อนและแข็ง สามารถรุกรับตามสถานการณ์ รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและคู่ต่อสู้

           ครูมวยท่าเสาที่มีความสามารถ ได้แก่ ครูเมฆ, นายทองดี ฟันขาว, ครูเอี่ยม, ครูเอม, ครูอัด คงเกตุ, ครูโต๊ะ, ครูโพล้ง, ครูฤทธิ์, ครูแพ, ครูพลอย, นายประพันธ์ เลี้ยงประเสริฐ, นายเต่า คำฮ่อ (เชียงใหม่) และนายศรี ชัยมงคล

           กระบวนท่าของมวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัยนั้น พบว่า มีกระบวนท่าการชก 15 ไม้ การเตะ 10 ไม้ การถีบ 10 ไม้ การตีเข่า 10 ไม้ และการศอก 10 ไม้ ส่วนในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัย ต้องมีการขึ้นครูหรือยกครู การไหว้ครูประจำปี การครอบครู และการรำไหว้ครูก่อนชก

           เมื่อครูที่มีชื่อเสียงทั้งหลายเริ่มถึงแก่กรรม ทำให้มวยไทยสายท่าเสาได้ลดบทบาทลง และมีมวยสายอื่น ๆ เข้ามามากขึ้น มวยไทยสายครูเมฆแห่งท่าเสาเริ่มถูกลบเลือนไป เอกลักษณ์ของมวยสายท่าเสาอาจจะสูญสิ้นไปหากไม่มีการอนุรักษ์มวย “ลาวแกมไทย ตีนไวเหมือนหมา” เอาไว้

 

5. มวยพลศึกษา

          มวยพลศึกษา ได้ก่อกำเนิดมาพร้อมกับการจัดตั้งสามัคยาจารย์สมาคม เพื่อจัดเป็นสถานที่การออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และได้มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปรมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชามวยไทยสายพลศึกษาที่มีชื่อเสียงคือ อาจารย์สุนทร ทวีสิทธิ์ หรือ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญหมัด ซึ่งศึกษามาจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ซึ่งได้ทรงศึกษาการชกมวยสากลของประเทศไทย จนได้ชื่อว่าเป็นบิดามวยสากลของประเทศไทย นอกจากหมัดแล้วยังเน้นความเร็ว จังหวะเข้า- ออกที่คล่องแคล่วว่องไว เรียกได้ว่ามวยพลศึกษาเป็นมวยครบเครื่อง สมกับฉายา “ครบเครื่องพลศึกษา”

          เอกลักษณ์ของมวยไทยสายพลศึกษา พบว่า มีทั้งหมด 3 ด้าน คือ เอกลักษณ์ด้านการแต่งกาย เอกลักษณ์ด้านการไหว้ครูและร่ายรำมวยไทย เอกลักษณ์ด้านการเรียนการสอน ส่วนในเรื่องของกระบวนท่าของมวยไทยสายพลศึกษา จะประกอบไปด้วย กลวิธีการใช้หมัด กลวิธีการใช้เท้า กลวิธีการใช้เข่า กลวิธีการใช้ศอก แม่ไม้มวยไทย และลูกไม้มวยไทย ในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทย จะมีพิธีการขึ้นครูหรือการยกครู พิธีการไหว้ครู และเครื่องดนตรีประกอบ

          ด้วยความที่มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณซึ่งแบ่งออกเป็น 5 สาย คือ มวยไทยสายไชยา มวยไทยสายโคราช มวยไทยสายลพบุรี มวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัย และมวยไทยสายพลศึกษา แต่ละสายมีทั้งเอกลักษณ์ กระบวนท่า ระเบียบประเพณี และวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองเป็นเอกลักษณ์ของไทยสืบต่อไป

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

ความเป็นมาของเวทีมวย

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

ออกกำลังกายแบบนักมวย

ออกกำลังกายแบบนักมวย

เชื่อว่าหลายๆคน ก็เริ่มที่จะหันมาออกกำลังกายกัน ยิ่งในช่วงที่โควิดกลับมาระบาดในบ้านเราอีกครั้งเป็นรอบที่สองแล้วด้วย หลายๆคนคงรู้สึกเบื่อ เลยหันมาออกกำลังเพื่อดูแลสุขภาพกันดีกว่า

 

แต่จะเลือกออกกำลังกายแบบไหนดี นี่สิประเด็นหลัก บางคนไม่เคยออกกำลังกายเลย อาจจะไม่คุ้นชินหรือไม่มีความรู้ทางด้านในการออกกำลังกายเลย ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนยังไง หรือไม่รู้จะเลือกอะไรดี

 

วันนี้เรามีการออกกำลังแบบนักมวยมาฝากกัน เผื่อไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการออกกำลังกายของคุณ

ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย

 

ท่า Shoulder Presses

ในการแข่งขันกีฬามวยไทย ( Muay Thai ) นั้น หัวไหล่ที่แข็งแรง นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ ในการชกเนื่องจากว่ากล้ามเนื้อมัดนั้นเป้นส่วนสำคัญที่ใช้ในการใช้ปล่อยหมัดออกไปและยังช่วยเป็นการ์ดป้องกันจากการโจมตีของคู่ต่อสู้

 

ดังนั้นในท่า Shoulder Presses จะเป็นท่าเคล็ดลับในการสร้างกล้ามเนื้อของหัวไหล่อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลักก็คือ ดัมเบล แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ สามารถใช้ขวด จับให้มั่นคงจากนั้นดันพื้น และลง อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับท่าบริหารร่างกายส่วนบนอื่นก็จะทำให้คุณมีหัวไหล่ที่สวยงามราวและแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

 

ท่า Clap Press-Up

อีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ใช้ได้ผลจริง และยังทำได้บ่อยครั้งตามใจต้องการอีกด้วย นั่นคือ Clap Press-Up โดยวิธีการก็แสนง่าย เพียงคุณใช้กำลังของมวลกล้ามเนื้อของร่างกายส่วนบนออกมาให้หนัก ท่านี้ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความเข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่มันยังช่วยมันยังช่วยปรับสัดส่วนของ Body Balance ซึ่งเป็นสิ่งที่นักมวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นสำหรับนักมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกคนด้วย

 

ท่า Plank

เป็นหนึ่งในท่าที่ดูธรรมดา ๆ แต่ต้องบอกว่าหินมากกับการที่จะทำให้แกร่ง นับเป็นที่ทรมานที่สุดเนื่องจากต้องอาศัยความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อแทบจะทุกส่วนเพื่อที่จะสามารถทำท่า Plank ให้แกร่งและนาน อย่างไรก็ตามในการออกกำลังกายต้องออกอย่างเหมาะสม และคู่ไปกับท่า Crunches และ Sit Up จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ให้กลับร่างกายและช่วยให้หมัดหนักขึ้นอีกด้วย

 

ท่า Skipping

ในการชกมวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากการชกแล้วก็ยังคงอาศัยความเร็วเพื่อนที่จะหลบหลีกหมัดของคู่ต่อสู้ที่ปล่อยออกมาดังนั้นความว่องไวของ Foot work การที่จะเพิ่มขีดความสามารถตรงจุดนี้สามารถทำได้โดยการเล่นท่าSkipping ใช้เพียงเชือก และที่โล่ง เท่านั้นคุณก็สามารถทำได้แล้ว Skipping ก็เป็นปัจจัยหลักของท่าฝึกฝนการเป็นมวยไทย ( Muay Thai ) อาชีพที่ใช้ แถมยังเป็นทำที่ใช้รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมออีกด้วย

 

ท่า Push Ups

ในส่วนของท่านี้ ค่อนข้างที่จะยากสำหรับคนที่ไม่เคยหรือไม่ค่อยได้ออกกำลัง “ Push Ups ” น่าจะเป็นอุปสรรคในช่วงแรก เพียงแค่คุณตั้งใจและพร้อมที่จะเปลี่ยนตัววเอง ท่าง่ายๆท่านี้คง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอาจจะเริ่มจาก ทำที่ละน้อย ๆ ครั้ง แล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะท่านี้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อหลายส่วน หัวไหล่ แผงอก จะเป็นที่นิยมของนักมวยไทย ( Muay Thai ) ทุกคน ถ้าหากมีเวลาว่าง เราก็ควรที่จะPush Ups เป็นประจำทุกวัน

 

ท่า Sit-Ups

ท่าเบสิคที่หลายไคนน่าจะรู้จักดี แต่พื้นฐานของท่านี้ที่เป็นหัวใจหลักของความเข็งแรงของนักมวยไทย ( Muay Thai ) ระดับโลกหลายๆคน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้องส่วนกลาง และมันจะสร้างความมั่นใจของนักมวยไทย ( Muay Thai ) ที่จะไม่ต้องค่อยพะวงกับการลดการ์ดลงป้องกันลำตัว และเพิ่มโอกาสเดินหน้าแลกหมดแบบไม่กลัว

 

ท่า Squats

ท่านี้เสริมความแกร่งในช่วงล่วง ซึ่งสำคัญมากกับการเคลื่อนไหวและความมั่นคงกับการยืน นักมวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดีจะต้องมีการยืนที่มั่นคง เพื่อเข้าวงในใช้เทคนิคต่างๆ ในการจัดการคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา ในการ Squats จะช่วยเพิ่มความเข็งแรงและว่องไว และยังเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต้นขาด้านหน้า-หลัง

 

การใช้ Squats และออกกำลังกายที่ใช้ส่วนสะโพกอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณช่วงล่างที่มั่นคงและแข็งแรงไม่แพ้ใครแน่นอน

 

ท่า Shadow Boxing

Shadow Boxing  เรียกง่ายๆเป็นการเคลื่อนไหวตลอดเวลา นับเป็นการสร้างเทคนิคการชกที่ดีที่สุดในการฝึกซ้อม รวมไปถึงการรักษาน้ำหนักความความฟิตของร่างกาย ในการทำ Shadow Boxing เรานั้นสามารถทำได้ในทุกสถานที่ แต่จะมีสถานที่นึงที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ “ในบ่อทรายหรือชายหาด ”  เนื่องจากเทคนิคนี้นักมวยไทย ( Muay Thai ) ได้เริ่มเรียนรู้เทคนิค จากการที่ดูนักฟุตบอลที่เล่นตามชายหาด ซึ่งทรายจะช่วยยึดเหนี่ยวช่วงล่างของลำตัวเราไว้ ทำให้ขยับลำตัวช่วงบนของเราได้อย่างอิสระระหว่างที่ทำอยู่ ดังนั้นมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เทคนิคและการชกได้ดียิ่งขึ้น

 

ท่า Chin Ups

ที่ขาดไม่ได้ไม่ได้เลยในการฟิตร่างกายช่วงบน หากท่านใดต้องการจะมีร่างกายช่วงบนที่แข็งแรงและสมส่วน  เน้นไปที่การเล่นท่า Chin up เพราะท่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ช่วงแขน อก และหัวไหล่ ในท่าเดียว

  

ท่า Burpees

ท่าที่ขึ้นชื่อเรื่องความ ยากและเหนื่อยแทบขาดใจ และ Burpee ยังคงเป็นท่าที่ยากที่สุดใน 10 ท่าที่กล่าวมา แต่ท่านี้ช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ และเป็นเห็นผลดีที่สุดของการออกกำลังกาย เป็นการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่ส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกายหากใครที่อยากจะมีรูปร่างที่สมส่วนอลองท่านี้เลย “Burpee” ต้องออกให้ถูกต้อง ลองดูท่าที่ถูกต้องในวิดีโอที่ถูกต้องใน Youtube ได้เลย ไม่ยากอย่างที่คิด

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

เคล็ดไม่ลับ มวยไทย

ความเป็นมาของเวทีมวย

ความเป็นมาของเวทีมวย

ความเป็นมาของเวทีมวย

 

มวยไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย  ปัจจุบันนี้  ใคร ๆ ก็นิยมฝึกมวยไทย และยังเป็นการออกกำลังกายยอดฮิตของคนทำงานในยุคนี้ด้วย  มวยไทยนั้นก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน  และน่าสนใจ  แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง  ที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับมวยไทยเช่นกัน นั่นก็คือ  เวทีมวย  เราจะพาทุกคนไปดูเรื่องราวของเวทีมวยกัน

 

ประวัติสนามมวยเวทีราชดำเนิน

อดีตนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม  มีคำสั่งให้สร้างสนามมวยบนถนนราชดำเนินในปี พ.ศ. 2484 คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายเวนคืนที่ดิน  และแจ้งไปยังบรรดาเจ้าของที่ดินตามแนวถนนราชดำเนิน  เพื่อที่รัฐบาลจะได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ให้เป็นไปตามผังเมืองที่กำหนดไว้  สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้รับการมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการนี้  ในเบื้องต้นได้มีการกำหนดให้สร้างสนามมวย ณ บริเวณสนามมิสกวัน  มุมถนนพิษณุโลกและถนนราชดำเนินนอก  ต่อมาได้มีการพิจารณาให้เปลี่ยนจากสถานที่ที่กำหนดไว้แต่เดิม  มาเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบัน  เนื่องจากสถานที่เดิมมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับสนามมวย  ปัจจุบันนามมวยยังคงตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินนอก  ตัดกับถนนพะเนียง  ตรงข้ามกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

บริษัทอิมเพรซี่ อิตาเลี่ยน ออล เฮ็สเตโร – โอเรียนเต เป็นผู้ทำสัญญาก่อสร้างสนามในปี พ.ศ. 2484 โครงการได้เริ่มขึ้น  โดยมีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 1 มีนาคม  โครงการต้องหยุดชะงักในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากขาดแคลนวัสดุก่อสร้าง  ในปี พ.ศ. 2487 นายปราโมทย์ พึงสุนทร  ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ  ในขณะนั้น  ได้นำโครงการก่อสร้างสนามมวยเข้าสู่วงการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง  ท่านได้นำเสนอแผนงานต่อท่านผู้อำนวยการฯ พ.อ. สุวรรณ เพ็ญจันทร์  ซึ่งเห็นชอบ  และมีคำสั่งให้ดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จต่อไป

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง  การก่อสร้างที่ค้างอยู่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิหาคม พ.ศ. 2488 และกินเวลาสี่เดือนจึงจะแล้วเสร็จ  และในที่สุดสนามมวยแห่งชาติ  ก็พร้อมสำหรับการแข่งขันนัดแรกในวันที่ 23 ธันวาคม  โดยมีนายปราโมทย์ พึงสุนทร  เป็นผู้จัดการสนามมวยหรือนายสนามมวย  และท่านได้ดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งเกษียรตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ  ในปี พ.ศ. 2490

นายประหลาด อิศรากูล  ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ  ในขณะนั้นเข้ารับหน้าที่แทนนายปราโมทย์  และดำรงตำแหน่งผู้จัดการสนามมวยอยู่นานสองปี  จากนั้นนายเชี่ยวสกุลก็ได้เข้ามารับหน้าที่แทน

นายเฉลิมเล็งเห็นถึงปัญหาและความไม่สะดวกนานาประการในการจัดการแข่งขันมวยในที่แจ้ง  จึงเสนอให้สร้างหลังคาคลุมพื้นที่ทั้งหมด  ม.ล. ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯในขณะนั้นเห็นชอบและมอบให้ บริษัทคริสตินี นีลสัน (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างหลังคา  พร้อมทั้งต่อเติมที่นั่งให้มากขึ้น  ทำให้สนามมวยแห่งนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นสนามมวยได้มารฐานในปี พ.ศ. 2494

ตลอดระยะเวลา 7 ปี  ภายใต้การดำเนินงานของสำนักทรัพย์สินฯ  สนามมวยราชดำเนินประสบกับการขาดทุนมาโดยตลอด  สำนักทรัพย์สินฯ  จึงมีแผนที่จะวางมือ  และเสนอให้องค์กรเอกชนเช่าสถานที่  และดำเนินกิจการกันเอง (โดยมีเงื่อนไขว่าองค์กรดังกล่าวต้องมีคนไทยเป็นเจ้าของ)  นายเฉลิม  ซึ่งยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการสนามมวยอยู่ในขณะนั้น  มีความเห็นว่าไม่เหมาะสม  ที่จะให้องค์กรหรือบุคคลนอกจากวงการมวยมาบริหารและดำเนินกิจการสนามมวย  จึงขออนุมัติจากสำนักงานทรัพย์สินฯ  ให้ตนเป็นผู้ดำเนินกิจการสนามมวย  และได้ก่อตั้งบริษัทราชดำเนิน จำกัด  ขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2496

ตั้งแต่เริ่มกิจการ บริษัท ราชดำเนิน จำกัด  ได้จัดการแข่งขันมวย ณ เวทีสนามมวยราชดำเนินมาตลอด  และได้ทำการขยายและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค  คลอดจนพัฒนามวยอย่างต่อเนื่อง  จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นสนามมวยที่มีชื่อเสียงในระดับสากล  และเป็นสถาบันมวยไทยแห่งหนึ่งในประเทศไทย 

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ สนอง คูณมี

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

เคล็ดไม่ลับ มวยไทย

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

วิวัฒนาการของมวยไทย ในแต่ละสมัย

 

มวยไทย มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก มวยไทยนั้นมีความสำคัญต่อประเทศไทยเราเป็นอย่างมาก ในสมัยก่อน ผู้ชายทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ เจ้านาย ขุนนาง ทหาร หรือสามัญชน จะได้รับการฝึกมวยไว้เพื่อป้องกันตัวและปกป้องประเทศชาติ การนำท่ามวยมาประกอบกับการใช้อาวุธ จะทำให้การใช้อาวุธนั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

วิวัฒนาการของมวยไทย

สมัยอาณาจักรน่านเจ้า

พ.ศ. 1219  พระเจ้าพีล่อโก๊ะ  ได้รวบรวมอาณาจักรไทยขึ้น  เรียกว่า  อาณาจักรน่านเจ้า  และมีกษัตริย์ที่แข็มแข็งปกครองอยู่  ไทยนั้นต้องทำสงครามกับจีนอยู่ตลอดเวลา  บางครั้งเกิดมิตร  บางครั้งเกิดศัตรู  ในสมัยนั้นได้มีการฝึกซ้อมใช้อาวุธบนหลังม้า  รู้จักใช้หอก  ใช้ง้าว  ในสมัยล้านนา  ไทยได้มีวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว  และวิชาเจิ้ง  การรบเพลงอาวุธ  และตำราพืชัยสงคราม  จัสังเกตุได้ว่า  การต่อสู้ในสมัยนี้  ส่วนมากจะใช้อาวุธ  เพราะเป็นการต่อสู้เพื่อเอกราช  การต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็มีอยู่บ้าง  แต่ส่วนมากจะใช้ในระยะประชิดตัว  และนิยมการเลียนแบบจากจีน

 

สมัยกรุงสุโขทัย

พ.ศ. 1781 – 1921  ในสมัยสุโขทัยนี้  การต่อสู้มือเปล่าด้วยวิชามวย  ใช้ในการต่อสู้กับข้าศึก  และใช้ร่วมกับอาวุธมือถือชนิดต่าง ๆ เพื่อการกอบกู้ประเทศชาติ  สถานที่ ที่เป็นสำนักสอนวิชามวยไทย  แบ่งออกเป็น

  • วัด  จากครูบาอาจารย์ที่บวชเป็นพระภิกษุ  และมีฝีมือในการต่อสู้
  • บ้าน จากผู้ที่มีความรู้  เป็นคนถ่ายทอดวิชามวยไทยให้ลูกหลานที่สนใจ
  • สำนักราชบัณฑิตให้เรียนวิชาการต่อสู้  การใช้อาวุธบนหลังม้า  วัว  ควาย

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา

พ.ศ. 1893 – 2310  สมัยนี้มีการถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ มาจากสมัยสุโขทัยอย่างต่อเนื่อง  เช่น  การล่าสัตว์  การคล้องช้าง  การฟ้อนรำ  และการละเล่นต่าง ๆ และวัด  ก็ยังคงเป็นสถานที่ให้ความรู้  ทั้งวิชาสามัญ  และฝึกความชำนาญในเชิงดาบ  กระบี่กระบอง  กริช  มวยไทย  และยิงธนู  เป็นต้น

พ.ศ. 2174 – 2233  สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  นับว่าเจริญที่สุด  มีกีฬาหลายอย่างในสมัยนี้  เช่น  การแข่งเรือ  การชกมวย

 

สมัยพระเจ้าเสือ  หรือขุนหลวงสรศักดิ์

พระองค์ทรงโปรดกีฬาชกมวยมาก  มีครั้งหนึ่ง  พระองค์พร้อมด้วยมหาดเล็กอีก 4 คน  แต่งกายแบบชาวบ้าน  ออกไปเที่ยวงานมหรศพที่ตำบลราดรวด  แล้วพระองค์ก็สมัครชกมวยในงานนั้น  ในนามว่า  นายเดื่อ  โดยไม่เกี่ยงว่าคู่ชกจะเป็นใคร  พอทางสนามรู้ว่าพระองค์เป็นนักมวยมาจากอยุธยา  จึงได้จัดนักมวยฝีมือดีจากเมืองวิเศษไชยชาญที่มีอยู่  ได้แก่  นายกลางหมัดมวย  นายใหญ่หมัดเล็ก  นายเล็กหมัดหนัง  มาชกกับพระเจ้าเสือ  แล้วพระองค์ก็ชนะทั้งสามคน

พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก  คนไทยจำนวนมากถูกจับไปเป็นเชลย  และเมื่อไปถึงพม่าก็จัดมหาเจดีย์ใหญ่เพื่อฉลองชัยชนะ  สุกี้พระนายกองก็ได้คัดเลือกนายขนมต้มไปชกมวยที่พม่าด้วย  นายขนมต้มได้ใช่วิชามวยไทยต่อสู้กับพม่าถึง 10 คน  และพม่าได้แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน  จนพระเจ้ากรุงอังวะตรัดชมเชยว่า  คนไทยแม้ไม่มีอาวุธในมือ  มีเพียงมือเปล่า  ก็ยังมีพิษสงรอบตัว  เสร็จแล้วพระเจ้ากรุงอังวะก็ได้มอบเงินและภรรยาให้สองคน  เป็นรางวัลแก่นายขนมต้ม  นายขนมต้มได้เปรียบเสมือนบิดาผู้สอนมวยไทย  ชื่อเสียงได้เลื่องลือมาถึงปัจจุบัน 

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  มวยไทยชกกันด้วยการคาดเชือก  เรียกว่า  มวยคาดเชือก  ซึ่งใช้เชือกหรือผ้ามาพันมือเอาไว้  บางครั้งที่ชกก็อาจทำให้ถึงตายได้  เพราะเชือกที่คาดมือนั้น  บางครั้งก็ใช้นำมันชุดเศษแก้วละเอียด  ไม่ว่าจะชกไปตรงไหนก็ได้เลือดทั้งนั้น  จะเห็นได้ว่าการชกมวยสมัยนี้อันตรายมาก ๆ

 

สมัยกรุงธนบุรี

พ.ศ. 2314 พม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่  และตีเมืองพิชัย  พระยาพิชัย (นายทองดี ฟันขาว) บุคคลที่พระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตาก) ได้โปรดให้ครองเมืองพิชัยอยู่นั้น  ได้นำทัพออกไปต่อสู้กับพวกพม่าจนดาบหัก  แต่ก็สามารถปกป้องเมืองพิชัยเอาไว้ได้  ประชาชนจึงเรียกเขาว่า  พระยาพิชัยดาบหัก  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เรื่องราวของพระยาพิชัยดาบหัก  ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์  ก่อนกรุงแตกเป็นยุคสงครามกับพม่า  มีหนุ่มชาวบ้านหัวยคาเมืองพิชัย  หรืออุตรดิตถ์  ชื่อนายจ้อย  หรือนายทองดี ฟันขาว  เป็นคนที่สนใจในวิชาเพลงมวย  เที่ยวเสาะแสวงหาวิชาไปตามสำนักต่าง ๆ จนมีฝีมือพอตัว  จึงเที่ยวเปรียบหาคู่ชกจนมีชื่อเสียงโด่งดัง  และได้ฝากตัวอยู่กับพระยาตาก  ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากสินมหาราช  ที่ได้ทรงแต่งตั้งนายทองดี  ให้ไปครองเมืองพิชัย  และมีความชอบได้เป็นถึงพระยาพิชัย  ในเวลาแม้กระทั่งในตระกูลของพระยาพิชัยดาบหัก  เมื่อรับราชการมาจนถึงรัชการที่ 6 ก็ได้พระราชทานนามสกุลว่า วิชัยขัทคะ  แปลว่า  ดาบวิเศษของพระยาพิชัย  สมัยกรุงรัตนโกสินทร์  มีการเล่นกีฬามวยไทย  กระบี่กระบอง  แข่งเรือ  ว่าว  ตะกร้อ  หมากรุก  ชักคะเย่อ

 

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

พ.ศ. 2325 ในระยะต้น  รัชการที่ 1 – 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  กษัตริย์ไทยที่ทรงโปรดปรานกีฬามาก ๆ คือ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  ทรงโปรดกีฬามวยไทยอย่างต่อเนื่อง  ในสมัยนี้  ได้มีฝรั่งสองพี่น้องเข้ามาหาคู่ชกมวยแบบมีเดิมพัน  พระองค์ได้จัดส่งหมื่นผลาญ  นักมวยผู้เก่งกาจขึ้นชกกับฝรั่งสองพี่น้อง  แม้หมื่นผลาญจะมีร่างเล็กเสียเปรียบพวกฝรั่งอยู่มาก  แต่ด้วยศิลปะมวยไทย  อาวุธหมัด  เท้า  เข่า  ศอก  ฝรั่งสองพี่น้องก็พ่ายแพ้ยับเยินกลับไป  สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้โปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์หัดเล่นกระบี่กระบอง  พระบาดสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระองค์มีความชำนาญในกีฬามวยไทย  จึงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยขึ้นในชนบทและในกรุง  นอกจากนี้ยังได้ทรงแต่งตั้งผู้มีฝีมือในกีฬามวย  ให้เป็นหัวหน้าในการจัดกีฬา  และให้มียศตำแหน่งด้วย  เช่น  พระไชยโชคชกชนะ  แห่งพระนคร , หมื่นมวยมีชื่อ  จากไชยา , หมื่นมวยแม่นหมัด  จากลพบุรี , หมื่นชงัดเชิงชก  จากโคราช

 

การจัดการแข่งขันมวยไทย

การแข่งขันมวยไทยครั้งสมัยโบราณ  ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีกติการที่แน่นอยอย่างไรบ้าง  ผู้มีอำนาจเด็ดขาด  ได้แก่  นายสนามมวย  แต่เมื่อมวยสากลได้รับการเผยแพร่เข้ามาครั้งแรก  โดยหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ๋วงศ์  สวัสดิกุล  เมื่อ พ.ศ. 2455 ทางวงการมวยไทยจึงได้วางกติกาขึ้น  ซึ่การชกมวยในสมัยนี้ก็ยังคงมีการคาดเชือกกันอยู่  ต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็นการสวมนวม  แต่การชกยังเหมือนเดิม  คือยังใช้การถีบ  เตะ  ชก  ศอก  เข่า  อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน  ได้มีวิวัฒนาการในเรื่องขอกติกา  และการจัดแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน  ดังนี้

พ.ศ. 2477 กระทรวงมหาดไทย  ได้ร่างกติกาคุ้มครองมวยไทยและมวยสากล  เพื่อเป็นการแข่งขันชั่วคราว  ต่อมาในพ.ศ. 2479 กรมพลศึกษา  มีหน้าที่ในการจัดแข่งขันมวยโดยตรง  ได้ตั้งกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง  ทำการปรับปรุงแก้ไขกติกามวยไทยและมวยสากล  และประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2480 เป็นต้นมา  และได้จัดพิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2482 การแข่งขันที่เป็นหลักฐานเริ่มอย่างจริงจังในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งพอจะแบ่งออกเป็นสมัยต่าง ๆ ได้ 5 สมัย  ดังนี้

สมัยสวนกุหลาย

สมัยนี้ประชาชนนิยมการชกมวย  และชมการแข่งขันชกมวยกันเป็นจำนวนมาก  การชกมวยไทยในสมัยนี้ยังมีการคาดเชือก (นักมวยสมัยเก่า  ใช้ด้ายดิบเส้นโตขนาดดินสอดำชุบแป้งให้แข็ง  พันตั้งแต่สันมือจนถึงศอก  และพันรัดเป็นปมทางด้านหลังของข้อนิ้วมือหรือสันหมัด  เป็นรูปก้นห้อยที่เรียกว่า  การคาดเชือก) การชกได้กำหนดจำนวนยกไว้แน่นอนแล้ว  มีกรรมการชีขาด  ผู้ตัดสินสวนมากจะนั่งอยู่ข้างเวที  และให้สัญญาณนักมวยหยุดชกด้วยเสียงหรือนกหวีด

 

สมัยท่าช้าง

ในสมัยนี้เป็นสมัยหัวเลี้ยวหัวต่อ  จากการคาดเชือกมาเป็นการสวมนวม  สมัยนี้ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรในที่สุดสนามก็เล็กเกินไป  กรรมการผู้ชี้ขาดที่มีชื่อเสียงในสมัยนี้  คือ  นายทิม อติเปรมานนท์  และนายนิยม ทองชิตร์

 

สมัยสวนสนุก

การจัดการแข่งขันในสมัยนี้นายสนามดำเนินงานได้ดี  และยืนยาวอยู่หลายปี  นักมวยที่มีชื่อเสี่ยง  คือ  สมาน ดิลกวิลาส  และ  สมพงศ์ เวชชสิทธิ์  สมัยนี้มีการแข่งขันทั้งมวยไทยและมวยสากล  กรรมการผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียง  ได้แก่  หลวงพิพัฒน์ พลกาย , นายสุนทร ทวีสิทธิ์ (ครูกิมเส็ง) , และนายนิยม ทองชิตร์

 

สมัยหลักเมืองและสวนเจ้าเชษฐ์

การแข่งขันชกมวยในสมัยนี้เข้มแข็งยิ่งขึ้น  เพราะทางราชการทหารเข้ามาร่วมมือช่วยเหลือ  และมีผลเป็นรายได้บำรุงกองทัพจำนวนมาก  นักมวยที่มีชื่อเสียงในยุคนี้  ได้แก่  สุข ปราสาทหินพิมาย , ผล พระประแดง , เพิก สิงหพัลลภ ประเสริฐ , ส.ส. ถวัลย์ วงศ์เทเวศร์ , และทองใบ ยนตรกิจ  การแข่งขันสมัยนี้ดำเนินมาหลายปีจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจึงได้เลิกไป  กรรมการผู้ตัดสินในสมัยนี้  ได้แก่  นายสังเวียน หิรัญเลขา  หรือนายเจือ จักษุรักษ์  และนายวงศ์ หิรัญเลขา

 

สมัยปัจจุบัน

ได้ทำการแข่งขัน ณ เวทีมวยราชดำเนินและเวทีสวนลุมพินีเป็นประจำ  และยังมีเวทีมวยที่เปิดการแข่งขันถาวรและชั่วคราวทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด  ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 มีสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย  สำนักงานกีฬาอาชีพ  ของการกีฬาแห่งประเทศไทย  ที่ได้จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.นี้  ให้มีหน้าที่ส่งเสริม  คุ้มครอง  สนับสนุน  และควบคุมกิจการมวยในประเทศไทย  ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกของวงการมวยเมืองไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก dspace.spu

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เคล็ดไม่ลับ มวยไทย

ทักษะพื้นฐาน ของมวยไทย

เคล็ดไม่ลับ มวยไทย

เคล็ดไม่ลับ มวยไทย

มวยไทย (Muay Thai) ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต่อยมวยได้ ซึ่งการเริ่มต่อยมวยนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ถ้าหากใครต้องการจะฝึก มวยไทย (Muay Thai) แบบจริงจัง ตั้งใจจะเอาไปขึ้นสังเวียนหรือแข่งขันแล้วล่ะก็ จะต้องมีเคล็ดลับในการขึ้นชก วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดไม่ลับของ มวยไทย (Muay Thai) 

 

เอาจริงเราว่าการออกกำลังกายด้วย มวยไทย (Muay Thai) นั้น จะช่วยกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกายและระบบไหลเวียนโลหิต อีกทั้งทำให้ทุกส่วนของร่ายกายได้ใช้งานอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมวยกลายเป็นกีฬาที่ทุกคนสามารถเล่นได้ในยิม ก่อนที่จะเริ่มการชกมวยนั้น ลองมาดูเคล็ดลับที่ได้จากการชกมวยกันดีกว่า ไปกันเลย

  • ทำให้เผาผลาญพลังงานได้ดี
  • ช่วยเพิ่มซิกแพค
  • ช่วยคลายเครียด
  • ช่วยพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง

 

เตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อ มวยไทย (Muay Thai) หากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการฝึกมวยไทยอย่างแท้จริง คุณต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมและออกกำลังกายก่อนเสมอ คุณจะได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิ่งบนถนน นักมวยไทยจะวิ่งวันละสองรอบ ระยะทางมากกว่า 15 กิโลเมตร โดยปกติการวิ่งในตอนเช้าจะใช้เวลานานกว่าการวิ่งในช่วงบ่าย ดังนั้น คุณต้องเตรียมร่างกายให้ดีก่อนเริ่มวิ่ง

 

คุณจะต้องปรับตัวเพื่อรับการฝึกซ้อม มวยไทย (Muay Thai) เพราะนักมวยจะต้องมักกระโดดเชือกในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนฝนตก อาจใช้เวลานานถึง 30 นาที และต้องฝึกกระโดดเชือกเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เพื่อทำให้ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้าของคุณด้านขึ้น แต่ถ้าหากเกิดแผลแล้ว ให้ปิดด้วยผ้าพันแผล ถ้าทางค่ายอนุญาตให้ใส่รองเท้าซ้อมกระโดดเชือกได้ก็ใส่ดีกว่า

 

 

นอกจากนี้คุณยังจะต้องซิตอัพเยอะมาก ๆ เพื่อให้ผิวหนังของคุณที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จะไปสัมผัสกับพื้นผิวอันขรุขระและหยาบของพื้นผ้าใบหรือเสื่อออกกำลังกาย ซึ่งจะสามารถทำให้ผิวบริเวณหลังด้านล่างหลุดลอกออกมา ถ้าผิวหนังแห้ง ให้ใช้วาสลีนทาอีกครั้งเพื่อลดแรงเสียดทาน

 

ต้องระวังเอาไว้ให้มาก เพราะว่าอาการผิวไหม้จากอากาศร้อนและแผลพุพองอาจะดูไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่ถ้าคุณไม่รักษาหรือดูแลตัวเอง มันอาจสร้างปัญหาให้กับคุณตอนซ้อม มวยไทย (Muay Thai) ได้ และยังมีสิทธิ์ติดเชื้ออีกด้วย 

 

สุดท้ายนี้ เราอยากจะฝากเอาไว้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือนักกีฬาอาชีพที่ต้องการฝึกฝนมวยไทย ก็ขอให้ตัดสินใจเลือกอย่างฉลาด และสุดท้ายคุณจะเดินออกมาด้วยประสบการณ์และมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับมวยไทย (Muay Thai) ได้อย่างสง่าผ่าเผยอย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ทักษะพื้นฐาน ของมวยไทย

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

ทักษะพื้นฐาน ของมวยไทย

ทักษะพื้นฐาน ของมวยไทย

 

มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัว ในแบบของไทย เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ต่างชาติเริ่มหันมาสนใจการฝึกมวยไทยอย่างล้นหลาม แล้วมวยไทยยังกลายมาเป็นการออกกำลังกายยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็ชอบ เพราะสนุก และช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี เรามาดูกันดีกว่า ว่าทักษะพื้นฐานของมวยไทย มีอะไรบ้าง

 

การตั้งท่าจดมวย

การตั้งท่าจดมวย หมายถึง การวางเข่า การวางมือให้ถูกต้องตามหลักการฝึก ซึ่งในการจดมวยนั้น ต้องทราบเหลี่ยมมวยด้วย เหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัด ออกมาให้เห็น โดยปกติมวยจะมี ๒ เหลี่ยม คือ

  • เหลี่ยมซ้าย หมายถึง การยื่นหมัดขวาไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าขวายื่นไปข้างหลัง หมัดซ้ายชิดคาง เท้าซ้ายอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย โดยให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าซ้าย ระยะห่างของเท้าทั้งสองข้าง ๑ ช่วงตัว สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา
  • เหลี่ยมขวา หมายถึง การยื่นหมัดซ้ายไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าซ้ายยื่นไปข้างหลัง แขนซ้ายขนานกับลำตัว หมัดขวาชิดคาง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย ให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าขวา สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา

 

การวางตำแหน่งอวัยวะ

การวางตำแหน่งของอวัยวะที่ได้จดมวย หมายถึง การกำหมัด วางเท้า มือ และลำตัว

 

การกำหมัดที่ถูกต้อง

คือ แบมือให้นิ้วมือทั้ง ๔ เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง ๔ นิ้วเข้าหาอุ้งมือ
แล้วกดทับด้วยนิ้วหัวแม่มือลงทาบ ในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กำกระชับแน่น โดยไม่เกร็ง

 

การใช้หมัด

หมัดตรง หมายถึง การใช้หมัดที่ถนัดมุ่งไปยังเป้าหมาย โดยอาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว และเท้ายันพื้น โดยน้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า ใช้แรงส่งจากเท้าหลังและสะโพก หัวไหล่ 

หมัดตัด หมายถึง การใช้หมัดเหวี่ยงในลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม บริเวณลำตัว ใบหน้า หรือศีรษะของคู่ต่อสู้ ผู้รู้บางคนเรียกว่า หมัดเหวี่ยง แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ หมัดเหวี่ยงสั้น และ หมัดเหวี่ยงยาว

หมัดตวัด หมายถึง การใช้สันหมัดกดลงบริเวณอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขน
ออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ

หมัดเสย หมายถึง การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอศอก เกร็งข้อศอกหงายหมัด แล้วพุ่งหมัดยกขึ้นสู่เป้าหมาย ได้แก่ ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้ 

 

การใช้เท้า

การใช้เท้าจะแบ่งออกเป็น 2 ไม้ คือ การเตะ และ การถีบ

การเตะ หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า

  • เตะตรง หมายถึง การเตะเสยจากพื้นขึ้นไปส่วนบนในลักษณะตั้งฉากกับพื้น
  • เตะตัด หมายถึง การเตะที่ใช้เท้าวาดขึ้นขนานกับพื้น สามารถเตะตัดได้ทั้งส่วนล่างของลำตัว และส่วนบนของอวัยวะ
  • เตะตวัด หรือเตะเฉลียง หมายถึง การเตะที่ทิศของการเตะจะเฉียงลงพื้นสู่เป้าหมายกลับหลังเตะ หมายถึง การหมุนตัวหันหลังให้คู่ต่อสู้ แล้วเหวี่ยงขาที่วางอยู่ด้านหลัง ให้ส้นเท้าปะทะเป้าหมาย

การถีบ หมายถึง การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือส้นเท้าปะทะคู่ต่อสู้ ปลายเท้าปะทะคู่ต่อสู้

  • การถีบข้าง หมายถึง การใช้ปลายเท้าถีบออกไปด้านข้างของลำตัว โดยเอียงศีรษะออกไปห่างจากลำตัว
  • การกลับหลังถีบ หมายถึง การถีบตรงออกไปด้านหลัง อาจเหยียดขาตรง หรืองอขาแล้วเหยียดตรงออกไปยังเป้าหมาย
  • การกระโดดถีบ หมายถึง การสืบเท้าที่ไม่ถนัดออกไป ๑ จังหวะ แล้วลอยตัวใช้เท้าที่ถนัดพุ่งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้
  • การถีบจิก หมายถึง การใช้ปลายเท้าที่ถนัดจิกไปบริเวณหน้าท้อง หรือลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้ โดยอาศัยแรงส่งจากเท้าที่ไม่ถนัด

การใช้เข่า หมายถึง การใช้อวัยวะส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับกระดูกขาส่วนล่าง  
แล้วงอพับขา กระทุ้งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้

  • เข่าตรง หมายถึง เข่าพุ่งตรงไปข้างหน้าเข้าสู่เป้าหมาย
  • เข่าเฉียง หมายถึง เข่าตีเฉียงเข้าสู่เป้าหมายด้านตรงกับเข่าที่พุ่งออกไป
  • เข่าโค้ง หมายถึง การบิดสะโพกให้คว่ำลง พร้อมกับเหวี่ยงขาให้มีรัศมีโค้งจากบนลงล่าง ปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดเป็นเส้นตรงกับขาและเข่า
  • เข่าโยน หมายถึง การกระโดดโยนเข่าขึ้นไปตรงๆ คล้ายๆ เข่าลอย เป้าหมายที่ปลายคาง และหน้าอกของคู่ต่อสู้ 
  • เข่าลอย หมายถึง การกระโดดขึ้นสูง ทะยานกับเข่าโยน แต่เข่าลอยสู่พื้นสูงกว่า

การใช้ศอก การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลักษณะ ดังนี้

  • ศอกตี บางคนเรียกว่า ศอกสับ โดยใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก
    บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า
  • ศอกตัด หมายถึง การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย
  • ศอกงัด หมายถึง การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก
  • ศอกกระทุ้ง หมายถึง การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่
    คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามาด้านหลัง
  • ศอกกลับ หมายถึง การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์
    กับการเคลื่อนตามเท้า

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

มวยไทย มรดกล้ำค่า ที่ควรสืบทอด

มวยไทย เป็นกีฬา และศิลปะการต่อสู้ของไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลายคนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย โดยการฝึกมวยไทย มวยไทยนั้นช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ช่วยให้มีสมาธิ และความว่องไว สามารถใช้ป้องกันตัวและช่วยเหลือผู้อื่นได้ นอกจากนี้มวยไทยยังเป็นมรดกทางประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญของไทยอีกด้วย

 

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นทะเบียนมวยไทยให้เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขากีฬาภูมิปัญญาไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในคุณค่าและยกย่ององค์ความรู้ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย

 

กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้มีการสถาปนา "วันมวยไทย” โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันมวยไทย ตรงกับวันเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (สมเด็จพระเจ้าเสือ) ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระปรีชาสามารถด้านมวยไทยเป็นที่ประจักษ์ และเป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียว ที่เสด็จออกไปชกมวยกับสามัญชน ตามบันทึกในพงศาวดาร (ฉบับพระราชหัตเลขา พ.ศ.2542) ที่กล่าวว่า พระเจ้าเสือ ทรงแต่งกายแบบชาวบ้าน และเสด็จทางชลมารคพร้อมเรือตามเสด็จ ไปจอดที่ตำบลตลาดกรวด ซึ่งมีงานมหรสพมีผู้คนไปเที่ยวงานอย่างเนืองแน่น มีการละเล่นมากมายหลายอย่าง พระองค์เสด็จไปยังสนามมวยและให้นายสนามจัดหาคู่ชกให้ โดยนายสนามประกาศให้ประชาชนทราบว่า พระองค์เป็นนักมวยจากเมืองกรุง ประชาชนสนใจมาก เพราะสมัยนั้น นักมวยกรุงศรีอยุธยามีชื่อเสียงมาก นายสนามได้จัดเอานักมวยฝีมือดีของเมืองวิเศษไชยชาญเท่าที่มีอยู่ มาเป็นคู่ชก พระเจ้าเสือได้ชกกับ นักมวยถึงสามคนมี นายกลาง หมัดตาย นายใหญ่ หมัดเหล็ก และนายเล็ก หมัดหนัก ซึ่งแต่ละคนมีฝีมือดีเยี่ยม การต่อสู้เป็นไปอย่างน่าดูด้วยฝีมือเก่งพอ ๆ กัน แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและความชำนาญในศิลปะมวยไทย ที่พระองค์ได้ทรงฝึกหัดและศึกษาจากสำนักมวยหลายสำนัก จึงทำให้พระองค์สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้ง 3 คนได้ โดยที่คู่ต่อสู้ต่างได้รับความบอบช้ำเป็นอันมาก และได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งบาท ส่วนผู้แพ้ได้สองสลึง ซึ่งพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยกับการได้ชกมวยในคราวนั้นไม่น้อย และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ใช้ศิลปะมวยไทยมาใช้ต่อสู้ปกป้องราชอาณาจักรให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาวต่างชาติ ตามบันทึกว่า พระเจ้าเสือทรงมีฝีมือการชกมวยไทยชำนาญมาก ในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งขุนหลวงสรศักดิ์ เคยใช้ศิลปะมวยไทยไล่ชกเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอน จนฟันหักไปสองซี่

 

มวยไทย มีวิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัย จึงได้หลอมรวมวัฒนธรรมในหลาย ๆ ด้านเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เช่น ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ คาถาอาคม ดนตรี วรรณกรรม คุณธรรม และจริยธรรม เป็นธรรมเนียมที่นักมวยไทยยังคงยึดถือและปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น การขึ้นครู การครอบครู การไหว้ครู การแต่งมวย และดนตรีปี่มวย การฝึกมวย จะช่วยพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปัญญา ให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ทั้งกาย ใจ มวยไทยนอกจากจะเป็นกีฬาที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ยังเป็นสื่อที่ทำให้ชาวต่างชาติ ได้รู้จักวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงามของไทยอีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี

 

ทุกคนเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ระหว่างการแข่งขัน มวยไทย (Muay Thai) ทำไมต้องมีดนตรี สังเกตไหมว่าทุกยกจะต้องมีดนตรีประกอบระหว่างการชก วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ มวยไทย (Muay Thai) และ ดนตรีประกอบการแข่งขัน ว่ามันจะเหมือนและต่างกันยังไงบ้าง เอาเป็นว่าเราไปดูกันเลยก็แล้วกันนะทุกคน

 

เคยได้ยินกันไหมว่า ดนตรีเกิดจากการเลียนเสียงตามธรรมชาติ มนุษย์ร้องไห้เพราะดีใจและเสียใจ อารมณ์ความรู้สึกของเรา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ เสียใจ ดีใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ ดนตรีจะเลียนแบบเสียงพวกนี้แล้วประดิษฐ์ท่วงทำนองที่ทำให้เรารู้สึกถึงความรู้สึกเหล่านั้น เราเลยคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ มวยไทย (Muay Thai) มีดนตรีประกอบ เพื่อให้ผู้ชมหรือคนดูได้มีส่วนร่วมไปกับการแข่งขัน มวยไทย (Muay Thai) มากขึ้น

 

มวยไทย เป็นศิลปะชั้นสูงที่อยู่คู่กับคนไทยมานานมาก ๆ แล้ว  ซึ่งในปัจจุบัน การออกกำลังกายแบบ มวยไทย (Muay Thai) กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะเดี๋ยวนี้สาว ๆ หนุ่ม ๆ หวังผลกับการออกกำลังกายที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน นั่นก็คือ ศิลปะป้องกันตัว

 

การออกกำลังกายด้วย มวยไทย (Muay Thai) ในแต่ละครั้งจะใช้พลังมากเป็นพิเศษ เพราะต้องขยับตัวตลอดเวลา และใช้พละกำลังในการปล่อยอาวุธในแต่ละท่า ทำให้สามารถช่วยเบิร์นไขมันของคุณออกไปแบบไม่รู้ตัวเลยทำให้ มวยไทย (Muay Thai) สามารถเบิร์นได้ถึง 800-1000 kcal เลยก็ว่าได้

 

มวยไทย ใช้ดนตรีอะไรบ้าง

  • ปี่ชวา
  • กลองแขก
  • ฉิ่ง

 

แค่เพียงใช้เครื่องดนตรีสามอย่างนี้ ก็สามารถบรรเลงเพลงไปพร้อมกับการชกมวยได้แล้วใช่ไหมล่ะ บางคนก็บอกว่าสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดนตรีในการช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์แล้วก็ได้ แต่เอาจริงเราคิดต่างออกไปนะ เราคิดว่า มวยไทย  (Muay Thai) จำเป็นที่จะต้องมีเสียงดนตรีประกอบจริง ๆ ลองนึกภาพเชียร์แบบไม่มีเสียงดนตรีสิ มันก็จะเขิน ๆ ใช่ไหมล่ะถ้าเราเป็นคนเชียรเสียงดัง

 

ดนตรีไทย กับมวยไทย  (Muay Thai) เราว่ามันเป็นของคู่กันนะ ถ้าเจอคนที่เป็นคนบรรเลงดี ๆ แล้วเข้ากับจังหวะหรือท่วงทำนองในการชกของนักมวย เหมือนคนรู้จังหวะว่าตอนไหนจะต้องบรรเลงแบบไหน แบบนั้นถือว่าเก่งมากนะ สามารถทำให้เราเข้าถึงอารมณ์และความดุเดือดในระหว่างการชก และก็ลุ้นไปพร้อม ๆกับนักมวยอีกด้วยว่าเค้าจะต้องเจอหมัด หรือ ลูกเตะแบบไหนต่อไป

 

สรุปง่าย ๆ เลยก็คือ ดนตรีไทย กับ มวยไทย  (Muay Thai) เป็นของคู่กัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ และดนตรีก็มีเอาไว้เพื่อให้คนดูได้มีความรู้สึกร่วมไปกับการแข่งขัน การขึ้นสังเวียนโดยไม่คลาดสายตาจากนักมวยนั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย มรดกไทย

ศิลปะการรำมวย

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

มวยไทย ต้นกำเนินแห่งศาสตร์ศิลป์

 

ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนต่างก็มีต้นกำเนินกันทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะกีฬา มวยไทย ที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งในสมัยนั้นกีฬามวยไทยถือเป็นศิลปะชั้นสูงทางสังคม ซึ่งสมัยนั้นเค้าเอาไว้พัฒนาศักยภาพและร่างกายของนักรบจวบจนเป็นศิลปะการแสดง

 

แต่ในยุคหลัง ๆ มานี้ กีฬามวยไทย ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ ซึ่งกีฬามวยไทยนี้เป็นจุดกำเนิดแรงบัลดาลใจให้กับศิลปินต่าง ๆ มากมาย บ้างก็เอาไปทำภาพยนตร์ บางคนที่เอาไปประยุกต์ใช้เป็นศิลปะการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการรำมวย รำบูชา ฯลฯ อีกมากมาย

 

ภาพยนตร์ที่มี ศิลปะ มวยไทย

  • Rocky 1976
  • Raging Bull 1980
  • The Hurricane 1999
  • Ali 2001
  • ต้มยำกุ้ง 2548
  • ทองดีฟันขาว 2560
  • องก์บาก 2546

 

ศิลปะการแสดง มวยไทย

การรำไหว้ครู เป็นการร่ายรำในกีฬามวยไทย เพื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณและความเคารพต่อครูมวยซึ่งเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เช่นเดียวกับวิชาการหลายแขนงของไทย ที่มักทำการไหว้ครูก่อนและให้มีการสวมมงคลขณะทำการร่ายรำไหว้ครู เนื่องจากถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ท่าที่นิยมทำการไหว้ครูมากที่สุดดังนี้

- พรหมสี่หน้า                                                       

- เสือลากหาง

- หงส์เหิน                                                              

- สาวน้อยประแป้ง

- ยูงฟ้อนหาง                                                         

- ลับหอกโมกขศักดิ์

- สอดสร้อยมาลา                                                  

- กวางเหลียวหลัง

- พระรามแผลงศร

- พยัคฆ์ตามกวาง

                         

การรำไหว้ครูเริ่มจากการนั่งกราบเบญจางคประดิษฐ์ คุกเข่าถวายบังคม ขึ้นพรหมนั่ง-ยืน ท่ารำมวยซึ่งอาจจะมีการเดินแปลง ย่างสามขุม การรูดเชือก การบริกรรมคาถา เพื่อสำรวจและทักทายหรือข่มขวัญซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละค่าย หรือสำนัก โดยมีการบรรเลงดนตรีให้จังหวะในการต่อสู้ซึ่งใช้ “เพลงสะหระหม่าแขก” ใช้ในการไหว้ครู “เพลงบุหลันชกมวย” และ “เพลงเชิด” ใช้ในการต่อสู้ ส่วนเครื่องดนตรีไทยที่ใช้บรรเลงประกอบด้วย ปี่ชวา, กลองแขก และฉิ่ง

 

ในส่วนของกีฬา มวยไทย ที่เอาไว้สำหรับแข่งขันในสังเวียนต่าง ๆ ก็ยังถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในปัจจุบันกีฬามวยไทยยังได้ชื่อว่าเป็นกีฬาที่คนนิยมใช้ในการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย

 

พอทุกคนได้รู้ประวัติของมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้ ศิลปะการแสดง หรือแม้กระทั่งกับการออกกำลังกายด้วยมวยไทยแล้วเนี่ย เริ่มจะสนใจกันขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ มวยไทย ถือเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับกีฬามวยไทยก็สามารถหาอ่านได้จากบทความต่อ ๆ ไปของเราได้เลยจ้า

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง คือใครกันนะ

มวยไทย มรดกไทย

เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง คือใครกันนะ

เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง คือใครกันนะ

เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง คือใครกันนะ

 

ใครอยากเริ่มต้นเป็นนักมวยมากองรวมกันตรงนี้ เพราะว่าวันนี้เราจะมาเปิดประวัติของนักมวยสุดยอดฝีมือที่เป็นตำนานอย่าง เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง เค้าเคยเป็นใครมาก่อนที่จะเป็นนักมวย อะไรที่นำพาเค้ามาถึงจุด ๆ นี้ได้ สำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี เราว่าลองศึกษาจากประวัตินักมวยคนอื่น ๆ กันก่อนก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีนะ

 

ประวัติของ เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง 

จริง ๆ ชื่อที่ถูกเรียกอยู่ทุกวันนี้เป็นชื่อในวงการของนักมวย เขามีชื่อจริงว่า เจริญ  ชูมณี ชื่อเล่นชื่อเป็ด เขาเกิดวันที่ 11 มิถุนายน 2511 และเป็นคนจังหวัด นครศรีธรรมราช ซึ่งเขามีพี่น้องทั้งหมดเก้าคน และพี่น้องที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่ก็เป็นนักมวยเหมือนกันอีกด้วย

 

เขาเริ่มชกมวนครั้งแรกตอนอายุได้ 12 ปี ซึ่งถือว่าอายุน้อยมาก ๆ ตอนนั้นเค้าได้ค่าตัวเพียง 100 บาทเท่านั้น ต่อมาหลังจากที่ได้เข้ามาในกรุงเทพเค้าก็ยังไม่เลิกต่อยมวย จนกระทั่งได้เจอกับ ใหม่ เมืองคอน อดีตนักมวยที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาเป็นคนที่ฝากฝังให้เจริญ ชูมณี ได้เข้าร่วมสังกัด หลังจากนั้นก็มีงานชกเข้ามาหาเขาเรื่อย ๆ ทำให้เขาได้กลายเป็นที่รู้จัก

 

และในปี พ.ศ.2531 เจริญทอง ได้กลายเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ แน่นอนว่าค่าตัวของเขานั้นสูงสุดถึงสองแสนห้า และยังได้ขึ้นชกกับอดีตแชมป์โลกอย่าง สามารถ พยัคฆ์อรุณ อีกด้วย

 

หลังจากที่เขาได้แขวนนวมแล้ว เขาก็มาเปิดธุรกิจค่ายมวยชื่อว่า เจริญทอง มวยไทย ยิม ซึ่งนับว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเจริญ ชูมณี หรือ “ครูเป็ด” ในฐานะนักธุรกิจ ซึ่งเจริญทองผันตัวจากนักชกเงินแสนมาเป็นนักธุรกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 แม้ว่าแรกเริ่มนั้น เจริญทอง มวยไทย ยิม จะดำเนินธุรกิจในลักษณะค่ายมวยที่ส่งนักชกรุ่นใหม่ลงสู่สังเวียนผ้าใบตามรอยของตน แต่ในภายหลังก็มีการปรับเปลี่ยนจากการเป็นค่ายมวยสู่รูปแบบของยิม ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจการออกกำลังกายในแบบมวยไทยได้เข้ามาสัมผัส

 

ถ้ามองเข้าไปในตลาดภาพรวมความต้องการของผู้บริโภค เทรนด์การดูแลสุขภาพเป็นกระแสที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้รูปแบบการออกกำลังกายมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ฟิตเนส โยคะ พิลาทีส ฯลฯ เมื่อตัดสินใจหยิบเอาเทรนด์นี้มาเป็นแนวการสร้างธุรกิจของตัวเองก็นับว่าเป็นการออกหมัดที่เข้าเป้าและตรงจุด

 

ถึงแม้ว่าในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มชก เจริญทองจะออกหมัดไม่ตรงนัก แต่ในเรื่องของการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทยเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้การออกหมัดครั้งนี้ตรงจุดมากขึ้น อีกทั้งเจริญทอง มวยไทย ยิม ยังเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายอีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย มรดกไทย

ศิลปะการรำมวย

มวยไทย มรดกไทย

มวยไทย มรดกไทย

มวยไทย มรดกไทย

มวยไทยนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก ซึ่งมวยไทยนี้รุ่งเรื่องที่สุดในช่วงสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ มวยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาเป็นอาวุธ ได้แก่ มือ เท้า เข่า ศอก และศีรษะ มวยไทยนั้นมีความสำคัญต่อประเทศไทยเราเป็นอย่างมาก ในสมัยก่อน ผู้ชายทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ เจ้านาย ขุนนาง ทหาร หรือสามัญชน จะได้รับการฝึกมวยไว้เพื่อป้องกันตัวและปกป้องประเทศชาติ การนำท่ามวยมาประกอบกับการใช้อาวุธ จะทำให้การใช้อาวุธนั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

ไม้มวย หรือท่ามวย ได้มีการตั้งชื่อให้ไพเราะ และจดจำได้ง่าย โดยเทียบเคียงจากลักษณะท่าทางการต่อสู้กับลีลาของตัวละคร เหตุการณ์ หรือสัตว์ในวรรณคดี เช่น เอราวัณเสยงา หนุมานถวายแหวน มณโฑนั่งแท่น อิเหนา แทงกฤช ไม้มวยบางไม้ ท่ามวยบางท่า เรียกชื่อตามสิ่งที่คุ้นเคยตามวิธีชีวิตของคนในสมัยนั้น เช่น เถรกวาดลาน คลื่นกระทบฝั่ง หนูไต่ราว มอญยันหลัก ญวนทอดแห เป็นต้น เพราะเมื่อเอ่ยชื่อท่ามวยแล้ว จะทำให้นึกถึงท่าของการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน ส่วนเพลงมวย หมายถึง การแปรเปลี่ยนพลิกแพลงท่ามวยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สลับไปมาอย่างงดงาม ในระหว่างการต่อสู้

 

มวยไทย มีวิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัย จึงได้หลอมรวมวัฒนธรรมในหลาย ๆ ด้านเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เช่น ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ คาถาอาคม ดนตรี วรรณกรรม คุณธรรม และจริยธรรม เป็นธรรมเนียมที่นักมวยไทยยังคงยึดถือและปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น การขึ้นครู การครอบครู การไหว้ครู การแต่งมวย และดนตรีปี่มวย ด้วยเหตุนี้ มวยไทยจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่วิเศษอย่างหนึ่ง เพราะการฝึกมวย ช่วยพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปัญญา ให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์ทั้งกาย ใจ มวยไทยนอกจากจะเป็นกีฬาที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ยังเป็นสื่อที่ทำให้ชาวต่างชาติ ได้รู้จักวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงามของไทยอีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย กับการ ออกกำลังกาย ด้วย กระสอบทรายตั้งพื้น

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ

ศิลปะการรำมวย

ศิลปะการรำมวย

ศิลปะการรำมวย

การรำมวยไหว้ครูมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยมีที่มาของการที่นักมวยต้องไปพักอาศัยอยู่กับครูมวยเพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้ เพื่อให้ครูมวยแน่ใจว่าลูกศิษย์ของตนเป็นคนมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความมานะพยายาม และมีความเคารพศรัทธาต่อครูผู้สอน จึงจะมีการอนุญาตให้ทำพิธีขึ้นครู หรือในบางท้องถิ่นเรียกว่า พิธียกครู เพื่อแสดงถึงการยอมรับซึ่งกันและกันทั้งครูและศิษย์

 

การไหว้ครูรำมวย เป็นการแสดงความเคารพต่อครู บิดา มารดา รวมทั้งเป็นการขอพรต่ออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อให้คุ้มครองตนให้ได้รับความปลอดภัยจากการชกมวย โดยแสดงออกเป็นท่ารำต่าง ๆที่ ได้รับการถ่ายทอดมาจากครูมวย รวมทั้งอาจมีการบริกรรมคาถาตามความเชื่อของแต่ละบุคคล  ปัจจุบัน ชาวไทยส่วนใหญ่ ได้หันมาให้ความสนใจด้านการรักษาสุขภาพโดยมุ่งเน้นวิธีการแบบชาวตะวันตก แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อภูมิปัญญาแบบไทยเท่าใดนัก ซึ่งให้ประโยชน์ทั้งการเสริมสร้างสุขภาพกายและใจให้เข้มแข็ง ตลอดจนปลูกฝังด้านธรรมะ ซึ่งแท้จริงแล้วการไหว้ครูมวยไทย ท่ารำมวยไทย ท่าแม่ไม้ ท่าลูกไม้ และการชกลมเล่นเชิง มีประโยชน์ในการเสริมสร้างสุขภาพกาย สุขภาพใจ และแฝงถึงความสำคัญด้านคุณธรรม และมีส่วนส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทยประการหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ชาวไทยหลายคนมิได้ตระหนักถึงคุณค่า และความสำคัญดังกล่าว เนื่องจากสถาบันการพลศึกษามิได้มุ่งเน้นความสำคัญ และเด็กหลายคนมิได้รับการปลูกฝังจากผู้ใหญ่ ซึ่งแท้จริงแล้วการไหว้ครูรำมวยเป็นการปฏิบัติที่มิได้สื่อถึงการแสดงการขอบคุณต่อครูมวย หรือเพียงการอบอุ่นร่างกายเท่านั้น หากแต่เป็นการระลึกถึงสิ่งสำคัญที่ครูมวยได้สอนมา

 

สาเหตุที่มีการไหว้ครูก่อนแข่ง

-เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกาย

-เพื่อเป็นการปลุกขวัญกำลังใจให้แก่ตน

-เพื่อบอกกล่าวบางอย่าง

-เพื่อเป็นการสำรวจพื้นที่ในเบื้องต้น

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับมวยไทย

ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

มวยไทยกับการเตะ

มวยไทยกับการเตะ

มวยไทยกับการเตะ

 

ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่ากีฬามวยไทย อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่หลายคนคงยังไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกของกีฬาชนิดนี้เท่าที่ควร เอาจริง ๆ มันเป็นกีฬาที่สามารถเรียกเหงื่อได้เยอะมากเลยนะ เพราะมันต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการชก หรือ การเตะ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการเตะกันนะทุกคน ว่าเค้ามีการเตะแบบไหนบ้าง การใช้ช่วงขากับกีฬามวยมันใช้ยังไง ไปดูกันเลยดีกว่า

 

จริง ๆ การใช้เท้าในศิลปะมวยไทย มันแบ่งออกเป็นสองประเภทด้วยกัน คือ การเตะ กับ การถีบ ซึ่งการเตะกับการถีบไม่เหมือนกัน เราจะอธิบายง่าย ๆ คือ การเตะ หมายถึงการใช้อวัยวะส่วนเอวจนไปถึงปลายเท้า เรียกว่าการเตะ ส่วนการถีบ คือ การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า ในการต่อสู้ ซึ่งมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

การเตะมีแบบไหนบ้าง

  • เตะตรง คือการเตะออกไปตรง ๆ หรือถ้าใช้ภาษาทางการหน่อยก็จะเรียกว่าการเตะที่เท้าตั้งฉากกับพื้นนั่นเอง
  • เตะตัด คือการเตะที่ใช้ขาวาดออกไปให้ขนาดกับพื้น ซึ่งท่านี้สามารถเตะได้หลายระดับ ทั้งขา ลำตัว หรืออวัยวะส่วนอื่นที่สูงขึ้นไปอีกก็ได้เช่นกัน
  • เตะตวัด หรือเรียกอีกอย่างว่าการเตะเฉียง ก็คือการเตะออกไปฉียง ๆ ลงพื้น ไปสู่เป้าหมาย
  • กลับหลังเตะ คือ ลักษณะการเตะที่หมุนลำตัวและเตะเป้าหมายโดยการเหวี่ยงขาที่วางอยู่ด้านหลัง

 

การถีบมีแบบไหนบ้าง

  • ถีบตรง คือ การถีบออกไปเลยตรง ๆ โดยที่ปลายเท้าหรือส้นเท้าปะทะกับส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของคู่ต่อสู้ ซึ่งสามารถเหยียดเท้าตรงหรือว่างอเข่าถีบก็ได้เช่นกัน
  • ถีบข้าง คือ ลักษณะการถีบที่ถีบออกไปด้านข้างลำตัว
  • กลับหลังถีบ คือ การถีบตรงออกไปทางด้านหลัง ซึ่งอาจจะเหยียดขาตรงหรือว่างอเข่าถีบเป้าหมายก็ได้เช่นกัน
  • กระโดดถีบ คือลักษณะการถีบที่เราสืบเท้าไปด้านหน้าและกระโดดลอยตัว ใช้เท้าข้างที่ถนัดถีบไปที่คู่ต่อสู้ของเรา
  • ถีบจิก คือ การใช้ปลายเท้าข้างที่ถนัดของเรา ถีบออกไปบริเวณหน้าท้องของคู่ต่อสู้หรือลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้นั่นเอง

 

วิธีการใช้ขาไม่ว่าจะเป็นการ เตะ การถีบ หรือการใช้หัวเข่า จะต้องมีการฝึกฝนเป็นประจำทุกวัน นักมวยทุกคนจะรู้เทคนิคจากการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ถ้าหากใครที่อยากจะเริ่มต่อยมวยล่ะก็ ต้องมีที่ปรึกษาหรือโค้ตคอยช่วยแนะนำและสอนก่อน เพื่อให้ร่างกายของเราไม่บาดเจ็บจากการเล่นกีฬามวย นอกจากนี้กีฬามวยยังถูกพัฒนาให้เป็นการออกกำลังกายที่ใครหลายคนสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย และช่วยกระชับสัดส่วน กระชับกล้ามเนื้อได้อย่างดีอีกด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 ท่าไม้ตาย น็อคเอ้าท์

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

5 ท่าไม้ตาย น็อคเอ้าท์

5 ท่าไม้ตาย น็อคเอ้าท์

5 ท่าไม้ตาย น็อคเอ้าท์

 

อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่ว่า มวยไทย (Muay Thai) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานมาก ถ้าใครที่ไม่เคยดูการต่อยมวยหรือการขึ้นชกมวยจริง ๆ ก็คงพบเห็นได้ในหนังและละครไทยอยู่บ่อย ๆ ไม่มากก็น้อย เอาจริงมันเหมือนเอกลักษณ์ของหนังและละครไทยในยุคนึงเลยก็ว่าได้ อาทิเช่น เรื่อง ต้มยำกุ้ง แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า เป็นต้น และวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก ท่าไม้ตาย ของ มวยไทย (Muay Thai) ที่น็อคคู่ต่อสู้มาจำนวนนับไม่ถ้วน

 

5 ท่าไม้ตาย มีดังนี้

  1. ยกเขาพระสุเมรุ
    เป็นไม้มวยใช้ป้องกันคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง และตอบโต้ด้วยการจับทุ่ม ฝ่าย A ใช้ขาขวาเหวี่ยงแข้งสูงเข้าบริเวณลำคอด้านซ้ายของฝ่าย B และฝ่าย B หลบลำตัวต่ำ พร้อมทั้งสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า แล้วใช้ฝ่ามือขวากันขาขวาฝ่ายขาวไว้ เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายโอบขาขวาฝ่าย A ไว้ยกขึ้นใส่บ่า แล้วยกขาขวาฝ่าย A ให้ขึ้นสูงพร้อมกับดันไปข้างหน้า ทำให้ฝ่าย A เสียหลักล้มลงได้ เป็นการตอบโต้

 

  1. จระเข้ฟาดหาง
    เป็นไม้มวยใช้ตอบโต้ปรปักษ์ด้วยการเหวี่ยงแข้ง ฝ่าย B หมุนตัวกลับหลังไปทางขวาด้วยขาซ้าย โน้มตัวลงต่ำ แล้วใช้ขาขวาเหวี่ยงสูงเข้าใส่บริเวณก้านคอของฝ่าย A เป็นการตอบโต้ฝ่าย A ก่อนที่จะกระทำต่อฝ่าย B

 

  1. ไต่เขาพระสุเมรุ
    เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง ฝ่าย A ยกขาขวาเพื่อใช้แข้งเหวี่ยงเข้าลำตัวฝ่าย B ฝ่าย B กระโดดขึ้นเหยียบบนขาขวาท่อนบนฝ่าย A ด้วยเท้าขวา และบนไหล่ซ้ายฝ่าย A ด้วยเท้าซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ศอกขวาปักลงไปบนศีรษะของฝ่าย A เป็นการตอบโต้
  2. เอราวัณเสยงา
    เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้กระแทกหมัด  ฝ่าย A กระแทกหมัดขวาเข้าตรงหน้าฝ่าย B ฝ่าย B ยกแขนซ้ายท่อนล่างขึ้นปิด เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็สืบเท้าเข้าหาฝ่าย A แล้วใช้ศอกขวางัดเข้าที่ปลายคางของฝ่าย A เป็นการตอบโต้

 

  1. ดับชวาลา
    เป็นไม้มวยใช้ป้องกันหมัดพร้อมตอบโต้
    ในภาพ ฝ่ายขาวใช้หมัดขวาทิ่มไปตรงหน้าของฝ่าย B  ฝ่าย B ใช้แขนซ้ายท่อนล่างขึ้นกัน และผลักหมัดของฝ่าย A ออกไปทางซ้าย เป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ใช้หมัดขวาทิ่มตรงไปยังใบหน้าของฝ่าย A เป็นการตอบโต้

 

เป็นยังไงกันบ้าง ท่าไม้ตายมวยไทย (Muay Thai) เท่สุด ๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ ใครที่เป็นสาวกมวยไทยมาฝึกกันได้นะ ที่ Jaroenthong Muay Thai Ratchada เขามีครูฝึกที่คอยสอนอย่างเชียวชาญและปลอดภัยอีกด้วย หรือถ้าใครต้องการที่จะรู้จักมวยไทยให้ลึกซึ้งกว่านี้ก็สามารถไปเรียนและสอบถามกันได้นะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

ฟิตหุ่น สร้างกล้ามเนื้อ แบบเจ้าสังเวียน

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย

 

ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ถือเป็นเอกลักษณ์ของไทยอีกแขนงหนึ่ง ในด้านของกีฬา ซึ่งมวยไทยมีมานานมากแล้วและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่อยู่คู่กับคนไทยเลยก็ว่าได้

 

มวยไทยเป็นศิลปะของการต่อสู้ ซึ่งสามารถนำมาป้องกันตัวได้จริง รวมถึงสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการต่อสู้และในกีฬา ศิลปะประเภทนี้บรรพบุรุษของชาติไทยใช้อบรมสั่งสอนสืบทอดกันมาให้ดำรงอยู่ตลอดไป บรรดาชายฉกรรจ์จะได้รับการสั่งสอนฝึกฝนศิลปะประเภทนี้อย่างเข้มงวด

 

การใช้อาวุธรบสมัยโบราณ เช่น กระบี่ กระบอง ดาบ ง้าว ทวน ฯลฯ นักรบไทยจะนำไปประกอบการต่อสู้ที่มีชั้นเชิง แต่ก่อนมักจะฝึกสอนกันเฉพาะบรรดาเจ้านายชั้นสูง เฉพาะพระมหากษัตริย์และขุนนางฝ่ายทหารเท่านั้น ต่อมาจึงแพร่หลายไปถึงสามัญชนและได้รับการถ่ายทอดวิทยาการจากครูอาจารย์

 

เนื่องจากไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ครูอาจารย์ที่สอนอยู่ในเพศบรรพชิตจึงทำให้มวยไทยกับศาสนาพุทธมีความสัมพันธ์กันจนแยกไม่ออก ซึ่งจะสังเกตได้จากก่อนการชก นักมวยจะมีการไหว้ครู ร่ายมนต์คาถาตามร่างกายก็มีเครื่องรางของขลัง เช่น ผ้าประเจียดรัดแขน หรือ มงคลสวมศีรษะ ฯลฯ

 

ลักษณะของมวยไทย
มวยไทยใช้อวัยวะ 6 ชนิด ได้แก่ หมัด ศอก แขนท่อนล่างเท้า แข้ง และเข่า  เข้ากระทำกับคู่ต่อสู้ ด้วยการเข้าชก ต่อย เขก โขกทุบ เตะ ถีบ เหน็บ อัด ยัน เหยียบ เหวี่ยง ปัก ทิ่ม เฉือน กระทุ้ง สับ เสียบเฆี่ยน กด ทุ่ม ฟาด มัด รัด หักแขน หักขา หักคอ  ฯลฯ 

ไม้มวย
เป็นการใช้อวัยวะต่าง ๆ ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผสมกลมกลืนในการรุกและรับซึ่งก็คือการเข้ากระทำต่อคู่ต่อสู้และการป้องกันตัว ซึ่งนับว่าเป็นศิลปะที่มีการประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในรูปแบบต่าง ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

  • แม่ไม้  คือท่าครู เป็นท่าย่างสามขุมที่มีองค์ประกอบของการต่อสู้  และการป้องกันตัวอยู่พร้อมแต่ละครูแต่ละสำนักจะกำหนดท่าขึ้น  อันเป็นแบบอย่างของแต่ละคนไป
  • ลูกไม้ หรือไม้มวยไทยมีทั้งไม้เด็ด ไม้ตาย และไม้เป็น
  • ไม้เด็ด คือลูกไม้ที่มีประสิทธิภาพ  และมีอันตรายสูงแก่คู่ต่อสู้
  • ไม้ตาย คือไม้ มวยที่เมื่อฝ่ายที่กระทำใช้ไม้นี้ออกไป ผู้ถูกกระทำจะไม่สามารถป้องกันแก้ไขได้
  • ไม้เป็น  คือไม้มวยที่เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้ออกไป  อีกฝ่ายหนึ่งสามารถป้องกันแก้ไขได้ ถ้ารู้วิธี
     

การไหว้ครู

ในการแสดงศิลปะต่าง ๆ ย่อมมีครูบาอาจารย์ เป็นประเพณีของชาวไทยซึ่งอบรมสั่งสอนต่อ ๆ กันมา ในเรื่องความกตัญญูรู้คุณต่อท่านผู้มีพระคุณ ตอบแทนพระคุณในรูปแบบต่าง ๆ การไหว้ครูจึงเป็นผลจากคุณธรรมดังกล่าวแล้ว

อ่านบทความเพิ่มเติม

ผู้หญิงกับการต่อยมวย

เอกลักษณ์ มวยไทย โบราณ ทั้ง 4 ภาค

 

การคาร์ดิโอ้สวย ๆ ด้วยมวยไทย

การคาร์ดิโอ้สวย ๆ ด้วยมวยไทย

การคาร์ดิโอ้สวย ๆ ด้วยมวยไทย

 

หลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าการออกกำลังกายแบ่งออกเป็นสองอย่างด้วยกันคือ การคาร์ดิโอ (Cardio) และ เวทเทรนนิ่ง Weight  Traning ซึ่งการออกกำลังกายด้วยมวยไทย (Muay Thai) ถือเป็นการคาร์ดิโอ

 

Cardio และ Weight  Traning ต่างกันตรงที่ การ Cardio จะช่วยเผาผลาญไขมันได้มากกว่า แต่ Weight  Traning  จะเป็นที่นิยมในหมูนักเพาะกายหรือคนที่ต้องการจะสร้างกล้ามเนื้อ

 

การคาร์ดิโอมีอยู่ 3 ประเภท คือ แบบลิสท์ (LISS) แบบมิส (MISS) แบบฮิต (HIIT) ซึ่งการออกกำลังกายด้วยมวยไทย (Muay Thai) ถือเป็นการออกกำลังกายแบบฮิต ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่นักศึกษาและวัยทำงานที่ต้องการจะลดสัดส่วนหรือกระชับสัดส่วน เพราะเห็นผลไวมากแล้วยิ่งถ้าใครได้ควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการเล่นมวยไทย (Muay Thai)

 

Weight  Traning แบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ 

Machine Weight เหมาะสำหรับคนที่กำลังเริ่มสร้างสร้างกล้ามเนื้อ

 

Free Weight เหมาะสำหรับคนที่เริ่มสร้างกล้ามมาบ้างแล้ว และต้องการให้กล้ามมันชัดขึ้นและสวยขึ้น

 

Body Weight คือการใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้านเป็นส่วนที่ยากที่สุดในเวทเทรนนิ่ง เพราะมันต้องใช้เทคนิคและวิธีการมากกว่าสองตัวแรกที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งกีฬามวยไทย (Muay Thai) ก็ถือเป็นประเภทบอดี้เวทด้วยเช่นกัน

 

การคาร์ดิโอ้ เหมาะสำหรับคนที่กำลังกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ หลอดเลือดหัวใจ แถมการคาร์ดิโอยังช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกันโรคและการเสื่อมสมรรถภาพในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอีกด้วย ซึ่งคาร์ดิโอ้ก็จะประกอบไปด้วยกีฬาหลายอย่าง และการออกกำลังกายบางอย่างก็ร่วมด้วยเช่นกัน อาทิเช่น การวิ่ง การกระโดดเชือก การเต้นแอโรบิก การเต้นซุมบ้า การขี่จักรยาน การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน การชกมวย เป็นต้น

 

และในหัวข้อนี้เราก็จะมาแนะนำการคาร์ดิโอ้แบบใช้กีฬามวยไทย (Muay Thai)  ซึ่งข้อดีของการเล่นมวยไทย  (Muay Thai) ไม่ได้มีแค่กระชับสัดส่วนเท่านั้นแต่ยังทำให้มีภูมิต้านทานโรคอีกด้วย ทำให้ร่างกายรับรู้ได้ไวต่อสิ่งรอบตัว มีปฏิกริยาที่ดีและไวขึ้น สำหรับสาว ๆ ก็จะทำให้ผิวสวยขึ้นเพราะร่างกายได้ขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเฟงื่อออกมาเยอะก็จะดื่มน้ำเข้าไปเยอะเช่นกัน

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกมวยไทย (Muay Thai) คือการหายใจ เพราะการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอถือเป็นการฝึกควบคุมระบบทางเดินหายใจ การหายใจจะทำให้ร่างกายยืดหยุ่นขึ้นและทำให้สามารถควบคุมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีอีกด้วย

 

มวยไทย (Muay Thai) กับการเตะขาและใช้ลำตัว การเตะขามีหลายรูปแบบ มีทั้งการเตะสะบัด เตะด้วยตาตุ่ม เตะเหวี่ยง เตะด้วยส้นเท้า เตะก้านคอ เตะด้วยขาหน้า หรือแม้กระทั่งการเตะแบบจระเข้ฟาดหาง เป็นต้น

 

มวยไทย (Muay Thai) กับการออกหมัด  การออกหมัดของมวยไทยมี รูปแบบดังนี้

  1. หมัดตรง

  2. หมัดเหวี่ยงสั้น

  3. หมัดเหวี่ยงยาว

  4. หมัดตวัด

 

การควบคุมน้ำหนักด้วยมวยไทย ก็เป็นอีกอย่างที่คนกำลังนิยมทำ ทั้งนักแสดง นักร้องและบุคคลธรรมดาทั่วไป แต่อย่าลืมว่าการควบคุมน้ำหนักด้วยการกินอาหารก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับคนที่กำลังคิดหาวิธีเพิ่มกล้ามเนื้อให้ตัวเองก็สามารถกินอกไก่ปั่น ไข่ไก่ เป็นต้น สำหรับสาว ๆ ก็จะมีอาหารจำพวก ผลไม้ อกไก่ ข้าวไรซ์เบอรรี่ เป็นต้น

 

เพื่อช่วยในการออกำลังกายด้วยกีฬามวยไทยให้มีประสิทธิภาพ อย่าลืมวอร์มร่างกายให้พร้อมทั้งก่อนและหลังจากต่อยมวยเสร็จ ดื่มน้ำให้มาก ๆ กันด้วยนะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) กับการออกกำลังกาย

กีฬาที่ออกกำลังกายแล้วเอาไขมันออกมาที่สุด

เสน่ห์มวยไทยสู่สายตาชาวโลก

เสน่ห์มวยไทยสู่สายตาชาวโลก

มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่คนให้ความสนใจกันมาก เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของ ประเทศไทยและรู้จักกันมาถึงทุกวันนี้ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงความนิยม และเสน่ห์ มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ทำให้ชาวต่างชาติสนใจ

 

 มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาต่อสู้ที่มีรูปแบบสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรับหรือรุกก็มีท่าทีที่ดูสวยงาม ถือว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่งได้เลย  มวยไทย ( Muay Thai ) นั้นเราสามารถใช้ หมัด เท้า เข่า ศอกได้หมด ซึ่งอาวุธของ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือว่าเป็นอาวุธที่ร้ายแรงได้เลย เพราะเป็นอาวุธที่สามารถฆ่าคนได้เลยทีเดียว อย่างเช่น ท่าฤาษีบดยา เป็นการเอาศอกจามไปบนหัวผู้ต่อสู้ หากโดนตรงจุด อาจทำให้สลบ หรือถึงขั้น เสียชีวิต ก็เป็นไปได้ นี่เป็นแค่ ท่าหนึ่ง ในแม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) และยัง มีอีกหลายท่า ที่ไม่ได้กล่าวถึง เพราะคงยาว แม่ไม้ มวยไทย ( Muay Thai ) มันมีท่าเยอะมาก และแต่ละท่า ก็มีความสวยงาม มากแตกต่างกันไป และยังเป็นกีฬา ที่ดุเดือดมาก เพราะพลาดนิดหนึ่ง อาจหน้าแตก โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเหตุผลนี้ จึงทำให้มีผู้คนทั้งชาวไทย และต่างชาติ ที่รักการต่อสู้ มาสนใจ มวยไทย ( Muay Thai ) กันมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบันเลย

 

ความนิยมของ มวยไทย ( Muay Thai )

 

ในปัจจุบันนี้ พูดได้ไม่เต็มปาก ว่าคนไทย เป็นที่หนึ่งของ มวยไทย ( Muay Thai )  เพราะตอนนี้ ชาวต่างชาติที่เก่งกว่านัก มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เริ่มมี ให้เห็นมากขึ้น เพราะกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ของเราไม่ปิดกันคนที่สนใจ ใครที่สนใจ ก็มาเรียนได้ ซึ่งเหตุนี้ จึงทำให้มีชาวต่างชาติ ที่รักการต่อสู้ มาสนใจเรียนกันมาก พอได้เรียน ก็อยากจะลองวิชา เลยไปขึ้นชก พอได้ขึ้นครั้งหนึ่ง ก็ทำให้ติดใจ ไม่ว่าผล จะแพ้ หรือชนะ คนที่รักการต่อสู้พอได้ขึ้นชก มวยไทย ( Muay Thai ) แล้ว เชื่อได้เลยว่า ต้องติดใจกันทุกคน ถึงแม้มันจะเจ็บมากและค่าตอบแทนก็น้อย แต่การได้สู้ กับคนที่เก่งกว่า หรือคนที่ชอบ อะไรแบบเดียวกัน มันคือความสุข ของคนที่รักการต่อสู้ซึ่ง ตอบได้เลยว่า คนที่ไม่ชอบ เขาก็จะมองพวกเราบ้า แต่กับคนคนที่ชอบ การต่อสู้ ถ้าถามว่าคุณชอบกีฬาอะไรมากที่สุด เขาจะตอบเป็นเสียงเดียวกันก็คือ “ มวยไทย ( Muay Thai ) ”

 

มวยไทย ( Muay Thai ) มีเอกลักษณ์ ที่เด่นก็คือ อาวุธ และท่าทาง ที่ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งมีรูปแบบ ไม่เหมือนแบบอื่น ซึ่งอาวุธ แต่ละอย่าง ที่ออกมานั้น ล้วนแต่อันตราย โดนที มีหลับคาเวที ซึ่งปัจจุบันนี้ คนที่ใช้ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ แค่คนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติ ก็เริ่มใช้ได้ เหมือนกันแล้ว แต่การใช้พิษ สงยังไม่เท่าคนไทย เพราะการศอก และเข่า ยังสู้คนไทยไม่ได้ ซึ่งอันนี้แหล่ะ คือไม้เด็ดของ มวยไทย ( Muay Thai )  เป็นอาวุธ ที่คนไทยใช้แล้ว มีประสิทธิภาพมาก เพราะชาวต่างชาติ ยังใช้ได้ไม่ดีเท่า ซึ่งสองอาวุธนี้ เป็นการใช้ ระยะประชิดซึ่ง ชาวต่างเป็นนักมวย ที่ใช้หมัด และเตะหนัก เวลาขึ้นชก ชาวต่างชาติ ก็พยายาม ให้อยู่ในระยะ ที่ตัวเองชกได้ แต่พอคนไทย ได้เข้าไปล็อกคอ ตีเข่า เมื่อไร เป็นอันเสร็จทุกหลาย ซึ่งสิ่งนี้ ชาวต่างชาติ ยังเลียนแบบไม่ได้ ถึงแม้ จะเรียนมาแต่ลักษณะ บางอย่าง ก็เลียนแบบไม่ได้ จึงทำให้ มวยไทย ( Muay Thai ) ยังเป็นอาวุธที่คู่คนไทยตลอดไป

 

กฏข้อบังคับการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )

 

กฏข้อบังคับการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) การแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai )  จำนวนยกในการแข่งขันทั้งหมดมี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที จะไม่มีการเพิ่มรอบโดยไม่ได้รับอนุญาต นักมวยจะต้อง ใช้นวมขนาดไม่น้อยกว่า 6 ออนซ์ (172 กรัม) ซึ่งนวมที่สวม ใส่จะต้องไม่ถูกบีบ หรือบดเพื่อเปลี่ยนรูปทรงของนวม

 

ระเบียบการสำหรับการแข่งขันชกมวยไทย ( Muay Thai )

 

- ต้องสวมกางเกงขาสั้นเพียงครึ่งโคนขาให้เรียบร้อยไม่สวมเสื้อและรองเท้านักมวยมุมแดงให้กางเกงสีแดง ชมพู สีเลือดหมู หรือสีขาวที่มีแถบแดงคาด นักมวยมุมน้ำเงินใช้กางเกงสีน้ำเงิน และสีดำ ห้ามคาดแถบสีแดง และต้องสวมเสื้อคลุมตามข้อบังคับสภาพ มวยไทย ( Muay Thai ) โลก

 

- ต้องสวมกระจับที่ทำขึ้นจากวัสดุแข็งแรงทนทาน และได้รับการรับรองจากสภา มวยไทย ( Muay Thai ) โลก เมื่อถูกตีด้วยเข่าหรืออาวุธในการต่อสู้อย่างอื่น ตรงบริเวณอวัยวะเพศจะไม่ทำให้เกิดอันตราย การผูกกระจับต้องผูกปมไว้ด้านหลัง และต้องผูกด้วยเงื่อนตาย เก็บปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย

 

- ห้ามไว้ผมยาวรุงรัง และห้ามไว้เครา อนุญาตให้ไว้หนวดได้แต่ต้องยาวไม่เกินริมฝีปาก เล็บเท้า ต้องตัดให้เรียบและสั้น

 

- ต้องสวมมงคลผ้าประเจียด หรือรัดเกล้า เฉพาะเวลาร่ายรำไหว้ครู ก่อนทำการแข่งขันเท่านั้น เครื่องรางอนุญาตให้ผูกที่โคนแขน หรือเอว แต่ต้องหุ้มผ้าให้มิดชิดเรียบร้อย เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่คู่แข่งขัน

 

- อนุญาตให้ใช้ปลอกยืดรัดข้อเท้ากันเคล็ด สวมข้อเท้าได้ข้างละไม่เกิน 1 อัน แต่ห้ามมิให้เลื่อนปลอกรัดขึ้นไปเป็นสนับแข้งหรือม้วนพับลงมา และห้ามใช้ผ้ารัดขาและข้อเท้า

 

- ห้ามใช้เข็มขัดหรือสิ่งที่เป็นโลหะ สร้อย ฯลฯ

 

- ห้ามใช้น้ำมันวาสลิน น้ำมันร้อน ไขหรือสมุนไพร หรือสิ่งอื่นที่ทำให้คู่แข่งขันเสียเปรียบหรือเป็นที่น่ารังเกียจทาร่างกายหรือนวม

 

- ฟันยาง ผู้แข่งขันต้องใส่ฟันยาง

 

กติกาการแข่งขันมวยไทย

กีฬามวยไทย สามารถใช้ได้ทุกส่วนของอวัยวะของร่างกาย และถือว่าอันตรายมาก ๆ ในปัจจุบัน นักมวย ต้องสวมนวมขนาด 4 ออนซ์ สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้าหรือไม่ก็ได้ มวยไทยจะชกด้วยกันทั้งหมด 5 ยก โดยจะขึ้นชก 3 นาที พัก 2 นาที การแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1 คน กรรมการในการให้คะแนนข้างเวทีอีก 2 คน ให้คะแนนยกละ 10 คะแนน การแข่งจะแบ่งเป็นรุ่นตามน้ำหนัก

 

การให้คะแนน

- ฝ่ายใดใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ถูกต้องตามกติกา กระทำคู่ต่อสู้ได้หนักหน่วง บอบช้ำ และรุกมากกว่าเป็นผู้ชนะ

- นักมวย ฝ่ายใด มีชั้นเชิงมวยไทย ในการ รุก รับ หลบ ตอบโต้ ได้ดีกว่าเป็นผู้ชนะ

 

การฟาวล์

- หากผู้เล่นทำฟาวล์ ( foul ) ต้องตัดคะแนนตามที่ผู้ชี้ขาดสั่งให้ตัดคะแนน

- ถ้าผู้ตัดสินเห็นการฟาล์วอย่างชัดเจน แต่ผู้ชี้ขาดไม่เห็น ผู้ตัดสินสามารถตัดคะแนนตามความเหมาะ พร้อมระว่าทำฟาวล์ด้วยเหตุผลใด

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับ  มวยไทย ( Muay thai )  ( Muay thai )

หุ่นสวยด้วย  มวยไทย ( Muay thai )  ( Muay thai )  เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

มวยไทย กับการ ออกกำลังกาย ด้วย กระสอบทรายตั้งพื้น

มวยไทย กับการ ออกกำลังกาย ด้วย กระสอบทรายตั้งพื้น

หากการ ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย เรียกว่าเป็นการออก เหงื่อ หนึ่งในวิธีที่ได้ ประโยชน์ แก่ สุขภาพ มากที่สุด คุณต้องไม่พลาดกับการออกอาวุธโดยการ เตะ กระสอบทรายตั้งพื้น ที่สามารถเรียก เหงื่อ ได้เยอะมาก

 

     ถ้าคุณเป็นหนึ่งคน ที่มักเข้าไป ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย ใน ยิม มวย บ่อยๆ คุณย่อมต้องเข้าใจดีว่าการออก เหงื่อ ด้วยการ ออกกำลังกาย กับ กีฬา มวยไทย เป็นอะไรที่ได้ ประโยชน์ แก่ สุขภาพ ร่างกาย เป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าคุณย่อมต้องเคยออกอาวุธ โดยการ เตะ หรือ ชก กระสอบทราย เป็นประจำบ่อยๆ รู้หรือไม่ว่า เพียงแค่คุณ ชก หรือ เตะ กระสอบทราย เป็นประจำทุกวัน ย่อมสามารถช่วยสร้าง ประโยชน์ แด่ สุขภาพ ได้อย่างมาก ฉะนั้นแล้ว หากคุณมีความรู้สึกชื่นชอบ ในการ ออกกำลังกาย ด้วยการ เตะ กระสอบทราย คุณต้องไม่พลาดกับ  กระสอบทรายตั้งพื้น อย่างแน่นอน

 

     การ ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย คุณสามารถจะออก เหงื่อ ได้หลากหลาย ประสิทธิภาพ การทำงานของ ร่างกาย เรียกได้ว่า กีฬา มวยไทย ให้คุณได้ทุกส่วน อย่างมาก อีกอย่าง เรื่องของ สมรรถภาพทางกาย ยังให้ผลที่ดี และแข็งแรง เป็นอย่างมาก รวมถึงการ ออกกำลังกาย ด้วยการ เตะ หรือ ชก กระสอบทราย ก็ทำให้คุณสามารถเสีย เหงื่อ ได้มากกว่าที่คิด  

 

กระสอบทรายตั้งพื้น อุปกรณ์ ชก มวยไทย สุดเจ๋ง ที่ให้ ประโยชน์ ได้ทุกส่วน

     แน่นอนว่าคุณสามารถจะ ออกกำลังกาย ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะออก เหงื่อ แถวบ้านคุณ หรือแถว สวนสาธารณะ แต่เราสามารถ รับประกัน ให้คุณได้ทันทีว่า หากคุณมา ออกกำลังกาย ใน สนามยิม หรือ สนามมวย คุณสามารถจะ ออกกำลังกาย เรียก เหงื่อ ได้ดีกว่า อย่างแน่นอน และการ เตะ กระสอบทราย ก็เป็นดั่งทางเลือกชั้นดี ที่สามารถสร้าง ร่างกาย ที่ แข็งแรง ให้คุณได้

 

     กระสอบทราย เป็นดั่ง อุปกรณ์ คู่ซ้อมมวย ที่เป็นของคู่กันกับ นักมวย เวลาซ้อมเพื่อเตรียมจะขึ้นชก นอกเหนือจาก คู่ซ้อม กระสอบทราย ที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ กระสอบทราย ที่ติดกับแขวนอยู่กับ ผนัง มีโซ่แขวน คุณต้องไม่พลาดกับ กระสอบทรายตั้งพื้น ที่มี ความสูง ไม่มากหรือน้อย จนเกินไป ที่สามารถให้ ประโยชน์ แด่ร่างกายคุณได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง เตะ หรือ ชก แล้ว ก็ยังไม่เจ็บง่าย เพราะด้วยหนังที่มี คุณภาพ ดี และยังสามารถ ถ่วง น้ำหนัก ได้ดีอีกด้วย

 

กระสอบทรายตั้งพื้น กับ เทคนิค การออก เหงื่อ ที่ได้ ประโยชน์ อย่างแท้จริง

     ก่อนอื่นเลย ให้คุณลองง้างขา เตะ แบบเบสิคง่ายๆ ก่อน เพราะการ เตะ แบบง่ายๆ คุณจะได้ข้อดีในการ เตะ แบบง่ายๆ อีกทั้ง คุณยังสามารถจะยกพาไปไหนก็ได้ วางที่ใดก็ได้ ที่มี พื้นที่พอ ต่อการ ออกกำลังกาย ขั้นแรก ลองเริ่มด้วยการ เตะ แบบเบาๆ ก่อน ดังนี้

 

  1. ลองเตะ แบบง่ายๆ เบาๆ อย่างต่อเนื่อง แล้วค่อยๆ เพิ่มความรุนแรง และหนักหน่วงเข้าไป ให้คุณใช้ขา เตะ ด้านที่คุณมีความถนัดที่สุด ใส่ไปยังบริเวณ ลำตัว ด้านข้างของ กระสอบทราย
  2. เตะ เข้าไปเรื่อยๆ ไม่ถี่นัก ให้ติดต่อกัน ประมาณ 5 ครั้ง จากนั้นก็ค่อยให้เพิ่มเป็น 10 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มแรง เตะ เข้าไปเรื่อยๆ
  3. เมื่อ เตะ เบาๆ ไปแล้ว ก็ค่อยๆ เพิ่มแรง จับเวลาประมาณสัก 15 นาที รับรองได้ว่า คุณจะได้เสีย เหงื่อมี อย่างสมใจอยาก เป็นอย่างมาก

 

     คุณสามารถ ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย กับการ เตะ กระสอบทรายตั้งพื้น ที่ได้รับ ประโยชน์ อย่างมาก และหากคุณยังไม่เคย ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย คุณสามารถเรียนได้กับ ยิมมวย ใกล้บ้านคุณ และสถานที่ฝึกซ้อม มวยไทย ที่เราอยากแนะนำก็คือ เจริญทอง มวยไทย รัชดา ( jaroenthongmuaythairatchada ) สถานที่ฝึกซ้อม มวยไทย ชั้นนำ พร้อมอุปกรณ์ ออกกำลังกาย ครบครัน ตอบโจทย์ ทุกความต้องการ แด่คนอยากเรียน กีฬา มวยไทย ที่คุณ ไม่ควรพลาด

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ

- MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

ฝึก มวยไทย อย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด

ฝึก มวยไทย อย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด

การฝึก มวยไทย ( Muay thai )ในบ้านเราอาจเป็นประสบการณ์ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ เพราะภายใต้อากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่มีความชื้น การซ้อม และอาหาร ล้วนมีความแตกต่าง แม้แต่วิธีการสอนก็ยังไม่เหมือนกันวันนี้จะมาตีแผ่การฝึก มวยไทย ( Muay thai ) ที่หลายคนอาจถูกมองข้ามไป

 

ก่อนที่จะเริ่มต้น คุณต้องมั่นใจว่าคุณพร้อมเต็มที่ ไม่เช่นนั้นการ ฝึกมวยไทย ( Muay thai ) ของคุณอาจล้มไม่เป็นท่า

 

เตรียมร่างกายให้พร้อม

     หากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการฝึก มวยไทย ( Muay thai ) อย่างแท้จริง คุณต้องเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมและออกกำลังกายก่อนเสมอ คุณจะได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิ่งบนถนน นักมวยไทยจะวิ่งวันละสองรอบ ระยะทางมากกว่า 12 กิโลเมตร โดยปกติการวิ่งในตอนเช้าจะใช้เวลานานกว่าการวิ่งในช่วงบ่าย ดังนั้น คุณต้องเตรียมร่างกายให้ดีก่อนเริ่มวิ่ง

 

ปรับตัวเพื่อรับการฝึกซ้อม

     นักมวยไทยมักกระโดดเชือกในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนฝนตก อาจใช้เวลานานถึง 30 นาที ฝึกกระโดดเชือกเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เพื่อทำให้ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้าของคุณด้านขึ้น แต่ถ้าหากเกิดแผลแล้ว ให้ปิดด้วยผ้าพันแผล นอกจากนี้คุณจะต้องซิตอัพเยอะมาก ผิวหนังที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จะไปสัมผัสกับพื้นผิวอันขรุขระและพื้นผ้าใบ หรือเสื่อออกกำลังกาย ถ้าผิวหนังแห้ง ให้ใช้วาสลีนทาเพื่อลดแรงเสียดทาน

 

เลือกค่ายมวยที่เหมาะสม

     ขณะที่คุณเตรียมตัวและปรับสภาพร่างกาย ให้เริ่มหาค่ายมวยที่เหมาะกับความต้องการของตัวเอง ขั้นตอนนี้จะทำให้คุณได้รู้จักค่ายมวยไทยที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณมีจุดประสงค์ในการเรียนมวยไทยเพื่ออะไรก็ตาม คุณต้องหาค่ายที่สามารถช่วยคุณในเรื่องนั้นได้

 

หาทักษะ มวยไทย ( Muay thai ) ที่คุณชื่นชอบ

     ค่ายมวยทุกค่ายในประเทศไทยล้วนมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป บางค่ายมีชื่อเสียงในการปล้ำ บางค่ายเก่งเรื่องการเตะ และบางค่ายขึ้นชื่อในการฝึกนักกีฬาอย่างรอบด้าน ควรเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละค่าย และตัดสินใจจากสิ่งที่คุณอยากซ้อมมากที่สุด และดูว่าค่ายนั้นตอบโจทย์คุณได้หรือไม่

 

เตรียมสิ่งของที่จำเป็น

การฝึก มวยไทย ( Muay thai ) คุณต้องมีของใช้ที่จำเป็น เช่น นวม กางเกงมวย ฟันยาง และสนับแข้ง บ่อยครั้งที่ค่ายจะมีสิ่งของเหล่านี้ให้คุณใช้ แต่คงไม่ดีแน่หากต้องใช้แก้วน้ำและฟันยางร่วมกับคนอื่น

 

อย่าหักโหมเกินไป

     คุณอาจรู้สึกว่าซ้อมได้เต็ม 100 ในวันแรกของการฝึกฝน แต่ในวันที่สองและสาม ความเมื่อยล้าและความเจ็บปวดจะมาเยือน แต่หากคุณเป็นกรณีที่ตรงกันข้าม ก็อย่าหักโหม ขอให้ฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้าคุณฝืนตัวเอง คุณอาจได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ซ้อมอย่างต่อเนื่อง

 

     หากท่านอยากฟิตร่างกายกับ มวยไทย ( Muay thai ) ขอแนะนำ เจริญทองมวยไทย ยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์ดูแลอย่างใกล้ชิด

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

ศิลปะมวยไทย ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย

เทคนิคเข้าวงในแบบ มวยไทย มืออาชีพ

ต่อย มวยไทย อย่างไร ให้ หุ่นปัง

ต่อย มวยไทย อย่างไร ให้ หุ่นปัง

ออกกำลังกาย ด้วย การ ต่อย มวยไทย เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถ สร้าง หุ่นปัง ได้ เพียง เข้าใจ ในการ ฝึกฝน เกี่ยวกับ การ ต่อย มวยไทย ว่า มวยไทย มี ลีลา แบบใด ต่อยมวย แล้ว จะ ลดหุ่น ได้สุดปัง ขนาดไหน

 

ลีลา ของ มวยไทย

1.  มวยเกี้ยว หรือ มวยอ่อน

     นักมวย ใช้ชั้นเชิง ในการต่อสู้ ใช้ ไหวพริบ รวดเร็ว ในการแก้ปัญหา เข้าหา คู่ต่อสู้ ผ่านการ เคลื่อนตัวไปมา ทั้งซ้าย ขวา สลับกัน กลลวง หลายรูปแบบ ทำให้ คู่ต่อสู้ จับทาง มวย ยาก มวยเกี้ยว จะมี ท่าทาง ที่ แคล่วคล่อง ว่องไว ลูกล่อ ลูกหลอก  หลบหลีก สายตาแหลมคม  เวลารุก หรือ รับ รวดเร็ว เข้าระยะประชิด ด้วย ความเด็ดขาด แม่นยำ

 

     ฝึกฝนโดย : เยื้องย่างในน้ำ ตีให้น้ำกระเซ็น โดย ห้ามหลับตา แรงต้านของน้ำจะช่วยให้เมื่ออยู่บนบกจะสามารถรุกรับ ออกอาวุธได้อย่างรวดเร็วทั้งเท้า เข่า ศอก และหมัด เหมาะสำหรับคนที่มีรูปร่างเล็ก ผอมเพรียว

 

 

2. มวยหลัก หรือ มวยแข็ง

     นักมวย ที่มีวิธีการ ต่อสู้ อย่างรัดกุม สุขุมรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็น ท่าคุมมวย จดท่ามวย  การเคลื่อนไหว แต่ละก้าว เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่คึกคะนอง แต่ใช้ทุกอย่างในร่างกายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น สายตา การย่าง เข้าหา คู่ต่อสู้ เป็น มวย รอจังหวะเข้า ทำ ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามรุกเข้ามาก่อน ฉวยโอกาสเข้าทำ ได้ทั้ง น้ำหนักรุนแรง และ แม่นยำ

 

     ลักษณะประเภท มวยหลัก จะถูกฝึกสอนให้ ตั้งรับ รอจังหวะ ใช้ ความสุขุมเยือกเย็น ลำหัก ลำโค่นดี ใช้ ศิลปะมวยไทย ได้หนักหน่วง รุนแรง และแม่นยำ เหมาะสำหรับ คนที่มีรูปร่างใหญ่ และ ใจเย็น

 

     ไม่ว่าจะ มวยหลัก หรือ มวยเกี้ยว ต่างมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดย มวยหลัก จะมีความรุนแรงในการใช้ เท้า เข่า ศอก ส่วน มวยเกี้ยว จะใช้ เท้า เข่า หมัด ศอก ได้รวดเร็วกว่า แต่ไม่รุนแรงเท่า มวยหลัก

 

     ลีลา มวยไทย ( muay thai ) ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และจิตใจ ของแต่ละคน สำหรับผู้ที่รูปร่างสันทัด ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป สามารถฝึกฝนในลักษณะผสมผสาน ระหว่าง มวยหลัก และ มวยเกี้ยว ควบคู่กันไปได้ โดยมีทั้งความว่องไว และ รุนแรง ในการใช้ เท้า เข่า หมัด ศอก

 

 

มวยไทย ( Muaythai ) ช่วยให้หน้าท้องแบนราบ

     อยากมีซิกซ์แพค ( Six Pack ) ชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพ ( SIT UP ) แล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้นและเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพ กับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และ เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

 

มวยไทย ( Muaythai ) ได้ออกกำลังกาย ทุกส่วนของร่างกาย

     ต่อยมวย เพื่อให้ทุกส่วนของ ร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกาย และระบบไหลเวียนโลหิต แล้ว ต่อยมวย ช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับการ ทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้ และความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้ได้กล้ามเนื้อ ทุกส่วนอย่างเต็มที่ เป็นตัวช่วยในการ ลดน้ำหนัก ที่ดี เบิร์นไขมันสะสม เพิ่มความแข็งแรงของ กล้ามเนื้อ ไปพร้อมกัน

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เพิ่มความสูง

     กีฬาประเภท ต่อสู้ เตะ ต่อย ซึ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่นิยมเล่นกัน แถมยังเป็น กีฬา ที่ช่วย เผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ของร่างกาย นอกจากจะทำให้สูงแล้ว หุ่นเฟิร์ม กระชับ และมี กล้ามเนื้อ ที่แข็งแรงอีกด้วย

 

 

น้ำมันมวย

     น้ำมันมวย เป็นภูมิปัญญาโบราณของคนไทย ที่ประกอบไปด้วยตัวยาหลัก คือ เมนทอล เมทิลซาลิไซเลท  และการบูร ทำงานออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน โดยเมทิลซาลิไซเลทจะออกฤทธิ์ร้อน  ส่วน เมนทอล จะเย็น

 

วิธีใช้ น้ำมันมวย

ชนิดครีม : เหมาะสำหรับการเล่นกีฬา หรือ การออกกำลังกาย

ชนิดน้ำ : เหมาะสำหรับการเล่นกีฬา หรือ ออกกำลังกาย ที่ต้องใช้ กล้ามเนื้อ อย่างหนักหน่วง

ชนิดสเปรย์ : เหมาะสำหรับการเล่นกีฬา หรือ การออกกำลังกาย น้ำมันมวย ชนิดนี้ พกพาง่าย ใช้งานง่าย

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

ยูโด VS มวยไทย

มวยไทย VS กังฟู

ศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) กับการออกกำลังกาย

ศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) กับการออกกำลังกาย

ศิลปะการต่อสู้ ที่บ้านเราคงรู้จักกันดีเลย คือ มวย ไทย เป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งที่คนนิยมกัน จนในปัจจุบัน ได้นำมาผสมผสานกัน จนเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนำมาประยุกต์ ให้หลายคนเล่นได้

มวยไทย (
Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) ประจำชาติไทย ที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ในอดีตเราฝึก ศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) เพื่อต่อสู้กับข้าศึก การป้องกันตัว และต่อมาก็ฝึกเพื่อการกีฬา ในปัจจุบัน ศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) ไม่ได้ฝึกไว้แค่เป็น การกีฬา หรือการป้องกันตัว เพียงอย่างเดียว แต่ยังฝึกเพื่อการออกกำลัง ( Exercise ) อีกด้วย

ทุกอย่างบนโลกล้วนมีความเปลี่ยนแปลง ตามกาลเวลา ศิลปะการต่อสู้
( Martial arts ) ก็เช่นกัน ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมากเลยทีเดียว อย่างที่เรารู้กันว่าในอดีต เราฝึกศิลปะการต่อสู้ ( Martial arts ) เพื่อ การป้องกันตัว แต่ระยะเวลาเปลี่ยน เราก็พัฒนามาเป็น การออกกำลังกาย ( Exercise ) ในรูปแบบหนึ่ง

การฝึก มวยไทย (
Muay Thai ) ก็สามารถฝึกได้คนเดียว เพราะอย่างไร เราก็ได้ ออกกำลังกาย ทุกส่วนของร่างอยู่แล้ว การออกกำลังกาย ( Exercise ) โดยการฝึกมวย สิ่งแรกที่เราจะได้เลย คือ ความกระชับของกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงให้กับร่างกาย ส่งผลดีต่อ ระบบการไหลเวียนโลหิต ระบบการหายใจ การทำงานของระบบหัวใจ ระบบปอด หลอดเลือด หากเราเจอเหตุการณ์ณืที่ไม่คาดคิด ก็สามารถใช้วิชาศิลปะการต่อสู้ ที่ฝึกมาได้

การเรียนมวยไทย ( Muay Thai ) มีประโยชน์ ทั้งต่อร่างกาย และจิตใจ ดังนี้

ฝึกความแข็งแรงให้ร่างกาย
กีฬา และการออกกำลังกาย
( Exercise ) แต่ละแบบ จะช่วยให้ร่างกายแข็ง การออกกำลังกาย กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และฝึกความแข็งแรง ให้กับร่างกาย มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องใช้ทักษะการฝึกหลายอย่าง โดยจะใช้ทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เราจะได้ความแข็งแรงทุกส่วนของร่างกายเช่นกัน

ฝึกการจัดระเบียบของร่างกาย
มวยไทย ( Muay Thai ) มีท่าทาง หรือที่เรียกว่าเพลงมวย ซึ่งเป็นท่าทางที่ต้องอาศัยการฝึกฝน และความชำนาญ กว่าจะได้เป็นเพลงมวยที่สวยงาม มวยไทย นอกจากใช้เพื่อการต่อสู้แล้ว ยังสามารถใช้สำหรับการแสดงได้อีกด้วย เพราะมีการวางท่าทางที่สวยงาม และการจัดระเบียบร่างกายที่ดี ทำให้มีบุคลิกภาพดี และมีความยืดหยุ่นสูง

ฝึกไหวพริบ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
การเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เมื่อมีคู่ต่อสู้ เราจะไม่สามารถคาดเดาคู่ต่อสู้ได้ อย่างแม่นยำแน่นอน แต่ถ้าหาก เราเรียนมวยไทย ( Muay Thai ) เราจะต้อง มีทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การตั้งรับ และการหลบหลีกต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งทักษะการคิด และการเอาตัวรอดนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ฝึกระเบียบวินัย
กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) จะเน้นการฝึก เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทนทาน และฝึกให้มีพละกำลัง จำเป็นต้องฝึกฝนร่างกาย กันอย่างหนัก เพื่อให้ร่างกายเราแข็งแรงอยู่เสมอ การฝึกฝนร่างกาย ให้พร้อมกับการต่อสู้ จึงจำเป็นต้องมี ระเบียบวินัย ในการออกกำลังกาย ( Exercise ) อย่างสม่ำเสมอ

ฝึกเป็นอาชีพ
การฝึกมวยไทย ไม่เพียงแต่เป็นกีฬา แต่สามารถฝึก เพื่อยึดเป็นอาชีพหลักได้ หากเราชอบที่จะชกมวย หรือฝึกมวย แล้วสามารถฝึกฝึกฝนอย่างชำนาญ สามารถขึ้นสังเวียนชกได้ หากเราขึ้นจนเจนสังเวียนแล้ว อยากออกมาเป็นโค้ช หรือว่าครูฝึก ก็ได้เหมือนกัน

หากเรา ฝึกฝนมวยไทย
( Muay Thai ) ในการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายเราแข็งแรง มีพละกำลังแล้ว อีกอย่างที่เราจะได้จาก การเรียนมวยไทยเลย ( Muay Thai ) คือ การป้องกันตัว เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์คับขัน

การออกกำลังกาย
( Exercise ) ทุกประเภทล้วนมี ประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งสิ้น แต่การออกกำลังกาย ( Exercise ) โดยการฝึกมวยไทย จะได้รับประโยชน์ ในหลาย ๆ ด้าน และช่วยให้ กระชับทุกส่วนของร่างกาย การออกกำลังกายแบบมวยไทย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี หากใครไม่รู้จะเริ่มต้นฝึกที่ไหน เจริญทองมวยไทยรัชดา ( Jaroenthong muay thai ratchada ) มีเปิดสอน สามารถเข้าไปเรียน เพื่อฝึกการออกกำลังกาย แบบฉบับมวยไทยได้

บทความเพิ่มเติม

ฟิตหุ่น สร้างกล้ามเนื้อ แบบเจ้าสังเวียน
ประเภทของกีฬา มวยไทย Muay thai

 

ฟิตหุ่น สร้างกล้ามเนื้อ แบบเจ้าสังเวียน

ฟิตหุ่น สร้างกล้ามเนื้อ แบบเจ้าสังเวียน

ในการออกกำลังกาย สามารถออกได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล หากใครที่อยากจะ ฟิตหุ่น สร้างกล้ามเนื้อ แบบนักมวยแล้วล่ะก็ เรามีเคล็ดลับมาฝากให้เพื่อน ๆ ได้ลองออกกำลังกาย แบบเจ้าสังเวียน

ก็อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า นักมวย (
Boxer ) เป็นอาชีพที่ต้องมีร่างกาย อึด ถึก ทน อย่างมาก เพราะต้องรับหมัดของคู่ต่อสู้ และมีความแข็งแกร่งของร่างกาย สามารถโจมตีคู่ชกกลับไป การออกกำลังกายแบบ นักมวย ( Boxer ) จึงฝึกฝนกันอย่างหนักหน่วง มากกว่าการออกกำลังกายแบบปกติ

มาลองดูกันว่านักมวยอาชีพ ( Professional Boxer ) เขาทำอย่างไรให้ร่างกายฟิต

Shoulder Presses

Shoulder Presses เป็นท่าที่สร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่ได้อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลัก คือ ดัมเบล (Dumbbell ) ถ้าหากไม่มีจะใช้เป็นขวดน้ำก็ได้ แล้วจับให้มั่นจากนั้นดันขึ้นเหนือหัว ละลง อย่างต่อเนื่อง

Clap Press – Up

Clap Press – Up เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ง่าย และสามารถทำตอนไหนก็ได้ ท่านี้ไม่ได้เพิ่มแค่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยปรับเรื่องของ Body Balance ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับนักมวย

Plank

เป็นท่าที่ทำยาก และทรมานที่สุด เพราะต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายหลาย ๆ ส่วน เป็นท่านักมวยทุกคนให้ความสำคัญ ลองทำควบคู่กับการ Crunches และ Sit Up จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น Plank จะเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายส่วนกลาง ให้ทนต่อหมดหนัก ๆ ของคู่ต่อสู้

คาร์ดิโอ ( Cardio ) 

ถ้าอยากมีหุ่นที่ฟิตแบบนักมวย ต้องเริ่มจาก คาร์ดิโอ ( Cardio )  เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทำโดยการ ซิทอัพ วิ่ง กระโดดเชือก ต้องฝึกแบบการกระโดดที่หลากหลาย และการฝึกความแข็งแรงของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เช่น การดึงข้อ การบริหารกล้ามเนื้อหลังแขน การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอลเทรนนิ่งในท่าทางต่าง ๆ

Foot work

Foot work ฝึกเพื่อใช้ในการหลบหลีกหมัดคู่ต่อสู้ ความว่องไวในการ Foot work จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับมือในการต่อสู้กับคู่ชกได้อย่างดี

Shadow Boxing

Shadow Boxing เป็นการฝึกชกลม เพื่อให้นักชกฝึกการออกหมัด และท่าทางที่ถูกต้อง การชกลมเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างเทคนิคการชก การรักษาน้ำหนักความแข็งแรงของร่างกาย และสามารถฝึกที่ไหนก็ได้ ที่ทำให้เราขยับช่วงบนได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น

Bag Work

Bag Work คือการต่อยกระสอบทราย ที่สามารถฝึกความแข็งแกร่งของหมัด สายตา และการป้องกัน

Skipping

Skipping เป็นการหลบหลีกหมัดของคู่ต่อสู้ อาศัยความว่องไวของ Foot work ทำได้ง่าย ๆ โดย มีเชือกเส้นเดียวกับลานโล่ง ๆ Skipping เป็นสิ่งสำคัญของนักมวย จะขาดไม่ได้ในเวลาซ้อม และยังเป็นท่าที่ใช้รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ

Push Ups

Push Ups เป็นท่าที่ทำยาก สำหรับคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายโดย Push Ups จะให้ประโยชน์กับกล้ามเนื้อหลายส่วน รวมถึงเพิ่มแรงผลักเวลาที่ต้องคลุกวงกับคู่ต่อสู้ จึงเป็นที่นิยมกันในหมู่นักมวย

Squats

Squats เป็นการออกกำลังกายที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกายในส่วนล่าง เพราะนักมวยจะต้องมีการยืนที่มั่นคง พร้อมที่ปล่อยหมัดเพื่อรุกผู้ต่อสู้ได้ตลอดเวลา หากทำท่า Squats ร่วมกับท่าบริหารสะโพกส่วนอื่นให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีช่วงล่างที่แข็งแรงแน่นอน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

Chin Ups

Chin Ups เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ช่วงบนแข็งแรง และสมส่วน จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ช่วงแขน อก ไหล่ ในท่าเดียวกัน แต่ไม่ควรหักโหมเกินไปจนกล้ามเนื้อบาดเจ็บ

Burpees

Burpees เป็นหัวใจสำคัญในการออกกำลังกายให้ได้ผล หากใครอยากมีรูปร่างที่สมส่วน  ถ้าทำท่า Burpees อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักตัว หรือเพิ่มความแข็งแรงในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วย

ส่วนมาก นักมวยไทย จะมีการฝึกซ้อมอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ต่อวัน นอกเหนือจากการฝึก โดยใช้เป้าตีท้อง หรือหมัดต่อยที่ท้อง เพื่อให้ กล้ามท้องของเขา ทนทานต่อการรับแรงกระแทก

การทำกล้ามท้อง สามารถฝึกได้โดยมีกระบวนการ ตั้งแต่การซิท อัพ ( Sit Up ) การหมุนตัว ( Oblique Twists ) การกระโดดเชือก ( Skipping Rope ) ไปจนถึงการฝึก ตีเข่า ฝึกเตะ ฝึกหลบ ชกเป้า ที่ช่วยเสริมสร้างให้ บริเวณหน้าท้องแข็งแรง รวมถึงยังทำให้ บาลานซ์ร่างกาย และการเคลื่อนไหวดีขึ้นอีกด้วย

การออกกำลังกายด้วยท่าทั้งหมดที่เรามาฝากเพื่อน ๆ กันนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ นักมวย ( Boxer ) ต้องใช้ฝึกเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทนทานต่อหมัดคู่ต่อสู้ได้ หากเราทำโดยไม่ได้ฝึกหนักขนาดนักมวยก็ได้

การฝึกท่าของนักมวย จะช่วยให้ หุ่นฟิต และสามารถ สร้างกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรงได้ ถึงจะไม่ได้เป็นนักมวยอาชีพก็ตาม แต่เราสามารถฝึกเพื่อเพิ่มทักษะต่าง ๆ และช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตามมาด้วย

 

บทความเพิ่มเติม
มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ
การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ VS สมัยปัจจุบัน

 

มากกว่าคำว่า ศิลปะมวยไทย

มากกว่าคำว่า ศิลปะมวยไทย

ทุกวันนี้ มวยไทย ใการนำมาใช้ในการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cardio Boxing, Body Combat, Boxing Dance เรียกได้ว่า พื้นฐานเรื่องของมวยไทย ซึ่ง เจริญทองมวยไทยรัชดา ให้ความสำคัญแก่เรื่องนี้

 

Cardio Boxing มีดีอย่างไร ?

 - เป็นศิลปะป้องกันตนเอง

 - เพิ่มความทนทานในการออกกำลังกาย แบบ Cardiovascular

 - เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้อง

- ลดน้ำหนัก กระชับรูปร่าง

 - พัฒนาสมดุลของร่างกาย

 - ลดความเครียดจากการทำงาน

 - เผาผลาญได้มากถึง 800 Cal / ครั้ง

 

Cardio Boxing

     คือ การผสมผสานการชกมวยมวยสากลกับมวยไทยเข้าด้วยกัน แต่มีการเพิ่มความสนุกสนานในการฝึกกับ Personal Trainer ทำให้การเตะ การต่อยมวย เป็นเรื่องสนุก ตื่นเต้น และใครๆ ก็ฝึกได้ โดยเน้นไปที่การทำงานของระบบหัวใจ และ หลอดเลือด และ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของระบบกล้ามเนื้อเป็นหลัก การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น

 

 

 Body Combat คือ การออกกำลังแบบใด

     Body Combat การออกกำลังกายที่ดัดแปลงมาจากการต่อสู้ โดยนำท่าทางการต่อสู้ต่างๆ มิกซ์เข้ากับเสียงดนตรี เสียงเพลง เป็นรูปแบบการออกกำลังกายแบบกลุ่ม ส่วน Cardio Boxing การผสมผสานของการต่อยมวย กับ การออกกำลังกาย สามารถสอบถามได้ตามฟิตเนส ( fitness ) สอบถามจากเทรนเนอร์ และหากใครที่อาศัยอยู่ในย่านรัชดา เราขอแนะนำ ค่าวมวยไทย เจริญทองมวยไทย รัชดา เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทุกวัน อุปกรณ์ที่ครบครัน บรรยากาศดี เป็นกันเอง เป็นอีกสถานที่ผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

 

BOXING DANCE

     ศิลปะ มวยไทย ผสมผสานเข้ากับเสียงเพลง เพิ่มความสนุกไปกับการออกกำลังกาย ปั้นหุ่น ให้ดูกระชับ อีกทั้ง ยังช่วยในเรื่องการไหลเวียนเลือด ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

     เน้นการออกกำลังที่ใช้ หมัด เข่า ศอก หัว ผสมการออกสเต็ปเป็นจังหวะเต้นไปชกไปประมาน 5 นาที ท่าหมัดตรงเป็นท่าชกที่ใช้สกัดการบุกของคู่ต่อสู้ โดยเหยียดแขนออกให้ตรงที่สุด และรักษาให้อยู่ระดับไหล่ หมุนข้อมือคว่ำลงให้สันหมัดถูก หมัดฮุก เป็นท่าชกที่เป็นท่าชกที่ใช้ในระยะประชิดตัว โดยงอแขนท่อนล่างให้ทำมุมกับแขนท่อนบนเป็นมุม 90 องศา

 

     เวลาออกหมัดให้กระตุกหัวไหล่ ใช้แรงส่งของหมัดที่ออกจากปลายเท้าไล่มาตามสะโพก และ หัวไหล่ เพื่อให้การเคลื่อนไหวของหมัด ข้อศอก รวมไปถึงไหล่ เคลื่อนที่ในจังหวะเดียวกัน หมัดอัพเปอร์คัต ชกที่บริเวณลำตัว หรือ ปลายคาง โดยให้สืบเท้าข้างตรงข้ามกับหมัดเข้าไปใกล้คู่ต่อสู้ งอเข่า และ ย่อตัวลงเล็กน้อยลดแขนข้างที่จะชกลงตรงๆ ใช้กำลังส่งจากเท้าหลัง หงายหมัดแล้วกระตุกขึ้นข้างหน้า เพื่อชกขึ้นให้ถูกเป้าหมาย

 

 

มวยไทย ฟีเว่อร์ ( Muay thai )

     มวยไทย ฟีเว่อร์ สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay thai ) สำหรับการออกกำลังกาย เพราะกระบวนท่าในการต่อย มวยไทย นั้น สามารถนำมาใช้เป็นทางออกกำลังกายได้ เรียกได้ว่า สามารถเฟิร์มร่างกายได้ทั้งตัว หากต่อย มวยไทย อย่างต่อเนื่อง แต่การต่อยมวยไทย ในฟิตเนสอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้น ควรเข้าไปเรียนกับครูมวย จริงๆ ค่ายมวย ที่สอนศิลปะต่อยมวยไทย อย่างแท้จริงจะดีกว่า ขอแนะนำค่ายมวยไทย เจริญทองมวยไทย รัชดา มีครูมวยที่สามารถให้คำแนะนำด้านการเรียนได้

 

     หากเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันตัว เพราะเราได้รับการฝึกจาก โดยจะมีครูมวย การันตีเรื่องความช่ำชองเกี่ยวกับ มวยไทย ( Muay thai ) หากเรามีวินัย หมั่นฝึกฝน ไม่ดีกับใคร นอกจากตัวเราเอง

 

มืออาชีพเป็นได้ไม่ยาก สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay thai )

1. ควบคุมอาหาร หากคุณเป็นนักมวยที่เตรียมขึ้นชก อาหารประเภทโปรตีนคือสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุด อาทิ ปลา ไก่ ไข่ เนย ถั่ว รวมถึงผักผลไม้ และไขมันที่เหมาะสมกับร่างกายอาทิ อะโวคาโด

 

2. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ คือแนวทางที่ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ โยคะ คือวิธีการที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่ความจริงแล้วมันสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นและฝึกสมาธิไปในตัวด้วย

 

3. ครูมวยที่ดี อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมากสำหรับ การต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นพื้นฐาน ซึ่งครูมวย จะเริ่มต้นการสอน ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึง ระดับมืออาชีพ หากเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น movement, Self - defense, position

 

4.ความอดทนต่อการฝึกฝน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ต้องฝึกฝนเอง ไม่สามารถให้ใครมาช่วยเหลือได้ เริ่มต้นฝึกความอดทน ด้วยการ วิ่ง กระโดดเชือก และ ลุก - นั่ง คือ การสร้างความแข็งแร็ง สำหรับการต่อยบนสังเวียน

 

5. ยกระดับการออกกำลัง อีกหนึ่งขั้นของการฝึกความอึดและอดทด การจะเป็นนักมวยที่ดี อย่าลืมว่าตลอดการชก ขาของคุณต้องเคลื่อนไหวอยู่บนเวทีตลอดเวลา ฉะนั้นจำเป็นต้องยกระดับการออกกำลังเพื่อเพื่อความอดทน

 

6.ฝึกฝนจิตใจ กีฬามวย ไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยพละกำลัง  แต่มันยังวัดถึงความสามารถด้านกระบวนความคิด การตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้าเพียงเสี้ยววินาที

 

อ่านความเพิ่มเติมได้ที่

มวยไทย VS กังฟู

ยูโด VS มวยไทย

รู้เทคนิคลับ เพื่อป้องกันการ บาดเจ็บ จากการฝึก มวยไทย

รู้เทคนิคลับ เพื่อป้องกันการ บาดเจ็บ จากการฝึก มวยไทย

มวยไทย เป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่ปลายทั้งสองด้านของแรงที่พุ่งตรงมา หากต้องการชมการแข่งขันสดในฐานะผู้ชื่นชอบการเล่นเกมนั้นสวยงามและน่าทึ่ง แต่เมื่อคุณเป็นผู้หนึ่งในการต่อสู้ที่ดุเดือดมันอาจโหดร้าย จึงต้องเข้าใจวิธีป้องกัน เพื่อลดอาการ บาดเจ็บ

ตลอดหลายปีของการฝึกฝน และมีโอกาสชก มากกว่า 50 ครั้ง แต่ก็โชคดีที่ไม่จมูกหัก และเคยมีประสบการณ์ตาดำม่วง เพียงหยิบมือเดียวไม่ใช่ ทุกวันนี้ในด้านมือสมัครเล่น คู่แข่งสวมชุดป้องกันทั้งตัว ชุดป้องกันศีรษะ และหน้าอก รวมถึงแผ่นรองหน้าแข้ง และข้อศอก ซึ่งในที่สุดก็ออกมาสำหรับคู่แข่งในขณะที่พวกเขาไต่อันดับ วันรุ่งขึ้นหลังจากการต่อสู้ เป็นเรื่องยากความจุกในกล้ามเนื้อทุกส่วนเท้า และข้อเท้าบวม เหมือนฟุตบอลริมฝีปากอ้วน และต้องส่งเสียงครวญครางเมื่อนั่งลงยืนขึ้นและแม้กระทั่งพยายามนอน เท่าทุนสำหรับหลักสูตร
แม้ว่าการฝึกจะทำในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และมีการควบคุม ซึ่งการเตะและต่อยเพียงอย่างเดียว ที่โยนลงบนถุงเจาะและแผ่นรองของผู้ฝึกสอนของคุณจะทำได้ 100% แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บที่มีสีสันมากมาย ที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพื่อฝึกอบรม
ไม่ว่าคุณจะมีความเชี่ยวชาญระดับใด ก็ตามการจัดการอาการบาดเจ็บ ควรอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการลำดับความสำคัญของคุณ ความถี่ของการฝึกซ้อม ควรเป็นจุดสนใจที่สำคัญที่สุด เนื่องจากการฝึกทักษะใหม่ ๆ ซ้ำ ๆ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้จมอยู่กับมวยไทย
จากประสบการณ์ หากคุณไม่ได้รับการรักษา และจัดการกับอาการบาดเจ็บของคุณอย่างถูกต้อง มันจะส่งผลให้คุณมีปัญหามากขึ้นในอนาคต รายการต่อไปนี้แสดงรายละเอียดการบาดเจ็บ ที่ผู้ฝึกมวยไทยประสบบ่อยที่สุด

 

ฟกช้ำ

สำหรับตัวเอง และคนอื่น ๆ อีกหลายพันคนที่เริ่มต้นมวยไทย ในวันนั้นการดูการฝึกซ้อมขนานแท้ในประเทศไทย ดูเหมือนฉากที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Kickboxer ที่ Jean Claude Van Damme เล่า เตะฝ่าต้นปาล์มด้วยแข้งเปล่า แม้ว่าจะไม่รวมวิธีการฝึกเหล่านั้น แต่ความบ้าคลั่งที่ อยู่เบื้องหลังวิธีการของฮอลลีวูด ก็มีความจริงอยู่เล็กน้อย

หน้าแข้งเป็นรูปแบบการโจมตีและการป้องกันหลักของเราและไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเจ็บ รูปแบบที่พบบ่อยที่สุดในการโจมตีคู่ต่อสู้คือการเตะรอบบ้าน นอกจากนี้การสกัดกั้นการเตะประกอบด้วยการตรวจสอบ ด้วยหน้าแข้งของคุณ
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการเตะรอบมวยไทยกับศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ คือการใช้กระดูกหน้าแข้ง ในการสัมผัส และการติดตาม การเตะรอบมวยไทย เปรียบเสมือนการไดรฟ์ในการตีกอล์ฟมากกว่า การยิงลูกชิพที่หยุดอยู่ที่เป้าหมายกล่าว คือเป็นการสวิงแบบโฮมรันในกีฬาเบสบอลมากกว่าที่จะยิง การเตะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพลัง และทำตามเพื่อให้ได้รับความเสียหายสูงสุด
กล่าวได้อย่างปลอดภัยว่า แม้ว่าคุณจะทำงานแพดกับเทรนเนอร์ของคุณคุณอาจได้รับก้อน และการกระแทกเล็กน้อยจนกว่าคุณจะมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อคุณเจาะเตะกระเป๋าหนัก คุณจะเตะด้วยหน้าแข้งของคุณด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกหนีจากอาการฟกช้ำที่หน้าแข้งระหว่างการฝึก แต่มันจะดีขึ้น

ไม่มีวิธีที่รวดเร็วในการปรับสภาพคอของคุณ ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และสัมผัสกับการออกกำลังกาย หลังจากผ่านไปสองสามครั้ง คุณจะเริ่มสังเกตเห็นว่ากล้ามเนื้อคอ และไหล่ของคุณจะอ่อนนุ่ม และแข็งน้อยลง และจะสามารถทนต่อการเสียดสีของงานที่คลอนได้

 

ต้นขาช้ำ

กล้ามเนื้อที่จุกจะต้องเป็นหนึ่งในอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดในรายการนี้ สาเหตุหลักที่ คุณมีต้นขาที่จุกเพราะคุณไม่ได้บล็อก การเตะที่ต่ำ การเตะทั้งหมดควรได้รับการตรวจสอบ โดยให้ผลกระทบของการเตะของฝ่ายตรงข้าม ไปที่กระดูกหน้าแข้ง แม้ว่ามันจะฟังดูแย่ แต่ฉันก็เตะที่หน้าแข้งแล้วเตะแรง ๆ ไปที่ต้นขา
ชอบเตะที่หน้าแข้งด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกเรารู้อยู่แล้วว่า เมื่อคู่ต่อสู้ของเราพยายามเตะ พวกเขาใช้หน้าแข้งของพวกเขา ดังนั้นเราจึงมีความรู้นั้น เพื่อประโยชน์ของเราในการสกัดกั้นการเตะ และตั้งค่าการโจมตีตอบโต้ ประการที่สอง ถ้ากระดูกหน้าแข้งที่แข็งกระด้าง นั้นฝังเข้าไปในต้นขาที่ดี และอ่อนนุ่ม มันจะเจ็บทันที สิ่งที่ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงถ้าเป็นไปได้
หากเกิดขึ้นอีกสองสามครั้ง ฉันจะเริ่มสูญเสียความคล่องตัว และกลายเป็นเป็ดนั่ง เพราะเตะขามากขึ้น ในการชกแบบมืออาชีพ ฉันมักจะนับว่าเตะขากี่ครั้งที่ลงสนามในรอบแรก หรือมากกว่านั้น เป้าหมายของฉันคือการเตะขา 10 ครั้งให้เร็วที่สุด เพราะมันทำให้คู่ต่อสู้ของฉันช้าลงอย่างมากหากไม่จบการต่อสู้
การเตะขาที่ดีนั้นเปรียบเสมือน ของขวัญที่ให้อยู่เสมอ เพราะจะรู้สึกได้ทุกครั้ง ที่มีคนเดินขึ้นบันได หรือใช้ห้องน้ำประมาณหนึ่งสัปดาห์ การต่อสู้กับคนที่สามารถเตะขาได้อย่างมั่นคง แม้ในขณะที่สวมสนับแข้งป้องกันจะทำให้คุณมีรอยฟกช้ำที่เจ็บปวดเล็กน้อย
การซ้ำ กับการบาดเจ็บนี้ คือคุณสามารถป้องกันได้โดยส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่ง เวลาในการตอบสนองของคุณ และใช้สิ่งนี้เป็นโอกาสในการพัฒนาเทคนิคของคุณ โดยเรียนรู้ที่จะตรวจสอบ หรือถอยกลับ และตอบโต้การโจมตี อีกทางเลือกหนึ่งในการเตะที่ต้นขา คือเอาหน้าแข้งขึ้นมาขวางไว้

แข้งบนหน้า แข้งอาจเจ็บเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่าหลังจากเช็คหน้าแข้งไม่กี่ครั้งมันจะทำให้คู่ต่อสู้ของคุณคิดสองครั้ง เกี่ยวกับการขว้างขาเตะเข้าทางคุณ เพราะพวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดจากการเช็คด้วย

 

ซี่โครงช้ำ

หวั่นบาดเจ็บซี่โครง สิ่งเหล่านี้มักจะเป็นการบาดเจ็บประเภท ปีละครั้ง ถ้าโชคดี การบาดเจ็บที่ซี่โครง อาจเกิดจากการเตะ หรือเข่าไปที่ซี่โครงระหว่างการกอด หรือซ้อม ปัญหาของการบาดเจ็บที่ซี่โครง คือคุณไม่สามารถทำอะไรได้มากเกินไป เพื่อช่วยในการฟื้นตัว หากกระดูกซี่โครงของคุณหัก คุณจะไม่สามารถใส่เฝือกได้ และหาก คุณมีรอยช้ำระหว่าง กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง จะได้รับการเตือนกระบวนการรักษาจะใช้เวลามากขึ้น
อาการบาดเจ็บที่ซี่โครงที่ดี สามารถอยู่ที่นั่นได้สองสามเดือน และเมื่อคุณคิดว่าคุณผ่านพ้นไปแล้วการจามแบบสุ่ม หรือแนวหมัดตลก ๆ จะกระทบคุณในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ดังที่ฉันเพิ่งกล่าวไป เมื่อไม่นานมานี้ความเจ็บปวด ที่เรารู้สึกจะเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา และเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของคุณ จะยืดหยุ่นมากขึ้นต่อการประท้วงเหล่านี้ จนกว่าจะถึงเวลาดังกล่าวเรียนรู้ที่จะป้องกัน หรือหลบเลี่ยงการโจมตีเหล่านี้อย่างเหมาะสมโดยใช้เทคนิคของคุณ

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ
เรื่องต้องรู้ สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบมืออาชีพ

ยูโด VS มวยไทย

ยูโด VS มวยไทย

การต่อสู้ในแต่ละประเทศ ย่อมซ่อนความเป็นเอกลักษณ์เแพาะตัวเอาไว้ สำหรับ ยูโด การต่อสู้ผ่านการใช้ท่วงท่า ต่อสู้ ด้วยมือเปล่าแบบนักรบญี่ปุ่น กับ การต่อสู้ ผ่านศิลปะแบบไทย มวยไทย ฝึกสอนในด้านใดบ้าง

 

 ยูโด ( judo )  

      การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ที่ใช้สำหรับรบในสงครามในอดีต ได้แก่ การหอก ทวน หลาว ฟันดาบ ยิงธนู  ขี่ม้า ในส่วนของ  ยิวยิตสู ( Jujitsu ) เป็นการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าในระยะประชิดตัว ใช้อาวุธไม่ถนัด การต่อสู้แบบ   ยิวยิตสู ( Jujitsu ) เน้นทำให้ศัตรู อันตรายถึงชีวิต บางกรณี หวังเพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บ และ ยอมแพ้ ถ้าไม่ยอมแพ้อาจทำให้พิการ โดยใช้วิธีจับมือหักข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย

 

     นักรบญี่ปุ่นในอดีต จะต้องฝึกการต่อสู้วิชา  ยิวยิตสู ( Jujitsu ) ทุกคน บวกกับการฝึกฝนสมาธิไปด้วย ต้องมีความตั้งใจในการฝึก เพราะอาจเกิดอันตรายในการฝึกฝนได้ การทำร้ายคู่ต่อสู้ด้วย  ยิวยิตสู  ให้ลืมเรื่องเมตตา ความเห็นใจไปได้เลย เพราะกระบวนท่า จะใช้เทคนิคคอยหาโอกาสซ้ำเติมคู่ต่อสู้ตลอดเวลา จึงทำให้ครูอาจารย์ที่ตั้งสถานที่ฝึกฝน พยายามคิดค้นกระบวนท่าทาง วิธีแตกต่างกันออกไป

 

     ยิวยิตสู ( Jujitsu ) แบบดั้งเดิม เนื่องเพราะว่าเทคนิคอันตรายต่างๆ เช่น การจิ้มตา  ดึงผม เตะหว่างขา และอื่นๆ อาจทำให้คู่ฝึกซ้อมบาดเจ็บสาหัสจากการฝึกฝนได้ รวมทั้งการฝึกที่เรียกว่า กะตะ ( การฝึกแบบเข้าคู่โดยทั้งสองฝ่ายรู้กัน และ ฝึกตามท่าโดยที่ไม่มีการขัดขืนกัน ) แต่เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่ได้ประสิทธิภาพที่เพียงพอ เพราะเราจะไม่สามารถคาดหวังได้ว่าศัตรูของเรา จะให้ความร่วมมือในท่าที่เราฝึกมาโดยที่ไม่มีการขัดขืน

 

     ต่อมามีการปรับปรุงกระบวนท่าในการฝึกฝนมาเป็น  รันโดริ ( RANDORI ) คือ การฝึกซ้อมแบบจริง โดยใช้แนวความคิดว่า คู่ฝึก ทั้งสองใช้เทคนิคต่างๆ ที่ตนเรียนรู้มา เพื่อการเอาชนะอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้จะคุ้นเคยกับความรู้สึกต่อต้าน ขัดขืนจากคู่ต่อสู้ การฝึกแบบนี้สามารถพัฒนาจิตใจ ร่างกาย  และความคล่องตัวได้ดีกว่า เพื่อทำให้การฝึกซ้อมแบบ รันโดริ มีประสิทธิภาพมากขึ้น การล็อกสามารถทำได้เพียงแค่ข้อศอก ซึ่งปลอดภัยกว่าการล็อก สันหลัง ข้อมือ คอ  หรือหัวไหล่ การฝึกฝนแบบนี้จึงเรียกว่า ยูโด  ( judo )

 

    ปัจจุบัน ยูโด  ( judo )  กลายเป็นอีกหนึ่งกีฬาสากล หลักการในการฝึกฝน ยูโด คือ มุ่งบริหารร่างกาย และ จิตใจ ให้มีประสิทธิภาพ โดยออกแรงให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการเซฟร่างกาย และ ควบคู่แรงที่จะส่งไปยังฝ่ายตรงข้าม การฝึก ยูโด  ( judo ) ต้องมีการฝึกการต่อสู้ และ ป้องกันตัว เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกได้ออกแรง สร้างความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อ และระบบต่างๆ ของร่างกายได้ดี

 

ความคิดในการป้องกัน ( preventive ) ของ ยูโด  ( judo )

      คล้ายกับว่า ยูโด เน้นการตั้งรับ รอคอยจังหวะ ความได้เปรียบของอีกฝ่าย และชัยชนะ มากกว่าศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะคาราเต้ ( Karate ) หรือ เทควันโด ( Taekwondo )  ซึ่งมีกระบวนท่า เน้นไปที่การจู่โจมเข้าตีคู่ต่อสู้ ในลักษณะที่เน้นผสมผสาน ทั้งการรุก และ ตั้งรับ ( offensive-defensive ) ไว้ด้วยกัน

 

มวยไทย ( muay thai )

    การต่อสู้ ผ่านศิลปะของไทย ไม่ว่าจะเป็นเข่า ศอก และการออกหมัด  เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่ง ในการฝึกฝนต่อย มวยไทย ( muay thai ) นอกจากการใช้ฝึกฝนสำหรับคู่ต่อสู้แล้ว สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ อีกทั้งช่วยกระชับสัดส่วนที่ต้องการได้ โดยเฉพาะต้นแขน ต้นขา และในด้านของจิตใจ สามารถฝึกสมาธิไปในตัว ทำให้ผู้เล่นได้ประโยชน์ต่อร่างกาย และ จิตใจ มวยไทย สามารถนำมาใช้ในการป้องกันตัว เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงอันตราย สามารถนำ มวยไทย ใช้ต่อสู้ เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ได้ 

 

ค่ายมวย กับ เจริญทอง มวยไทย ( jaroenthongmuaythairatchada )

     ค่ายมวยย่านรัชดา เรียกได้ว่า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน เพราะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน เรียกได้ว่า เข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนกรุง ด้วยอุปกรณ์ สถานที่ บรรยากาศในค่าย ไหนจะเทรนเนอร์ และ ผู้ใช้บริการอื่นๆ อยากให้ทุกคนลองเข้ามาสัมผัส จะเห็นได้ความเป็นมืออาชีพ ครบวงจร ในทุกด้าน

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

เรื่องต้องรู้ สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบมืออาชีพ

อันตรายจากการ ชกมวย ลดการบาดเจ็บแค่ป้องกันให้ถูก

สร้างแรงบันดาลใจในการทำSixpack

มวยไทย VS กังฟู

มวยไทย VS กังฟู

การป้องกันตัวเอง จะฝึกฝนเป็นการออกกำลังกาย หรือ เอาดีเป็นอาชีพได้ สำหรับการต่อยมวย วันนี้เรามาดูกันว่า ระหว่างศิลปะของชาวจีน กังฟู ( kung fu ) กับ มวยไทย (muay thai ) ศิลปะของไทย ต่างกันอย่างไร

 

กังฟู ( kung fu )    

     กังฟู ( kung fu ) เป็นศิลปะการต่อสู้แสนมหัศจรรย์ ด้วยกระบวนท่าทางที่งดงาม บวกกับ เสน่ห์ชวนติดตามดู  การรวมเอาการต่อสู้จากหลานชนชาติ หลานชนเผ่า บางท่าดัดแปลงมาจากท่าสัตว์ รวมไปถึง หมอเทวดาฮัวโต๋ จนเรื่อยมา และรู้จักกันในนามว่า กังฟู สำนักวัดเส้าหลิน 

 

     ส่วยใหญ่ในไทย พวกเราสามารถเห็นได้มากในรูปของ  รำพัด ไทเก็ก   เรียกได้ว่า เป็นการออกกำลังกายสำหรับอาม่าอาเจ็ก หาได้ยาก ที่คนวัยทำงาน หรือ วัยรุ่น จะมีความสนใจใน ศิลปะ กังฟู ( kung fu )    

 

 

    ต่อสู้ในรูปแบบ กังฟู ( kung fu ) ต้นกำเนิดมาจากการเล่น โยคะ ( yoga ) ของท่านโพธิธรรม ผสมผสานร่วมกับปรัชญาขงจื้อ ในจีน  รูปแบบต่อสู้ของชาวจีน เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งศิลปะทางวัฒนธรรมที่มีความยาวนาน บทบาทสำคัญในทุกยุคสมัย ที่มีการรบทัพจับศึกของประเทศจีน อย่างยาวนาน

 

     คำว่า วูซู แปลตรงตัวว่า วิทยายุทธ แต่ด้วยกาลเวลา การเผยแพร่มีการเปลี่ยนคำจาก วูซู มา เป็น  กังฟู ( kung fu ) ตามที่ได้ยินกันในปัจจุบัน

 

     ทำไมถึงเปลี่ยน ก็เพราะว่า ประเทศจีนในขณะนั้น เป็นยุคปิดประเทศ ผู้คนทั่วไปจึงรู้จักวิชาวูซูภายใต้ชื่อ กังฟู ต่อมาเมื่อจีนเปิดประเทศ และ ได้ให้การพัฒนา วิชาวูซู เป็นกีฬา จึงได้ให้การเรียกขานให้ถูกต้องว่า วูซู ( WUSHU ) นอกจากนี้ วิชาวูซู ยังเป็นวิชาต้นแบบของวิชาต่อสู้ป้องกันตัวที่มีชื่อในหลายวิชาของ ทวีปเอเชียอีกด้วย

 

 

อิทธิพล วิชาวูซู

     เริ่มต้นจากการอพยพของชาวจีน มาที่ประเทศไทย ได้นำการต่อสู้มาเผยแพร่เช่นกัน  เริ่มจากการฝึกสอน ฝึกฝนเฉพาะลูกหลานชาวจีน ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก  แม้แต่ปัจจุบัน ชาวไทยจะรู้จัก วิชาวูซู แต่เพียงการรำมวยจีนเพื่อสุขภาพเท่านั้น ปัจจุบัน วิชาวูซู ได้รับการพัฒนาเข้าสู่ระบบกีฬา

 

     ชาติจีนได้ปรับปรุงพัฒนา วูซู ได้วิวัฒนาการกลายเป็นกีฬาอีกประเภท ช่วงการพัฒนาที่สำคัญคือ ในสมัยสังคมบรรพกาล วูซู มีจุดประสงค์เพื่อความอยู่รอด ในยุคจั้นกว๋อ( รัฐสงคราม ) มีการใช้ วูซู เพื่อประโยชน์ทางการทหาร ต่อมา ได้กลายเป็นวัฒนธรรมในหมู่ชาวบ้าน และ ได้รับการเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง และ ช่วงสุดท้ายได้มีการกำหนดให้ วูซู มีระบบ และ เป็นมาตรฐานหลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

ชี่กง

     การออกกำลังกาย ผ่านการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผ่านแขนขา โดยการความเข้าใจในโครงสร้างร่างกายมนุษย์ ของชาวจีน โดยมีจุดประสงค์หลัก เพื่อยืดอายุให้ยืนยาว แต่แฝงไปด้วยคุณธรรม

 

     หลักการพื้นฐานของ ชี่กง คือ ทำให้ร่างกาย บวกกับอวัยวะภายในได้เคลื่อนไหว ผ่านความคิด ผ่านกระบวนท่า พร้อมมีการปรับท่าทางการเคลื่อนไหวของร่างกาย แขนขา  ทำให้ร่างกายประสานกับรูปร่างของร่างกาย

 

มวยไทย ( muay thai )

     เป็นศิลปะการต่อสู้ ของชาวไทย จุดเด่น คือ เทคนิคการกอดคอต่อสู้ โดยใช้ทั้งกาย และ ใจ ในการต่อสู้ และสำหรับการต่อสู้ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ ประกอบด้วยการโจมตีจากร่างกาย ศอก, เข่า, หมัดและเท้า การฝึกฝนเรียกได้ว่า เป็นอีกขั้น หากว่าเรามีการฝึกฝน หมั่นซ้อมอยู่เสมอ ร่างกายของเราจะมีความพร้อม และได้เปรียบกว่าคนที่ขี้เกียจ อีกทั้งยังสามารถชนะได้โดยง่าย

 

     และในการฝึกฝนนั้น สามารถฝึกได้โดยตนเอง หรือ จะฝึกฝนผ่านผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น ยิม ค่ายมวย หรือ ฟิตเนส สามารถสอบถามการฝึก ผ่านเทรนเนอร์ ครูมวย และใครที่อยู่ในย่านรัชดา เราขอแนะนำ เจริญทองมวยไทย ค่าย มวยไทย ( muay thai ) ครบวงจร ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เปิดทุกวัน เรียกได้ว่า ว่างตอนไหน ก็สามารถเข้ามาต่อย มวยไทย ได้ตลอดเวลา

 

มวยไทย ( muay thai ) VS กังฟู ( kung fu )  

มวยไทย ( muay thai ) สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เข้าใจกระบวนท่าได้อย่างชัดเจน รวดเร็ว

กังฟู ( kung fu ) เมื่อฝึกฝน ร่างกายเกิดความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก พริ้วไหว

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

เทคนิคเข้าวงในแบบ มวยไทย มืออาชีพ

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ควรค่าแก่การดูแล สุขภาพ

กีฬา มวยไทย นับว่าเป็นความภาคภูมิใจ ที่ทำให้คนไทยมีความสุข กับการดูแล สุขภาพ ที่ได้ทั้ง ความแข็งแรง และ ศิลปะการต่อสู้ เอาไว้ใช้ติดตัว ที่ไม่ว่าคุณจะเป็น ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ก็สามารถมีวิชาไว้ติดตัวได้

 

     นับตั้งแต่ หนังภาพยนตร์ ไทย ที่นำแสดงโดย จา พนม หรือ โทนี่ จา เรื่อง องค์บาก ( 2003 ) ได้ออกโรงฉายตาม โรงภาพยนตร์ ต่างๆ ทั่วโลก กระแสตอบรับ ความน่าสนใจ ของ ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย กลายเป็น เรื่องที่ชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยด้วยกัน เริ่มหันมาให้ ความสำคัญ และ ให้ความสนใจกันมากขึ้น ถึงแม้ภายใน หนังภาพยนตร์ จะเป็น ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย แบบโบราณ แต่นั่นก็เพียงพอ ต่อการให้ ความสนใจ ที่มีต่อ ศิลปะการต่อสู้ ของ มวยไทย และอีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาแน่นอน นอกจาก วิชาป้องกันตัว นั่นก็คือ ความแข็งแกร่ง ของ สุขภาพ ที่คุณจะได้มากกว่าที่คุณคาดคิด

 

     มวยไทย นับว่าเป็นความ ภาคภูมิใจ ที่คนไทยทุกคน น้อมรับความสำเร็จ เพราะไม่เพียงจะกลายเป็น สัญลักษณ์แรกๆ ที่ชาวต่างชาติจะนึกถึงเมืองไทยแล้ว ยังเป็นวิชาป้องกันตัว ที่นับว่ามีความ อันตราย ไม่ต่างจาก วิชาป้องกันตัวอื่นๆ บนโลกนี้ ด้วย กิตติศัพท์ ความน่าเกรงขาม จากคำบอกเล่าของ นักสู้ ต่างๆ ทั่วโลก ต่างขนานนาม ถึงความ อันตราย อย่างแท้จริงของ มวยไทย เพราะหากได้ลิ้มลอง รสชาติ ของพลัง มวยไทย อย่างแท้จริง สักครั้งแล้ว คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไม มวยไทย ถึงกลายเป็นหนึ่งใน ศิลปะการต่อสู้ อันดับต้นๆ ของโลก แต่ถึงกระนั้นแล้ว คุณต้องพบเข้ากับ ยอดมวยไทย ตัวจริงด้วย จะคุ้มค่าที่สุด

 

มวยไทย กับความภาคภูมิใจ ที่น่ายกย่องของ คนไทย

     ความจริงแล้ว มวยไทย เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ทั่วโลก แต่อาจยังไม่เป็นที่สนใจมากนัก จนการมาถึง หนังภาพยนตร์ ที่นำแสดงโดย จา พนม ที่เอา ศิลปะการต่อสู้ ป้องกันตัวของ มวยไทย มาใช้ในฉาก แอ็คชั่น ดุเดือด ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทนใดๆ ทั้งสิ้น ตามรอย ยอดนักบู๊ ขวัญใจคนทั่วโลก อย่าง เฉินหลง หรือ แจ็คกี้ชาน ทำให้ ศิลปะการต่อสู้ มวยไทย เป็นที่ประจักษ์ และชาวต่างชาติ ก็มีความอยากเรียน มวยไทย กันมากขึ้น

 

     มวยไทย ก็เป็น กีฬา ประเภทหนึ่ง ที่มีการจัดแข่งขันอยู่เกือบทุก อาทิตย์ ตามเวทีมวยต่างๆ ใน ประเทศไทย อีกทั้งยังกลายเป็น อาชีพหลัก ของคนไทยบางส่วน ที่มีใจรักในการ กีฬา ที่มีต้นกำเนิดแท้ๆ จาก ประเทศไทย ถึงแม้แหล่งกำเนิดของ มวยไทย จะมีหลากหลายข้อมูลที่แตกต่างกันไป แต่ ความผูกพัน ของ คนไทย ที่มีต่อ มวยไทย นับว่ามีระยะเวลาที่ยาวนาน มามาก พอสมควร

 

     กีฬา มวยไทย ในยุค ปัจจุบัน กลายเป็น กีฬา ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้ง ชาวต่างชาติ และ คนไทย ด้วยกัน เพราะนอกจะสามารถใช้ในการ ป้องกันตัว ได้แล้ว ยังสามารถใช้เพื่อ ออกกำลังกาย เพื่อ สุขภาพ ที่ดียิ่งขึ้น จะเห็นได้จาก ดารา หรือเหล่า คนดัง ในยุคนี้ ต่างมา ออกกำลังกาย ด้วย กีฬา มวยไทย กันมากขึ้น

 

     สาเหตุที่ มวยไทย กลายเป็นความภาคภูมิใจของ คนไทย ที่น่ายกย่อง เพราะนอกจากจะเป็น เอกลักษณ์ ของคนไทยแล้ว ยังสามารถใช้ในการ ออกกำลังกาย เพื่อดูแล สุขภาพ จะเห็นได้จากเหล่าค่ายมวยต่างๆ ที่อยู่ใน ประเทศไทย ต่างก็มี โค้ชมวย คอยช่วยสอนชี้แนะ หลักการ ออกกำลังกาย หรือ วิชาป้องกันตัว ด้วย มวยไทย อย่างมากมาย หากคุณได้เข้ามา ออกกำลังกาย ด้วย มวยไทย คุณจะสามารถได้ทั้งการ ลดน้ำหนัก, ฟิตหน้าท้องให้แบนราบ มี ซิกซ์แพค ( Six Pack ), หรือจะ ออกกำลังกาย มวยไทย เพื่อลด แคลอรี่ ในร่างกายลง นับว่าเป็นทั้ง กีฬา ที่น่าภาคภูมิใจ และยังควรค่าแก่การไว้ใช้ ดูแล สุขภาพ ของตัวเราทุกคนด้วย

 

     และหากคุณกำลังต้องการมองหา สถานที่ฝึกซ้อม มวยไทย หรือต้องการ โค้ชมวย ที่สามารถช่วยชี้แนะ กีฬา มวยไทย ให้คุณเป็นได้โดยไว คุณสามารถมาหาเราได้ที่ เจริญทอง มวยไทย รัชดา ( jaroenthongmuaythairatchada ) สถานที่ฝึกซ้อม มวยไทย ชั้นนำ พร้อมอุปกรณ์ ออกกำลังกาย ครบครัน ที่สามารถเติมเต็ม ทุกสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

- มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

เรื่องต้องรู้ สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบมืออาชีพ

เรื่องต้องรู้ สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบมืออาชีพ

การต่อย มวยไทย หากจะต่อยแบบมืออาชีพได้นั้น เราจะต้องรู้ถึง basic ของการเตรียมร่างกาย ให้พร้อมสำหรับการฝึก และ เรื่องที่ต้องรู้ ว่า ท่าไหน ฝึกแบบไหน เพื่อเตรียมพร้อม สำหรับการต่อย มวยไทย แบบมืออาชีพ

 

Shoulder Presses

     สำหรับการฝึก หรือ ออกกำลังกาย ท่านี้  Shoulder Presses เป็นการฝึกความแข็งแรง ของหัวไหล่ เพราะเป็นส่วนที่สำคัญในการชก มวยไทย ( Muay Thai ) หรือ มวยสากล ( Boxing ) แบบมืออาชีพ ก็ว่าได้ ต้องสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวไหล่ หมั่นฝึกท่านี้ จะสร้างกล้ามเนื้อส่วนนี้ได้ดี

     อุปกรณ์ : ดัมเบล / ขวดน้ำ 1.5 – 2 ลิตร

 

Clap Press Up

     สำหรับการฝึกในท่านี้ Clap Press Up เป็นการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สร้าง Body Balance แนะนำสำหรับคนที่ชอบต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอีกท่า ที่สร้างกล้ามเนื้อได้ดีเยี่ยม

 

Plank

     Plank ( แพลงค์ / แพลงค์กิ้ง ) เป็นอีกท่า Basic สำหรับการต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ก็ว่าได้ เพราะสามารถสร้างความแข็งให้ได้ทุกๆ ส่วนของร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน ซึ่งจะมีการเน้น ตรงที่กล้ามเนื้อส่วนกลาง อาจจะรวมกับท่า Crunches, Sit Up

 

Push Ups

     ท่านี้อาจจะยาก สำหรับมือใหม่ หัดต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) เพราะเป็นท่าที่ต้องมีกำลังของแขน เพราะจะต้องดันแรง ส่งไปยังไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ และ หน้าอก แข็งแรง และ ล่ำขึ้น กล้ามเนื้อแขนก็แข็งแรงตามมาเช่นกัน

 

Skipping

     เป็นอีกกระบวนท่า ที่ใช้อุปกรณ์ นั่น คือ เชือก เสริมสร้างความหลบ หลีก ความไว แก่ฝ่ายตรงข้าม ( Foot Work ) ซึ่งใน มวยไทย ( Muay Thai ) ความไว เป็นอีกเทคนิคหลอกล่อ ฝ่ายตรงข้ามได้ดีที่สุด

 

Sit Ups

     ท่า Basic สำหรับการออกกำลังกายทุกประเภท นั่นคือ Sit Ups ( ซิทอัพ ) สร้างเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนท้อง กล้ามเนื้อส่วนกลาง เป็นอีกท่าในการปั้นหุ่นให้เฟิร์ม สามารถสร้างซิกซ์แพ็ก หรือ จะต้องการกี่แพ็กก็ได้ค่ะ

 

Squats

     เพราะ นักมวย จะต้องมีขาที่มั่นคง ป้องกันการล้มตัว อาจจะเสียเปรียบต่อฝ่ายตรงข้ามได้ ดังนั้น ท่า Squats จะช่วยสร้างความแข็งแรง เสริมกล้ามเนื้อส่วนขา ทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง หรือ จะเป็นบริเวณน่อง

 

Burpees

     เป็นอีกท่า ที่สามารถเผาผลาญแคลอรี่ หรือ ไขมัน ออกมาได้ดี สำหรับท่า การที่จะต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) แบบมืออาชีพ ได้ดีนั้น การสร้างระบบกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เพื่อเป็นเกราะ แก่ตัวเอง หากกล้ามเนื้อเราแข็งแรง ฝ่ายตรงข้าม จะมองจุดด้อยเราได้ยาก จะกลัวอะไร ถ้ากล้ามเนื้อ หรือ ร่างกายของเราแข็งแรง

 

Shadow Boxing

     จะใช้ท่านี้ได้ดี ถ้าได้ฝึกบริเวณ ชายหาด หรือ บ่อทราย เพื่อเป็นตัวยึดในการฝึกท่านี้ Shadow Boxing สามารถรักษาความฟิต ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และ สามารถรักษาน้ำหนักได้ ในการฝึกท่านี้ นักมวย นิยมฝึกท่านี้ ยิ่งต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) ยิ่งต้องฝึก

 

Chim Ups

     หากต้องการให้กล้ามเนื้อส่วนบน ช่วงแขน หน้าอก ไหล่ มีความแข็งแรง แนะนำเล่นท่านี้ เพราะจากอุปกรณ์ ที่ใช้ นั่นคือ บาร์โหน กล้ามเนื้อที่ใช้ จึงเป็นส่วนบน เพราะเกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อส่วนบน สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้โดย การฝึกฝนโหนบาร์ เป็นประจำ

 

     ดังนั้น สำหรับ มือใหม่ ค่อยๆ เล่น ไม่ควรหักโหมเกินไป อาจทำให้บาดเจ็บระหว่างการเล่น กล้ามเนื้ออาจฉีกได้ ดังนั้น เน้นเอาที่ร่างกายไหว แต่สำหรับการจะเป็น มืออาชีพ ได้นั้น มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ดี ต้องหมั่นฝึก หมั่นออกกำลังกาย สร้างความแข็งแรงกับร่างกาย

 

     และค่าย มวยไทย ที่แนะนำ นั่นคือ jaroenthongmuaythairatchada ค่ายมวย ย่านรัชดา ค่ายมวยครบวงจร เปิดให้บริการ ทุกวัน 24 ชั่วโมง สามารถเข้าไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการต่อย มวยไทย ได้

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

ฝึก มวยไทย อย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด

หมัด เท้า เข่า ศอก สู่ ‘ลูกไม้มวยไทย’

How to ออกกำลัง ให้ได้ผลดีกับสุขภาพ

การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ VS สมัยปัจจุบัน

การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ VS สมัยปัจจุบัน

มวยไทย ( Muay Thai ) มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีการแต่งกายที่แตกต่างจากสมัยปัจจุบัน ทำให้การแต่งกายของมวยไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและมี เครื่องรางของขลัง ที่อยู่คู่กับนักมวยไทยตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน

 

การแต่งกายของ มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่น ใครพบเห็น มักจะให้ความสนใจ เพราะไม่นิยม สวมเสื้อผ้าท่อนบน ใส่เพียงกางเกงขาสั้น และอุปกรณ์ ป้องกันตัว เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อความสะดวกสบาย และความคล่องตัว ในการเคลื่อนที่ รวมถึง มีเครื่องราง ของขลัง ที่อยู่คู่กับนักมวยไทย ( Muay Thai ) มาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ทำให้การแต่งกายมวยไทย แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การแต่งกาย มวยไทยสมัยโบราณ กับ การแต่งการมวยไทยสมัยปัจจุบัน

 

1. การแต่งกาย มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยโบราณ

 

     การแต่งกาย มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยโบราณ ประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ คือ เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย และ เครื่องรางของขลัง

 

- เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย

 

     เสื้อผ้าปกปิดร่างกาย คือ กางเกง ซึ่งในสมัยก่อน ไม่มีกางเกง ที่ใช้สวมใส่เฉพาะ เวลาขึ้นชกมวย ส่วนมากนักมวยจะสวม กางเกงขาสั้น ยาวประมาณแค่เข่า เป็นกางเกง ที่ใช้โดยทั่วไป ในชีวิตประจำวัน ตัวกางเกงไม่มีขอบกางเกง ใช้ผ้าขาวม้าพัน ให้หนาคาดทับ ระหว่างขาใช้แทนกระจับ และคาดเอว เพื่อให้กางเกงไม่หลุดเวลาขึ้นชก

 

     นักมวยสมัยก่อน อาจมีการใส่ เสื้อยันต์ ที่ใช้ผ้าดิบสีแดง หรือสีขาว ตัดเป็นเสื้อกั๊ก คอกลมแขนกุด เขียนอักขระเลขยันต์ และรูปภาพต่าง ๆ ใช้สวมทับ เสื้อชนิดอื่น หรือสวมเพียงตัวเดียว เพราะเชื่อว่า จะช่วยป้องกันศาสตราวุธทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่ เวลาชกมวย มักไม่ค่อยสวมเสื้อยันต์ แต่จะใช้เครื่องรางชนิดอื่นแทน

 

     หากพูดถึง การแต่งกาย มวยไทยสมัยโบราณ จะไม่พูดถึง การ ‘คาดเชือก’ คงจะแปลกๆ เพราะการคาดเชือก เป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่นของ มวยไทย ( Muay Thai ) ใช้การคาดเชือก ที่มือโดยใช้ด้ายดิบพันสันหมัดและข้อมือ ความยาว และลักษณะการพัน จะแต่งต่างกันไปตามภูมิลำเนา บ่งบอกถึงลักษณะ การใช้หมัดและศอกอีกด้วย ซึ่งการคาดเชือก จะช่วยให้ กระดูกนิ้วมือไม่เคล็ดง่าย และทำให้หมัดแข็ง เพิ่มน้ำหนักหมัดให้หนักแน่นกว่าหมัดธรรมดา บางคนอาจพันด้ายขนาดยาวเพราะต้องการใช้หมัดบังหน้าด้วย

 

- เครื่องรางของขลัง

 

     ใน มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยโบราณมีเครื่องรางของขลังอยู่ด้วยกันหลากหลาย เริ่มจาก ‘มงคล’ ทำจากสายสิญจ์หรือผ้าดิบ ที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนตร์  คาถา และเลขยันต์ แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้ายหรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทำเป็นวงสำหรับสวมศีรษะ โดยรวบเป็นหางยาวไว้ข้างหลัง มงคลถือเป็นเครื่องรางให้สิริมงคลและคุ้มกันอันตรายใช้สวมศีรษะในขณะชก

 

     เครื่องราง ของขลังต่อมา คือ ‘ ประเจียด ’ ใช้ผ้าสาลู ( ผ้าขาวบางเนื้อดี ) หรือผ้าดิบ สีขาวหรือสีแดง ตัดเป็นสามเหลี่ยม ลงเลขยันต์ มหาอำนาจ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด กำลังตัวหรือคุ้มกำลัง ภาษาที่ใช้เขียนมักเป็นอักขระโบราณ ที่พระครู หรือเกจิอาจารย์ จะเป็นผู้เขียน และทำพิธี ม้วนหรือถัก พันด้วยด้ายอาจใส่ว่าน ตระกรุด หรือเครื่องรางของขลังชนิดอื่น ไว้ข้างในผ้าประเจียดก็ได้ เป็นเครื่องรางคุ้มกันตัว ใช้ผูกติดกับต้นแขนตลอดเวลาการแข่งขันชกมวย

 

     ‘ผ้ายันต์’ คือ ผ้าดิบหรือผ้าเนื้อบาง สีขาวหรือสีแดงเขียนอักขระเลขยันต์และรูปภาพต่างๆ โดยเกจิอาจารย์ที่เชื่อถือว่ามีคาถาอาคมแก่กล้า วิธีทำคล้ายผ้าประเจียดแต่ผ้ายันต์มักเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พกติดตัวหรือพันเป็นผ้าประเจียดก็ได้

 

     ‘พระเครื่อง’ ทำด้วยโลหะ ผงปูน ดิน หรืออาจใช้วัตถุหลายชนิดจากแหล่งต่างๆ เพื่อเพิ่มความขลัง แล้วทำพิธีพุทธาพิเศกลงเลขยันต์ มีพิธีกรรมที่รวมการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย การบริกรรมคาถาอาคมต่างๆ นักมวยจะพกพระเครื่องติดตัว โดยพันไว้ในมงคลหรือผ้าประเจียด บ้างก็ใช้อมไว้ในปากเวลาชก แต่วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะอาจเป็นอันตรายต่อตนเองได้

 

     ‘ตะกรุด’ ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เช่น ทอง เงิน นาก ทองแดง หรือใบลาน และกระดาษสา ลงเลขยันต์ คาถาอาคมเช่นเดียวกับลงผืนผ้าเพื่อทำประเจียดแล้วม้วนให้กลม ตรงกลางเว้นช่องว่างสำหรับใช้สายเชือกร้อยสำหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขน หากใส่ในมงคลหรือประเจียดมักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก

 

     ‘พิสมร’ ทำด้วยแผ่นโลหะ หรือใบลาน รูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์ มีที่ร้อยสายแต่โดยมาก ไม่ม้วนให้กลมอย่างตะกรุด ต้องผ่านพิธีกรรม เช่นเดียวกับตะกรุด ส่วน ‘พิรอด’ ทำด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวาย ผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า “กำลังพิรอด” ใช้สวมต้นแขน หรือ แขวนพิรอดใช้สวมนิ้ว เป็นของวิเศษหายากและเชื่อว่ามีอานุภาพมาก

 

     สุดท้ายคือ ‘ว่าน’ เป็นพืช ที่มีสรรพคุณหลายอย่าง บางชนิดเชื่อว่า ทำให้ผิวหนัง ทนความร้อน หรือ หนังเหนียว จึงนิยมนำมาเป็นเครื่องรางของขลัง โดยการปลุกเสกคาถาอาคมเช่นเดียวกับเครื่องรางของขลังชนิดอื่น ใช้พกติดตัวใส่ในมงคล ประเจียดหรือใช้เป็นส่วนผสมในการทำพระเครื่อง

 

2. การแต่งการ มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยปัจจุบัน

 

     เครื่องแต่งกายนัก มวยไทย ( Muay Thai ) สมัยปัจจุบัน จะประกอบไปด้วย ผ้าพันมือ สนับศอก สนับหน้าแข้ง ปลอกรัดข้อเท้า กระจับ กางเกง นวม ฟันยาง เกราะอ่อนป้องกันลำตัว ศีรษะ และหน้าแข้ง ซึ่งการใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกายที่กล่าวมา เป็นผลมาจากการประชุมของประเทศสมาชิกสหพันธ์สมาคมมวยไทยสมัครเล่นนานาชาติที่ต้องการจะหามาตรการป้องกันอันตรายและให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่นักมวยชาติที่เข้าแข่งขันทุกคน

 

     ส่วนเครื่องรางของขลังที่นักมวยไทยในสมัยปัจจุบันยังคงใช้อยู่ ได้แก่ มงคล และ ประเจียด โดยนักมวยจะสวมมงคลไว้บนศีรษะตั้งแต่แต่งตัวเสร็จจนขึ้นเวทีและจะถอดออกเมื่อทำพิธีไหว้ครูและร่ายรำมวยไทยเรียบร้อย ส่วนประเจียดนักมวยสามารถคาดไว้ที่ต้นแขนตลอดเวลาการชกแข่งขันได้

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับ มวยไทย ( Muay thai )

หุ่นสวยด้วย มวยไทย ( Muay thai )  เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

รู้ไว้ ต่อย มวยไทย อย่างไร ให้ถูกหลักวิธีที่ถูกต้อง

รู้ไว้ ต่อย มวยไทย อย่างไร ให้ถูกหลักวิธีที่ถูกต้อง

การออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง Freestyle ค่ะ ในวันนี้เราจะมานำเสนอรูปแบบการออกกำลังกายอีกแบบหนึ่งนั่นคือ มวยไทย ศิลปะการต่อสู้แบบไทย อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังได้ทุกส่วนของร่างกายอีกด้วย

 

แนะนำค่ายมวย มาตรฐานสากล เจริญทอง มวยไทยรัชดา ( jaroenthongmuaythairatchada ) เปิดให้บริการ 24 / 7 ( ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง )

 

บทเรียนขั้นพื้นฐาน สำหรับการฝึก มวยไทย ( Muaythai )

การตั้งท่าจดมวย วางมือ วางท่าให้ถูกต้องตามการฝึกในแต่ละท่าของ มวยไทย ( Muaythai )

เหลี่ยมมวย คือ จัดกระบวนท่าตาทความถนัดในแต่ละข้าง ถนัดซ้าย หรือ ขวาตามถนัด

- เหลี่ยมซ้าย คือ ยื่นหมัดไปด้านขวา ความสูงอยู่ที่คิ้ว แบล็คหลัง คือ เท้าขวา แขนขวาขนาบลำตัว หมัดซ้ายชิดระดับคาง แบล็คหลัง คือ เท้าซ้าย ลำตัวยืดตัวตรง น้ำหนักลงไว้ที่เท้าซ้าย

- เหลี่ยมขวา คือ ยื่นหมัดไปทางซ้าย สูงระดับคิ้ว เท้าซ้ายยืดไปด้านหลัง แขนซ้ายขนาบลำตัว หมัดขวาชิดระดับคาง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง ลำตัวยืดตัวตรง น้ำหนักลงไว้ที่เท้าขวา

 

1. การใช้หมัด ใน มวยไทย ( Muaythai )

นวมที่ใช้ต่อย มีความสำคัญมากในการต่อย มวยไทย หากนวมไม่ได้มาตรฐานการชก อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตอนชกได้ อาจบาดเจ็บ มือฟกช้ำ ดังนั้น นวมมวย ควรได้มาตรฐานสากล

หมัดตรง คือ ปล่อยหมัดไปด้านหน้า ออกแรงโดยหัวไหล่ และ สโพก ยืนด้วยเท้าที่มั่นคง

หมัดตัด คือ การเหวี่ยงหวัดในแบบครึ่งวงกลม หมัดจะโดนอีกฝ่าย บริเวณใบหน้า

     สั้น - วงแคบ

     ยาว – วงกว้าง

หมัดตวัด คือ ใช้สันหมัด กดตรงบริเวณอวัยวะต่างๆ ของอีกฝ่าย เหยียดแขน ชกตวัดวงแคบ

หมัดเสย คือ ชกอีกฝ่าย โดยงอศอก หงายหมัด พุ่งขึ้นถึงอีกฝ่าย เล็งบริเวณ ปลายคาง จมูก ใบหน้า

 

2. ใช้เท้า ( เตะ / ถีบ )

เตะ ใน มวยไทย ( Muaythai ) 

เตะตรง คือ เตะขึ้นตั้งฉากกับพื้น

เตะตัด คือ เตะขนานกับพื้น เตะได้ทั้งส่วนบน และ ส่วนล่าง

เตะตวัด คือ ดูทิศทางการเตะ เฉียงไปยังอีกฝ่าย

กลับหลังเตะ คือ หันตัวให้กับอีกฝ่าย ใช้เตะโดยขาด้านหลัง ให้ส้นเท้า โดนอีกฝ่าย

ถ้าใส่กางเกงที่ไม่มีความสบาย อาจทำให้เตะลำบากได้ สามารถเลือกซื้อกางเกงที่เหมาะกับการต่อยมวย เซฟตัวเองเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นทาง Shop Online, Shoppee, Lasada

 

ถีบ ใน มวยไทย ( Muaythai )

ถีบตรง คือ ใช้เท้าถีบออกไปตรงๆ โดนส่วนต่างของอีกฝ่าย จะงอขาถีบออกไปก็ได้

ถีบข้าง คือ ใช้ปลายเท้าถีบไปด้านข้าง พร้อมเอียงศีรษะ

กลับหลังถีบ คือ ถีบตรงออกไปด้านหลัง

กระโดดถีบ คือ กระโดดเบาๆ ในข้างที่ไม่ถนัด ส่วนข้างที่ถนัดถีบตรงไปยังอีกฝ่าย

ถีบจิก คือ ใช้ปลายเท้าจิก บริเวณท้องของอีกฝ่าย หรือ ลิ้นปี่

 

3. ใช้เข่า ใน มวยไทย ( Muaythai )

เข่าตรง คือ พุ่งเข้าไปด้านหน้าของอีกฝ่าย

เข่าเฉียง คือ เข่าตีเฉียงไปด้านหน้าของอีกฝ่าย

เข่าโค้ง คือ ส่งแรงจากสะโพก ออกแรงขาให้โค้ง ปลายเท้าตรง ทั้งขา และ เข่า

เข่าโยน คือ  กระโดด พร้อมออกเข่าตรง เป้าหมาย คือ บริเวณปลายคาง

เข่าลอย คือ กระโดดสูงขึ้น เข่าจะลอยสูงจากพื้นกว่า เข่าโยน

 

4. การใช้ศอก ใน มวยไทย ( Muaythai )

ศอกตี คือ ตีศอก จากบน และ ล่าง โดยเฉียงซ้าย

ศอกตัด คือ ตีศอกตัดขนาน ไปยังอีกฝ่าย

ศอกงัด คือ ตีศอกจากบริเวณตรงกลาง งัดขึ้นข้างบน

ศอกกระทุ้ง คือ ใช้ศอกกระทุ้งไปด้านหลัง ถ้าอีกฝ่ายรุกจากด้านหลัง

ศอกกลับ คือ หมุนตัว พร้อมตีศอก ไปยังข้างหลัง เท้าหมุนตามจังหวะ

เสื้อที่ใช้ต่อย มวยไทย มีความสำคัญไม่แพ้กัน ต้องเป็นเสื้อ ที่สวมใส่แล้วสบาย ไม่อึดอัด สำหรับการเลือกซื้อเสื้อ หรือ ชุดแต่งกาย เกี่ยวกับการต่อย มวยไทย

 

     เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ บทเรียนพื้นฐานในการทำความเข้าใจ มวยไทย ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ ออกกำลังกายไปในตัว เสริมสร้างระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่างๆ ในร่างกาย ลดหุ่น ปั้นหุ่น ให้ได้อย่างที่ต้องการ และ สิ่งที่สำคัญนั่น คือ อุปกรณ์การต่อย และ เครื่องแต่งกาย สำหรับการต่อยมวย ทั้งมวยสากล และ มวยไทย มีความแตกต่างกัน ดังนั้น ควรเลือกซื้อให้ถูกตามประเภทที่เล่น และ ฟิตเนส มวยไทย ที่เราแนะนำ นั่นคือ เจริญทอง มวยไทยรัชดา ( jaroenthongmuaythairatchada ) ครบวงจร ใครที่ชื่นชอบ มวยไทย พลาดไม่ได้นะ เพราะรักถึงแต่สิ่งดีๆ ให้ค่ะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

สงสัยไหม! ทำไมต้องใช้ผ้าพันมือก่อนใส่นวมมวย

สังเกตตัวเองหรือไม่ทำไมออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล

เผยจุดสลบภายในร่างกายหมัดเดียวก็ล่วงได้

เผยจุดสลบภายในร่างกายหมัดเดียวก็ล่วงได้

มวยไทย ( Muay thai ) กับร่างกายหรือการฝึกต้องสัมพันธ์กัน ไม่ว่าร่างกายของเราจะแข็งแรงแค่ไหน ใหญ่แค่ไหน แต่จุดอ่อนจุดสลบทุกคนมีเรามาเผยเทคนิคจุดสลบในร่างกายของเราว่าจะมีอะไรบ้างที่ต่อยหมัดเดียวถึงกับสลบ

 

เห็นหลายครั้งบนเวทีนักมวยที่ต่อยกันบางคู่ไม่ถึง 5ยก บางคู่ก็สลบไปตั้งแต่ยกแรกๆแล้ว แต่หลังจากนั้นทางทีวีก็ได้เผยวินาทีต่างๆที่คู่ต่อสู้ต่อยจนสลับ ทำให้เรารู้สึกถึงจุดสลบของร่างกายเราว่าจะอะไรบ้าง จุดสลบจุดน็อคในร่างกายของเรามีอะไรบ้างมาดูกัน

 

จมูก

จมูกเป็นส่วนที่เบาะบางมากที่สุดบนใบหน้าและเป็นส่วนที่กระดูกจมูก ของเรายื่นออกมาเด่นแล้วแต่ลักษณะของคนแต่ละคน ทำไมจุดนี้ถึงเป็นจุดน็อค ก็เพราะว่าส่วนจมูก เป็นใช้ทั้งหายใจ และปลายจมูกหรือจมูก เป็นส่วนที่อ่อนไหว หากเราโดนหมัดที่มีความแรงจาก นักมวย ก็อาจจะทำให้เราสลบได้เลย

 

ปลายคาง

ปลายคางเป็นจุดน็อค ที่นักมวยโดนบ่อยมากที่สุด เพราะนักมวยบางคนเทคนิคไม่ค่อยดี เช่น การปล่อยหมัดไปแล้วไม่กันที่ปลายคาง อาจจะทำให้โดนสวนกลับมาได้  เพราะ ถ้าถูกชกเจ็บปวดมาก ขนาดถึงขั้นหนักทำให้กระดูกคางแตกหัก
หรือขากรรไกรล่างหลุดจากเบ้า เป็นบริเวณที่อ่อนแอที่สุด และถูกชกต่อยได้ง่ายที่สุดของส่วนศีรษะ

 

ทัดดอกไม้

ทัดดอกไม้เป็นส่วนที่ บอกได้เลยว่าไม่ว่า ไทย ( Muay thai )  สายไหนก็มักจะเล่นจุดๆนี้ เพราะว่า มันเป็นส่วนที่กระดูกกระโหลกศีรษะของเราส่วนนี้จะบางมากกว่าส่วนอื่นๆ หากถูกเตะก้านคอ หรือหมัดที่เร็วๆอาจจะทำให้มึนและรู้สึกอยากจจะอ้วกได้เลย อีกทั้งส่วนนี้หากโดน ศอกก็อาจจะถึงกับเสียชีวิตได้เลยแหละ

 

ลูกกระเดือก

ลูกกระเดือกเป็นจุดที่สำคัญอย่างหนึ่งเลย หากเราดูหนังจีนที่เป็นมวย จีน หรือมวยต่างๆ จะชอบจกลูกกระเดือกหรือทิ่มเข้าไปในลูกกระเดือก ทำให้เราหายใจไม่ออกและยอมแพ้ไปได้ เพราะลูกกระเดือดตรงจุดนั้นคือทางเดินของลมหายใจนั้นเอง

 

ท้อง

โดนต่อยท้องบ่อยๆ ก็เจ็บปวดสุดจะทน มากท้องเป็นส่วนที่นิ่ม และเป็นช่วงจังหวะ ที่ เวลาเราหายใจเข้าหรือออก หน้าท้องกระบังลมอาจจะขยายตามจังหวะ  ที่นี้หากเราหายใจไม่ตรงจังหวะเกร็งหน้าท้องไม่ทัน ก็จะยอมแพ้หรือน็อคไปเลยก็ได้

 

หน้าอก

ป้องกันให้ดีนะส่วนนี้ หน้าอกประกอบไปด้วย ซี่โครง ปอด ไม่ว่าเราจะทำอะไรเช่นกันวิ่ง เดิน กระโดด สิ่งที่สะเทือนและรับรู้สึกได้เลยก็คือหน้าอก ลองนึกภาพตามดูสิครับว่า หากเราโดน เตะหรือต่อยหน้าอก เราจะหายใจไม่ออก ขาดอากาศหายใจ เจ็บจุก บางที่ถึงขั้นกระดูกซี่โครงหักไปทิ่มปอดเลยก็ได้ เพราะส่วนหน้าอกสำคัญที่สุดแล้วของนักมวย

 

จุดสลบของ นัก มวยไทย ( Muay thai ) เป็นจุดสำคัญที่เราต้องศึกษาจุดอ่อนเป้าหมายทั้งเราและศัตรู ป้องกันในส่วนต่างๆได้อย่างไรบ้าง หากเราอยากมีประสบการณ์มากขึ้น ก็ลองหา มวยไทย เรียน มวยไทย ( Muay thai ) จากเราได้นะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประเภทของกีฬา มวยไทย Muay thai

กีฬาที่ออกกำลังกายแล้วเอาไขมันออกมาที่สุด

มวยไทย กับการต่อสู้แบบโดนรุม

ประเภทของกีฬา มวยไทย Muay thai

ประเภทของกีฬา มวยไทย Muay thai

 มวยไทย ( Muay thai ) มีหลายประเภท แต่ถ้าแบ่งตามลักษณะการเข้าต่อสู้ การรุก การรับ และการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก พอที่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ มวยหลัก หรือมวยแข็ง และมวยเกี้ยว หรือมวยอ่อน

 

มวยหลัก หรือมวยแข็ง หมายถึง มวยไทย ( Muay thai ) ที่มีการต่อสู้แบบรัดกุม สุขุมรอบคอบ ตั้งท่าคุมมวย และจดมวยแบบมั่นคง การจดมวยและการเคลื่อนตัว เคลื่อนเท้า ก้าวย่าง จะเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ดูคล้ายเชื่องช้าไม่คึกคะนอง นักมวยประเภทนี้จะตั้งรับและรอจังหวะเป็นมวยสุขุมเยือกเย็น มีลำหักลำโค่นดี หรือใช้ศิลปะ มวยไทย ( Muay thai ) ได้หนักหน่วง รุนแรง และแม่นยำทั้งหมดคือ เท้า เข่า ศอก มีความทรหด มานะอดทนและมีความพยายามสูง

 

มวยเกี้ยว หรือมวยอ่อน

 

หมายถึง มวยไทย ( Muay thai ) ที่มีวิธีการต่อสู้ที่ใช้ชั้นเชิงแพรวพราวการเข้าทำคู่ต่อสู้จะใช้กลลวงมากมาย มวยเกี้ยวจะเคลื่อนตัวอยู่เสมอไม่หยุดนิ่ง โดยเคลื่อนตัวไปมาทั้งด้านซ้าย และด้านขวาสลับกัน ทำให้คู่ต่อสู้จับทางมวยยาก มวยเกี้ยวจะมีลีลาท่าทางแคล่วคล่องว่องไว หลอกล่อและหลบหลีกได้ตี มีสายตาดี รุกรับ และออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก ได้รวดเร็วฉับพลันกว่า แม้จะไม่รุนแรงเท่ามวยหลักก็ตาม

 

นอกจากมวยหลักและมวยเกี้ยวแล้วยังมีมวยอีกประเภทหนึ่งที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างมวยหลักและมวยเกี้ยวคู่กันไปคือมีทั้งความคล่องแคล่วว่องไวและความรุนแรงในการใช้หมัด เท้าเขา ศอก การเรียกลักษณะของมวยยังมีที่เรียกเป็นอย่างอื่นอีกตามความนิยมของครูมวยแต่ละคน เช่น มวยวงนอก มวยวงใน ซึ่งหมายถึงมวยที่ถนัดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มวยวงนอกดี หมายถึงมวยที่ถนัดอยู่ห่างอาวุธเตะ ถีบ ฉาบฉวย หลอกล่อ หาจังหวะเข้าทำแล้วหนีได้อย่างฉับพลัน ใช้ไม้ยาวหรืออาวุธยาวได้ดี มีความแคล่วคล่องว่องไว เฉลียวฉลาดดี แต่เมื่อเข้าวงใน หรือปล้ำตีเข่าและศอกมักจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

 

 มวยไทย ( Muay thai ) มีการไห้คะแนนตามหลักเกณฑ์ดังนี้

 

- เมื่อนักมวยได้ใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นอาวุธ มวยไทย ( Muay thai )  กระทำถูกร่างกาย คู่แข่งขันโดยถูกตามกติกา มีแรงส่ง ถูกวัตถุประสงค์ และคู่ต่อสู้ไม่สามารถที่จะป้องกันได้

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay thai ) กระทำถูกคู่แข่งขัน ได้มากกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay thai ) กระทำถูกคู่แข่งขันได้หนักหน่วง รุนแรง แจ่มแจ้งกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay thai ) กระทำถูกคู่แข่ง จนเกิดความบอบช้ำมากกว่า เป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่เป็นฝ่ายรุกเข้ากระทำมากกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่มีชั้นเชิงในการ รุก รับ หลบหลีก ตอบโต้ ตามลักษณะ และศิลปะ มวยไทย ( Muay thai ) ได้ดีกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

- นักมวยที่ทำผิกกติกาน้อยกว่าเป็นผู้ชนะในยกนั้น

 

การไม่ได้คะแนน มีดังนี้

 

- นักมวยที่ใช้อาวุธ มวยไทย ( Muay thai ) กระทำผิดกติกาข้อใดข้อหนึ่ง

- กระทำไปถูกแขน ขา ของคู่แข่งในลักษณะการป้องกันตัว

- กระทำถูกคู่แข่งแต่เบา ไม่มีน้ำหนักส่งจากร่างกาย

- เตะไปแล้วถูกฝ่ายตรงข้ามจับขาเหวี่ยงลงกับพื้น ให้จัดว่าข้างที่เตะได้คะแนน ถ้าหากข้างที่เตะถูกฝ่ายตรงข้ามจับขาได้แล้วแกล้งทิ้งตัวลงกับพื้นถือได้ว่าเป็นการทำผิดกติกาในกรณีนี้ จัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้คะแนน

- การเหวี่ยงคู่แข่งขันให้ล้มลงโดยไม่ได้ใช้อาวุธอื่น

- การไห้คะแนนในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay thai ) นั้น มีการไห้เป็นตัวเลขครับแม้กระนั้นจะมีการไห้เป็นยก ครับโดยดูจากภาพรวมของการแข่งขันในแต่ละยก

 

 มวยไทย ( Muay thai )  ( Muay thai ) มีหลากหลายสายหลายประเภทและหลายท่ามาก หลายๆ คนอาจะไม่รู้จัก หรือลืมไปแล้วด้วยซ้ำ หากอยากเรียน มวยไทย ( Muay thai ) จริงๆ ก็สามารถติดต่อเรามาได้ “เจริญทอง  มวยไทย ( Muay thai )  ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีเทรนเนอร์คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างแน่นอน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ufafeversport

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับ มวยไทย ( Muay thai )

หุ่นสวยด้วย มวยไทย ( Muay thai )  เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

กีฬาที่ออกกำลังกายแล้วเอาไขมันออกมาที่สุด

กีฬาที่ออกกำลังกายแล้วเอาไขมันออกมาที่สุด

ใครๆ ก็อยากออกกำลังกายทั้งนั้น และตอนนี้เมืองเปิดแล้ว ใครอยากเรียน มวยไทย ( Muay thai ) บอกได้เลยว่าขอแนะนำ เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ไขมันกระจุยหายไปเลย

 

     ต้องยอมรับว่า มวยไทย ( Muay thai ) กำลังเป็นสุดยอดเทรนด์ที่กำลังมาในช่วงนี้สำหรับการออกกำลังกาย ใครที่รู้สึกอัดอั้นมานานจากการปิดเมือง ณ วันนี้เราสามารถทำการออกกำลังกายตามสถานที่ต่างๆ ได้แล้ว วันนี้ขอยกตัวอย่างว่า การออกกำลังกายแบบไหนที่จะพาทุกคนหุ่นดี กีฬาแบบไหนที่จะทำให้ไขมันเราหายไป

 

วิ่ง

     หลายคนเลือกการ “วิ่ง” เป็นวิธีออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนัก เพราะได้ผลเร็ว เราขอแนะนำให้คุณวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง จะเบิร์นไขมันได้ถึง 755 kcal เลยทีเดียว แต่การเบิร์นไขมันด้วยการวิ่ง ช่วยให้ผอมไวก็จริง แต่หากเราวิ่งในลักษณะเดียวกันมาสักระยะหนึ่ง น้ำหนักและการเผาผลาญในร่างกายก็จะเริ่มคงที่ ดังนั้นการวิ่งต้องเปลี่ยนรูปแบบจากวิ่งปกติ ให้เร่งความเร็วในตอนท้าย

 

ชก มวยไทย ( Muay thai )

     เห็นแบบนี้ การออกกำลังกายแบบ มวยไทย ( Muay thai ) กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะเดี๋ยวนี้สาวๆและหนุ่มๆ หวังผลกับการออกกำลังกายที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน นั่นก็คือ ศิลปะป้องกันตัว มาเข้าเรื่องดีกว่า มวยไทย ( Muay thai ) ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งจะใช้พลังมากเป็นพิเศษ เพราะต้องขยับตัวตลอดเวลา และใช้พละกำลังในการปล่อยอาวุธในแต่ละท่า ทำให้สามารถช่วยเบิร์นไขมันของคุณออกไปแบบไม่รู้ตัวเลย ทำให้ มวยไทย ( Muay thai ) สามารถเบิร์นได้ถึง 800-1000 kcal แบบตกใจมากต้องไปลองนะครับ

 

กระโดดเชือก

     จัดเลย กระโดดเชือก สุดยอดแห่งการลดน้ำหนัก เห็นมันง่ายๆ แบบนี้นะ แต่ไขมันที่เรามีอยู่บอกได้เลยว่า หายไปในพริบตา อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่ไม่เว่อร์นะครับ ถ้าเราทำติดต่อกันหลายครั้ง ทำติดต่อกันเป็นประจำ การกระโดดเชือกนี่แหละจะเป็นตัวที่ทำให้ไขมันกลับมากระชับได้ดี อย่างใน  มวยไทย ( Muay thai ) นักมวยก็มีการกระโดดเชือกด้วยเช่นกัน

 

ว่ายน้ำ

     กีฬาในน้ำที่เย็นสบายกันบ้าง นั่นก็คือ การว่ายน้ำ ซึ่งเป็นกีฬาหนึ่งที่นิยมกันมากในการเฟิร์มรูปร่างให้กระชับทุกสัดส่วน เพราะในน้ำมีแรงต้านมากกว่าบนบก จึงช่วยเบิร์นไขมันชั่วโมงละ 528 – 730 kcal ข้อดีของการว่ายน้ำคือ น้ำจะช่วยพยุงร่างกายของเรา ทำให้ช่วยลดแรงกระแทก ทั้งยังเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักมากและผู้สูงอายุ

 

     เราแนะนำกีฬาที่ออกกำลังกายแล้วไขมันของเราจะหายเร็วมาก ทั้งนี้ถ้าอ่านแต่บทความน้ำหนักของเราก็ไม่ลดหรอกครับ ถ้าเราไม่ทำกันจริงๆ กีฬาที่เราแนะนำไปเบิร์นไขมันดีก็จริง แต่ต้องควบคู่ไปกับการคุมอาหารที่ดีด้วย สุขภาพสำคัญนะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย กับการต่อสู้แบบโดนรุม

- อันตรายจากการ ชกมวย ลดการบาดเจ็บแค่ป้องกันให้ถูก

- MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก trueid

มวยไทย กับการต่อสู้แบบโดนรุม

มวยไทย กับการต่อสู้แบบโดนรุม

ตื่นเต้นมากที่เห็นฉากในหนัง แบบพระเอกเจอคนร้ายล้อมไว้แล้วจะมารุมทำร้ายพระเอก แนวคิดนี้ทำให้เกิดความสงสัยมาโดยตลอดว่าหากเป็นเราจะมีวิธีสู้แบบไหนบ้าง วันนี้มาดูเทคนิคสู้แบบ มวยไทย ( Muay thai ) แบบโดนรุม

 

การต่อสู้ที่เป็นที่กล่าวกันทั่วโลกก็คงหนีไปไหนไม่พ้น มวยไทย ( Muay thai ) ศิลปะป้องกันตัวที่อันตราย รุนแรง และอาจจะทำให้ถึงตายได้หากเราใช้เป็น แต่ศิลปะพวกนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าป้องกันตัว ซึ่งการป้องกันตัวจากการโดนทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง หรือ โดนรุม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ให้ตัวเองเจ็บมากที่สุด เรามาดูเคล็ดลับ สู้แบบโดนรุมกัน

 

 เปิดก่อนแล้วเปิดให้หนัก 

เริ่มเปิดก่อนแรงๆ แบบ Surprise ตอนที่คู่ต่อสู้ยังประมาท แล้วหวังให้สลบไปเลยก็ดี หากเราลดจำนวนได้ดีและเร็ว ก็ถือว่าเป็นการลดคู่ต่อสู้ จาก 4 เป็น 3 ตามจำนวนคน การต่อสู้ คือ การที่คู่ต่อสู้ยังไม่สร้างโครงสร้างการตั้งรับ ดังนั้น ไม่ต้องไปกลัวว่าเราจะไม่เป็นลูกผู้ชายที่ชิงเปิดก่อน เพราะพวกมันก็ไม่เป็นลูกผู้ชายแต่แรกแล้วที่คิดจะมารุมเรา

 

เคลื่อนที่ตลอดเวลา 

เคลื่อนไหวตลอดเวลาพยายามอย่าให้โดนล้อม และควรเคลื่อนไหวอย่างมีชั้นเชิง ตำแหน่งตัวเองอย่าให้ถูกดันเข้ามุมอับ เพราะฉะนั้นควรเคลื่อนไหวไปด้วย และมองสิ่งรอบๆ ไปด้วย มวยไทย ( Muay thai ) สิ่งที่ต้องมีเลยคือ การเคลื่อนไว สายตาไว และการมองเห็นต้องดี อย่าให้โดนล้อมเด็ดขาด ซึ่งหากเราพยายามเคลื่อนไหวและมีการรับรู้สภาพแวดล้อมและตำแหน่งของคู่ต่อสู้ตลอดเวลาจะดีมาก

 

สร้างแรงบวก

การสร้างแรงบวก สำคัญมากมันคือความคิดเรานั้นเองหากเราคิดว่าเราจนมุมแล้วเราแพ้แล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการแพ้แบบยังไม่ได้สู้ เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องความคิด จิตวิทยาจะต้องมีอยู่แล้ว เคยได้ยินไหมครับว่า ความคิดสามารทำอะไรได้มากกว่าที่เราคาดหวังไว้  ใน มวยไทย ( Muay thai ) ก็มีเรื่องพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นกัน

 

หนีเมื่อมีจังหวะ

เรื่องจริงเราคงไม่ต้องไปสู้จนหมดทุกคนหรอก พละกำลังเราไม่เท่ากับ นัก มวยไทย ( Muay thai ) หรือ คนต่อสู้แบบมืออาชีพ ในระหว่างการต่อสู้นั้นหากมีจังหวะเมื่อไหร่ให้เราควรหาช่องทางหนีทันที ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเอาตัว รอดจากสถานการณ์นั้นให้เรากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

 

เอาจริงๆ การต่อสู้แบบรุมนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก น้อยมาก แต่หากมันเกิดขึ้นกับเราจริงๆ เราจะทำอย่างไรให้ผ่านตรงนี้ไปได้ สุดท้ายนี้ หากใครอยากมีพื้นฐาน ต่อยมวย เรียนมวย สามารถติดต่อเรามาได้ตลอดเลยนะครับ เราจะสอนพื้นฐานการต่อสู้อย่างดี

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

อันตรายจากการ ชกมวย ลดการบาดเจ็บแค่ป้องกันให้ถูก

MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

ฝึก มวยไทย อย่างไรให้ได้ผลมากที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ignitefightclub

 

อันตรายจากการ ชกมวย ลดการบาดเจ็บแค่ป้องกันให้ถูก

อันตรายจากการ ชกมวย ลดการบาดเจ็บแค่ป้องกันให้ถูก

     กีฬาชกมวยเป็นกีฬาที่คนนิยมทั่วโลก หากจะกล่าวถึงนักกีฬาชกมวยล้วนแต่ผ่านการฝึกฝนอยากหนักและการชกต่างๆบนเวที นักกีฬาชกมวยมักจะได้รับอาการบาดเจ็บตามส่วนต่างๆของร่างกาย แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีรษะนั้นมีความเสี่ยงมาก ๆ แต่นั่นก็แลกด้วยผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน

 

ความเสี่ยงในการชกมวย

     มวยเป็นกีฬาที่อันตราย แม้ว่าจำนวนนักมวยที่เสียชีวิตจากการเล่นกีฬาไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ก็ปรากฏว่าอัตราการเสียชีวิตนั้นต่ำกว่าในกีฬาบางประเภทเช่นการแข่งม้าเป็นต้น ความยากลำบากในการค้นหาอัตราการตายที่แน่นอนได้รับผลกระทบจากความแตกต่างในการควบคุมระหว่างมวยมือสมัครเล่นและมืออาชีพ, มวยที่ผิดกฎหมาย, วิธีการทำงานของหน่วยงานทั่วโลก, ขาดการศึกษาระยะยาวและความไม่ถูกต้องทางการแพทย์

 

นี่คืออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเนื่องจากการชกมวย

บาดเจ็บที่ศีรษะ

     สมาคมศัลยแพทย์ระบบประสาทอเมริกันกล่าวว่า 90% ของนักมวยรักษาอาการบาดเจ็บที่สมอง มวยอาจมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่ากีฬาอื่น ๆ แต่จำนวนนักมวยที่มีความเสียหายในสมองเชื่อว่าสูงกว่าที่บันทึกไว้มาก

 

     เมื่อนักมวยได้พุ่งตรงไปที่ศีรษะมันก็เหมือนกับการถูกลูกบอลโบว์ลิ่ง 13 ปอนด์เคลื่อนที่ที่ความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งมีแรงโน้มถ่วงประมาณ 52 เท่า

 

     การถูกตีที่ศีรษะอาจทำให้กระดูกหักที่ศีรษะและใบหน้าและเนื้อเยื่อถูกทำลายในสมอง สามารถทำลายพื้นผิวของสมอง ทำลายเครือข่ายประสาททำให้เกิดแผลเลือดออกหรือก่อให้เกิดการอุดตันของเลือดภายในสมองได้

 

ความเสียหายร่างกาย

     การบาดเจ็บจากการชกมวยอื่น ๆ ได้แก่ การบาดแผลฟกช้ำฟันแตกปัญหาทางทันตกรรมซี่โครงหักเลือดออกภายในและความเสียหายต่ออวัยวะภายใน

 

บาดเจ็บที่ตา

     แม้ว่าจะได้รับการปกป้องจากกระดูกแข็งด้านข้างดวงตามีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบโดยตรงจากด้านล่าง ความเสียหายต่อดวงตาในการชกมวยอาจเกิดจากการสัมผัสโดยตรงหรือจากการกระแทก อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่จอประสาทตาการปลดจอประสาทตาการตกเลือดที่จอประสาทตาและการบาดเจ็บอื่น ๆ

 

อดีตนักมวยเสี่ยงต่อการเป็นโรคในวัยชรา

     อดีตนักมวยมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคของสมอง พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเช่น Alzheimer's และ Parkinson's สมองของนักมวยมีขนาดเล็กลงและสารสีเทาบนพื้นผิวบางลง ช่องในสมองนั้นใหญ่ขึ้นเนื่องจากการลดลงของสารสีขาวในสมอง

 

     กีฬาทุกประเภทนั้นย่อมมีความเสี่ยงอันตรายต่อร่างกายและชีวิตไม่ว่าจะผลกระทบโดยตรงและผลกระทบทางอ้อม แต่ก็ขึ้นอยู่กับทักษะของนักกีฬาและการป้องกันของกีฬานั้นๆด้วย

 

      อย่างไรก็ตามเมื่อคุณอยากเล่นกีฬาอะไรหรืออยากเป็นนักกีฬามืออาชีพควรศึกษาและเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมเสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อตนเอง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก cities.trueid

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ศิลปะมวยไทย ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย

ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสม VS มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ไร้ช่องโหว่

ศิลปะการต่อสู้บนโลกใบนี้ มีไม่กี่ชนิด ที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ เพื่อตั้งรับรูปแบบการต่อสู้ที่ก้าวไวขึ้น ในยุคสมัยใหม่ MMA ก็เช่นกัน คือหนึ่งในรูปแบบการต่อสู้ที่ไม่ได้มีมานมนาน เหมือนศาสตร์อื่นๆ

 

     ศิลปะป้องกันตัวรูปแบบผสม MMA หรือ Mixed Martial Art เป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นในยุคสมัยใหม่ เพราะนับวัน ศิลปะการต่อสู้ในโลกยุคใหม่ ยิ่งรับมือยากมากขึ้น เพราะด้วยความหลากหลายของศาสตร์การต่อสู้ ที่เริ่มแพร่กระจายสู่วงกว้าง การตั้งรับทุกศาสตร์การต่อสู้ให้อยู่หมัดที่สุด จึงก่อกำเนิด รูปแบบการต่อสู้ผสมนี้ขึ้นมา

 

     การต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม Mixed martial art ( MMA ) คือ การต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น มวยไทย, มวยสากล, ยูโด, มวยปล้ำ, คาราเต้, แซมโบ, บราซิลเลี่ยน,  ยูยิตสู มีทั้งการ ต่อย เตะ ที่เป็นการทำทุกวิถีทาง ให้คู่ต่อสู้ต้องยอมแพ้

 

     ทวีปเอเชีย คือ ถิ่นกำเนิดของศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนงมานานกว่า 5,000 ปี ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้, มวยกัมพูชา, มวยไทย, กังฟู, ยูยิตสู, ยูโด, มวยกาลี, มวยปล้ำซุยเจียว, ไอคิโด ตลอดจนศาสตร์การป้องกันตัวอื่นๆ โดยศิลปะการป้องกันตัวแบบผสม ถือเป็นวิวัฒนาการศาสตร์การป้องกันตัวรูปแบบใหม่ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และยังเป็นอนาคตใหม่ของศาสตร์การป้องกันตัวที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นการหลอมรวมการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวที่ครบถ้วน ทั้งด้านเทคนิคการปะทะ และการจับยึด ทั้งการป้องกันตัวแบบยืน และการนอน ซึ่งต้องใช้แบบแผนของศาสตร์การป้องกันตัวหลากหลายชนิด นับเป็นเกมกีฬาที่มีทั้งรางวัลล่อใจแก่ผู้ชนะอย่างมาก

 

เงื่อนไขของการชี้ผลแพ้ชนะของการแข่งขัน MMA

 

1. การน็อคเอ้าท์

2. การยอมแพ้

3. การยอมแพ้ด้วยวาจา

4. การยุติการแข่งขันโดยผู้ตัดสิน

5. การยอมแพ้โดยพี่เลี้ยงนักกีฬา

6. การตัดสินของคณะกรรมการ

 

     มวยไทย คือศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้ช่องโหว่ เพราะด้วยสมาธิ ที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการฝึก ซึ่งในขณะร่ายรำหรือต่อสู้ จิตใจจะไม่คิดมุ่งร้าย พยาบาท หรืออาฆาต เพียงแต่ตั้งสมาธิอยู่กับการรุก - รับ ในชั้นเชิงแม่ไม้และลูกไม้มวยไทยเท่านั้น  และต้องมีจิตใจที่เคารพคู่ต่อสู้ ไม่ประมาทหรือเหยียดหยามคู่ต่อสู้ เพราะแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ หรือมีความยิ่งใหญ่อย่างใด เพียงแต่เป็นการทำหน้าที่ ของตนให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด การใช้ความสามารถด้านพลังจิตกับพลังกาย โดยแต่ละคนจะมีพลังจิตหรือกำลังกายมากน้อยต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอย่างตั้งใจและอดทน มวยไทยจึงเป็นกีฬาที่มีความรุนแรง รวดเร็ว แต่แฝงไว้ด้วยทักษะ ลีลาที่งดงาม และไร้ช่องโหว่ ต่อให้ต้องเจอกับศาสตร์การต่อสู้แบบใด มวยไทย สามารถตั้งรับ และรับมือได้อย่างแน่นอน  

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sites

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

- เทคนิควิชาการต่อสู้ ที่ร้ายกาจที่สุด

ศิลปะมวยไทย ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย

ศิลปะมวยไทย ที่ผสมผสานกับการออกกำลังกาย

     คุณอาจจะเคยเห็นบนจอโทรทัศน์ ที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันชกมวย ซึ่งต่อสู้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เตะต่อยปะทะกันระหว่างคู่ต่อสู้ วัดความเก่งและความสามารถกันบนเวที แต่ใครหลายคนอาจไม่รู้ว่า มวยไทย นี่แหละคือที่หนึ่งในการออกกำลังกายที่ดีเลย

 

     ศิลปะมวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ  เป็นมรดกตกทอดมาจากพรรพบุรุษ  สมควรอย่างยิ่งที่คนไทยทุกคนต้องศึกษาหาความรู้และรักษาไว้ตลอดไป  ผู้ที่ได้ศึกษานอกจากจะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ารักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติไว้แล้ว  วิชามวยไทยยังเป็นวิชาที่ทำให้ผู้เรียนมีร่างกายแข็งแรง  มีไหวพริบในการต่อสู้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตนเอง  มีประโยชน์ในการป้องกันตัวทั้งตนเองและผู้อื่น  และสามารถใช้ประกอบอาชีพได้  การสอนของครูจะต้องอบรมให้ผู้เรียนมีศิลปะในการต่อสู้  มีจังหวะทั้งรุกและรับ  ฝึกให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา  รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย  เคารพผู้อาวุโส  ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกวา  ไม่ประมาณคู่ต่อสู้  และมีเลือดนักสู้  ไม่ยอมแพ้อย่างง่าย 

 

การเรียนมวยไทย

     มวยไทย สิ่งที่สำคัญคือการจู่โจมและป้องกันตัวเองจากการชกมวย ศิลปะการต่อสู้สามารถเรียนรู้ได้ทุกคนทั้งชาย หญิง เด็กและผู้สูงวัย ความสนใจในมวยไทยนั้น มีการเติบโตและเริ่มพัฒนาการเรียนรู้ไปสู่ยุโรป อเมริกาและเอเชีย อาจารย์ผู้ฝึกสอนบางทีก็มาจากการเป็นนักมวยหรือแชมป์เก่ามาก่อน ดังนั้นโรงเรียนเหล่านี้จะมีการฝึกฝนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

 

     การเรียนรู้มวยไทยนั้น เป็นรากฐานที่สำคัญที่นำไปสู่ปัจจุบันจนมีความเจริญไปยังชนบท ซึ่งในอดีตมีชาวต่างชาติได้ทำการฝึกอบรมมวยไทยจนทำเป็นอาชีพ แต่ก็ยังมีชาวต่างชาติบางคนที่มีความสนใจในมวยไทยแต่มีปัญหาทางด้านภาษาและการสื่อสาร ในบางครั้ง แต่ประเทศไทยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสื่อสารด้านภาษาเพื่อการเข้าถึงของคนต่างชาติมากขึ้น จนทำให้มีโรงเรียนสอนมวยไทยมากมายหลายแห่ง ทั้งมวยอาชีพและมวยสมัครเล่น

 

อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบการแข่งขันมวยไทย

     อุปกรณ์สำหรับการแข่งขันสำหรับมวยไทยนั้น จะต้องมีสนามที่ได้มาตรฐาน นาฬิกาสำหรับการจับเวลาโดยให้สัญญาณ ตีฆ้องหรือระฆัง นวมชก น้ำมันมวยและอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติมสำหรับนักมวย กางเกงของนักมวยขาสั้น ทั้งสีแดง และสีน้ำเงิน ผ้าคาดเอว เป็นต้น มวยไทยสามารถแบ่งออกเป็นสองหมวดหลักได้คือ เป็นมวยที่มุ่งเน้น ในเรื่องของความระมัดระวังและความอดทน ซึ่งปัจจุบันนั้นหายากมาก สำหรับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น มวยเทวดา เป็นการใช้ลูกเล่นในการต่อสู้ที่แพรวพราว และสามารถจับทางคู่ต่อสู้ได้อยู่หมัด ซึ่งนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของนัก มวยที่น่ากลัวยิ่ง

 

กฎข้อบังคับการแข่งขันมวยไทย

     การแข่งขันมวยไทย จำนวนยกในการแข่งขันทั้งหมดมี 5 ยก ยกละ 3 นาที พักระหว่างยก 2 นาที จะไม่มีการเพิ่มรอบโดยไม่ได้รับอนุญาต นักมวยจะต้อง ใช้นวมขนาดไม่น้อยกว่า 6 ออนซ์ (172 กรัม) ซึ่งนวมที่สวม ใส่จะต้องไม่ถูกบีบ หรือบดเพื่อเปลี่ยนรูปทรงของนวม

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sawadee

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

เทคนิคเข้าวงในแบบ มวยไทย มืออาชีพ

เทคนิคเข้าวงในแบบ มวยไทย มืออาชีพ

หลายครั้งที่นั่งดู มวยไทย ( Muay thai ) ตามทีวีหรือเห็นในหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ เราจะเห็นการเข้าประชิดตัวกอดคอและตีเข่า แบบนั้นเค้าเรียกว่าคลุกวงใน วันนี้เรามาดูเทคนิคดีๆ เข้าวงในอย่างไรให้มืออาชีพ

 

     มวยไทย ( Muay thai ) มีหลากหลายสาย หลากหลายท่ามาก หากพูดถึงท่าที่ใช้บ่อยที่สุดก็คือ ท่าที่เข้าวงใน ท่าตีเข่า เป็นท่าที่เข้าถึงตัวและทำให้ศัตรูน็อคเร็ว เพราะอันตรายจากการโดนตีเข้า มีอาการจุกและเจ็บ อาจจะมีถึงขั้นกระดูกซี่โครงหักเลยก็ว่าได้

 

ข้อคำนึงก่อนเข้าวงใน

     การฝึกฝนระยะประชิด สามารถเริ่มได้หลังจากเข้าใจหลักการพื้นฐานของการชกมวยในระยะทางไกลและปานกลาง การโจมตีและการตอบโต้ การป้องกันการเข้าและออกอย่างรวดเร็ว และต้องลดประสิทธิภาพของฝ่ายตรงข้ามให้ได้เร็วที่สุด

 

เทคนิคเข้าวงใน

     การต่อสู้อย่างใกล้ชิดนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกการเคลื่อนไหวการต่อสู้แบบเดียวกันเป็นเวลานาน ดังนั้นในการดวลตัวคุณไม่ต้องคิดแต่ทำทันที หากนักมวยเริ่มคิดและคำนวณการกระทำของเขาในระยะเวลาอันสั้นเขาก็อาจหลงกลศัตรูได้ และต้องรู้ถึงความชอบของท่ามวยไทยบางคนอาจจะชอบการใช้หมัด บางคนอาจจะชอบศอก บางคนอาจจะชอบตีเข่า เพราะแต่ละคนไม่ได้ชอบเหมือนกันทั้งหมด

 

ความแม่นยำและความเร็ว ต้องมี

     คุณภาพพื้นฐานของนักมวยในระยะประชิดคือ ความแม่นยำและความคมชัดของการเคลื่อนไหว ดังนั้น เขาจึงมีโอกาสได้ใช้ความคิดเริ่มสู้แล้ว ก็ต้องเข้าไวออกไวเหมือนกัน

 

อาวุธที่ต้องใช้บ่อยมากที่สุดในวงใน

- เข่า

     เข่าเป็นอาวุธที่วงในต้องใช้บ่อยที่สุด เพราะการเข้าไปกอดศัตรูก่อนแล้วจึงค่อยแทงเข่านั้นเอง เข่าหากจะใช้ให้ถูกต้อง ต้องดูสถานการณ์ในวงใน มีทั้งเข่าเสียบ เข่าตีกางออกมา  ดังนั้นอาวุธเข่าต้องใช้บ่อยที่สุด

 

- ศอก

     ศอกก็ใช่บ่อยพอๆ กับเข่าเลยด้วย เพราะว่าอะไรรู้หรือไม่ ศอกเป็นตัวแก้ทางมวยเข่าแบบคลุกวงใน เลยด้วย เพราะหากเราโดนกอด แล้วสิ่งที่เราจะสะบัดออกได้ก็คือ ศอกของเรานี้แหละ เป็นที่ดีสุดแล้ว

 

     มวยไทย ( Muay thai ) กับการต่อสู้ต่างๆ มีความแตกต่างกันทั้งนั้น ทั้งความคิดและท่าต่างๆ ที่เราจะเข้าทำ เวลาก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องตัดสินใจ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วการที่เราจะเข้าวงในต้องแพ้ศัตรูแน่ๆ

 

     เป็นไงกันบ้างครับสำหรับการเข้าคลุกวงใน บอกเลยได้ว่า มีเทคนิคดีๆ มานำเสนอให้ทุกคนเห็นได้ชัดเลยว่า การเข้าวงในสำคัญมาก และยิ่งไปกว่านั้น มวยไทย (  Muay thai ) ก็เป็นศิลปะที่ฝึกได้ หากใครอยากเข้าวงในกับผม ก็สามารถโทรมาสอบถามได้เลย ให้เรา เปิดประสบการณ์ มวยไทย (  Muay thai ) ให้กับคุณเลยนะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

- สร้างแรงบันดาลใจในการทำSixpack

- เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก murmanprokat

 

ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

ฝึกทักษะกีฬา มวยไทย เบื้องต้น

     กีฬาที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ มวยไทย ที่ทั้งสาว ๆ และ หนุ่ม ๆ ได้หันมาลองฝึกเล่นและเอามาใช้ออกกำลังกายกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ที่ต้องเริ่มเล่นใหม่ แบบไม่มีพื้นฐานมาก่อน ลองเรียนรู้ตามนี้ดู

 

การตั้งท่าจดมวย

     การตั้งท่าจดมวย หมายถึง การวางเข่า การวางมือให้ถูกต้องตามหลักการฝึก ซึ่งในการจดมวยนั้น ต้องทราบเหลี่ยมมวยด้วย เหลี่ยมมวย หมายถึง การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัด ออกมาให้เห็น โดยปกติมวยจะมี ๒ เหลี่ยม คือ เหลี่ยมซ้าย และเหลี่ยมขวา

 

     เหลี่ยมซ้าย หมายถึง การยื่นหมัดขวาไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าขวายื่นไปข้างหลัง หมัดซ้ายชิดคาง เท้าซ้ายอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย โดยให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าซ้าย ระยะห่างของเท้าทั้งสองข้าง ๑ ช่วงตัว สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา 

 

     เหลี่ยมขวา หมายถึง การยื่นหมัดซ้ายไปข้างหน้าสูงเหนือระดับหางคิ้ว ในขณะที่เท้าซ้ายยื่นไปข้างหลัง แขนซ้ายขนานกับลำตัว หมัดขวาชิดคาง เท้าขวาอยู่ด้านหลัง ลำตัวเหยียดตรง ไม่เกร็งปล่อยตัวตามสบาย ให้น้ำหนักอยู่ที่เท้าขวา สายตามองผ่านมือไปยังคู่ต่อสู้ตลอดเวลา

 

การวางตำแหน่งอวัยวะ

การวางตำแหน่งของอวัยวะที่ได้จดมวย หมายถึง การกำหมัด วางเท้า มือ และลำตัว

     การกำหมัดที่ถูกต้อง คือ แบมือให้นิ้วมือทั้ง ๔ เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง ๔ นิ้วเข้าหาอุ้งมือ แล้วกดทับด้วยนิ้วหัวแม่มือลงทาบ ในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กำกระชับแน่น โดยไม่เกร็ง

 

การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

     เป็นทักษะพื้นฐานของกีฬามวยไทยที่มีอยู่มากมายหลายแบบ ซึ่งครูมวยต่างๆ ได้คิดค้นขึ้นมาใช้ และได้นำมาเขียน หรือบันทึกไว้ เพื่อประโยชน์ ในการเรียนการสอนวิชามวยไทยในปัจจุบัน

ศิลปะการใช้หมัด เช่น หมัดตรง หมัดตัด หมัดตวัด หมัดเสย

ศิลปะการใช้เท้า แบ่งออกเป็น การเตะ และการถีบ สำหรับการเตะนั้น  เช่น เตะตรง เตะเฉียง เตะตวัด เตะกลับหลัง ส่วนการถีบ เช่น ถีบตรง ถีบข้าง ถีบกลับหลัง

ศิลปะการใช้เข่า เช่น เข่าตรง เข่าเฉียง เข่าตัด เข่าโค้ง เข่าลอย

ศิลปะการใช้ศอก เช่น ศอกตี ศอกตัด ศอกงัด ศอกพุ่ง ศอกกระทุ้ง ศอกกลับ

 

     การนำเอาศิลปะแม่ไม้มวยไทยเหล่านี้ไปใช้ให้ได้ผลดีย่อมขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ความชำนาญ และความมีไหวพริบ จึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sport.wu

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

สร้างแรงบันดาลใจในการทำSixpack

สร้างแรงบันดาลใจในการทำSixpack

สร้าง   Sixpack ยากมากแต่เราจะมาบอกถึงแรงบันดาลใจในการสร้างมันกันรู้ว่ามันยากแต่ยังไงเราก็ทำได้ เหมือนคนทั่วๆไป อาจจะมีท่ามวยมาผสมและ เคล็ดลับต่างๆมาบอกให้ทุกคนรู้ว่าSixpackไม่ยากอย่างที่คิด

 

รู้จักซิกแพคให้ดีก่อนว่าเป็นกล้ามเนื้อแบบไหน

ก็คือกล้ามเนื้อมัดหนึ่งในร่างกาย ที่อยู่บริเวณหน้าท้อง เหมือนกล้ามแขน กล้ามขา กล้ามหน้าอก มีลักษณะเป็นลูกๆ ไม่ใช่แค่ 6 ลูกอย่างเดียว แต่สามารถมีได้ทั้ง 4, 6 และ 8 ลูก และจริงๆแล้วทั้งหมดเป็นกล้ามเนื้อก้อนเดียว แต่มีเส้นเอ็นที่แบ่งตรงกลางและแนวขวาง ทำให้ออกมาเป็นหน้าตาอย่างที่เราเห็น

 

ขจัดความเชื่อที่ผิดๆเกี่ยวกับซิกแพค

ทีนี้พอเรารู้ว่าซิกแพคเป็นกล้ามเนื้อ ดังนั้นการที่จะมีซิกแพคคือเราต้องออกกำลังกายหน้าท้องเพื่อให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แล้วรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเราทุกคนมีกล้ามเนื้อซิกแพคกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเราโดนไขมันหน้าท้องบดบังไว้อยู่ใต้พุง หมายความว่า ถ้าอยากมีสิ่งนี้สิ่งที่สำคัญกว่าการสร้างกล้ามเนื้อก็คือ การเอาไขมันออก ซึ่งการออกกำลังกายที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่เรียกว่าการคาร์ดิโอนั่นเอง

 

คาร์ดิโอเพื่อลดไขมันดีที่สุด

 

ที่สำคัญที่สุดในการมีซิกแพคคือคุณต้องมีปริมาณไขมันในร่างกายน้อยมากพอที่จะไม่มีอะไรมาบดบังกล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณ และวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับการเบิร์นไขมันเราเรียกว่า คาร์ดิโอ หรือการออกกำลังกายแบบแอโรบิค

 

ทานโปรตีนให้เพียงพอต่อการสร้างกล้ามเนื้อ

 

นอกจากการออกกำลังกายและการพักผ่อนแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อนั่นก็คือการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะเรื่องของโปรตีน เพราะร่างกายจะเอาโปรตีนนี่แหล่ะไปซ่อมแซมกล้ามเนื้อและสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม สำหรับผู้ที่ฟิตร่างกายสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ควรจะได้รับโปรตีน 1.5 - 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

 

ตั้งเป้าหมาย

 

เชื่อว่าหลายคนคงมีเป้าหมายว่าอยากที่จะมีซิกแพค แต่บางทีก็ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกว่าตัวเราเองตอนที่มีซิกแพค จะรูปร่างเป็นอย่างไร การมีตัวแบบไม่ใช่เรื่องผิด แถมดีซะอีก เพราะจะช่วยให้เรามองเห็นเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นว่าเราอยากมีรูปร่างแบบไหน การเห็นเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมจะช่วยให้คุณมีแรงใจในการต่อสู้และพยายามเพื่อซิกแพค มากกว่าแค่คิดไปลอยๆ อย่างแน่นอน

 

ทุกคนล้วนสามารถสร้าง ซิแพค ขึ้นมาเองได้ทั้งนั้นขอแค่มีความตั้งใจและการเล่นที่ถูกต้องเพียงเท่านี้ เจ้ากล้ามหน้าท้อง ที่เราอยากได้ก็จะขึ้นมาเอง ช่วงแรกอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พอทำไปเลื่อๆจะชินไปเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

หาความแข็งแรงได้ด้วยการเรียน มวยไทย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

เตะเจาะยางอาวุธมวยที่รุนแรง

มวยไทย ( Muay thai ) อาวุธลูกเตะเจาะอย่างถือได้ว่าเป็นอาวุธที่หน้ากลัวที่สุด ส่วนตัวผมคิดว่าการเตะแบบนี้ ทำให้คู่ต่อสู้หมดแรงและยอมแพ้ไปเองไม่ถึงกับน็อค เรามาดูกันว่าทำยังไงเตะเจาะยาง

 

การฝึกลูกเตะจะเริ่มจากการเตะกระสอบทราย

กระสอบทราย สามารถเป็นตัววัดได้ว่าเราเตะได้แรงและเตะได้เร็วขนาดไหน หากอยากเตะให้แรงก็ต้องเริ่มจากท่าแบบนี้ละครับ

 

การเตะ

หมายถึง การใช้เท้าเป็นอาวุธในการต่อสู้มวยไทย ใช้ได้ดีเมื่อเป็นฝ่ายรุก หรือสกัดการรุกของคู่ต่อสู้ เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุด เป็นอาวุธที่ยาวที่สุด ในร่างกายของมวยไทย
การเตะ มี 4 ประเภท  เตะเฉียง  เตะตัด  เตะตรง  เตะตวัดหลัง

 

เริ่มโดยการฝึกท่ายืน

ก่อนจะลงแข้งได้หนักหน่วงเราต้องยืนอย่างถูกวิธีกันก่อนครับ

1.ให้ยืนปลายเท้าทั้งสองห่างกันเท่ากับไหล่หรือขนานกับไหล่ทั้ง 2 ข้าง

2.เขย่งปลายเท้าทั้งสองข้าง ให้ปลายเท้าสองหันขี้ไปด้านหน้า

3.ยืนเอียงตัว วางน้ำหนักให้เท้าหน้า(หรือเท้าซ้าย) เท้าหลัง(เท้าขวา)คืออาวุธที่ปล่อยออกไป (อยู่ในท่าการ์ดมวยที่เท้าซ้ายอยู่หน้า แล้วแต่ถนัดของบุคคล)

4.เท้าหน้า จะเป็นจดหมุนที่ตรึงอยู่กับพื้นหมุนได้ตามแรงเหวี่ยงที่จะเตะ

 

แล้วเตะเจาะยางต้องเล็งตรงไหน

ขาพับด้านในและด้านนอก หรือต้นขา ตรงนี้เป็นตรงที่เรียกได้ว่าหากใครโดนไปแล้วละก็ จะถูกเจาะและมีอาการปวดแสบ ไม่อยากเดินหมดแรงขาไปเลย  คู่ต่สู้จะต้องระวังส่วนนี้เป็นพิเศษ หากโดนเข้าไปแล้วโดนซ้ำเข้าไปอีก บอกได้ลยถึงกับต่อยต่อไม่ได้เลยนะครับ

 

เตะเจาะยางคือการเตะตัดขาตรงน่องของคู่ต่อสู้ซึ่งทำให้ยกขาไม่ขึ้นเสมือนว่ายางแตกเพราะล้อถูกปล่อยลมออก ซึ่งสาเหตุที่การเตะเจาะยางทำให้คู่ต่อสู้ยกขาไม่ขึ้นนั้นก็เพราะว่าเป็นการเตะแบบเล็งเป้าที่เจาะจงทำให้ความรุนแรงเข้มข้นขึ้นในพื้นที่แคบๆมากกว่าการเตะกลางลำตัวแบบทั่วไป

แม้ว่าท่าเตะเจาะยางดูไม่หวือหวาแต่ที่จริงแล้วเป็นวิธีต่อสู้ที่รุนแรงมากวิธีหนึ่งเลยทีเดียวซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์วิธีสู้กับคนตัวใหญ่กว่า และเป็นอาวุธที่นักมวยไทยใช้คว่ำคู่ต่อสู้ระดับโลกชาวต่างชาติมาแล้วหลายคน

 

หากใครอยาก เรียน มวยไทย ( Muay thai ) ก็สามารถทักมาหาเราได้เลยนะครับ จะมีครู มวยไทย ( Muay thai ) ที่สอนหลายท่าเลย ทั้งเตะเจาะยางที่เหมือนบทความนี้ หรือ ท่าอื่นๆก็ย่อมได้นะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เทคนิควิชาการต่อสู้ ที่ร้ายกาจที่สุด

ชกมวยไม่ได้เก่งเเค่การป้องกันตัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ohlor

เทคนิควิชาการต่อสู้ ที่ร้ายกาจที่สุด

เทคนิควิชาการต่อสู้ ที่ร้ายกาจที่สุด

ศิลปะการต่อสู้ในโลกนี้นั้นมีอยู่มากมาย หลายแขนง บางวิชาอาจยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่รู้จักบ้างแล้วก็มี ยังคงมีศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น ที่นับว่าอันตรายและร้ายกาจไม่แพ้ไปกว่ากีฬามวยไทยอย่างยิ่ง

 

     เราเป็นคนไทย แน่นอนว่าต้องไม่ลืมที่จะสืบทอดศิลปะการต่อสู้ของศิลปะแม่ไม้มวยไทย ให้แพร่หลายออกไปให้ได้มากที่สุด แต่ความร้ายกาจของศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้มีดีแค่มวยไทย ยังมีศิลปะการต่อสู้แบบอื่น หรือชนิดอื่น ที่เรายังไม่อาจรู้จักพิษสงของความน่ากลัวของศาสตร์นั้นเลย วันนี้ เราจะพาไปแนะนำให้รู้จักกับศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น ที่รับรองได้ว่า ร้ายกาจไม่แพ้มวยไทยเลยทีเดียว

 

กังฟู

     กังฟู กายและใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว กังฟู เรียกได้ว่าเป็นศิลปะการต่อสู้จีนอย่างหนึ่ง สามารถแบ่งออกเป็นหลายพรรคและหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น หมัดใต้เท้าเหนือ, กระบองใต้หอกเหนือ และยังมีวิทยายุทธเส้าหลิน, อู่ตังเหมิน, กระบี่ไท้เก๊ก หรือมวยหย่งชุน เป็นต้น

 

มวยหย่งชุน

     มวยหย่งชุน หรือวิงชัน เป็นศิลปะป้องกันตัวแบบประชั้นชิดที่ใช้การรุกและการรับอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆ กัน ต้นกำเนิดของหย่งชุนมาจากเมืองจีนทางตอนใต้ ออกแบบมาเพื่อให้คนที่ตัวเล็กหรืออ่อนแอกว่า รับมือกับคนที่แข็งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แตกแขนงมาจาก กังฟู โดยผู้เผยแพร่ชื่อดัง อาจารย์ยิป หรือยิปมัน อาจารย์ตำนานดารากังฟูผู้ไม่มีวันตายชื่อดัง บลู๊ซลี นั่นเอง

 

     จุดหลักของมวยหย่งชุน คือการเน้นท่ายืนที่แข็งแรง คล้ายกับต้นไผ่ที่มีลำต้นที่แข็งแรง แต่มีความยืดหยุ่นและอ่อนไหวไปตามลม มีรากที่มั่นคง แต่โครงสร้างของแต่ละท่า สามารถหันเหและเปลี่ยนจุดมุ่งหมายตามแรงปะทะของคู่ต่อสู้ โดยที่เราไม่ต้องออกแรงมากในถ้ายืน แขนทั้ง 2 ข้าง ต้องอยู่ระหว่างกลางของลำตัว เพื่อป้องกันใบหน้า และอวัยวะที่เป็นจุดอ่อนของร่างกาย มวยหย่งชุนเป็นมวยที่อาศัยความแม่นยำ เรียบง่าย และรวดเร็ว ในการเอาชนะคู่ต่อสู้ภายในเวลาที่น้อยที่สุด

 

มวยไท้เก๊ก

     มวยไท้เก๊ก เป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งของจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากมวยไท้เก๊ก เน้นการฝึกเพื่อบำบัดโรคและรักษาสุขภาพ ทั้งยังช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน จนทำให้เป็นที่ชื่นชอบและแพร่หลายกันในหมู่คนต่างชาติ รวมถึงคนไทย มวยไท้เก๊กนั้นมีทั้งหมด 108 กระบวนท่า เป็นท่ารำที่อ่อนช้อยและวิธีการหายใจ ซึ่งเป็นผลดีต่อระบบการทำงานของปอดและหัวใจ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

 

MMA ( Mixed Martial Arts )

     ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม คือ การต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น มวยไทย, มวยสากล, ยูโด, มวยปล้ำ, คาราเต้, แชมโบ, บราซิลเลี่ยน, ยูยิสสู มีทั้งการเตะต่อย และการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ ถือว่าเป็นการต่อสู้แขนงรวมที่ร้ายกาจ แขนงหนึ่ง

 

มวยไทย

     ความร้ายกาจของกีฬามวยไทย นับว่าเป็นที่น่าเกรงขามที่สุด เพราะต่อให้ต้องเจอกับศิลปะการต่อสู้ประเภทใด มวยไทย สามารถตั้งรับ และรุกได้ทั้งสิ้น มวยศาสตร์ MMA เอง ก็ยึดมวยไทยเป็นขาหลักเช่นกัน มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้จากประเทศไทย ที่ใช้หมัด, ศอก, แขนท่อนล่าง, เท้า, แข้ง, เข่า, ฝ่ามือ,  ฝ่าเท้า, ศีรษะ, ลำตัวในการต่อสู้ และยังมีประเทศเพื่อนบ้านที่ยึดต้นแบบการต่อสู้ของชาติเรา ให้คล้ายๆ กัน นั่นก็คือ ประเทศกัมพูชา พวกเขาเรียกกันว่า ประดั่ญเซเรีย ( Pradal Serey ) หรือขอมมวย ส่วนประเทศลาว เรียกกันว่า มวยลายลาว ( มวยเสือลากหาง ) นั่นเอง

 

     คงไม่มีกีฬาชนิดใดจะน่าฝึกและได้ประโยชน์ที่สุด ไม่พ้น กีฬามวยไทย มาออกกำลังกายด้วยมวยไทย เพื่อสืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบไทยๆ และเพื่อสุขภาพกันเถอะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sites

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

- คุณค่าของการเรียน มวยไทย

ชกมวยไม่ได้เก่งเเค่การป้องกันตัว

ชกมวยไม่ได้เก่งเเค่การป้องกันตัว

พูดถึงเทรนด์การออกกำลังกายใหม่ ที่ผู้หญิงก็สามารถฝึกความแข็งแรงของร่างกายได้ด้วยการสวมนวม ขึ้นสังเวียนชกกับเทรนเนอร์หุ่นล่ำที่ถือเป้าล่อ หรือกระสอบทราย ไม่ได้ฝึกชกไปขึ้นเวทีมวยที่ไหนให้เจ็บตัว

 

1. มวยไทย ( Muay Thai ) ได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย

 

เป้าหมายของการต่อยมวยคือให้ทุกส่วนของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกายและระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวยยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว การทำงานประสานกันของอวัยวะ ปฏิกิริยาตอบโต้และความคล่องตัว และยังสามารถเบิร์นไขมันได้ถึง 13 แคลอรี่ใน 1 นาที การออกกำลังกายด้วยการชกมวยทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้ตั้งแต่ 200-400 แคลอรี่ในเวลาครึ่งชั่วโมง, ขึ้นสังเวียนชกมวย 30 นาทีเบิร์นได้ 400 แคลอรี่, ชกกระสอบทราย 30 นาที เบิร์นได้ 200 แคลอรี่, ชกกับคู่ซ้อม 30 นาทีเผาผลาญได้ 300 แคลอรี่

 

 

2. มวยไทย ( Muay Thai ) เผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า

 

การชกมวยอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training (การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง) เพราะการขึ้นชกใน 1 ยกคือการใช้ร่างกายไปถึงระดับสูงสุด และการพักระหว่างยกคือการทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากความอ่อนล้าได้เร็วขึ้น เป็นทั้งการออกกำลังกายแบบที่ผสมผสานเผาผลาญพลังงานการใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจนเข้าด้วยกัน การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับการวิ่งหรือปั่นจักรยานจะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

 

3. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้หน้าท้องแบบราบ

 

อยากมีซิกแพคชัดๆ ลองเลิกซิทอัพแล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะการชกมวยจำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพกเพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้น และเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

 

 

4. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยคลายเครียด

 

เมื่อต้องเผชิญกับสารพัดปัญหามาทั้งวัน หรือทะเลาะกับแฟน ไม่พอใจเจ้านาย ลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน รู้สึกหงุดหงิดจวนระเบิด ก็เป็นการดีหากได้ขึ้นสังเวียนต่อยใครสักคน หรือชกกระสอบทรายระบายอารมณ์ออกมาบ้าง ฮอร์โมนต่างๆ ที่หลั่งออกมาระหว่างการใช้แรงจะส่งผลในทางที่ดีต่อร่างกาย การต่อยมวยจึงเป็นการระบายความเครียดที่ได้ผลและดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงสารเอ็นดอฟีนที่หลั่งออกมาก็ช่วยให้มีความสุขขึ้นด้วย

 

 

5. มวยไทย ( Muay Thai ) ช่วยให้บุคลิกสง่างาม

 

การชกมวยทำให้การใช้สมองและร่างกายทำงานสอดประสานกันได้ดีขึ้น กระตุ้นให้การรับรู้ทางร่างกายทำงานดีขึ้น มีความคล่องตัว เพราะต้องใช้การทำงานที่สอดประสานกันระหว่างตาและมือ ทุกครั้งที่ชกกระสอบทรายหรือชกกับเป้าล่อ ต้องใช้สมาธิในการพุ่งเป้าไปที่การเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อให้เกิดการจดจำการเคลื่อนไหว ทั้งจังหวะการขยับเท้าและการออกหมัด ท้าทายการทำงานของกล้ามเนื้อและจิตใจไปพร้อมกัน ทำให้มีความคล่องแคล่ว ว่องไว มั่นใจ บุคลิกก็สง่างามไปโดยปริยาย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการออกำลังกายที่สนุกไม่แพ้เต้นแอโรบิค หรือซุมบ้า แถมได้ประโยชน์สุดเริ่ดมากกว่าที่คิด หากใครสนใจเรียนมวยไทย สามารถมาเรียนกันได้ที่ เจริญทอง มวยไทย ยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) นะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wefitnesssociety

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

มวยคาดเชือกที่ผสมผสานไปด้วยแม่ไม้

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

มวยไทย เทรนด์ฮิตออกกำลังกาย

     เทรนด์ฮิตออกกำลังกายด้วย มวยไทย เป็นการออกกำลังกาย ที่ช่วยลดน้ำหนักที่เห็นผลจริง เนื่องจากร่างกายเราได้ใช้พลังงานไปอย่างมาก ทำให้ไขมันที่อยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ถูกใช้ไป ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ กระชับสัดส่วนที่ต้องการได้

 

     "มวยไทย" คือ ศิลปะป้องกันตัวในแบบของไทยแต่โบราณที่สืบทอดกันมายาวนานโดยการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นการออกกำลังกายที่ใช้พลังงานของร่างกายอย่างมาก นอกจากจะช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแล้วยังส่งผลให้ระบบการไหลเวียนโลหิต ระบบการหายใจ การทำงานของหัวใจ ปอด หลอดเลือดและกล้ามเนื้อร่างกายยืดหยุ่นดีขึ้น

 

     ผู้ที่คิดจะลดหุ่นหรืออยากจะเรียกความกระฉับกระเฉงให้ร่างกาย ตอนนี้ควรจะมองมวยไทยเป็นตัวเลือกหนึ่ง ที่รับรองว่าถ้าได้ลองแล้วท่านจะแข็งแรงขึ้น ร่างกายจะเผาผลาญเป็นอย่างดี เรียกเหงื่อ ขับของเสียจากร่างกาย และเป็นการฝึกฝนจิตใจให้สงบ มีสมาธิ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีและกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันเลยทีเดียว

 

ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับท่าเบสิกที่ใช้ในการออกกำลังกายแบบมวยไทยแอโรบิกกันก่อนดีกว่า

1.ท่าหมัดตรง

     เตรียมพร้อมด้วยท่ายืนตรงเท้าอยูห่างกันพอประมาณ กำหมัดท้ังสองข้างไว้ระดับอกเก็บข้อศอกชิดลำตัว ตามองตรงไปข้างหน้า ก้าวเท้าซ้ายพร้อมกับชกมือขวาไปข้างหน้าให้ขนานกับพื้น เปิดส้นเท้าขวาโดยทิ้งน้ำหนักลงที่ขาซ้าย ดึงแขนและขากลับมาในท่าเริ่มต้นแล้วซ้ำสลับข้างอย่างต่อเนื่องเซตละ 15-20 คร้ัง

 

2. ท่าศอกตัด

     ยืนกำหมัดท้ังสองข้างไว้ระดับอกเหมือนท่าหมัดตรงก้าวเท้าขวาไปด้านขวาพร้อมกับเหวี่ยงหมัดซ้ายให้ข้อศอกตั้งฉากกับหมัดขวา บิดลำตัวเล็กน้อยและเปิดส้นเท้าซ้ายทิ้งน้ำหนักที่ขาขวา วางส้นเท้าซ้ายดึงแขนและขากลับสู่ท่าเริ่มต้นเพื่อทำซ้ำสลับข้างเซตละ 15 - 20 ครั้ง

 

3. ท่าถีบ

     กำหมัดทั้งสองข้างตั้งฉากระดับอก แนบแขนชิดลำตัว ตามองตรง จากนั้นงอเข่าเล็กน้อยพร้อมเตะขาไปข้างหน้าให้ปลายเท้าตั้งฉากหรือเท่าที่ทำได้ ทำสลับซ้ายขวา

 

4. ท่าศอกเสย

     ยืนหน้าตรง กำหมัดทั้งสองข้างไว้ใต้คาง เก็บแขนชิดลำตัว จากนั้นก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า เปิดส้นเท้าซ้ายพร้อมยกศอกขวาขึ้น กลับสู่ท่ายืน ทำสลับซ้ายขวา

 

5. ท่าตีเข่า

     กำหมัดทั้งสองข้างตั้งฉากระดับอก แนบแขนชิดลำตัว จากนั้นยกเข่าขวาขึ้นสูง (เท่าที่ทำได้) พร้อม เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ทำซ้ำอีกข้าง

 

6. ท่าเตะ

     กำหมัดทั้งสองข้างตั้งฉากระดับอก ก้าวเท้าซ้ายมาข้างหน้าพร้อมเตะขาขวาขึ้น หันปลายเท้าชี้มาทางซ้าย บิดตัวเล็กน้อย ทำซ้ำอีกข้าง

 

     เพราะการออกกำลังกายด้วยการชกมวย เป็นการลดน้ำหนักที่เห็นผลจริง เนื่องจากร่างกายเราได้ใช้พลังงานไปอย่างมาก ทำให้ไขมันที่อยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ถูกใช้ไป

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก mgronline

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

มวยคาดเชือกที่ผสมผสานไปด้วยแม่ไม้

มวยคาดเชือกที่ผสมผสานไปด้วยแม่ไม้

เคยดูหนังไทยสมัยก่อนไหมครับ พวกนายทองดี นายขนมต้ม จะมีชุดมวยที่เราเห็นๆกันก็คือ ผ้าขาวม้าแล้วก็มีเชือกคาดถึงศอกเพราะสมัยก่อน ไม่มีนวมไม่มีอะไรเลย เค้าถึงเรียกว่า มวยคาดเชือกไงละ

 

มวยไทย ( Muay thai ) การชกด้วยการคาดเชือกนั้น

 

เมื่อพ้นช่วงจากการทำศึกสงคราม มักจะมีการชกมวยเพื่อความสนุกสนานอยู่เสมอนอกจากนี้ยังมีการเดิมพันด้วยการพนันระหว่างนักมวยที่เก่งกาจจากหมู่บ้านหนึ่งกับนักมวยที่มีฝีมือจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง ทำการชกกันในเทศกาลสำคัญๆ หรือในกรณีมีการท้าทายกันเกิดขึ้น   

 

มวยไทย ( Muay thai )  ในสมัยก่อนนั้น ชกกันด้วยมือเปล่าๆ ยังไม่มีการคาดเชือกอย่างสมัยอยุธยาตอนต้น และอยุธยาตอนปลาย การชกกันด้วยการคาดเชือก  คำว่าคาดเชือก คือ เอาเชือกคาดไปถึงข้อศอกแล้วชกกัน   ต่อมาภายหลัง “นวมมวย” ได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกในสมัยต่อมาจึงได้สวมนวมชก และการชกยังคง ออกอาวุธเหมือนเดิม คือ ยังใช้หมัด เท้า เข่า และศอก ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

 

เอกลักณ์ของ มวยไทย ( Muay thai ) คาดเชือกสมัยก่อน ต้องมีอะไรบ้าง

 

ศิลปะมวยไทย คือ การผสมผสานการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ซึ่งอาจจะเป็นท่าของการรุก หรือการรับไม้มวยในการต่อสู้ การจะใช้ศิลปะไม้มวยไทยได้อย่างชำนาญ จะต้องผ่านการฝึกเบื้องต้นในการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แต่ละอย่างให้คล่องแคล่วก่อน จากนั้นจึงจะหัดใช้ผสมผสานกันไปทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก และศิลปะการหลบหลีกต่อไป

 

เชิงมวย คือ ท่าทางของการใช้นวอาวุธในการต่อสู้ แบ่งออกเป็นเชิงรุก และเชิงรับซึ่งเชิงมวยนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญในศิลปะมวยไทย

 

ไม้เกร็ด คือ เคล็ดลับต่างๆ ที่นำมาปรุงทำให้แม่ไม้และลูกไม้ที่ปฏิบัติมีความพิสดารมากยิ่งขึ้น

 

เพลงมวย หมายถึง การแปรเปลี่ยนพลิกแพลงไม้มวยต่างๆ ต่อเนื่องสลับกันไปอย่างพิสดารและงดงามในระหว่างการต่อสู้ ในอดีตมวยไทยชกกันด้วยมือเปล่า  หรือใช้ด้ายดิบ ที่เรียกว่า คาดเชือก จึงสามารถ ใช้มือในการจับ หัก บิด ทุ่ม คู่ต่อสู้ได้ “นักมวยจึงใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้มากกว่าการใช้พละกำลัง  

 

จึงเกิดไม้มวยมากมาย แต่เมื่อมวยไทยได้พัฒนาเป็นกีฬามากขึ้นมีการออกกฎกติกาต่างๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่นักมวย และตัดสินได้ง่าย ไม้มวยที่มีมาแต่อดีตบางไม้จึงไม่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันได้ และบางไม้นักมวยก็ไม่สามารถใช้ได้ถนัดเนื่องจากมีเครื่องป้องกันร่างกายมาก

 

มวยไทย ( Muay thai ) กับ มวยคาดเชือกมีมานานแล้ว หลายๆคนอาจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ หากอยากเรียนมวยไทยจริงๆ ก็สามารถติดต่อเรามาได้ตลออดเลยนะครับ เราไม่อยากให้ ศิลปะมวยไทย ( Muay thai ) ของเราหายไปและก็ไม่อยากฝห้ใครลืม

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก siamsporttalk

สัญชาตญาณนักมวย

สัญชาตญาณนักมวย

คำว่า สัญชาตญาณ คืออยู่เหนือเหตุผลความรู้สึก หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า สถานการณ์ข้างหน้าเรา เราจะรับมืออย่างไรโดยที่เราได้เปรียบ แต่ผลออกมาอย่างไรนั้นดูอีกที่มาดูกันว่าสัญชาตญาณนักมวยจะเป็นอย่างไร

                                                         

มวยไทย ( Muay thai ) ถือว่าเป็นศิลปะแม่ไม้ ที่เราควรรักษาไว้ จริงๆแล้ว ก่อนที่เราจะมี สันชาติตยานที่แข็งแกร่งเราต้องถูก ฝึกด้วยครูมวย ที่ดีก่อน อยากจะมีสันชาติตยานนักมวย ก็ต้องฝึกกันทั้งนั้น องค์ประกอบนักมวย

 

มีเทรนเนอร์ดี สิ่งแรกคือการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ที่เทรนเนอร์จะสอนเบสิคเบื้องต้น ทั้งการเคลื่อนไหว การป้องกัน การยืนตำแหน่งยามอยู่บนเวที รวมถึงความแคล่วคล่องว่องไว

 

สภาพความฟิต มองดูภายนอกคุณอาจเป็นนักกีฬาที่ดูดี แต่หากความฟิตไม่ถึง ทุกอย่างเป็นอันจบ การฝึกซ้อมด้วยการออกกำลังกาย อาทิ กระโดดเชือก วิ่ง ลุก-นั่ง คือแนวทางที่จะทำให้คุณไม่หมดแรงง่ายๆบนเวที

 

ฝึกฝนจิตใจ กีฬามวย ไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยพละกำลังเท่านั้น แต่มันยังวัดถึงความสามารถด้านกระบวนความคิด การตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้าเพียงเสี้ยววินาที นักมวยระดับโลกหลายคน อาทิ มูฮัมหมัด อาลี ,ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ หรือกระทั่งสมรักษ์ คำสิงห์ มีความพิเศษเหล่านี้ ที่นำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะได้

 

พอเราฝึกมวย มาได้สักพักแล้วหากถึงตาที่เราจะต้อง ขึ้นชกแล้วจะต้องงมี สัญชาตญาณอะไรบ้างบนเวทีชก

สัญชาตญาณ การป้องกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักมวยประเภท ‘ไฟท์เตอร์’ เดินหน้าสู้ หรือแนว ‘บ็อกเซอร์’ ที่อาศัยชั้นเชิงเป็นหลัก แต่หากไม่มีการป้องกันตัวที่ดีหรือประมาทเกินไป ก็อาจถูกน็อคได้ง่ายๆ สิ่งสำคัญคือต้องพยามตั้งการ์ดป้องกันให้ได้ตลอดเวลาเมื่ออยู่บนเวที

สัญชาตญาณ ความเร็ว แม้ว่าน้ำหนักหมัดของคุณจะหนักแค่ไหน แต่หากไม่มีความเร็วหรือช้ากว่าคู่แข่งเพียงแค่หนึ่งสเต็ป คุณก็ไม่มีทางที่จะปล่อยหมัดใส่คู่แข่งได้เลย นี่แหละคือความสำคัญที่ต้องเริ่มจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก

น้ำหนักหมัด การมีหมัดที่หนัก และออกหมัดบ่อยๆบางทีก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะหากคู่แข่งป้องกันอย่างถูกวิธี นั่นหมายความว่า แต่ละหมัดที่คุณออกไปนั้น คือกำลังที่สูญเสียไป ฉะนั้น การหาจังหวะในการชก คืออีกหนึ่งแนวทางที่จะทำให้คุณเผด็ดศึกคู่ชก เพราะบางทีแค่หมัดเดียวเน้นๆก็เพียงพอแล้ว

สัญชาตญาณลึกๆในใจ จริงอยู่ที่เทรนเนอร์หรือพี่เลี้ยงจะวางแผนให้คุณก่อนขึ้นชก และระหว่างพักยก แต่เมื่อขึ้นออกไปตะบันกับคู่แข่งบนเวที คุณคือคนที่กำหนดทุกอย่าง บางทีอาจไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่อยู่ในตัวคุณที่หากมาถูกที่ถูกเวลา ก็สามารถพาคุณไปสู่ชัยชนะได้เช่นกัน

หากใครที่สนใจ ยิมมวยหรือ อยากฝึกมวยไทย ให้เราเปิดประสบการณ์ของคุณนะครับ การเป็นนักมวยหรืออยากลองฝึกมวยไทย ในยุคปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อนนะครับ เราสามารถฝึกให้ได้

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

รีดน้ำหนักเร่งด่วนแบบนักมวยถูกวิธี

มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

เปลี่ยนหน้าท้องให้เป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย

     การจะเปลี่ยนหน้าท้องที่มีพุง ให้เป็นเหมือนแผ่นเหล็กนั้น ช่างยากยิ่งนัก เหตุใดส่วนที่ดูบอบบางของร่างกายอย่าง “หน้าท้อง” ถึงสามารถรับแรงกระแทกขนาดนั้นได้ ต้องไปตามกันแล้วว่าเปลี่ยนได้ไหม

 

     มวยไทย ได้รับการยอมรับว่าเป็น ศิลปะการต่อสู้แบบยืนสู้ที่ดีสุดในโลก ด้วย รูปแบบการต่อสู้ที่สนุก เร้าใจ ใช้อาวุธได้ทั้ง หมัด เท้า เข่า ศอก แถมยังสามารถแพ้ชนะกันได้ทุกนาที

 

     ช่วงลำตัวของนักมวย จึงกลายเป็นเป้าขนาดใหญ่ที่ นักสู้บนสังเวียน ต่างฝ่ายต่างพยายามหาเหลี่ยม โจมตีอาวุธ ใส่กัน เพื่อคว้าชัยในการชก นั่นทำให้ กล้ามเนื้อท้องของนักมวยไทย กับนักกีฬาประเภทอื่น มีความแตกต่างกัน

 

เตรียมพร้อมรับแรงกระแทก

     กล้ามท้อง จัดเป็นส่วนที่สำคัญในร่างกายนักชกมวยไทย เพราะนี่คือจุดปราการด่านหน้า ที่มีอวัยวะสำคัญอย่าง กระเพาะอาหาร, ตับ, ไต, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่ อยู่ด้านใน

 

     นอกจากนี้ กล้ามท้อง ยังสัมพันธ์กับระบบหายใจ รวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย และการทรงตัว อีกทั้ง  บริเวณท้อง ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ในกีฬามวยไทย ที่ต้องรับแรงกระแทก จากพลังหมัด, ลูกเตะ, ลูกถีบ รวมถึงการแทงเข่า เสียบเข่า

 

     ยิ่งโดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่มวยไทยอาชีพประเภท “เข่าแข็งแรง” คลุกตีวงในเก่ง จะมีโอกาสชนะมากกว่า มวยฝีมือ ที่รอดักจังหวะเตะ ต่อย นั่นทำให้ นักมวยไทย เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องโดนปะทะตรงส่วนท้องมากขึ้น

 

เปลี่ยนหน้าท้องเป็นแผ่นเหล็ก

     “การเทรนกล้ามท้องของนักมวยไทย กับ นักเพาะกาย มีความแตกต่างกัน อย่าง นักเพาะกาย จะเน้นไปที่การสร้างโทนท้องให้มีความสวยงาม เห็นกล้ามเนื้อ เส้นเลือดชัดเจน แต่มวยไทย กล้ามเนื้อจะเป็นลักษณะก้อนๆ ซึ่งเกิดจากการถูกต่อย และการเกร็งกล้ามท้องโดยไม่รู้ตัว”

 

     “รูปแบบการเทรนไม่มีอะไรซับซ้อน ใช้การซิท อัพ และเสริมด้วยการ ตีท้อง ทุบท้อง เพื่อให้นักมวยได้ฝึกการเกร็ง การฝึกแบบนี้ช่วยให้เวลาเขาขึ้นไปเวที กล้ามเนื้อจะมีการเกร็งอย่างเป็นธรรมชาติ หายใจได้อย่างเป็นระบบ ถูกวิธี”

 

      โดยทั่วไป นักมวยไทย จะมีการฝึกซ้อมเป็นประจำอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน นอกเหนือจากการฝึก โดยใช้เป้าตีท้อง หรือกำปั้นต่อยท้อง เพื่อให้ กล้ามท้อง ทนทานต่อการรับแรงกระแทก

 

     การฝึกกล้ามท้อง ก็อยู่ในแทบทุกกระบวนการฝึก ตั้งแต่การซิท อัพ, การหมุนตัว (Oblique Twists) การกระโดดเชือก (Skipping Rope) ไปจนถึงการฝึก ตีเข่า, ฝึกเตะ, ฝึกหลบ, ชกเป้า ที่ต่างช่วยเสริมสร้างให้ บริเวณหน้าท้องและด้านข้างแข็งแรง รวมถึงยังทำให้ บาลานซ์ร่างกายและการเคลื่อนไหวดีขึ้นอีกด้วย

 

     เพราะในมวยไทยอาชีพ “การออกอาวุธ” อาจช่วยให้คุณชนะ แต่การมี “ร่างกายแข็งแรง” จะช่วยให้คุณไม่แพ้ อยากมีกล้ามหน้าท้องคล้ายแผ่นเหล็ก ลองมาออกอาวุธ ด้วย หมัด ไปกับ เจริญทองมวยไทยยิม กัน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

- ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

- หุ่นสวยด้วยมวยไทย เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

รีดน้ำหนักเร่งด่วนแบบนักมวยถูกวิธี

รีดน้ำหนักเร่งด่วนแบบนักมวยถูกวิธี

เคยสังเกตไหมว่า เราเห็นนักมวยวัดน้ำหนักกัน น้ำหนักก็ต้องเท่านี้ เท่าๆ กันเพื่อให้ความได้เปรียบจริงๆแล้วเค้ามีวิธีการรีดน้ำหนักอยู่ วันนี้เราจะมาสอนการรีดน้ำหนักแบบถูกวิธีกันนะครับ สามารถใช้ลดความอ้วนได้

 

เริ่มที่การออกกำลังกายอย่าง

 

ต่อเนื่อง  ให้ได้อย่างน้อย 45 – 60 นาทีต่อวัน สามารถที่จะเลือกการออกกำลังกายหลายๆแบบได้ไม่ ซ้ำซิทอัพ  หรือวิ่ง 10 กิโลเมตร กระโดดเชือกในตอนเช้า ต่อยกระสอบทรายหรือล่อเป้าอย่างน้อย 3 ยกอย่างต่อเนื่องในช่วงเย็น

 

อาหารที่กินต้องควบคุม

 

หลักสำคัญที่จะช่วยลดน้ำนักอย่างได้ผลเร็วและเห็นผลที่สุด แค่คุณลดการรับประทานอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง หรือเส้นต่างๆ เพราะแป้งเหล่านั้นเป็นตัวการที่จะเพิ่มน้ำหนักอย่างดีเลย นอกจากนี้อาหารประเภทของทอดด้วยน้ำมันทั้งหลาย จะทำให้การออกกำลังกายนั้นเห็นผลช้ากว่าที่เราต้องการหรืออาจจะไม่เห็นผลเลยหากทานในประมาณที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด 

 

คาร์ดิโอแบบหนักหน่วง

 

หากจะเริ่มออกกำลังกายให้ฟิตแบบนักมวย ควรต้องเริ่มจากการคาร์ดิโอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเสียก่อน ซึ่งการคาร์ดิโอนี้ทำได้ตั้งแต่การ ซิทอัพ / วิ่ง / กระโดดเชือก ซึ่งไม่ใช่การกระโดดเชือกแบบทั่วๆ ไปแต่เป็นการฝึกที่มีรูปแบบการกระโดดที่หลากหลาย และการฝึกความแข็งแรงของร่างกายในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การดึงข้อ, การบริหารกล้ามเนื้อหลังแขน, การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอลเทรนนิ่งในท่าทางต่างๆ

 

 สร้างขีดจำกัดเพิ่มขึ้นให้กับตัวเอง 

 

ในที่จะลดน้ำหนักแบบนักมวยนั้นจะต้องมีการเพิ่มจำนวนยกในการล่อเป้า จำนวนครั้งในการซ้อมกระสอบทราย หรือจำนวนรอบในการวิ่ง เพื่อเพิ่มอัตราที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย และยังสามารถดึงเอาพลังงานมาเผาผลาญได้สูงขึ้นอีกด้วย

 

ใส่ชุดรีดน้ำหนัก

 

การใส่ชุดรีดน้ำหนัก ทุกๆเช้าบ้างวันผมเห็นคนใส่ชุดรีดน้ำหนัก เพราะการใส่ชุดรีดน้ำหนัก ลดได้จริงๆ เหงื่อที่ไหลออกมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นการใส่ชุดรีด ถือว่าเป็นการรีดน้ำหนัก แบบเร่งด่วนของจริง

 

ห้ามลืมการพักผ่อน

 

เมื่อเราออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงแล้วในการพักผ่อนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และควรที่จะพักผ่อนให้ได้  7 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายของเรานั้นจะมีการปรับสมดุลในขณะที่เราหลับ และปฏิบัติตามตารางในการลดน้ำหนักแบบนักมวยให้เข้ากับชีวิตประจำวัน อย่าหักโหมจนเกินไปและออกกำลังกายหนักจนเกินไปเพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าจนไม่สามารถลดน้ำหนักแบบนักมวยต่อได้และจะมีผลกระทบมากกว่าผลดี

 

ทั้งนี้การลดน้ำหนักแบบนี้ถือว่าทุกคนต้องศึกษาขีดจำกัดของตัวเองก่อนอย่างแรก เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง เพราะ มวยไทย ( Muay thai ) ไม่ใช่แค่การชกต่อย

 

หากใครอยากเรียนมวยไทยที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) เป็นค่ายมวยที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งให้คุณได้มาลองเรียนรู้กับเทรนเนอร์ได้นะ ใครสนใจสามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

MUAY THAI กีฬาที่ให้มากกว่าแค่ ออกกำลัง

มวยไทยกับลูกเตะ

มวยไทย ช่วยฝึกอะไรคุณได้บ้าง?

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

มวยไทย ศิลปะการออกอาวุธสุดอันตราย

คงไม่มีกีฬาชนิดไหนจะน่ากลัวไปกว่า กีฬามวยไทยแล้วในตอนนี้ เพราะด้วยความอันตรายของการออกอาวุธที่สามารถหลั่งเลือดได้ทุกชิ้นนั้น ถือว่า กีฬามวยไทย เป็นกีฬาออกอาวุธ ที่นับว่าอันตรายที่สุด ชนิดหนึ่ง

 

     กีฬามวยไทย เป็นกีฬาที่คนทั่วไปรู้จักในเรื่องของความแข็งแรงและความดุดัน แต่แท้จริงแล้ว มวยไทย มีอะไรมากกว่าที่คิดมากนัก การเรียนมวยไทย ไม่ได้เพียงช่วยเพิ่มเสริมสร้างความแข็งแกร่งร่างกาย แต่ยังเป็นการเพิ่มเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจด้วย

 

     มวยไทย คือศิลปะการต่อสู้ออกอาวุธที่อันตรายที่สุด เพราะมีครบเครื่องทั้งเชิงรุก, รับ และตอบโต้ สุดอันตราย

 

ศิลปะการตอบโต้

     ศิลปะการตอบโต้ คือ การใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู้ด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่

 

- ถอยแล้วตอบโต้ คือ การถอยให้พ้นระยะไม้มวยที่จู่โจมมา แล้วจึงใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู้ทันที

- การหลบหลีกแล้วตอบโต้ คือ การเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อหลบหลีกให้พ้นระยะไม้มวยของคู่ต่อสู้ เช่น การก้มตัว การเอนตัว การย่อขา การเคลื่อนไหว

- การชิงทำแล้วตอบโต้ คือ การใช้ไม้มวยตอบโต้คู่ต่อสู้ที่ใช้ไม้รุกมายังเรา โดยให้ไม้มวยของเราออกไปให้ถึงเป้าหมายก่อน

- การปิดป้องแล้วตอบโต้ คือ การใช้ส่วนต่างๆ ที่แข็งแรงของร่างกายปิดป้องเป้าหมายที่คู่ต่อสู้จะจู่โจม ซึ่งส่วนมากเป็นบริเวณจุดอ่อนของร่างกาย เช่น ปลายคาง, ใบหน้า, คอ, หน้าอก, ลำตัว, ลิ้นปี่, ท้อง, ขาพับ,  การใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายปิดป้องคู่ต่อสู้

- การปัดให้เบี่ยงเบนออกไปจากไม้มวยของคู่ต่อสู้ คือ การใช้มือหรือแขนปัดไม้มวยไปยังเป้าหมายอื่น

- การทำให้ล้มในมวยไทย มีหลายแบบ แต่ที่ถูกต้องตามกติกา โดยใช้วิธีการบังเกาะจับ หรือทุ่มด้วยสะโพก

 

ศิลปะไม้รุก

     ไม้รุก คือ หลักวิชาการในการใช้ไม้มวยต่างๆ มาประกอบกันเพื่อเป็นการรุกโจมตีคู่ต่อสู้ มีทั้งการหลอกล่อ และเข้าสู้กันจริง โดยทั่วไป ไม้นำของไม้รุกจะเป็นไม้ยาว มีความเร็ว รัดกุม มีหลักมั่นคง สามารถใช้ไม้อื่นต่อไปได้ เช่น การถีบตรง, การเตะเฉียง, เตะลิด ส่วนไม้ตามนั้นจะเป็นไม้ยาวหรือไม้สั้นก็ได้

 

     ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้ไม้จังหวะแรกว่าได้ผลดีประการใด ดังนั้นจึงนิยมใช้ไม้มวยแบบสลับบนล่าง หรือซ้ายสลับขวา เพื่อให้คู่ต่อสู้พะวง ถ้าใช้ไม้รุกเฉพาะส่วน หรือส่วนล่างอย่างเดียว จะง่ายต่อการป้องกันแก้ไข โดยทั่วไป ไม้รุก มีตั้งแต่จังหวะเดียวขึ้นไป จนไม่จำกัดจำนวน แต่นิยมใช้และได้ผลดี รวมไปถึงการฝึกหัดได้ง่าย คือ ไม้รุก 1 จังหวะ, 2 จังหวะ และ 3 จังหวะ

 

ศิลปะไม้รับ

     ไม้รับ คือ หลักวิชาการในการนำเอาไม้มวยต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขการจู่โจมของฝ่ายรุก ไม้มวยชนิดหนึ่ง อาจแก้การจู่โจมของไม้มวยชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดก็ได้ หรือแก้ทีละไม้ เช่น แก้การต่อย, แก้การเตะ, แก้การถีบ, แก้การศอก แต่ในการชกมวยจริงๆ ไม่ได้ชก หรือเตะเพียงจังหวะเดียว แต่จะรุกเป็นชุด เช่น ต่อยนำ, เตะตาม แล้วเข่าตาม หรือต่อยตามเข่า

 

     ความหมายรวมไปถึงการทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขการจู่โจม เช่น การถอยออกให้พ้นระยะ เพื่อไม่ให้ถูกอาวุธของคู่ต่อสู้, การหลบหลีก, การปัดป้อง และการตอบโต้ ซึ่งมีการชิงลงมือก่อน การถอยแล้วตอบโต้ การหลบหลีกแล้วตอบโต้

 

     และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ohlor

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

- ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

ระเบียบและกติกาการแข่งขันของมวยไทย

ระเบียบและกติกาการแข่งขันของมวยไทย

     สำหรับกีฬาแต่ละประเภทนั้น มีกติกาและระเบียบที่แตกต่างกันไป อย่างกีฬาอย่าง มวยไทย (Muay Thai)  ก็มีกติกาสำหรับใช้บนสังเวียนเช่นกัน กติกาและระดบียบจะยุ่งยากแค่ไหน และต้องปฏิบัติยังไง ไปอ่านรายละเอียดกันค่ะ

 

เครื่องแต่งกาย

การแต่งกายของนักมวย

1. สวมกางเกงขาสั้นเพียงครึ่งโคนเข่าให้เรียบร้อย ไม่สวมเสื้อ และรองเท้า นักมวยมุมแดงใช้กางเกง สีแดง สีชมพู สีเลือดหมู หรือสีขาว นักมวยมุมน้ำเงินใช้กางเกงสีน้ำเงิน สีกรมท่า หรือสีดำ

2. ต้องสวมกระจับหรือเครื่องป้องกันที่ทำขึ้นจากวัสดุแข็งแรงคลุมอวัยวะเพศ สามารถป้องกันอันตรายจากเข่า หรืออวัยวะอื่นโดยผูกปมเชือกไว้ด้านหลังด้วยเงื่อนตาย เก็บปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย

3. ไม่ไว้ผมยาวรุงรัง และไว้เครา อนุญาตให้ไว้หนวดได้แต่ต้องยาวไม่เกินริมฝีปาก

4.  เล็บมือและเล็บเท้า ต้องตัดให้เรียบและสั้น

5. ให้ใช้สนับรัดข้อเท้าได้ข้างละ ๑ อัน ห้ามเลื่อนขึ้นไปเป็นสนับแข้ง พับหรือม้วนลงมา ห้ามใช้ผ้ารัดขาและข้อเท้า

 

ผ้าพันมือ

1. ในการแข่งขันนักมวย (Muay Thai) ต้องพันมือด้วยผ้าพันมืออย่างอ่อน ยาวข้างละไม่เกิน ๖ เมตร กว้างไม่เกิน ๕ เซนติเมตร

2. ในการแข่งขันนักมวยอาจ ใช้พลาสเตอร์ หรือแถบกาวยาง ยาวข้างละไม่เกิน ๒.๕ เมตร กว้าง ๒.๕ เซนติเมตร ปิดทับข้อมือ หรือหลังมือห้ามพันทับสันหมัดโดยเด็ดขาด

3. ในการแข่งขันนักมวยต้องใช้ผ้าพันมือที่นายสนามมวย หรือผู้จัดรายการแข่งขันมวย (Muay Thai) จัดไว้เท่านั้น ห้ามใช้ผ้าพันมืออื่นนอกเหนือจากที่จัดไว้โดยเด็ดขาด

4. การพันมือต้องได้รับการตรวจและประทับตราจากเจ้าหน้าที่เพื่อรับรองว่าเป็นไปตามข้อกำหนดแล้วจึงให้สวมนวมได้

 

การตัดสิน

1. ชนะโดยคะแนน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน นักมวยที่ได้รับคะแนนโดยเสียงข้างมากของผู้ให้คะแนนเป็นผู้ชนะ

2. ชนะโดยน็อคเอาท์ ถ้านักมวย” ล้ม” และไม่สามารถชกต่อไปได้ภายใน ๑๐ วินาที ให้นักมวยฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ชนะโดยน็อคเอาท์

3. ชนะโดยเทคนิเกิลน็อคเอาท์

4. เมื่อนักมวยฝ่ายหนึ่งมีฝีมือเหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่งมากหรือกระทำอยู่ฝ่ายเดียว จนคู่แข่งขันอาจจะเป็นอันตราย

5.  นักมวยฝ่ายหนึ่งไม่สามารถที่จะแข่งขันต่อไปได้ทันที ภายหลังที่ได้หยุดพักระหว่างยก

6.  เมื่อนักมวยฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้

7. นักมวยฝ่ายหนึ่งถูกนับเกิน ๒ ครั้งในยกเดียวกัน หรือเกิน ๔ ครั้งตลอดการแข่งขัน

 

     ทราบกันแล้วใช่ไหมล่ะ ว่ากฎระเบียบและกติกาของการแข่งขันมวยไทย (Muay Thai) ที่ถูกต้องและเป็นระเบียบเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าคุณทราบแล้วก็จะเข้าใจมวยไทยขึ้นอย่างเท่าตัว หากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย (Muay Thai) หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุดได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก peace201

 

บทความเพิ่มเติม

- ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

- กติกานวมก็มีด้วยหรอ

- ทำไมต้องเรียนต่อยมวย กับ ครูที่มีประสบการณ์?

กติกานวมก็มีด้วยหรอ

กติกานวมก็มีด้วยหรอ

มวยไทย ( Muay Thai ) ของที่คู่กันในปัจจุบันคือ นวมมวยการพัฒนากติกาเริ่มมีมากขึ้นโดยเน้นไปที่ตรวจที่ร่างกาย และนวมมวยที่ต้องขึ้นชก วันนี้กติกาตรวจนวมมวยไทยจะเป็นอย่างไรและให้ความรู้เรามากน้อยแค่ไหนมาดู

 

นวมมวยไทย คืออุปกรณ์กีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างหนึ่งที่นักมวยต้องสวมไว้กับมือขณะกำหมัด เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บขณะชก ทำหน้าที่เป็นเบาะกระจายพลังของหมัดในขณะชกมวยและยังช่วยป้องกันอาการกระดูกฝ่ามือร้าวหรือหัก เพื่อเป็นการปกป้องนักกีฬาทั้งสองฝ่าย

 

คุณสมบัติของนวมมวย

 

นวมที่ใช้ในการแข่งขัน ผู้แข่งขันต้องใช้นวมที่ได้รับการรับรองจากสภามวยไทยโลก ซึ่งคณะกรรมการจัดการแข่งขันจัดไว้ให้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้แข่งขัน ใช้นวมของตัวเอง

 

รายละเอียดของนวม นักมวยตั้งแต่รุ่นเล็กถึงรุ่นน้ำหนัก 122 ปอนด์ ใช้นวมขนาด 8 ออนซ์ ( กรัม) นักมวยรุ่นสูงกว่า 122 ปอนด์ ถึงรุ่นน้ำหนัก 147 ปอนด์ ใช้นวมขนาด 10 ออนซ์ (284 กรัม)

ส่วนที่เป็นหนังต้องหนักไม่เกินครึ่งหนึ่งของน้ำหนักนวมทั้งขนาดและไส้นวมต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำหนัก นวมทั้งหมด ไส้นวมต้องไม่เปลี่ยนรูปหรือถูกบดขยี้ให้กระจายไปจากรูปเดิม  ต้องผูกเชือกนวมให้ปมเชือกอยู่ด้านนอกหลังข้อมือของนวม ให้ใช้นวมที่สะอาด

การตรวจผ้าพันมือและการสวมนวม ทั้งนวมและผ้าพันมือจะต้องเหมาะสม อยู่ภายใต้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตรวจนวม เจ้าหน้าที่จะต้องคอยดูแลเพื่อให้แน่ใจว่า นักมวยปฏิบัติถูกต้องตามกติกามวยไทยทุกอย่าง จนกระทั่งนักมวยขึ้นสู่เวที

 

นวมมวย เป็นสิ่งที่เราต้องตรวจอย่างเข้ามงวด เพราะอาจจะเกิดการโกงขึ้นได้ ใช้น้ำหนักมวยไม่สมดุลต่อ นักมวย หรือ สามารถ ซ่อนอะไรอยู่ในมววยทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เล่นในกติกา ของ มวยไทย ( Muay Thai ) จริงๆ ดังนั้น การให้ความสำคัญกับกติกาและ การตรวจที่เข้มงวดแบบนี้จะส่งผลให้ ผลมวย และนักมวย ชกกันได้อย่าง สมศักดิ์ศรี

 

สมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะเป็นผุ้กำหนดรายละเอียดของนวมให้แก่โรงงานที่ผลิตนวม ผู้ผลิตนวมรายใดที่ประสงค์จะได้รับการรับรองนวม 10 และ 12 ออนซ์

 

จากสมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะต้องส่งตัวอย่างนวมให้คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ให้รับรอง จากนั้นผุ้ผลิตจะได้รับตรารับรองอย่างเป็นทางการเพื่อนำไปติดที่นวมแต่ละข้างซึ่งผลิตขึ้นสำหรับใช้แข่งขันมวยไทยสมัครเล่นต่อไป

 

เป็นไงกันบ้างครับ กติกา นวมก็มีด้วย สำหรับ มวยไทย ( Muay Thai ) นวมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก พอๆกับการใส่กระจับของนักมวยเลย เพราะอาวุธที่ใช้บ่อยที่สุดก็คือ หมัด ที่จะต้องปล่อยออกไปใส่คู่ต่อสู้ หากเรามีนวมที่ไม่ดี หรือมีนวมที่ไม่ผ่านกติกา ก็ไม่สามารถแข่งขันได้นั่นเอง

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

ทำไมต้องเรียนต่อยมวย กับ ครูที่มีประสบการณ์ ?

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  siamsporttalk

ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

การออกอาวุธของ มวยไทย (Muay Thai) ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก อย่างสุดแรง หรือแม้แต่การบิดตัวระหว่างชกอย่างถูกวิธี ล้วนแต่เป็นการเผาผลาญไขมันได้อย่างดีเยี่ยม

 

มวยไทย (Muay Thai) สวยสังหารความอ้วน เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้หญิงกับ มวยไทย (Muay Thai) อาจเป็นเรื่องห่างไกลและจัดเข้าพวกกันลําบาก แต่สําหรับยุคสมัยนี้ ศิลปะแม่ไม้มวยไทยกําลังกลายเป็นกีฬา สวย สู้ ฟัด ที่บรรดาสาวน้อย สาวใหญ่หลากหลายสาขาอาชีพพากันติดอกติดใจ

 

ภาพลักษณ์ของ มวยไทย (Muay Thai) ในสมัยก่อนถูกมองว่าเป็นกีฬาที่ดุดัน เจ็บตัว และใช้กําลัง แต่ปัจจุบันหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทํางาน ที่มีใจรักสุขภาพนิยมหันมาออกกําลังกายด้วยมวยไทย (Muay Thai) กันมากขึ้น เพราะช่วยให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ สรีระร่างกายดูดีขึ้น และลดน้ำหนักได้รวดเร็วกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ

 

นอกจากการชกมวยจะช่วยลดน้ำหนักและกระชับหุ่นสวยแล้ว ยังให้ประโยชน์หลายๆ ด้าน เช่น ด้านจิตใจ ทําให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น มีความสุขุมรอบคอบ มีความอดทน มีความกล้าหาญ มีความมั่นใจในตัวเอง ด้านความคิด ทําให้มีไหวพริบดีขึ้น รวมทั้งเป็นศิลปะป้องกันตัวและยังได้ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอีกด้วย

 

กระบวนท่าเด็ดช่วยฟิตแอนด์เฟิร์ม

 

การฝึก มวยไทย (Muay Thai) เพียงแค่วันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง สามารถเผาผลาญพลังงานได้กว่า 1,000 กิโลแคลอรี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกีฬาชนิดอื่นๆ แล้ว มวยไทย (Muay Thai) ถือว่าเผาผลาญพลังงานได้มากที่สุด

 

กระบวนท่าเด็ดที่ช่วยเนรมิตรูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์ม

 

ท่าปล่อยหมัดตรง ช่วยกระชับต้นแขน ลดไขมันบริเวณท้องแขน และบริหารกล้ามเนื้อ

 

ท่าฮุค ต้องใช้การบิดลําตัวซ้าย-ขวาช่วยเล็กน้อย จึงช่วยกระชับสัดส่วนช่วงลําตัว ทําให้รูปร่างเพรียวขึ้น

 

ท่าอัปเปอร์คัต เป็นการใช้หมัดต่อยขึ้นข้างบนตรงๆ จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าจากการพับแขนและสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่จากการยกแขน

 

ท่าเตะ การออกแรงเตะให้มากและรวดเร็วจะช่วยสลายไขมัน ทําให้ขาเล็กลงและกระชับยิ่งขึ้น

 

ต้องฝึกย่างไรให้เห็นผล

 

การฝึก มวยไทย (Muay Thai) จะช่วยให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งช่วยเบิร์นไขมันสะสม และก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พร้อมกัน แค่ครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงแค่ 10 ครั้ง หุ่นคุณก็จะเฟิร์มขึ้น จนรู้สึกได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว

นอกจากนี้ เวลาที่คุณออกแรงเตะ, ต่อย ครูฝึกจะสอนให้เปล่งเสียงออกมาเต็มที่ ซึ่งตรงนี้ นอกจากจะช่วยเรื่องระบบการหายใจแล้ว ยังจะทำให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดได้อีกด้วย

 

เพราะเหตุนี้ มวยไทย (Muay Thai) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะกำจัดไขมัน หรือลดความอ้วน เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย (Muay Thai) หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุดได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

คุณค่าของการเรียน มวยไทย

เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

เข่า อาวุธอันทรงพลังของมวยไทย

อาวุธในศิลปะแม่ไม้มวยไทย มีหลากหลายอาวุธยิ่งนัก หนึ่งในอาวุธที่อันตรายและน่ากลัวที่สุด ไม่ต่างจาก ศอก นั่นก็คือ เข่า ซึ่งหากใครได้โดนตีเข่าเข้าไปแล้วล่ะก็ รับรองว่าต้องมีอาการหน้าเขียวหรือจุกกันไปบ้าง

 

ศิลปะการตีเข่า

     การตีเข่า เป็นอาวุธมวยไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรง เมื่อเราพับเข่ามารวมเข้ากับขาส่วนล่าง ซึ่งมีกล้ามเนื้อน่องอยู่นั้น จะทำให้เข่าที่ตีออกไป มีความรุนแรง แต่เนื่องจากเข่าเป็นอาวุธสั้น จึงเป็นดั่งมีดพกชนิดร้ายแรง ที่สามารถใช้ได้ในระยะประชิด การตีเข่าให้เหยียดปลายเท้าตรง ขางอพับเฉียงออกด้านนอกเล็กน้อย มีแรงส่งจากสะโพก เอว สู่เข่า เมื่อปะทะเป้าหมายให้เน้นที่ปลายเข่า ซึ่งการตีเข่า จะมีการแบ่งออกเป็น 5 ชนิด คือ

 

     เข่าตรง หมายถึง การใช้เข่าเคลื่อนที่จากจุดเริ่มต้นไปกระทบเป้าหมายเป็นแนวตรงหรือวิถีทางตรงหรือล้ำไปข้างหน้า โดยมีแรงส่งจากสะโพก เอว ไปยังปลายเข่า เป้าหมายที่หน้าท้อง, ลิ้นปี่, หน้าอก, ปลายคาง, ใบหน้า เป็นต้น เข่าตรงมี 2 ลักษณะ คือ เข่าตรงตีนำ หรือเข่าหน้า หมายถึงการตีเข่าที่อยู่ด้านหน้าในขณะที่ยืนท่าคุมมวย การตีเข่าด้วยเข่าซ้ายหรือเข่าหน้า เรียกว่าเข่าตรงตีน อีกลักษณะคือ เข่าตรงตีตามหรือเข่าหลัง หมายถึง การตีเข่าตรงที่อยู่ด้านหลังหรือเข่าที่ถนัด ในขณะที่ตั้งท่าจดมวย การตีด้วยเข่าที่อยู่ด้านหลัง เรียกว่า เข่าตรงตีตาม หรือเข่าตรงหลัง

 

     เข่าเฉียง หมายถึง การตีเข่าที่มีวิถีเฉียงขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่เข่าอยู่ไปจนถึงเป้าหมาย ถ้าตีเข่าซ้ายจะตีเข่าลักษณะเฉียงมากระทบเป้าหมาย ลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อย มีแรงส่งจากสะโพก เอว สู่ปลายเข่า เป้าหมายอยู่ที่ท้อง, ลิ้นปี่, หน้าอก, ปลายคาง, ใบหน้า ถ้าตีเข่าเฉียงขวาจะตีเข่าในลักษณะเดียวกันกับการตีเข่าเฉียงซ้าย

 

     เข่าโค้ง หมายถึง การตีเข่าในวิถีโค้งตีเข่าจากบนลงล่างปะทะเป้าหมาย ให้ปลายเท้าเหยียดตรงกับขาและเข่า

 

     เข่าตัด เป็นเข่าที่มีทิศทางการตีเข่าผ่านจากขวาไปซ้าย หรือซ้ายไปขวา ขนานกับพื้น ปลายเท้าเหยียดตรงงอขาเล็กน้อย มีแรงส่งจากสะโพก เมื่อส่วนของหัวเข่าปะทะเป้าหมาย เข่า ขา และปลายเท้าเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น

 

ศิลปะการกอดปล้ำตีเข่า

     ในการแข่งขันชกมวยไทยสมัยปัจจุบันนี้ การกอดปล้ำตีเข่า มีความสำคัญมาก เพราะ เข่า เป็นไม้มวยที่แข็งแรง และไม่มีเครื่องป้องกัน เมื่อปะทะเป้าหมาย ย่อมเกิดอันตราย ทำให้คู่ต่อสู้เกิดการบาดเจ็บได้  ดังนั้น ผู้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ย่อมจะได้เปรียบคู่ต่อสู้ ประการสำคัญ ผู้ที่มีกลวิธีและทักษะในการปล้ำหลายๆแบบ ย่อมได้เปรียบ นักมวยที่ดี และอยากพัฒนาความสามารถตนเอง จึงควรจะได้ศึกษาและฝึกฝนกลวิธีในการปล้ำแบบต่างๆ อย่างมากถึงมากที่สุด

 

     การตีเข่า ถือว่าเป็นอาวุธที่อันตรายและทรงพลังอาวุธหนึ่งของ มวยไทย ที่น่าภาคภูมิใจ และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียน มวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก khundon

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- คุณค่าของการเรียน มวยไทย

- ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

ทำไมต้องเรียนต่อยมวย กับ ครูที่มีประสบการณ์ ?

ทำไมต้องเรียนต่อยมวย กับ ครูที่มีประสบการณ์ ?

ลองหันมาฝึก ต่อย มวยไทย (Muay Thai) บ้างไหม? ขอแอบบอกว่า calories ที่เบิร์นได้นี่อาจเยอะกว่ากิจกรรมที่หลายๆ คนทำอยู่เป็นเท่าตัว แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้อะไรบ้าง

 

1. สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรกคือความปลอดภัย

ก็จริง ที่ยุคนี้ใครก็เข้า internet หาตัวอย่างการออกกำลัง ง่ายแสนง่าย .. แต่พูดตรงๆ เลยว่า ข้อมูลจากการ search ส่วนใหญ่จะปรับใช้ได้ดีกับการออกกำลังกายพื้นฐาน เพราะทำตามง่าย แต่ การต่อย มวยไทย(Muay Thai)  ซึ่งมีศิลปะที่มีความซับซ้อน การเริ่มต้นเองอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น การต่อย หรือเตะกระสอบทรายมั่วๆ มีโอกาสมากที่จะทำให้เกิดอาการข้อมือซ้น หรือบาดเจ็บ

 

2. สิ่งกระตุ้น

วินัยในการออกกำลังกายของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนตื่นตี 4 มาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน แต่หลายคนยังต้องมีเพื่อน หรือคนบังคับเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

การออกกำลังกายในยิม หรือการต่อย มวยไทย (Muay Thai) ในค่ายมวย เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการตัวกระตุ้นในการออกกำลังกาย เช่น เทรนเนอร์ ค่าใช้จ่ายที่เสียไปแล้ว แต่ก็มีสิ่งที่ดีคือสังคม และเพื่อนๆ ที่มักช่วยเพิ่มความสนุกในการออกกำลังกาย

 

3. สร้างวินัย

การสร้างตารางเวลา เพื่อการออกกำลังกายที่บ้านนั้น เสียหายมานักต่อนักแล้ว ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายเป็นกลุ่ม หรือเป็นคลาสผู้ออกกำลังกายเองต้องปรับเวลาให้เข้ากับคลาสเรียน หรือเวลาที่กำหนด

สำหรับปัจจัยนี้จะเห็นได้ชัดว่าการออกกำลังกายที่ยิมนั้น สามารถสร้างวินัย และ เป็นตัวกระตุ้นในการออกกำลังกายได้ดีเลยทีเดียว! โดยเฉพาะยิ่งการต่อย มวยไทย (Muay Thai) ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องการพาร์ทเนอร์ สาวๆ หนุ่มๆ ยิ่งมีโอกาสได้รู้จักกัน

 

ประโยชน์จากการต่อย มวยไทย(Muay Thai)

 

1. หุ่นดูลีนสุดๆ (ทำให้มวลไขมันต่ำ)

เพราะการต่อย มวยไทย (Muay Thai) นั้น เป็นกีฬาที่อาจสลายไขมัน หรือ เบิร์นไขมันได้มากถึง 1,000 แคลอรี่ต่อการต่อย 1 คลาส (สำหรับการต่อยที่ถูกวิธี และครบโปรแกรม) รวมถึงสถานที่และคลาสแต่ละครั้ง จะมีรูปแบบการสอนที่ต่างกัน ไม่จำเจ ผู้ที่มาต่อยมวยในยิมจะมีความรู้สึกได้ลองสิ่งแปลกใหม่ตลอดเวลา ซึ่งต่างจากการวิ่ง หรือกีฬาอื่นๆ

 

2. เสริมสร้างกระดูก / ลดไขมันได้ดี

คนสมัยนี้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ และก้มเล่นโทรศัพท์มาก เหมือนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีแนวโน้มนำไปสู่โรคอ้วน ในที่นี้ไม่ได้พูดในมุมของหุ่นที่ไม่ดี หรือมวลไขมันเยอะ แต่สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่โรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ หรือไขมันอุตันในหลอดเลือด

 

มวยไทย (Muay Thai) คือการใช้ร่างกายทุกส่วน ตั้งแต่ มือ แขน หัวไหล่ ขา ลำตัว ก้น ซึ่งเป็นข้อดีต่อการฝึกร่างกายให้แข็งแรงทั่วถึง ทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมมวลกระดูก ข้อต่อ ซึ่งการสูบฉีดเลือดที่มีพลังจากการใช้แรงแบบนี้สามารถสลายไขมันในเส้นเลือดได้ด้วยนะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wefitnesssociety

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

วิธีลดน้ำหนักแบบนักมวย

คุณค่าของการเรียน มวยไทย

ทำไมนักมวยถึงชอบใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก

ทำไมนักมวยถึงชอบใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก

หลายคนคงสงสัยทำไมนักมวยถึงชอบใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก หรือกระทั่งเวลาวิ่งเตะต่อย มีถุงทรายถ่วงน้ำหนักตลอดเลย วันนี้เราจะมาบอกถึงประโยชน์ถุงถ่วงน้ำหนัก ใช้ทำไรได้บ้างท่าไหนต้องใช้และมีถุงถ่วงมีประโยชน์อย่างไร

 

การออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำที่บ้านและทำได้บ่อยๆ ด้วยการใช้พื้นที่ภายในบ้านไม่มากนัก นอกเหนือจากเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ที่ใช้ตามฟิตเนตหลากชนิดแล้ว ยังมีวิธีออกกำลังกายด้วยถุงทรายถ่วงน้ำหนัก ซึ่งควรศึกษาและทำความเข้าใจกับท่าการออกกำลังกายให้ถูกต้อง จึงจะได้ประโยชน์กับร่างกายอย่างแท้จริง

แล้วนักมวย ที่นิยมใส่กัน เค้าใส่กันเพื่ออะไร

 

เพิ่มกำลังให้กับร่างกาย

การใส่ถุงถ่วงน้ำหนัก จะทำให้ร่างกายหนักขึ้น หรือหากใส่เป็นส่วนๆ ก็จะหนักเป็นส่วนๆไป เช่น ข้อมือ ข้อเท้า ที่นักมวยสามารถ ต่อยได้ให้ครบกำหนด เพราะหากเราจะต่อยให้หนักขึ้น และสามารถรู้สึกได้เลยหลัง ถอดถุงถ่วงทราย แล้วลองต่อยกระสอบทรายอีกครั้ง จะเห็นผลทันทีว่า เราสามารถต่อยได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เพิ่มความเร็วในการปล่อยอาวุธ แม่ไม้ มวยไทย ( Muay thai )

แน่นอนครับเราคงเคยเห็นในการ์ตูน ที่ฝึกวิชาแล้วมีถุงถ่วงน้ำหนัก เพื่อให้ร่างกายนั้นแล้วขึ้น อยากจะบอกว่าเป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ เพราะ เวลาเรารับอะไรหนักๆแล้ว พอปล่อยหรือถอดออกจะทำให้ร่างกายเบา และรู้สึกได้เลยว่า อาวุธที่ปล่อยออกไป นั้นเร็วไวขึ้นมาก

 

เพิ่มความแรงของอาวุธ มวยไทย ( Muay thai )

ความแรงจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่เราถ่วง ว่าเราถ่วง มากน้อยแค่ไหน มวยไทย ( Muay thai ) เค้าฝึกแบบนี้จริงๆ หน้าอยากจะให้อาวุธของเราแรงขึ้น ก็ยิ่งถ่วงเยอะ แต่จะเสียพลังงานมากพอสมควร

ลักษณะการใช้ถุงทรายถ่วงน้ำหนัก

 

วิ่ง

หากเราอยากจะวิ่งเพื่อให้ถ่วงน้ำหนักจริงๆ เราถ่วงไปที่ข้อเท้าและวิ่งในระยะทางที่กำหนด  จะสังเกตได้ว่าหนักมวยที่วิ่งแล้วใส่ถุงถ่วงน้ำหนัก จะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดน้ำหนักเร็วขึ้น อึดขึ้น สามาระชกมวยได้อดและสร้างกล้ามเนื้อได้ดีมาก

 

กระโดด

มวยไทย ( Muay thai ) จะต้องถ่วงน้ำหนักไปที่ข้อเท้า กระโดดเพื่อทำฟุตเวิรค์ เพื่อหาจังหวะการปล่อยอาวุธ เพราะฉะนั้นแล้วถุงถ่วงน้ำหนัก สามารถทำให้กระโดดได้เร็ว สูง และกระโดดฟุตเวิรค์ได้อย่างไม่เหนื่อยอีกด้วย

 

ข้อควรระวังในการใช้ถุงถ่วงน้ำหนัก

การใช้ถุงถ่วงน้ำหนักก็ดี หรือ ชุดถ่วงก็ดี ต้องระวัง ถึงเรื่องกระดูกเพราะอาจจะทำให้กระดูกเคลื่อนได้ และหากเรา ถ่วงไปแล้วออกกำลังกายไม่รู้ลิมิตของตัวเองก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ถุงถ่วงเป็นผลดีในเรื่องของการเพิ่มความเร็ว เพิ่มความแรง ดังนั้น ต้องศึกษาให้ดีที่สุด

 

เห็นไหมครับว่าถุงถ่วงน้ำหนัก เป็นประโยชน์ต่อ มวยไทย ( Muay thai ) มาก เพราะการฝึกฝนเราต้องพลังกำลังเพื่อขึ้นชกต่อยมวย แถมตอนฝึกเราต้องฝึกให้หนักเข้าไปอีก เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเรา  ทั้งนี้ หากใครอยากเรียนมวย ต่อยมวยก็สามารถติดต่อเรามาได้ตลอดเลยนะครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs

 

คุณค่าของการเรียน มวยไทย

คุณค่าของการเรียน มวยไทย

ต้องบอกเลยว่าศิลปะการต่อสู้ที่มีชั้นเชิงและเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ทั้งความแข็งแกร่ง ความดุดัน และความพริ้วไหวในคราวเดียวกัน คือ กีฬามวยไทย จริงๆ ศิลปะการต่อสู้ที่น่าภาคภูมิใจของผองคนไทยทุกคน

 

     แน่นอนว่า การเรียนมวยไทย ร่างกายต้องได้รับทั้งความแข็งแกร่งและความดุดันอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะได้วิชาป้องกันตนเองแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เป็นการออกกำลังกาย เพื่อเป็นการสร้างเสริมความแข็งแกร่งอีกด้วย ซึ่งความสำคัญของคุณค่าของการเรียนมวยไทย มีด้วยกันดังนี้

 

คุณค่าทางด้านร่างกาย

 

     ช่วยบริหารร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาการที่สมบูรณ์ เพราะในขณะที่ฝึกมวยไทยนั้น ร่างกายจะต้องใช้การเคลื่อนไหว และพละกำลังอย่างมาก เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการชก และขณะชก ซึ่งเท่ากับว่าผู้เล่นได้ออกกำลังกายไปในตัว ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี บุคลิกภาพสง่างาม และยังเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกายอีกด้วย

 

     สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อ ในการชกมวยระบบประสาท จะต้องควบคุมการทำงานของระบบกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว เพราะในขณะที่ชกคู่ต่อสู้ จะต้องพยายามปิดและหลบอาวุธที่คู่ต่อสู้ชกสวนกลับมาด้วย ซึ่งการที่จะให้ทั้งสองทางนี้ทำงานได้ดี จะต้องมีการฝึกฝนอยู่เสมอ โดยผลการฝึกฝน ย่อมเพิ่มพูนความสามารถในการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทได้ดี เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

 

คุณค่าทางด้านจิตใจ

 

     สุขภาพจิตดี เนื่องจากการเล่นมวยไทยนั้นเป็นทั้งการเล่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการ ซึ่งส่งผลให้จิตใจและอารมณ์เบิกบาน ผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี

 

     สร้างความเข้มแข็ง การฝึกมวยไทยหรือการชกมวยต้องออกกำลังอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายได้รับความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย ถ้าหากจิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่มีความทรหดอดทนแล้ว ย่อมเป็นหนทางที่จะทำให้เลิกล้มได้ง่าย

 

คุณค่าทางด้านสังคม

 

     ความมีระเบียบวินัย ผู้ที่จะประสบความสำเร็จจากวิชา มวยไทย ได้นั้นจะต้องทำตนอยู่ในระเบียบแบบแผนของผู้ฝึกในเรื่องการฝึกซ้อม การรักษาสุขภาพ ตลอดจนการปฏิบัติตัว รวมทั้งได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้มีวินัย ตรงต่อเวลา มีความอดทน ความเพียรพยายาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยหล่อหลอมให้กลายเป็นบุคคลที่แข็งแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

 

     ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา การต่อสู้บนเวทีแต่ละครั้งจะต้องต่อสู้กันอย่างจริงจัง ครั้นสิ้นสุดการต่อสู้แล้ว ต่างฝ่ายก็ควรแสดงความยินดีและให้อภัยต่อกันโดยมิได้มีใจพยาบาทต่อกัน

 

คุณค่าทางด้านการเพิ่มศักยภาพตนเอง

 

     การใช้ความสามารถด้านพลังจิตกับพลังกาย โดยแต่ละคนจะมีพลังจิตหรือกำลังกายมากน้อยต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอย่างตั้งใจและอดทน เมื่อพลังจิตอ่อนล้า กำลังกายถดถอย จิตใจไม่สู้  ร่างกายก็จะอ่อนแอตามไปด้วย ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายก็จะมีกำลังในการต่อสู้ เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ ดังนั้นการฝึกฝนมวยไทยในสมัยโบราณ ครูผู้ฝึกสอนจะเน้นสอนคนก่อนสอนวิชา โดยฝึกจิตใจให้มีคุณธรรมและจริยธรรม พร้อมกับจิตใจที่เข้มแข็งและอดทนก่อนที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ในเชิงมวยให้

 

     สมาธิในการฝึกมวยไทย สมาธิเกิดจากความมุ่งมั่นในการฝึก ซึ่งในขณะร่ายรำหรือต่อสู้ จิตใจจะไม่คิดมุ่งร้าย พยาบาท หรืออาฆาต เพียงแต่ตั้งสมาธิอยู่กับการรุก - รับ ในชั้นเชิงแม่ไม้และลูกไม้มวยไทยเท่านั้น  และต้องมีจิตใจที่เคารพคู่ต่อสู้ ไม่ประมาทหรือเหยียดหยามคู่ต่อสู้ เพราะแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ หรือมีความยิ่งใหญ่อย่างใด เพียงแต่เป็นการทำหน้าที่ ของตนให้ดีและสมบูรณ์ที่สุด ผู้แข่งขันต้องเคารพคู่ต่อสู้ เคารพกรรมการผู้ตัดสิน และเคารพผู้ชม เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน มวยไทยจึงเป็นกีฬาที่มีความรุนแรง รวดเร็ว แต่แฝงไว้ด้วยทักษะ ลีลาที่งดงาม ดังนั้น ก่อนการฝึกพละกำลังจึงจำเป็นที่จะต้องฝึกสมาธิ ให้พลังจิตอยู่เหนือกำลังกาย และต้องให้พลังจิตควบคุมพลังกายให้ได้ดีที่สุด

 

     นี่คือคุณค่าของการเรียนมวยไทยที่แท้จริง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่คนเรียนมวยไทยทุกคนจะต้องเข้าใจ แต่สิ่งที่ต้องได้แน่นอน นั่นคือพลังจิตที่เข้มแข็งขึ้น สามารถช่วยทำให้เราสามารถตัดสินใจ ทำอะไรได้อย่างเด็ดขาดและมั่นใจยิ่งขึ้นนั่นเอง และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sites

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

- ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

วิธีลดน้ำหนักแบบนักมวย

วิธีลดน้ำหนักแบบนักมวย

การลดน้ำหนักแบบนักมวย เป็นการลดน้ำหนักที่ต้องอาศัยระเบียบวินัย และความพยายามเป็นอย่างมาก

เพื่อเกิดผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลที่สุด

 

การลดน้ำหนักแบบนักมวย มีหลายอย่างที่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ทางกีฬา เช่น การใส่เสื้อเพื่อรีดน้ำหนักทางร่างกาย , การออกกำลังกายอย่างหักโหม , การอดน้ำอดอาหารก่อนการขึ้นชก หรือแม้กระทั่งการล้วงคอให้อ้วกหลังรับประทานอาหาร ถึงแม้ว่าวิธีการลดน้ำหนักหลายๆ ข้อจะผิดจากหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬา และหลักการทางการแพทย์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายตามมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายตามหลัก มวยไทย ( Muay Thai ) ถือเป็นเครื่องมือในการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

หลักการลดน้ำหนักของนักมวย ที่สาวๆ สามารถเอาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตประจำวัน และไม่ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีดังนี้

 

1. ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาติดต่อกัน 45 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายได้ชินกับการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องออกชิ้นเดิมซ้ำๆ เพราะเราอาจจะเบื่อไปเอง เลือกชิ้นอื่นๆ บ้าง สลับๆ กันไป

 

2.ลดอาหารจำพวกแป้ง ให้เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ รวมทั้งดื่มนมพร่องมันเนยเพื่อชดเชย ซ่อมแซมกล้ามเนื้อในส่วนที่สึกหรอ

 

3.มีความอดทน อดกลั้น อย่าทานอาหารตามใจปาก เพราะถ้าเรากินตามในปากก็อาจทำให้น้ำหนักเราขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

4.พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนดึกจะทำให้กลไกลภายในร่างกายทำงานไม่ปกติ ซึ่งส่งผลทำให้อ้วนได้ง่ายและควรที่จะพักผ่อนให้ถึง 7 – 8 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายของเรานั้นจะมีการปรับสมดุลในขณะที่เราหลับ

 

การออกกำลังกายตามหลัก มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบที่ดีขึ้น มีความอดทน กล้าหาญ และนำไปใช้เป็นศิลปะป้องกันตัวได้ในอนาคต

 

เจริญทองมวยไทยรัชดา มองเห็นถึงเคล็ดลับการลดน้ำหนักด้วย มวยไทย ( Muay Thai )  และได้นำเอาวิธีการลดน้ำหนักแบบนักมวย มาประยุกต์เข้ากับวิทยาศาสตร์ทางการกีฬา จนออกมาเป็นหลักสูตรการฝึกที่ได้ประสิทธิภาพ ออกแบบมาเพื่อคุณสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วนโดยเฉพาะ ซึ่งการฝึกที่ยิมของเรานั้น นอกจากหลักสูตรการฝึกที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังดูแลและควบคุมการฝึกโดยเทรนเนอร์มืออาชีพ ที่มีประสบการณ์การสอน คอยแนะนำ และป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการฝึก สาวๆ คนไหนสนใจอยากฟิตหุ่นสวย ลดน้ำหนักด้วยการต่อย มวยไทย( Muay Thai )  สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 02 276 5016

 

ขอบคุณข้อมูลจาก payakkhin

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

ลดพุง ลดโรค ด้วยมวยไทย

หาความแข็งแรงได้ด้วยการเรียน มวยไทย

หาความแข็งแรงได้ด้วยการเรียน มวยไทย

มวยไทย ( Muay thai ) เป็นศิลปะเก่าแก่ของไทยและสามารถใช้ได้ในป้องกันตัวได้ วันนี้ มวยไทย ( Muay thai ) ได้เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ออกกำลังกายในชีวิตประจำวันแล้ว วันนี้มวยไทยสามารถทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงได้

 

อย่างแรกที่ต้องรู้ว่ามวยไทย จะช่วยในเรื่องของอะไร

     เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วมวยไทยจะช่วยในร่างกายแข็งแรง สามารถใช่งานได้ทุกส่วนของร่างกาย บำบัดกล้ามเนื้อให้มีความยืดหยุ่นและมีมัดใหญ่ขึ้นอีกด้วย  กระตุ้น ระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวยยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้และความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งเบิร์นไขมันสะสม

 

ทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น และอดทนต่อความเหนื่อย

     มวยไทย ( Muay Thai ) หลักๆ เลยเราต้องอดทนต่อความเหนื่อยล้า แต่เอาเท่าที่ไหว วันนี้ เล่น 20 นาทีพรุ่งนี้เล่น 25 นาทีเป็นขั้นตอนไป ไม่งั้นเราก็จะไม่ไหว ร่างกายเจ็บอีก ดังนั้นการที่เราจะลดน้ำหนักนั้น ต้องอาศัยหลายปัจจัยในการ เล่นมวยไทย ไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆ จะเล่น ไม่ได้นะครับต้องศึกษาให้ดี  ทำอย่างไรก็ได้ให้ร่างกายเวลาออกกำลังกายเจ็บน้อยที่สุด

 

ต้องมีเทรนเนอร์ดี

การมีเทรนเนอร์ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เรียนมวยไทย ( Muay thai ) ครูฝึกที่ดี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สอนแบบถูกต้อง หากเราทำแบบถูกต้องแล้ว ร่างกายของเรา ก็จะแข็งแรงมากขึ้น คนที่จะสังเกตเห็นเราได้ก็คือ ครูมวยนั่นเองละครับ

 

ควบคุมอาหาร

 หากคุณเป็นนักมวยที่เตรียมขึ้นชก อาหารประเภทโปรตีนคือสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุด อาทิ ปลา ไก่ ไข่ เนย ถั่ว รวมถึงผักผลไม้ และไขมันที่เหมาะสมกับร่างกายอาทิ อะโวคาโด

 

 

ให้ความสำคัญกับเวลาฝึก

หลายคนที่ไปเรียนมวยไทย ไม่สนใจไม่ตั้งใจในเวลาฝึก หากทำแบบนี้แล้วเราก็เหมือนเสียตังไปฟรีๆ ต้องตั้งใจนะครับ เพื่อให้ร่างกายของเราแข็งแรง และอดทนต่อสิ่งต่างๆ การเรียน มวยไทย สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันจริงๆ และเวลาฝึกก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องจัดการเองนะครับผม ฝึกทั้งเรื่องระบบ และการจัดการอีกด้วย

 

การออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบที่ดีขึ้น มีความอดทน กล้าหาญ และนำไปใช้เป็นศิลปะป้องกันตัวได้ในอนาคต หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) จะมาเดี่ยว มากลุ่มเราก็รับสอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ออกกำลังกายแบบนักมวยได้ที่บ้าน

“มวยไทย” หุ่นสวย ป้องกันตัวได้

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ignitefightclub

 

ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

ทำไม เหลี่ยมมวย ถึงสำคัญ

"มวยไทย" คือกีฬาศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย ที่คนไทยภาคภูมิใจ นักมวยเก่งๆ บางคนจะต้องมี "เหลี่ยมมวย" ที่เก๋าเกมอยู่พอสมควร ถึงขนาดว่านักมวยคนไหนที่มี "เหลี่ยมมวย" เก๋ากว่า นักมวยคนๆ นั้นมีสิทธิ์ชนะกว่า

 

     "เหลี่ยมมวย" คือความฉลาดในการชกมวย การรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เป็นการแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า การคุมอารมณ์ คุมจังหวะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม คนที่ชกมั่วซั่ว คือคนที่ไม่มี "เหลี่ยมมวย"  ดังนั้น คนที่บอกว่าบัวขาวไม่มี "เหลี่ยมมวย" ผิดมหันต์ บัวขาวชกมวยไทยหลายร้อยไฟต์ เรื่อง "เหลี่ยมมวย" บัวขาว ต้องมีสิ่งนี้แน่นอน แต่ต้องมาพร้อมคู่กับความแข็งแกร่งของร่างกายด้วย การอาศัย "เหลี่ยมมวย" เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถยืนหยัดได้อยู่บนเวทีแน่นอน คือถ้าสมองคิดได้แต่ร่างการทำไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นร่างกายต้องแข็งแกร่งด้วย

 

     ในมวยไทย "เหลี่ยมมวย" มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่โดยรวมทั้งสิ้นแล้ว มาจากการ "ตั้งท่า" ดังเช่น การวางการ์ดมวย

 

การใช้คำว่า "ซ้ายหน้า" ในมวยการ์ดขวาเดียวกัน

     อาวุธซ้ายหน้า ใช้ได้ผล เพราะเมื่อเข้าระยะ จะถึงก่อนและเป็นเป้าที่ตำแหน่งรับกัน จึงสามารถใช้จัดการคู่ต่อสู้ได้ หากน้ำหนักอาวุธดี ส่วนการทำลายจังหวะหรือควบคุมเกมส์ เป็นเรื่องรองลงมา หลักการนี้ใช้ได้ทั้ง มวยไทยและมวยสากล

 

     นักมวยที่รู้จักใช้จังหวะได้เปรียบด้วย อาวุธซ้ายหน้า มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ ถ้าหากเป็นมวยการ์ดซ้ายด้วยกัน ก็ต้องใช้ขวาหน้า

 

การใช้ "ซ้ายหน้า" ในมวยไทย เช่น

     - เตะ ใช้เตะซ้ายหน้า ทั้งเตะล่าง, เตะลำตัวและเตะสูง เทคนิคการเตะซ้ายหน้าที่ดีคือขยับเท้าขวานิดหน่อยก่อนเตะซ้ายหน้า การเตะซ้ายหน้าสามารถสกัดการต่อยหมัดขวาตรงได้ดี

     - หมัดเองก็สำคัญ เมื่อหมัดฮุคซ้ายอ้อมการ์ด เข้าเป้ากกหูหรือคาง

     - เข่า แทงเข่าซ้ายแบบขวางหน้าดันแทง

     - ถีบ ถีบซ้ายสูงจิกแบบบาทาลูบพักตร์หรือถีบซ้ายยันจิกแบบมอญยันหลัก หากเป็นมวยการ์ดขวา ต้องท่องให้ขึ้นใจ เจอมวยขวาใช้ซ้ายหน้าให้มาก

 

     ดังนั้น การสร้างจังหวะซ้ายหน้า โดยเฉพาะการเตะ จึงจำต้องฝึกให้เตะได้แม่นเร็วและแรงให้มากที่สุด ซึ่งเป็นการยากของนักมวยการ์ดขวา

 

     "เหลี่ยมจัด" คือการชกที่หลอกคู่ต่อสู้ เช่น ทำเป็นจะถีบเพื่อให้คู่ต่อสู้นึกว่าจะถีบ การ์ดที่ป้องกันหน้าเลยตกมาอยู่ที่ตัว เพราะส่วนมากถีบที่ท้อง พอการ์ดตกเมื่อไหร่ก็ชิงจังหวะปล่อยหมัดหรือฟันศอก และยังมีการหักเหลี่ยมในขณะที่ปล้ำตีเข่าวงในกันอยู่ เช่น คู่ต่อสู้ตีเข่ามาในจังหวะที่ยกขาขึ้นมาตี คู่ต่อสู้จะยืนแต่ขาเดียว จึงโดนหักเหลี่ยม คือเอาขากวาดให้ล้ม

 

    นี่คือภาพรวมของการ "ตั้งท่า" มาเป็น "เหลี่ยมมวย" ในมวยไทย ซึ่งโดยรวมแล้ว นั่นคือการดูเชิง คุมเชิงเพื่อให้ได้เปรียบกว่าคู่ต่อสู้ แต่ก็ต้องมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่งเช่นกัน และหากคุณกำลังมองหาสถานที่ฝึก มวยไทย หรืออยากเรียนมวยไทย มาฝึกกับเราได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด ได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก maemaimuaythai

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

- หุ่นสวยด้วยมวยไทย เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

องค์ประของนักมวยจำเป็นต้องมีอะไรบ้าง

องค์ประของนักมวยจำเป็นต้องมีอะไรบ้าง

ทุกวันนี้ใครก็อยากจะเป็นนักมวย ยิ่งเด็กเล็กเด็กน้อย เห็นในทีวีก็อยากจะเป็นนักมวย เพื่อไปต่อย มวยไทย  ( Muay thai ) วันนี้เราจะมาบอกถึงว่าการเป็นนักมวยจะต้องมีอะไรบ้างและเตรียมตัวอย่างไร

 

 ความฝันอยาก เป็นนักมวยไทย ก็ยากพอสมควรอยู่แล้วและเส้นทางของการเป็นนักมวยนั้นไม่ได้ง่ายเลยสักนิด ต้องเหนื่อยและเจ็บตัวมาก เป็นพิเศษ หลายปัจจัยในการที่จะเดินเส้นทางนี้ได้ ต้องมีแต่ความอดทนเท่านั้น

 

อยากเป็นนักมวยต้องมีอะไรบ้าง

 

ค่ายมวย

สิ่งแรกเลยที่เราต้องมีก็คือค่ายมวย ค่ายมวยเปรียบเสมือนโรงเรียนของการเรียนมวย ต่อยมวย ชกมวย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในยุคสมัยนี้ ไม่ใช่เราเป็นนักมวยแล้วไม่มีค่าย ไม่มีครู เป็นสิ่งที่ผิดนะครับ

 

อุปกรณ์ใน การ ชกมวย

อุปกรณ์เป็นอีกจัย ที่จะช่วยเราให้ลดอาการบาดเจ็บ และช่วยให้เรามีการฝึกร่างกายในช่วยต่างๆ ที่อุปกรณ์ช่วยได้แต่ละส่วน

 

มีเทรนเนอร์ดี

เทรนเนอร์จะสอนเบสิคเบื้องต้น ทั้งการเคลื่อนไหว การป้องกัน การยืนตำแหน่งยามอยู่บนเวที รวมถึงความแคล่วคล่องว่องไว

 

ฝึกฝนจิตใจ 

ไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยพละกำลังเท่านั้น แต่มันยังวัดถึงความสามารถด้านกระบวนความคิด การตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้าเพียงเสี้ยววินาที 

หากเรามีทั้งหมดนี้ ฝึกจนตัวเองเก่งมากพอแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องคำนึงถึง

 

ควบคุมอาหาร

มวยไทย ( Muay thai ) จะปล่อยให้น้ำหนักเกินไม่ได้ หากเราน้ำหนักเกิน เราก็จะสู้กับคู่แข่งไม่ได้ เราต้องลด เพื่อจะไปสู้ หรือเพิ่มที่จะไปสู่ อยู่ที่น้ำหนักของคู่แข่ง

 

สภาพความฟิต 

มองดูภายนอกคุณอาจเป็นนักกีฬาที่ดูดี แต่หากความฟิตไม่ถึง ทุกอย่างเป็นอันจบ การฝึกซ้อมด้วยการออกกำลังกาย อาทิ กระโดดเชือก วิ่ง ลุก-นั่ง คือแนวทางที่จะทำให้คุณไม่หมดแรงง่ายๆบนเวที ดังนี้นการออกกำลังกายให้ หนักกว่าคนอื่นเราก็จะเป็นนักมวย ที่เก่งกว่าคนอื่นนั้นเอง

 

สัญชาตญาณ

จริงอยู่ที่เทรนเนอร์หรือพี่เลี้ยงจะวางแผนให้คุณก่อนขึ้นชก และระหว่างพักยก แต่เมื่อขึ้นออกไปตะบันกับคู่แข่งบนเวที คุณคือคนที่กำหนดทุกอย่าง บางทีอาจไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่อยู่ในตัวคุณที่หากมาถูกที่ถูกเวลา ก็สามารถพาคุณไปสู่ชัยชนะได้เช่นกัน

 

สุดท้ายนี้ การที่เป็นนักมวย องค์ประกอบ หลักๆ ก็คือ ร่างกายที่ สมบูรณ์แบบ สามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายได้อย่างดีและสมบูรณ์ที่สุด 

 

ทั้งหมดนี้คือเส้นทางสู่ความสำเร็จ ที่ใช้ได้ในทุกๆวงการ โดยเฉพาะวงการมวย แม้ว่าคุณอาจจะเป็นรองในเรื่องน้ำหนักหมัด หรือกระทั่งเชิงมวย แต่เชื่อได้เลยว่า หากคุณฝึกซ้อมมากกว่าคนอื่น ประตูสู่ชัยชนะพร้อมเปิดต้อนอยู่อย่างแน่นอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

นักมวยไม่ใช่แค่การออกอาวุธอย่างเดียว

หุ่นสวยด้วยมวยไทย เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับมวยไทย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

หุ่นสวยด้วยมวยไทย เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

หุ่นสวยด้วยมวยไทย เฟิร์มไวแค่ 10 ครั้ง

   อาจจะดูเป็นกีฬาแรง ๆ สำหรับคนแมน ๆ เขาเล่นกัน แต่ลองมาออกหมัด เท้า เข่า ศอกดูก่อน แล้วคุณจะรู้ว่า "มวยไทย" เหมาะกับผู้หญิงมากกว่าที่คุณคิด

 

ฟิตแอนด์เฟิร์ม 10 ครั้งก็เห็นผล

     การฝึกมวยไทยจะช่วยให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งเบิร์นไขมันสะสม และก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน แค่ครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงแค่ 10 ครั้ง ก็จะเฟิร์มขึ้นจนรู้สึกได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว

 

     นอกจากนี้ เวลาที่คุณออกแรงเตะ ต่อย ครูฝึกจะสอนให้เปล่งเสียงออกมาเต็มที่ ซึ่งตรงนี้นอกจากจะช่วยเรื่องระบบการหายใจแล้ว ยังจะทำให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดด้วย

 

สวยดุ...ป้องกันตัวได้

     ต้องเข้าใจกันก่อนว่าการฝึกมวยไทยที่เราพูดถึงนี้ก็คือการฝึกชก เตะ และท่าทางต่าง ๆ ของมวยมาประยุกต์เป็นท่าออกกำลังกายเฉย ๆ ดังนั้น นอกจากคุณจะได้เบิร์นแล้ว คุณยังได้ฝีไม้ลายมือในการป้องกันตัวติดไปด้วย โดยในคลาสแรก ๆ ที่มาเรียน

 

     ครูฝึกจะสอนพื้นฐานตั้งแต่การยืน เดิน ไปจนถึงการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แบบครบสูตร จากนั้นก็จะได้ฝึกกับเป้าและกระสอบทราย และเมื่อคุณคุ้นชินกับท่าทางต่าง ๆ แล้ว ก็จะมีการสอนให้ว่าหากอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ปลอดภัยจะมีวิธีการป้องกันตัวอย่างไรได้บ้างด้วย ถือเป็นผลพลอยได้ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้หญิงเราเลยทีเดียว

 

ต้องเล่นเอาท์ดอร์เท่านั้น

 

     ถึงแม้คุณจะไม่ได้ต้องการไปชกมวยแบบจริงจัง แค่อยากจะใช้เป็นวิธีการเฟิร์มหุ่นเท่านั้น ก็ไม่มีทางที่คุณจะมาฝึกในห้องแอร์ชิล ๆ

 

    แม้เมืองไทยจะเป็นเมืองร้อน แต่สถานที่ที่เหมาะกับการฝึกมวยที่สุดก็คือ เอาท์ดอร์ร้อน ๆ นี่แหละ ทั้งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน และฝึกความอดทนไปพร้อม ๆ กัน

 

     "การฝึกมวยนอกห้องแอร์แบบนี้จะทำให้คุณได้อยู่กับธรรมชาติ การหายใจก็จะดีกว่าอยู่ในห้อง แล้วพอฝึกไปสักพักก็ชิน รับมือกับสภาพอากาศได้ดีขึ้น และหลังฝึกก็จะสดชื่นขึ้นด้วย"

 

       หากอยากออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างถูกต้อง สามารถมาได้ที่ ยิมมวย เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) สาขาใกล้บ้านคุณนะคะ

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก kapook

มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

มวยไทย ก็สร้าง Six Pack ได้

ถ้าพูดถึงร่างกายของคนที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ภาพในหัวต้องไม่พ้นคนที่มีร่างกายแข็งแรง มีกล้ามเนื้อ สำคัญคือต้องมีกล้ามหน้าท้องหรือ Six Pack วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสร้าง Six Pack ด้วยกีฬามวยไทย 

 

     หมัด เท้า เข่า ศอก คือคำที่ได้ยินบ่อยๆจากกีฬาประจำชาติไทย ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครในโลกไม่รู้จัก มวยไทย ( Muay Thai ) คือกีฬาศิลปะการต่อสู้ที่น่าภาคภูมิใจ แน่นอนที่นักมวยแต่ล่ะคนก็ต้องย่อมมีร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งอาวุธ เพราะอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด คือร่างกายของเรานั่นเอง โดยเฉพาะกล้ามหน้าท้องหรือ Six Pack พวกเขามีวิธีสร้างกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งและดุดันแบบนั้นได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามรายละเอียดกันเลย

 

สร้าง Six Pack แบบฉบับ มวยไทย

 

     ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อช่วงของการพับตัว บิดตัว โยกตัว งอตัวจากส่วนล่างจนถึงส่วนบนโดยมีท่าพื้นฐานทั้งหมด 5 ท่า คือ

 

1. ท่า Sit Up และชก

12-15 ครั้ง 1-2 เซต

ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและด้านข้าง

     โดยจะเป็นการ Sit Up และชกล่อเป้า ยิ่งถ้าหากมีคู่ซ้อมที่ช่วยให้เราสามารถชกล่อเป้าได้จะยิ่งดีมาก แต่ถ้าหากไม่มี ก็สามารถใช้วิธีชกลมได้ ไม่ต่างกัน โดยธรรมชาติของท่านี้ จะใช้ร่างกายในการบิด งอตัวและเหยียดตัว เพื่อสามารถชกให้โดนเป้าได้มากขึ้น

 

2. ท่า Sit Up และทุบ

12-15 ครั้ง 1-2 เซต

ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง

     เป็นการ Sit Up และทุบ โดยให้คู่ซ้อมทุบตรงส่วนบริเวณหน้าท้อง ในช่วงยกตัว ด้วยเป้าล่อท่านี้จะช่วยในเรื่องของการสร้างความคุ้นเคย โดยธรรมชาติของร่างกายจะเกิดอาการเกร็ง เมื่อมีสิ่งใดมาปะทะตรงบริเวณช่วงหน้าท้อง เป็นการสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อไหวพริบและระบบประสาทอาจเคยสงสัยกันว่า ทำไมนักมวยถึงสามารถทนทานต่อการถูกตีเข่าเป็นเวลานานๆได้ คำตอบก็คือท่านี้นั่นเอง

 

3. ท่า Sit Up และหลบ

12-15 ครั้ง 1-2 เซต

ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและด้านข้าง

     เป็นการ Sit Up และหลบหมัดของคู่ซ้อมในระหว่างที่ยกตัวขึ้นมา โดยจะได้ทักษะในการหลบหมัดคู่ต่อสู้ พิงเชือก โยกตัว โดยท่านี้จะได้ทั้งในส่วนกล้ามเนื้อทั้งเอวและขา

 

4. ท่าตีเข่า

30 วินาที 1-2 เซต

ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง / ด้านข้าง และน่อง

     ท่านี้จะเป็นการใช้ขาช่วงล่างหนักขึ้น โดยใช้ขาข้างที่เราทรงตัว ตีเข่าขึ้นกลางอากาศ ยิ่งเร่ง การทรงตัวและการเขย่งจะยิ่งทำงานหนักขึ้น และเมื่อขึ้นชกกับคู่ต่อสู้ จะช่วยในเรื่องของการหลบหลีกและการทรงตัว ทำให้เรายืนขาได้มั่นคงยิ่งขึ้น

 

5. ท่าเตะข้าง

30 วินาที 1-2 เซต

ช่วยในการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง / ด้านข้าง และน่อง

     ท่านี้จะได้กล้ามเนื้อในส่วนของลำตัวด้านข้าง ซึ่งจะแตกต่างจากท่าตีเข่า โดยการใช้แรงมากขึ้นและยืดขามากขึ้น

 

     ซึ่ง 5 ท่าเหล่านี้ คือเทคนิคขั้นพื้นฐานของการสร้าง Six Pack ด้วย มวยไทย ( Muay Thai )โดยท่าแรก สำหรับช่วงเริ่มต้น อาจไม่ต้องใช้วิธีการทุบเลยทันที อาจจะเป็นการเกร็งค้างไว้ แล้วค่อยปล่อยลงมา ท่าล่ะ 1-2 รอบ ส่วนคนที่เริ่มชินแล้วแนะนำให้ทำท่าตั้งแต่ 1-5 แล้วค่อยพัก นอกจากได้ Six Pack แล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องของ คาร์ดิโอ หรือการมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นด้วย

 

     กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ต้องมาพร้อมกับจิตใจที่แข็งแกร่งและมุ่งมั่น การสร้าง Six Pack ด้วยมวยไทย ( Muay Thai ) คงไม่ยากเกินกว่าความตั้งใจของเรา แค่คิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้เช่นกัน หากใครสนใจอยากเรียนมวยไทย ( Muay Thai ) เรามีสอนให้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) กับสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุดได้เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก channel.mahidol

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- มารยาท มวยไทย

- ลดพุง ลดโรค ด้วยมวยไทย

มารยาท มวยไทย

มารยาท มวยไทย

การชก มวยไทย ( Muay Thai ) มีกฎ กติกาการแข่งขันที่ชัดเจน รวมทั้งมีมารยาทที่ควรถือปฏิบัติด้วยเช่นกัน ไม่ใช่อยากจะต่อยก็ต่อย ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

 

      นักมวยจะรู้กันดีว่า มวยไทย ( Muay Thai ) การเป็นนักกีฬาจะต้องเอาจริงเอาจัง มีเรื่องของการแพ้ชนะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องทำให้เต็มที่และต้องรู้จักมารยาทในการชกมวยด้วย ซึ่ง มารยาทในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) มีดังนี้

 

1. เคารพในกฎกติกาการชกมวยไทยโดยเคร่งครัด

2. เคารพ เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำแนะนำ คำตักเตือน ของผู้ตัดสินอย่างเคร่งครัด

3. ไม่แสดงกิริยาอาการอันไม่สุภาพต่อคู่แข่งขัน หรือ ผู้ชม เช่น ถ่มน้ำลาย หรือ ตะโกนด่าผู้ชม เป็นต้น

4. ไม่แสดงปฏิกิริยาคัดค้านไม่พอใจในการตัดสินของผู้ตัดสินทุกกรณี เช่น ไม่ยอมลงจากเวที ทำร้ายร่างกายผู้ตัดสิน ด่าว่าผู้ตัดสิน เป็นต้น

5. ไม่พยายามซ้ำเติมคู่แข่งขันที่ด้อยกว่า ทั้งที่มีโอกาสกระทำได้โดยไม่ผิดกติกา

6. แสดงความมีน้ำใจนักกีฬา

7. ให้เกียรติและเคารพนักมวยรุ่นพี่ ก่อนและหลังการต่อสู้ทุกครั้ง

8. ตามประเพณีนิยมก่อนการแข่งขัน นักมวยต้องทำการไหว้ครูและมีการร่ายรำตามศิลปะมวยไทย

 

     ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำในการชกมวยไทย คือ การที่นักมวยที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ตัดสิน ฝ่าฝืนกระทำผิดโดยเจตนา การใช้เล่ห์กลต่างๆ ถือว่าเป็นการชกมวยที่น่ารังเกียจและไม่มีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรทำ มีดังนี้

 

1. ใช้ศีรษะกระแทก กัด ควัก หรือ กดลูกตา จิกผม ถ่มน้ำลายใส่คู่ต่อสู้

2. ปล้ำโดยแกล้งล้มทับ กดศอก หรือเข่าซ้ำคู่ต่อสู้ขณะคู่ต่อสู้ล้ม หรือเหวี่ยงทุ่มในลักษณะของยูโดหรือมวยปล้ำ

3. ล็อคคอหรือแขนขา ขัดขา เกี่ยวขา ปัดขา หนุนขา หรือยกทุ่มคู่ต่อสู้

4. จับ โหนพิงเชือกแล้วชก เตะ ถีบ

5. ซ้ำเติมคู่ต่อสู้ขณะล้ม

6. แกล้งล้ม โดยเจตนาชกในลักษณะสมยอมเพื่อสินจ้างรางวัล

7. แสดงกิริยาหรือกล่าววาจาไม่สุภาพขณะแข่งขัน

8. ตีเข่าที่บริเวณกระจับคู่ต่อสู้

9. ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลบหลีกการกระทำของคู่ต่อสู้โดยมิชอบ เช่น แกล้งล้มมุดออกนอกเชือก สอดขาออกนอกเชือก หรือหลบอยู่หลังผู้ตัดสิน เป็นต้น

 

     จะเห็นได้ว่าการมี มารยาทในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น จะส่งผลดีต่อตัวนักมวย รวมถึงค่ายมวยของตนเองด้วย หวังว่านักมวยหรือคนที่สนใจในกีฬามวยไทย จะมีน้ำใจนักกีฬากันทุกคนนะคะ

 

     หากอยากออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างถูกต้อง สามารถมาได้ที่ ยิมมวย เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) สาขาใกล้บ้านคุณนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaiboxing55

อ่านบทความเพิ่มเติม

- การตัดสินแพ้-ชนะในการแข่งขันมวยไทย

- การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ VS สมัยปัจจุบัน

ลดพุง ลดโรค ด้วยมวยไทย

ลดพุง ลดโรค ด้วยมวยไทย

มวยไทย ( Muay thai ) เป็นกีฬาที่ได้รับการนิยมไปทั่วโลก ทั้งไทยและต่างประเทศ รู้หรือไม่ว่า มวยมีวิธีการออกกำลังกายเหมือนกัน วันนี้ เรามาลดพุงลดโรคกันเถอะ ด้วย มวยไทย ( Muay thai ) ของบ้านเราเอง

หลักการลดน้ำหนักง่ายๆ ที่เราเคยได้ยินเลยนั้นก็คือ

 

หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น เน้นกินผัก ถูกครับหลักการลดก็มีเท่านี้แหละครับแต่การออกกำลังกายท่าทางต่างๆนั้นจะทำอย่างไรบ้างมาดูกัน

 

คาร์ดิโอแบบ มวยไทย ( Muay thai )

หากจะเริ่มออกกำลังกายให้ฟิตแบบนักมวย ควรต้องเริ่มจากการคาร์ดิโอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเสียก่อน ซึ่งการคาร์ดิโอนี้ทำได้ตั้งแต่การ ซิทอัพ / วิ่ง / กระโดดเชือก ซึ่งไม่ใช่การกระโดดเชือกแบบทั่วๆ ไปแต่เป็นการฝึกที่มีรูปแบบการกระโดดที่หลากหลาย และการฝึกความแข็งแรงของร่างกายในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การดึงข้อ, การบริหารกล้ามเนื้อหลังแขน, การวิดพื้น และการฝึกด้วยลูกบอลเทรนนิ่งในท่าทางต่างๆ

 

เปิดการเผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า

มวยไทย ( Muay thai )  การชกมวยอาจเป็นทางเลือกใหม่ในการออกกำลังกายแบบ High-intensity Interval Training ( การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง ) การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยให้สร้างความแข็งแรง ความรวดเร็ว มีพลังมากขึ้น และกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อนำมาเทียบกับการวิ่งหรือปั่นจักรยานจะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่า แต่ใช้เวลาน้อยลง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) ต้องทำยังไงก็ได้ให้ ใช้ได้ทุกส่วน

เป้าหมายของการต่อยมวยคือให้ทุกส่วนของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกายและระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การชกมวยยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้และความคล่องตัว มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งเบิร์นไขมันสะสม และก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน แค่ครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะเฟิร์มขึ้นจนรู้สึกได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว

 

อดทนต่อความเหนื่อย

มวยไทย ( Muay Thai ) หลักๆ เลยเราต้องอดทนต่อความเหนื่อยล้า ยิ่งเราเป็นคนที่น้ำหนักเยอะอยู่แล้วด้วย ต้องอดทนเข้าไปใหญ่ แต่เอาเท่าที่ไหว วันนี้ เล่น 20 นาทีพรุ่งนี้เล่น 25 นาทีเป็นขั้นตอนไป ไม่งั้นเราก็จะไม่ไหว ร่างกายเจ็บอีก ดังนั้นการที่เราจะลดน้ำหนักนั้น ต้องอาศัยหลายปัจจัยในการ ลด ไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆลด ไม่ได้นะครับต้องศึกษาให้ดี

 

การออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) นอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบที่ดีขึ้น มีความอดทน กล้าหาญ และนำไปใช้เป็นศิลปะป้องกันตัวได้ในอนาคต หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) จะมาเดี่ยว มากลุ่มเราก็รับสอน

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ออกกำลังกายแบบนักมวยได้ที่บ้าน

“มวยไทย” หุ่นสวย ป้องกันตัวได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ignitefightclub

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับมวยไทย

เทรนออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงยุคใหม่กับมวยไทย

     เทรนด์สุขภาพสมัยนี้ ต่อยมวย เป็นเทรนด์ฮิตที่สาวๆกำลังสนใจ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแล้วยังช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย ข้อดีเยอะขนาดนี้ คุณสนใจการออกกำลังกาย แบบชกมวย ไหมล่ะ

 

     วิธีการออกกำลังกายมีมากมายหลายแบบมากแต่สำหรับ มวยไทย ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยโดยการนำมาผสมผสานกับการออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์และท่าทางต่างๆ ส่งผลให้ผู้เล่นได้ทั้งการออกกำลังกาย สุขภาพ และศิลปะป้องกันตัวไปเลยทีเดียว

 

เทคนิคการต่อยมวยให้ได้ผลดีที่สุด

1.สำหรับการเริ่มต้นการ ต่อยมวย ต้องมีเป้าหมายชัดเจน เช่น การเอาจริงเอาจังไปกับ การออกกำลังกาย, ลดน้ำหนัก, ต่อยมวย เพราะถ้าใจไม่สู้ต่อให้ไม่มีอุปสรรคมาขวางก็ตาม ก็จะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

 

2.ต้องไม่กลัวในเรื่องอาการฟกช้ำ หรือ ปวดเมื่อยร่างกาย อาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับคุณผู้หญิงที่กลัวจะเกิดรอยเขียว จะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆ

 

3.ควรที่จะหาสถานที่ฝึกและครูฝึกสอนที่ดีมีประสบการณ์ เพราะจะช่วยให้การฝึกซ้อมได้ดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่ และครูมวยด้วย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องลดการบาดเจ็บจากการฝึกได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเรามีครูดีก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้น้อยในการเล่น

 

4.ควรทำตามกฎหรือคำแนะนำของครูฝึก เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก ชกมวย บางอย่างควรต้องใส่เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุขณะออกกำลังกายได้ และเป็นการเซฟตัวเราเองได้อีกด้วย

 

มวยไทยจะช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างไร

     ใครจะไปเชื่อว่าการ ต่อยมวย จะช่วยลดน้ำหนักได้ดี เพราะการฝึกมวยไทยแบบจริงจังบวกกับการที่ยิมมวยได้นำท่าทางการออกกำลังกายต่างๆ ในแบบผู้ชายมาใช้กับผู้หญิง แน่นอนว่าการต่อยมวยไม่ได้ใส่นวมแล้วก็ต่อย ไปตามเป้าเท่านั้น แต่การชกมวยที่ถูกต้องจะต้องมีการยืด วอมร่างกาย รวมถึงการเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่ได้มีการชกมวย ไม่ว่าจะเป็นการจู่โจม หรือ หลบหลีก การโยกตัวไป-มา ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายได้ใช้พลังงานไปอย่างมหาศาล

 

     เห็นอย่างนี้แล้วการออกกำลังกายด้วยการ การชกมวย ก็ช่วยลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว หากคุณกำลังมองหายิมต่อยมวย เราขอแนะนำ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) มีเทรนเนอร์คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างแน่นอน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sbobetstep

การตัดสินแพ้-ชนะในการแข่งขันมวยไทย

การตัดสินแพ้-ชนะในการแข่งขันมวยไทย

ศิลปะการต่อสู้ที่มีความโดดเด่นโด่งดังของไทยคงหนีไม่พ้น มวยไทย ( Muay Thai ) ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธในการต่อสู้ วันนี้จึงอยากพาทุกคนมาทำความเข้าใจกติกาในการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นกันค่ะ

 

กติกาในการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น มีหลักเกณฑ์ในการให้คะแนนและการตัดสิน ดังนี้

1. การให้คะแนนการชก มวยไทย ( Muay Thai )

     การชกที่ได้คะแนนในแต่ละยก ผู้ตัดสินจะคิดคะแนนให้แก่นักมวยแต่ละคน ตามจำนวนของการชกที่ถูกต้องตามแบบฉบับ มวยไทย ( Muay Thai ) ส่วนการชกที่ไม่ได้คะแนนคือ การชกที่ละเมิดกติกาข้อใดข้อหนึ่ง ชกถูกแขน ขา ของคู่แข่งขันในลักษณะที่คู่แข่งกระทำเพื่อป้องกันตนเองจากอาวุธของคู่แข่งขัน และการปล่อยอาวุธที่ไม่มีน้ำหนักหรือแรงส่งจากร่างกาย

 

     การชก มวยไทย ( Muay Thai ) แต่ละยกมี 20 คะแนน เมื่อสิ้นสุดลงแต่ละยกผู้เข้าแข่งขันที่มีทักษะมากกว่าจะได้ 20 คะแนน และคู่เข้าแข่งขันจะได้ลดลงไป แต่ถ้าผู้เข้าแข่งขันทั้งสองชกดีเท่ากันให้คะแนนคนละ 20 คะแนน ซึ่งการคิดคะแนนให้เป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนน คือ 1 คะแนน สำหรับอาวุธที่กระทำถูกต้อง 1 อาวุธ

 

     เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ถ้าได้ให้คะแนนแต่ละยกตามเกณฑ์ข้อ 1 และ 2 แล้วผู้ตัดสินพบว่า คะแนนของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายเท่ากัน จะต้องพิจารณาตัดสินผลการแข่งขันให้แก่ผู้แข่งขัน โดยดูจากผู้แข่งขันที่เป็นฝ่ายรุกมากที่สุด หากเป็นฝ่ายรุกเท่ากันให้พิจารณาผู้ที่มีแบบในการชกดีกว่า ผู้แข่งขันที่มีการป้องกันตัวดีกว่า จากการปัดป้อง ปิด จับ รั้ง การหลบหลีกและอื่นๆ สามารถป้องกันอาวุธต่างๆของคู่ต่อสู้จนคู่ต่อสู้ทำอะไรไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดในการแข่งขันทุกครั้งจะต้องมีการประกาศผู้ชนะ

 

2. ชนิดของการตัดสิน มวยไทย ( Muay Thai )

     2.1 ชนะโดยน็อคเอาท์ (Win by Knock Out) ถ้าผู้เข้าแข่งขัน “ล้ม” และไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ภายใน 10 วินาที ให้ผู้เข้าแข่งขันเป็นผู้ชนะน็อคเอาท์

     2.2 ชนะโดยคะแนน (Win by Points) เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการตัดสินเสียงข้างมากจากผู้ตัดสินเป็นผู้ชนะ ถ้าผู้แข่งขันทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บหรือถูกนับสิบพร้อมกัน และไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ ผู้ตัดสินต้องรวมคะแนนที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้จนถึงเวลาที่การแข่งขันได้หยุดลง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะ

     2.3 ชนะโดยผู้ชี้ขาดสั่งยุติการแข่งขัน (Win by Referee stopping contest)

     - ฝีมืออ่อนกว่ามาก (Out-classed) เมื่อผู้ชี้ขาดเห็นว่า ผู้แข่งขันคนหนึ่งฝีมืออ่อนกว่ามาก หรือถูกชกมากไป ต้องยุติการแข่งขันและให้คู่แข่งขันเป็นผู้ชนะ

     - บาดเจ็บ (Injury) ถ้าผู้ชี้ขาดเห็นว่า ผู้แข่งขันคนหนึ่งมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์พอที่จะแข่งขันต่อไปได้ เนื่องจากได้รับการบาดเจ็บจากการชก หรือ ด้วยเหตุทางร่างกายอื่นๆ ต้องยุติการแข่งขันและให้ผู้แข่งขันเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ชี้ขาดที่อาจจะหารือกับแพทย์ ซึ่งเมื่อหารือกับแพทย์แล้ว ผู้ชี้ขาดต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

     2.4 ชนะโดยถอนตัว (Win by retirement) ถ้าผู้เข้าแข่งขันถอนตัวจากการแข่งขันด้วยความสมัครใจ เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บหรือเหตุอื่น หรือไม่สามารถแข่งต่อไปทันที หลังจากการหยุดพักระหว่างยก ให้คู่เข้าแข่งขันเป็นผู้ชนะ

    

     นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของกติกาการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเขาตัดสินแพ้ชนะกันอย่างไร เมื่อได้รู้แล้วหวังว่าจะดูการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai ) ได้สนุกกันมากขึ้นนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก kmsaard

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ VS สมัยปัจจุบัน

- คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ

 

มวยไทยช่วยลดน้ำหนักได้

มวยไทยช่วยลดน้ำหนักได้

หากพูดถึง มวยไทย ( Muay Thai ) คงนึกถึงความบ้าระห่ำของผู้ชายที่ใช้พละกำลังกันใช่ไหมคะ แต่รู้ไหมว่าตอนนี้ มวยไทย ( Muay Thai ) ถูกนำมาใช้เป็นการออกกำลังกายจนสามารถลดน้ำหนักได้แล้วนะคะ

 

 

     มวยไทย ( Muay Thai )  ในสมัยก่อนเป็นของผู้ชายที่ใช้ฝึกเพื่อป้องกันตัว แต่ในยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่จะฝึกมวยไทยเพราะผู้หญิงก็สามารถต่อยมวยได้ ในตอนนี้ มวยไทย ( Muay Thai )  ถูกนำมาประยุกต์ใช้เข้ากับการออกกำลังกายจนได้รับความนิยม ไม่เว้นแม้แต่ดารา นักแสดง ที่เลือกดูแลรูปร่างด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้คนได้รู้จักกับศิลปะแม่ไม้มวยไทยกันมากขึ้นอีกด้วย

 

 

     การนำ มวยไทย ( Muay Thai )  มาผนวกเข้ากับการออกกำลังกาย สามารถช่วยลดน้ำหนัก ทำให้หุ่นเฟิร์มและลดความอ้วนได้เร็วกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ เพราะการออกอาวุธของ มวยไทย ( Muay Thai ) ไม่ว่าจะหมัด เท้า เข่า ศอก ต้องอาศัยแรง พละกำลังอย่างมหาศาล แม้แต่การบิดตัวระหว่างชกอย่างถูกวิธีก็มีผลต่อการเผาผลาญไขมันทั้งสิ้น

 

 

     หากออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) อย่างเป็นประจำ จะช่วยลดความอ้วน ลดน้ำหนักได้จริง แถมยังมีหุ่นที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม เพียงแค่คุณฝึกมวยไทยวันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้กว่า 1,000 กิโลแคลอรี หากเปรียบเทียบกับกีฬาชนิดอื่นๆ มวยไทยถือว่าเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างมาก

 

 

     การที่ มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้นั้น เกิดจากการออกกำลังในส่วนต่างๆ เช่น ออกหมัดอย่างการใช้ ‘หมัดตรง’ สามารถช่วยกระชับต้นแขน ลดไขมันบริเวณท้องแขนได้ ‘หมัดฮุค’ การบิดลำตัวซ้าย-ขวาเล็กน้อย สามารถช่วยกระชับสัดส่วนช่วงลำตัว ทำให้รูปร่างเรียวขึ้น ‘หมัดอัปเปอร์คัต’ เป็นหมัดต่อยขึ้นข้างบน

 

 

     เห็นไหมคะว่า เพียงแค่ออกหมัดในรูปแบบที่แตกต่างกันก็ช่วยสร้างกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าจากการพับแขนและสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่จากการยกแขนได้แล้ว ส่วนการเตะมวย ถ้าออกแรงเตะเยอะและเร็ว จะยิ่งช่วยสลายไขมัน ทำให้ขาเล็กลง กระชับขา สะโพก ลดเซลลูไลท์ได้ด้วย

 

 

     การออกกำลังกายด้วย มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นการออกกำลังกายที่ใช้อวัยวะแทบทุกส่วนของร่างกาย ที่นอกจากจะช่วยลดความอ้วนได้แล้ว ยังช่วยให้มีไหวพริบ มีความอดทน กล้าหาญ และได้ทำความรู้จักกับศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปในตัว

 

 

     หากใครสนใจเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) สามารถมาเรียนได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม (Jaroenthong Muay Thai Gym) จะมาเดี่ยว มากลุ่มเราก็รับสอนหมดนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate

อ่านบทความเพิ่มเติม

- สเต็ปต่อยมวย "ลดน้ำหนัก" ผู้หญิงก็ทำตามได้ง่ายๆ

- ทำความรู้จักกับ “มวยไทย” แต่ละสมัย

5 สิ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับความปลอดภัยใน กีฬาการต่อสู้

5 สิ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับความปลอดภัยใน กีฬาการต่อสู้

     หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า บางอย่างที่ดูเหมือนว่าจะสามารถเสริม ความปลอดภัยมาก ในกีฬาการต่อสู้  ในความเป็นจริงแล้วกลับทำอันตรายให้ผู้ที่เข้าแข่งขันมากกว่า ในวันนี้เราจะนำเสนอเกี่ยวกับ สิ่งที่ผู้อ่าน อาจไม่ทราบมาก่อน อย่าง กฎกติกา และอุปกรณ์ ในกีฬาการต่อสู้ มาฝากกัน

 

1. ใส่เฮดเกียร์ เป็นอันตรายต่อนักกีฬามากกว่าไม่ใส่

     แม้ว่าจะใส่ เฮดเกียร์ การรับหมัดที่หนักและกระแทกอย่างต่อเนื่องทำให้ โฟมที่คอยรับแรงกระแทกไม่มีประโยชน์นักกีฬาแต่อย่างใด และกล่าวว่าก่อให้เกิด ปัญหาทั้งหมดสองประการ

1.อุปกรณ์ป้องกันศีรษะในมวยสากลนั้น ทำให้หัวของนักกีฬา ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม สามารถตกเป็นเป้าได้ง่ายขึ้น

2.อุปกรณ์ป้องกันศีรษะ สร้างความเชื่อแบบผิดๆ ว่าตัวนักกีฬา ปลอดภัยจากการได้รับแรงกระแทก

สาเหตุที่นักกีฬาในยิมของเค้ามากกว่าครึ่งไม่ใส่เฮดเกียร์เวลาซ้อมเพราะว่า เฮดเกียร์นั้นสามารถไหลไปบังวิสัยทัศน์ระหว่างต่อสู้ได้ แต่สำหรับการต่อสู้จริง ๆ แล้วกลับเป็นภาระ ที่ทำให้นักสู้ได้รับอันตรายมากกว่าเดิม

 

2. นวมถูกสร้างมาเพื่อ ป้องกันมือเท่านั้น ไม่ได้เพื่อปกป้องการโดนต่อย

     หากเทียบ การใช้มือเปล่า, การใส่นวม MMA ที่มีน้ำหนัก 4 Oz  หรือ ใส่นวมมวยสากล เวลาต่อยไปที่เป้าหมาย นวมมวยสากลจะรู้สึกปลอดภัยกับมือของตัวเรามากที่สุด แต่ก็รู้ว่านวมประเภทมวยสากล ที่มีน้ำหนัก มากกว่า 10 Oz สามารช่วยป้องกันมือได้ในระดับนึงเลยทีเดียว

 

3. การยืนนับ 8 วินาทีในกีฬาการต่อสู้ อันตรายกว่า การถูกน็อคสลบไปเลย

     กฎการนับ 8 วินาที คือกฎกติกาที่ถูกใช้โดยกีฬา มวยสากล มวยไทย ด้วยกติกาของการนับ 8 วินาทีใน กีฬาการต่อสู้ นั้นเอื้ออำนวยให้นักสู้ที่ถูกน็อคลงไปลุกขึ้นมาสู้ได้ต่อ แม้จะบาดเจ็บไม่มากนัก แต่นักสู้จะมีโอกาศได้รับ การจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองสะสมอาการบาดเจ็บได้ในระยะยาว

 

4. กีฬาการต่อสู้ที่ ผสมการทุ่มล๊อคข้อต่อหักกระดูก มีความปลอดภัยกว่า การยืนต่อสู้

     ท่า Submission Arm bar แม้จะดูรุนแรง สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน แต่จริงๆแล้ว กีฬาการต่อสู้ ที่เน้นไปการ ทุ่มล๊อค หักข้อต่อ รูปแบบเกมส์การแข่งขันจึง มีผลลัพธ์ที่ออกมาหลากหลายยิ่งกว่า มวยสากล หรือมวยไทย ที่ชนะคะแนน หรือ น๊อคเอ้าท์ เท่านั้น

 

5. การสู้ในสังเวียนกรง ปลอดภัยกว่าเวทีเชือก

     เหตุการณ์ที่เราเคยเห็นในกีฬาการต่อสู้ มวยไทย มวยสากล หรือ MMA คือ การถูกน๊อค กลางอากาศหรือล้มลงทำให้ หัวฟาดซ้ำลงไปที่พื้นเวที เป็นเหตุให้ อาการบาดเจ็บมีอาการสาหัสกว่าเดิม หรือถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว การถูกน็อคอาจยับยั้งไม่ได้แต่ การเลือกใช้ พื้นเวทีที่มี คุณภาพจะเป็นหนทางที่ ช่วยลดอาการเจ็บโดยรวมของนักสู้ได้

 

     ดังนั้น การชกมวย นั้นอันตราย ถ้าคุณไม่ได้ป้องกันอย่างถูกวิธี คุณควรได้รับคำแนะนำจากเทรนเนอร์เป็นพิเศษ หรือ ศึกษาข้อมูล ให้ดีและครบถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ หากคุณอยากได้รับคำแนะนำหรือออกกำลังกายด้วยการต่อยมวย จากเทรนเนอร์เป็นพิเศษ สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามได้ที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym )

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ignitefightclub

 

อาวุธที่อันตรายที่สุดในโลก ฟันศอกแบบ มวยไทย

อาวุธที่อันตรายที่สุดในโลก ฟันศอกแบบ มวยไทย

พูดถึงการออกอาวุธแล้วในการศิลปะมวยไทยทั้ง เตะทั้งเข่า หรือหมัดที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ ก็ไม่สู้ ศอกเป็นอาวุธที่อันตราย หากโดนเต็มๆ อาจถึงเสียชีวิตได้เลย อย่างน้อยๆก็มีเย็บกันบ้างเราแนะนำให้รู้จัก ฟันศอก

 

ตีศอกหรือการฟันศอกเป็นแม่ไม้ มวยไทย ( Muay thai ) หนึ่งที่อันตรายและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมเคล็ดลับวิธีฟันศอกให้แรงไว้ให้ฝึกฝนไว้เป็นศิลปะป้องกันตัวในยามฉุกเฉิน โดยบทความนี้จะเน้นวิธีการฟันศอกให้แรงแบบ มวยไทย ( Muay thai )

 

ก่อนจะฟันศอกต้องรู้จัก และเข้าใจวิธีต่อยให้แรง

 

เช่นเดียวกับการต่อยให้แรง เพราะการฟันศอกให้แรงนั้นไม่ได้ขึ้นกับความแข็งแรงอย่างเดียว แต่ขึ้นกับประสานตั้งแต่การบิดเอว การใช้ปลายเท้าส่งแรง ทำให้เกิด Momentum ที่ดี และจนไปถึงการเลือกตำแหน่งข้อศอกในการจู่โจมคู่ต่อสู้

 

รู้ประเภทของการฟันศอก: เพราะคุณจะได้เลือกท่าฟันศอกได้ถูกต้องตามสถานการณ์ ซึ่งนักมวยไทยที่เก่งจะสามารถผสมผสานท่วงท่าได้อย่างสวยงามและมีชั้นเชิง โดยทั่วไปแล้วการฟันศอกมีประเภท

 

มวยไทย ( Muay thai )  ศอกตี โดยใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า

 

ศอกตัด การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย

ศอกงัด การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก

ศอกกระทุ้ง การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามาด้านหลัง

ศอกกลับ การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนตามเท้า

ศอกคู่  การตีศอกด้วยแขนสองข้าง

 

ฝึกการออกแรงในระยะสั้น

ในการแข่งมวยไทยส่วนใหญ่จะเหมือนว่านักมวยแทบไม่ได้ใช้ระยะในการง้างศอกเลย เพราะการจู่โจมต้องทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่จะทำอย่างนี้ได้ นักมวยจะต้องสามารถออกแรงในระยะสั้นได้

 

ใช้ท่าศอก แบบ มวยไทย ( Muay thai )   จู่โจมที่ถูก

พยายามเลือกตรงปลายข้อศอกที่แหลมและแคบในการสัมผัสเป้าหมาย เพราะมันจะทำให้ความรุนแรงเข้มข้นขึ้นในพื้นที่สัมผัสที่แคบ และให้ต้นแขนเป็นเหมือนฐานจรวดในการส่งแรงไปที่เป้าหมาย หากคุณไม่มีต้นแขนเป็นฐานแล้วพลังโจมตีคุณจะเบาบางอย่างมาก  หรือพูดง่ายๆว่า เล็งที่ จุดออ่นคู่ต่อสู้เช่น หัว หรือ เบ้าตา หัวคิ้วนั้นเอง

 

อยาก เรียน มวยไทย ( Muay thai ) ก็ต้องมีจังหวะในการเริ่มต้นทั้งการวิ่ง การเดิน  เพราะสกิล พวกนี้สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง เพื่อป้องกันตัวของตัวเอง หากท่านใดกำลังมองหา ยิมมวยไทย ( Muay thai ) สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามได้ตลอดเลยนะครับ  “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ohlor

อ่านบทความเพิ่มเติม

วิธีต่อยมวยไทย ที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร

หมัด เท้า เข่า ศอก สู่ ‘ลูกไม้มวยไทย’

 

 

ลำตัวแข็งแบบ นักมวยไทย

ลำตัวแข็งแบบ นักมวยไทย

นัก มวยไทย ( Muay thai )  จะมีช่วงลำตัวที่แข็ง มาก ไหวสำหรับ ปล่อยอาวุธยิ่งลำตัวแข็งแกร่งเท่าไร ลูกเตะหรือ หมัดก็ส่งผลให้ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้นเรามาฝึกแบบ มวยไทย ( Muay thai ) กัน

 

ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ แบบ มวยไทย ( Muay thai )

 

นอกจากปรับเปลี่่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารแล้ว ควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อควบคู่กัน การออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อ (Strength Training) คือการออกกำลังกายเสริมสร้างการทรงตัวที่สำคัญ ของมวยไทยจะแตกต่างตรงที่ว่าเราจะทำ จาก หนักไปเบา แต่อย่าลืม วอร์มก่อนนะครับ

 

กระโดดเชือก การกระโดดเชือกจำให้ขาได้ใช้เยอะมาก ทำให้เรามีกล้ามเนื้อที่ขานั้นเอง เดิน ต้องเดินเป็นระยะที่เรากำหนดไว้ แต่ไม่ต้องถึงออ่นล้าเลยก็ได้ วิ่ง ต้องเป็นวิ่งที่ใช้ความเร็วเท่านั้นจะทำให้ขานั้นแกร่งเกรง และมีกล้ามขานั้นเอง

 

Plank

นับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายแต่ทำได้ยากมาก ใครที่เคยลอง Plank จะทราบดีว่าเป็นท่าที่ทรมานที่สุด เพราะเราต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายหลายส่วน ซึ่งท่า Plank เป็นการออกกำลังกายพื้นฐานที่นักมวยทุกคนให้ความสำคัญ เพราะมันจะช่วยสร้างความแข็งแกร่ง บึกบึน ของร่างกายส่วนกลางให้ทนทานต่อหมัดของคู่ต่อสู้ที่จะโจมตีเราบริเวณลำตัว

 

วิดพื้น  

วางมือทั้งสองข้างบนพื้นไม่ให้ล้ำหน้าหัวไหล่ ยืดแขนจนสุด เหยียดขาให้ตรงโดยหัวเข่าไม่แตะพื้น จากนั้นงอข้อศอกให้หน้าอกลดต่ำลง ห่างจากพื้นประมาณ 2 นิ้ว แล้วดันตัวขึ้นมาจากพื้น

 

คิดว่าอยากให้ลำตัวมีความแข็งแรงถึงระดับไหน.

 ถ้าเราเป็นนักกีฬาที่พยายามเสริมสร้างกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง การออกกำลังกายของเราก็อาจหนักกว่าและมีแรงกระแทกสูงกว่าการออกกำลังกายของคนทั่วไป ถ้าเราต้องการทำให้กล้ามเนื้อขาแน่น แข็งแรง

 

โดนต่อย

ให้คู่ซ้อม มวยไทย ( Muay thai ) เรานั้นต่อยตรงช่วงลำตัวของเรา เพราะถ้าเรามัวแต่ออกกำลังกาย ไม่เคยโดน ปะทะจริงเลย นั้นก็แปลว่า เรานั้นไม่เคยลองของจริง ว่าความรู้สึกของผมเรานั้นเป็นอย่างไร โดนของจริง จะได้รู้ว่าเราลำตัวแข็งแรงพอหรือยัง

 

ดึงข้อมือ

การดึงข้อมือนั้น ช่วงลำตัวของเราจะได้รับการเกรง มากเป็นพิเศษ เพื่อพยุง ลำตัวขึ้นไป แน่นอนอว่า ถ้าออกแบบนี้ แล้ว มวยไทย ( Muay thai ) หรือ หุ่น มวยไทย ( Muay thai ) ช่วงลำตัวมีความแข็งแรงแน่นอน

 

อยาก เรียน มวยไทย (Muay thai) ก็ต้องมีจังหวะในการเริ่มต้นทั้งการวิ่ง การเดิน  เพราสกิล พวกนี้สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง เพื่อป้องกันตัวของตัวเอง หากท่าใดกำลังมอง หา ยิบ มวยไทย (Muay thai) สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามได้ตลอดเลยนะครับ  “เจริญทอง มวยไทย ยิม” ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ออกกำลังกายแบบนักมวยได้ที่บ้าน

หลักต้องดีขาต้องแข็ง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  th.wikihow

สเต็ปต่อยมวย

สเต็ปต่อยมวย

     คุณผู้หญิงหลายท่านไม่เคยออกกำลังกายด้วยการ ชกมวย เพื่อกลัวบาดเจ็ด ปวดนั้น ปวดนี่ แต่อยากมาบอกว่า ชกมวย นี่แแหละ ตัวช่วย"ลดน้ำหนัก" และ "กระชับสัดส่วน" ได้อย่างแน่นอน และจะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักด้วยการต่อยมวย ยังไงให้หุ่นฟิต หุ่นเฟิร์ม สมใจคุณสาวๆ

 

สนุก กระชับ ลดน้ำหนัก

ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วเทรนด์ "ออกกำลังกาย" แบบ ชกมวย นั้น ได้รับความนิยมในกลุ่ม "ผู้หญิง" มาได้สักพักแล้วนะ เพราะการออกกำลังกายชนิดนี้ เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อของผู้หญิงอย่างเราๆ นั้นกระชับได้เกือบทุกสัดส่วน ผู้หญิงที่ขี้เบื่อทั้งหลายจึงไม่ปฏิเสธที่จะหลงรักการออกกำลังกาย รูปแบบใหม่ ยังไงล่ะคะ

 

หมัด-ศอก-เข่า-เท้า

สเต็ปในการออกกำลังกายก็ไม่ยากเลยค่ะคุณสาวๆ โดยเน้นการใช้หมัด ศอก เข่า และเท้าเป็นหลัก เพียงเท่านี้ก็ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เลือดสูบฉีดได้เป็นอย่างดี และกระตุ้นการเผาผลาญให้ร่างกายของเราได้แล้วค่ะ

 

3 สเต็ป พิชิตผอม

อดใจกันไม่ไหวแล้วใช่มั้ย เราจะมาแนะนำท่าชกมวยที่สามารถทำเองได้ที่บ้านมาฝากคุณผู้หญิงทุกท่านค่ะ มี 3 สเต็ปด้วยกันดังนี้

Jab Cross (หมัดแย็บ, หมัดตรง) "หมัดตรง" เหยียดแขนออกให้ตรงที่สุด บิดลำตัว เปิดส้นเท้า รักษาให้อยู่ระดับไหล่ หมุนข้อมือคว่ำลงให้สันหมัดถูกที่หมาย

 

Elbow (ศอก) "ศอก" ยกศอกขึ้น ค่อยๆ โน้มลำตัวลง พร้อมเกร็งหน้าท้อง

 

Double Knees (เข่า 2 ครั้ง) "เข่า 2 ครั้ง" ดึงมือมาหาหัวเข่า และยกเข่าขึ้นสูงๆ จากนั้นเกร็งหน้าท้อง ทำทั้งหมด 2 ครั้ง

 

สเต็ปที่ 2

Hook (หมัดฮุก) "หมัดฮุก" งอแขนท่อนล่างให้ทำมุมกับแขนท่อนบนเป็นมุม 90 องศา และออกแรงต่อยออกไป และเพื่อให้เคลื่อนที่ไปในจังหวะเดียวกันอย่างลืมบิดส้นเท้าด้วยนะ

 

Upper cut (หมัดอับเปอร์คัต) "หมัดอับเปอร์คัต" ชกที่บริเวณลำตัวหรือปลายคาง เปิดส้นเท้า งอเข่าและย่อตัวลงเล็กน้อย

 

Single Knees (เข่า 1 ครั้ง) "เข่า 1 ครั้ง " ดึงมือมาหาหัวเข่า ยกเข่าขึ้นสูงๆ เอาส้นเท้าลง อย่าลืมเกร็งหน้าท้องนะ

 

สเต็ปที่ 3

Slanting Elbow (ศอกเฉียงลง) "ศอกเฉียง"  ยกศอกขึ้นเฉียงลง ค่อยๆ โน้มลำตัว พร้อมเกร็งหน้าท้อง

 

Double Knee L-R (เข่า 2 ครั้ง ซ้าย-ขวา) "เข่า 2 ครั้ง" ดึงมือมาหาหัวเข่า และยกเข่าขึ้นสูงๆ จากนั้นเกร็งหน้าท้อง ทำข้างละ 2 ครั้ง

 

เราขอเป็นกำลังใจให้สาวๆ ที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี หุ่นที่ดีทุกคนนะคะ แต่ถ้าใครมองหายิมมวยไทย ที่ เจริญทองมวยไทย รัชดา มีบริการด้วยนะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thairath

การเคลื่อนที่แบบมวยไทย

การเคลื่อนที่แบบมวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีเอกลักษณ์ ซึ่ง การเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหว เป็นพื้นฐานของการใช้แม่ไม้มวยไทย ทั้งการรุกและการรับ หากใครอยากฝึก มวยไทย ควรรู้ไว้

 

     นอกจากศิลปะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เราได้พูดถึงกันไปในบทความที่แล้ว ยังในเรื่องของ การเคลื่อนที่ หรือ การเคลื่อนไหว ที่เป็นพื้นฐานของการใช้แม่ไม้มวยไทย ทั้งการรุกและการรับ โดยการเคลื่อนที่ในการฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) มีดังนี้

 

1. การรุกและถอยเป็นเส้นตรง

     การรุกหรือถอย แบบเดินหน้าหรือถอยหลัง โดยการลากเท้า คือ ถ้ารุกไปข้างหน้า จะเดินหน้าและให้เท้าหลังลากตามเป็นจังหวะ โดยอาจยกเท้าหรือไม่ยกก็ได้ ในขณะที่เวลาถอยจะใช้แรงส่งจากเท้าหน้า ให้เท้าหลังก้าวออกไป แล้วเท้าหน้าก้าวตามเป็นจังหวะ โดยอาจยกเท้าหรือไม่ยกก็ได้

 

2. การรุกและถอยฉาก

     การรุกเป็นมุมฉาก คือ การเพิ่มจากการรุกธรรมดา โดยใช้เท้าที่ไม่ถนัดตั้งนำ เท้าที่ถนัดส่งตาม ต่อจากนั้นใช้เท้าที่ไม่ถนัด ลากออกไปด้านข้าง ส่งเท้าที่ถนัดตามไปอยู่ด้านหน้าเท้าที่ไม่ถนัด

 

3. การเคลื่อนที่เป็นวงกลม

     การเคลื่อนที่เป็นวงกลม คือ การเคลื่อนที่โดยใช้การรุกและการถอยแบบการเคลื่อนที่ของแบบเท้าธรรมดา ในลักษณะเท้านำเท้าตาม ที่เคลื่อนที่ไปด้านหน้า ด้านหลัง ไปทางซ้าย หรือไปทางขวา ซึ่งการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ให้เคลื่อนที่ตามคู่ต่อสู้ไปเป็นวงกลม ถ้าจะรุกหรือถอยให้ใช้แบบการรุกและถอยแบบธรรมดา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโอกาสของการเคลื่อนที่ด้วย

 

4. การก้าวย่าง

- การก้าวย่าง คือ การเดินหรือลากเท้า ใช้ในโอกาสทั้งรุกและถอย ลักษณะการก้าวย่างใน มวยไทย ( Muay Thai ) นั้น คือ การยกเข่าขึ้นสูง พร้อมทั้งยกแขนขึ้นเป็นแนว การยกเข่าขึ้นให้ติดกับศอกหรือเกือบติดกับศอก เข่าที่ยกอาจยกก่อนแล้วลากเท้า การเคลื่อนที่ลักษณะนี้เรียกว่า “การก้าวย่าง” บางครั้งอาจลากเท้าไปข้างหน้าก่อนยกเข่าขึ้น ซึ่งการที่ยกเข่าขึ้นติดศอก เป็นการป้องกันคู่ต่อสู้ บางครั้งอาจทำสลับกันได้ทั้งด้านซ้ายนำและขวานำ

 

- การย่างสามขุม มักได้ยินกันบ่อย ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือ การเดินจุด 3 จุด โดยการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า การเดินให้กำหนดจุดที่ใช้ในการเปลี่ยนตำแหน่งของเท้า หรือเป็นการเปลี่ยนเหลี่ยมของร่างกายนั่นเอง ซึ่งการย่างสามขุมให้ชำนาญจะต้องฝึกการย่ำ การก้าวย่าง และการย่างสามขุม สามารถนำไปใช้ป้องกัน หลบหลีก บ้างก็ใช้ในการรับหรือการรุก

 

- การย่างสุขเกษม การเคลื่อนที่โดยการก้าวเท้าออกไปด้านนอกตัว พร้อมกับการยกตัวใช้มือปัดลงมาข้างล่าง ในขณะที่อีกมือหนึ่งยกขึ้นระดับใบหน้า เพื่อป้องกันอาวุธ ส่วนมือที่ปัดลงมาใช้ปัดป้องกันในกรณีที่คู่ต่อสู้ถีบมาหาเรา ในการทำการย่างสุขเกษม จะต้องบิดสะโพกตามไปด้วย พร้อมกับปัดมือล่างให้ผ่านลำตัว ส่วนเท้าเคลื่อนที่ก้าวไปพร้อมกับการปัดมือผ่านลำตัว

 

     การรู้จักกันการ เคลื่อนที่แบบ มวยไทย ( Muay Thai ) ทำให้เรารู้ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องมีการเรียนรู้ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชำนาญ หากใครสนใจเรียนมวยไทย สามารถมาเรียนกันได้ที่ เจริญทอง มวยไทย ยิม ( Jaroenthong Muay Thai Gym ) นะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ohlor

อ่านบทความน่าสนใจ :

- วิธีต่อยมวยไทย ที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร

- คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ

วิธีต่อยมวยไทย ที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร

วิธีต่อยมวยไทย ที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร

 วิธีต่อย มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจหลักพื้นฐานก่อน เพื่อให้ต่อยได้อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเป็นนักมวยที่เก่งได้ ซึ่งหลักการสำคัญในการฝึกมวยไทย มีดังนี้

 

1. การตั้งท่าจดมวย

     การตั้งท่าจดมวย คือ การวางเข่า การวางมือ ให้ถูกต้องตามหลักการฝึก โดยการจดมวยจะต้องทราบเหลี่ยมมวย หรือ การแสดงการใช้มือและเท้าที่ถนัดออกมาให้เห็น นั่นเอง มี 2 เหลี่ยม ได้แก่ เหลี่ยมซ้าย และ เหลี่ยมขวา

 

2. การวางตำแหน่งอวัยวะ

     การวางตำแหน่งของอวัยวะที่ได้จดมวย คือ การกำหมัด วางเท้า มือ และลำตัว ซึ่งการกำหมัดที่ถูกต้อง คือ แบมือ ให้นิ้วมือทั้ง 4 เรียงชิดติดกัน แล้วพับนิ้วทั้ง 4 นิ้วเข้าหาอุ้งมือ แล้วกดทับด้วยนิ้วหัวแม่มือ ลงทาบ ในลักษณะเฉียงกับนิ้วชี้และนิ้วกลาง เพื่อให้หมัดที่กำกระชับแน่น โดยไม่เกร็ง

 

3. การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก

     การใช้หมัด ใน มวยไทย ( Muay Thai ) มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เริ่มจาก “หมัดตรง” คือ การใช้หมัดที่ถนัดมุ่งไปยังเป้าหมาย อาศัยแรงจากหัวไหล่ ลำตัว เอว และเท้ายันพื้น ให้ทุกส่วนประสานกัน หมัดต่อมา “หมัดตัด” คือ การใช้หมัดเหวี่ยงในลักษณะโค้งเป็นครึ่งวงกลม โดยเล็งไปที่บริเวณลำตัว ใบหน้า หรือศีรษะของคู่ต่อสู้ มีทั้งหมัดเหวี่ยงสั้นหรือการเหวี่ยงวงแคบ และ หมัดเหวี่ยงยาว หรือ การเหวี่ยงวงกว้าง หมัดต่อมา “หมัดตวัด” คือ การใช้สันหมัดกดลงบริเวณอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้ ในลักษณะเหยียดแขนออกไป พร้อมชกตวัดวงแคบ และ หมัดสุดท้าย “หมัดเสย” คือ การใช้หมัดชกเข้าหาคู่ต่อสู้โดยงอศอก เกร็งข้อศอก หงายหมัด แล้วยกขึ้นสู่เป้าหมาย เช่น ปลายคาง ดั้งจมูก หรือใบหน้าคู่ต่อสู้

 

     การใช้เท้า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) จะแบ่งออกเป็น 2 ไม้ คือ การเตะ และ การถีบ ซึ่ง การเตะ คือ การใช้อวัยวะส่วนขาตั้งแต่เอวลงไปจนถึงปลายเท้า แต่การแตะของ มวยไทย ( Muay Thai ) นิยมใช้หน้าแข้งเตะ เพราะเป็นส่วนที่แข็งเปรียบเสมือนการหวดด้วยไม้ การเตะแบกแยกย่อยได้อีกเป็น เตะตรง เตะตัด เตะตวัดหรือเตะเฉียง และกลับหลังเตะ ส่วนการถีบ คือ การใช้ปลายเท้า ฝ่าเท้า หรือ ส้นเท้า ปะทะคู่ต่อสู้ แบ่งย่อยได้เป็น ถีบตรง ถีบข้าง กลับหลังถีบ กระโดดถีบ  ถีบจิก

 

     การใช้เข่า ใน มวยไทย ( Muay Thai ) คือ การใช้อวัยวะส่วนที่เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกขาส่วนบนกับกระดูกขาส่วนล่าง แล้วงอพับขา กระทุ้งไปยังเป้าหมายของคู่ต่อสู้ โดยการใช้เข่าของ ใน มวยไทย ( Muay Thai ) นิยมพับปลายเท้าลงให้เกือบขนานกับลำแข้ง เพื่อความเร็วและความคล่องตัว มีทั้งเข่าตรง เข่าเฉียง เข่าโค้ง เข่าโยน เข่าลอย

 

     มาถึงอาวุธสุดท้าย การใช้ศอก ใน มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นหนึ่งในการใช้อาวุธที่รุนแรงที่สุดและมีการห้ามให้ใช้ในรายการมวยบางแห่ง การใช้ศอกขั้นพื้นฐานมีลักษณะดังนี้

- ศอกตี หรือ ศอกสับ ใช้วิธีการตีศอกจากบนสู่ล่าง เฉียงซ้ายคล้ายมุมฉาก บางครั้งอาจบิดตัวตี โดยมีแรงส่งจากไหล่ ลำตัว และเท้า

- ศอกตัด คือ การตีศอกตัดขนานไปสู่เป้าหมาย

- ศอกงัด คือ การตีศอกจากกลาง งัดขึ้นไปข้างบน ตรงเป็นมุมฉาก

- ศอกกระทุ้ง คือ การใช้ศอกพุ่งออกไปด้านหลัง ในลักษณะกระทุ้ง แก้ไขสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ประชิดเข้ามาด้านหลัง

- ศอกกลับ คือ การหมุนตัวตีศอก กลับไปทางด้านหลัง ตามจังหวะที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนตามเท้า

- ศอกคู่ คือ การตีศอกด้วยแขนสองข้าง

 

     ศิลปะการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก เป็นการผสมผสานทักษะพื้นฐานของกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) หากฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและถูกท่า ถูกวิธี จะเกิดความชำนาญ มีไหวพริบ หมัด เท้า เข่า ศอก จะมีประสิทธิภาพ จนคู่ต่อสู้อาจจับทางได้ยาก หากใครสนใจอยากเรียน มวยไทย ( Muay Thai ) เจริญทองมวยไทย ยิม ยินดีต้อนรับ

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก ohlor

 

บทความที่น่าสนใจ

- ลีลาของมวยไทย

- มวยไทย 5 สาย มีอะไรกันบ้าง ?

- ทำความรู้จักกับ มวยไทยแต่ละสมัย

มวยไทย กีฬาสุดมัน ลดอ้วนได้ดีเริ่ด

ต่อยหมัด ตีเข่า ฟันศอก น็อกไขมัน

     ครูดาม ศรีจันทร์ ครูมวยชื่อดังอดีตนักกีฬาทีมชาติและชายเพียงหนึ่งเดียวของไทยที่ฝึกฝนและลงแข่งขันกีฬาทีมชาติไทย ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เล่าให้ฟังว่า

 

“ภาพลักษณ์ของมวยไทยในสมัยก่อนถูกมองว่าเป็นกีฬาที่ดุดัน เจ็บตัว และใช้กําลัง แต่ปัจจุบันหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทํางาน ที่มีใจรักสุขภาพนิยมหันมาออกกําลังกายด้วยมวยไทยกันมากขึ้น เพราะช่วยให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ สรีระร่างกายดูดีขึ้น และลดน้ําหนักได้รวดเร็วกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ

 

“การออกอาวุธของมวยไทย ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก อย่างสุดแรง หรือแม้แต่การบิดตัวระหว่างชกอย่างถูกวิธี ล้วนแต่เป็นการเผาผลาญไขมันได้อย่างดีเยี่ยมครับ”

 

นอกจากการชกมวยจะช่วยลดน้ําหนักและกระชับหุ่นสวยแล้ว ยังให้ประโยชน์หลายๆ ด้าน เช่น ด้านจิตใจ ทําให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น

 

กระบวนท่าเด็ดช่วยฟิตแอนด์เฟิร์ม

“การฝึกมวยไทยเพียงแค่วันละ 1 ชั่วโมงครึ่ง สามารถเผาผลาญพลังงานได้กว่า 1,000 กิโลแคลอรี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกีฬาชนิดอื่นๆ แล้ว มวยไทยถือว่าเผาผลาญพลังงานได้มากที่สุด” ครูดามเผยถึงคุณประโยชน์อันน่าทึ่งของกีฬาหมัดมวย พร้อมทั้งแนะนํากระบวนท่าเด็ดที่ช่วยเนรมิตรูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์มให้กับคุณสาวๆ ดังนี้

 

ท่าปล่อยหมัดตรง ช่วยกระชับต้นแขน ลดไขมันบริเวณท้องแขน และบริหารกล้ามเนื้อ

 

ท่าฮุค ต้องใช้การบิดลําตัวซ้าย-ขวาช่วยเล็กน้อย จึงช่วยกระชับสัดส่วนช่วงลําตัว ทําให้รูปร่างเพรียวขึ้น

 

ท่าอัปเปอร์คัต เป็นการใช้หมัดต่อยขึ้นข้างบนตรงๆ จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าจากการพับแขนและสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่จากการยกแขน

 

ท่าเตะ การออกแรงเตะให้มากและรวดเร็วจะช่วยสลายไขมัน ทําให้ขาเล็กลงและกระชับยิ่งขึ้น

 

     ขอแนะนำ เจริญทอง มวยไทย ยิม ( Jaroenthong Muay Thai ) สามารถฝึกแบบส่วนตัว หรือ ฝึกเป็นกลุ่ม ก็ได้ มีให้เลือก 3 สาขา ได้แก่ สาขารัชดา สาขาข้าวสาร และสาขาศรีนครินทร์ เลือกสาขาที่สะดวก ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน แล้วไปต่อยมวยเพื่อหุ่นสวยด้วยมวยไทยกันนะคะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- นักมวยไม่ใช่แค่การออกอาวุธอย่างเดียว

- คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate

นักมวยไม่ใช่แค่การออกอาวุธอย่างเดียว

นักมวยไม่ใช่แค่การออกอาวุธอย่างเดียว

มวยไทยนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬา หรือ ศิลปะประจำชาติไทยเราเลยก็ว่าได้ แต่การจะเป็นนักมวยนั้นไม่ได้ง่ายเลยและไม่ได้แค่ออกหมัดเป็นเท่านั้นมีหลากหลายองค์ประกอบมากวันนี้เรามาบอกเคล็ดลับกัน

 

อาจจะเห็นได้ในทีวีหรือตามค่ายมวยต่างๆ บอกได้เลยว่า การที่เราอยากจะเป็นแบบนั้น ก็ยากพอสมควรอยู่แล้ว แต่เส้นทางของการเป็นนักมวยนั้นไม่ได้ง่ายเลยสักนิด ต้องเหนื่อยและเจ็บตัวมาก เป็นพิเศษ หลายปัจจัยในการที่จะเดินเส้นทางนี้ได้

 

เส้นทางกว่าจะมาเป็น นัก มวยไทย ( muay thai)

 

มีเทรนเนอร์ดี

 สิ่งแรกคือการเคลื่อนไหวพื้นฐาน ที่เทรนเนอร์จะสอนเบสิคเบื้องต้น ทั้งการเคลื่อนไหว การป้องกัน การยืนตำแหน่งยามอยู่บนเวที รวมถึงความแคล่วคล่องว่องไว

 

สภาพความฟิต 

มองดูภายนอกคุณอาจเป็นนักกีฬาที่ดูดี แต่หากความฟิตไม่ถึง ทุกอย่างเป็นอันจบ การฝึกซ้อมด้วยการออกกำลังกาย อาทิ กระโดดเชือก วิ่ง ลุก-นั่ง คือแนวทางที่จะทำให้คุณไม่หมดแรงง่ายๆบนเวที

 

ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

 คือแนวทางที่ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ โยคะ คือวิธีการที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่ความจริงแล้วมันสามารถช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นและฝึกสมาธิไปในตัวด้วย

 

ควบคุมอาหาร

 หากคุณเป็นนักมวยที่เตรียมขึ้นชก อาหารประเภทโปรตีนคือสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุด อาทิ ปลา ไก่ ไข่ เนย ถั่ว รวมถึงผักผลไม้ และไขมันที่เหมาะสมกับร่างกายอาทิ อะโวคาโด

 

ยกระดับการออกกำลัง 

อีกหนึ่งขั้นของการฝึกความอึดและอดทด การจะเป็นนักมวยที่ดี อย่าลืมว่าตลอดการชก ขาของคุณต้องเคลื่อนไหวอยู่บนเวทีตลอดเวลา ฉะนั้นจำเป็นต้องยกระดับการออกกำลังเพื่อเพื่อความอดทน

 

ฝึกฝนจิตใจ กีฬามวย 

ไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยพละกำลังเท่านั้น แต่มันยังวัดถึงความสามารถด้านกระบวนความคิด การตัดสินใจในสถานการณ์เฉพาะหน้าเพียงเสี้ยววินาที นักมวยระดับโลกหลายคน อาทิ มูฮัมหมัด อาลี ,ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ หรือกระทั่งสมรักษ์ คำสิงห์ มีความพิเศษเหล่านี้ ที่นำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะได้

ปัจจัยหลัก นักมวย  เมื่อขึ้นชกบนเวที

 

การป้องกัน

 ไม่ว่าคุณจะเป็นนักมวยประเภท ‘ไฟท์เตอร์’ เดินหน้าสู้ หรือแนว ‘บ็อกเซอร์’ ที่อาศัยชั้นเชิงเป็นหลัก แต่หากไม่มีการป้องกันตัวที่ดีหรือประมาทเกินไป ก็อาจถูกน็อคได้ง่ายๆ สิ่งสำคัญคือต้องพยามตั้งการ์ดป้องกันให้ได้ตลอดเวลาเมื่ออยู่บนเวที

 

 ความเร็ว 

แม้ว่าน้ำหนักหมัดของคุณจะหนักแค่ไหน แต่หากไม่มีความเร็วหรือช้ากว่าคู่แข่งเพียงแค่หนึ่งสเต็ป คุณก็ไม่มีทางที่จะปล่อยหมัดใส่คู่แข่งได้เลย นี่แหละคือความสำคัญที่ต้องเริ่มจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก

 

 น้ำหนักหมัด 

การมีหมัดที่หนัก และออกหมัดบ่อยๆบางทีก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะหากคู่แข่งป้องกันอย่างถูกวิธี นั่นหมายความว่า แต่ละหมัดที่คุณออกไปนั้น คือกำลังที่สูญเสียไป ฉะนั้น การหาจังหวะในการชก คืออีกหนึ่งแนวทางที่จะทำให้คุณเผด็ดศึกคู่ชก เพราะบางทีแค่หมัดเดียวเน้นๆก็เพียงพอแล้ว

 

สัญชาตญาณ

 จริงอยู่ที่เทรนเนอร์หรือพี่เลี้ยงจะวางแผนให้คุณก่อนขึ้นชก และระหว่างพักยก แต่เมื่อขึ้นออกไปตะบันกับคู่แข่งบนเวที คุณคือคนที่กำหนดทุกอย่าง บางทีอาจไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่อยู่ในตัวคุณที่หากมาถูกที่ถูกเวลา ก็สามารถพาคุณไปสู่ชัยชนะได้เช่นกัน

 

ทั้งหมดนี้คือเส้นทางสู่ความสำเร็จ ที่ใช้ได้ในทุกๆวงการ โดยเฉพาะวงการมวย แม้ว่าคุณอาจจะเป็นรองในเรื่องน้ำหนักหมัด หรือกระทั่งเชิงมวย แต่เชื่อได้เลยว่า หากคุณฝึกซ้อมมากกว่าคนอื่น ประตูสู่ชัยชนะพร้อมเปิดต้อนอยู่อย่างแน่นอน+

 

ดังนั้น หากท่านใดสนใจ ยิมมวย หรือ คลาสมวยไทยที่ถูกหลัก และครูมวยที่ดีที่สุด เราขอแนะนำ jaroenthongmuaythairatchada.com

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook

เรามารู้จักน้ำมันมวยกันเถอะ

เรามารู้จักน้ำมันมวยกันเถอะ

ถ้าพูดถึงเรื่องมวยกับยาทา ก็คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากน้ำมันมวยนั้นเอง แล้วรู้หรือไม่ว่าน้ำมันมวยนั้นมีประโยชน์ต่อนักมวยอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาบอกถือว่าเป็นเกร็ดความรู้กันนะครับผม

 

น้ำมันมวยมาจากไหนแล้วทำไมถึงต้องเป็นชื่อนี้

น้ำมันมวยได้รับการคิดค้นและผลิตจำหน่ายโดย “เทวกรรมโอสถ” เป็นสินค้าของคนไทยที่ร่วมสมัยมามากว่า 60 ปี ก่อเกิดมาจากกีฬามวยก่อนที่จะขยายตัวไปยังกีฬาชนิดอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้น้ำมันมวยมีชื่อเสียงโด่งดังคือ การเป็นผู้จารึกแชมป์มวยโลกคนแรกของไทยจนกลายเป็นประวัติศาสตร์

 

น้ำมันมวยคืออะไรผสมอะไรบ้าง

 

น้ำมันมวยเป็นภูมิปัญญาโบราณของคนไทยที่ประกอบไปด้วยตัวยาหลักๆ คือ เมทิลซาลิไซเลท เมนทอล และการบูร ทำงานออกฤทธิ์ส่งเสริมกันโดยเมทิลซาลิไซเลทจะออกฤทธิ์ร้อน  และเมนทอลจะเย็น

 

แล้วดีต่อ นัก มวยไทย (muay thai) ได้ยังไง

เมทิลซาลิไซเลทจะออกฤทธิ์ร้อน  และเมนทอลจะเย็น เมื่อเรานำน้ำมันมวยมาทาบนผิวหนังก็จะรู้สึกทั้งร้อนและเย็นไปพร้อมกัน ทำให้สมองรู้สึกสับสนแล้วเบี่ยงเบนความรู้สึกจากอาการเจ็บปวดได้

 

น้ำมันมวยมีกลิ่นที่ว่าจะหอมก็หอม หรืออาจจะรู้สึกเหม็นฉุนต่อใครหลายคน อีกทั้งยังมีฤทธิ์ร้อนและเย็นในขวดเดียวกันโดยนิยมใช้ทาลงบนผิวหนังทั้งก่อนและหลังเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกาย และยังใช้ในวงการสปาและการนวดบำบัดด้วยเช่นกัน

 

วิธีใช้น้ำมันมวย

เดิมนั้นน้ำมันมวยจะมีแบบน้ำเพียงชนิดเดียว แต่ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ทำให้มีผลิตภัณฑ์น้ำมันมวยรูปแบบใหม่ๆ แต่ทุกแบบจะใช้ทาหรือนวดบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย

 

ชนิดน้ำ เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่ต้องใช้กล้ามเนื้ออย่างหนักหน่วง เช่น มวย ฟุตบอล และเทนนิส เป็นต้น

ชนิดครีม เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายทุกประเภท รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อ

ชนิดสเปรย์ เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายทุกประเภท รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อ แต่ชนิดนี้จะพกพาง่าย ใช้งานได้สะดวกโดยไม่เลอะมือ

สรรพคุณของน้ำมันมวย

บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกาย

ลดอาการฟกช้ำหรืออาการปวดที่บริเวณผิวหนัง เนื่องจากน้ำมันมวยมีฤทธิ์ร้อนจะช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นอุ่นขึ้น ใช้หลักการเดียวกับการประคบร้อนนั่นเอง

ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น

ช่วยผ่อนคลายอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และกลิ่นของเมนทอลจะทำให้รู้สึกสดชื่น

ช่วยยืดเส้นและลดระยะเวลาที่ใช้ในการอบอุ่นร่างกาย (warm up) ก่อนการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย

 

ข้อควรระวัง

ถึงแม้ว่าน้ำมันมวยจะมีคุณสมบัติในการช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนการอบอุ่นร่างกายหรือยืดเส้นโดยตรง และไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้ ข้อสำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการทาน้ำมันมวยบริเวณที่เป็นผิวหนังอ่อนๆ  เพราะจะทำให้ผิวหนังมีอาการไหม้หรือพองได้

 

น้ำมันมวยเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทยาแก้ปวดเมื่อยที่คิดค้นจากภูมิปัญญาไทย ซึ่งอยู่ดูแลผู้ออกกำลังกายและผู้ใช้แรงงานไทยมาอย่างยาวนาน และอยู่คู่นักมวยมานานเช่นเดียวกัน เพราะมีประโยชน์มากเวลา ชกหรือขึ้น สังเวียนมวย เพราะลดอาการบาดเจ็บได้ดี 

 

จากข้อมูลที่เอามาให้อ่านนั้น ก็ไม่ได้หนีไปไหนจาก มวยไทย (mauy thai) เลยทีเดียว เพราะน้ำมันมวยนั้น ก็มีประโยชน์ต่อทั้งนักมวยและ คนทั่วไปที่เกิดอาการปวดเมื่อย หากท่านใดสนใจ มาฝึก ต่อยมวย ก็สามารถมาหาเราได้ตลอดเวลาที่jaroenthongmuaythairatchada

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  honestdocs

คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ

คำศัพท์มวยไทย ในการออกอาวุธ

หลายคนที่สนใจกีฬา “มวยไทย” ( Muay Thai ) เวลาได้ดูมวยแล้วฟังนักพากย์อาจเกิดความไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร วันนี้เราจึงรวบรวม “คำศัพท์มวยไทย” เพื่อให้คุณได้รู้จักและเข้าใจมวยไทยมากขึ้นกันค่ะ

 

     มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยม ซึ่งกีฬาแต่ละชนิดมักมีศัพท์เฉพาะเป็นของตัวเอง มวยไทย ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มีศัพท์มวยไทย หรือ ภาษามวย เป็นของตนเอง เพื่อให้ไม่เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดและให้เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ฝึกและผู้สอน หรือหากใครที่เพิ่งมาดูมวยไทย อาจจะเกิดความสงสัยขึ้นได้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรกัน ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมคำศัพท์ มาฝากกันค่ะ มาดูกันว่ามีคำว่าอะไร และ หมายความว่าอย่างไร

 

1. “จด” หมายถึง การตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ การชก

2. “แม่ไม้” หมายถึง การใช้อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย 4 ส่วน เพื่อทำการต่อสู้ คือ หมัด ศอก เข่า และเท้า

3. “ลูกไม้” หมายถึง การพลิกแพลงแม่ไม้ เพื่อใช้ในการต่อสู้ในรูปแบบลักษณะต่าง ๆ

4. “ไม้ตาย” หมายถึง การออกอาวุธ โดยใช้ไม้มวยที่คู่ต่อสู้ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือ การโจมตีด้วยท่าเด็ดประจำตัวใส่คู่ต่อสู้นั่นเอง

5. “เดินมวย” หมายถึง การย่องเท้า เหมือนม้าในการบุก หรือ ใช้ตั้งรับคู่ต่อสู้ในระหว่างการแข่งขัน

6. “สืบเท้า” หมายถึง การเคลื่อนตัวเพื่อไปโจมตีคู่ต่อสู้

7. “วงนอก” หมายถึง การออกอาวุธ หรือ การใช้ลูกไม้ แบบห่างตัว หรือ แบบเหวี่ยง

8. “วงใน” หมายถึง การใช้ลูกไม้ หรือ การออกอาวุธแบบประชิดตัว ที่เรียกกันว่า คลุกวงใน

9. “เหลี่ยม” หมายถึง การเบนตัว เพื่อหาจังหวะใช้ลูกไม้กับคู่ต่อสู้ การมีจังหวะในการออกอาวุธที่ดีกว่า

10. “อัด” หมายถึง ลักษณะอาการดัน หรือ กด ด้วยไม้มวย

11. “ตะแคง” หมายถึง อาการเอียงตัวไปทางขวา หรือ ทางซ้าย

12. “เฉียง” หมายถึง มุมเฉียงของเหลี่ยมตัว

13. “ที่หมาย” หมายถึง จุด หรือ เป้าหมายที่จะใช้ไม้มวยกับคู่ต่อสู้ ที่จะทำให้เป็นฝ่ายชนะ

14. “ศอกหลัง” หมายถึง ลักษณะอาการการใช้ศอกตีกระทุ้งออกไปทางด้านหลัง

15. “เปิดว่าง” หมายถึง ช่องว่างของคู่ต่อสู้ที่สามารถออกลูกไม้ สู้โจมตีใส่ได้โดยง่าย

16. “ควง” หมายถึง อาการใช้มือหมุนควง

17. “จังหวะ” หมายถึง โอกาสที่เหมาะสมในการออกอาวุธใส่คู่ต่อสู้

18. “เตะ” หมายถึง การเหวี่ยงเท้าด้วยแรงหมุนใส่คู่ต่อสู้

19. “ดีด” หมายถึง การสะบัดเท้าออกไปใส่คู่ต่อสู้ ในลักษณะจิ้งหรีดดีดเท้า

20. “ฟัน” หมายถึง การใช้แรงเหวี่ยงกระแทกไปยังคู่ต่อสู้

21. “เฉือน” หมายถึง การใช้แรงเสียดสีกับคู่ต่อสู้

22. “การ์ด” หมายถึง การยกมือและแขนทั้งสองข้างขึ้น เพื่อป้องกันโจมตีจากคู่ต่อสู้

23. “การเปิด” หมายถึง การใช้มือตวัดขึ้น หรือลงไปที่การ์ดของคู่ต่อสู้ เพื่อให้เปิดออก

24. “ลอยตัว “ หมายถึง การดีดตัวให้สูงขึ้นจากพื้น เพื่อหวังผลในการออกไม้มวย

25. “พุ่งตัว” หมายถึง การเคลื่อนตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ในลักษณะพุ่งอย่างแรง

 

     นี่เป็นเพียงแค่ศัพท์พื้นฐานส่วนหนึ่งของ ศัพท์มวยไทย ที่ใช้ในการแข่งขัน มวยไทย ( Muay Thai) ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินคำเหล่านี้มาก่อนด้วยซ้ำ แต่จากนี้ไปถ้าได้ยินศัพท์เหล่านี้จากในทีวีก็คงไม่ต้องงงกันต่อไปแล้ว ส่วนบทความหน้าเราจะนำสาระดีๆ เกี่ยวกับมวยไทยมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ipatest

การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ

การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ

ในอดีตไทยต้องทำศึกสงคราม เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด การฝึกฝนการใช้อาวุธและการต่อสู้ด้วยมือเปล่า จึงเป็นสิ่งสำคัญของลูกผู้ชายไทย

นอกจากการฝึกฝนการใช้อาวุธชนิดต่างๆแล้ว การร่ำเรียนวิชาอาคมเพื่อความอยู่ยงคงกระพัน ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่คนไทย เชื่อว่าจะช่วยให้การต่อสู้ได้รับชัยชนะและปลอดภัยจาก คมหอก คมดาบ ทั้งช่วยป้องกันคาถาอาคมของฝ่ายศัตรูด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักรบจึงมีเครื่องรางของขลัง เช่น พระเครื่อง การสักยันต์ ตะกรุด เป็นต้น

 

การแต่งกายของมวยไทยโบราณ จึงประกอบด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ คือเสื้อผ้าปกปิดร่างกายและป้องกันอันตรายในส่วนสำคัญ กับเครื่องรางของขลัง ดังต่อไปนี้

เครื่องรางของขลัง

 

มงคล

ทำด้วยสายสิญจ์ หรือผ้าดิบที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนตร์  คาถาและเลขยันต์แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้าย  หรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทำเป็นวงสำหรับสวมศีรษะ  โดยรวบเป็นหางยาวไว้ข้างหลัง ในอดีตมีการกล่าวถึงการใช้ไสยศาสตร์ในพิธีทำมงคล

การสร้างมงคลแบบที่ยาก  และมีอำนาจแบบไสยศาสตร์เร้นลับที่สุด มีตำนานเล่าว่าเป็นห่วงวงกลมทำมาจาก “งูกินหาง” อาจจะเป็นงูหนึ่งตัวกินหางของมันเอง หรืองูสองตัวกินหางซึ่งกันและกันได้  การกินหางของงูเกิดจากอำนาจสะกดจิตหรือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ  แล้วนำห่วงกลมที่เกิดจากงู  กินหางนั้นไปย่างไฟจนแห้งสนิท จากนั้นนำไปแช่น้ำมนตร์ ซึ่งหุงมาจากน้ำมันมะพร้าวผสมด้วยว่านยาสมุนไพรบางอย่าง แล้วจึงพันไว้ด้วยผ้ายันต์หรือด้ายสายสิญจน์ หุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง เล่ากันว่าพิธีกรรมเร้นลับสำหรับการสร้างมงคล เครื่องผูกศีรษะ

อำนาจไสยศาสตร์ ให้เคลื่อนไหวสำเร็จขึ้นมาทั้งสิ้นปัจจุบัน  สูญหายการถ่ายทอดไปหมดแล้ว
มงคลถือเป็นเครื่องรางให้สิริมงคลและคุ้มกันอันตราย  ในอดีตใช้สวมศีรษะในขณะชก บางคนสวมสองอันมี  เวลาชกมวยหากมงคลหลุดจากศีรษะ ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยุดชกเพื่อให้ เก็บมงคลมาสวมใหม่

 

ประเจียด

ประเจียด
ใช้ผ้าสาลู (ผ้าขาวบางเนื้อดี) หรือผ้าดิบ สีขาวหรือสีแดงตัดเป็นสามเหลี่ยมลงเลขยันต์มหาอำนาจ  ส่วนใหญ่จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรี  แคล้วคลาด มหาอุด กำลังตัวหรือคุ้มกำลังภาษาที่ใช้เขียนมักเป็นอักขระโบราณ เช่น อักษรขอม อักษรเทวนาครี  ซึ่งพระครูหรือเกจิอาจารย์ จะเป็นผู้เขียนและทำพิธีพุทราภิเษก เช่น เดียวกับพระเครื่องหรือพระบูชา  ม้วนหรือถักพันด้วยด้าย

 

ผ้ายันต์

คือผ้าดิบหรือผ้าเนื้อบางสีขาวหรือสีแดง  เขียนอักขระเลขยันต์และรูปภาพต่างๆ โดยเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเชื่อถือว่ามีคาถาอาคม  แก่กล้าวิธีทำคล้ายผ้าประเจียดแต่ผ้ายันต์มักเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ใช้พกติดตัว หรือพันเป็นผ้าประเจียดก็ได้

 

เสื้อยันต์

ใช้ผ้าดิบสีแดงหรือสีขาวตัดเป็นเสื้อกั๊กคอกลมแขนกุด เขียนอักขระเลขยันต์ และรูปภาพต่างๆ เช่นเดียวกับผ้ายันต์หรือประเจียด ใช้สวมทับเสื้อชนิดอื่นหรือสวมเพียงตัวเดียว ส่วนมากนักรบจะใช้สวมใส่ยามออกศึกสงคราม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยป้องกันศาสตราวุธทุกชนิด   ส่วนเวลาชกมวยไม่ค่อยสวมเสื้อยันต์ มักจะใช้เครื่องรางชนิดอื่นแทน

 

พระเครื่อง

ทำด้วยโลหะ ผงปูน ดิน หรือาจใช้วัตถุหลายชนิดจากแหล่งต่างๆ ที่เป็นที่เคารพเชื่อถือของประชาชน นำมารวมกัน บางครั้งอาจใช้เส้นผม เชี่ยนหมาก เศษจีวรของเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงผสมลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความขลัง แล้วจึงทำพิธีพุทธาพิเศกลงเลขยันต์ คือมีพิธีกรรมที่รวมการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  การบริกรรมคาถาอาคมต่างๆ ในขณะทำพระเครื่องเวลาขึ้นชกมวยจะพกติดตัว โดยพันไว้ในมงคล หรือผ้าประเจียด นักมวยบางคนใช้อมไว้ในปากเวลาชก วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะอาจเป็นอันตรายต่อตนเองได้

 

ตะกรุด

ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เช่น ทอง เงิน นาก ทองแดง หรือใบลานและกระดาษสาลงเลขยันต์ คาถาอาคม เช่นเดียวกับลงผืนผ้าเพื่อทำประเจียด  แล้วม้วนให้กลมตรงกลางเว้นช่องว่างสำหรับใช้สายเชือกร้อยสำหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขน หากใส่ในมงคลหรือประเจียดมักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก

 

พิสมร

ทำด้วยแผ่นโลหะหรือใบลานรูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์มีที่ร้อยสาย แต่โดยมากไม่ม้วนให้กลมอย่างตะกรุด  ซึ่งต้องผ่านพิธีกรรมเช่นเดียวกับตะกรุด

 

พิรอด

ทำด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวายผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า “กำลังพิรอด” ใช้สวมต้นแขน หรือแขวนพิรอดใช้สวมนิ้ว หากเป็นกำไลพิรอดชนิดงู 2 ตัว กลืนหางซึ่งกันและกันจนตายทั้งคู่เช่นเดียวกับการทำมงคล นับว่าเป็นของวิเศษเพราะหายาก และเชื่อว่ามีอานุภาพมาก

 

ว่าน

คือพืชที่มีสรรพคุณหลายอย่างบางชนิดใช้ในการรักษาพยาบาล ใช้รับประทานรักษาโรคบางชนิดใช้ทารักษาบาดแผล รักษาผิวหนัง บางชนิดห้ามรับประทานเพราะเป็นพิษ บางชนิดเชื่อว่าทำให้ผิวหนังทนความร้อน หรือหนังเหนียว 

 

เครื่องแต่งกาย

เครื่องแต่งกายที่เป็นส่วนปกปิดร่างกาย  ได้แก่ กางเกง ในสมัยก่อนจะไม่มีกางเกงที่ใช้สวมใส่เฉพาะเวลาขึ้นชกมวยเท่านั้น ส่วนมากนักมวยจะสวมกางเกงขาสั้นยาวประมาณแค่เข่าเป็นกางเกงที่ใช้โดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวกางเกงไม่มีขอบกางเกง ใช้ผ้าขาวม้าผูกคาดเอวไว้กันหลุด

 

ผ้าขาวม้า

เป็นผ้าที่ทอด้วยด้ายฝ้าย หรือผ้าไหม รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 1 เมตรครึ่ง ทอเป็นตาหมากรุกบ้างเป็นลายอื่นบ้าง

 

คาดเชือก

การคาดเชือกเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมวยไทย คือ การคาดเชือกที่มือโดยใช้ด้ายดิบที่จับเป็นไจ(รวมเส้นด้าย) ขนาดโตเท่าดินสอดำ ต่อกันเป็นเชือกยาวประมาณ 20 -25 เมตร ม้วนแยกไว้ 2 กลุ่ม ใช้พันสันหมัดและข้อมือ ความยาวต่างกันตามความต้องการของประเภทนักมวย

 

จะเห็นได้ว่ามวยไม่ได้มีแค่การชกต่อยอย่างเดียว เราลงลายละเอียดความสำคัญต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเริ่มเล่นหรือศึกษาให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และต้องต่อยมวยหรือฝึกฝนมวยกับครูมวยที่ดีและถูกหลักนะครับ

ดังนั้น หากท่านใดสนใจ ยิมมวย หรือ คลาสมวยไทยที่ถูกหลัก และครูมวยที่ดีที่สุด เราขอแนะนำ https://jaroenthongmuaythairatchada.com

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaiboxingproject

แต่งกายมวยไทย

แต่งกายมวยไทย

มวยไทยศิลปะการป้องกันตัวอันดับหนึ่งของโลก ที่มีต่างชาติ และคนไทยให้ความสำคัญมากในปัจจุบันแนวทางการอนุรักษ์นั้นเอง แต่หารู้ไม่ว่าการแต่งกายของนักมวยหรือมวยไทยเค้ามีการแต่งกายกันอย่างไร

 

การแต่งกายมวยไทยในสมัยปัจจุบัน

การแต่งกายมวยไทยในปัจจุบัน จะเน้นความสวยงามของเครื่องแต่งกายนักมวย  ถึงแม้นักมวยจะสวมกางเกงเพียงตัวเดียวก็ตามในการแข่งขัน  กางเกงนักมวยแต่ละคน หัวหน้าค่ายมวยจะสั่งตัดเย็บให้เป็นพิเศษของใครของมัน  โดยจะปักชื่อของนักมวยและชื่อค่ายมวยไว้ที่ตัวกางเกงด้านหน้าด้วยด้ายสีสันสดใสตัดกับสีของกางเกงเพื่อ ความโดดเด่นสวยงาม เช่น ถ้ากางเกงสีแดงก็มักจะปักชื่อด้วยด้ายสีทอง  สีเขียว  หรือสีดำ เป็นต้น

ถ้ากางเกงสีน้ำเงินก็มักจะปักชื่อด้วยด้ายสีทอง สีชมพู และสีแดง เป็นต้น นักมวยคนหนึ่งจะมีกางเกงมวยสำหรับใส่ชกอย่างน้อย  2 ตัว คือ กางเกงมวยสีแดงและสีน้ำเงินเพราะในการแข่งขันชกมวยเราไม่สามารถกำหนดมุมเองได้จึงต้องมีกางเกงเตรียมไว้ทั้งสองมุม  โดยกางเกงมวยสำหรับใส่ขึ้นชกนั้นจะถูกเก็บรักษาอย่างดีให้ใหม่และสวยอยู่เสมอ  เนื่องจากมีราคาแพงและการที่นักมวยสวมกางเกงมวยใหม่ๆ และสีสันสวยงามจะเป็นหน้าตาของค่ายมวยอีกด้วย

 

ครื่องรางของขลัง

เครื่องรางของขลังที่นักมวยไทยในสมัยปัจจุบัน ยังคงใช้เป็นเครื่องแต่งกายอยู่ ได้แก่ มงคลและประเจียด ซึ่งมงคลนั้นนักมวยจะสวมไว้บนศีรษะตั้งแต่แต่งตัวเสร็จจนขึ้นเวที   และจะถอดออกเมื่อทำพิธีไหว้ครูและร่ายรำมวยไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเจียดนักมวยสามารถคาดไว้ที่ต้นแขน ตลอดเวลาการชกแข่งขันได้

เครื่องแต่งกายปัจจุบันประกอบไปด้วย

 

ผ้าพันมือ

การพันมือ หมายถึง การใช้ผ้าพันรอบมือก่อนสวมนวมเพื่อเข้าชกมวย เพื่อป้องกันไม่ให้มือได้รับอันตราย ผ้าพันมือเป็นผ้าเนื้ออ่อน เล็กประมาณ 1.30 นิ้ว ยาวไม่น้อยกว่า 6 ฟุต พี่เลี้ยงและครูมวยให้นักมวยนั่งในท่าที่สบายที่สุด ให้คว่ำมือและเหยียดให้นิ้วมือตรง ควรมีพี่เลี้ยงคอยประคองแขน เพื่อไม่ให้นักมวยใช้กำลังแขนมาก พี่เลี้ยงเป็นผู้พันมือ

เริ่มพันผ้าโดยพันให้ค่อนข้างตึง พันให้เหลื่อมและห่างจากข้อมือประมาณ 3 นิ้ว พันราว 6-7 รอบ บางคนนิยมเจาะผ้าให้เป็นรูโดยคล้องเข้ากับหัวแม่มือ เพื่อกันการคลายหลุดออก แล้วจึงพันข้อมือและหลังมือ เมื่อพัน ถึงหัวแม่มือก็พันย้อนไปทางข้อมือจนถึงฝ่ามือพันประมาณ 2-3 รอบ ให้นักมวยลองกำหมัดดูหลายๆ ครั้ง สำหรับบริเวณสันหมัด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญพันสัก 2-3 รอบ

 

กระจับ

นั้นหมายความว่าการป้องกันในส่วนที่เป็นกล้องดวงใจ เพื่อไม่ให้กระแทก หรือโดนอาวุธของคู่ต่อสู้ในจุดนี้เพื่อป้องกันการ จุกและสามารถต่อยต่อได้ อันนี้เป็นอีกหนึ่ง อุปกรณ์สำคัญมากๆอย่างหนึ่ง จะเห็นได้ว่าหลายคู่อาจหยุดการชก เพราะว่าโดนกล่องดวงใจนั้นเอง

 

กางเกง

กางเกงเป็นขั้นพื้นฐานอยู่แล้วที่ทุกคนจะต้องส่วมใส่ ไม่ใช่แค่ความสวยงามอย่างเดียว แต่กางเกงตัวนี้จะต้องขากว้างเพื่อออกอาวุธหรือเคลื่อนที่ได้สะดวกสบายนั้นเอง

นวม นวมนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชกต่อยนั้นเอง แต่เดิม ใช่แค่เชือก หรือเรียกกันว่ามวยคาดเชือก

 

ฟันยาง

ฟันอย่างจำเป็นมากๆ เพราะการที่เราจะต่อยหนัก ฟันอย่างก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ต่อยหนักนะครับ เพราะการต่อยแต่ละครั้งเราจะต้องกัดฟันเพื่อแกร่งและทำให้ต่อยแรง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลักๆป้องกัน ฟันล้วง ฟันหัก แล้วก็การกัดลิ้นตัวเองนะครับ

 

ปลอกรัดเท้า

ปลอกรัดเท้านั้น จะไม่ได้ใส่ไว้แค่หล่อหรือเท่ห์เฉยๆ ปลอกรัดเท้านั้นจะสามารถเซฟ ข้อเท้าให้คงอยู่ไม่หลุดและสามารถ ขยับให้เร็วขึ้นหรือ สีที่สามารถหลอกล่อศัตรูอีกด้วย

 

      จะเห็นได้ว่ามวยไม่ได้มีแค่การชกต่อยอย่างเดียว เราลงลายละเอียดความสำคัญต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเริ่มเล่นหรือศึกษาให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และต้องต่อยมวยหรือฝึกฝนมวยกับครูมวยที่ดีและถูกหลักนะครับ

     ดังนั้น หากท่านใดสนใจ ยิมมวย หรือ คลาสมวยไทยที่ถูกหลัก และครูมวยที่ดีที่สุด เราขอแนะนำ https://jaroenthongmuaythairatchada.com

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  thaiboxingproject

มวยไทย ฟิตหุ่นสวยแล้วยังเพิ่มความสูงได้อีกด้วย

มวยไทย ฟิตหุ่นสวยแล้วยังเพิ่มความสูงได้อีกด้วย

กีฬาที่เล่นเป็นประจำแล้วสามารถช่วยทำให้คุณสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วในคนที่ยังไม่หมดสูงอย่าง “มวยไทย” ( Muay Thai ) แต่สำหรับคนที่หมดสูงแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เพราะ “มวยไทย” ( Muay Thai )ให้ประโยชน์อีกเยอะมากมาย ทำให้ผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ร่างกายด้วย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า “มวยไทย” ( Muay Thai ) ช่วยเพิ่มความสูงได้ยังไง

 

มวยไทย ( Muay Thai ) เพิ่มความสูง

     มวยไทย ( Muay Thai ) เป็นกีฬาประเภทต่อสู้ เตะ ต่อย ซึ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่นิยมเล่นกัน แถมยังเป็นกีฬาที่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินของร่างกายได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์มากมายที่นอกจากจะทำให้สูงแล้ว ยังทำให้หุ่นเฟิร์ม กระชับ และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วย

 

มวยไทย ( Muaythai ) ได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย

     เป้าหมายของการ “ต่อยมวย” คือ ให้ทุกส่วนของร่างกายได้ใช้งาน นอกเหนือไปจากการกระตุ้นความแข็งแรงของร่างกายและระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว การ “ชกมวย” ยังช่วยเพิ่มการฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องอย่าง การทรงตัว ปฏิกิริยาตอบโต้และความคล่องตัว “มวยไทย” ( Muay Thai ) จะช่วยให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี ทั้งเบิร์นไขมันสะสม และก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน แค่ครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะเฟิร์มขึ้นจนรู้สึกได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว

 

มวยไทย ( Muaythai ) ช่วยให้หน้าท้องแบนราบ

     อยากมีซิกซ์แพค ( Six Pack ) ชัด ๆ ลองเลิกซิทอัพ (SIT UP) แล้วหันมาต่อยมวยดูสิ เพราะ มวยไทย ( Muay Thai ) จำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวสูงมาก ต้องบิดสะโพก เพื่อเพิ่มแรงส่งให้ออกหมัดได้หนักขึ้นและเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการนอนซิทอัพกับพื้น เมื่อแกนกลางลำตัวแข็งแรง และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น กล้ามท้องก็ไม่ไกลเกินฝันค่ะ

 

     นอกจากจะเพิ่มความสูงให้แก่ร่างกายแล้ว คุณยังได้ฝีไม้ลายมือในการป้องกันตัวติดไปด้วย แถมได้ประโยชน์มากกว่าที่คิด ขอแค่อดทน เต็มที่ ไม่เบื่อหรือไม่ทิ้งกันไปก่อนนะคะ เมื่อได้ทราบแล้วใครที่อยากสูงหรืออยากเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกายไม่ควรพลาด หาเวลามาเล่นดูนะคะ สามารถติดต่อสอบถามเรียนมวยไทย เพื่อสุขภาพ และสาระบทความดีๆ ได้ที่ เจริญทองมวยไทยยิม Jaroenthong Muay Thai Gym

 

ด้วยความปรารถนา ดีจาก Jaroenthong Muay Thai Gym

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sanook

หมัด เท้า เข่า ศอก สู่ ‘ลูกไม้มวยไทย’

หมัด เท้า เข่า ศอก สู่ ‘ลูกไม้มวยไทย’

ไม้มวยไทยที่กล่าวถึงในตำรามวยไทยแบ่งออกตามลักษณะ การแก้ทางมวยและการจู่โจม เรียกว่า “กลมวย” แบ่งตามลักษณะการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เรียกว่า “เชิงมวย” บางตำราแบ่งเป็น แม่ไม้ ลูกไม้

 

     "ลูกไม้มวยไทย" หมายถึง ท่าของการใช้ศิลปะ "มวยไทย" ( Muay Thai ) ที่แยกย่อยออกไปจากแม่ไม้ มีลักษณะที่ละเอียดอ่อนมากมายหลายอย่าง ซึ่งผู้ฝึกจะต้องผ่านการฝึกหัดแม่ไม้มวยไทยก่อน จึงจะฝึกลูกไม้ให้ได้ดี บูรพาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิได้จัดแบ่งลูกไม้มวยไทยออกเป็น 15 ลูกไม้

 

1. เอราวัณเสยงา

     ไม้นี้ใช้แก้หมัด โดยใช้การหมุนตัวปัดหมัดและชกสวนออกไปด้วยหมัดเสยปลายคาง

 

2. บาทาลูบพักตร์

     ไม้นี้ใช้มือปัดหมัดแล้วถีบตรงสวนขึ้นสู่เป้าหมายใบหน้าของคู่ต่อสู้

 

3. ขุนยักษ์พานาง

     ไม้มวยนี้ใช้การสืบเท้าเข้ากอดตัว แล้วขัดขาทุ่มด้วยสะโพก ปัจจุบัน กลมวยไม้นี้ใช้ไม่ได้บนเวที

 

4. พระรามน้าวศร

     กลมวยไม้นี้ใช้รับศอกที่ตีมาจากด้านบน โดยงอขาต่ำลง งอแขน ใช้ท่อนแขนยันศอกไว้ แล้วชกสวน

 

5. ไกรสรข้ามห้วย

     ไม้นี้ใช้แก้เท้าที่เตะมาหมายใบหน้า โดยถีบสวนไปที่เท้าที่ยืนเป็นเท้าหลักของคู่ต่อสู้

 

6. กวางเหลียวหลัง

     กลมวยไม้นี้ใช้จู่โจมด้วยการถีบหรือเตะก่อน แล้วจึงตามด้วยลูกเตะหรือส้นเท้าที่ปลายคางหรือลิ้นปี่

 

7. หิรันต์ม้วนแผ่นดิน

     กลมวยไม้นี้เป็นแม่ไม้ของการศอกกลับหลังในลักษณะหมุนตัวเข้าไปตามอาวุธที่คู่ต่อสู้ใช้มา จะเป็นเข่า หมัด เตะ ใช้ม้วนเข้าศอกกลับหลังได้ทั้งสิ้น

 

8. นาคมุดบาดาล

     กลมวยไม้นี้ใช้ก้มตัวลอดเท้าที่เตะมา แล้วถีบเข้าที่เท้ายืนเป็นหลักให้หงายหลังล้มไป

 

9. หนุมานถวายแหวน 

     กลมวยไม้นี้ใช้แก้หมัดหรือเท้าของคู่ต่อสู้ โดยการหมุนตัวเข้าวงใน พุ่งหมัดคู่เสยเข้าที่ปลายคาง

 

10. ญวนทอดแห

     ไม้นี้เป็นไม้แก้ถีบ โดยปัดให้เสียหลักแล้วก้าวออกข้าง เตะสวนเข้าพับในของคู่ต่อสู้

 

11. ทะแยค้ำเสา

     กลมวยไม้นี้ใช้แก้เตะหรือถีบโดยก้มตัวลงถีบเท้าที่เป็นหลักให้หงายหลังล้มไป

 

12. หงส์ปีกหัก

     กลมวยไม้นี้ใช้แก้หมัด โดยสืบเท้าเข้าวงใน ใช้ศอก กระแทกหัวไหล่ให้หลุดหรือเคล็ดได้

 

13. สักพวงมาลัย

     ไม้นี้ใช้เข้าประชิดตัวใช้ศอกเสยหรือศอกกระทุ้งเข้าที่ชายโครงหรือลิ้นปี่

 

14. เถรกวาดลานวัด

     กลมวยไม้นี้ใช้จู่โจมส่วนล่างโดยการเตะตัดขาอย่างรุนแรง สามารถจะทำให้เท้าแพลงและหัวฟาดพื้นได้

 

15. ฝานลูกบวบ

     กลมวยไม้นี้ใช้สืบเท้าเข้าประชิดตัว แล้วตีศอกเฉียงเข้าใบหน้า

 

     ในปัจจุบัน ”การฝึกมวยไทย” ( Muay Thai ) ก็คือการฝึกชก เตะ และเรียนรู้ นำท่าทางต่าง ๆ ของมวยมาประยุกต์เป็นท่าออกกำลังกาย  ดังนั้น นอกจากคุณจะได้เบิร์นแล้ว คุณยังได้ฝีไม้ลายมือในการป้องกันตัวติดไปด้วย ท่องจำชื่อลูกไม้ แม่ไม้ต่างๆ ไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้นะคะ ไปฝึกท่าตามเป็นอีกหนึ่งวิชา สามารถติดต่อสอบถามเรียนมวยไทย เพื่อสุขภาพ และอ่านสาระบทความดีๆ คลิกที่นี่เลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก educatepark

หุ่นสวยด้วยมวยไทย

หุ่นสวยด้วยมวยไทย

มวยไทย ( Muay Thai ) อาจดูเป็นกีฬาของสายโหด แต่ถ้าได้ลองมาออกหมัด เท้า เข่า ศอก ดูซะหน่อย คุณจะรู้ว่า "มวยไทย" ผู้หญิงก็สามารถฝึกได้ แถมช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย

 

     ศิลปะชั้นเลิศในการป้องกันตัวอย่าง มวยไทย (Muay Thai) เป็นที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก กลายเป็นกีฬาที่มีความสนุกปนโหด แต่ปัจจุบันนี้ มวยไทย ถูกนำมาใช้ในการออกกำลังกาย จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ มวยไทย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ชายอีกต่อไป เพราะผู้หญิงเริ่มหันมาออกกำลังกายด้วยกีฬามวยไทย เพื่อให้หุ่นสวยฟิตเฟิร์มกันแล้ว

 

     การชก มวยไทย (Muay Thai) ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน แต่ก่อนชกจะมีการเตรียมร่างกายให้พร้อม มีการวอร์มร่างกายทุกครั้งก่อนเรียนทุกชั่วโมง ตั้งแต่การยืด การวอร์ม เบสิกเกี่ยวกับมวย เช่น การพันมือ กระโดดเชือก ต่อยเป้า เพื่อให้มีกำลังในการออกอาวุธเมื่อฝึกท่าทางต่างๆ และค่อยๆ สอนท่าต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมกับลงมือปฏิบัติ ซึ่งเรียกเหงื่อได้ดีเลยทีเดียว มวยไทย เป็นกีฬาที่เผาผลาญพลังงานอย่างมาก ผู้ฝึกนั้นสามารถเผาพลาญได้ถึง 800 แคลอรี/ ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมๆ กัน การเตะแค่หนึ่งครั้งได้ทั้งกล้ามเนื้อไหล่ กล้ามท้องด้านข้างไปจนถึงกล้ามเนื้อขา ทำให้การเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น เลือดสูบฉีดดีขึ้น เป็นวิธีการออกกำลงกายที่เหมาะมากในการลดน้ำหนัก

 

     ข้อดีของการออกกำลังกายด้วย มวยไทย (Muay Thai) คือ ร่างกายแข็งแรงขึ้น มีความกระฉับกระเฉง ช่วยลดน้ำหนัก ทำให้รูปร่างกระชับ หุ่นฟิต ช่วยลดความเครียด เป็นวิธีการผ่อนคลายที่ดีมาก ช่วยเสริมบุคลิก และสร้างความมั่นใจอีกด้วย

 

     การฝึก มวยไทย ( Muay Thai ) จะช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายและใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างเต็มที่ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนัก ทั้งเบิร์นไขมันและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไป หากได้ฝึกอย่างต่อเนื่องรับรองว่าคุณจะเฟิร์มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เวลาที่คุณออกแรงเตะ ต่อย ครูฝึกจะสอนให้เปล่งเสียงออกมาเต็มที่ ซึ่งตรงนี้นอกจากจะช่วยเรื่องระบบการหายใจแล้ว ยังจะทำให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดด้วย และมีวิชาป้องกันตัวติดตัวไปด้วย

 

     การฝึกลดน้ำหนัก หุ่นสวยด้วยมวยไทยที่ได้ผลนั้น ต้องฝึกกับครูผู้สอนที่มีความรู้ประสบการณ์ ในสถานที่ที่มีความปลอดภัย เพราะมวยไทยจะต้องมีการปะทะ การออกกำลัง ใช้กล้ามเนื้อ หากฝึกในที่ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดอันตรายได้

 

     ขอแนะนำ เจริญทอง มวยไทย ยิม ( Jaroenthong Muay Thai ) สามารถฝึกแบบส่วนตัว หรือ ฝึกเป็นกลุ่ม ก็ได้ มีให้เลือก 3 สาขา ได้แก่ สาขารัชดา สาขาข้าวสาร และสาขาศรีนครินทร์ เลือกสาขาที่สะดวก ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน แล้วไปต่อยมวยเพื่อหุ่นสวยกันนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก kapook

ศิลปะกระบวนท่าแม่ไม้มวยไทย

ศิลปะกระบวนท่าแม่ไม้มวยไทย

การใช้อวัยวะในร่างกายเป็นอาวุธพร้อมกับการเคลื่อนไหวทั้งการรุกและรับ นับเป็นการต่อสู้ที่มีศิลปะแต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้ต้องเรียนรู้ แม่ไม้มวยไทย เสียก่อน เพราะเป็นท่าพื้นฐานของการใช้ไม้มวยไทยที่สำคัญ

 

     แม่ไม้มวยไทย คือ การผสมผสานการใช้อาวุธ หมัด เท้า เข่า ศอก เพื่อการรุกหรือรับในการต่อสู้มวยไทย ซึ่งการจะใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยได้อย่างชำนาญนั้น จะต้องฝึกฝนการใช้ หมัด เท้า เข่า ศอก เบื้อต้นให้คล่องแคล่วเสียก่อน จากนั้นจึงหัดใช้ผสมผสานกันไป รวมถึงการหลบหลีก จึงได้มีการดัดแปลงให้ง่ายต่อการนำไปใช้ ด้วยการตั้งชื่อท่ามวยตามลักษณะท่าทางให้จดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

แม่ไม้มวยไทยที่สำคัญ ได้มีการจัดแบ่งไว้ 15 ท่า หรือ 15 ไม้ดังนี้

1. สลับฟันปลา (รับวงนอก)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้หลักหรือไม้ครูเบื้องต้น ใช้ป้องกัน ใช้รับและหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ โดยหลบออกวงนอก นอกลำแขนของคู่ต่อสู้ ทำให้หมัดตรงของผู้ชกเลยหน้าไป

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดตรงซ้าย พร้อมกับตัวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้า หมายชกบริเวณใบหน้าของฝ่ายรับ
  • ฝ่ายรับ - ก้าวเท้าขวาหลบไปทางกึ่งขวา 1 ก้าว พร้อมทั้งโน้มตัวเอนไปทางขวาประมาณ 60 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าขวา ขาขวางอเล็กน้อย ศีรษะและตัวหลบออกวงนอกของหมัดฝ่ายรุก ใช้มือขวาจับกำคว่ำที่แขนท่อนบน ของฝ่ายรุก มือซ้ายจับกำหงายที่ข้อมือของฝ่ายรุก (ท่าคล้ายจับหักแขน)

     การถ่ายเทของทั้งสองท่า มีการเคลื่อนไหวร่างกายและแขนในลักษณะสลับฟันปลา เป็นการป้องกันก่อนที่จะหาโอกาสตอบโต้ในจังหวะที่เหมาะสมต่อไป

 

2. ปักษาแหวกรัง (รับวงใน)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้มวยใช้ป้องกันและตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เข้าปล้ำและกอดรัด แม่ไม้นี้เป็นไม้ครูของการเข้าสู่วงใน เพื่อใช้ลูกไม้อื่น ๆ ต่อไป

  • ฝ่ายรุก - ชกใบหน้าฝ่ายรับด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าสืบไปข้างหน้า เฉียงไปทางกึ่งซ้ายเล็กน้อยภายในแขนซ้ายของฝ่ายรุก ตัวเอนประมาณ 30 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าซ้ายพร้อมงอแขนทั้ง 2 ขึ้น ปะทะแขนท่อนบนและท่อนล่างของฝ่ายรุกไว้โดยเร็ว หมัดของฝ่ายรับทั้งคู่ชิดกัน (คล้ายท่าพนมมือ) ศอกกางประมาณ 1 คืบ ศีรษะและใบหน้ากำบังอยู่ระหว่างแขนทั้งสอง ตาคอย ชำเลืองดูหมัดขวา ของฝ่ายรุก

 

3. ชวาซัดหอก (ศอกวงนอก)

     แม้ไม้นี้ เป็นไม้มวยที่ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ เป็นหลักสำหรับหลบหมัดตรงออกทางวงนอกและตอบโต้ด้วยศอก

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดตรงซ้ายยังบริเวณใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าเอนตัวไปทางกึ่งขวา ตัวเอนประมาณ 30 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าขวาพร้อมรีบงอแขนซ้าย ใช้ศอกกระแทก ชายโครงใต้แขนซ้ายของฝ่ายรุก

 

4. อิเหนาแทงกฤช (ศอกวงใน)

     แม่ไม้นี้ เป็นหลักใช้รับหมัดชกตรงด้วยการใช้ศอกเข้าคลุกวงใน

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้า ตัวเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อยตัวเอนประมาณ 60 องศา น้ำหนักตัวอยู่บน เท้าซ้าย งอศอกขวา ขนานกับพื้น ตีระดับชายโครงฝ่ายรุก ตอบด้วยแขนซ้าย

 

5. ยกเขาพระสุเมรุ (ต่อยตั้งหมัดต่ำก้มตัว 45 องศา)

     แม่ไม้นี้ ใช้รับหมัดตรงในลักษณะก้มตัวเข้าวงใน ให้หมัดผ่านศีรษะไป แล้วชกเสยคาง

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าขวาพร้อมกับย่อตัวต่ำเข้าหาฝ่ายรุก งอเข่าขวา ขาซ้ายตึง ย่อตัวต่ำเอนไปข้างหน้าประมาณ 45 องศา น้ำหนักตัวอยู่บนขาขวา พร้อมยืดเท้าขวายกตัวเป็นแหนบ พร้อมกับพุ่งหมัดชกขวาเสยใต้คางของฝ่ายรุก หน้าเงยดูคาง ของฝ่ายรุก แขนซ้ายกำบังอยู่ตรงหน้าเสมอคาง

 

6. ตาเถรค้ำฟัก (ต่อยคางหมัดสูงก้มตัว 60 องศา)

     แม่ไม้นี้ เป็นหลักเบื้องต้นในการป้องกันหมัด โดยใช้แขนเปิดขึ้นปัดหมัดที่ชกมาแล้วต่อยหมัดสวนที่ปลายคาง

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้าของฝ่ายรุก ทางกึ่งขวาของวงหมัดภายในของฝ่ายรุกที่ชกมา งอเข่าซ้าย เล็กน้อยใช้หมัดซ้าย ชกใต้คางของฝ่ายรุก แล้วใช้แขนยวาที่งอป้องหมัดซ้ายฝ่ายรุกที่ชกมาให้พ้นตัว

 

7. มอญยันหลัก (รับต่อยด้วยถีบ)

     แม่ไม้นี้ เป็นหลักสำคัญในการรับหมัดด้วยการใช้เท้ายันหรือถีบเข้าที่ยอดอก หรือ ท้อง

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - ผลักตัวเอนไปทางขวา เอนตัวหนีฝ่ายรุกประมาณ 45 องศา ยืนบนเท้าขวา แขนทั้ง 2 งออยู่ตรงหน้า เหลียวดูฝ่ายรุกพร้อมยกเท้าซ้ายถีบที่ยอดอก หรือท้องน้อยของฝ่ายรุกให้กระเด็นห่างออกไป

 

8. ปักลูกทอย (รับเตะด้วยศอก)

     แม่ไม้นี้ใช้เป็นหลักในการรับ การเตะกราด การเตะเฉียง โดยใช้ศอกกระแทกเข้าที่หน้าแข้ง

  • ฝ่ายรุก - ยืนตรงหน้าพอได้ระยะเตะ ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ จากขวาไปซ้าย โน้มตัว เล็กน้อย งอแขนทั้ง 2 ป้องกันตรงหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบผลักตัวไปทางซ้าย พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายฉากไปข้างหลัง ใช้แขนขวางอศอกขึ้นรับเท้าของฝ่ายรุกที่เตะมา แขนซ้ายงอป้องกันอยู่ตรงหน้าสูงกว่าแขนขวาเพื่อป้องกันพลาดถูกใบหน้า

 

9. จระเข้ฟาดหาง (รับต่อยด้วยเตะ)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้มวยที่ใช้ตอบโต้คู่ต่อสู้ โดยใช้ส้นเท้าฟาดไปทางด้านหลัง เมื่อคู่ต่อสู้พลาดแล้วเสียหลัก จึงหมุนตัวเตะด้วยลูกเหวี่ยงส้นเท้า อาจทำให้ไตพิการได้

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าขวากระโดดไปทางกึ่งขวา ให้พ้นหมัดฝ่ายรุก แขนงอกำบังตรงหน้าแล้วใช้เท้าซ้าย เป็นหลักหมุนตัว เตะด้วยส้นเท้าขวาบริเวณท้องหรือคอ

 

10. หักงวงไอยรา (ถองโคนขา)

     ไม้นี้ใช้ เป็นไม้มวยใช้แก้การเตะ โดยตัดกำลังขา ด้วยการใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่โคนขา

  • ฝ่ายรุก - ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังชายโครงของฝ่ายรับ งอแขนทั้ง ๒ บังอยู่ตรงหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าขวาเข้าหาฝ่ายรุกตรงหน้าเกือบประชิดตัว ข้างตัวไปทางซ้าย เข่าขวางอ เท้าซ้ายเหยียดตรง ทันใด เอามือซ้ายจับเท้าขวาของฝ่ายรุก ต้องพยายามยกขาฝ่ายรุกให้สูง กันฝ่ายรุกใช้ศอกถองศีรษะ

 

11. นาคาบิดหาง  (บิดขาจับตีเข่าที่น่อง)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้มวยใช้รับการเตะ การถีบของคู่ต่อสู้ โดยใช้มือทั้งสองจับปลายเท้าบิด พร้อมกับใช้เข่า กระทุ้งหรือกระแทกขา เพื่อให้หักหรือเดาะ

  • ฝ่ายรุก - ยกเท้าขวาเตะกราดไปยังบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ แขนทั้ง ๒ งออยู่ตรงหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบผลักตัวไปทางซ้าย ยืนบนเท้าซ้าย มือซ้ายจับส้นเท้าของฝ่ายรุก มือขวาจับที่ปลายเท้าบิดออกนอกตัว ทันใดนั้น รีบยกเข่าขวาตีที่น่องของฝ่ายรุก

 

12. วิรุณหกกลับ (รับเตะด้วยถีบ)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้มวยใช้รับการเตะ โดยใช้ส้นเท้ากระแทกที่บริเวณโคนขา ทำให้เคล็ดจนขาแพลงไป

  • ฝ่ายรุก - ยกเท้าซ้ายเตะกลาง ลำตัวบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ
  • ฝ่ายรับ - รีบยกเท้าซ้ายถีบไปที่ บริเวณโคนขาซ้ายของฝ่ายรุกพร้อมยกแขน ทั้งสองกันด้านหน้า การถีบนั้นต้องถีบให้เร็ว และแรงถึงขนาด ฝ่ายรุกหมุนกลับเสียหลัก

 

13. ดับชวาลา (ปัดหมัดต่อยตอบ)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้มวยใช้แก้การชกด้วยหมัดตรง โดยชกสวนที่ใบหน้า เข้าสู่บริเวณใบหน้าหรือลูกตา

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายไปยังบริเวณใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า แขนขวาคุมบริเวณ ปลายคาง
  • ฝ่ายรับ - ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ากึ่งขวาหลบอยู่นอกหมัดซ้ายของฝ่ายรุก เอี้ยวตัวไปทางขวา ปัดและกดแขนซ้าย ของฝ่ายรุกที่ชกมา ให้เอนไปทางซ้าย กดให้ต่ำลง ทันใดรีบใช้หมัดซ้ายต่อย บริเวณปากครึ่งจมูกครึ่ง หรือที่เบ้าตา ของฝ่ายรุก แล้วพุ่งตัวโดด ไปทางกึ่งขวา

 

14. ขุนยักษ์จับลิง (รับ-เตะ-ต่อย-ถอง)

     แม่ไม้นี้ เป็นไม้สำคัญมาก เรียกว่า รวมไม้ ใช้ป้องกันคู่ต่อสู้ที่ไวในการต่อย เตะ และศอกติดพันกัน การฝึกแบ่งออกเป็น 3 ตอน

ตอนที่ 1

  • ฝ่ายรุก - ชกหมัดซ้ายตรงไปยังใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับเท้าซ้ายสืบไปข้างหน้า
  • ฝ่ายรับ - รีบก้าวเท้าซ้ายสืบเท้าเข้าหาตัวฝ่ายรุกตรงหน้า แขนขวาปัดแขนซ้ายฝ่ายรับให้พ้นจากตัว

ตอนที่ 2

  • ฝ่ายรุก – ยกเท้าขวาเตะกราดบริเวณชายโครงของฝ่ายรับ
  • ฝ่ายรับ – รีบโยกตัว ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลังราวกึ่งซ้าย ย่อตัวใช้ศอกขวากระแทกที่ขาขวาท่อนบนของฝ่ายรุก

ตอนที่ 3

  • ฝ่ายรุก - งอแขนขวาโน้มตัวกระแทกศอกที่ศีรษะของฝ่ายรับ
  • ฝ่ายรับ – รีบยืดตัว งอแขนขึ้นให้แขนท่อนบนปะทะแขนท่อนล่างของฝ่ายรุก แล้วรีบผลักตัว ก้าวเท้าขวาไปทางหลังประมาณครึ่งก้าว

 

15. หักคอเอราวัณ (โน้มคอตีเข่า)

     แม่ไม้นี้ เป็นเป็นไม้มวยใช้บุกจู่โจมในขณะที่คู่ต่อสู้เดินมวยเข้าหาแล้วงอเข่าหน้ามากเหมือนบันได ให้เดินขึ้นไปเหยียบแล้วเข่าเหมือนก้าวขึ้นบันได แล้วต่อด้วยตีศอกที่กลางศีรษะ

  • ฝ่ายรุก - ชกด้วยหมัดซ้ายตรง พร้อมกับสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า หมัดขวาคุมอยู่บริเวณคาง
  • ฝ่ายรับ - ก้าวเท้าซ้ายสืบไปตรงหน้าฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกแขนขวาสอดปัดแขนซ้ายของฝ่ายรุก แล้วโดด เข้าเหวี่ยงคอฝ่ายรุก โน้มลงมาโดยแรง แล้วตีด้วยเข่าบริเวณใบหน้า

 

     ลองฝึกท่าแม่ไม้มวยไทยกันดูนะคะ ถ้าฝึกจนคล่องแคล่ว ชำนาญแล้ว จะได้ไปฝึกลูกไม้มวยไทย กันต่อค่า

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก educatepark

สังเวียนมวยไทย

สังเวียนมวยไทย

ยิมมวยในยุคนี้ได้รับความสนใจทั้งจากเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงชาวต่างชาติ โดยนิยมเรียนมวย ฝึกมวยไทยเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ใช่เพื่อการต่อสู้ ซึ่งศิลปะมวยไทยได้มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยตลอดเวลา

 

     ในสมัยก่อนนั้นผู้คนจะฝึกมวยไทยเพื่อใช้ป้องกันตัวและนำไปใช้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เช่น การเข้าสู่ศึกสงคราม แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนบ้านเมืองมีความสงบขึ้น มวยไทยได้กลายมาเป็นกีฬาการต่อสู้ที่ใช้อวัยวะแทบจะทุกส่วนของร่างกายให้เป็นประโยชน์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ มวยไทย ได้กลายเป็นการฝึกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ เพื่อออกกำลังกาย ใช้ลดน้ำหนัก

 

     หากกล่าวถึงรูปแบบการจัดชกมวยไทย ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นเดียวกัน ในสมัยก่อน สนามมวย นั้นเป็นสนามจริง ๆ โดยเอาเชือกมากั้นพอเป็นบริเวณ แล้วชกกันบนพื้นดิน ใช้จอกหรือกะลาเจาะรูลอยน้ำเป็นมาตรากำหนดเวลา จมครั้งหนึ่งเรียกว่ายกหนึ่ง จนต่อมาเริ่มสร้างเวทีขึ้น โดยพื้นใช้ไม้กระดาน เสื่อเป็นแบบเสื่อกระจูดทับข้างบน มีการนับโดยจับเวลาเป็นนาที จนพัฒนามาเรื่อย ๆ กลายเป็นสังเวียนมวย หรือ เวทีมวย หรือ สนามมวย (Boxing ring) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสนามกีฬาสำหรับใช้การแข่งขันกีฬามวย ไม่ว่าจะเป็นมวยไทยหรือมวยสากล โดยส่วนมากแล้วสังเวียนมวยมักจะเป็นสนามกีฬาในร่ม เว้นแต่สังเวียนมวยชั่วคราวที่จะตั้งอยู่ข้างนอก ซึ่งสังเวียนที่จะใช้ทำการแข่งขันจะมีมาตรฐานตามที่ AIBA (สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ) กำหนดไว้

 

ตามหลักกติกาสากลแล้ว สังเวียนมวยที่ได้มาตรฐานจะต้องมีลักษณะดังนี้

  1. สังเวียนต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดเล็กด้านละ 20 ฟุต (6.10 เมตร) ขนาดใหญ่ด้านละ 24 ฟุต (7.30 เมตร) วัดจากข้างในเส้นเชือก และพื้นเวทีสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 3 ฟุต แต่ห้ามเกิน 4 ฟุต
  2. เชือกกั้น ต้องมีเชือก 4 เส้น และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเชือกไม่ต่ำกว่า 1½ นิ้ว โดยจะขึงติดกับเสาที่มุม สูงจากพื้นเวทีขึ้นไป 16, 32, 48 และ 60 นิ้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ให้หุ้มเชือกด้วยวัสดุที่มีความอ่อนนุ่มและเรียบ ส่วนที่มุมเชือกด้านในต้องหุ้มด้วยวัสดุอย่างอ่อน และเชือกในแต่ละด้านของสังเวียนจะต้องผูกยึดกันด้วยผ้าเหนียวสองชิ้น โดยมีขนาดกว้าง 1 – 1½ นิ้ว และมีระยะห่างที่เท่ากัน ซึ่งผ้าที่ผูกนั้นต้องไม่ลื่นไปตามเชือก
  3. พื้นเวที หรือ พื้นสนาม ต้องมีความปลอดภัย ได้ระดับ ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ และต้องยื่นออกไปนอกเชือกอย่างน้อย 20 นิ้ว และต้องปูด้วยผ้าสักหลาด ยาง หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสม โดยจะต้องมีลักษณะยืดหยุ่นได้ และมีความหนาไม่น้อยกว่า 1 ½ นิ้ว พร้อมปูทับด้วยผ้าตึงคลุมพื้นเวทีทั้งหมด
  4. มุมสังเวียน ต้องตั้งเสาที่มุมทั้งสี่มุม โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว และสูงขึ้นไปจากเวที 60 นิ้ว พร้อมทั้งหุ้มนวมที่มุมภายในเชือกให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับนักมวย และ มุมแดง จะอยู่ใกล้กับประธานกรรมการควบคุมการแข่งขัน หรือ ประธานคณะลูกขุน
  5. บันได จะมี 3 บันได และต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 3 ฟุต ไว้ที่มุมต้องข้ามของเวทีสองบันไดเพื่อให้นักมวยและพี่เลี้ยงขึ้นลง ส่วนอีกบันไดหนึ่งนั้นให้อยู่ที่มุมตรงกลางสำหรับผู้ชี้ขาดและแพทย์
  6. ต้องมีกล่องพลาสติกที่มุมกลางทั้งสองมุมนอกสังเวียนให้ติดล่องพลาสติกมุมละกล่อง เพื่อให้ผู้ชี้ขาดทิ้งสำลีหรือกระดาษบาง ๆ ที่ซับเลือดแล้ว
  7. สังเวียนเพิ่มเติม อาจใช้สังเวียน 2 สังเวียน ในการแข่งขันที่มีนักกีฬามาก หรือชิงชนะนัดสำคัญ ๆ ได้

 

     สำหรับสนามมวยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ในประเทศไทย ได้แก่ สนามมวยราชดำเนิน, สนามมวยเวทีลุมพินี ในต่างประเทศ อาทิ นิปปงบุโดกัง, โคระกุเอ็งฮอล ในประเทศญี่ปุ่น และเมดิสันสแควร์การ์เดน ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นเวทีมวยที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานและสามารถใช้สำหรับจัดการแข่งขันได้อย่างไม่มีปัญหา

 

     ใครที่อยากฝึก อยากเรียนมวยไทย สามารถมาได้ที่ เจริญทอง มวยไทย ยิม (Jaroenthong Muay Thai) ทั้ง 3 สาขา (ข้าวสาร, รัชดา และศรีนครินทร์) พวกเรายินดีต้อนรับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก oleptra

ลีลาของมวยไทย

ลีลาของมวยไทย

มวยไทย (Muay Thai) ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก มีเอกลักษณ์ และเป็นวัฒนธรรมของชาติที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ต่อสู้โดยใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธ

 

     การฝึกมวยไทย ต้องอาศัยความพยายาม ความอดทนต่อความเจ็บปวด การฝึกต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดความชำนาญ สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 9-10 ปี โดยการเรียน การฝึกมวยไทยนั้น จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนักทั้งร่างกายและใจ โดยต้องฝึกให้นักมวยทุกคนมีจริยธรรมและคุณธรรม มีน้ำใจนักกีฬา บังคับยับยั้งอารมณ์ตนเองได้ มีสติ สมาธิ และใช้ไหวพริบปฏิภาณ ไม่เช่นนั้นอาจเสียเปรียบคู่ต่อสู้

 

ลักษณะลีลาของมวยไทย มี 2 ลักษณะ

1. มวยหลัก หรือ มวยแข็ง

     หมายถึง นักมวยที่มีวิธีการต่อสู้อย่างรัดกุม สุขุมรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นท่าคุมมวย และการจดท่ามวยอย่างมั่นคง การเคลื่อนไหวแต่ละก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ผลีผลาม ดูคล้ายจะเชื่องช้า ไม่คึกคะนอง แต่ใช้ทุกอย่างในร่างกายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสายตา การย่างเข้าหาคู่ต่อสู้ เป็นมวยรอจังหวะเข้าทำ ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามรุกเข้ามาก่อน แล้วตัวเองจึงฉวยโอกาสเข้าทำ ได้ทั้งน้ำหนักรุนแรง และแม่นยำ

     ลักษณะประเภทมวยหลัก จะถูกฝึกสอนให้ตั้งรับ และรอจังหวะ มีความสุขุมเยือกเย็น มีลำหักลำโค่นดี ใช้ศิลปะมวยไทยได้หนักหน่วง รุนแรง และแม่นยำ เหมาะกับคนที่มีรูปร่างใหญ่ และใจเย็น

 

2. มวยเกี้ยว หรือ มวยอ่อน

     หมายถึง นักมวยที่ใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้แหลมคม แพรวพราว มีไหวพริบปฏิภาณรวดเร็วในการแก้ปัญหา การเข้าทำคู่ต่อสู้ จะไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนตัวไปมาทั้งซ้ายและขวาสลับกัน จะใช้กลลวงหลายรูปแบบ ทำให้คู่ต่อสู้จับทางมวยยาก มวยเกี้ยวจะมีลีลาท่าทางที่แคล่วคล่องว่องไว ลูกหลอกลูกล่อ หลบหลีกได้ดี มีสายตาดี เวลารุกหรือรับรวดเร็ว เข้าทำในระยะประชิด ด้วยความเด็ดขาด

     ลักษณะประเภทมวยเกี้ยว จะถูกฝึกถึงขั้นต้องเยื้องย่างในน้ำ ตีให้น้ำกระเซ็น ห้ามหลับตา แรงต้านของน้ำจะช่วยให้เมื่ออยู่บนบกจะสามารถรุกรับ ออกอาวุธได้อย่างรวดเร็วทั้งเท้า เข่า ศอก และหมัด เหมาะสำหรับคนที่มีรูปร่างเล็ก ผอมเพรียว

 

     ไม่ว่าจะมวยหลักและมวยเกี้ยวต่างมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยมวยหลักจะมีความรุนแรงในการใช้เท้า เข่า ศอก ส่วนมวยเกี้ยวจะใช้ เท้า เข่า หมัด ศอก ได้รวดเร็วกว่าแต่ไม่รุนแรงเท่ามวยหลัก ลีลามวยไทยทั้งสองนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของแต่ละคน สำหรับผู้ที่รูปร่างสันทัด ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป สามารถฝึกฝนในลักษณะผสมผสานระหว่างมวยหลักและมวยเกี้ยวควบคู่กันไปได้ โดยมีทั้งความว่องไวและรุนแรงในการใช้เท้า เข่า หมัด ศอก

 

     การฝึกฝนมวยไทยที่ดี ควรฝึกหลายรูปแบบ แม้ว่าจะใช้เวลายาวนานและใช้ความอดทนมหาศาล แต่หากได้ฝึกหัดติดต่อกันจะทำให้ มีระบบและมีทักษะที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน  สนใจเรียนมวยไทย เจริญทอง มวยไทย ยิม (Jaroenthong Muay Thai)

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก muaythaionlines

มวยไทย 5 สาย มีอะไรกันบ้าง ?

มวยไทย 5 สาย มีอะไรกันบ้าง ?

มวยไทยมีหลักพื้นฐานเดียวกัน คือ การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก และศีรษะ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นได้มีการพัฒนาความสามารถและความถนัดในเชิงมวยที่แตกต่างกันออกไป และได้มีการเปรียบเปรยความสามารถเชิงมวยของท้องถิ่นต่าง ๆ ออกเป็น 5 สาย “หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา ครบเครื่องพลศึกษา” มาดูกันดีกว่าว่า 5 สายนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

 

1. มวยลพบุรี

     มวยลพบุรีนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคกลาง เอกลักษณ์ของมวยลพบุรี คือ เป็นมวยที่ชกฉลาด มีการรุกรับที่คล่องแคล่วว่องไว ต่อยหมัดตรงแม่นยำ เรียกว่า “มวยเกี้ยว” หมายถึง มวยที่ใช้ชั้นเชิงเข้าทำคู่ต่อสู้ โดยใช้กลลวงมากมาย เคลื่อนตัวอยู่เสมอ หลอกล่อ หลบหลีกได้ดี สายตาดี รุกรับและออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอกได้อย่างรวดเร็ว สมกับฉายา “ฉลาดลพบุรี” และเอกลักษณ์อีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ มีการพันมือครึ่งแขน แต่ที่แปลกและเด่นกว่ามวยสายอื่น ๆ คือ การพันคาดทับข้อเท้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมวยลพบุรี 

 

     ในส่วนของกระบวนท่าของมวยไทยสายลพบุรีนั้น พบว่า มีด้วยกัน 16 กระบวนท่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ผสมกลมกลืนจากการหล่อหลอมและเลียนแบบท่าทางของสัตว์ต่าง ๆ เช่น ลิง และ ช้าง ที่มีอยู่มากในเมืองลพบุรี และครูมวย นักมวยไทยสายลพบุรีที่ควรรู้จัก ได้แก่ ครูดั้ง ตาแดง, ครูนวล หมื่นมือแม่นหมัด, นายซิว อกเพชร, นายแอ ประจำการ, นายเย็น อบทอง, นายเพิก ฮวบสกุล, นายจันทร์ บัวทอง, นายชาญ ศิวา-รักษ์, นายสมทรง แก้วเกิด และครูประดิษฐ์ เล็กคง ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับได้ว่าเป็น มวยไทยสายลพบุรี เป็นประวัติศาสตร์ของมวยไทย ที่เป็นมวยท้องถิ่นที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรสยาม มีอายุถึง 1,356 ปี มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ประวัติความเป็นมาเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี

 

     การแข่งขันมวยไทยสายลพบุรี มีกติกาการชก กำหนด 5 ยก โดยใช้ยกเวียน การหมดยกใช้กะลาเจาะรูใส่ในโหล เมื่อกะลาจมน้ำถือว่าหมดยก การต่อสู้ใช้อวัยวะได้ทุกส่วนของร่างกาย การเปรียบมวยอยู่ที่ความสมัครใจของผู้ชก ไม่เกี่ยงน้ำหนักหรืออายุ การไหว้ครูเหมือนการไหว้ครูสายอื่น ๆ โดยทั่วไป

 

2. มวยโคราช

     มวยโคราชนั้น ถือเป็นมวยไทยภาคอีสาน เอกลักษณ์ของมวยโคราช คือ สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ สวมมงคลที่ศีรษะขณะชก มีการพันหมัดแบบคาดเชือกตั้งแต่หมัดขึ้นไปจรดข้อศอก เพราะมวยโคราช เป็นมวยชกหมัดวงกว้างหนักหน่วง ที่เรียกว่า “หมัดเหวี่ยงควาย”  สมกับฉายา “หมัดหนักโคราช ซึ่งการพันเชือกเช่นนี้เพื่อป้องกันการเตะ ต่อยนั่นเอง

 

     ในส่วนของกระบวนท่าของมวยไทยสายโคราชนั้น พบว่า มีการฝึกตามขั้นตอน และเมื่อเกิดความคล่องแคล่วจะทำพิธียกครู แล้วให้ย่างสามขุมและฝึกท่าอยู่กับที่ 5 ท่า ท่าเคลื่อนที่ 5 ท่า ท่าฝึกลูกไม้แก้ทางมวย 11 ท่า ฝึกท่าแม่ไม้สำคัญ ซึ่งได้แก่ ท่าแม่ไม้ครู 5 ท่า ท่าแม่ไม้สำคัญโบราณ 21 ท่า

 

     วิธีจัดการชกมวยโคราช นิยมจัดชกในงานศพที่ลานวัด ในเรื่องของการเปรียบมวยจะให้ทหารตีฆ้องไปตามหมู่บ้านแล้วร้องบอกให้ทราบโดยทั่วกัน และเมื่อเปรียบได้แล้วให้นักมวยมาชกประลองฝีมือกันก่อน หากฝีมือทัดเทียมกันก็ให้ชกแล้วนัดวันมาชก ซึ่งในการเปรียบมวยโคราช ไม่มีกฎกติกาที่แน่นอน หากพอใจก็ชกกันได้ ส่วนรางวัลการแข่งขันจะเป็นสิ่งของเงินทอง แต่หากเป็นการชกหน้าพระที่นั่ง รางวัลที่ได้รับจะเป็นหัวเสือและสร้อยเงิน

 

     ในสมัยรัชกาลที่ 5 – 6 มวยไทยโคราช เป็นช่วงที่มวยคาดเชือกรุ่งเรือง มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ นักมวยฝีมือดี ได้แก่ นายแดง ไทยประเสริฐ หรือ หมื่นชงัดเชิงชก, ครูบัว  นิลอาชา (วัดอิ่ม), นายทับ จำเกาะ, นายยัง หาญทะเล, นายตู้ ไทยประเสริฐ, นายพูน  ศักดา เป็นต้น

           

3. มวยไชยา

     มวยไชยานั้น ถือเป็นมวยไทยภาคใต้ เป็นศิลปะมวยประจำถิ่นอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เอกลักษณ์ของมวยไชยา มีอยู่ 7 ด้าน การตั้งท่ามวยหรือการจดมวย ท่าครูหรือท่าย่างสามขุม การไหว้ครูร่ายรำ การพันมือแบบคาดเชือก การแต่งกาย การฝึกซ้อมมวยไชยา และแม่ไม้มวยไชยา

 

     กระบวนท่าของมวยไชยามีทั้งหมด 5 ชุด คือ แม่ไม้มวยไทยไชยา 7 ท่า ได้แก่ ปั้นหมัด พันแขน พันหมัด กระโดดตบศอก พันหมัดพลิกเหลี่ยม เต้นแร้งเต้นกา ย่างสามขุม ท่าที่สำคัญคือท่า “เสือลากหาง” เคล็ดมวยไชยาการป้องกันตัว และจะเป็นการป้องกันตัวแบบ 4 ป. คือ “ป้อง ปัด ปิด เปิด” และนอกจากการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แล้วยังมีวิชาการต่อสู้เช่น การ ทุ่ม ทับ จับ หัก” อีกด้วย ซึ่งสมกับฉายา “ท่าดีไชยา” นั่นเอง และมวยไชยาจะคาดเชือกแค่ข้อมือเท่านั้น

 

4. มวยท่าเสาและพระยาพิชัย

     มวยท่าเสา ถือเป็นมวยไทยภาคเหนือ แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ากำเนิดขึ้นเมื่อใด ใครเป็นครูมวยคนแรก แต่จากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ทำให้ทราบว่าครูมวยไทยสายท่าเสาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ครูเมฆ เอกลักษณ์ของมวยท่าเสา คือ การจดมวยกว้างและให้น้ำหนักตัวไปทางด้านหลัง เท้าหน้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ทำให้ออกมวยได้ไกล รวดเร็ว และรุนแรง สมกับฉายา “ไวกว่าท่าเสา” ส่วนกลยุทธ์มวยพระยาพิชัยดาบหักเป็นทั้งมวยอ่อนและแข็ง สามารถรุกรับตามสถานการณ์ รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและคู่ต่อสู้

 

     ครูมวยท่าเสาที่มีความสามารถ ได้แก่ ครูเมฆ, นายทองดี ฟันขาว, ครูเอี่ยม, ครูเอม, ครูอัด คงเกตุ, ครูโต๊ะ, ครูโพล้ง, ครูฤทธิ์, ครูแพ, ครูพลอย, นายประพันธ์ เลี้ยงประเสริฐ, นายเต่า คำฮ่อ (เชียงใหม่) และนายศรี ชัยมงคล

 

     กระบวนท่าของมวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัยนั้น พบว่า มีกระบวนท่าการชก 15 ไม้ การเตะ 10 ไม้ การถีบ 10 ไม้ การตีเข่า 10 ไม้ และการศอก 10 ไม้ ส่วนในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัย ต้องมีการขึ้นครูหรือยกครู การไหว้ครูประจำปี การครอบครู และการรำไหว้ครูก่อนชก

 

     เมื่อครูที่มีชื่อเสียงทั้งหลายเริ่มถึงแก่กรรม ทำให้มวยไทยสายท่าเสาได้ลดบทบาทลง และมีมวยสายอื่น ๆ เข้ามามากขึ้น มวยไทยสายครูเมฆแห่งท่าเสาเริ่มถูกลบเลือนไป เอกลักษณ์ของมวยสายท่าเสาอาจจะสูญสิ้นไปหากไม่มีการอนุรักษ์มวย ลาวแกมไทย ตีนไวเหมือนหมาเอาไว้

 

5. มวยพลศึกษา

     มวยพลศึกษา ได้ก่อกำเนิดมาพร้อมกับการจัดตั้งสามัคยาจารย์สมาคม เพื่อจัดเป็นสถานที่การออกกำลังกาย สำหรับประชาชนทั่วไป และได้มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปรมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชามวยไทยสายพลศึกษาที่มีชื่อเสียงคือ อาจารย์สุนทร ทวีสิทธิ์ หรือ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์มวยที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญหมัด ซึ่งศึกษามาจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ซึ่งได้ทรงศึกษาการชกมวยสากลของประเทศไทย จนได้ชื่อว่าเป็นบิดามวยสากลของประเทศไทย นอกจากหมัดแล้วยังเน้นความเร็ว จังหวะเข้า- ออกที่คล่องแคล่วว่องไว เรียกได้ว่ามวยพลศึกษาเป็นมวยครบเครื่อง สมกับฉายา “ครบเครื่องพลศึกษา”

 

     เอกลักษณ์ของมวยไทยสายพลศึกษา พบว่า มีทั้งหมด 3 ด้าน คือ เอกลักษณ์ด้านการแต่งกาย เอกลักษณ์ด้านการไหว้ครูและร่ายรำมวยไทย เอกลักษณ์ด้านการเรียนการสอน ส่วนในเรื่องของกระบวนท่าของมวยไทยสายพลศึกษา จะประกอบไปด้วย กลวิธีการใช้หมัด กลวิธีการใช้เท้า กลวิธีการใช้เข่า กลวิธีการใช้ศอก แม่ไม้มวยไทย และลูกไม้มวยไทย ในเรื่องของระเบียบประเพณีของมวยไทย จะมีพิธีการขึ้นครูหรือการยกครู พิธีการไหว้ครู และเครื่องดนตรีประกอบ

 

     ด้วยความที่มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณซึ่งแบ่งออกเป็น 5 สาย คือ มวยไทยสายไชยา มวยไทยสายโคราช มวยไทยสายลพบุรี มวยไทยสายท่าเสาและพระยาพิชัย และมวยไทยสายพลศึกษา แต่ละสายมีทั้งเอกลักษณ์ กระบวนท่า ระเบียบประเพณี และวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ที่ควรค่าแก่การรักษาสืบไว้

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก educatepark

ทำความรู้จักกับ “มวยไทย” แต่ละสมัย

ทำความรู้จักกับ “มวยไทย” แต่ละสมัย

มวยไทย (Muaythai) เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติไทยมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นมวยไทย ถูกเรียกว่า "ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 9" (Art of Nine Limbs) เพราะมีการต่อสู้โดยใช้อาวุธบนร่างกาย 9 อย่าง (นวอาวุธ) คือ หมัด 2, ศอก 2, เข่า 2, เท้า 2 และ หัว 1แต่ในปัจจุบันกติกามวยไทยได้ตัดการใช้หัวโขกออกไป จึงกลายเป็น “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8” (Art of Eight Limbs) แทน

 

  • มวยไทยสมัยกรุงสุโขทัย

     ในสมัยกรุงสุโขทัย มวยไทยถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาของกษัตริย์ เพื่อฝึกให้กษัตริย์เป็นนักรบที่มีความกล้าหาญ มีสมรรถภาพร่างกายที่ดีเยี่ยม ดังความปรากฏตามพงศาวดารว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงส่งเจ้าชายร่วงโอรสองค์ที่สองไปฝึกมวยไทยที่สำนักสมอคอน แขวงเมืองลพบุรี หรือการที่พ่อขุนรามคำแหงทรงนิพนธ์ตำหรับพิชัยสงคราม โดยมีความข้อความบางตอนกล่าวถึงมวยไทย และการใช้อาวุธอย่างดาบ หอก มีด โล่ ธนู

 

  • มวยไทย สมัยกรุงศรีอยุธยา

     สมัยกรุงศรีอยุธยาเริ่มประมาณ พ.ศ.1988 - 2310 รวมระยะเวลา 417 ปี ในระหว่างนั้นบ้างก็มีศึกกับประเทศใกล้เคียง ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์สมัยกรุงศรี ต้องฝึกฝนความชำนาญในการต่อสู้ด้วยอาวุธและศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่า หรือ มวยไทย นั่นเอง

 

     ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พระมหากษัตริย์ทรงโปรดให้มีกรมมวยหลวงขึ้น โดยให้คัดเลือกเอาชายฉกรรจ์ที่มีฝีมือในการชกมวยไทยเข้าต่อสู้กันหน้าพระที่นั่ง แล้วคัดเลือกผู้มีฝีมือเลิศไว้เป็นทหารสนิท และทหารรักษาพระองค์ เรียกว่า "ทหารเลือก" สังกัดกรมมวยหลวง มีหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภายในพระราชวังหรือตามเสด็จในงานต่าง ๆ รวมถึงเป็นครูฝึกมวยไทยให้ทหารและพระราชโอรส

 

     ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2147 - 2233) “มวยไทย” เป็นที่นิยมกันอย่างมากจนกลายเป็นอาชีพ มีค่ายมวยเกิดขึ้น ซึ่งมวยไทยสมัยนี้ชกกันบนลานดิน ใช้เชือกเส้นเดียวกั้นบริเวณเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส นักมวยจะใช้ด้ายดิบชุบแป้งหรือน้ำมันดินจนแข็งพันมือ เรียกว่า มวยคาดเชือก นิยมสวมมงคลไว้ที่ศีรษะ และผูกประเจียดไว้ที่ต้นแขนตลอดการแข่งขัน การเปรียบคู่ชกด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้กำหนดขนาดรูปร่างหรืออายุ โดยมีกติกาง่าย ๆ ว่าชกจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้

 

  • มวยไทย สมัยกรุงธนบุรี

     บ้านเมืองอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูประเทศหลังจากการกู้อิสรภาพคืนมาได้ การฝึกมวยไทยในสมัยนี้เป็นการฝึกเพื่อการสงครามและการฝึกทหารอย่างแท้จริง การจัดชกมวยในสมัยกรุงธนบุรี นิยมจัดนักมวยต่างถิ่น หรือลูกศิษย์ต่างครูชกกัน โดยไม่มีกฎกติกาการแข่งขันอย่างชัดเจน ไม่มีคะแนน ทำการชกจนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ สังเวียนนั้นเป็นลานดิน และในยุคนี้มีนักมวยฝีมือดีมากมายเกิดขึ้น

 

  • มวยไทย สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

     ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ช่วงรัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 5 กษัตริย์ไทยทรงโปรดการกีฬา เช่น กระบี่กระบอง มวยไทย เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก พระองค์มีความชำนาญในกีฬามวยไทย จึงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยขึ้น และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มี มวยหลวง ตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่ฝึกสอน จัดการแข่งขัน และควบคุมการแข่งขันมวยไทย ในปี พ.ศ.2430 รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตั้งกรมศึกษาธิการขึ้น ให้มวยไทยเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรของโรงเรียนครูฝึกหัดพลศึกษา และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในสมัยนี้เป็นที่ยอมรับว่า คือ ยุคทองของมวยไทย

 

     ในสมัยอยุธยาตอนปลาย มวยไทยได้มีการฝึกฝนกันไปตามสำนักต่าง ๆ มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งการชกในสมัยนี้ยังมีการคาดเชือกกันอยู่ จนในตอนหลังนวมได้เข้ามาแพร่หลายในไทย การชกกันในสมัยหลัง ๆ จึงสวมนวมชกกันอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

 

     จะเห็นได้ว่า “มวยไทย” เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เป็นมรดกทางภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไป หากใครสนใจอยากเรียนมวยไทย สามารถเรียนได้ที่ “เจริญทอง มวยไทย ยิม” (Jaroenthong Muay Thai) มีทั้งหมด 3 สาขา คือ ข้าวสาร รัชดา และศรีนครินทร์ ใครใกล้ที่ไหนก็เลือกเรียนที่นั่นนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก educatepark

มวยไทยมาจากไหน กันแน่

มวยไทยมาจากไหน กันแน่

“ Muay thai ” มวยไทย ไม่มีปรากฏในสมัยใด มีเพียงตำนานที่กล่าวขานมาว่า เป็นศิลปะการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว ตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย เพื่อใช้ในการปกป้องอาณาจักรของไทยเรานั้นแหละ การต่อสู้ด้วยหมัด เท้า ศอก ศีรษะ แขน ขา ได้ถูกคิดค้นและกลั่นออกมาจากมันสมองบรรพชนชาวไทย จนมวยไทยนั้นเป็นศาสตร์ที่มีหลักสูตรเฉพาะตัว เช่นเดียวกับศิลปะศาสตร์ด้านอื่นๆ มวยไทยไม่ได้นิยมชมชอบเพียงแต่ในประเทศไทย ยังได้รับความสนใจจากนานาชาติอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศโซนยุโรปและทั่วโลก ซึ่งเป็นกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

         

     กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงร่วมมือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย และหน่วยงานภาพต่างๆได้มีการ ผลักดันให้มีการสถาปนา "วันมวยไทย” โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ของทุกๆปี จะจัดให้เป็นวันมวยไทย ซึ่งเป็นวันที่ตรงกันวันเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ) ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระปรีชาสามารถด้านมวยไทยเป็นที่ประจักษ์ และเป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียว ที่เสด็จออกไปชกมวยกับสามัญชน ตามบันทึกในพงศาวดาร (ฉบับพระราชหัตเลขา พ.ศ.๒๕๔๒) ที่กล่าวว่า

  

  พระเจ้าเสือ ทรงแต่งกายแบบชาวบ้าน เสด็จทางน้ำพร้อมเรือตามเสด็จ ไปขึ้นที่ตำบลตลาดกรวด ช่วงนั้นกำลังมีงานมหรสพและมีผู้คนไปเที่ยวชมงาน และมีการละเล่นมากมายหลายอย่าง และพระองค์ได้เสด็จไปยังสนามมวยและให้นายสนามจัดหาคู่ชกให้ โดยให้คนประกาศกับประชาชนทราบว่า พระองค์เป็นนักมวยจากเมืองกรุง ถึงทำให้ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะสมัยนั้นนักมวยในเมืองกรุงศรีอยุธยามีชื่อเสียงมาก นายสนามจึงได้จัดนักมวยที่มีฝีมือเท่าที่มีอยู่ มาเป็นคู่ชก กับ พระเจ้าเสือ ถึง 3 คนซึ่งแต่ละคนเป็นนักมวยที่มีฝีมือดี  แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและความชำนาญในศิลปะมวยไทย ที่พระองค์ได้ทรงฝึกหัดและศึกษาจากสำนักมวยหลายสำนัก จึงทำให้พระองค์สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้ง ๓ คนได้ และได้รับรางวัลเป็นเงินหนึ่งบาท ส่วนผู้แพ้ได้สองสลึง ซึ่งพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยกับการได้ชกมวยในคราวนั้นไม่น้อย

 

จากการที่พระเจ้าเสือทรงพระปรีชาสามารถเกี่ยวกับมวยไทย จึงทรงคิดท่าแม่ไม้ ไม้กลมวยไทยขึ้นมาเป็นแบบเฉพาะพระองค์ เรียกว่า "มวยไทยตำรับพระเจ้าเสือ” จากที่ได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในสมัยรัชการที่ ๕ ซึ่งเป็นตำรามวยตำรับพระเจ้าเสือที่เก่าแก่ที่สุด เป็นมรดกทางภูมิปัญญาจากบรรพชนที่ได้รับการถ่ายทอดมาสู่ชนรุ่นหลัง และสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

 

     ในความเป็นไทย ระหว่างศิลปะการต่อสู้ และ การป้องกันตัว ที่เรียกว่ามวยไทย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง ในการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังคงมีนัยแฝงอยู่มากมาย เนื่องจากมีที่มารากเหง้าของชนเผ่าไทยและในฐานะ “มวยไทย”ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เป็นทั้งวิถีชีวิต สังคม และจิตวิญญาณความเป็นไทย ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกราช เอกลักษณ์  ตลอดจนเพื่อรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้ชนรุ่นหลังรำลึกถึงความเป็นมาของภูมิปัญญาแห่งชนชาติ ที่ได้รังสรรค์ “มวยไทย”ไว้เป็นมรดกการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์

 

ในสมัยนี้หากต้องการจะชมศิลปะมวยไทยเหล่านี้ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยช่องทางหลากหลาย เช่นไลน์ ยูทูป หรือบนทีวีมีก็มีให้ชมหลากหลายช่องและหากอยากสัมผัสบรรยากาศจริง ก็ยังสามารถมาดูได้ที่ยิมมวย jaroenthong muay thai gym Khaosan ในเวที muay thai super champ หรือทางช่อง 8 ของเรานั้นเอง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม

นักมวยลดน้ำหนักกันอย่างไร

นักมวยลดน้ำหนักกันอย่างไร

ในการลดน้ำหนัก เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงวิธีการออกกำลังกายต่างๆ วิ่งบนลู่ เข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก และอื่นๆอีกมากมาย แต่เชื่อไหมว่าการที่จะลดน้ำหนังให้ได้ผลไว ได้ออกกำลังกายครบทุกสัดส่วน และมีความสนุกสนานกับมันจะเป็นการออกกำลังกาย ในรูปแบบของ ยิมมวย muay gym และวันนี้เราก็มีวิธีการออกกำลังกายสเต็ปนักมวยที่ได้ผลมากที่สุด

 

นักมวยจัดการสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก

     เนื่องจากนักมวยค่อนข้างที่จะมีความกังวลและซีเรียสกับการคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ของการแข่งขันในเวทีเพราะแต่ละเวทีนั้นก็มีการจำกัดน้ำหนักตัวเป้นรุ่นๆ ดังนั้นนักมวยจำเป็นต้องการที่จะควบคุมน้ำหนักให้เป็นการไปรุ่นชกของตนเอง ด้วยวิธีการลดน้ำหนักที่สามารถลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็วและได้ผลจริงอีกด้วย

 

สเต็ปที่ 1  เริ่มที่การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง  ให้ได้อย่างน้อย 45 – 60 นาทีต่อวัน สามารถที่จะเลือกการออกกำลังกายหลายๆแบบได้ไม่ซ้ำกัน  เช่นการปั่นจักยาน 30นาที หรือวิ่ง 10 กิโลเมตร กระโดดเชือกในตอนเช้า ต่อยกระสอบทรายหรือล่อเป้าอย่างน้อย 3 ยกอย่างต่อเนื่องในช่วงเย็น

 

สเต็ปที่ 2 การควบคุมอาหาร หลักสำคัญที่จะช่วยลดน้ำนักอย่างได้ผลเร็วและเห็นผลที่สุด แค่คุณลดการรับประทานอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง หรือเส้นต่างๆ เพราะแป้งเหล่านั้นเป็นตัวการที่จะเพิ่มน้ำหนักอย่างดีเลย นอกจากนี้อาหารประเภทของทอดด้วยน้ำมันทั้งหลาย จะทำให้การออกกำลังกายนั้นเห็นผลช้ากว่าที่เราต้องการหรืออาจจะไม่เห็นผลเลยหากทานในประมาณที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมด ควรเน้นไปที่การเลือกรับประทานประเภทผักหรือเนื้อสัตว์ต้มเป็นหลัก ลดแป้ง  ให้เน้นผักผลไม้ ที่มีรสจืด เน้นโปรตีนเนื้อสัตว์ นมลดจืด พร่องมันเนยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอ และสิ่งสำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน จะช่วยให้ร่างกายของคุณชะล้างเกลือส่วนเกินที่ก่อให้เกิดการกักเก็บน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สเต็ปที่ 3 สร้างขีดจำกัดเพิ่มขึ้นให้กับตัวเอง ในที่จะลดน้ำหนักแบบนักมวยนั้นจะต้องมีการเพิ่มจำนวนยกในการล่อเป้า จำนวนครั้งในการซ้อมกระสอบทราย หรือจำนวนรอบในการวิ่ง เพื่อเพิ่มอัตราที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย และยังสามารถดึงเอาพลังงานมาเผาผลาญได้สูงขึ้นอีกด้วย

 

สเต็ปที่ 4 การพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อเราออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงแล้วในการพักผ่อนถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และควรที่จะพักผ่อนให้ถึง 7 – 8 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายของเรานั้นจะมีการปรับสมดุลในขณะที่เราหลับ และปฏิบัติตามตารางในการลดน้ำหนักแบบนักมวยให้เข้ากับชีวิตประจำวัน อย่าหักโหมจนเกินไปและออกกำลังกายหนักจนเกินไปเพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนล้าจนไม่สามารถลดน้ำหนักแบบนักมวยต่อได้และจะมีผลกระทบมากกว่าผลดี

 

ในสิ่งที่สำคัญที่จะลดน้ำหนักแบบนักมวย ต้องใช้ความอดทนและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ อย่าคิดว่าออก 1 พัก 1 แล้วน้ำหนักก็จะลงเองมันกลับกันที่จะทำให้ร่างกายนั้นต้องการที่จะรับสารอาหารและ ทำให้เราทรมานไปกับการลดน้ำหนักเสียเปล่า ฉะนั้นจะต้องวางแผนเป็นสเต็ปๆของการออกกำลังกายไว้อย่างชัดเจน อดทน เต็มที่ ไม่ยอมแพ้ ไม่เบื่อ หรือไม่ทิ้งก่อนจะประสบผลสำเร็จ เพื่อช่วยให้สามารถลดน้ำหนักแบบนักมวยให้ได้ผลมากที่สุด

ท่าออกกำลังกายสไตล์นักมวย

ท่าออกกำลังกายสไตล์นักมวย

แน่นอนว่าการออกกำลังกายของหนุ่มๆ ต้องมีเป้าหมายที่จะหุ่นฟิตเฟริ์ม และเอาเจ้าไขมันส่วนเกินที่ติดตามเราตัวอยู่ตลอดเวลาออกไปจากชีวิต และอยากที่จะเห็นรูปร่างของตัวเองถอดเสื้อหุ่นปังๆ ในกระจกเวลาแทนที่จะมานั่งดูพุงห้อยย้อยลงพื้น

 

ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราด้วย เพราะหากเราคิด 10 ลงมือทำ 1 แน่นอนมันเกิดได้ขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ อย่ารอที่จะเริ่มทำอะไรให้กับตัวเอง วันนี้ทาง Jaroenthong GYM ได้นำเอาเทคนิคต่างๆ เบิร์นไขมัน กล้ามสวย สาวๆ ต้องกรี๊ดอย่างแน่นอน โดยสามารถทำได้เองที่บ้านแถมประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีกด้วย

 

Shoulder Presses

     ในการแข่งขันกีฬามวยนั้น หัวไหล่ที่แข็งแรง นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ ในการชกเนื่องจากว่ากล้ามเนื้อมัดนั้นเป้นส่วนสำคัญที่ใช้ในการใช้ปล่อยหมัดออกไปและยังช่วยเป็นการ์ดป้องกันจากการโจมตีของคู่ต่อสู้

     ดังนั้นในท่า Shoulder Presses จะเป็นท่าเคล็ดลับในการสร้างกล้ามเนื้อของหัวไหล่อย่างดี โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นหลักก็คือ ดัมเบล แต่ถ้าหากไม่มีจริง ๆ สามารถใช้ขวด จับให้มั่นคงจากนั้นดันพื้น และลง อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับท่าบริหารร่างกายส่วนบนอื่นก็จะทำให้คุณมีหัวไหล่ที่สวยงามราวและแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

 

Clap Press-Up

     อีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ใช้ได้ผลจริง และยังทำได้บ่อยครั้งตามใจต้องการอีกด้วย นั่นคือ Clap Press-Up โดยวิธีการก็แสนง่าย เพียงคุณใช้กำลังของมวลกล้ามเนื้อของร่างกายส่วนบนออกมาให้หนัก ท่านี้ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มความเข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่มันยังช่วยมันยังช่วยปรับสัดส่วนของ Body Balance ซึ่งเป็นสิ่งที่นักมวยจำเป็นสำหรับนักมวยทุกคนด้วย

 

Plank

     เป็นหนึ่งในท่าที่ดูธรรมดาๆแต่ต้องบอกว่าหินมากกับการที่จะทำให้แกร่ง นับเป็นที่ทรมานที่สุดเนื่องจากต้องอาศัยความแข็งแร็งของกล้ามเนื้อแทบจะทุกส่วนเพื่อที่จะสามารถทำท่า Plank ให้แกร่งและนาน อย่างไรก็ตามในการออกกำลังกายต้องออกอย่างเหมาะสม และคู่ไปกับท่า Crunches และ Sit Up จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ให้กลับร่างกายและช่วยให้หมัดหนักขึ้นอีกด้วย

 

Skipping

ในการชกมวยนอกจากการชกแล้วก็ยังคงอาศัยความเร็วเพื่อนที่จะหลบหลีกหมัดของคู่ต่อสู้ที่ปล่อยออกมาดังนั้นความว่องไวของ Foot work การที่จะเพิ่มขีดความสามารถตรงจุดนี้สามารถทำได้โดยการเล่นท่าSkipping ใช้เพียงเชือก และที่โล่ง เท่านั้นคุณก็สามารถทำได้แล้ว Skipping ก็เป็นปัจจัยหลักของท่าฝึกฝนการเป็นมวยอาชีพที่ใช้ แถมยังเป็นทำที่ใช้รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมออีกด้วย

 

Push Ups

ในส่วนของท่านี้ ค่อนข้างที่จะยากสำหรับคนที่ไม่เคยหรือไม่ค่อยได้ออกกำลัง “ Push Ups ” น่าจะเป็นอุปสรรคในช่วงแรก เพียงแค่คุณตั้งใจและพร้อมที่จะเปลี่ยนตัววเอง ท่าง่ายๆท่านี้คง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอาจจะเริ่มจาก ทำที่ละน้อยๆครั้ง แล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะท่านี้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อหลายส่วน หัวไหล่ แผงอก จะเป็นที่นิยมของนักมวยทุกคน ถ้าหากมีเวลาว่าง เราก็ควรที่จะPush Ups เป็นประจำทุกวัน

 

Sit-Ups

ท่าเบสิคที่หลายไคนน่าจะรู้จักดี แต่พื้นฐานของท่านี้ที่เป็นหัวใจหลักของความเข็งแรงของนักมวยระดับโลกหลายๆคน เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้องส่วนกลาง และมันจะสร้างความมั่นใจของนักมวยที่จะไม่ต้องค่อยพะวงกับการลดการ์ดลงป้องกันลำตัว และเพิ่มโอกาสเดินหน้าแลกหมดแบบไม่กลัว

 

Squats

ท่านี้เสริมความแกร่งในช่วงล่วง ซึ่งสำคัญมากกับการเคลื่อนไหวและความมั่นคงกับการยืน นักมวยที่ดีจะต้องมีการยืนที่มั่นคง เพื่อเข้าวงในใช้เทคนิคต่างๆ ในการจัดการคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา ในการ Squats จะช่วยเพิ่มความเข็งแรงและว่องไว และยังเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต้นขาด้านหน้า-หลัง

การใช้ Squats และออกกำลังกายที่ใช้ส่วนสะโพกอื่นๆอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณช่วงล่างที่มั่นคงและแข็งแรงไม่แพ้ใครแน่นอน

 

Shadow Boxing

Shadow Boxing  เรียกง่ายๆเป็นการเคลื่อนไหวตลอดเวลา นับเป็นการสร้างเทคนิคการชกที่ดีที่สุดในการฝึกซ้อม รวมไปถึงการรักษาน้ำหนักความความฟิตของร่างกาย ในการทำ Shadow Boxing เรานั้นสามารถทำได้ในทุกสถานที่ แต่จะมีสถานที่นึงที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ “ในบ่อทรายหรือชายหาด ”  เนื่องจากเทคนิคนี้นักมวยได้เริ่มเรียนรู้เทคนิค จากการที่ดูนักฟุตบอลที่เล่นตามชายหาด ซึ่งทรายจะช่วยยึดเหนี่ยวช่วงล่างของลำตัวเราไว้ ทำให้ขยับลำตัวช่วงบนของเราได้อย่างอิสระระหว่างที่ทำอยู่ ดังนั้นมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เทคนิคและการชกได้ดียิ่งขึ้น

 

Chin Ups

ที่ขาดไม่ได้ไม่ได้เลยในการฟิตร่างกายช่วงบน หากท่านใดต้องการจะมีร่างกายช่วงบนที่แข็งแรงและสมส่วน  เน้นไปที่การเล่นท่า Chin up เพราะท่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ช่วงแขน อก และหัวไหล่ ในท่าเดียว

จะสังเกตได้ว่า ที่บ้านของเหล่านักมวยมักจะมีบาร์ที่สามารถยึด ไม่ว่าจะ ประตูบ้าน หรือ แทนบาร์สำหรับโหน เพื่อที่จะบริการกล้านเนื้อส่วนนั้นเป็นกิจวัตรของชีวิต เราไม่จำเป็นต้องไปเร่งรีบที่จะทำให้หนักขึ้นอย่างรวดเร็วควรเริ่มจากจำนวนครั้งที่ทำไหวก็พอ หากเป็นไปได้หาคนคอยเซฟในการยกตัวในช่วงแรกก็จะดีกว่าการหักโหมมากเกินไป อาจจะทำให้อันตรายถึงขั้น กล้ามเนื้อฉีกขาดหรือเกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งมันส่งผลให้เราเสียโอกาสต่างๆในการออกกำลังกาย

 

Burpees

     ท่าที่ขึ้นชื่อเรื่องความ ยากและเหนื่อยแทบขาดใจ และ Burpee ยังคงเป็นท่าที่ยากที่สุดใน 10 ท่าที่กล่าวมา แต่ท่านี้ช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นหัวใจ และเป็นเห็นผลดีที่สุดของการออกกำลังกาย เป็นการเผาผลาญไขมันส่วนเกินที่ส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกายหากใครที่อยากจะมีรูปร่างที่สมส่วนอลองท่านี้เลย “Burpee” ต้องออกให้ถูกต้อง ลองดูท่าที่ถูกต้องในวิดีโอที่ถูกต้องใน Youtube ได้เลย ไม่ยากอย่างที่คิด

 

คงไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยในทันที การเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ วินัย ความอดทน สร้างpassion ให้กับตัวเอง  sixpack ของคุณก็จะผุดขึ้นมาในไม่ช้า อย่าลืมที่จะดูแลตัวเองและสุขภาพด้วยนะครับ

How to ออกกำลัง ให้ได้ผลดีกับสุขภาพ

How to ออกกำลัง ให้ได้ผลดีกับสุขภาพ

เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้วิธีการออกกำลังกายดีอยู่แล้ว แต่วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องไม่ใช่การออกกำลังให้หนักและอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง หรือแม้แต่การใช้ยาลดน้ำหนักที่เห็นในโฆษณาทั่วๆไปในโลกออกไลน์ วันนี้เราจะมาอธิบายวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องและหลากหลายรูปแบบ และ สืบสานเอกลักษณ์ ความเป็นไทยอย่าง มวยไทย อีกด้วย

     สิ่งแรกเลยคือ ต้องทำความเข้าใจกับร่างกายของเราว่าไหวเท่าไหน เป้าหมายในการออกกำลังกาย การออกกำลังกายจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดผลดีกับสุขภาพ จะช่วยจะระเบียบร่างกายและการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกายด้านต่างๆ ได้แก่ ความทนทาน ความแข็งแรง การทรงตัว และความยืดหยุ่น ดังนี้

 

1ความทนทาน (Endurance) ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพื่อร่างกายจะได้ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ดีขึ้น และไม่เหนื่อยง่ายเมื่อทำกิจกรรมหนัก ๆ เช่น เล่นมวยไทย, ศิลปป้องกันตัว

2ความแข็งแรง (Strenght) ช่วยให้แบกของหนัก ออกแรง รวมทั้งทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

3การทรงตัว (Balance) ช่วยให้ทรงตัว รวมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่หกล้มได้ง่าย

4ความยืดหยุ่น (Flexibility) ช่วยให้ยืดตัว เอี้ยวตัว หรือเคลื่อนไหวร่างกายได้ง่ายขึ้น

 

เริ่มต้นออกกำลังกายอย่างถูกต้อง

     ในการเตรียมตัวสำหรับก่อนที่จะมีการเริ่มออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก จะช่วยให้เราได้มีการกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและการกระตุ้นให้ตัวเองให้ออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวัน อีกทั้งยังออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและส่งผลดีต่อสุขภาพ ผู้ออกกำลังกายลองเริ่มต้นออกกำลังกาย ดังนี้

กำหนดกิจวัตรประจำวัน ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ควรที่จะเริ่มสำรวจตัวเองว่า ออกกำลังกายล่าสุดเมื่อไหร่ ครั้งละกี่นาที อีกทั้งยังเป็นข้อมูลในการวางแผนสำหรับออกกำลังกายต่อไปด้วย

 

หาเป้าหมายในการออกกำลังกาย จะเป็นการช่วยฝึกให้เรามีแผนในการออกกำลังกาย และมุ่งไปสู่ความต้องการให้ได้ชัดเจนและทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายกว่าเดิม และก็ต้องสำรวจตัวเองอยู่สม่ำเสมอ

 

เขียนแผนการออกกำลังกาย แผนการออกกำลังกายควรมีพื้นฐานมาจากเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเลือกประเภทกิจกรรมและระบุเหตุผล ช่วงเวลา รวมทั้งสถานที่ที่ต้องทำกิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ควรเลือกกิจกรรมที่ผู้ฝึกจะทำได้จริง รวมทั้งหมั่นสำรวจว่าบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่ รู้สึกสนุกในขณะที่ออกกำลังกายเพื่อฝึกตัวเองให้ออกกำลังหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

 

ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการออกกำลังกาย การปรับระดับความหนักของกิจกรรมหรือการออกกำลังกายถือเป็นเรื่องที่เราควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งในผู้ออกกำลังกายบางราย มีปัญหาในการออกกกำลังกายรวมไปถึงสุขภาพ หรือไม่สามารถเริ่มออกกำลังกายระดับที่หนักได้ โดยควรทีจะรีบพบแพทย์เพื่อปรึกษาเพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้

 

กิจกรรมที่ควรเลี่ยงและผลกระทบของอาการป่วยหรือการผ่าตัดที่ส่งผลต่อการออกกำลังกาย

อาการป่วยที่ยังหาไท่ทราบถึงสาเหตุ เช่น เจ็บหรือแน่นหน้าอก ปวดข้อต่อ เวียนศีรษะ หรือหายใจไม่สุด ผู้ฝึกควรพักร่างกายจนกว่าจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาอาการดังกล่าว

 

ปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลต่อการออกกำลังกาย เช่น ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบอาจต้องเลี่ยงออกกำลังกายบางประเภท

 

ปัญหาด้านสุขภาพที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ และอาจส่งผลต่อกิจกรรมที่ทำอยู่ เช่น ผู้ป่วยความดันโลหิตหรือเบาหวานจำเป็นต้องรู้วิธีออกกำลังกายที่ปลอดภัยกับตัวเอง

 

การเลือกใส่รองเท้าสำหรับออกกำลังกายที่เหมาะสม รองเท้าออกกำลังกายนับเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย ควรเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับกิจกรรมแต่ละอย่าง เช่น เดิน วิ่ง เต้น โบว์ลิ่ง หรือเทนนิส โดยเลือกรองเท้าพื้นเรียบ ไม่ทำให้ลื่น รองรับและพอดีกับเท้าของตนเอง รวมทั้งหมั่นตรวจสภาพรองเท้าเป็นประจำ หากรองเท้าสึกหรือรู้สึกปวดเท้า  หน้าแข้ง เข่า หรือสะโพก หลังทำกิจกรรมต่าง ๆ ควรเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่

รู้หรือไม่!! ทำไมต้องรำมวยก่อนชก

รู้หรือไม่ทำไมต้องรำมวยก่อนชก

รู้หรือไม่!! ทำไมต้องรำมวยก่อนชก

รู้ไหมทำไมถึงต้องมีการรำไหว้ครู แล้วทำไมต้องมีท่าทางต่างๆ ต้องบอกก่อนเลยว่า การทำความเคารพก็เป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามของคนไทยมาดั่งเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นการรำไหว้ครูที่เป็นจารีตประเพณีสำคัญในการแสดงความเคารพและยังเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งผู้เรียนฝึกฝนจะต้องมีการขึ้นครู เป็นสิ่งแรกด้วยเช่นกัน

 

     พูดง่ายๆว่าเป็นการฝากตัวเป็นศิษย์-อาจารย์ อยู่ในโอวาทย์ ของครูบาอาจารย์ แสดงถึงความความนอบน้อม ยอมรับเพื่อที่จะเรียนรู้ความกล้าหาญ และการเตรียมพร้อมในการที่จะฝึกฝนไปในขั้นต่อๆไป นักมวยจะต้องมีครู และต้องเคารพและเทิดทูนครู เพราะว่าการที่ครูยินยอมที่จะรับผู้ใครเป็นศิษย์นั้น ในอดีตกาลนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะในสมัยนั้นครูที่เป็นมวย มีฝีมือไม่ได้มีอยู่มากมาย และในการสอนไม่ได้คิดค่าบริการสอน แต่หากใครที่ต้องการจะเรียนจะต้องฝากเนื้อฝากตัวกับครู คอยปรนนิบัติอยู่เป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วน เพราะสาเหตุครูมวยกับศิษย์ในสมัยก่อนนั้นจึงมีความสนิทใจราวกับพ่อกับลูก

 

     การไหว้ครูก่อนที่จะมีการแข่งขันมวยไทยเป็นข้อแตกต่างจากกีฬาอื่นๆ โดยเฉพาะ "คิกบ็อกซิง" (kick boxing) ที่ได้มีการลอกเลียนแบบการชกมวยของไทย แทบจะเหมือนกันทุกอย่างเพียงแต่ไม่ให้ใช้ศอกในการชกบนสนามและไม่มีการไหว้ครูก่อนเริ่ม ดังนั้น ในการรำไหว้ครูจึงถือเป็นจุดเด่น และเอกลักษณ์ของกีฬามวยไทยอย่างแท้จริง

 

ยศ เรืองสา ได้กล่าวถึงข้อควรปฏิบัติของผู้ฝึกมวย ในหนังสือ ตำรามวยไทยตำรับพระเจ้าเสือว่า นักมวยมีข้อพึงปฏิบัติดังนี้

 ๑) จงทำตนเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

๒) จงสุภาพต่อคนทั่วไป

๓) จงเป็นผู้มีสันติธรรมไม่พาลเกเร

๔) จงเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อื่น

๕) ต้องเป็นผู้มีมานะบากบั่น ไม่ย่อท้อต่อทุกสิ่ง

๖) จงเป็นผู้เสียสละต่อหมู่ชน เมื่อประเทศชาติต้องการ

๗) จงสร้างแก่นแท้ของจิตใจให้แกร่งกร้าวเยี่ยงเหล็กเพชร

๘) จงเป็นผู้เห็นธรรมในหลักพระพุทธศาสนา และมีศีลธรรมประจำใจ

๙) ต้องเป็นคนตรงต่อเวลา รักชื่อเสียงและค่ายคณะของตน

๑๐) ต้องออกกำลังกายอยู่เสมอเป็นประจำ

๑๑) ต้องไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ในทางผิดกติกา และศีลธรรม

๑๒) ต้องเคารพกฎหมายของบ้านเมือง

นอกเหนือจากการขึ้นครูก็จะมีการครอบครู นั้นหมายถึง การที่ศิษย์ได้ศึกษาศิลปะมวยไทยจนหมดสิ้นแล้ว และสามารถถ่ายทอดวิชาให้แก่ผู้อื่นได้ ก็จะทำพิธีครอบครูให้ 

 

ประโยชน์จากการร่ายรำไหว้ครู

การไหว้ครูสื่อความหมายให้เห็นคุณค่าด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย มีคุณประโยชน์มากมายทางด้านจิตใจของนักมวยและผู้ชมมวย  ดังนี้

 

๑) ปลูกฝังนิสัยให้เป็นมวย คือ รู้จักรัก เคารพครูอาจารย์ บิดามารดา ผู้ให้กำเนิดมวยไทย

๒) ปลูกฝังจิตสำนึกให้ตระหนักในคุณค่าของศิลปะมวยไทย เกิดความรักและหวงแหนที่จะอนุรักษ์ให้คงไว้สืบไป

๓) เป็นกิจกรรมเผยแพร่เอกลักษณ์ และศิลปวัฒนธรรมประจำชาติได้อย่างสง่างาม สมศักดิ์ศรี

โดยหัวใจหลักๆของการร่ายรำไหว้ครู คือ การระลึกถึงพระคุณของบิดามารดา ครูบาอาจารย์ที่ช่วยประสิทธิ์ประสาทวิชา และระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษาให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ส่วนการร่ายรำถือเป็นการแสดงถึงความฮึกเหิม ไม่เกรงกลัวคู่ต่อสู้ และเป็นการอบอุ่นร่างกาย ยืดเส้นยืดสายไปด้วยในตัว รวมทั้งได้ดูชั้นเชิงคู่ต่อสู้ ดูสถานที่ในการหลบหลีก ขณะเข้าโรมรันพันตูกับคู่ต่อสู้

 

การร่ายรำไหว้ครู 

 

ท่ายืน ไหว้ทิศขวา

ยืนขึ้นย่างสามขุม หมุนไปทิศเบื้องขวา ไหว้ทิศเบื้องขวา ร่ายรำท่านกยูงรำแพน ปฏิบัติตามนี้ ๓ ครั้ง

ท่ายืน ไหว้ทิศซ้าย

ยืนขึ้นย่างสามขุม หมุนไปทิศเบื้องซ้าย ไหว้ทิศเบื้องซ้าย ร่ายรำท่าหงส์เหิน ปฏิบัติตามนี้ ๓ ครั้ง

ท่ายืน ไหว้ด้านหน้า-หลัง

ยืนขึ้นย่างสามขุม หมุนไปทางขวาจนไปถึงด้านหลัง ไหว้ทิศเบื้องหลัง พยักหน้า ๓ ครั้ง ทำท่าดูดัสกร ร่ายรำท่าพยัคฆ์ด้อมกวาง หมุนไปทางขวา ก้าวเท้าชิด ไหว้ทิศเบื้องหน้า

 

ในการไหว้ครูนั้นนับเป็นศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่มีความงดงามและเอกลักษณ์ของไทยและขาดไม่ได้เลยนั่นคือการแสดงความเคารพครูบาอาจารย์ ในปัจจุบันอาจจะหาดูได้ไม่ยากในทีวี ไม่ว่าจะเป็นช่องมวยไทย 7 สี แต่หากเป็นการแสดงและการสืบสานวัฒนธรรมเหล่านี้ก็ อาจจะหาดูได้น้อยแล้ว กลับกันที่ชาวต่างชาติกลับให้ความสำคัญกับมวยไทยของเราอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่มีการออกอาวุธที่คม สวยงาม ยังถือเป็นการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อให้ดูดีและยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ศิลปวัฒนธรรมของไทยอย่างมวยไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก และทั่วโลกต่างให้การยอมรับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สารานุกรมไทย